----------
...นิยายของวาววา...
...
ณ ร้านอาหารหรูร้านหนึ่ง
เชนทร์จองไว้เป็นพิเศษเพื่อฉลองวันเกิดให้อันนา เขาส่งยิ้มให้เธอพร้อมกับช่อลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์ ทันทีที่อันนารับช่อดอกไม้ เธอก็จามออกมาเบาๆ ด้วยความน่ารัก
'ฮัด...จิ!'
เสียงจามใสๆ ทำให้แวมไพร์ผู้เย็นชาอดยิ้มไม่ได้
“อ้ะ...ขอโทษค่ะ” อันนากล่าวพร้อมยกนิ้วถูจมูกของตนเองเบาๆ “ขอบคุณสำหรับดอกไม้นะคะ ฮ...ฮัด จิ!!!”
เชนทร์มองอันนาด้วยสายตาอ่อนโยน ใจนึกสงสัยว่าหรือคนรักของเขาจะแพ้กลิ่นดอกลิลลี่กันนะ
“คุณแพ้เกสรดอกไม้หรือเปล่าครับ?”
“ไม่นะคะ...แต่อาจจะยกเว้นลิลลี่กับดอกแก้..ว ฮัด! จิ!!!”
“ถ้างั้นทิ้งไป เดี๋ยวผมซื้อให้ใหม่” เชนทร์กล่าวพร้อมดึงช่อดอกลิลลี่ออกจากมืออันนา
“ไม่เป็นไ..ร เช..น.. ฮัดด!! จิ!”
...
..
.
----------
หลังจากเพทายเดินจากห้องไป วาววายังรู้สึกตกใจอยู่เล็กน้อย สายตาของเธอมองไปยังแวมไพร์หนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ เขาจ้องมองเธอกลับโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
แต่แล้ว...วาววาก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอบคุณที่เขามาช่วยเธอไว้
“ขอบคุณนะ”
ร่างสูงโปร่ง ใบหน้าอันหล่อเหลา ประกอบกับดวงตาสีแดงก่ำจับจ้องวาววาชั่วครู่ ก่อนจะละสายตามองไปยังบางอย่างที่อยู่ด้านหลังเธอ
“กระเทียมพวกนั้น...อะไรน่ะ?”
ใบหน้าละมุนหันควับไปมองไปกระเทียมที่เธอแขวนเรียงรายราวกับมูลี่ไว้ทั่วบริเวณประตูกระจกระเบียงและหน้าต่างทุกบานในห้อง
เธอเคยเชื่อว่ากระเทียมเหล่านี้จะป้องกันแวมไพร์ แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มผู้มาช่วยเธอในตอนนี้ เขากลับเดินเข้ามาด้านในโดยไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับกระเทียมพวกนั้นสักนิดเดียว
คิ้วของเธอขมวดแน่น...เมื่อสะดุดจ้องไปที่ประตูกระจกระเบียงบานใหญ่ที่ตอนนี้ได้หลุดออกจากรางเลื่อนทั้งอัน วาววาแทบทรุดตัวลงเมื่อของภายในห้องเธอพังเพราะแวมไพร์ตนนี้อีกครั้ง!
“พังห้องฉัน...อีกแล้ววว!!!”
“ผมเพิ่งช่วยคุณนะ!” เชนทร์รีบทักท้วง
ดวงตาคู่สวยจ้องมองมาทางเขา หายใจฟึดฟัดด้วยความเหนื่อยหน่ายใจที่ต้องติดต่อช่างมาซ่อมประตูอีกหน
แต่เอาเถอะ...อย่างน้อยประตูก็ซ่อมได้ แต่ถ้าหากเขาไม่มาช่วยเธอได้ทันเวลา ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้
“ฉันไม่ได้ว่าคุณ...” เธอพูดพร้อมหยิบช่อดอกลิลลี่บนพื้นที่เพทายนำมาให้เธอเพื่อไปทิ้งขยะ
“ก็คุณเพิ่งพูดว่า พังห้องฉันอีกแล้ววว!!!”
“ช่างมันเ..ถ..อะ.. ฮัดดชิ่ววว!!!” วาววาโยนช่อดอกลิลลี่ลงถังขยะอย่างหงุดหงิดก่อนจะปิดฝาถังขยะอย่างมิดชิด “ฮั...ดชิ่วว!! ฮัดเช่ยยยย!!!!! โอ๊ย!”
สายตาคมเข้มหยุดมองวาววาที่ตอนนี้จมูกของเธอแดงก่ำหลังจากทิ้งช่อดอกไม้นั่นไป เหตุการณ์นี้เสมือนเดจาวู เขานึกถึงอันนาที่เคยจามเพราะกลิ่นจากช่อดอกลิลลี่ซึ่งเขาเคยนำไปให้อันนาเป็นของขวัญวันเกิด
“คุณแพ้เกสรดอกไม้เหรอ?”
“ไม่อ่ะ...แค่ดอกลิลลี่กับดอกแก้วมั้ง ฮัดชิ่ว!!!” พูดพลางหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำมูกบนจมูกแดงก่ำ
“งั้นเหรอ...?” คำตอบของวาววายิ่งทำให้เขานึกถึงอันนาผู้เป็นที่รักของเขาอย่างยิ่ง “แพ้ดอกไม้ชนิดเดียวเหมือนพี่สาวคุณเลยนะ”
“ไม่นะ พี่ฉันไม่ได้เป็นภูมิแพ้” เธอตอบทันควันเพราะจิตใต้สำนึกคำว่าพี่สาวของเธอหมายถึงวีวี่ ไม่ใช่อันนาตามที่เชนทร์เข้าใจ
“ผมไม่เข้าใจคุณจริงๆเลย”
“ว่าไงนะ?”
สายตาจับจ้องไปที่ร่างสูงที่ไม่ได้รับเชิญให้เข้ามาเสียเท่าไหร่ด้วยความงุนงง ชายหนุ่มในชุดดำทั้งตัวที่ตอนนี้ถือวิสาสะนั่งเอนกายอยู่บนโซฟานุ่มๆ เสมือนเป็นพื้นที่ของเขาเอง
"คุณกำลังทำอะไรอยู่?" น้ำเสียงเรียบนิ่งและดวงตาสีเพลิงจ้องมองวาววาอย่างไม่วางตา ราวกับจะดูดกลืนเธอเข้าไป
“ท...ทำอะไร? หมายถึงอะไร?” เธอไม่เข้าใจ
ริมฝีปากบางเฉียบของแวมไพร์ที่อาศัยอยู่ในไทยมานานขยับขึ้นลงเล็กน้อยราวกับจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่มีเสียงใดๆ หลุดรอดออกมา
มีเพียงการสื่อสารด้วยความเงียบ ใบหน้าคมคายจากสายเลือดชาวตะวันตกและสายตาคู่นี้กำลังจ้องมองวาววาเพื่อหาคำตอบอะไรสักอย่าง
“คุณเคยบอกผมว่าคุณเขียนนิยายใช่ไหม?”
“ใช่ งานอดิเรก แต่...ไม่จบสักเรื่อง”
“เล่าเรื่องนิยายที่คุณเขียนให้ผมฟังหน่อย”
“เชื่อแล้วใช่ไหมว่าคุณหลุดออกมาจากนิยายของฉัน” วาววายิ้มกริ่ม
“ไร้สาระ ถ้าผมบอกว่าคุณหลุดออกมาจากนิยายที่ผมเขียนบ้าง คุณจะเชื่อไหม?” เขายอกย้อนน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ถ้าคุณเขียนชื่อวาววาเป็นนางเอก ฉันก็จะฟังนะ”
“ได้สิ นางเอกตายตอนจบไม่สมหวังในรักกับพระเอกดีไหม?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของวาววาหายไปทันทีที่ได้ยินที่เชนทร์กล่าว เธอหงุดหงิดที่เขียนนิสัยให้เชนทร์คลั่งรักแค่อันนา แต่แทบจะเป็นคนขวางโลกในสายตาทุกคนที่พบเจอ
“ฟังอยู่...เล่าได้หรือยัง?” เชนทร์ทักท้วงเมื่อเห็นท่าทีของเธอ
“ก็ได้!”
วาววาตอบรับเสียงแข็ง ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้ามและเริ่มเล่าเรื่องราวของแวมไพร์สาวที่เธอสร้างขึ้นมาให้เขาฟัง
“ปี พ.ศ. 2230 อ็องเดร พ่อค้าไวน์ชาวบอร์โด ประเทศฝรั่งเศสเดินทางมาสู่สยามในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเพื่อทำการค้า แต่ระหว่างการเดินทางบนเรือ มีข่าวลือสะพัดว่ามีแวมไพร์แอบซ่อนตัวอยู่ ผู้โดยสารต่างหวาดกลัว แต่ตลอดการเดินทางก็ไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นจนกระทั่ง...
ในคืนที่เรือเทียบท่าสยาม แวมไพร์โผล่มาสร้างความโกลาหล การต่อสู้ปะทุขึ้นทันที มีผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวย อ็องเดรมีมืดกริชที่ซื้อมาเพื่อต้องการเก็บสะสมเพราะเห็นว่าเป็นของหายาก แต่แล้วเขาจึงตัดสินใจลองใช้มีดกริชนั้นปักเข้าที่อกทะลุหัวใจแวมไพร์ในขณะที่แสงอาทิตย์แรกเริ่มส่องประกาย แวมไพร์ตัวร้ายก็สลายไปในทันที
ความตายของแวมไพร์ตัวนั้นกลับเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่สำหรับอ็องเดร ก่อนที่แวมไพร์จะตาย ได้กัดอ็องเดรในระหว่างการต่อสู้ และเมื่ออ็องเดรถูกกัดจนกลายเป็นแวมไพร์ ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
การเป็นแวมไพร์คือการต้องคำสาป เมื่ออ็องเดรรู้ตัวว่าเป็นแวมไพร์ ก็คิดจะจบชีวิตตัวเอง เขาเคยใช้กริชปักที่อกซ้ายทะลุหัวใจตนเองเพื่อจบชีวิต แต่แล้วเขาก็ค้นพบว่าคำสาปแวมไพร์ที่เขาได้รับ คือการเป็นอมตะ ไม่มีอะไรสามารถฆ่าเขาได้แม้กระทั่งกริช และเขา...ไม่มีวันตาย!
แต่แล้วในปี พ.ศ.2231 เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชสิ้นพระชน สมเด็จพระเพทราชาขึ้นครองราชย์ในลำดับต่อไป ความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับฝรั่งเศสก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
สมเด็จพระเพทราชาได้ดำเนินนโยบายที่ลดทอนการติดต่อกับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกับฝรั่งเศส อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสพยายามแทรกแซงการเมืองภายในสยามในช่วงปลายรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อ็องเดรผู้เป็นชาวฝรั่งเศสต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆและพยายามเลี่ยงไม่ดื่มเลือดคน แต่ดื่มเลือดสัตว์แทน
อ็องเดรต้องใช้ชีวิตหลบในป่า จนวันหนึ่งได้พบกับลุงเอื้อผู้มีเมตตาให้อ็องเดรอาศัยอยู่ในเรือนเล็กๆของเขา อ็องเดรได้เห็นความเป็นอยู่ของลุงเอื้อที่รับจ้างหาเงินดูแลทุกคนในครอบครัว อยู่มาวันหนึ่งแม่และเมียของลุงเอื้อเสียชีวิตด้วยระยะเวลาห่างกันไม่กี่เดือน จนลุงเอื้อแทบหัวใจแตกสลาย ตัวเองป่วยไม่สบายแต่ยังต้องดูแลหลานชายอายุ 6 ขวบ
ในวันที่ลุงเอื้อรู้ความจริงเรื่องของอ็องเดร ลุงเอื้อขอให้อ็องเดร ช่วยให้เขากลายเป็นแวมไพร์เพื่อที่จะได้มีเวลาดูแลหลานต่อ อ็องเดรสอนให้ลุงเอื้อรู้ถึงวิธีทำไวน์ จนในที่สุดเขาและลูกหลานก็สามารถทำไวน์ส่งขายขุนนางชั้นสูงจนมีฐานะ แต่หนทางแวมไพร์ต้องเจอคำสาป ซึ่งคำสาปแวมไพร์ของลุงเอื้อคือการที่ลูกหลานจะมีชีวิตไม่ถึง 30 ปีก็ต้องมีอันเป็นไปทุกราย แต่กว่าที่ลุงเอื้อจะรู้ตัวเรื่องคำสาปนี้ก็กินเวลาไปหลายร้อยปี
ในที่สุดลุงเอื้อก็ขอให้อ็องเดรใช้กริชจบชีวิตของตนหลังจากได้สร้างความสำเร็จยิ่งใหญ่ให้ลูกหลานมีกินมีใช้ และในปัจจุบัน อ็องเดรก็เปลี่ยนชื่อเป็น ราเชนทร์ เรวัตทรัพย์โภคิน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในหลายสายธุรกิจและโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดและได้รับรางวัลระดับโลก
เพียงแต่ราเชนทร์ไม่เคยออกงานและไม่มีผู้ใดเคยเห็นใบหน้าของเขา แวดวงไฮโซมีเพียงได้ยินแต่ชื่อเสียงในนามผู้ถือหุ้นรายใหญ่เท่านั้น โดยในตอนนี้เชนทร์ได้อาศัยกับปวิธ ทายาทของลุงเอื้อ ปวิธที่คอยเป็นคนออกหน้างานในการพบปะทางสังคมแทนเชนทร์ และปวิธยังมีลูกสาววัย 9 ปี ชื่อใบบัว
เชนทร์รู้สึกเบื่อหน่ายในทุกวันและทุกครั้งที่มีโอกาสเขาจะหาวิธีจบชีวิตอมตะของเขาแต่ก็ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง จนวันหนึ่งเขาได้เจอกับอันนา หญิงสาวผู้รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจในร้านหนังสือโดยบังเอิญ และอันนาก็เข้ามาทำให้ชีวิตอันแสนน่าเบื่อของแวมไพร์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง...”
วาววาบรรยายเนื้อเรื่องนิยายแวมไพร์ที่เธอเขียนโดยละเอียดให้เชนทร์ฟังจนจบด้วยแววตาปลาบปลื้มกับนิยายของเธอเอง แต่แล้วก็ต้องถูกเชนทร์ขัดอารมณ์เสียจนได้
“แค่นี้เหรอ?”
“แค่นี้อะไรของคุณ! นิยายของฉันเรื่องนี้ดีมากเลยนะ กว่าจะหาข้อมูลประวัติศาสตร์แล้วโยงกับตัวละคร ใช้เวลาเขียนเป็นปี!” วาววาทักท้วงด้วยความหงุดหงิด
“ที่ผมอยากรู้คือ อันนาชื่อจริงชื่ออะไร แล้วเนื้อเรื่องตอนไหนของคุณที่ทำให้ผมกับอันนาพลัดพรากกัน แล้วจะมีวิธีไหนที่ทำให้กลับมาเจอกันได้อีกครั้ง?”
วาววาครุ่นคิดชั่วครู่ ขมวดคิ้วเล็กน้อยและส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่มีนะ”
“ไม่มีชื่อจริงของอันนา?”
“ไม่มี...ไม่ได้คิด”
“ไม่ได้เรื่อง”
คำพูดของเขาเหมือนประโยคตัดสิน ทำให้คนที่เพิ่งสาธยายเรื่องราวที่เธอรังสรรค์เมื่อครู่ รู้สึกเหมือนถูกดูถูกอย่างรุนแรง
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเขียนนิยายเป็นงานอดิเรก การคิดชื่อตัวละครนี่มันเสียเวลามาก ไม่งั้นฉันไม่เอาชื่อตัวเองไปเป็นนางร้ายในเรื่องหรอก”
“นั่นสิ...วาววาที่ผมรู้จักน่ะ ร้ายจริงๆ ขี้อิจฉาจนทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทำครอบครัวที่อบอุ่นต้องแตกแยก”
คำพูดที่เหมือนเป็นประโยคบอกเล่าเช่นนี้ ทำให้วาววานึกเอะใจว่าเขากำลังพูดถึงวาววาในนิยายของเธอ หรือเขากำลังหาเรื่องกล่าวหาเธอกันแน่
“สรุปนะ...ฉันไม่ใช่วาววาที่คุณรู้จัก ถ้าคุณจะตามหาอันนา คุณต้องหาทางเอง ฉันช่วยคุณไม่ได้”
“ผมมีเรื่องสงสัย” สายตาคมกริบของเขาจ้องมาที่วาววา จนคนถูกมองถึงกับประหม่า
“อ..อะไร?”
“ถ้าคุณไม่ใช่วาววาน้องของอันนา ทำไมผมถึงตื่นนอนมาอยู่ข้างคุณได้?”
“ฉันไม่รู้” วาววาตอบกลับทันควันจากใจจริง
“ถ้าคุณไม่ใช่น้องของอันนา ทำไมคุณรู้ว่าผมคือแวมไพร์?”
“ก็ฉันเขียนคุณขึ้นมา!”
“แล้วถ้าคุณไม่ใช่น้องของอันนา ใครจะรู้ประวัติผมละเอียดขนาดนี้ แม้แต่อันนายังไม่เคยรู้ว่าชื่อเก่าผมคืออ็องเดร!?”
“ก็! ฉัน! เขียน! คุณ! ขึ้น! มา!”
เสียงของทั้งคู่ดังขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศตึงเครียดราวกับแข่งโต้วาทีดังก้องไปทั่วห้อง เชนทร์ที่เริ่มหงุดหงิดกับคำถามที่ไร้คำตอบ เผลอเผยเขี้ยวคมของแวมไพร์ของเขาออกมาโดยไม่รู้ตัว สถานการณ์ดังกล่าวย้ำเตือนให้วาววาไม่ลืมว่าเขาคือแวมไพร์
“จ...ใจ..เย็น..ก่อน...” วาววาเอ่ยห้ามปรามเสียงแผ่วเบา
แวมไพร์หนุ่มสูดหายใจลึกๆเพื่อเรียกสติกลับมา เขี้ยวแหลมคมที่เคยปรากฏชัดเมื่อครู่ค่อยๆ หดกลับเข้าไปในเหงือกดังเดิม กลับมาเป็นเพียงฟันเรียงรายของมนุษย์ธรรมดาอีกครั้ง
“ผมพยายามตามหาอันนาจนสุดความสามารถ ในวันที่ผมไปที่ทำงานของคุณ คนของผมติดต่อมาว่าพบเบาะแสของอันนา ผมรีบตามหาทุกคนที่ชื่ออันนา ไม่ว่าจะเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่อันนาที่มีน้องสาวชื่อวาววา แต่สุดท้ายก็ไร้ผล”
เชนทร์ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย วาววาอยากจะตะโกนบอกเชนทร์อีกครั้งและอีกครั้ง ว่าเขาคือตัวละครในนิยายของเธอ แต่แล้วก็ต้องกลืนคำพูดนั้นลงคอ เมื่อเห็นแววตาที่จริงจังของเชนทร์ขณะพูดถึงอันนา หญิงสาวที่เขารักอย่างหมดหัวใจ วาววารู้สึกเห็นใจและเข้าใจในความรักของเขา
“แต่คุณ...ถ้าเราไม่ได้รู้จักกัน ทำไมวันนั้นคุณถึงนอนข้างๆผม และที่สำคัญ คุณคือวาววา”
วาววานิ่งเงียบ เธอไม่รู้จะหาคำตอบใดๆให้เชนทร์ เพราะเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมวันนั้นเขาถึงมานอนข้างๆเธอได้
“แต่วาววาที่ผมรู้จักคือน้องสาวของอันนาที่ช่วยพ่อกับแม่ทำงานในร้านอาหารเล็กๆ ไม่ได้เป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่โตแบบคุณ”
นัยย์ตาสีแดงก่ำของเขาจ้องมองมาอย่างไม่เชื่อ ในขณะที่วาววากำลังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะอธิบายทุกอย่างให้เขาเข้าใจ แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผลสิ้นเชิง
ความเงียบแผ่ปกคลุมไปทั่วห้อง เธอจึงเปลี่ยนวิธีการด้วยการให้กำลังใจแทน
"ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาเป็นว่า...ฉันเป็นกำลังใจให้คุณเจออันนาเร็วๆแล้วกันนะ"
เชนทร์หลุบตาลงต่ำ ราวกับเป็นการยืนยันถึงความเข้าใจที่เกิดขึ้นในใจ
หลังจากการพูดคุยกับแวมไพร์หนุ่มก่อนหน้านี้จบลง ดวงตาสีแดงเลือดของเขาจ้องมองวาววาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะกระโดดลงจากระเบียงคอนโดชั้น 26 ตามแบบฉบับของเขาความกังวลใจของวาววาเกี่ยวกับเพทายที่อาจตามมากวนใจอีก ทำให้วาววาตัดสินใจเก็บข้าวของส่วนตัวเพื่อย้ายกลับไปพักที่บ้านของครอบครัวชั่วคราว เป็นการหลบซ่อนตัวจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้เกือบสองสัปดาห์ผ่านไป ชีวิตของวาววาก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ แต่ความเงียบจากเชนทร์และเพทายกลับทำให้เธอรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเธอคิดว่าการที่เชนทร์ขาดการติดต่ออาจเป็นเรื่องดี เพราะชีวิตของเขาและเธอกำลังเดินไปคนละทาง และสำหรับเพทาย เธอรู้สึกอิสระ ได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่หลังจากตัดขาดความสัมพันธ์ไปวาววาในห้องทำงาน จ้องมองกองเอกสารสูงเสียดฟ้าที่ตั้งเรียงรายอยู่ตรงหน้าอย่างเบื่อหน่ายสายตามองผ่านหน้าจอมือถือไปยังรูปภาพและวีดีโอที่พ่อและแม่ของเธอส่งเข้าไลน์กลุ่มครอบครัว รอยยิ้มในวีดีโอจากพ่อและแม่ของเธอที่กำลังมีความสุขกับทริปพักผ่อน กำลังเติมพละกำลังให้วาววาได้มีแรงทำงานต่อ
"ข้าขอสัญญาว่าจะรักเจ้าไปตลอดกาล แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใจของข้าได้"คำพูดของนักแสดงชายสะกดทุกสายตาและสัมผัสหัวใจของผู้ชมทุกคน ทำให้ห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงปรบมือดังกึกก้อง“ฉันพร้อมแล้วที่จะเป็นของคุณตลอดกาล...”นักแสดงฝ่ายหญิงเปล่งวาจา ก่อนที่นักแสดงชายซึ่งเป็นแวมไพร์จะโอบกอดเธอไว้ และค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้คอของนักแสดงสาวอย่างช้าๆและฝังเขี้ยวแหลมคมลงไปที่คอของหญิงสาว แสงไฟแฟลชสว่างขึ้นเป็นช่วงๆ เพื่อเน้นย้ำความตื่นเต้นผู้คนต่างปรบมือโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นการแสดงอันน่าทึ้งนี้“ขอบคุณการแสดงที่ตื่นตาตื่นใจมากๆครับ และ ณ เวลานี้ที่ทุกท่านรอคอยก็มาถึง คือการเปิดตัวไวน์รสชาติใหม่จากบริษัท Rewat Legacy!”หลังจากสิ้นเสียงประกาศของพิธีกร เอฟเฟคควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมาคล้ายหมอกจางๆ เผยให้เห็นแท่นเลื่อนวางไวน์อัตโนมัติที่ค่อยๆ เลื่อนออกมาจากความมืดช้าๆ“ขอเชิญท่านประธานกรรมการบริษัท
----------...นิยายของวาววา......เสียงเครื่องยนต์เรียบนิ่งเมื่อรถหรูจอดที่หน้าบ้าน อันนายังคงหลับปุ๋ยเพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน เชนทร์อมยิ้มจ้องมองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้ม ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะจมูกโด่งเบาๆ เพื่อปลุกให้เธอตื่นขึ้น“อันนา...ถึงบ้านแล้วครับ”.....----------แสงดาวพร่างพราวราวกับเพชรนับพันเม็ด ประดับประดาบนท้องฟ้ายามราตรี เชนทร์พาวาววามาถึงระเบียงส่วนตัวของโรงแรมหรูห้าดาวแห่งนี้ เขาเงยหน้ามองทัศนียภาพตึกสูงระฟ้าอันงดงามเบื้องหน้า ในขณะที่วาววาโยนช่อดอกไม้ลงบนเก้าอี้นั่งใกล้ๆ ด้วยความหงุดหงิดที่กลิ่นหอมของดอกแก้วทำให้เธอจามไม่หยุด“ฮัดชิ่ววว!!!”“แพ้กลิ่นดอกแก้วจริงๆสินะ”เชนทร์เอ่ยขึ้นเบาๆ สายตาของเขายังคงจับจ้องไปยังวิวเบื้องหน้า ก่อนจะหันกลับมาสบตาเธอเต็มๆ ใบหน้าอันหล่อเหลาแสดงออกถึงความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอ่านออก&ldqu
รถหรูคันงามที่ใครๆ ต่างใฝ่ฝัน แล่นฝ่าความมืดมิดไปอย่างรวดเร็ววาววาเกาะที่นั่งแน่น จ้องมองเข็มไมล์ที่ทะยานขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความหวาดกลัว ความเร็วที่เกินร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมาจากอกบรืนนน!! บรืนนนน!!!“ขับช้าลงหน่อยได้ไหมมมม!!?” วาววาร้องลั่นรถ“กลัวอะไร ไม่ตายหรอก”“คุณสิไม่ตาย แต่ฉันเป็นมนุษย์!”เชนทร์หัวเราะในลำคอเบาๆ ยิ่งเห็นแววตาตื่นตกใจของวาววา ยิ่งกระตุ้นความสนุกให้เขา ฝ่าเท้าเหยียบเร่งความเร็วรถขึ้นอีกเล็กน้อย ราวกับต้องการยั่วเย้าให้เธอหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น“ฉันอยากรู้ ตอนอันนานั่งในรถนี่ขับเร็วแบบนี้ไหม!!!?” เธอบ่นและยังคงจับจ้องไปข้างหน้าไม่คลาดสายตา“ไม่นะ...เพราะอันนาคือคนพิเศษของผม” เชนทร์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันลึกลับ“แล้วนายเห็นฉันเ
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นดังกังวานไปทั่วบริเวณ วาววาเดินมาอย่างสง่างามในชุดสูทสีเบจที่เข้ารูป ชุดผมเกล้าเก็บเรียบร้อยเผยให้เห็นใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ จุดมุ่งหมายของเธอคือลงไปตรวจสอบความคืบหน้าของสถานที่จัดอีเวนท์ชั้นหนึ่ง ในขณะที่ตอนนี้เธอกำลังสนทนากับใครบางคนผ่านโทรศัพท์มือถือ“ขอโทษจริงๆเกล เมื่อคืนฉันแพ้กลิ่นดอกไม้หนักมากเลยต้องรีบกลับก่อนโดยไม่ได้บอกแก” วาววาพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด“ไม่เป็นไรหรอกแก เมื่อคืนฉันคุยจนได้ Contact ท่านรอง ผบ.ตร.เรียบร้อย ฮ่าๆๆ ว่าแต่แกเถอะ...อาการดีขึ้นไหม?”“โอเคขึ้นแล้ว...แกนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ มาทำตำแหน่งขายให้ฉันที่บริษัทเถอะ”วาววาหยอกพร้อมกล่าวชื่นชมและยอมรับทักษะการเข้าหาคนของเพื่อนรักคนนี้“เมื่อคืนคุณราเชนทร์ก็หายไปหลังจากที่แกลุกไปแค่ไม่กี่นาที แก...แอบหนีไปกับคุณราเชนทร์หรือเปล่า?”มิเกลถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ทำเอาวาววาต้องหัวเราะกลบเกลื่อน เพราะคำพูดของมิเกลก็ไม่ผิ
----------...นิยายของวาววา......“แม่! ถ่ายรูปให้หนูหน่อย” วาววาร้องเรียกเสียงใส พร้อมยื่นมือถือให้แม่ของเธอถ่ายรูปเธอกับวิวสวยที่บ้านพักตากอากาศของเชนทร์ที่เขาใหญ่นี้ด้วยความตั้งใจอยากให้อันนาและครอบครัวได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เชนทร์จึงเชิญทุกคนมาที่บ้านพักตากอากาศส่วนตัว ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม มีทั้งไร่องุ่นเขียวขจีและขุนเขาสูงตระหง่าน“เข้ามาชมด้านในก่อนสิครับ” เชนทร์เอ่ยเรียกอันนาที่ยืนยิ้มมองดูพ่อแม่และวาววาผลัดกันถ่ายรูปกันอย่างมีความสุขอยู่ที่สวนทางเข้าหน้าบ้าน“ได้ค่ะ”อันนาส่งยิ้มให้เชนทร์ก่อนที่จะเดินตามเขาเข้าไปด้านในบ้านบ้านพักตากอากาศสไตล์โมเดิร์นผสมผสานความหรูหราและธรรมชาติ ตั้งอยู่บนทำเลที่เงียบสงบในเขาใหญ่ มีไร่องุ่นส่วนตัวรายล้อม สวนหน้าบ้านตกแต่งอย่างสวยงาม และภายในบ้านตกแต่ง
แสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆสาดส่องลงที่ไร่องุ่นกว้างใหญ่นี้ สายลมอ่อนๆพัดผ่านทำให้ใบองุ่นเขียวชอุ่มโบกสะบัดอย่างนุ่มนวล ถึงแม้อากาศในตอนนี้จะร้อนไปสักนิด แต่ทุกคนก็ดูจะตื่นเต้นไม่ใช่น้อยวาววา วีวี่ เดินลงจากรถกอล์ฟมาสมทบกลุ่มผู้บริหารระดับกลางที่ยืนรออยู่ทางเข้าไร่องุ่นอยู่ก่อนแล้วปวิธกำลังสนทนากับใครบางอยู่ เมื่อเห็นวาววาและวีวี่เดินมา เขาก็รีบกล่าวต้อนรับพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น“คุณวาววา คุณวีวี่ครับ นี่คือคุณพีท จากทีมสถาปนิกที่จะเข้ามาดูแลโปรเจคของพวกเราครับ”เขาแนะนำชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับวาววา ชายหนุ่มผิวขาว ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน-ญี่ปุ่น ใบหน้าคมสันที่ยืนอยู่ข้างกาย พีทมีรูปร่างสูงโปร่งและมีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรงสมส่วน ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อสบตาวาววาราวกับถูกสะกดด้วยเสน่ห์ของเธอตั้งแต่แรกเห็นกลิ่นหอมหวานขององุ่นสุกฟุ้งไปทั่วแปลงที่พวกเขากำลังเดินชม ภาพของเหล่าคนงานที่กำลังเก็บเกี่ยวพวงองุ่นสีม่วงอมแดงสดใส สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสดชื่นยิ่งนัก ทุกคนยิ่งรู้สึกปร
ในห้องนั่งเล่นของบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ที่ราเชนทร์เป็นเจ้าของ วาววาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม ร่างกายยังคงสั่นระริกจากความตกใจที่เชนทร์อุ้มเธอกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางมาเป็นระยะทางไกลถึงสองกิโลเมตรในพริบตา“ถ้าฉันช็อคตายไปจะทำยังไงหา!!!” วาววาโพล่งออกมาด้วยความหงุดหงิดและยังคงหอบหายใจแรงอยู่“ให้กัดไหมละ จะได้เป็นอมตะเหมือนกัน?”แววตาของเธอจ้องเขม็งไปที่เจ้าแวมไพร์ พลางคิดในใจอย่างหงุดหงิดถึงตัวละครเจ้าแวมไพร์ที่เธอสร้างขึ้นมา โรแมนติกเฉพาะกับอันนา แต่กับคนอื่นนั้นขวางโลกใส่ทุกคน“ขอบคุณที่ให้ยืม” เชนทร์กล่าวพร้อมยื่นไอแพดของวาววาคืนให้เธอวาววารับไอแพดคืนมาพร้อมกับสายตาที่เปลี่ยนไปจากความขุ่นเคืองเมื่อครู่ กลายเป็นความสงสัยเล็กๆ“ไม่ใช้แล้วเหรอ?” เธอถาม“ไม่แล้วล่ะ” เชนทร์ตอบพร้อมคว้าขวดไวน์แดงที่ถูกเตรียมอยู่บนโต๊ะมา แล้วรินมันลงไปในแก้วคริสตัลสองใบอย่างเชื่องช้าด้วยแววตาว่างเปล่า
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก
วันงานคอนเสิร์ตของ Evan Crimson พีทในชุดลำลองเดินตรงมายังรถหรูที่วาววารออยู่ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิดว่านี่คงเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น การไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเหมือนเป็นการออกเดทแบบไม่เป็นทางการที่เขาตั้งตารอครืดดคนขับรถของวาววาเปิดผลักประตูรถด้านข้างออกกว้างให้พีท ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเห็นคนในรถไม่ได้มีแต่เพียงวาววาและเพื่อนสนิทของเธอที่คอยอยู่ แต่ยังมีเชนทร์อีกด้วย“สวัสดีค่ะคุณพีท เชิญค่ะ” วาววากล่าวต้อนรับเสียงใส"สวัสดีครับคุณวา คุณเชนทร์" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวขึ้นรถด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ตรงไปนั่งข้างมิเกลที่ว่างอยู่&nbs
แสงไฟนีออนสีสันสดใสจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนดิน แต่บนคอนโดชั้น 26 กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เชนทร์จูบหน้าผากวาววาเบาๆ ทั้งสองยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับ เพื่อให้เธอได้พักผ่อนจากวันที่เหนื่อยล้า“เดี๋ยว! คุณแน่ใจเหรอว่าจะกระโดดลงไป?” เสียงใสเอ่ยถามด้วยแววตากังวลเล็กน้อย“ทำไมละ? ผมก็แค่โดดขึ้นโดดลงปกติ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเจ้าเล่ห์ “หรือจะให้ผมอยู่นอนกอดคุณที่นี่ดี?”“ฉันหมายถึง...คุณแน่ใจนะว่าปลอดภัย คุณบอกฉันเองว่าวันนี้คุณกระโดดตั้งสองสามรอบกว่าจะขึ้นมาที่นี่ได้ มิหนำซ้ำยังทุกลักทุเลกว่าจะปืนขึ้นมาที่ระเบียงนี้ได้อีก” เธอเตือนเขาให้จดจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
หลังจากวันที่แวมไพร์ตัวป่วนถามจี้จนใจของเธอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของเขาก็โผล่เข้ามาอยู่ในหัวของเธอแทบจะทุกวินาทีวาววาเดินไปที่ประตูระเบียงกระจกใสที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่เอี่ยม สายตาของเธอไล่เรียงไปตามรอยต่อของกระจก ก่อนจะหยุดลงที่สลักประตูครั้งนี้แทนที่จะล็อคประตู เธอเลือกที่จะปลดล็อคมันออก เผื่อว่า... เจ้าแวมไพร์จะแวะมาเยี่ยมเยียนจะได้ไม่ต้องพังประตูของเธออีกแต่บางความคิดก็วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเธอไม่ใช่อันนา เธอคือวาววา คนละคนกัน แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้กับเธออันที่จริง...นิยายแวมไพร์ที่เธอเขียน แม้จะตั้งชื่อและกำหนดนิสัยตัวละครหลักไปแล้ว แต่โครงเรื่องนิยายแวมไพร์ของเธอยังคงค้างคาอยู่แค่ครึ่งทาง ทั้งพล็อตเรื่องและตอนจบก็ยังไม่มีอะไรที่แน่ชัดกรื่อ กรื่อเสียงริงโทนมือถือของวาววาดังขึ้น เธอที่กำลังใช้เวลาว่างนั่งดูซีรีส์ต้องก้มมองหน้าจอที่แสดงชื่อผู้ติด
หลังจากเดินทางกลับจากโคราชและทำงานต่อที่บริษัทในวันหยุดสุดสัปดาห์ วาววาก็ทิ้งร่างอันเหนื่อยล้าลงบนเตียงนอนในคอนโดที่เงียบสงบเธอใช้เวลาอยู่นานในการตัดสินใจกลับมาที่คอนโดแห่งนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานพอจนมั่นใจว่าเพทายเลิกติดตามเธอ และงานเอกสารที่เก็บไว้ในคอนโดก่อนหน้านี้ที่ต้องสะสางก็เร่งรัด เธอจึงจำใจต้องมาที่นี่ประตูระเบียงที่เคยพังเพราะเชนทร์ ตอนนี้ได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยถูกปิดอย่างมิดชิดความเหนื่อยทับถมเธอจนรู้สึกเหมือนกำลังจะล่องลอย ร่างกายเริ่มร้อนรุมจากภายในเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาการป่วยกำลังจะมาเยือน แต่ความอ่อนเพลียมีอำนาจมากกว่า ทำให้เปลือกตาของเธอค่อยๆปิดลงโดยไม่ทันคิดถึงเรื่องอื่นอีกต่อไปแสงจันทร์ส่องกระทบร่างของวาววาที่นอนขดตัวอยู่บนเตียง ร่างกายร้อนผ่าวราวกับเตาผิงเล็กๆ วาววาตื่นลุกขึ้นเดินโซเซเข้าห้องน้ำกลางดึก จากนั้นเธอค่อยๆพาร่างไร้เรี่ยวแรงของเธอไปที่โต๊ะทำงานแต่ก็เซเกือบล้มลง โชคดีที่มีแขนแกร่งเข้ามาประคองเธอไว้ได้ทัน“ผมเชนทร์เอง... ไม่ต้องตกใจ&r
ความรู้สึกสดชื่นแผ่ซ่านทั่วร่างกายเมื่อวาววาเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วและแสงแดดอุ่นๆ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก แต่ความสับสนในใจจากคำพูดของเชนทร์เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ไม่หาย“มันไม่ใช่ประโยคบอกรักใช่ไหม?” วาววาพึมพำกับตนเอง เธอพยายามนึกถึงนิสัยของเชนทร์ที่สร้างขึ้นมาและพล็อตเรื่องนิยายทีเธอเขียน‘ราเชนทร์’ หรือชื่อเดิมว่า ‘อ็องเดร’ นิสัยพื้นฐาน ร่าเริง สนุกสนาน ชอบความท้าทาย กล้าหาญ ดื้อรั้น ขี้เล่น ชอบแหย่ ชอบแกล้ง แต่หลังจากกลายเป็นแวมไพร์ เขาก็มีแต่ความเบื่อจนกลายเป็นคนเงียบขรึมไม่สุงสิงกับใคร ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก เขาเป็นคนโรแมนติกกับคนรักมาก รักใครรักจริง หึงหวงแฟนเป็นที่หนึ่ง“แล้วที่เราใจเต้นเมื่อคืน...เพราะรู้สึกอะไรกับเขาหรือเปล่านะ...” วาววาครุ่นคิดในใจ“คุณวาครับ คุณวา...”&
ในห้องนั่งเล่นของบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ที่ราเชนทร์เป็นเจ้าของ วาววาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม ร่างกายยังคงสั่นระริกจากความตกใจที่เชนทร์อุ้มเธอกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางมาเป็นระยะทางไกลถึงสองกิโลเมตรในพริบตา“ถ้าฉันช็อคตายไปจะทำยังไงหา!!!” วาววาโพล่งออกมาด้วยความหงุดหงิดและยังคงหอบหายใจแรงอยู่“ให้กัดไหมละ จะได้เป็นอมตะเหมือนกัน?”แววตาของเธอจ้องเขม็งไปที่เจ้าแวมไพร์ พลางคิดในใจอย่างหงุดหงิดถึงตัวละครเจ้าแวมไพร์ที่เธอสร้างขึ้นมา โรแมนติกเฉพาะกับอันนา แต่กับคนอื่นนั้นขวางโลกใส่ทุกคน“ขอบคุณที่ให้ยืม” เชนทร์กล่าวพร้อมยื่นไอแพดของวาววาคืนให้เธอวาววารับไอแพดคืนมาพร้อมกับสายตาที่เปลี่ยนไปจากความขุ่นเคืองเมื่อครู่ กลายเป็นความสงสัยเล็กๆ“ไม่ใช้แล้วเหรอ?” เธอถาม“ไม่แล้วล่ะ” เชนทร์ตอบพร้อมคว้าขวดไวน์แดงที่ถูกเตรียมอยู่บนโต๊ะมา แล้วรินมันลงไปในแก้วคริสตัลสองใบอย่างเชื่องช้าด้วยแววตาว่างเปล่า
แสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆสาดส่องลงที่ไร่องุ่นกว้างใหญ่นี้ สายลมอ่อนๆพัดผ่านทำให้ใบองุ่นเขียวชอุ่มโบกสะบัดอย่างนุ่มนวล ถึงแม้อากาศในตอนนี้จะร้อนไปสักนิด แต่ทุกคนก็ดูจะตื่นเต้นไม่ใช่น้อยวาววา วีวี่ เดินลงจากรถกอล์ฟมาสมทบกลุ่มผู้บริหารระดับกลางที่ยืนรออยู่ทางเข้าไร่องุ่นอยู่ก่อนแล้วปวิธกำลังสนทนากับใครบางอยู่ เมื่อเห็นวาววาและวีวี่เดินมา เขาก็รีบกล่าวต้อนรับพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น“คุณวาววา คุณวีวี่ครับ นี่คือคุณพีท จากทีมสถาปนิกที่จะเข้ามาดูแลโปรเจคของพวกเราครับ”เขาแนะนำชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับวาววา ชายหนุ่มผิวขาว ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน-ญี่ปุ่น ใบหน้าคมสันที่ยืนอยู่ข้างกาย พีทมีรูปร่างสูงโปร่งและมีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรงสมส่วน ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อสบตาวาววาราวกับถูกสะกดด้วยเสน่ห์ของเธอตั้งแต่แรกเห็นกลิ่นหอมหวานขององุ่นสุกฟุ้งไปทั่วแปลงที่พวกเขากำลังเดินชม ภาพของเหล่าคนงานที่กำลังเก็บเกี่ยวพวงองุ่นสีม่วงอมแดงสดใส สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสดชื่นยิ่งนัก ทุกคนยิ่งรู้สึกปร
----------...นิยายของวาววา......“แม่! ถ่ายรูปให้หนูหน่อย” วาววาร้องเรียกเสียงใส พร้อมยื่นมือถือให้แม่ของเธอถ่ายรูปเธอกับวิวสวยที่บ้านพักตากอากาศของเชนทร์ที่เขาใหญ่นี้ด้วยความตั้งใจอยากให้อันนาและครอบครัวได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เชนทร์จึงเชิญทุกคนมาที่บ้านพักตากอากาศส่วนตัว ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม มีทั้งไร่องุ่นเขียวขจีและขุนเขาสูงตระหง่าน“เข้ามาชมด้านในก่อนสิครับ” เชนทร์เอ่ยเรียกอันนาที่ยืนยิ้มมองดูพ่อแม่และวาววาผลัดกันถ่ายรูปกันอย่างมีความสุขอยู่ที่สวนทางเข้าหน้าบ้าน“ได้ค่ะ”อันนาส่งยิ้มให้เชนทร์ก่อนที่จะเดินตามเขาเข้าไปด้านในบ้านบ้านพักตากอากาศสไตล์โมเดิร์นผสมผสานความหรูหราและธรรมชาติ ตั้งอยู่บนทำเลที่เงียบสงบในเขาใหญ่ มีไร่องุ่นส่วนตัวรายล้อม สวนหน้าบ้านตกแต่งอย่างสวยงาม และภายในบ้านตกแต่ง