ในห้องนั่งเล่นของบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ที่ราเชนทร์เป็นเจ้าของ วาววาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม ร่างกายยังคงสั่นระริกจากความตกใจที่เชนทร์อุ้มเธอกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางมาเป็นระยะทางไกลถึงสองกิโลเมตรในพริบตา
“ถ้าฉันช็อคตายไปจะทำยังไงหา!!!” วาววาโพล่งออกมาด้วยความหงุดหงิดและยังคงหอบหายใจแรงอยู่
“ให้กัดไหมละ จะได้เป็นอมตะเหมือนกัน?”
แววตาของเธอจ้องเขม็งไปที่เจ้าแวมไพร์ พลางคิดในใจอย่างหงุดหงิดถึงตัวละครเจ้าแวมไพร์ที่เธอสร้างขึ้นมา โรแมนติกเฉพาะกับอันนา แต่กับคนอื่นนั้นขวางโลกใส่ทุกคน
“ขอบคุณที่ให้ยืม” เชนทร์กล่าวพร้อมยื่นไอแพดของวาววาคืนให้เธอ
วาววารับไอแพดคืนมาพร้อมกับสายตาที่เปลี่ยนไปจากความขุ่นเคืองเมื่อครู่ กลายเป็นความสงสัยเล็กๆ
“ไม่ใช้แล้วเหรอ?” เธอถาม
“ไม่แล้วล่ะ” เชนทร์ตอบพร้อมคว้าขวดไวน์แดงที่ถูกเตรียมอยู่บนโต๊ะมา แล้วรินมันลงไปในแก้วคริสตัลสองใบอย่างเชื่องช้าด้วยแววตาว่างเปล่า เขาส่งแก้วหนึ่งให้วาววา และยกอีกแก้วของตัวเองขึ้นดื่ม
วาววาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ความกระตือรือร้นที่เคยมีในการตามหาอันนาตอนนี้ดูเหมือนจะลดน้อยลงไปมาก ทำไมกันนะ... เกิดอะไรขึ้นกับเขา
“นายซื้อตึกนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลังจากที่เขาซื้อตึกคาเฟ่เก่าในราคาที่สูงเกินจริง และหายตัวไปนานหลายวัน วาววาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมอยู่ๆในวันนี้เหมือนเขาจะล้มเลิกจุดมุ่งหมายในการตามหาอันนา
“ขายทิ้งไปแล้ว...ผมว่าจะเลิกตามหาอันนาแล้วล่ะ”
คำพูดของเชนทร์ทำให้วาววาเกิดคำถามมากมาย เป็นไปได้ยังไงที่เจ้าแวมไพร์ที่รักอันนาอย่างบ้าคลั่ง จะสามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกไปได้ขนาดนี้
“ทำไมล่ะ?” วาววาเอ่ยถาม
ไม่มีคำตอบใดออกมาจากปาก
เชนทร์หรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาสีเลือดเข้มเหลือบมองผู้ถาม ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นจรดริมฝีปาก ดื่มด่ำรสชาติแห่งความเงียบ
บรรยากาศเงียบสงัดจนอึดอัดเกินไป วาววาอยากให้เชนทร์พูดอะไรสักอย่าง แต่ดูเหมือนเขาจะจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
ไม่พูดก็ไม่เป็นไร เธอดื่มไวน์ในแก้วนี้หมดเมื่อไหร่ จะปลีกตัวขึ้นห้องไปพักผ่อนดีกว่า
ดวงตาคู่สวยกวาดมองสำรวจรายละเอียดต่างๆในห้องนั่งเล่นเป็นครั้งแรก เฟอร์นิเจอร์หรูหราที่รายล้อมรอบตัวเธอราวกับอยู่ในปราสาทเจ้าหญิง ดอกกุหลาบแดงสดใสที่วางประดับสวยงามอยู่ทั่วห้อง และแล้วสายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับเปียโนตัวสวยตั้งเงียบเชียบอยู่มุมห้อง
เพียงแค่เห็นเปียโนตัวนี้ เธอก็อดนึกถึงฉากในนิยายที่เคยเขียนไม่ได้ เชนทร์ที่สอนอันนาเล่นเปียโน เป็นบรรยากาศที่แวมไพร์หนุ่มและมนุษย์สาวสวยได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างโรแมนติก
“อยากเล่นเหรอ?” เชนทร์เอ่ยถามเมื่อเห็นวาววาจ้องไปที่เปียโนได้สักพัก “ถ้าเล่นไม่เป็นก็ไปฝึกก่อน อย่าไปจิ้มมั่ว เสียงมันจะดังจนทำลายประสาทหูคนที่ได้ยิน”
วาววาเบ้ปากเบะเล็กน้อย เผยแววตาของความไม่พอใจ
“เล่นไม่เป็น! แต่อยากจะเล่น!”
แก้วไวน์ในมือเล็กถูกวางลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา ก่อนที่วาววาจะลุกขึ้นและเดินไปยังเปียโน
“เสียบรรยากาศจิบไ..ว”
คำพูดของเชนทร์ค้างอยู่ในอากาศ เมื่อเสียงเปียโนที่วาววาบรรเลงขึ้นมาอย่างกะทันหัน กลบเสียงของเขาจนหมดสิ้น
นิ้วเรียวสวยของวาววาเคลื่อนที่อย่างพลิ้วไหว สร้างสรรค์ทำนองเพลง Canon In D ที่ไพเราะให้ดังกังวาน
สายตาสิ้นหวังของเชนทร์ค่อยๆ เลือนหายไป แทนที่ด้วยความประหลาดใจที่ฉายชัด ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจจนเขาไม่อาจต้านทานได้ ความรู้สึกแปลกใหม่นี้ทำให้เขาทั้งสับสนและหลงใหล
เมื่อเพลงจบลง วาววายังคงนั่งอยู่หน้าเปียโน ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความภาคภูมิใจ
เชนทร์เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกล่าวชื่นชมเธอ
“ก็ไม่ถึงกับแย่มาก” แม้จะพยายามกลบเกลื่อนความประหลาดใจ แต่สายตาของเขาก็เผยให้เห็นถึงความประทับใจในฝีมือของเธออย่างชัดเจน
“มีอีกเพลงนึง...ฟังนะ”
วาววาส่งยิ้มกวนๆ ให้เชนทร์ที่นั่งจิบไวน์อยู่บนโซฟา ก่อนจะละสายตากลับมาที่เปียโนแล้วเริ่มบรรเลงเพลงด้วยความตั้งใจอีกครั้ง
เสียงเปียโนเริ่มต้นอีกครั้งด้วยทำนองที่แสนละมุนละไมราวกับหยาดฝนที่ตกลงกระทบพื้นดิน สะท้อนถึงบรรยากาศแห่งความเหงา
เพลงที่พาให้ผู้ฟังผ่านความรู้สึกหลากหลาย จากความเหงาของหยาดฝนแรกสู้ความเข้มข้นของพายุ ตอนนี้หัวใจของเชนทร์ถูกเชื่อมโยงไปกับเสียงเพลงที่เธอเล่นเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อทำนองเพลงเข้าสู่ช่วงสุดท้าย เสียงดนตรีกลับมาอ่อนโยนและนุ่มนวลอีกครั้ง ราวกับฝนที่ค่อยๆหยุดตก เหลือไว้แต่เพียงความชุ่มชื่นและความสงบ
ไม่นาน...เพลงที่วาววาได้เล่นก็จบลง ห้องนั่งเล่นกลับสู่ความเงียบงัน แต่ในความเงียบงันนั้นกลับเติมเต็มไปด้วยอารมณ์ท่วมท้น
“รู้จักเพลงที่ฉันเพิ่งเล่นจบนี้ไหม?” วาววาหันมาถามเชนทร์ที่จ้องมองเธออยู่ สายตาของเชนทร์ที่จ้องมองวาววานั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย นัยน์ตาที่เคยดูเฉยชา กลับดูอ่อนโยนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เหมือนเคยได้ยินมาบ้าง”
“แสดงว่าไม่รู้จัก” วาววาสรุปคำตอบเอง “เพลงนี้ชื่อว่า Kiss The Rain ความหมายคือ...ยังมีความสวยงามอยู่ในความรู้สึกเศร้าเสมอ”
แววตาคมสีแดงเลือด จ้องมองวาววา ฟังเธออธิบายอย่างตั้งใจ
“ในเวลาที่รู้สึกแย่ ก็แค่ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเหมือนกับเม็ดฝน ถ้าเปรียบเทียบฝนที่ตกลงมาคือความเศร้า เวลามีพายุ...เราก็คงไม่อยากเปียกฝนพวกนั้นหรอกใช่ไหม? แต่สุดท้ายแล้วน้ำฝนพวกนั้นมันก็ทำให้ต้นไม้ได้เติบโตอย่างสวยงาม”
เธอก็แค่อยากให้กำลังใจเชนทร์ ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจตามหาอันนาหรือไม่ก็ตาม ในใจลึกๆ วาววายังสงสัยไม่คลายว่าอันนาที่เขาตามหานั้นจะมีตัวตนจริงหรือไม่?
อาจจะเป็นเพียงแค่ตัวละครที่หลุดออกมาจากโลกแห่งจินตนาการเหมือนกับเชนทร์ หรือสุดท้ายแล้วเธออาจจะไม่มีตัวตนอยู่จริงเลยก็ได้
เชนทร์ที่เมื่อครู่ยังดูเคร่งเครียด ก็เริ่มผ่อนคลายใบหน้าลงเล็กน้อย ดวงตาคมกริบฉายแววความคิดที่กระจ่างขึ้นหันมองวาววาที่ถามคำถามเขาขึ้นมาอีกครั้ง
“เดี๋ยวแถมให้อีกเพลงก่อนนอนแล้วกัน รู้จักเพลง River flows in you ไหม?”
“ไม่แน่ใจ”
“ไม่เป็นไร นั่งฟังนิ่งๆตรงนั้นแหละ”
ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น นิ้วทั้งสิบขยับขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อวอร์มนิ้วให้พร้อม ก่อนจะบรรเลงบทเพลงสุดท้ายในค่ำคืนนี้
เสียงบทเพลงบรรเลงเริ่มขึ้นอย่างความเรียบง่ายด้วยโทนเสียงที่ชวนให้ผู้ฟังต้องตกอยู่ภวังค์ แต่บทเพลงนี้พิเศษตรงที่วาววาไม่ได้บรรเลงคนเดียว
เชนทร์วางแก้วไวน์ในมือลงที่โต๊ะก่อนจะเดินไปนั่งเคียงข้างเธอ และเริ่มบรรเลงบทเพลงนี้ไปพร้อมกับเธอ
ดวงตาคู่สวยเบนไปทางเขาเพียงเสี้ยววินาทีแสดงความประหลาดใจเพียงชั่วครู่ ก่อนจะกลับมาจดจ่ออยู่กับเปียโนอีกครั้ง
ด้วยความสนุกสนาน เชนทร์เพิ่มจังหวะเพลงให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแกล้งวาววาและดูว่าเธอจะตามทันหรือไม่
แต่วาววายังคงเล่นไปพร้อมกับเขาอย่างไม่มีสะดุด ทุกโน้ตที่เธอเล่นนั้นทันกับความเร็วของเขา ราวกับพวกเขาได้ฝึกซ้อมด้วยกันมานาน
เสียงเพลงที่เร็วขึ้นกลายเป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่มีความตื่นเต้นและสดใส ทั้งสองยังคงเล่นเปียโนไปพร้อมกันด้วยความกระตือรือร้นและความสนุกสนาน
เมื่อเพลงจบลง ทั้งห้องถูกความเงียบสงบสยบอีกครั้ง
วาววาหันมามองเชนทร์ด้วยสายตาที่ฉายแววหมั่นไส้เล็กน้อย พร้อมกับเม้มปากแก้มป่องๆ เป็นเชิงท้าทาย
“คิดจะทดสอบฉันงั้นเหรอ!”
คำถามของวาววาทำให้คนฟังถึงกับหลุดขำออกมาเบาๆ สายตาคมกริบที่เคยจับจ้องตอนนี้กลับอ่อนโยนลง เขาทำเพียงแค่ยักไหล่ตอบคำถามของวาววาเท่านั้น ทำให้สายตาคู่สวยจ้องมองค้อนเขากลับโดยพลัน
“อยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมผมถึงเลิกตามหาอันนา?” จู่ๆเขาก็พูดโพล่งขึ้น เป็นคำถามที่วาววาก็อยากรู้คำตอบเช่นกัน
"ทำไมล่ะ?" วาววาเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
ดวงตาสีแดงเลือดที่กำลังจ้องมองลึกเข้ามาในตาของเธอ ทำให้เธอสับสนในความรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งวาบผ่านในร่างกายเมื่อได้นั่งใกล้ชิดเขาเช่นนี้มันคืออะไร
“ถ้าเธอคนนั้นคืออันนาที่ผมตามหา ผมจะรู้สึกได้ แต่...ไม่ว่าอันนากี่คนที่ผมตามไปดูมา ผมไม่เคยมีความรู้สึกนั้นเลยสักครั้ง” เขาอธิบายอย่างตรงไปตรงมา
“บางที คุณอาจจะยังไม่เจออันนาตัวจริงก็ได้ ก็แหม...คนชื่ออันนาบนโลกนี้คงมีเป็นล้านล่ะมั้ง”
“อาจจะไม่ใช่หรอก...”
“หมายความว่ายังไง?”
“ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่...ความรู้สึกนั้น...”
วาววายังคงนิ่งฟังเขาพูดออกมาจนจบประโยค
“ผมกลับรู้สึกได้...กับคุณ”
ดวงตาของวาววาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ น้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของแวมไพร์ที่เมื่อก่อนเขาเคยขู่จะกัดคอเธอแท้ๆ
“ห..หมายความว่า..ยังไงนะ?”
ดวงตาคู่คมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ สายตาคมกริบนั้นเต็มไปด้วยความตั้งใจ ยิ่งเธอเห็นใบหน้าของเขาชัดๆในระยะใกล้ชิดขนาดนี้ ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวราวกับมันจะหลุดออกมา
เชนทร์ที่อยู่ใกล้จนเธอสามารถเห็นรายละเอียดทุกอย่างบนใบหน้าของหนุ่มเชื้อสายฝรั่งเศสคนนี้ คิ้วเข้มที่ดูดุดัน แต่ดวงตาที่ดูอบอุ่น จมูกโด่งสันชัด และริมฝีปากที่กำลังคลี่ยิ้มเบาๆ
“เวลาผมมองคุณ ผมเห็นเงาของอันนาทับซ้อนในตัวคุณ”
“แต่ฉันไม่ใช่อันนา...” วาววาแย้งด้วยน้ำเสียงบางเบา
“อันนาคือนิสัยเพียงแค่ด้านหนึ่งของคุณ แต่คุณยังมีนิสัยอื่นอีกหลายด้าน” เชนทร์อธิบาย “สำหรับอันนาคือนกน้อย ที่ผมต้องปกป้อง แต่สำหรับคุณ...คุณเป็นสิงโตที่แข็งแกร่งและกล้าหาญ คุณสามารถจัดการกับทุกๆเรื่องได้ด้วยตัวเองและไม่ยอมแพ้แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก”
วาววาตั้งใจฟัง หัวใจเต้นระรัวตามจังหวะเสียงของเขา
“แต่บางสถานการณ์ที่คุณอ่อนแอ....นั่นคือเวลาที่ผมจะคอยปกป้องคุณ”
อยู่ๆ วาววาก็รู้สึกว่าอากาศในห้องไม่พอให้หายใจ หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกแปลกใหม่ผุดขึ้นมาข้างใน เธอไม่แน่ใจว่านี่คือความรู้สึกดีใจที่ได้ยินคำชม หรือเป็นเพราะความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อนกำลังก่อตัวขึ้นในใจกันแน่
“ผมได้ยิน”
คิ้วเรียวบางของเธอขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าคมเข้มยังคงจ้องมองเธอไม่กระพริบ
“ด..ได้ยิน..อะไร?”
สายตาคมกริบของเขากระทบเข้ากับดวงตาของวาววา ทำให้เธอรู้สึกราวกับถูกจับจ้องทะลุปรุโปร่ง
“เสียงหัวใจคุณเต้นรัวมาก”
หัวใจของวาววาแทบจะทะลุออกมาจากอกเมื่อโดนสัญชาตญาณอันแหลมคมของแวมไพร์จับได้ เธอพยายามกลั้นหายใจเพื่อให้หัวใจที่เต้นระรัวสงบลง แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่กลับยิ่งเต้นแรงขึ้นเท่านั้น
“ฉัน...กำลังกลัวคุณ!”
คำโกหกหลุดจากริมฝีปากของเธอพร้อมกับความพยายามที่จะลุกหนี แต่เชนทร์กลับดึงเธอเข้ามาใกล้จนใบหน้าของทั้งคู่เกือบจะชนกัน
ใบหน้าคมคายของแวมไพร์หนุ่มคลี่ยิ้มมุมปากเบาๆ ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมที่เธอใช้โชยเข้าจมูก ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก การกระทำนี้เป็นเพียงการพิสูจน์บางสิ่งที่อยู่ในใจของเขา
“ยิ่งเต้นแรงเข้าไปอีก” เขาหัวเราะเบาๆพร้อมฉีกยิ้มกว้าง
ร่างเล็กผละตัวออกห่างจากเขาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแดงก่ำราวกับแอปเปิลสุก เลือดในกายของเธอพลุ่งพล่านราวกับจะระเบิด ความรู้สึกเขินอายแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายโดยที่เธอไม่สามารถควบคุมมันได้
“ก็บอกแล้วไงว่าคุณทำให้ฉันกลัว!” วาววาเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย พยายามจะกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริง
“ไม่ใช่อาการกลัว” เชนทร์ยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน
“คุณรู้ได้ไงว่าไม่ใช่!?”
สายตาของวาววาแข็งกร้าวราวกับกำแพงที่กั้นความรู้สึกไว้เบื้องหลัง เชนทร์ยิ้มบางๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปหาเธอ แต่เมื่อเห็นว่าวาววาก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เขาก็หยุดชะงัก สายตาของเธอเต็มไปด้วยความระแวดระวังราวกับกลัวว่าจะถูกค้นพบความลับในใจ
“เพราะเสียงหัวใจที่เต้นด้วยความกลัวจะดังรัว เร็ว และไม่สม่ำเสมอ เหมือนเสียงกลองที่ตีเร็วและผิดจังหวะ” เขาอธิบาย
“แต่เสียงหัวใจของคุณเต้นเสียงดังและเร็ว เหมือนเครื่องดนตรีที่เล่นเพลงเร็วๆ นั่นคือความตื่นเต้น...”
“ตื่นเต้น...?” วาววาถามด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่แน่ใจนัก “ฉันเนี่ยนะ!?”
“ตื่นเต้นที่อยู่ใกล้ผม หรือว่า...” เขาพูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธออีกนิดด้วยสายตาจ้องจับผิด “คุณกำลังตกหลุมรักผม?”
“ม...ไม่ใช่แล้ว” วาววาหัวเราะเบาๆ พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ปั่นป่วนในอก “ก่อนจะเพี้ยนไปกว่านี้...ไปนอนเถอะ แยกย้าย!”
ไม่รอช้า เธอหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เจ้าแวมไพร์ยืนยิ้มมุมปากเล็กน้อยฉายแววเจ้าเล่ห์อยู่ที่เดิม
เสียงเท้ากระทบพื้นดังก้องไปทั่วห้อง เธอพยายามจะแสดงออกถึงความเฉยเมย แต่เสียงถอนหายใจเฮือกที่ดังตามหลังไปนั้นกลับบ่งบอกความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายใน เขาอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเธอพยายามจะปกปิดความรู้สึกที่แท้จริง
ความรู้สึกสดชื่นแผ่ซ่านทั่วร่างกายเมื่อวาววาเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วและแสงแดดอุ่นๆ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก แต่ความสับสนในใจจากคำพูดของเชนทร์เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ไม่หาย“มันไม่ใช่ประโยคบอกรักใช่ไหม?” วาววาพึมพำกับตนเอง เธอพยายามนึกถึงนิสัยของเชนทร์ที่สร้างขึ้นมาและพล็อตเรื่องนิยายทีเธอเขียน‘ราเชนทร์’ หรือชื่อเดิมว่า ‘อ็องเดร’ นิสัยพื้นฐาน ร่าเริง สนุกสนาน ชอบความท้าทาย กล้าหาญ ดื้อรั้น ขี้เล่น ชอบแหย่ ชอบแกล้ง แต่หลังจากกลายเป็นแวมไพร์ เขาก็มีแต่ความเบื่อจนกลายเป็นคนเงียบขรึมไม่สุงสิงกับใคร ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก เขาเป็นคนโรแมนติกกับคนรักมาก รักใครรักจริง หึงหวงแฟนเป็นที่หนึ่ง“แล้วที่เราใจเต้นเมื่อคืน...เพราะรู้สึกอะไรกับเขาหรือเปล่านะ...” วาววาครุ่นคิดในใจ“คุณวาครับ คุณวา...”&
หลังจากเดินทางกลับจากโคราชและทำงานต่อที่บริษัทในวันหยุดสุดสัปดาห์ วาววาก็ทิ้งร่างอันเหนื่อยล้าลงบนเตียงนอนในคอนโดที่เงียบสงบเธอใช้เวลาอยู่นานในการตัดสินใจกลับมาที่คอนโดแห่งนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานพอจนมั่นใจว่าเพทายเลิกติดตามเธอ และงานเอกสารที่เก็บไว้ในคอนโดก่อนหน้านี้ที่ต้องสะสางก็เร่งรัด เธอจึงจำใจต้องมาที่นี่ประตูระเบียงที่เคยพังเพราะเชนทร์ ตอนนี้ได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยถูกปิดอย่างมิดชิดความเหนื่อยทับถมเธอจนรู้สึกเหมือนกำลังจะล่องลอย ร่างกายเริ่มร้อนรุมจากภายในเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาการป่วยกำลังจะมาเยือน แต่ความอ่อนเพลียมีอำนาจมากกว่า ทำให้เปลือกตาของเธอค่อยๆปิดลงโดยไม่ทันคิดถึงเรื่องอื่นอีกต่อไปแสงจันทร์ส่องกระทบร่างของวาววาที่นอนขดตัวอยู่บนเตียง ร่างกายร้อนผ่าวราวกับเตาผิงเล็กๆ วาววาตื่นลุกขึ้นเดินโซเซเข้าห้องน้ำกลางดึก จากนั้นเธอค่อยๆพาร่างไร้เรี่ยวแรงของเธอไปที่โต๊ะทำงานแต่ก็เซเกือบล้มลง โชคดีที่มีแขนแกร่งเข้ามาประคองเธอไว้ได้ทัน“ผมเชนทร์เอง... ไม่ต้องตกใจ&r
หลังจากวันที่แวมไพร์ตัวป่วนถามจี้จนใจของเธอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของเขาก็โผล่เข้ามาอยู่ในหัวของเธอแทบจะทุกวินาทีวาววาเดินไปที่ประตูระเบียงกระจกใสที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่เอี่ยม สายตาของเธอไล่เรียงไปตามรอยต่อของกระจก ก่อนจะหยุดลงที่สลักประตูครั้งนี้แทนที่จะล็อคประตู เธอเลือกที่จะปลดล็อคมันออก เผื่อว่า... เจ้าแวมไพร์จะแวะมาเยี่ยมเยียนจะได้ไม่ต้องพังประตูของเธออีกแต่บางความคิดก็วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเธอไม่ใช่อันนา เธอคือวาววา คนละคนกัน แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้กับเธออันที่จริง...นิยายแวมไพร์ที่เธอเขียน แม้จะตั้งชื่อและกำหนดนิสัยตัวละครหลักไปแล้ว แต่โครงเรื่องนิยายแวมไพร์ของเธอยังคงค้างคาอยู่แค่ครึ่งทาง ทั้งพล็อตเรื่องและตอนจบก็ยังไม่มีอะไรที่แน่ชัดกรื่อ กรื่อเสียงริงโทนมือถือของวาววาดังขึ้น เธอที่กำลังใช้เวลาว่างนั่งดูซีรีส์ต้องก้มมองหน้าจอที่แสดงชื่อผู้ติด
แสงไฟนีออนสีสันสดใสจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนดิน แต่บนคอนโดชั้น 26 กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เชนทร์จูบหน้าผากวาววาเบาๆ ทั้งสองยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับ เพื่อให้เธอได้พักผ่อนจากวันที่เหนื่อยล้า“เดี๋ยว! คุณแน่ใจเหรอว่าจะกระโดดลงไป?” เสียงใสเอ่ยถามด้วยแววตากังวลเล็กน้อย“ทำไมละ? ผมก็แค่โดดขึ้นโดดลงปกติ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเจ้าเล่ห์ “หรือจะให้ผมอยู่นอนกอดคุณที่นี่ดี?”“ฉันหมายถึง...คุณแน่ใจนะว่าปลอดภัย คุณบอกฉันเองว่าวันนี้คุณกระโดดตั้งสองสามรอบกว่าจะขึ้นมาที่นี่ได้ มิหนำซ้ำยังทุกลักทุเลกว่าจะปืนขึ้นมาที่ระเบียงนี้ได้อีก” เธอเตือนเขาให้จดจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
วันงานคอนเสิร์ตของ Evan Crimson พีทในชุดลำลองเดินตรงมายังรถหรูที่วาววารออยู่ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิดว่านี่คงเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น การไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเหมือนเป็นการออกเดทแบบไม่เป็นทางการที่เขาตั้งตารอครืดดคนขับรถของวาววาเปิดผลักประตูรถด้านข้างออกกว้างให้พีท ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเห็นคนในรถไม่ได้มีแต่เพียงวาววาและเพื่อนสนิทของเธอที่คอยอยู่ แต่ยังมีเชนทร์อีกด้วย“สวัสดีค่ะคุณพีท เชิญค่ะ” วาววากล่าวต้อนรับเสียงใส"สวัสดีครับคุณวา คุณเชนทร์" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวขึ้นรถด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ตรงไปนั่งข้างมิเกลที่ว่างอยู่&nbs
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก
วันเสาร์ แสงแดดยามเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ของห้องนอนบนคอนโดหรูกลางเมือง ลอดผ่านผ้าม่านบางๆ ลงมาแตะใบหน้าของ "วาววา" หญิงสาววัย 27 ปี กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟคั่วบดจากเครื่องชงอัตโนมัติลอยแตะจมูกปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ วาววาขยับตัวบนที่นอนนุ่มนิ่ม ลืมตาขึ้นมาอย่างง่วงเหงา ยืดเส้นยืดสายคลายความเมื่อยล้าจากการนอนหลับ เธอพลิกตัวไปอีกด้านโดยที่ยังหลับตาอยู่ มือของเธอสัมผัสกับวัตถุบางอย่างที่แข็งและเย็น "อ๊ะ!" วาววาตกใจ ลืมตาสลึมสลือขึ้นมาและมองไปที่วัตถุที่เธอสัมผัสเมื่อครู่ พบว่ามันคือหน้าอกกว้างๆ ของชายหนุ่ม! “กรี๊ดดด!!!” นัยน์ตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง หัวใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกจากอก เขาคือใครกัน ทำไมเขาถึงมานอนอยู่บนเตียงเดียวกับเธอได้ พลึบ! เพราะเสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจของวาววา ทำให้ชายหนุ่มที่หลับสนิทบนเตียงในชุดออลแบล็คลืมตาตื่นขึ้นด้วยความว่องไว ร่างกายของเขาพลิกตัวจากท่านอนลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน ประหนึ่งสัญชาตญาณนักล่าถูกปลุกให้ตื่น นัยน์ตาแดงก่ำของเขาจ้องมองมายังต้นตอของเสียงร้อง และแยกเขี้ยวทั้งสองในปาก
เมื่อวาน (วันศุกร์) เวลา 19.00 น ณ ร้านคาเฟ่เล็กๆ ย่านราม 2 (วันก่อนที่วาววาจะตื่นมาแล้วพบชายนิรนามนอนอยู่ข้างกายเธอ) แกร้ก! ประตูคาเฟ่เล็กๆ บรรยากาศอบอุ่นแห่งนี้ถูกเปิดออก วาววาย่างก้าวเข้าไปด้านใน บรรยากาศภายในเงียบสงัดไร้ผู้คน แสงไฟวอร์มไลท์ค่อนข้างมืดสลัวสาดส่องลงมาที่โต๊ะและเก้าอี้รอต้อนรับลูกค้าไม่เกิน 5 ที่นั่ง ในขณะที่วาววากำลังกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้าน ทันใดนั้น เสียงฟ้าผ่าจากด้านนอกก็ดังสนั่น ก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า แสงสว่างจ้า วาบผ่านหน้างต่างใสเพียงบานเดียวที่ร้านมี วาววาสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ “อ๊ายยย!!!” ซู่... ไม่ทันไร เม็ดฝนก็เทกระหน่ำลงมาจากท้องฟ้าราวกับพายุเข้า “อ้าวแม่หนู...” เจ้าของร้านร่างท้วม ยิ้มแย้มแจ่มใส ท่าทางใจดีเดินออกมาจากหลังร้านเมื่อได้ยินเสียงร้องตกใจของวาววา “ท่าทางฝนจะตกหนัก นั่งหลบในร้านป้าก่อนได้นะ” “ข..ขอบคุณค่ะ” วาววายิ้มตอบก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ใกล้เธอที่สุด “เมนูอยู่บนโต๊ะ ต้องการอะไรก็บอกป้าได้เลยจ้ะ” กระเป๋าใบหรูที่วาววาถืออยู่ถูกวางลงบนเก้าอี้ข้างที่นั่งของเธอ ก่อนที่เธ
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก
วันงานคอนเสิร์ตของ Evan Crimson พีทในชุดลำลองเดินตรงมายังรถหรูที่วาววารออยู่ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิดว่านี่คงเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น การไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเหมือนเป็นการออกเดทแบบไม่เป็นทางการที่เขาตั้งตารอครืดดคนขับรถของวาววาเปิดผลักประตูรถด้านข้างออกกว้างให้พีท ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเห็นคนในรถไม่ได้มีแต่เพียงวาววาและเพื่อนสนิทของเธอที่คอยอยู่ แต่ยังมีเชนทร์อีกด้วย“สวัสดีค่ะคุณพีท เชิญค่ะ” วาววากล่าวต้อนรับเสียงใส"สวัสดีครับคุณวา คุณเชนทร์" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวขึ้นรถด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ตรงไปนั่งข้างมิเกลที่ว่างอยู่&nbs
แสงไฟนีออนสีสันสดใสจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนดิน แต่บนคอนโดชั้น 26 กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เชนทร์จูบหน้าผากวาววาเบาๆ ทั้งสองยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับ เพื่อให้เธอได้พักผ่อนจากวันที่เหนื่อยล้า“เดี๋ยว! คุณแน่ใจเหรอว่าจะกระโดดลงไป?” เสียงใสเอ่ยถามด้วยแววตากังวลเล็กน้อย“ทำไมละ? ผมก็แค่โดดขึ้นโดดลงปกติ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเจ้าเล่ห์ “หรือจะให้ผมอยู่นอนกอดคุณที่นี่ดี?”“ฉันหมายถึง...คุณแน่ใจนะว่าปลอดภัย คุณบอกฉันเองว่าวันนี้คุณกระโดดตั้งสองสามรอบกว่าจะขึ้นมาที่นี่ได้ มิหนำซ้ำยังทุกลักทุเลกว่าจะปืนขึ้นมาที่ระเบียงนี้ได้อีก” เธอเตือนเขาให้จดจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
หลังจากวันที่แวมไพร์ตัวป่วนถามจี้จนใจของเธอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของเขาก็โผล่เข้ามาอยู่ในหัวของเธอแทบจะทุกวินาทีวาววาเดินไปที่ประตูระเบียงกระจกใสที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่เอี่ยม สายตาของเธอไล่เรียงไปตามรอยต่อของกระจก ก่อนจะหยุดลงที่สลักประตูครั้งนี้แทนที่จะล็อคประตู เธอเลือกที่จะปลดล็อคมันออก เผื่อว่า... เจ้าแวมไพร์จะแวะมาเยี่ยมเยียนจะได้ไม่ต้องพังประตูของเธออีกแต่บางความคิดก็วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเธอไม่ใช่อันนา เธอคือวาววา คนละคนกัน แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้กับเธออันที่จริง...นิยายแวมไพร์ที่เธอเขียน แม้จะตั้งชื่อและกำหนดนิสัยตัวละครหลักไปแล้ว แต่โครงเรื่องนิยายแวมไพร์ของเธอยังคงค้างคาอยู่แค่ครึ่งทาง ทั้งพล็อตเรื่องและตอนจบก็ยังไม่มีอะไรที่แน่ชัดกรื่อ กรื่อเสียงริงโทนมือถือของวาววาดังขึ้น เธอที่กำลังใช้เวลาว่างนั่งดูซีรีส์ต้องก้มมองหน้าจอที่แสดงชื่อผู้ติด
หลังจากเดินทางกลับจากโคราชและทำงานต่อที่บริษัทในวันหยุดสุดสัปดาห์ วาววาก็ทิ้งร่างอันเหนื่อยล้าลงบนเตียงนอนในคอนโดที่เงียบสงบเธอใช้เวลาอยู่นานในการตัดสินใจกลับมาที่คอนโดแห่งนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานพอจนมั่นใจว่าเพทายเลิกติดตามเธอ และงานเอกสารที่เก็บไว้ในคอนโดก่อนหน้านี้ที่ต้องสะสางก็เร่งรัด เธอจึงจำใจต้องมาที่นี่ประตูระเบียงที่เคยพังเพราะเชนทร์ ตอนนี้ได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยถูกปิดอย่างมิดชิดความเหนื่อยทับถมเธอจนรู้สึกเหมือนกำลังจะล่องลอย ร่างกายเริ่มร้อนรุมจากภายในเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาการป่วยกำลังจะมาเยือน แต่ความอ่อนเพลียมีอำนาจมากกว่า ทำให้เปลือกตาของเธอค่อยๆปิดลงโดยไม่ทันคิดถึงเรื่องอื่นอีกต่อไปแสงจันทร์ส่องกระทบร่างของวาววาที่นอนขดตัวอยู่บนเตียง ร่างกายร้อนผ่าวราวกับเตาผิงเล็กๆ วาววาตื่นลุกขึ้นเดินโซเซเข้าห้องน้ำกลางดึก จากนั้นเธอค่อยๆพาร่างไร้เรี่ยวแรงของเธอไปที่โต๊ะทำงานแต่ก็เซเกือบล้มลง โชคดีที่มีแขนแกร่งเข้ามาประคองเธอไว้ได้ทัน“ผมเชนทร์เอง... ไม่ต้องตกใจ&r
ความรู้สึกสดชื่นแผ่ซ่านทั่วร่างกายเมื่อวาววาเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วและแสงแดดอุ่นๆ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก แต่ความสับสนในใจจากคำพูดของเชนทร์เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ไม่หาย“มันไม่ใช่ประโยคบอกรักใช่ไหม?” วาววาพึมพำกับตนเอง เธอพยายามนึกถึงนิสัยของเชนทร์ที่สร้างขึ้นมาและพล็อตเรื่องนิยายทีเธอเขียน‘ราเชนทร์’ หรือชื่อเดิมว่า ‘อ็องเดร’ นิสัยพื้นฐาน ร่าเริง สนุกสนาน ชอบความท้าทาย กล้าหาญ ดื้อรั้น ขี้เล่น ชอบแหย่ ชอบแกล้ง แต่หลังจากกลายเป็นแวมไพร์ เขาก็มีแต่ความเบื่อจนกลายเป็นคนเงียบขรึมไม่สุงสิงกับใคร ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก เขาเป็นคนโรแมนติกกับคนรักมาก รักใครรักจริง หึงหวงแฟนเป็นที่หนึ่ง“แล้วที่เราใจเต้นเมื่อคืน...เพราะรู้สึกอะไรกับเขาหรือเปล่านะ...” วาววาครุ่นคิดในใจ“คุณวาครับ คุณวา...”&
ในห้องนั่งเล่นของบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ที่ราเชนทร์เป็นเจ้าของ วาววาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม ร่างกายยังคงสั่นระริกจากความตกใจที่เชนทร์อุ้มเธอกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางมาเป็นระยะทางไกลถึงสองกิโลเมตรในพริบตา“ถ้าฉันช็อคตายไปจะทำยังไงหา!!!” วาววาโพล่งออกมาด้วยความหงุดหงิดและยังคงหอบหายใจแรงอยู่“ให้กัดไหมละ จะได้เป็นอมตะเหมือนกัน?”แววตาของเธอจ้องเขม็งไปที่เจ้าแวมไพร์ พลางคิดในใจอย่างหงุดหงิดถึงตัวละครเจ้าแวมไพร์ที่เธอสร้างขึ้นมา โรแมนติกเฉพาะกับอันนา แต่กับคนอื่นนั้นขวางโลกใส่ทุกคน“ขอบคุณที่ให้ยืม” เชนทร์กล่าวพร้อมยื่นไอแพดของวาววาคืนให้เธอวาววารับไอแพดคืนมาพร้อมกับสายตาที่เปลี่ยนไปจากความขุ่นเคืองเมื่อครู่ กลายเป็นความสงสัยเล็กๆ“ไม่ใช้แล้วเหรอ?” เธอถาม“ไม่แล้วล่ะ” เชนทร์ตอบพร้อมคว้าขวดไวน์แดงที่ถูกเตรียมอยู่บนโต๊ะมา แล้วรินมันลงไปในแก้วคริสตัลสองใบอย่างเชื่องช้าด้วยแววตาว่างเปล่า
แสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆสาดส่องลงที่ไร่องุ่นกว้างใหญ่นี้ สายลมอ่อนๆพัดผ่านทำให้ใบองุ่นเขียวชอุ่มโบกสะบัดอย่างนุ่มนวล ถึงแม้อากาศในตอนนี้จะร้อนไปสักนิด แต่ทุกคนก็ดูจะตื่นเต้นไม่ใช่น้อยวาววา วีวี่ เดินลงจากรถกอล์ฟมาสมทบกลุ่มผู้บริหารระดับกลางที่ยืนรออยู่ทางเข้าไร่องุ่นอยู่ก่อนแล้วปวิธกำลังสนทนากับใครบางอยู่ เมื่อเห็นวาววาและวีวี่เดินมา เขาก็รีบกล่าวต้อนรับพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น“คุณวาววา คุณวีวี่ครับ นี่คือคุณพีท จากทีมสถาปนิกที่จะเข้ามาดูแลโปรเจคของพวกเราครับ”เขาแนะนำชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับวาววา ชายหนุ่มผิวขาว ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน-ญี่ปุ่น ใบหน้าคมสันที่ยืนอยู่ข้างกาย พีทมีรูปร่างสูงโปร่งและมีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรงสมส่วน ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อสบตาวาววาราวกับถูกสะกดด้วยเสน่ห์ของเธอตั้งแต่แรกเห็นกลิ่นหอมหวานขององุ่นสุกฟุ้งไปทั่วแปลงที่พวกเขากำลังเดินชม ภาพของเหล่าคนงานที่กำลังเก็บเกี่ยวพวงองุ่นสีม่วงอมแดงสดใส สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสดชื่นยิ่งนัก ทุกคนยิ่งรู้สึกปร
----------...นิยายของวาววา......“แม่! ถ่ายรูปให้หนูหน่อย” วาววาร้องเรียกเสียงใส พร้อมยื่นมือถือให้แม่ของเธอถ่ายรูปเธอกับวิวสวยที่บ้านพักตากอากาศของเชนทร์ที่เขาใหญ่นี้ด้วยความตั้งใจอยากให้อันนาและครอบครัวได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เชนทร์จึงเชิญทุกคนมาที่บ้านพักตากอากาศส่วนตัว ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม มีทั้งไร่องุ่นเขียวขจีและขุนเขาสูงตระหง่าน“เข้ามาชมด้านในก่อนสิครับ” เชนทร์เอ่ยเรียกอันนาที่ยืนยิ้มมองดูพ่อแม่และวาววาผลัดกันถ่ายรูปกันอย่างมีความสุขอยู่ที่สวนทางเข้าหน้าบ้าน“ได้ค่ะ”อันนาส่งยิ้มให้เชนทร์ก่อนที่จะเดินตามเขาเข้าไปด้านในบ้านบ้านพักตากอากาศสไตล์โมเดิร์นผสมผสานความหรูหราและธรรมชาติ ตั้งอยู่บนทำเลที่เงียบสงบในเขาใหญ่ มีไร่องุ่นส่วนตัวรายล้อม สวนหน้าบ้านตกแต่งอย่างสวยงาม และภายในบ้านตกแต่ง