หลังจากเดินทางกลับจากโคราชและทำงานต่อที่บริษัทในวันหยุดสุดสัปดาห์ วาววาก็ทิ้งร่างอันเหนื่อยล้าลงบนเตียงนอนในคอนโดที่เงียบสงบ
เธอใช้เวลาอยู่นานในการตัดสินใจกลับมาที่คอนโดแห่งนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานพอจนมั่นใจว่าเพทายเลิกติดตามเธอ และงานเอกสารที่เก็บไว้ในคอนโดก่อนหน้านี้ที่ต้องสะสางก็เร่งรัด เธอจึงจำใจต้องมาที่นี่
ประตูระเบียงที่เคยพังเพราะเชนทร์ ตอนนี้ได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยถูกปิดอย่างมิดชิด
ความเหนื่อยทับถมเธอจนรู้สึกเหมือนกำลังจะล่องลอย ร่างกายเริ่มร้อนรุมจากภายในเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาการป่วยกำลังจะมาเยือน แต่ความอ่อนเพลียมีอำนาจมากกว่า ทำให้เปลือกตาของเธอค่อยๆปิดลงโดยไม่ทันคิดถึงเรื่องอื่นอีกต่อไป
แสงจันทร์ส่องกระทบร่างของวาววาที่นอนขดตัวอยู่บนเตียง ร่างกายร้อนผ่าวราวกับเตาผิงเล็กๆ วาววาตื่นลุกขึ้นเดินโซเซเข้าห้องน้ำกลางดึก จากนั้นเธอค่อยๆพาร่างไร้เรี่ยวแรงของเธอไปที่โต๊ะทำงานแต่ก็เซเกือบล้มลง โชคดีที่มีแขนแกร่งเข้ามาประคองเธอไว้ได้ทัน
“ผมเชนทร์เอง... ไม่ต้องตกใจ” เสียงทุ้มนุ่มของเขาเอ่ยขึ้นเบาๆ เพราะกังวลว่าเธอจะร้องตกใจในยามป่วยเช่นนี้
วาววาเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความงงงวยเล็กน้อย พลางคิด...ถ้าหากเป็นเขาแล้วก็สามารถเชื่อใจได้ เธอรู้สึกถึงฝ่ามือของเขาที่สัมผัสร่างกายอันร้อนผ่าวของเธอ
"ยา...อยู่ในนั้น..." ดวงตากลมโตของวาววาเบลอเลือน เธอพยายามชี้นิ้วไปที่เกะบนโต๊ะทำงาน
“ไปนอนบนเตียงก่อน เดี๋ยวผมเอายาไปให้”
วาววาพยักหน้าอ่อนแรง ปวดหัวจนแทบจะระเบิด เธอพยายามประคองตัวเองเพื่อจะเดินกลับห้องนอน แต่ก็เซอีกจนได้
เชนทร์ที่เห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปอุ้มเธอขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ถึงแม้วาววาจะอยากขัดขืน แต่ด้วยไข้ที่สูงขึ้น ทำให้เธอไม่มีแรง
เขาลองวัดไข้ของเธอด้วยการอังหลังมือ
"ร้อนมากเลยนะ"
ไม่รอช้าเชนทร์รีบไปหยิบยาและแก้วน้ำดื่มมาให้เธอ
“ขอบคุณนะ” เธอกล่าวเสียงเบา ก่อนจะหลับไป
ตลอดทั้งคืน ก็เพราะแวมไพร์ที่เคยป่วนในชีวิตเธอจัดการชุบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดตัวให้เธอ เพื่อลดอุณหภูมิร่างกาย หญิงสาวที่เคยต่อปากต่อคำกับเขาอย่างสนุกสนาน ตอนนี้กลับนอนหลับป่วยอยู่บนเตียงอย่างเงียบเชียบ เขาเดินไปนั่งลงข้างเตียง มองดูเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร
แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องผ่านขอบฟ้า มือถือของวาววาที่วางไว้โต๊ะข้างเตียงดังขึ้นเมื่อมีข้อความเข้า แต่วาววายังคงหลับใหลไม่รู้ตัว
‘อรุณสวัสดิ์ครับคุณวา Have a nice day นะครับ’ พีทเป็นผู้ส่งข้อความหาเธอ
แสงไฟจากหน้าจอมือถือส่องกระทบใบหน้าคมสันของเชนทร์ เขาจ้องมองข้อความจากพีทที่ส่งหาวาววาด้วยสายตาที่บ่งบอกความไม่พอใจออกมา
กรื่ออ กรื่ออ
เสียงสั่นมือถือของวาววาดังขึ้น แสดงผู้ติดต่อมาคือมีนาเลขาสาวของเธอ วาววาขยับตัวเล็กน้อยแต่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องเพราะอาการอ่อนเพลียจากการป่วย
จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์เงียบลง ข้อความจากมีนาแจ้งเตือนขึ้นมาบนหน้าจอ เชนทร์เหลือบมองข้อความดังกล่าว สายตาของเขาฉายแววครุ่นคิดเล็กน้อย พลางคว้ามือถือของวาววาขึ้นมาและปลดล็อกหน้าจอด้วยนิ้วของเธอ
เขาเปิดอ่านข้อความของมีนาอีกครั้ง พิมพ์ตอบกลับไป และสุดท้ายสายตาแข็งกร้าวของเขามองไปยังข้อความที่พีทส่งให้วาววา ก่อนจะลบมันทิ้งไป
ด้วยความอ่อนเพลียจากอาการไข้ทำให้วาววาหลับยาวไปจวบจนเวลาเที่ยง เธอขยับเปลือกตาเบาๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ร่างกายยังคงรู้สึกอ่อนล้าจากไข้เมื่อคืน แต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก
เธอพยายามลุกขึ้นนั่ง พยุงตัวด้วยมือทั้งสองข้าง สายตาของเธอปะทะเข้ากับร่างสูงของเชนทร์ที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะเครื่องแป้งไม่ไกลนัก
เขาจับจ้องมาที่เธออย่างไม่ละสายตา เธอเผลอมองเขาตอบ พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เขาคอยดูแลและหายามาให้เธอ แม้จะรู้สึกแปลกๆ ที่เขาเข้าออกคอนโดของเธอได้อย่างอิสระ แต่เธอก็เริ่มชินกับความรู้สึกนี้แล้ว
“เข้าออกห้องของฉันได้อิสระขนาดนี้ ฉันขายคอนโดนี้ให้เอาไหม?”
คำพูดแสบสันต์ของหญิงสาวที่เพิ่งฟื้นไข้ ทำเอาคนฟังถึงกับขำในลำคอ สายตาของเขาเหลือบมองเธอด้วยความประหลาดใจที่ผสมกับความขัน นี่ขนาดป่วยยังมีแรงมาแขวะคนได้ขนาดนี้
“ว่าแต่...” เหมือนวาววาจะนึกอะไรบางอย่างออก “คุณเข้ามาได้ยังไง ในเมื่อ...” เธอนึกถึงประตูระเบียงที่ซ่อมเสร็จและถูกปิดล็อคไว้อย่างดี
ดวงตาคู่สวยเบิกขึ้นอย่างตกใจเมื่อหันไปเห็นประตูระเบียงหลุดออกจากรางอีกแล้ว เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเชนทร์ด้วยสายตาอันเหนื่อยใจขั้นสุด
“คุณป่วย...คุณต้องการความช่วยเหลือ” เขาอธิบายเหตุผลที่เขาจำเป็นต้องพังประตูเข้ามา
“ขอบคุณค่ะ คุณราเชนทร์!!!”
เชนทร์ไม่ได้เพียงแค่นั่งเฝ้าวาววาที่หลับเพราะอาการป่วยทั้งคืน เขายังใจดีเตรียมอาหารเช้ามาให้เธออีกด้วย ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเที่ยงแล้วก็ตาม
วาววามองโจ๊กอุ่นๆ ในชามตรงหน้าพลางเหลือบมองเชนทร์ที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“กินสิ” เชนทร์กล่าวเพราะเห็นว่าวาววาที่นั่งอยู่ไม่ยอมกินสักที
เธอหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด ใบหน้าสวยแสดงความสงสัยออกมาอย่างชัดเจน ปกติแล้ว เธอรู้ดีว่าเขาจะแสดงความห่วงใยขนาดนี้ก็ต่อเมื่อเป็นอันนาเท่านั้น
แต่กับเธอ...มันดูแปลกไป หรือว่าเขาอาจจะมีแผนอะไรบางอย่างก็เป็นได้
“ฉันไม่ชอบกินโจ๊ก” สายตาจับจ้องไปที่ชามโจ๊กตรงหน้าราวกับไม่ไว้ใจในเจตนาของเขาสักเท่าไหร่
“แล้วคุณอยากกินอะไร?” เชนทร์ถามด้วยน้ำเสียงปกติซึ่งมันไม่ปกติกับวาววาเอาเสียเลย
“เดี๋ยวฉันไปต้มไข่กินรองท้องก่อน แล้วจะโทรให้แม่บ้านซื้อข้าวมาส่งให้ที่นี่เอง”
“บอกผมก็ได้ เดี๋ยวผมให้ต้นกล้าไปซื้อมาส่งให้ที่นี่” เขาเสนอด้วยความยินดี ยิ่งทำให้วาววารู้สึกแปลกใจเข้าไปใหญ่ “ไม่ต้องเกรงใจ เมื่อเช้าผมก็ให้ต้นกล้าก็เอาเอกสารมาให้ที่นี่”
“เอกสารอะไร?” วาววาสงสัย
เชนทร์ก้าวเดินไปยังโต๊ะทำงานของวาววา หยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมา และนำมาส่งให้เธอที่โต๊ะอาหาร
“เลขาคุณติดต่อมาว่าคุณต้องเซ็นเอกสารแต่คุณหลับอยู่ ผมเลยตอบกลับไปแล้วให้ต้นกล้าไปนำมาให้ที่นี่แทน”
วาววาก้มมองเอกสารในมืออย่างครุ่นคิด คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
“แล้วคุณคุยกับคุณมีนาได้ยังไง?”
“จับนิ้วคุณแสกนปลดล็อคมือถือแล้วตอบกลับข้อความไป ไม่ต้องขอบคุณและไม่ต้องเกรงใจที่ผมช่วยคุณ” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มบางบนหน้าด้วยความภาคภูมิใจที่จัดการตารางงานของเธอในช่วงที่เธอป่วยแทนได้ทุกอย่าง
“เหตุผลอะไรที่คุณทำแบบนี้?”
เธอถามด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะระแวงทำให้เขาถึงกับชะงักไปชั่วครู่
“ผมแค่ช่วยคุณ”
“ทำไมคุณถึงช่วยฉัน?”
“ก็ตอนนั้นคุณหลับอยู่...คุณไม่สบาย”
คำถามของเธอทำให้เชนทร์รู้สึกใจหายวาบเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าความช่วยเหลือของเขาจะทำให้เธอรู้สึกแบบนี้
“แล้วคุณมีอะไรหรือเปล่า...เมื่อคืนถึงมาหาฉันที่นี่?”
วาววาถามออกไปด้วยความสงสัย เธอคิดว่าเรื่องราวระหว่างเธอกับเขาในฐานะ 'วาววาน้องสาวของอันนา' คงจบลงไปแล้ว เธอได้ชี้แจงความจริงแล้วว่าเธอไม่ใช่วาววาคนนั้น ประกอบกับชีวิตปัจจุบันของเธอที่เขาได้เห็นและรับรู้มาทั้งหมด ยิ่งทำให้เธอรู้สึกมั่นใจว่า เขาคงเข้าใจดีว่าเธอคือใคร
“ก็...” เขาใช้เวลาครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจนัก “มาดูว่าคุณเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันเหรอ?” วาววาถามย้ำ
“ใช่...แล้วคุณก็ไม่สบาย” เชนทร์อธิบาย “ผมเป็นห่วงคุณ”
น้ำเสียงของเขาหนักแน่น แต่แฝงไปด้วยความห่วงใย คำพูดของเขาทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว มองเขาด้วยความประหลาดใจที่ผสมกับความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
วาววายังคงนั่งนิ่ง ริมฝีปากเม้มแน่น ความประหลาดใจผสมกับความรู้สึกอื่นๆ ทำให้เธออึ้งไปชั่วขณะ ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้หลุดออกมาจากปากของเชนทร์ แวมไพร์ขวางโลกที่ใครๆ ก็รู้จักดี
เชนทร์อมยิ้มมองเธอราวกับรู้ทันความคิดของเธอ
“ยิ้มอะไร?” เสียงหวานของวาววาเอ่ยถามออกไปเบาๆ
รอยยิ้มที่มุมปากของเขาค่อยๆ กว้างขึ้น ดวงตาสีแดงก่ำส่องประกายระยิบระยับราวกับอัญมณี ร่างสูงที่นั่งฝั่งตรงข้ามวาววาที่โต๊ะอาหารนี้เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย มือเรียวยาวเท้าคาง มองมาที่เธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนจนวาววารู้สึกใจสั่น
“คุณคิดว่า...ผมเป็นยังไง?”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้า ทำเอาหัวใจของวาววาสั่นวูบวาบ
“ฉันว่าวันนี้คุณเป็นบ้าไปแล้ว พูดอะไรไม่เข้าใจสักอย่างเลย” วาววาตอบด้วยสายตาแข็งสู้ แต่ลึกๆ แล้วหัวใจของเธอกลับเต้นรัวขึ้นมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้
"เสียงหัวใจของคุณดังก้องอยู่ในหูผมเลยรู้ไหม?" เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย สายตาของเขาสื่อถึงความรู้ลึกล้ำราวกับสามารถอ่านใจเธอได้
“อะไรเนี่ยย!!!” วาววาอุทานออกมาเบาๆ รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว รอยยิ้มของเชนทร์ทำให้ใจเธอสั่นไหว เธอลุกขึ้นยืนเสมือนเตรียมพร้อมจะเดินหนีจากโต๊ะอาหารนี้
“คุณคิดอะไรกับผมหรือเปล่า?” เขาเอ่ยถามด้วยแววตาที่ค่อนข้างมั่นใจในความรู้สึกของเธอ
“คิดสิ! คิดว่าครั้งนี้คุณต้องซ่อมประตูให้ฉัน!” เธอเฉไฉตอบกลับทันควัน ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินเข้าห้องน้ำทันที
หลังจากวันที่แวมไพร์ตัวป่วนถามจี้จนใจของเธอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของเขาก็โผล่เข้ามาอยู่ในหัวของเธอแทบจะทุกวินาทีวาววาเดินไปที่ประตูระเบียงกระจกใสที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่เอี่ยม สายตาของเธอไล่เรียงไปตามรอยต่อของกระจก ก่อนจะหยุดลงที่สลักประตูครั้งนี้แทนที่จะล็อคประตู เธอเลือกที่จะปลดล็อคมันออก เผื่อว่า... เจ้าแวมไพร์จะแวะมาเยี่ยมเยียนจะได้ไม่ต้องพังประตูของเธออีกแต่บางความคิดก็วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเธอไม่ใช่อันนา เธอคือวาววา คนละคนกัน แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้กับเธออันที่จริง...นิยายแวมไพร์ที่เธอเขียน แม้จะตั้งชื่อและกำหนดนิสัยตัวละครหลักไปแล้ว แต่โครงเรื่องนิยายแวมไพร์ของเธอยังคงค้างคาอยู่แค่ครึ่งทาง ทั้งพล็อตเรื่องและตอนจบก็ยังไม่มีอะไรที่แน่ชัดกรื่อ กรื่อเสียงริงโทนมือถือของวาววาดังขึ้น เธอที่กำลังใช้เวลาว่างนั่งดูซีรีส์ต้องก้มมองหน้าจอที่แสดงชื่อผู้ติด
แสงไฟนีออนสีสันสดใสจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนดิน แต่บนคอนโดชั้น 26 กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เชนทร์จูบหน้าผากวาววาเบาๆ ทั้งสองยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับ เพื่อให้เธอได้พักผ่อนจากวันที่เหนื่อยล้า“เดี๋ยว! คุณแน่ใจเหรอว่าจะกระโดดลงไป?” เสียงใสเอ่ยถามด้วยแววตากังวลเล็กน้อย“ทำไมละ? ผมก็แค่โดดขึ้นโดดลงปกติ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเจ้าเล่ห์ “หรือจะให้ผมอยู่นอนกอดคุณที่นี่ดี?”“ฉันหมายถึง...คุณแน่ใจนะว่าปลอดภัย คุณบอกฉันเองว่าวันนี้คุณกระโดดตั้งสองสามรอบกว่าจะขึ้นมาที่นี่ได้ มิหนำซ้ำยังทุกลักทุเลกว่าจะปืนขึ้นมาที่ระเบียงนี้ได้อีก” เธอเตือนเขาให้จดจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
วันงานคอนเสิร์ตของ Evan Crimson พีทในชุดลำลองเดินตรงมายังรถหรูที่วาววารออยู่ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิดว่านี่คงเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น การไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเหมือนเป็นการออกเดทแบบไม่เป็นทางการที่เขาตั้งตารอครืดดคนขับรถของวาววาเปิดผลักประตูรถด้านข้างออกกว้างให้พีท ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเห็นคนในรถไม่ได้มีแต่เพียงวาววาและเพื่อนสนิทของเธอที่คอยอยู่ แต่ยังมีเชนทร์อีกด้วย“สวัสดีค่ะคุณพีท เชิญค่ะ” วาววากล่าวต้อนรับเสียงใส"สวัสดีครับคุณวา คุณเชนทร์" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวขึ้นรถด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ตรงไปนั่งข้างมิเกลที่ว่างอยู่&nbs
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก
วันเสาร์ แสงแดดยามเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ของห้องนอนบนคอนโดหรูกลางเมือง ลอดผ่านผ้าม่านบางๆ ลงมาแตะใบหน้าของ "วาววา" หญิงสาววัย 27 ปี กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟคั่วบดจากเครื่องชงอัตโนมัติลอยแตะจมูกปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ วาววาขยับตัวบนที่นอนนุ่มนิ่ม ลืมตาขึ้นมาอย่างง่วงเหงา ยืดเส้นยืดสายคลายความเมื่อยล้าจากการนอนหลับ เธอพลิกตัวไปอีกด้านโดยที่ยังหลับตาอยู่ มือของเธอสัมผัสกับวัตถุบางอย่างที่แข็งและเย็น "อ๊ะ!" วาววาตกใจ ลืมตาสลึมสลือขึ้นมาและมองไปที่วัตถุที่เธอสัมผัสเมื่อครู่ พบว่ามันคือหน้าอกกว้างๆ ของชายหนุ่ม! “กรี๊ดดด!!!” นัยน์ตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง หัวใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกจากอก เขาคือใครกัน ทำไมเขาถึงมานอนอยู่บนเตียงเดียวกับเธอได้ พลึบ! เพราะเสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจของวาววา ทำให้ชายหนุ่มที่หลับสนิทบนเตียงในชุดออลแบล็คลืมตาตื่นขึ้นด้วยความว่องไว ร่างกายของเขาพลิกตัวจากท่านอนลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน ประหนึ่งสัญชาตญาณนักล่าถูกปลุกให้ตื่น นัยน์ตาแดงก่ำของเขาจ้องมองมายังต้นตอของเสียงร้อง และแยกเขี้ยวทั้งสองในปาก
เมื่อวาน (วันศุกร์) เวลา 19.00 น ณ ร้านคาเฟ่เล็กๆ ย่านราม 2 (วันก่อนที่วาววาจะตื่นมาแล้วพบชายนิรนามนอนอยู่ข้างกายเธอ) แกร้ก! ประตูคาเฟ่เล็กๆ บรรยากาศอบอุ่นแห่งนี้ถูกเปิดออก วาววาย่างก้าวเข้าไปด้านใน บรรยากาศภายในเงียบสงัดไร้ผู้คน แสงไฟวอร์มไลท์ค่อนข้างมืดสลัวสาดส่องลงมาที่โต๊ะและเก้าอี้รอต้อนรับลูกค้าไม่เกิน 5 ที่นั่ง ในขณะที่วาววากำลังกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้าน ทันใดนั้น เสียงฟ้าผ่าจากด้านนอกก็ดังสนั่น ก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า แสงสว่างจ้า วาบผ่านหน้างต่างใสเพียงบานเดียวที่ร้านมี วาววาสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ “อ๊ายยย!!!” ซู่... ไม่ทันไร เม็ดฝนก็เทกระหน่ำลงมาจากท้องฟ้าราวกับพายุเข้า “อ้าวแม่หนู...” เจ้าของร้านร่างท้วม ยิ้มแย้มแจ่มใส ท่าทางใจดีเดินออกมาจากหลังร้านเมื่อได้ยินเสียงร้องตกใจของวาววา “ท่าทางฝนจะตกหนัก นั่งหลบในร้านป้าก่อนได้นะ” “ข..ขอบคุณค่ะ” วาววายิ้มตอบก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ใกล้เธอที่สุด “เมนูอยู่บนโต๊ะ ต้องการอะไรก็บอกป้าได้เลยจ้ะ” กระเป๋าใบหรูที่วาววาถืออยู่ถูกวางลงบนเก้าอี้ข้างที่นั่งของเธอ ก่อนที่เธ
หนึ่งวันหลังจากวาววาเจอชายนิรนามบนเตียงเดียวกับเธอ คอนโดมีเนียมใจกลางกรุงสูงเด่นสง่าภายใต้แสงดาวระยิบระยับท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดสนิท เรียวขาเล็กก้าวออกมาจากอ่างอาบน้ำหินอ่อนเย็นฉ่ำ ราวกับปลุกความสดชื่นจากความรู้สึกอ่อนล้าที่นั่งรวบรวมข้อมูลนิยายสุดรักของเธอมาทั้งวัน ร่างกายที่เคยอ่อนเพลียกลับเปล่งประกายสดใส มีชีวิตชีวาอีกครั้ง วาววาใช้ผ้าขนหนูสีขาวโอบล้อมร่างกายอันเพรียวบางไว้ ก่อนจะเปิดประตูและก้าวออกมาจากห้องอาบน้ำ “นึกว่าตายในห้องน้ำแล้ว นานมาก!” “กรี๊ดดดดด!!!” ปั่ก!! ท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงทุ้มต่ำกังวานดังก้องขึ้นอย่างกะทันหัน วาววาแทบตั้งตัวไม่ทัน ร่างสูงโปร่งปรากฏกายอยู่ตรงหน้าประตู แววตาสีเลือดฉานจ้องมองเธอ พาความทรงจำอันเลือนรางถึงชายแปลกหน้าที่เคยบุกเข้ามาในห้องวันก่อนหวนกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง วาววาตกใจสุดขีด ตะโกนกรีดร้องพร้อมถอยหลังจนล้มก้นจ้ำบ๊ะบนพื้นในห้องน้ำ “แกเป็นใคร!? ออกไปปป!!” ชายหนุ่มยืนนิ่ง ไร้ซึ่งคำตอบใดๆ เขาแค่เพียงจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าเท่านั้น "ไอบ้านี่!" วาววาตะโกนซ้
---------- ...นิยายของวาววา... ... ณ ร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่ง มีโต๊ะไม้สีอ่อนเรียงรายรองรับลูกค้าประมาณ 10-12 โต๊ะ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารไทยโบราณ รสชาติไทยๆที่รังสรรค์โดยครอบครัวที่อบอุ่น คุณพ่อยืนอยู่หน้าร้านคอยต้อนรับแขกและรับออเดอร์ด้วยรอยยิ้ม คุณแม่วุ่นวายอยู่ในครัวปรุงอาหารด้วยความพิถีพิถัน ส่วนลูกสาวคนเล็กกำลังช่วยยกจานอาหารเสิร์ฟตามโต๊ะต่างๆ “สวัสดีครับ อ้าว...อันนาลูก” รอยยิ้มของพ่อฉายแววอบอุ่นยามต้อนรับลูกค้าที่หน้าร้าน แต่เมื่อสายตาเหลือบเห็นใบหน้าคุ้นเคยของลูกสาวคนโตที่ยืนเคียงข้างชายหนุ่มรูปงาม ความประหลาดใจก็พลันปรากฏบนใบหน้า “พาใครมาด้วยล่ะลูก?” คนเป็นพ่อเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “นี่คุณเชนทร์ค่ะ เขาอยากมาชิมฝีมือคุณแม่” อันนาตอบชายผู้เป็นพ่อก่อนจะหันไปหาเชนทร์เพื่อแนะนำให้เขาได้รู้จักผู้ชายคนสำคัญอีกหนึ่งคนในชีวิตของเธอ “นี่พ่อของอันนาเองค่ะ” “สวัสดีครับ” เชนทร์ยกมือไหว้ทักทายคนเป็นผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม ใบหน้าคมคายสไตล์ลูกครึ่งยามประสานมือไหว้แบบไทยๆ ยิ่งเผยเสน่ห์น่าเอ็นดูเป็นทวีคูณ “ใครเหรอพี่อันนา?” เสียงแหลมใสดังแท
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก
วันงานคอนเสิร์ตของ Evan Crimson พีทในชุดลำลองเดินตรงมายังรถหรูที่วาววารออยู่ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิดว่านี่คงเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น การไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเหมือนเป็นการออกเดทแบบไม่เป็นทางการที่เขาตั้งตารอครืดดคนขับรถของวาววาเปิดผลักประตูรถด้านข้างออกกว้างให้พีท ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเห็นคนในรถไม่ได้มีแต่เพียงวาววาและเพื่อนสนิทของเธอที่คอยอยู่ แต่ยังมีเชนทร์อีกด้วย“สวัสดีค่ะคุณพีท เชิญค่ะ” วาววากล่าวต้อนรับเสียงใส"สวัสดีครับคุณวา คุณเชนทร์" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวขึ้นรถด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ตรงไปนั่งข้างมิเกลที่ว่างอยู่&nbs
แสงไฟนีออนสีสันสดใสจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนดิน แต่บนคอนโดชั้น 26 กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เชนทร์จูบหน้าผากวาววาเบาๆ ทั้งสองยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับ เพื่อให้เธอได้พักผ่อนจากวันที่เหนื่อยล้า“เดี๋ยว! คุณแน่ใจเหรอว่าจะกระโดดลงไป?” เสียงใสเอ่ยถามด้วยแววตากังวลเล็กน้อย“ทำไมละ? ผมก็แค่โดดขึ้นโดดลงปกติ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเจ้าเล่ห์ “หรือจะให้ผมอยู่นอนกอดคุณที่นี่ดี?”“ฉันหมายถึง...คุณแน่ใจนะว่าปลอดภัย คุณบอกฉันเองว่าวันนี้คุณกระโดดตั้งสองสามรอบกว่าจะขึ้นมาที่นี่ได้ มิหนำซ้ำยังทุกลักทุเลกว่าจะปืนขึ้นมาที่ระเบียงนี้ได้อีก” เธอเตือนเขาให้จดจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
หลังจากวันที่แวมไพร์ตัวป่วนถามจี้จนใจของเธอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของเขาก็โผล่เข้ามาอยู่ในหัวของเธอแทบจะทุกวินาทีวาววาเดินไปที่ประตูระเบียงกระจกใสที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่เอี่ยม สายตาของเธอไล่เรียงไปตามรอยต่อของกระจก ก่อนจะหยุดลงที่สลักประตูครั้งนี้แทนที่จะล็อคประตู เธอเลือกที่จะปลดล็อคมันออก เผื่อว่า... เจ้าแวมไพร์จะแวะมาเยี่ยมเยียนจะได้ไม่ต้องพังประตูของเธออีกแต่บางความคิดก็วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเธอไม่ใช่อันนา เธอคือวาววา คนละคนกัน แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้กับเธออันที่จริง...นิยายแวมไพร์ที่เธอเขียน แม้จะตั้งชื่อและกำหนดนิสัยตัวละครหลักไปแล้ว แต่โครงเรื่องนิยายแวมไพร์ของเธอยังคงค้างคาอยู่แค่ครึ่งทาง ทั้งพล็อตเรื่องและตอนจบก็ยังไม่มีอะไรที่แน่ชัดกรื่อ กรื่อเสียงริงโทนมือถือของวาววาดังขึ้น เธอที่กำลังใช้เวลาว่างนั่งดูซีรีส์ต้องก้มมองหน้าจอที่แสดงชื่อผู้ติด
หลังจากเดินทางกลับจากโคราชและทำงานต่อที่บริษัทในวันหยุดสุดสัปดาห์ วาววาก็ทิ้งร่างอันเหนื่อยล้าลงบนเตียงนอนในคอนโดที่เงียบสงบเธอใช้เวลาอยู่นานในการตัดสินใจกลับมาที่คอนโดแห่งนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานพอจนมั่นใจว่าเพทายเลิกติดตามเธอ และงานเอกสารที่เก็บไว้ในคอนโดก่อนหน้านี้ที่ต้องสะสางก็เร่งรัด เธอจึงจำใจต้องมาที่นี่ประตูระเบียงที่เคยพังเพราะเชนทร์ ตอนนี้ได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยถูกปิดอย่างมิดชิดความเหนื่อยทับถมเธอจนรู้สึกเหมือนกำลังจะล่องลอย ร่างกายเริ่มร้อนรุมจากภายในเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาการป่วยกำลังจะมาเยือน แต่ความอ่อนเพลียมีอำนาจมากกว่า ทำให้เปลือกตาของเธอค่อยๆปิดลงโดยไม่ทันคิดถึงเรื่องอื่นอีกต่อไปแสงจันทร์ส่องกระทบร่างของวาววาที่นอนขดตัวอยู่บนเตียง ร่างกายร้อนผ่าวราวกับเตาผิงเล็กๆ วาววาตื่นลุกขึ้นเดินโซเซเข้าห้องน้ำกลางดึก จากนั้นเธอค่อยๆพาร่างไร้เรี่ยวแรงของเธอไปที่โต๊ะทำงานแต่ก็เซเกือบล้มลง โชคดีที่มีแขนแกร่งเข้ามาประคองเธอไว้ได้ทัน“ผมเชนทร์เอง... ไม่ต้องตกใจ&r
ความรู้สึกสดชื่นแผ่ซ่านทั่วร่างกายเมื่อวาววาเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วและแสงแดดอุ่นๆ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก แต่ความสับสนในใจจากคำพูดของเชนทร์เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ไม่หาย“มันไม่ใช่ประโยคบอกรักใช่ไหม?” วาววาพึมพำกับตนเอง เธอพยายามนึกถึงนิสัยของเชนทร์ที่สร้างขึ้นมาและพล็อตเรื่องนิยายทีเธอเขียน‘ราเชนทร์’ หรือชื่อเดิมว่า ‘อ็องเดร’ นิสัยพื้นฐาน ร่าเริง สนุกสนาน ชอบความท้าทาย กล้าหาญ ดื้อรั้น ขี้เล่น ชอบแหย่ ชอบแกล้ง แต่หลังจากกลายเป็นแวมไพร์ เขาก็มีแต่ความเบื่อจนกลายเป็นคนเงียบขรึมไม่สุงสิงกับใคร ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก เขาเป็นคนโรแมนติกกับคนรักมาก รักใครรักจริง หึงหวงแฟนเป็นที่หนึ่ง“แล้วที่เราใจเต้นเมื่อคืน...เพราะรู้สึกอะไรกับเขาหรือเปล่านะ...” วาววาครุ่นคิดในใจ“คุณวาครับ คุณวา...”&
ในห้องนั่งเล่นของบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ที่ราเชนทร์เป็นเจ้าของ วาววาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม ร่างกายยังคงสั่นระริกจากความตกใจที่เชนทร์อุ้มเธอกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางมาเป็นระยะทางไกลถึงสองกิโลเมตรในพริบตา“ถ้าฉันช็อคตายไปจะทำยังไงหา!!!” วาววาโพล่งออกมาด้วยความหงุดหงิดและยังคงหอบหายใจแรงอยู่“ให้กัดไหมละ จะได้เป็นอมตะเหมือนกัน?”แววตาของเธอจ้องเขม็งไปที่เจ้าแวมไพร์ พลางคิดในใจอย่างหงุดหงิดถึงตัวละครเจ้าแวมไพร์ที่เธอสร้างขึ้นมา โรแมนติกเฉพาะกับอันนา แต่กับคนอื่นนั้นขวางโลกใส่ทุกคน“ขอบคุณที่ให้ยืม” เชนทร์กล่าวพร้อมยื่นไอแพดของวาววาคืนให้เธอวาววารับไอแพดคืนมาพร้อมกับสายตาที่เปลี่ยนไปจากความขุ่นเคืองเมื่อครู่ กลายเป็นความสงสัยเล็กๆ“ไม่ใช้แล้วเหรอ?” เธอถาม“ไม่แล้วล่ะ” เชนทร์ตอบพร้อมคว้าขวดไวน์แดงที่ถูกเตรียมอยู่บนโต๊ะมา แล้วรินมันลงไปในแก้วคริสตัลสองใบอย่างเชื่องช้าด้วยแววตาว่างเปล่า
แสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆสาดส่องลงที่ไร่องุ่นกว้างใหญ่นี้ สายลมอ่อนๆพัดผ่านทำให้ใบองุ่นเขียวชอุ่มโบกสะบัดอย่างนุ่มนวล ถึงแม้อากาศในตอนนี้จะร้อนไปสักนิด แต่ทุกคนก็ดูจะตื่นเต้นไม่ใช่น้อยวาววา วีวี่ เดินลงจากรถกอล์ฟมาสมทบกลุ่มผู้บริหารระดับกลางที่ยืนรออยู่ทางเข้าไร่องุ่นอยู่ก่อนแล้วปวิธกำลังสนทนากับใครบางอยู่ เมื่อเห็นวาววาและวีวี่เดินมา เขาก็รีบกล่าวต้อนรับพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น“คุณวาววา คุณวีวี่ครับ นี่คือคุณพีท จากทีมสถาปนิกที่จะเข้ามาดูแลโปรเจคของพวกเราครับ”เขาแนะนำชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับวาววา ชายหนุ่มผิวขาว ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน-ญี่ปุ่น ใบหน้าคมสันที่ยืนอยู่ข้างกาย พีทมีรูปร่างสูงโปร่งและมีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรงสมส่วน ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อสบตาวาววาราวกับถูกสะกดด้วยเสน่ห์ของเธอตั้งแต่แรกเห็นกลิ่นหอมหวานขององุ่นสุกฟุ้งไปทั่วแปลงที่พวกเขากำลังเดินชม ภาพของเหล่าคนงานที่กำลังเก็บเกี่ยวพวงองุ่นสีม่วงอมแดงสดใส สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสดชื่นยิ่งนัก ทุกคนยิ่งรู้สึกปร
----------...นิยายของวาววา......“แม่! ถ่ายรูปให้หนูหน่อย” วาววาร้องเรียกเสียงใส พร้อมยื่นมือถือให้แม่ของเธอถ่ายรูปเธอกับวิวสวยที่บ้านพักตากอากาศของเชนทร์ที่เขาใหญ่นี้ด้วยความตั้งใจอยากให้อันนาและครอบครัวได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เชนทร์จึงเชิญทุกคนมาที่บ้านพักตากอากาศส่วนตัว ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม มีทั้งไร่องุ่นเขียวขจีและขุนเขาสูงตระหง่าน“เข้ามาชมด้านในก่อนสิครับ” เชนทร์เอ่ยเรียกอันนาที่ยืนยิ้มมองดูพ่อแม่และวาววาผลัดกันถ่ายรูปกันอย่างมีความสุขอยู่ที่สวนทางเข้าหน้าบ้าน“ได้ค่ะ”อันนาส่งยิ้มให้เชนทร์ก่อนที่จะเดินตามเขาเข้าไปด้านในบ้านบ้านพักตากอากาศสไตล์โมเดิร์นผสมผสานความหรูหราและธรรมชาติ ตั้งอยู่บนทำเลที่เงียบสงบในเขาใหญ่ มีไร่องุ่นส่วนตัวรายล้อม สวนหน้าบ้านตกแต่งอย่างสวยงาม และภายในบ้านตกแต่ง