หลังจากวันที่แวมไพร์ตัวป่วนถามจี้จนใจของเธอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของเขาก็โผล่เข้ามาอยู่ในหัวของเธอแทบจะทุกวินาที
วาววาเดินไปที่ประตูระเบียงกระจกใสที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่เอี่ยม สายตาของเธอไล่เรียงไปตามรอยต่อของกระจก ก่อนจะหยุดลงที่สลักประตู
ครั้งนี้แทนที่จะล็อคประตู เธอเลือกที่จะปลดล็อคมันออก เผื่อว่า... เจ้าแวมไพร์จะแวะมาเยี่ยมเยียนจะได้ไม่ต้องพังประตูของเธออีก
แต่บางความคิดก็วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง
เธอไม่ใช่อันนา เธอคือวาววา คนละคนกัน แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้กับเธอ
อันที่จริง...นิยายแวมไพร์ที่เธอเขียน แม้จะตั้งชื่อและกำหนดนิสัยตัวละครหลักไปแล้ว แต่โครงเรื่องนิยายแวมไพร์ของเธอยังคงค้างคาอยู่แค่ครึ่งทาง ทั้งพล็อตเรื่องและตอนจบก็ยังไม่มีอะไรที่แน่ชัด
กรื่อ กรื่อ
เสียงริงโทนมือถือของวาววาดังขึ้น เธอที่กำลังใช้เวลาว่างนั่งดูซีรีส์ต้องก้มมองหน้าจอที่แสดงชื่อผู้ติดต่อมา เธอใจหายวาบเมื่อเห็นชื่อนิติคอนโด และหวังว่าคงจะไม่ใช่เรื่องเพทาย เพราะหลังจากเหตุการณ์ที่เพทายบุกเข้าห้องเธอ เธอก็แจ้งนิติคอนโดให้ช่วยจับตามองผู้ชายคนนี้ห้ามเข้ามาด้านในอีกเด็ดขาด
“สวัสดีค่ะ” วาววากดรับสาย
“สวัสดีครับ คุณวารีรินหรือเปล่าครับ?” เสียงปลายสายเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ใช่ค่ะ”
“ขออภัยที่ต้องรบกวนคุณวารีรินในเวลาดึกครับ ผมแค่อยากสอบถามว่าคุณวารีรินว่ามีตากผ้าไว้ที่ระเบียงหรือเปล่าครับ?”
ความสงสัยผุดขึ้นมาในใจของวาววา ทำไมอยู่ๆ นิติคอนโดถึงถามเกี่ยวกับเรื่องตากผ้า
ปกติแล้วเรื่องพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของแม่บ้านประจำครอบครัวของเธอมารับผ้าไปซักและนำมาคืนเมื่อเสร็จ เพราะฉะนั้นจะไม่มีผ้าใดๆตากที่ระเบียงทั้งนั้น
“ไม่มีนะคะ”
“พอดี รปภ.แจ้งผมว่าเหมือนเห็นเป็นคนอยู่ที่ระเบียงคุณวารีริน แต่ผมมองจากชั้นหนึ่งตรงนี้มันค่อนข้างมืดและสูง หลังจากที่คุณแจ้งเรื่องคนบุกรุก รปภ.ก็ช่วยกันสังเกตการณ์ตลอดครับ แต่ผมว่าชั้น 26 ที่คุณวารีรินอยู่นั้น คนน่าจะปืนขึ้นไปยาก”
ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยว่าจะมีใครกล้าปีนขึ้นมาบนระเบียงห้องเธอได้นอกจาก...
เจ้าแวมไพร์ตัวป่วนคนนั้น!
ร่างเล็กที่ถูกปกคลุมด้วยชุดนอนสบายๆ ค่อยๆ เดินไปที่ระเบียงช้าๆ ด้วยความระแวดระวัง สายตาของเธอพยายามสอดส่องไปรอบๆ จู่ๆ ก็มีฝ่ามือหนาโอบกระชับขอบระเบียงไว้แน่น ทำให้เธอต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ว๊าย!”
“ฮัลโหลคุณวารีริน เกิดอะไรขึ้นครับ?” นิติคอนโดที่ยังอยู่ในสายโทรศัพท์ได้ยินเสียงวาววาร้องจึงรีบเอ่ยถามความผิดปกติ
ในความมืดมิด เงาของศีษระผู้ชายคนหนึ่งค่อยๆ โผล่พ้นเหนือขอบระเบียงขึ้นมา วาววาใจหายวาบก่อนจะเพ่งมองดีๆแล้วเห็นว่าเป็นเชนทร์ เธอรีบตอบกลับนิติคอนโดในสายทันที
"เอ่อ...ผ้าที่ตากไว้ที่ระเบียงจะหล่นค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่โทรมาสอบถาม" เสียงของเธอสั่นระริกเล็กน้อยก่อนจะกดวางสายไป
ติ้ด
“ทำอะไรของคุณเนี่ย!” วาววาร้องเสียงหลงก่อนจะพยายามช่วยพยุงร่างสูงของเชนทร์ให้มายืนบนระเบียงได้อย่างปลอดภัย “ถ้าคนเห็นคุณกระโดดขึ้นลงคอนโดชั้น 26 มีหวังรายการผีโทรมาหาฉันแน่นอน”
แสงไฟสลัวจากภายในห้องส่องกระทบใบหน้าเคร่งเครียดของเขา ก่อนจะพาร่างสูงเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดิมอย่างเคย
"ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น" เขาตอบพลางหายใจหอบเหนื่อยเล็กน้อย ทำให้คนที่ฟังอยู่ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
“คืออะไร? หมายความว่ายังไง?” วาววาถาม
“วันนี้ผมพยายามกระโดดตั้งสองสามรอบกว่าจะสูงถึงห้องของคุณได้”
คิ้วของคนฟังถึงกับกระชับเข้าหากัน ก่อนจะถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ค..คุณ..หิวหรือเปล่า?” เธอแค่เดาว่าหรือแรงของเขาที่น้อยลงนั้นมาจากความหิว ครั้นเธอจะถามว่าไม่ได้ดูดเลือดมานานแค่ไหนแล้วก็ฟังดูน่ากลัวเกินไป
เชนทร์ค่อยๆ หันมา สายตาแดงก่ำของเขาจ้องมองเธอราวกับเหยื่อ ความหิวกระหายแผ่ซ่านออกมาจากดวงตาคู่นั้นจนวาววาอดหวั่นใจไม่ได้
“นั่นสิ...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาเบาๆ แต่กลับทำให้คนฟังขนลุกซู่ไปทั้งตัว “ถ้าได้เลือดของผู้หญิงสักคนก็น่าจะอิ่มไปอีกนาน...”
สิ้นคำพูด เขาก็พุ่งตัวเข้าหาวาววาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือหนาคว้าคางของเธอให้เงยขึ้น จมูกและริมฝีปากของเชนทร์แตะต้องคอขาวของเธอ
วาววานิ่งค้างไปชั่วขณะ หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความตกใจและสับสน ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ ทั้งที่เขาไม่เคยดื่มเลือดมนุษย์มาก่อน
“หอมจัง ใช้น้ำหอมอะไร?" เล่นขี้เล่นเปล่งออกมา ทีแท้ก็แค่แกล้งหยอกเธอเล่น ใบหน้าคมมองหน้าหญิงสาวที่เบิกตากว้างตรงหน้าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ แล้วปล่อยมือจากคางของเธอ
ความหงุดหงิดผุดขึ้นมาในดวงตาของวาววาเมื่อโดนเขาแกล้ง เธอเบ้ปากแล้วคว้าหมอนอิงใกล้ตัวปาใส่เขาอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ พร้อมกับเสียงตะโกนดังลั่น
“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย!!!”
“คุณถามคำถามนี้กับผมรอบที่สองแล้วนะ” เชนทร์หัวเราะเบาๆ พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เหนื่อยจากงานแล้วยังมาเจอคนบ้าอีก!”
ร่างเล็กโกรธตุ่บป่อง ก่อนจะเดินกระแทกเท้าไปที่ตู้เย็น ตามความตั้งใจที่ก่อนหน้านี้จะหาของกินของอร่อยๆในตู้เย็นมาเป็นรางวัลหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน
“คุณมาหาฉันที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่า?”
วาววาถามขึ้นพร้อมกับเค้กจากตู้เย็นมาวางบนเคาท์เตอร์ เธอตักเค้กเข้าปากช้าๆ
"ไม่มี" เชนทร์ตอบพลางกระพริบตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าหาเธอด้วยความเร็วราวกับสายลม พลังแวมไพร์ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้ร่างกายที่ดูสงบนั้นกำลังถูกปลุกให้ตื่น “อยากมาฟังเสียงหัวใจคุณเต้นเฉยๆ”
“บ..บ้าอีกละ!!!”
ดวงตากลมโตหลบสายตาของเชนทร์ที่กำลังจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มหวาน เธอรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่ก็พยายามทำเป็นไม่สนใจ ในมือยังถือจานเค้กเดินผ่านเขาไปนั่งลงบนโซฟาอย่างช้าๆกินเค้กอย่างสบายใจ แม้ภายนอกจะดูเฉยชา แต่ภายในใจของเธอกำลังเกิดสงครามระหว่างความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เขา กับความสับสนให้กับแวมไพร์ผู้นี้
ร่างสูงกระโจนลงมานั่งข้างวาววาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
“ทำอะไรของคุณอีกเนี่ย!!!” เสียงใสร้องถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของเขา
"วันนี้คุณพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาสามรอบแล้วนะรู้ตัวไหม?" รอยยิ้มกวนๆบนใบหน้าคมเข้มของคนฝรั่งเศสทำให้วาววาถึงกับทำตัวไม่ถูก
“ก็...คุณทำท่าทางอะไรไม่รู้แปลกๆ ไหนจะคำพูดคำจา” เธอเถียงกลับ “นี่ไม่ใช่คุณ ผีเข้าสิงห์เหรอ?”
“นี่แหละผม” เชนทร์ยืนยัน
“ไม่ใช่!” วาววายังคงตอบโต้
“แล้วนิสัยของผมเป็นยังไง?”
“ก็ขวางโลกกับทุกคนยกเว้น..."
เสียงของเธอค่อยๆ เบาลงจนเกือบจะกระซิบ เชนทร์ยังคงจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย รอฟังคำตอบที่เหลืออย่างใจจดใจจ่อ
“อันนา...” วาววาต่อประโยคจนจบ เธอละสายตาจากเชนทร์แล้วหันมาสนใจจานเค้กชิ้นเล็กๆ ในมือ ก่อนจะตักเข้าปาก
“คุณเคยบอกว่าผมคือตัวละครในนิยายของคุณ”
“ใช่”
“ผมคือแวมไพร์ราเชนทร์ที่อยู่ในโลกมนุษย์มาหลายร้อยปีแล้วโดนคำสาปให้ไม่มีวันตาย นิสัยขวางโลกกับทุกคนยกเว้นอันนา”
“ถูก...”
“ทำไมคุณถึงสร้างให้แวมไพร์ผู้นั้นให้อ่อนโยนแต่กับอันนาล่ะ?” เชนทร์เอ่ยถามด้วยสายตาอยากรู้
“ก็...ถ้าต้องเห็นวงจรชีวิตของมนุษย์เกิด แก่ เจ็บ ตาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบไม่มีวันจบสิ้น คุณคงจะรู้สึกเบื่อหน่ายใช่ไหมล่ะ?” วาววาอธิบาย “แล้วพอมาเจอรอยยิ้มอันอ่อนโยนของอันนาที่ทำให้คุณรู้สึกว่า สิ่งเล็กๆเพียงแค่รอยยิ้มที่ส่งมอบให้ผู้อื่นก็ทำให้คนที่ได้รับรอยยิ้มนั้นอยากมีชีวิตอยู่ต่อ คุณเลยอยากใช้พลังของคุณปกป้องให้เธอมีชีวิตอยู่บนโลกนานที่สุด"
ใบหน้าอันหล่อเหลาพยักหน้าเข้าใจเหตุผลของวาววา
“แล้วนิสัยของอ็องเดรเป็นยังไง?” เขาถามเธอต่อ
“อ็องเดร...” เธอหยุดช้อนที่กำลังตักเค้กไว้กลางอากาศ พลางนึกถึงชายหนุ่มคนนั้น "เป็นคนสนุกสนาน ชอบความท้าทาย มีความฝันอยากผลิตไวน์ที่ดีที่สุดขาย ขี้แกล้ง แต่ก็เป็นมิตรเลยทำให้มีเพื่อนเยอะ อ่อ! เท่ากับตอนนี้คุณก็ทำตามความฝันได้สำเร็จแล้วสิ คุณเป็นเจ้าของ Rewat Legacy ไวน์อันดับหนึ่งของประเทศและติดอันดับไวน์รสชาติดีของโลกอีกด้วย”
“คงเป็นอย่างที่คุณว่า" เขาตอบเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปถามเธอต่อ “แล้วตอนจบนิยายของคุณเป็นยังไง?”
“ฉันยังไม่ได้คิดตอนจบที่แน่นอนเลย” เธอตอบ “บางทีก็อยากอิงตามความเป็นจริงให้อันนาแก่ตายตอนจบตามสัจธรรม แต่อีกใจหนึ่งก็อยากให้สมหวัง เพราะชีวิตจริงคนเราเจอเรื่องอะไรเยอะแยะมากมาย อย่างน้อยฉันอยากให้คนอ่านนิยายของฉันรู้สึกใจฟูขึ้นมาบ้าง”
“ผมมีตอนจบมาเสนอ”
แววตาของวาววาฉายแววอยากรู้ ขณะที่เธอมองใบหน้าคมสันของเขาที่กำลังยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ยังไงเหรอ?” วาววาถาม
“ให้อ็องเดรคู่กับคนเขียนบทสิ”
คำตอบของเชนทร์ทำให้หัวใจของวาววาเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่ใช่แค่คำพูดที่เขาเอ่ยออกมา แต่แววตาที่เขามองมานั้น เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและจริงใจราวกับจะบอกใบ้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ
แกร๊ก!
ช้อนหลุดร่วงจากมือของวาววาไปกระทบกับจานเค้กจนเกิดเสียงเบาๆ เธอรู้สึกถึงความสับสนปะปนกับความตื่นเต้น ใจของเธอเต้นรัวขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอถามตัวเองว่า ทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนี้กับเขา
“เสียงหัวใจของคุณดังก้องอยู่ในหูของผม มันบอกผมว่าคุณรู้สึกยังไง” เขาเอ่ยพร้อมรอยยกยิ้มมุมปาก
วาววาบีบบังคับตัวเองให้สงบ แม้ใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอพยายามจะไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกไป ในขณะที่กำลังหาคำตอบกับความรู้สึกของตนเองที่เกิดขึ้นในตอนนี้
“ฉัน...เป็นกำลังใจให้คุณเจออันนาเร็วๆแล้วกันนะ”
วาววาตักเค้กกินชิ้นสุดท้ายเข้าปากก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะนำจานไปวางในครัวแต่เชนทร์กลับคว้าข้อมือเธอไว้ ดึงเธอให้นั่งลงดังเดิมและหยิบจานจากมือของเธอวางไว้บนโต๊ะแทน
“ทำอะไรของคุ...”
ก่อนที่วาววาจะได้พูดประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง นิ้วของเขาก็แตะริมฝีปากเธอเป็นการตัดบททันที
“ประโยคนี้ครั้งที่สี่แล้วนะ...”
ความเงียบแผ่ปกคลุมไปทั่วห้อง ในขณะที่วาววามองหน้าเชนทร์ที่อยู่ใกล้เธอมากเกินไปจนเธอลืมวิธีหายใจ
“วาววา...” เขาเอ่ยชื่อเธอเบาๆ น้ำเสียงที่แตกต่างจากครั้งแรกราวฟ้ากับเหว ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้นมา
ในขณะที่สายตาของทั้งสองประสานกัน ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะถูกหยุดเวลาลงทันที เสียงรอบข้างจางหายไป เหลือแต่เพียงความรู้สึกอบอวลอยู่ระหว่างคนสองคน
“ผมชอบคุณ”
ถ้าใจของวาววามีผีเสื้อ หลังจากประโยคที่เขาพูดออกมาอย่างอ่อนโยนด้วยสายตาจริงจังนั่นแล้ว ผีเสื้อเป็นล้านได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมบินพล่านอยู่ภายใน ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคแบบนี้จากปากของเขา
ยังไม่ทันที่เธอจะตั้งสติได้ เสียงทุ้มนุ่มของเชนทร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ผมใช้เวลาฟังเสียงหัวใจของคุณเต้นนานพอที่จะรู้ว่า ความรู้สึกของเราตรงกัน ผมถึงกล้าบอกว่าผมชอบคุณ”
"คือ...มะ..ไม่ใช่..." วาววาพูดไม่ออก เธอส่ายหน้าช้าๆ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ใจที่ไม่อาจห้ามความรู้สึกได้ฟูฟ่องข้างในราวกับดอกไม้บานสะพรั่งที่ได้ยินคำบอกรักจากเขา แต่ใจอีกดวงก็รู้สึกสับสนกับความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอ “ฉันไม่ใช่อันนา...”
“ผมไม่เคยบอกว่าคุณคืออันนา” เชนทร์กล่าว
วาววากำลังสับสนอลหม่าน เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนจะพยายามอธิบายทุกอย่างออกมาอย่างใจเย็น
“คุณตามหาอันนามาตลอดไม่ใช่เหรอ?”
“ผมได้ตัดสินใจแล้วที่จะไม่ตามหาอันนาอีกต่อไป นับตั้งแต่วันที่ผมบอกคุณที่บ้านพักตากอากาศ”
แต่ถึงกระนั้นวาววาก็ไม่อยากจะเชื่อ
“คุณแน่ใจเหรอว่าคุณจะไม่เจออันนาอีก...บางทีในอนาคตอันนาอาจจะมาปรากฏตัวก็ได้”
“ตอนนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว” แววตาคมเข้มอันมุ่งมั่นมองเข้ามาในสายตากังวลสับสนของวาววา “จริงๆผมไม่อยากพูดว่า...ถ้าผมคือตัวละครในนิยายที่คุณเขียน...คุณเคยรู้สึกไหมว่านิสัยของตัวละครในนิยายคือนิสัยบางส่วนจากตัวคุณเอง”
ความสงสัยผุดขึ้นมาในใจของเธอ ครุ่นคิดคำพูดของเขา แล้วก็เห็นด้วยตามที่เขาว่า
“เพราะแบบนี้ผมถึงรู้สึกคุ้ยเคยเวลาอยู่กับคุณ” เชนทร์อธิบาย “ไม่ใช่เพราะคุณคือตัวแทนของอันนา แต่เพราะอยู่กับคุณแล้วผมสบายใจ”
เชนทร์จับมือของวาววาเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ ดวงตาสีแดงของเขาสื่อถึงความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
“ผมไม่อยากให้วันพรุ่งนี้มีคุณแค่ในความคิดของผม แต่ผมต้องการมีคุณอยู่ใกล้ๆผมในทุกวัน เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผมได้ไหมครับ…วาววา?”
คำพูดของเชนทร์ได้ทุบกำแพงที่เธอสร้างขึ้นมานานมาแล้วให้พังทลายลงสิ้นซาก จากที่เคยคิดว่าเขาเป็นเพียงแค่ตัวละครในนิยายเลือนหายไปในทันที
ใบหน้าของวาววาแดงก่ำ ใจเต้นรัวราวกับจะทะลุออกมาจากอก แววตาที่เคยสับสนและกังวลตอนนี้กลายเป็นรอยยิ้มเล็กๆ ที่ซ่อนความเขินอาย เธอเพิ่งเข้าใจจริงๆ ว่าอาการคลั่งรักและอ่อนโยนในเวลาเดียวกันจากแวมไพร์ขวางโลกผู้นี้เป็นอย่างไร
แสงไฟนีออนสีสันสดใสจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนดิน แต่บนคอนโดชั้น 26 กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เชนทร์จูบหน้าผากวาววาเบาๆ ทั้งสองยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับ เพื่อให้เธอได้พักผ่อนจากวันที่เหนื่อยล้า“เดี๋ยว! คุณแน่ใจเหรอว่าจะกระโดดลงไป?” เสียงใสเอ่ยถามด้วยแววตากังวลเล็กน้อย“ทำไมละ? ผมก็แค่โดดขึ้นโดดลงปกติ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเจ้าเล่ห์ “หรือจะให้ผมอยู่นอนกอดคุณที่นี่ดี?”“ฉันหมายถึง...คุณแน่ใจนะว่าปลอดภัย คุณบอกฉันเองว่าวันนี้คุณกระโดดตั้งสองสามรอบกว่าจะขึ้นมาที่นี่ได้ มิหนำซ้ำยังทุกลักทุเลกว่าจะปืนขึ้นมาที่ระเบียงนี้ได้อีก” เธอเตือนเขาให้จดจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
วันงานคอนเสิร์ตของ Evan Crimson พีทในชุดลำลองเดินตรงมายังรถหรูที่วาววารออยู่ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิดว่านี่คงเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น การไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเหมือนเป็นการออกเดทแบบไม่เป็นทางการที่เขาตั้งตารอครืดดคนขับรถของวาววาเปิดผลักประตูรถด้านข้างออกกว้างให้พีท ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเห็นคนในรถไม่ได้มีแต่เพียงวาววาและเพื่อนสนิทของเธอที่คอยอยู่ แต่ยังมีเชนทร์อีกด้วย“สวัสดีค่ะคุณพีท เชิญค่ะ” วาววากล่าวต้อนรับเสียงใส"สวัสดีครับคุณวา คุณเชนทร์" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวขึ้นรถด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ตรงไปนั่งข้างมิเกลที่ว่างอยู่&nbs
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก
วันเสาร์ แสงแดดยามเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ของห้องนอนบนคอนโดหรูกลางเมือง ลอดผ่านผ้าม่านบางๆ ลงมาแตะใบหน้าของ "วาววา" หญิงสาววัย 27 ปี กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟคั่วบดจากเครื่องชงอัตโนมัติลอยแตะจมูกปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ วาววาขยับตัวบนที่นอนนุ่มนิ่ม ลืมตาขึ้นมาอย่างง่วงเหงา ยืดเส้นยืดสายคลายความเมื่อยล้าจากการนอนหลับ เธอพลิกตัวไปอีกด้านโดยที่ยังหลับตาอยู่ มือของเธอสัมผัสกับวัตถุบางอย่างที่แข็งและเย็น "อ๊ะ!" วาววาตกใจ ลืมตาสลึมสลือขึ้นมาและมองไปที่วัตถุที่เธอสัมผัสเมื่อครู่ พบว่ามันคือหน้าอกกว้างๆ ของชายหนุ่ม! “กรี๊ดดด!!!” นัยน์ตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง หัวใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกจากอก เขาคือใครกัน ทำไมเขาถึงมานอนอยู่บนเตียงเดียวกับเธอได้ พลึบ! เพราะเสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจของวาววา ทำให้ชายหนุ่มที่หลับสนิทบนเตียงในชุดออลแบล็คลืมตาตื่นขึ้นด้วยความว่องไว ร่างกายของเขาพลิกตัวจากท่านอนลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน ประหนึ่งสัญชาตญาณนักล่าถูกปลุกให้ตื่น นัยน์ตาแดงก่ำของเขาจ้องมองมายังต้นตอของเสียงร้อง และแยกเขี้ยวทั้งสองในปาก
เมื่อวาน (วันศุกร์) เวลา 19.00 น ณ ร้านคาเฟ่เล็กๆ ย่านราม 2 (วันก่อนที่วาววาจะตื่นมาแล้วพบชายนิรนามนอนอยู่ข้างกายเธอ) แกร้ก! ประตูคาเฟ่เล็กๆ บรรยากาศอบอุ่นแห่งนี้ถูกเปิดออก วาววาย่างก้าวเข้าไปด้านใน บรรยากาศภายในเงียบสงัดไร้ผู้คน แสงไฟวอร์มไลท์ค่อนข้างมืดสลัวสาดส่องลงมาที่โต๊ะและเก้าอี้รอต้อนรับลูกค้าไม่เกิน 5 ที่นั่ง ในขณะที่วาววากำลังกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้าน ทันใดนั้น เสียงฟ้าผ่าจากด้านนอกก็ดังสนั่น ก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า แสงสว่างจ้า วาบผ่านหน้างต่างใสเพียงบานเดียวที่ร้านมี วาววาสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ “อ๊ายยย!!!” ซู่... ไม่ทันไร เม็ดฝนก็เทกระหน่ำลงมาจากท้องฟ้าราวกับพายุเข้า “อ้าวแม่หนู...” เจ้าของร้านร่างท้วม ยิ้มแย้มแจ่มใส ท่าทางใจดีเดินออกมาจากหลังร้านเมื่อได้ยินเสียงร้องตกใจของวาววา “ท่าทางฝนจะตกหนัก นั่งหลบในร้านป้าก่อนได้นะ” “ข..ขอบคุณค่ะ” วาววายิ้มตอบก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ใกล้เธอที่สุด “เมนูอยู่บนโต๊ะ ต้องการอะไรก็บอกป้าได้เลยจ้ะ” กระเป๋าใบหรูที่วาววาถืออยู่ถูกวางลงบนเก้าอี้ข้างที่นั่งของเธอ ก่อนที่เธ
หนึ่งวันหลังจากวาววาเจอชายนิรนามบนเตียงเดียวกับเธอ คอนโดมีเนียมใจกลางกรุงสูงเด่นสง่าภายใต้แสงดาวระยิบระยับท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดสนิท เรียวขาเล็กก้าวออกมาจากอ่างอาบน้ำหินอ่อนเย็นฉ่ำ ราวกับปลุกความสดชื่นจากความรู้สึกอ่อนล้าที่นั่งรวบรวมข้อมูลนิยายสุดรักของเธอมาทั้งวัน ร่างกายที่เคยอ่อนเพลียกลับเปล่งประกายสดใส มีชีวิตชีวาอีกครั้ง วาววาใช้ผ้าขนหนูสีขาวโอบล้อมร่างกายอันเพรียวบางไว้ ก่อนจะเปิดประตูและก้าวออกมาจากห้องอาบน้ำ “นึกว่าตายในห้องน้ำแล้ว นานมาก!” “กรี๊ดดดดด!!!” ปั่ก!! ท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงทุ้มต่ำกังวานดังก้องขึ้นอย่างกะทันหัน วาววาแทบตั้งตัวไม่ทัน ร่างสูงโปร่งปรากฏกายอยู่ตรงหน้าประตู แววตาสีเลือดฉานจ้องมองเธอ พาความทรงจำอันเลือนรางถึงชายแปลกหน้าที่เคยบุกเข้ามาในห้องวันก่อนหวนกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง วาววาตกใจสุดขีด ตะโกนกรีดร้องพร้อมถอยหลังจนล้มก้นจ้ำบ๊ะบนพื้นในห้องน้ำ “แกเป็นใคร!? ออกไปปป!!” ชายหนุ่มยืนนิ่ง ไร้ซึ่งคำตอบใดๆ เขาแค่เพียงจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าเท่านั้น "ไอบ้านี่!" วาววาตะโกนซ้
---------- ...นิยายของวาววา... ... ณ ร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่ง มีโต๊ะไม้สีอ่อนเรียงรายรองรับลูกค้าประมาณ 10-12 โต๊ะ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารไทยโบราณ รสชาติไทยๆที่รังสรรค์โดยครอบครัวที่อบอุ่น คุณพ่อยืนอยู่หน้าร้านคอยต้อนรับแขกและรับออเดอร์ด้วยรอยยิ้ม คุณแม่วุ่นวายอยู่ในครัวปรุงอาหารด้วยความพิถีพิถัน ส่วนลูกสาวคนเล็กกำลังช่วยยกจานอาหารเสิร์ฟตามโต๊ะต่างๆ “สวัสดีครับ อ้าว...อันนาลูก” รอยยิ้มของพ่อฉายแววอบอุ่นยามต้อนรับลูกค้าที่หน้าร้าน แต่เมื่อสายตาเหลือบเห็นใบหน้าคุ้นเคยของลูกสาวคนโตที่ยืนเคียงข้างชายหนุ่มรูปงาม ความประหลาดใจก็พลันปรากฏบนใบหน้า “พาใครมาด้วยล่ะลูก?” คนเป็นพ่อเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “นี่คุณเชนทร์ค่ะ เขาอยากมาชิมฝีมือคุณแม่” อันนาตอบชายผู้เป็นพ่อก่อนจะหันไปหาเชนทร์เพื่อแนะนำให้เขาได้รู้จักผู้ชายคนสำคัญอีกหนึ่งคนในชีวิตของเธอ “นี่พ่อของอันนาเองค่ะ” “สวัสดีครับ” เชนทร์ยกมือไหว้ทักทายคนเป็นผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม ใบหน้าคมคายสไตล์ลูกครึ่งยามประสานมือไหว้แบบไทยๆ ยิ่งเผยเสน่ห์น่าเอ็นดูเป็นทวีคูณ “ใครเหรอพี่อันนา?” เสียงแหลมใสดังแท
สองเท้าก้าวฉับๆ วาววารีบเร่งมุ่งหน้าสู่ห้องทำงาน ในวันนี้เธอปรากฏตัวในชุดที่เรียบหรู สะท้อนรสนิยมสไตล์ Old Money อย่างมีระดับบรรยากาศวันนี้ช่างแตกต่างจากทุกๆ วัน ความอึดอัดปกคลุมไปด้วยความสงสัย พนักงานในบริษัทต่างจับจ้องไปที่ชายหนุ่มรูปงามผู้ปรากฏตัวขึ้นราวกับเป็นเงาเดินตามติดวาววาไปทุกที่พลึบ!วาววาวางของที่เธอถือติดตัวมาไว้ข้างโต๊ะทำงานของเธอ ในห้องกว้างใหญ่ ตกแต่งอย่างหรูหรา สะท้อนถึงสถานะผู้บริหารระดับสูง เธอหยิบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาตรวจดูโดยไม่สนใจเชนทร์ที่เดินตามเธอเข้ามาในห้องนี้ด้วยแม้แต่น้อยก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้น มีนาเลขาสาวสวยของเธอเดินเข้ามา"สวัสดีค่ะคุณวา" มีนากล่าวทักทายเสียงหวาน ปลายตามองชายร่างสูงโปร่ง หน้าคมเข้มสไตล์ลูกครึ่งยืนนิ่งสง่างามในชุดสีดำสนิท สร้างความสับสนให้เธอไม่น้อย“นี่คุณราเชนทร์ ให้เขารอในห้องระหว่างที่วาประชุมก็ได้ค่ะ” วาววาอธิบาย “ไม่ต้องเตรียมกาแฟหรือเครื่องดื่มใดๆ นะคะ คุณราเชนทร์แจ้งว่าไม่ชอบดื่มกาแฟช่วงเช้า”เธอรีบพูดดักเลขาของเธอ พยายามหาข้ออ้างเพื่อรักษาระยะห่างของเลขาคนสวยจากชายหนุ่มแวมไพร์ตรงหน้าอย่างไรเสีย ก็เพื่อความปลอดภั
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก
วันงานคอนเสิร์ตของ Evan Crimson พีทในชุดลำลองเดินตรงมายังรถหรูที่วาววารออยู่ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิดว่านี่คงเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น การไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเหมือนเป็นการออกเดทแบบไม่เป็นทางการที่เขาตั้งตารอครืดดคนขับรถของวาววาเปิดผลักประตูรถด้านข้างออกกว้างให้พีท ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเห็นคนในรถไม่ได้มีแต่เพียงวาววาและเพื่อนสนิทของเธอที่คอยอยู่ แต่ยังมีเชนทร์อีกด้วย“สวัสดีค่ะคุณพีท เชิญค่ะ” วาววากล่าวต้อนรับเสียงใส"สวัสดีครับคุณวา คุณเชนทร์" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวขึ้นรถด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ตรงไปนั่งข้างมิเกลที่ว่างอยู่&nbs
แสงไฟนีออนสีสันสดใสจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนดิน แต่บนคอนโดชั้น 26 กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เชนทร์จูบหน้าผากวาววาเบาๆ ทั้งสองยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับ เพื่อให้เธอได้พักผ่อนจากวันที่เหนื่อยล้า“เดี๋ยว! คุณแน่ใจเหรอว่าจะกระโดดลงไป?” เสียงใสเอ่ยถามด้วยแววตากังวลเล็กน้อย“ทำไมละ? ผมก็แค่โดดขึ้นโดดลงปกติ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเจ้าเล่ห์ “หรือจะให้ผมอยู่นอนกอดคุณที่นี่ดี?”“ฉันหมายถึง...คุณแน่ใจนะว่าปลอดภัย คุณบอกฉันเองว่าวันนี้คุณกระโดดตั้งสองสามรอบกว่าจะขึ้นมาที่นี่ได้ มิหนำซ้ำยังทุกลักทุเลกว่าจะปืนขึ้นมาที่ระเบียงนี้ได้อีก” เธอเตือนเขาให้จดจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
หลังจากวันที่แวมไพร์ตัวป่วนถามจี้จนใจของเธอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของเขาก็โผล่เข้ามาอยู่ในหัวของเธอแทบจะทุกวินาทีวาววาเดินไปที่ประตูระเบียงกระจกใสที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่เอี่ยม สายตาของเธอไล่เรียงไปตามรอยต่อของกระจก ก่อนจะหยุดลงที่สลักประตูครั้งนี้แทนที่จะล็อคประตู เธอเลือกที่จะปลดล็อคมันออก เผื่อว่า... เจ้าแวมไพร์จะแวะมาเยี่ยมเยียนจะได้ไม่ต้องพังประตูของเธออีกแต่บางความคิดก็วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเธอไม่ใช่อันนา เธอคือวาววา คนละคนกัน แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้กับเธออันที่จริง...นิยายแวมไพร์ที่เธอเขียน แม้จะตั้งชื่อและกำหนดนิสัยตัวละครหลักไปแล้ว แต่โครงเรื่องนิยายแวมไพร์ของเธอยังคงค้างคาอยู่แค่ครึ่งทาง ทั้งพล็อตเรื่องและตอนจบก็ยังไม่มีอะไรที่แน่ชัดกรื่อ กรื่อเสียงริงโทนมือถือของวาววาดังขึ้น เธอที่กำลังใช้เวลาว่างนั่งดูซีรีส์ต้องก้มมองหน้าจอที่แสดงชื่อผู้ติด
หลังจากเดินทางกลับจากโคราชและทำงานต่อที่บริษัทในวันหยุดสุดสัปดาห์ วาววาก็ทิ้งร่างอันเหนื่อยล้าลงบนเตียงนอนในคอนโดที่เงียบสงบเธอใช้เวลาอยู่นานในการตัดสินใจกลับมาที่คอนโดแห่งนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานพอจนมั่นใจว่าเพทายเลิกติดตามเธอ และงานเอกสารที่เก็บไว้ในคอนโดก่อนหน้านี้ที่ต้องสะสางก็เร่งรัด เธอจึงจำใจต้องมาที่นี่ประตูระเบียงที่เคยพังเพราะเชนทร์ ตอนนี้ได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยถูกปิดอย่างมิดชิดความเหนื่อยทับถมเธอจนรู้สึกเหมือนกำลังจะล่องลอย ร่างกายเริ่มร้อนรุมจากภายในเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาการป่วยกำลังจะมาเยือน แต่ความอ่อนเพลียมีอำนาจมากกว่า ทำให้เปลือกตาของเธอค่อยๆปิดลงโดยไม่ทันคิดถึงเรื่องอื่นอีกต่อไปแสงจันทร์ส่องกระทบร่างของวาววาที่นอนขดตัวอยู่บนเตียง ร่างกายร้อนผ่าวราวกับเตาผิงเล็กๆ วาววาตื่นลุกขึ้นเดินโซเซเข้าห้องน้ำกลางดึก จากนั้นเธอค่อยๆพาร่างไร้เรี่ยวแรงของเธอไปที่โต๊ะทำงานแต่ก็เซเกือบล้มลง โชคดีที่มีแขนแกร่งเข้ามาประคองเธอไว้ได้ทัน“ผมเชนทร์เอง... ไม่ต้องตกใจ&r
ความรู้สึกสดชื่นแผ่ซ่านทั่วร่างกายเมื่อวาววาเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วและแสงแดดอุ่นๆ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก แต่ความสับสนในใจจากคำพูดของเชนทร์เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ไม่หาย“มันไม่ใช่ประโยคบอกรักใช่ไหม?” วาววาพึมพำกับตนเอง เธอพยายามนึกถึงนิสัยของเชนทร์ที่สร้างขึ้นมาและพล็อตเรื่องนิยายทีเธอเขียน‘ราเชนทร์’ หรือชื่อเดิมว่า ‘อ็องเดร’ นิสัยพื้นฐาน ร่าเริง สนุกสนาน ชอบความท้าทาย กล้าหาญ ดื้อรั้น ขี้เล่น ชอบแหย่ ชอบแกล้ง แต่หลังจากกลายเป็นแวมไพร์ เขาก็มีแต่ความเบื่อจนกลายเป็นคนเงียบขรึมไม่สุงสิงกับใคร ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก เขาเป็นคนโรแมนติกกับคนรักมาก รักใครรักจริง หึงหวงแฟนเป็นที่หนึ่ง“แล้วที่เราใจเต้นเมื่อคืน...เพราะรู้สึกอะไรกับเขาหรือเปล่านะ...” วาววาครุ่นคิดในใจ“คุณวาครับ คุณวา...”&
ในห้องนั่งเล่นของบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ที่ราเชนทร์เป็นเจ้าของ วาววาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม ร่างกายยังคงสั่นระริกจากความตกใจที่เชนทร์อุ้มเธอกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางมาเป็นระยะทางไกลถึงสองกิโลเมตรในพริบตา“ถ้าฉันช็อคตายไปจะทำยังไงหา!!!” วาววาโพล่งออกมาด้วยความหงุดหงิดและยังคงหอบหายใจแรงอยู่“ให้กัดไหมละ จะได้เป็นอมตะเหมือนกัน?”แววตาของเธอจ้องเขม็งไปที่เจ้าแวมไพร์ พลางคิดในใจอย่างหงุดหงิดถึงตัวละครเจ้าแวมไพร์ที่เธอสร้างขึ้นมา โรแมนติกเฉพาะกับอันนา แต่กับคนอื่นนั้นขวางโลกใส่ทุกคน“ขอบคุณที่ให้ยืม” เชนทร์กล่าวพร้อมยื่นไอแพดของวาววาคืนให้เธอวาววารับไอแพดคืนมาพร้อมกับสายตาที่เปลี่ยนไปจากความขุ่นเคืองเมื่อครู่ กลายเป็นความสงสัยเล็กๆ“ไม่ใช้แล้วเหรอ?” เธอถาม“ไม่แล้วล่ะ” เชนทร์ตอบพร้อมคว้าขวดไวน์แดงที่ถูกเตรียมอยู่บนโต๊ะมา แล้วรินมันลงไปในแก้วคริสตัลสองใบอย่างเชื่องช้าด้วยแววตาว่างเปล่า
แสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆสาดส่องลงที่ไร่องุ่นกว้างใหญ่นี้ สายลมอ่อนๆพัดผ่านทำให้ใบองุ่นเขียวชอุ่มโบกสะบัดอย่างนุ่มนวล ถึงแม้อากาศในตอนนี้จะร้อนไปสักนิด แต่ทุกคนก็ดูจะตื่นเต้นไม่ใช่น้อยวาววา วีวี่ เดินลงจากรถกอล์ฟมาสมทบกลุ่มผู้บริหารระดับกลางที่ยืนรออยู่ทางเข้าไร่องุ่นอยู่ก่อนแล้วปวิธกำลังสนทนากับใครบางอยู่ เมื่อเห็นวาววาและวีวี่เดินมา เขาก็รีบกล่าวต้อนรับพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น“คุณวาววา คุณวีวี่ครับ นี่คือคุณพีท จากทีมสถาปนิกที่จะเข้ามาดูแลโปรเจคของพวกเราครับ”เขาแนะนำชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับวาววา ชายหนุ่มผิวขาว ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน-ญี่ปุ่น ใบหน้าคมสันที่ยืนอยู่ข้างกาย พีทมีรูปร่างสูงโปร่งและมีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรงสมส่วน ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อสบตาวาววาราวกับถูกสะกดด้วยเสน่ห์ของเธอตั้งแต่แรกเห็นกลิ่นหอมหวานขององุ่นสุกฟุ้งไปทั่วแปลงที่พวกเขากำลังเดินชม ภาพของเหล่าคนงานที่กำลังเก็บเกี่ยวพวงองุ่นสีม่วงอมแดงสดใส สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสดชื่นยิ่งนัก ทุกคนยิ่งรู้สึกปร
----------...นิยายของวาววา......“แม่! ถ่ายรูปให้หนูหน่อย” วาววาร้องเรียกเสียงใส พร้อมยื่นมือถือให้แม่ของเธอถ่ายรูปเธอกับวิวสวยที่บ้านพักตากอากาศของเชนทร์ที่เขาใหญ่นี้ด้วยความตั้งใจอยากให้อันนาและครอบครัวได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เชนทร์จึงเชิญทุกคนมาที่บ้านพักตากอากาศส่วนตัว ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม มีทั้งไร่องุ่นเขียวขจีและขุนเขาสูงตระหง่าน“เข้ามาชมด้านในก่อนสิครับ” เชนทร์เอ่ยเรียกอันนาที่ยืนยิ้มมองดูพ่อแม่และวาววาผลัดกันถ่ายรูปกันอย่างมีความสุขอยู่ที่สวนทางเข้าหน้าบ้าน“ได้ค่ะ”อันนาส่งยิ้มให้เชนทร์ก่อนที่จะเดินตามเขาเข้าไปด้านในบ้านบ้านพักตากอากาศสไตล์โมเดิร์นผสมผสานความหรูหราและธรรมชาติ ตั้งอยู่บนทำเลที่เงียบสงบในเขาใหญ่ มีไร่องุ่นส่วนตัวรายล้อม สวนหน้าบ้านตกแต่งอย่างสวยงาม และภายในบ้านตกแต่ง