หลังจากวันที่แวมไพร์ตัวป่วนถามจี้จนใจของเธอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของเขาก็โผล่เข้ามาอยู่ในหัวของเธอแทบจะทุกวินาที
วาววาเดินไปที่ประตูระเบียงกระจกใสที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่เอี่ยม สายตาของเธอไล่เรียงไปตามรอยต่อของกระจก ก่อนจะหยุดลงที่สลักประตู
ครั้งนี้แทนที่จะล็อคประตู เธอเลือกที่จะปลดล็อคมันออก เผื่อว่า... เจ้าแวมไพร์จะแวะมาเยี่ยมเยียนจะได้ไม่ต้องพังประตูของเธออีก
แต่บางความคิดก็วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง
เธอไม่ใช่อันนา เธอคือวาววา คนละคนกัน แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้กับเธอ
อันที่จริง...นิยายแวมไพร์ที่เธอเขียน แม้จะตั้งชื่อและกำหนดนิสัยตัวละครหลักไปแล้ว แต่โครงเรื่องนิยายแวมไพร์ของเธอยังคงค้างคาอยู่แค่ครึ่งทาง ทั้งพล็อตเรื่องและตอนจบก็ยังไม่มีอะไรที่แน่ชัด
กรื่อ กรื่อ
เสียงริงโทนมือถือของวาววาดังขึ้น เธอที่กำลังใช้เวลาว่างนั่งดูซีรีส์ต้องก้มมองหน้าจอที่แสดงชื่อผู้ติดต่อมา เธอใจหายวาบเมื่อเห็นชื่อนิติคอนโด และหวังว่าคงจะไม่ใช่เรื่องเพทาย เพราะหลังจากเหตุการณ์ที่เพทายบุกเข้าห้องเธอ เธอก็แจ้งนิติคอนโดให้ช่วยจับตามองผู้ชายคนนี้ห้ามเข้ามาด้านในอีกเด็ดขาด
“สวัสดีค่ะ” วาววากดรับสาย
“สวัสดีครับ คุณวารีรินหรือเปล่าครับ?” เสียงปลายสายเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ใช่ค่ะ”
“ขออภัยที่ต้องรบกวนคุณวารีรินในเวลาดึกครับ ผมแค่อยากสอบถามว่าคุณวารีรินว่ามีตากผ้าไว้ที่ระเบียงหรือเปล่าครับ?”
ความสงสัยผุดขึ้นมาในใจของวาววา ทำไมอยู่ๆ นิติคอนโดถึงถามเกี่ยวกับเรื่องตากผ้า
ปกติแล้วเรื่องพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของแม่บ้านประจำครอบครัวของเธอมารับผ้าไปซักและนำมาคืนเมื่อเสร็จ เพราะฉะนั้นจะไม่มีผ้าใดๆตากที่ระเบียงทั้งนั้น
“ไม่มีนะคะ”
“พอดี รปภ.แจ้งผมว่าเหมือนเห็นเป็นคนอยู่ที่ระเบียงคุณวารีริน แต่ผมมองจากชั้นหนึ่งตรงนี้มันค่อนข้างมืดและสูง หลังจากที่คุณแจ้งเรื่องคนบุกรุก รปภ.ก็ช่วยกันสังเกตการณ์ตลอดครับ แต่ผมว่าชั้น 26 ที่คุณวารีรินอยู่นั้น คนน่าจะปืนขึ้นไปยาก”
ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยว่าจะมีใครกล้าปีนขึ้นมาบนระเบียงห้องเธอได้นอกจาก...
เจ้าแวมไพร์ตัวป่วนคนนั้น!
ร่างเล็กที่ถูกปกคลุมด้วยชุดนอนสบายๆ ค่อยๆ เดินไปที่ระเบียงช้าๆ ด้วยความระแวดระวัง สายตาของเธอพยายามสอดส่องไปรอบๆ จู่ๆ ก็มีฝ่ามือหนาโอบกระชับขอบระเบียงไว้แน่น ทำให้เธอต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ว๊าย!”
“ฮัลโหลคุณวารีริน เกิดอะไรขึ้นครับ?” นิติคอนโดที่ยังอยู่ในสายโทรศัพท์ได้ยินเสียงวาววาร้องจึงรีบเอ่ยถามความผิดปกติ
ในความมืดมิด เงาของศีษระผู้ชายคนหนึ่งค่อยๆ โผล่พ้นเหนือขอบระเบียงขึ้นมา วาววาใจหายวาบก่อนจะเพ่งมองดีๆแล้วเห็นว่าเป็นเชนทร์ เธอรีบตอบกลับนิติคอนโดในสายทันที
"เอ่อ...ผ้าที่ตากไว้ที่ระเบียงจะหล่นค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่โทรมาสอบถาม" เสียงของเธอสั่นระริกเล็กน้อยก่อนจะกดวางสายไป
ติ้ด
“ทำอะไรของคุณเนี่ย!” วาววาร้องเสียงหลงก่อนจะพยายามช่วยพยุงร่างสูงของเชนทร์ให้มายืนบนระเบียงได้อย่างปลอดภัย “ถ้าคนเห็นคุณกระโดดขึ้นลงคอนโดชั้น 26 มีหวังรายการผีโทรมาหาฉันแน่นอน”
แสงไฟสลัวจากภายในห้องส่องกระทบใบหน้าเคร่งเครียดของเขา ก่อนจะพาร่างสูงเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดิมอย่างเคย
"ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น" เขาตอบพลางหายใจหอบเหนื่อยเล็กน้อย ทำให้คนที่ฟังอยู่ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
“คืออะไร? หมายความว่ายังไง?” วาววาถาม
“วันนี้ผมพยายามกระโดดตั้งสองสามรอบกว่าจะสูงถึงห้องของคุณได้”
คิ้วของคนฟังถึงกับกระชับเข้าหากัน ก่อนจะถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ค..คุณ..หิวหรือเปล่า?” เธอแค่เดาว่าหรือแรงของเขาที่น้อยลงนั้นมาจากความหิว ครั้นเธอจะถามว่าไม่ได้ดูดเลือดมานานแค่ไหนแล้วก็ฟังดูน่ากลัวเกินไป
เชนทร์ค่อยๆ หันมา สายตาแดงก่ำของเขาจ้องมองเธอราวกับเหยื่อ ความหิวกระหายแผ่ซ่านออกมาจากดวงตาคู่นั้นจนวาววาอดหวั่นใจไม่ได้
“นั่นสิ...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาเบาๆ แต่กลับทำให้คนฟังขนลุกซู่ไปทั้งตัว “ถ้าได้เลือดของผู้หญิงสักคนก็น่าจะอิ่มไปอีกนาน...”
สิ้นคำพูด เขาก็พุ่งตัวเข้าหาวาววาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือหนาคว้าคางของเธอให้เงยขึ้น จมูกและริมฝีปากของเชนทร์แตะต้องคอขาวของเธอ
วาววานิ่งค้างไปชั่วขณะ หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความตกใจและสับสน ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ ทั้งที่เขาไม่เคยดื่มเลือดมนุษย์มาก่อน
“หอมจัง ใช้น้ำหอมอะไร?" เล่นขี้เล่นเปล่งออกมา ทีแท้ก็แค่แกล้งหยอกเธอเล่น ใบหน้าคมมองหน้าหญิงสาวที่เบิกตากว้างตรงหน้าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ แล้วปล่อยมือจากคางของเธอ
ความหงุดหงิดผุดขึ้นมาในดวงตาของวาววาเมื่อโดนเขาแกล้ง เธอเบ้ปากแล้วคว้าหมอนอิงใกล้ตัวปาใส่เขาอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ พร้อมกับเสียงตะโกนดังลั่น
“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย!!!”
“คุณถามคำถามนี้กับผมรอบที่สองแล้วนะ” เชนทร์หัวเราะเบาๆ พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เหนื่อยจากงานแล้วยังมาเจอคนบ้าอีก!”
ร่างเล็กโกรธตุ่บป่อง ก่อนจะเดินกระแทกเท้าไปที่ตู้เย็น ตามความตั้งใจที่ก่อนหน้านี้จะหาของกินของอร่อยๆในตู้เย็นมาเป็นรางวัลหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน
“คุณมาหาฉันที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่า?”
วาววาถามขึ้นพร้อมกับเค้กจากตู้เย็นมาวางบนเคาท์เตอร์ เธอตักเค้กเข้าปากช้าๆ
"ไม่มี" เชนทร์ตอบพลางกระพริบตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าหาเธอด้วยความเร็วราวกับสายลม พลังแวมไพร์ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้ร่างกายที่ดูสงบนั้นกำลังถูกปลุกให้ตื่น “อยากมาฟังเสียงหัวใจคุณเต้นเฉยๆ”
“บ..บ้าอีกละ!!!”
ดวงตากลมโตหลบสายตาของเชนทร์ที่กำลังจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มหวาน เธอรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่ก็พยายามทำเป็นไม่สนใจ ในมือยังถือจานเค้กเดินผ่านเขาไปนั่งลงบนโซฟาอย่างช้าๆกินเค้กอย่างสบายใจ แม้ภายนอกจะดูเฉยชา แต่ภายในใจของเธอกำลังเกิดสงครามระหว่างความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เขา กับความสับสนให้กับแวมไพร์ผู้นี้
ร่างสูงกระโจนลงมานั่งข้างวาววาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
“ทำอะไรของคุณอีกเนี่ย!!!” เสียงใสร้องถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของเขา
"วันนี้คุณพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาสามรอบแล้วนะรู้ตัวไหม?" รอยยิ้มกวนๆบนใบหน้าคมเข้มของคนฝรั่งเศสทำให้วาววาถึงกับทำตัวไม่ถูก
“ก็...คุณทำท่าทางอะไรไม่รู้แปลกๆ ไหนจะคำพูดคำจา” เธอเถียงกลับ “นี่ไม่ใช่คุณ ผีเข้าสิงห์เหรอ?”
“นี่แหละผม” เชนทร์ยืนยัน
“ไม่ใช่!” วาววายังคงตอบโต้
“แล้วนิสัยของผมเป็นยังไง?”
“ก็ขวางโลกกับทุกคนยกเว้น..."
เสียงของเธอค่อยๆ เบาลงจนเกือบจะกระซิบ เชนทร์ยังคงจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย รอฟังคำตอบที่เหลืออย่างใจจดใจจ่อ
“อันนา...” วาววาต่อประโยคจนจบ เธอละสายตาจากเชนทร์แล้วหันมาสนใจจานเค้กชิ้นเล็กๆ ในมือ ก่อนจะตักเข้าปาก
“คุณเคยบอกว่าผมคือตัวละครในนิยายของคุณ”
“ใช่”
“ผมคือแวมไพร์ราเชนทร์ที่อยู่ในโลกมนุษย์มาหลายร้อยปีแล้วโดนคำสาปให้ไม่มีวันตาย นิสัยขวางโลกกับทุกคนยกเว้นอันนา”
“ถูก...”
“ทำไมคุณถึงสร้างให้แวมไพร์ผู้นั้นให้อ่อนโยนแต่กับอันนาล่ะ?” เชนทร์เอ่ยถามด้วยสายตาอยากรู้
“ก็...ถ้าต้องเห็นวงจรชีวิตของมนุษย์เกิด แก่ เจ็บ ตาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบไม่มีวันจบสิ้น คุณคงจะรู้สึกเบื่อหน่ายใช่ไหมล่ะ?” วาววาอธิบาย “แล้วพอมาเจอรอยยิ้มอันอ่อนโยนของอันนาที่ทำให้คุณรู้สึกว่า สิ่งเล็กๆเพียงแค่รอยยิ้มที่ส่งมอบให้ผู้อื่นก็ทำให้คนที่ได้รับรอยยิ้มนั้นอยากมีชีวิตอยู่ต่อ คุณเลยอยากใช้พลังของคุณปกป้องให้เธอมีชีวิตอยู่บนโลกนานที่สุด"
ใบหน้าอันหล่อเหลาพยักหน้าเข้าใจเหตุผลของวาววา
“แล้วนิสัยของอ็องเดรเป็นยังไง?” เขาถามเธอต่อ
“อ็องเดร...” เธอหยุดช้อนที่กำลังตักเค้กไว้กลางอากาศ พลางนึกถึงชายหนุ่มคนนั้น "เป็นคนสนุกสนาน ชอบความท้าทาย มีความฝันอยากผลิตไวน์ที่ดีที่สุดขาย ขี้แกล้ง แต่ก็เป็นมิตรเลยทำให้มีเพื่อนเยอะ อ่อ! เท่ากับตอนนี้คุณก็ทำตามความฝันได้สำเร็จแล้วสิ คุณเป็นเจ้าของ Rewat Legacy ไวน์อันดับหนึ่งของประเทศและติดอันดับไวน์รสชาติดีของโลกอีกด้วย”
“คงเป็นอย่างที่คุณว่า" เขาตอบเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปถามเธอต่อ “แล้วตอนจบนิยายของคุณเป็นยังไง?”
“ฉันยังไม่ได้คิดตอนจบที่แน่นอนเลย” เธอตอบ “บางทีก็อยากอิงตามความเป็นจริงให้อันนาแก่ตายตอนจบตามสัจธรรม แต่อีกใจหนึ่งก็อยากให้สมหวัง เพราะชีวิตจริงคนเราเจอเรื่องอะไรเยอะแยะมากมาย อย่างน้อยฉันอยากให้คนอ่านนิยายของฉันรู้สึกใจฟูขึ้นมาบ้าง”
“ผมมีตอนจบมาเสนอ”
แววตาของวาววาฉายแววอยากรู้ ขณะที่เธอมองใบหน้าคมสันของเขาที่กำลังยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ยังไงเหรอ?” วาววาถาม
“ให้อ็องเดรคู่กับคนเขียนบทสิ”
คำตอบของเชนทร์ทำให้หัวใจของวาววาเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่ใช่แค่คำพูดที่เขาเอ่ยออกมา แต่แววตาที่เขามองมานั้น เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและจริงใจราวกับจะบอกใบ้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ
แกร๊ก!
ช้อนหลุดร่วงจากมือของวาววาไปกระทบกับจานเค้กจนเกิดเสียงเบาๆ เธอรู้สึกถึงความสับสนปะปนกับความตื่นเต้น ใจของเธอเต้นรัวขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอถามตัวเองว่า ทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนี้กับเขา
“เสียงหัวใจของคุณดังก้องอยู่ในหูของผม มันบอกผมว่าคุณรู้สึกยังไง” เขาเอ่ยพร้อมรอยยกยิ้มมุมปาก
วาววาบีบบังคับตัวเองให้สงบ แม้ใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอพยายามจะไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกไป ในขณะที่กำลังหาคำตอบกับความรู้สึกของตนเองที่เกิดขึ้นในตอนนี้
“ฉัน...เป็นกำลังใจให้คุณเจออันนาเร็วๆแล้วกันนะ”
วาววาตักเค้กกินชิ้นสุดท้ายเข้าปากก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะนำจานไปวางในครัวแต่เชนทร์กลับคว้าข้อมือเธอไว้ ดึงเธอให้นั่งลงดังเดิมและหยิบจานจากมือของเธอวางไว้บนโต๊ะแทน
“ทำอะไรของคุ...”
ก่อนที่วาววาจะได้พูดประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง นิ้วของเขาก็แตะริมฝีปากเธอเป็นการตัดบททันที
“ประโยคนี้ครั้งที่สี่แล้วนะ...”
ความเงียบแผ่ปกคลุมไปทั่วห้อง ในขณะที่วาววามองหน้าเชนทร์ที่อยู่ใกล้เธอมากเกินไปจนเธอลืมวิธีหายใจ
“วาววา...” เขาเอ่ยชื่อเธอเบาๆ น้ำเสียงที่แตกต่างจากครั้งแรกราวฟ้ากับเหว ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้นมา
ในขณะที่สายตาของทั้งสองประสานกัน ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะถูกหยุดเวลาลงทันที เสียงรอบข้างจางหายไป เหลือแต่เพียงความรู้สึกอบอวลอยู่ระหว่างคนสองคน
“ผมชอบคุณ”
ถ้าใจของวาววามีผีเสื้อ หลังจากประโยคที่เขาพูดออกมาอย่างอ่อนโยนด้วยสายตาจริงจังนั่นแล้ว ผีเสื้อเป็นล้านได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมบินพล่านอยู่ภายใน ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคแบบนี้จากปากของเขา
ยังไม่ทันที่เธอจะตั้งสติได้ เสียงทุ้มนุ่มของเชนทร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ผมใช้เวลาฟังเสียงหัวใจของคุณเต้นนานพอที่จะรู้ว่า ความรู้สึกของเราตรงกัน ผมถึงกล้าบอกว่าผมชอบคุณ”
"คือ...มะ..ไม่ใช่..." วาววาพูดไม่ออก เธอส่ายหน้าช้าๆ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ใจที่ไม่อาจห้ามความรู้สึกได้ฟูฟ่องข้างในราวกับดอกไม้บานสะพรั่งที่ได้ยินคำบอกรักจากเขา แต่ใจอีกดวงก็รู้สึกสับสนกับความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอ “ฉันไม่ใช่อันนา...”
“ผมไม่เคยบอกว่าคุณคืออันนา” เชนทร์กล่าว
วาววากำลังสับสนอลหม่าน เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนจะพยายามอธิบายทุกอย่างออกมาอย่างใจเย็น
“คุณตามหาอันนามาตลอดไม่ใช่เหรอ?”
“ผมได้ตัดสินใจแล้วที่จะไม่ตามหาอันนาอีกต่อไป นับตั้งแต่วันที่ผมบอกคุณที่บ้านพักตากอากาศ”
แต่ถึงกระนั้นวาววาก็ไม่อยากจะเชื่อ
“คุณแน่ใจเหรอว่าคุณจะไม่เจออันนาอีก...บางทีในอนาคตอันนาอาจจะมาปรากฏตัวก็ได้”
“ตอนนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว” แววตาคมเข้มอันมุ่งมั่นมองเข้ามาในสายตากังวลสับสนของวาววา “จริงๆผมไม่อยากพูดว่า...ถ้าผมคือตัวละครในนิยายที่คุณเขียน...คุณเคยรู้สึกไหมว่านิสัยของตัวละครในนิยายคือนิสัยบางส่วนจากตัวคุณเอง”
ความสงสัยผุดขึ้นมาในใจของเธอ ครุ่นคิดคำพูดของเขา แล้วก็เห็นด้วยตามที่เขาว่า
“เพราะแบบนี้ผมถึงรู้สึกคุ้ยเคยเวลาอยู่กับคุณ” เชนทร์อธิบาย “ไม่ใช่เพราะคุณคือตัวแทนของอันนา แต่เพราะอยู่กับคุณแล้วผมสบายใจ”
เชนทร์จับมือของวาววาเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ ดวงตาสีแดงของเขาสื่อถึงความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
“ผมไม่อยากให้วันพรุ่งนี้มีคุณแค่ในความคิดของผม แต่ผมต้องการมีคุณอยู่ใกล้ๆผมในทุกวัน เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผมได้ไหมครับ…วาววา?”
คำพูดของเชนทร์ได้ทุบกำแพงที่เธอสร้างขึ้นมานานมาแล้วให้พังทลายลงสิ้นซาก จากที่เคยคิดว่าเขาเป็นเพียงแค่ตัวละครในนิยายเลือนหายไปในทันที
ใบหน้าของวาววาแดงก่ำ ใจเต้นรัวราวกับจะทะลุออกมาจากอก แววตาที่เคยสับสนและกังวลตอนนี้กลายเป็นรอยยิ้มเล็กๆ ที่ซ่อนความเขินอาย เธอเพิ่งเข้าใจจริงๆ ว่าอาการคลั่งรักและอ่อนโยนในเวลาเดียวกันจากแวมไพร์ขวางโลกผู้นี้เป็นอย่างไร
แสงไฟนีออนสีสันสดใสจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนดิน แต่บนคอนโดชั้น 26 กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เชนทร์จูบหน้าผากวาววาเบาๆ ทั้งสองยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับ เพื่อให้เธอได้พักผ่อนจากวันที่เหนื่อยล้า“เดี๋ยว! คุณแน่ใจเหรอว่าจะกระโดดลงไป?” เสียงใสเอ่ยถามด้วยแววตากังวลเล็กน้อย“ทำไมละ? ผมก็แค่โดดขึ้นโดดลงปกติ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเจ้าเล่ห์ “หรือจะให้ผมอยู่นอนกอดคุณที่นี่ดี?”“ฉันหมายถึง...คุณแน่ใจนะว่าปลอดภัย คุณบอกฉันเองว่าวันนี้คุณกระโดดตั้งสองสามรอบกว่าจะขึ้นมาที่นี่ได้ มิหนำซ้ำยังทุกลักทุเลกว่าจะปืนขึ้นมาที่ระเบียงนี้ได้อีก” เธอเตือนเขาให้จดจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
วันงานคอนเสิร์ตของ Evan Crimson พีทในชุดลำลองเดินตรงมายังรถหรูที่วาววารออยู่ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิดว่านี่คงเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น การไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเหมือนเป็นการออกเดทแบบไม่เป็นทางการที่เขาตั้งตารอครืดดคนขับรถของวาววาเปิดผลักประตูรถด้านข้างออกกว้างให้พีท ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเห็นคนในรถไม่ได้มีแต่เพียงวาววาและเพื่อนสนิทของเธอที่คอยอยู่ แต่ยังมีเชนทร์อีกด้วย“สวัสดีค่ะคุณพีท เชิญค่ะ” วาววากล่าวต้อนรับเสียงใส"สวัสดีครับคุณวา คุณเชนทร์" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวขึ้นรถด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ตรงไปนั่งข้างมิเกลที่ว่างอยู่&nbs
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก
“ผมถึงแล้วนะ”เชนทร์ก้าวลงจากรถคันหรูที่เพิ่งมาส่งเขา ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นรีสอร์ท เขาก็รีบโทรบอกวาววา สายตามองไปยังตัวอาคารที่เงียบสงบ ด้านในยังคงมืดมิดราวกับไม่มีใครอยู่คนขับรถของเขานำกระเป๋าใบเล็กวางให้เขาที่หน้าประตูทางเข้ารีสอร์ทนี้ ก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะขับรถออกไป ทิ้งให้เชนทร์ยืนอยู่คนเดียวในความมืด“เดินเข้าไปรอด้านในได้เลย อีกไม่นานฉันก็จะถึงแล้วเหมือนกัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยของวาววาขณะที่โกหกเขาไปอย่างหน้าตาเฉย เพราะแท้จริงแล้วเธอแอบอยู่ด้านใน แทบจะอดใจไม่ไหวที่จะเห็นสีหน้าของเขาเมื่อพบกับเซอร์ไพรส์ที่เตรียมไว้เชนทร์ผลักประตูเข้าไปในห้องที่มืดสนิท ทันใดนั้น เสียงเพลง Happy Birthday ก็ดังขึ้นจากความมืด
ยามค่ำคืนแสนสงบ แสงดาวระยิบระยับแข่งกันบนผืนฟ้าสีดำสนิท มีเพียงเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งเป็นจังหวะทำให้ค่ำคืนนี้ดูอบอุ่นใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ตะวันตกยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ฉลองวันเกิดโดยผู้หญิงคนที่เขารักคนนี้เป็นคนจัดการและดูแลทุกอย่างจนทำให้ในค่ำคืนนี้ดูสมบูรณ์แบบที่สุดดินเนอร์ริมทะเลเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติก วาววายิ้มร่า ขณะเดินเข้าที่พักไปหยิบเค้ก แต่ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงฝ่ามืออบอุ่นโอบรอบเอวเบาๆ เมื่อหันไปสบตาเชนทร์ หัวใจก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ ผมมีความสุขที่สุดเลย” เขาโน้มตัวลงหอมแก้มเธอพร้อมกับกระซิบขอบคุณเบาๆที่ข้างหู“ฉันดีใจนะที่คุณชอบ” วาววาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ปะ...ไปกินเค้กกัน ร้านนี้อร่อยนะฉันชิมแล้ว”“อร่อยจริงเหรอ?” เขาถามในขณะที่ยังไม่คลายกอดจากเธอ “ขอลองชิมหน่อยสิ”วาววาหยิบช้อนเล็กขึ้นมาเตรียมจะตักเค้กให้เขา แต่ก็ถูกร่างสูงจู่โจมกอดเธอจากด
วันพักร้อนที่วาววาวางแผนไว้ว่าจะใช้เวลาพักผ่อนอย่างสบายๆ กลับต้องเริ่มต้นด้วยการวิ่งรอกเข้าออฟฟิศเพื่อจัดการงานด่วนด่วนที่เข้ามาแม้ว่าเธอจะอยากจะขี้เกียจอยู่บนเตียงนุ่มๆ แต่ความรับผิดชอบก็ผลักดันให้เธอต้องลุกขึ้นมาทำงานจนเสร็จสิ้น ก่อนจะขับรถตามโลเคชั่นที่เชนทร์ส่งให้เธอมา“ฉันมาถึงแล้วนะ”ทันทีที่วาววาจอดรถถึงจุดหมายก็กดโทรศัพท์หาเชนทร์เพื่อแจ้งให้เขาทราบ ไม่นานนัก ประตูรั้วก็ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกอัตโนมัติ เผยให้เห็นสวนสวยที่ร่มรื่นและน้ำพุกลางวงเวียนที่พ่นละอองน้ำระยิบระยับ สวนดอกไม้หลากสีสันเบ่งบานสะพรั่งต้อนรับเธอเข้าสู่บ้านหลังใหญ่รถที่ขับโดยวาววาจอดนิ่งสนิท เธอค่อยๆ ก้าวลงจากรถและเงยหน้ามองขึ้นไปยังตัวบ้าน ร่างสูงสง่าของเชนทร์เดินลงมาจากบันไดอย่างช้าๆ ด้านข้างมีแม่บ้านหนึ่งคนในชุดกระโปรงสีฟ้ายืนคอยต้อนรับวาววาเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่นี้ที่เคยปรากฏในจินตนาการของเธอผ่านนิยายที่เธอเขียน ความหรูหราอลังการของทุกตารางนิ้วทำให้เธออ้าปากค้างไปเลยทีเดียว
วาววาในฐานะผู้บริหารการตลาดกำลังเตรียมตัวสำหรับการประชุมสำคัญที่กำลังจะมาถึง แต่ในใจกลับว้าวุ่นไม่หาย เหตุการณ์ในวันที่เธอได้พบกับหญิงสาวคนนั้นที่มีลักษณะภายนอกตรงกับอันนาในนิยายที่เธอเขียนทุกประการยังคงวนเวียนอยู่ในหัวแม้ว่าเธอจะเป็นผู้บริหารที่แข็งแกร่ง แต่ความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกอ่อนแอแสงแดดยามสายสาดส่องลงบนใบหน้าคมสันของเชนทร์ ขณะที่เขานั่งอยู่ในสวน ในมือถือถ้วยกาแฟไว้ ดวงตาคู่สีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีคราม ก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบช้าๆเสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าบ้าน เขาหันไปมองด้วยความสงสัยเล็กน้อย หญิงสาวร่างโปร่งสวมเดรสเรียบง่ายก้าวเข้ามา สายตาของทั้งคู่ปะทะกันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เธอจะก้มศีรษะลงเล็กน้อย ยิ้มอย่างสุภาพเพื่อกล่าวทักทายเชนทร์ยิ้มตอบกลับคุณครูอันนา ความรู้สึกคุ้นเคยมันคืบคลานเข้ามาในใจ ทำให้เขาต้องหยุดคิดทบทวนตัวเอง หรือจะเป็นเพราะในอดีตที่เขาหมกมุ่นอยู่กับการตามหาอันนาที่มีเชื้อสายลูกครึ่งและเป็นบรรณารักษ์เป็น
คฤหาสน์หลังงามมูลค่าร้อยล้านหลังนี้ดูราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย เชนทร์ก้าวออกมาจากประตูบ้านกว้าง สัมภาระของเขาถูกคนขับรถนำไปเก็บไว้บนรถที่จอดรออยู่ด้านนอก พร้อมสำหรับการเดินทางในวันนี้ในจังหวะเดียวกัน เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ เขาหันไปมอง เห็นอันนาเดินเข้ามาพอดี เธอยิ้มทักทายเล็กน้อย“สวัสดีค่ะคุณเชนทร์”“สวัสดีครับ”อันนาเฝ้ามองคนขับรถที่กำลังวุ่นวายอยู่กับสัมภาระของเชนทร์ อยู่ที่ท้ายรถ“คุณเชนทร์กำลังจะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”“ครับ”“ขนของไปเยอะแบบนี้ สงสัยไปค่อนข้างนานเลยใช่ไหมคะ?” อันนาถามด้วยความสุภาพ“น่าจะประมาณสองสามอาทิตย์ครับ”ความรู้สึกเสียดายฉายชัดในแววตาของเธอ เมื่อนึกถึงวันที่ไม่ได้เจอเขาบ่อยเหมือนเคย“อ่อ คุณเชนทร์คะ... พอดีฉันทำขนมมาฝากหนูใบบัว" อันนากล่าวพร้อมยื่นถุงขนมมาใ
คฤหาสน์หลังงามมูลค่าร้อยล้านหลังนี้ดูราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย เชนทร์ก้าวออกมาจากประตูบ้านกว้าง สัมภาระของเขาถูกคนขับรถนำไปเก็บไว้บนรถที่จอดรออยู่ด้านนอก พร้อมสำหรับการเดินทางในวันนี้ในจังหวะเดียวกัน เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ เขาหันไปมอง เห็นอันนาเดินเข้ามาพอดี เธอยิ้มทักทายเล็กน้อย“สวัสดีค่ะคุณเชนทร์”“สวัสดีครับ”อันนาเฝ้ามองคนขับรถที่กำลังวุ่นวายอยู่กับสัมภาระของเชนทร์ อยู่ที่ท้ายรถ“คุณเชนทร์กำลังจะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”“ครับ”“ขนของไปเยอะแบบนี้ สงสัยไปค่อนข้างนานเลยใช่ไหมคะ?” อันนาถามด้วยความสุภาพ“น่าจะประมาณสองสามอาทิตย์ครับ”ความรู้สึกเสียดายฉายชัดในแววตาของเธอ เมื่อนึกถึงวันที่ไม่ได้เจอเขาบ่อยเหมือนเคย“อ่อ คุณเชนทร์คะ... พอดีฉันทำขนมมาฝากหนูใบบัว" อันนากล่าวพร้อมยื่นถุงขนมมาใ
วาววาในฐานะผู้บริหารการตลาดกำลังเตรียมตัวสำหรับการประชุมสำคัญที่กำลังจะมาถึง แต่ในใจกลับว้าวุ่นไม่หาย เหตุการณ์ในวันที่เธอได้พบกับหญิงสาวคนนั้นที่มีลักษณะภายนอกตรงกับอันนาในนิยายที่เธอเขียนทุกประการยังคงวนเวียนอยู่ในหัวแม้ว่าเธอจะเป็นผู้บริหารที่แข็งแกร่ง แต่ความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกอ่อนแอแสงแดดยามสายสาดส่องลงบนใบหน้าคมสันของเชนทร์ ขณะที่เขานั่งอยู่ในสวน ในมือถือถ้วยกาแฟไว้ ดวงตาคู่สีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีคราม ก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบช้าๆเสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าบ้าน เขาหันไปมองด้วยความสงสัยเล็กน้อย หญิงสาวร่างโปร่งสวมเดรสเรียบง่ายก้าวเข้ามา สายตาของทั้งคู่ปะทะกันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เธอจะก้มศีรษะลงเล็กน้อย ยิ้มอย่างสุภาพเพื่อกล่าวทักทายเชนทร์ยิ้มตอบกลับคุณครูอันนา ความรู้สึกคุ้นเคยมันคืบคลานเข้ามาในใจ ทำให้เขาต้องหยุดคิดทบทวนตัวเอง หรือจะเป็นเพราะในอดีตที่เขาหมกมุ่นอยู่กับการตามหาอันนาที่มีเชื้อสายลูกครึ่งและเป็นบรรณารักษ์เป็น
วันพักร้อนที่วาววาวางแผนไว้ว่าจะใช้เวลาพักผ่อนอย่างสบายๆ กลับต้องเริ่มต้นด้วยการวิ่งรอกเข้าออฟฟิศเพื่อจัดการงานด่วนด่วนที่เข้ามาแม้ว่าเธอจะอยากจะขี้เกียจอยู่บนเตียงนุ่มๆ แต่ความรับผิดชอบก็ผลักดันให้เธอต้องลุกขึ้นมาทำงานจนเสร็จสิ้น ก่อนจะขับรถตามโลเคชั่นที่เชนทร์ส่งให้เธอมา“ฉันมาถึงแล้วนะ”ทันทีที่วาววาจอดรถถึงจุดหมายก็กดโทรศัพท์หาเชนทร์เพื่อแจ้งให้เขาทราบ ไม่นานนัก ประตูรั้วก็ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกอัตโนมัติ เผยให้เห็นสวนสวยที่ร่มรื่นและน้ำพุกลางวงเวียนที่พ่นละอองน้ำระยิบระยับ สวนดอกไม้หลากสีสันเบ่งบานสะพรั่งต้อนรับเธอเข้าสู่บ้านหลังใหญ่รถที่ขับโดยวาววาจอดนิ่งสนิท เธอค่อยๆ ก้าวลงจากรถและเงยหน้ามองขึ้นไปยังตัวบ้าน ร่างสูงสง่าของเชนทร์เดินลงมาจากบันไดอย่างช้าๆ ด้านข้างมีแม่บ้านหนึ่งคนในชุดกระโปรงสีฟ้ายืนคอยต้อนรับวาววาเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่นี้ที่เคยปรากฏในจินตนาการของเธอผ่านนิยายที่เธอเขียน ความหรูหราอลังการของทุกตารางนิ้วทำให้เธออ้าปากค้างไปเลยทีเดียว
ยามค่ำคืนแสนสงบ แสงดาวระยิบระยับแข่งกันบนผืนฟ้าสีดำสนิท มีเพียงเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งเป็นจังหวะทำให้ค่ำคืนนี้ดูอบอุ่นใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ตะวันตกยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ฉลองวันเกิดโดยผู้หญิงคนที่เขารักคนนี้เป็นคนจัดการและดูแลทุกอย่างจนทำให้ในค่ำคืนนี้ดูสมบูรณ์แบบที่สุดดินเนอร์ริมทะเลเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติก วาววายิ้มร่า ขณะเดินเข้าที่พักไปหยิบเค้ก แต่ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงฝ่ามืออบอุ่นโอบรอบเอวเบาๆ เมื่อหันไปสบตาเชนทร์ หัวใจก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ ผมมีความสุขที่สุดเลย” เขาโน้มตัวลงหอมแก้มเธอพร้อมกับกระซิบขอบคุณเบาๆที่ข้างหู“ฉันดีใจนะที่คุณชอบ” วาววาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ปะ...ไปกินเค้กกัน ร้านนี้อร่อยนะฉันชิมแล้ว”“อร่อยจริงเหรอ?” เขาถามในขณะที่ยังไม่คลายกอดจากเธอ “ขอลองชิมหน่อยสิ”วาววาหยิบช้อนเล็กขึ้นมาเตรียมจะตักเค้กให้เขา แต่ก็ถูกร่างสูงจู่โจมกอดเธอจากด
“ผมถึงแล้วนะ”เชนทร์ก้าวลงจากรถคันหรูที่เพิ่งมาส่งเขา ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นรีสอร์ท เขาก็รีบโทรบอกวาววา สายตามองไปยังตัวอาคารที่เงียบสงบ ด้านในยังคงมืดมิดราวกับไม่มีใครอยู่คนขับรถของเขานำกระเป๋าใบเล็กวางให้เขาที่หน้าประตูทางเข้ารีสอร์ทนี้ ก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะขับรถออกไป ทิ้งให้เชนทร์ยืนอยู่คนเดียวในความมืด“เดินเข้าไปรอด้านในได้เลย อีกไม่นานฉันก็จะถึงแล้วเหมือนกัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยของวาววาขณะที่โกหกเขาไปอย่างหน้าตาเฉย เพราะแท้จริงแล้วเธอแอบอยู่ด้านใน แทบจะอดใจไม่ไหวที่จะเห็นสีหน้าของเขาเมื่อพบกับเซอร์ไพรส์ที่เตรียมไว้เชนทร์ผลักประตูเข้าไปในห้องที่มืดสนิท ทันใดนั้น เสียงเพลง Happy Birthday ก็ดังขึ้นจากความมืด
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก
วันงานคอนเสิร์ตของ Evan Crimson พีทในชุดลำลองเดินตรงมายังรถหรูที่วาววารออยู่ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิดว่านี่คงเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น การไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเหมือนเป็นการออกเดทแบบไม่เป็นทางการที่เขาตั้งตารอครืดดคนขับรถของวาววาเปิดผลักประตูรถด้านข้างออกกว้างให้พีท ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเห็นคนในรถไม่ได้มีแต่เพียงวาววาและเพื่อนสนิทของเธอที่คอยอยู่ แต่ยังมีเชนทร์อีกด้วย“สวัสดีค่ะคุณพีท เชิญค่ะ” วาววากล่าวต้อนรับเสียงใส"สวัสดีครับคุณวา คุณเชนทร์" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวขึ้นรถด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ตรงไปนั่งข้างมิเกลที่ว่างอยู่&nbs
แสงไฟนีออนสีสันสดใสจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนดิน แต่บนคอนโดชั้น 26 กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เชนทร์จูบหน้าผากวาววาเบาๆ ทั้งสองยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับ เพื่อให้เธอได้พักผ่อนจากวันที่เหนื่อยล้า“เดี๋ยว! คุณแน่ใจเหรอว่าจะกระโดดลงไป?” เสียงใสเอ่ยถามด้วยแววตากังวลเล็กน้อย“ทำไมละ? ผมก็แค่โดดขึ้นโดดลงปกติ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเจ้าเล่ห์ “หรือจะให้ผมอยู่นอนกอดคุณที่นี่ดี?”“ฉันหมายถึง...คุณแน่ใจนะว่าปลอดภัย คุณบอกฉันเองว่าวันนี้คุณกระโดดตั้งสองสามรอบกว่าจะขึ้นมาที่นี่ได้ มิหนำซ้ำยังทุกลักทุเลกว่าจะปืนขึ้นมาที่ระเบียงนี้ได้อีก” เธอเตือนเขาให้จดจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
หลังจากวันที่แวมไพร์ตัวป่วนถามจี้จนใจของเธอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของเขาก็โผล่เข้ามาอยู่ในหัวของเธอแทบจะทุกวินาทีวาววาเดินไปที่ประตูระเบียงกระจกใสที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่เอี่ยม สายตาของเธอไล่เรียงไปตามรอยต่อของกระจก ก่อนจะหยุดลงที่สลักประตูครั้งนี้แทนที่จะล็อคประตู เธอเลือกที่จะปลดล็อคมันออก เผื่อว่า... เจ้าแวมไพร์จะแวะมาเยี่ยมเยียนจะได้ไม่ต้องพังประตูของเธออีกแต่บางความคิดก็วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเธอไม่ใช่อันนา เธอคือวาววา คนละคนกัน แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้กับเธออันที่จริง...นิยายแวมไพร์ที่เธอเขียน แม้จะตั้งชื่อและกำหนดนิสัยตัวละครหลักไปแล้ว แต่โครงเรื่องนิยายแวมไพร์ของเธอยังคงค้างคาอยู่แค่ครึ่งทาง ทั้งพล็อตเรื่องและตอนจบก็ยังไม่มีอะไรที่แน่ชัดกรื่อ กรื่อเสียงริงโทนมือถือของวาววาดังขึ้น เธอที่กำลังใช้เวลาว่างนั่งดูซีรีส์ต้องก้มมองหน้าจอที่แสดงชื่อผู้ติด