"ข้าขอสัญญาว่าจะรักเจ้าไปตลอดกาล แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใจของข้าได้"
คำพูดของนักแสดงชายสะกดทุกสายตาและสัมผัสหัวใจของผู้ชมทุกคน ทำให้ห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงปรบมือดังกึกก้อง
“ฉันพร้อมแล้วที่จะเป็นของคุณตลอดกาล...”
นักแสดงฝ่ายหญิงเปล่งวาจา ก่อนที่นักแสดงชายซึ่งเป็นแวมไพร์จะโอบกอดเธอไว้ และค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้คอของนักแสดงสาวอย่างช้าๆและฝังเขี้ยวแหลมคมลงไปที่คอของหญิงสาว แสงไฟแฟลชสว่างขึ้นเป็นช่วงๆ เพื่อเน้นย้ำความตื่นเต้น
ผู้คนต่างปรบมือโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นการแสดงอันน่าทึ้งนี้
“ขอบคุณการแสดงที่ตื่นตาตื่นใจมากๆครับ และ ณ เวลานี้ที่ทุกท่านรอคอยก็มาถึง คือการเปิดตัวไวน์รสชาติใหม่จากบริษัท Rewat Legacy!”
หลังจากสิ้นเสียงประกาศของพิธีกร เอฟเฟคควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมาคล้ายหมอกจางๆ เผยให้เห็นแท่นเลื่อนวางไวน์อัตโนมัติที่ค่อยๆ เลื่อนออกมาจากความมืดช้าๆ
“ขอเชิญท่านประธานกรรมการบริษัท Rewat Legacy คุณปวิธ เรวัตทรัพย์โภคิน ขึ้นมาเป็นประธานในพิธีเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรา ขอเสียงปรบมือดังๆ ต้อนรับท่านด้วยครับ”
ชายหนุ่มสัญชาติไทย วัย 35 ปี รูปร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำสุดคลาสสิก ก้าวขึ้นเวทีด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น พร้อมกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในครั้งนี้
ภาพตรงหน้าทำให้วาววาอ้าปากตกตะลึง
วาววาเงยหน้ามองชายหนุ่มบนเวที ตัวละครอีกหนึ่งตัวในนิยายของเธอที่เคยจินตนาการไว้นั้นปรากฏตรงหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ ปวิธคือลูกหลานตระกูลที่รู้ความลับของเชนทร์
และที่สำคัญเหตุการณ์เปิดตัวไวน์นี้ ไม่เคยอยู่ในพล็อตเรื่องใดๆ ของเธอ ความสับสนผุดขึ้นมาในใจ เธอเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า หรือแท้จริงแล้วเธอเองต่างหากที่เป็นตัวละครในเรื่องราวที่คนอื่นเขียนขึ้นแทนนะ
“และในวันนี้...”
เสียงของปวิธค่อยๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบกริบ ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา
“ได้รับเกียรติอย่างสูงที่จะให้ทุกท่านได้พบกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท Rewat Legacy และผู้คิดค้นรสชาติไวน์ตัวใหม่ของเราในวันนี้...”
คำพูดของปวิธเพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้ใจของวาววาสั่นระรัว เธอจ้องมองบนเวทีตาไม่กระพริบ ลุ้นวาจาจากปวิธบนเวทีว่าจะกล่าวชื่อเดียวกับที่เธอคิดไว้หรือไม่
“ขอเสียงปรบมือต้อนรับ คุณราเชนทร์ เรวัตทรัพย์โภคิน ด้วยครับ”
แล้วสิ่งที่เธอคาดเดาก็ถูกต้อง...
ปวิธกล่าวพร้อมกับถอยกลับไปด้านข้างเวที เสียงปรบมือดังกึกก้องก้องกังวานไปทั่วห้องโถง ร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำค่อยๆ เดินออกมาจากหลังเวที ใบหน้าหล่อเหลาคมคายสไตล์ตะวันตกเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่กวาดมองรอบห้อง เมื่อมาถึงกลางเวที เขาหยุดยืนพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ยทักทายแขกทุกคนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“สวัสดีครับ”
เสียงปรบมือยังคงดังไม่ขาดสาย โดยเฉพาะจากเหล่าสุภาพสตรีที่ต่างพากันส่งยิ้มให้กับเชนทร์เพราะชื่นชมความหล่อเหลาของเขาที่ลุคเป็นชาวยุโรปแต่สามารถการพูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว ทำให้เชนทร์กลายเป็นจุดสนใจของงานในคืนนี้ ไม่เว้นแม้แต่มิเกล
“แกกก! หล่อมากกกก เคยได้ยินแต่ชื่อ เพิ่งจะเคยเห็นตัวจริงก็วันนี้ แกๆๆๆ แกกก!” มิเกลพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพลางสะกิดวาววารัวๆ
“เออฉันรู้แล้ว”
สายตาของวาววามองตรงไปที่เชนทร์บนเวทีอย่างตั้งใจ คำถามเป็นพันเป็นหมื่นแล่นเข้ามาในหัว จะมีตัวละครไหนในนิยายของเธออีกที่หลุดออกมา มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่อันนาจะหลุดออกมาจากนิยายเธอเช่นกัน
"วา!"
เสียงเรียกของมิเกลดังขึ้น ทำให้วาววาสะดุ้ง หลุดจากภวังค์แห่งความคิดที่วนเวียนอยู่
“วา! เขาเรียกแก!”
"หา?!" วาววาเบิกตากว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความงงงวย ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนในขณะนั้น สายตาทุกคู่ในห้องต่างจับจ้องมาที่เธอ
“คุณราเชนทร์ประกาศว่ามีโปรเจคทำร่วมกับ Zenith Mall แกต้องขึ้นไปบนเวทีแล้ว เขาเชิญแก”
เพียงเสี้ยววินาทีที่วาววาปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับความคิดของตัวเอง จนพลาดฟังสิ่งที่ราเชนทร์พูดบนเวทีไปเมื่อครู่ไปเสียสนิท
ร่างเล็กในชุดราตรีสีแดงเมอเมดลุกจากที่นั่งของเธออย่างช้าๆ เพื่อเดินตรงไปยังเวที และยืนเคียงข้างราเชนทร์ผู้สง่างาม
“ขอเสียงปรบมือต้อนรับคุณวาววา จาก Zenith Mall อีกครั้งครับ”
เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วห้อง วาววาได้แต่ฉีกยิ้มเจื่อน โครงการที่บริษัทของเขาจะทำร่วมกับ Zenith Mall นั้นไม่มีอยู่ในหัวของเธอแม้แต่น้อย
เชนทร์ยื่นไมค์ให้วาววาได้กล่าวเกี่ยวกับโปรเจคของทั้งสอง มือเล็กรับไมค์มาด้วยท่าทีกังวลเล็กน้อย เธอต้องคิดวิธีแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ไวที่สุด
“สวัสดีค่ะ วาววา วารีริน รัตนพิพัฒน์วงศ์ จาก Zenith Mall ค่ะ” วาววากล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ พร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส
“การได้ร่วมงานกับ Rewat Legacy ในครั้งนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับ Zenith Mall อย่างไรแล้วขอเชิญทุกท่านร่วมติดตามความพิเศษของโปรเจคนี้ไปด้วยกันนะคะ”
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง สตาฟสาวคนหนึ่งก้าวออกมา มอบช่อดอกไม้สีขาวช่อโตให้ราเชนทร์ ก่อนที่เขาจะหันไปทางวาววาและมอบช่อดอกไม้นั้นพร้อมกับรอยยิ้มบางให้กับเธอ
วาววาส่งยิ้มรับช่อดอกไม้ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบว่าดอกไม้สีขาวช่อโตนั้นเต็มไปด้วยดอกแก้ว ดอกไม้ที่เป็นสาเหตุให้เธอจามไม่หยุดทุกครั้งที่ได้กลิ่น เธอปรายตามองเขม็งราเชนทร์ราวกับจะเปิดศึกต่อสู้
"ขอบคุณทั้งสองท่านมากครับ" พิธีกรกล่าวพลางเดินขึ้นมายังเวที "และขอเชิญทุกท่านร่วมลิ้มลองเมนูพิเศษจากเชฟของเรา คู่กับไวน์ชั้นเลิศในค่ำคืนนี้ได้เลยครับ"
เสียงเพลงคลอเบาๆ ขณะที่วาววาเดินเคียงข้างราเชนทร์มาที่โต๊ะ ปวิธที่มาประจำที่นั่งโต๊ะเดียวกับวาววาลุกขึ้นยืนทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับคุณวาววา”
“ส..สวัสดีค่ะ” วาววากล่าวทักทายกลับปวิธพร้อมแอบยู่จมูกกลั้นจามเล็กน้อย
“ถ้าคุณสมิธและคุณกานต์แก้วไม่ติดไปทริปต่างประเทศ สงสัยผมคงไม่ได้เห็นว่าทั้งสองมีลูกสาวสวยขนาดนี้นะครับ” ปวิธกล่าวชมวาววา
“คุณปวิธก็ชมเกินไปค่ะ”
“พอดีผมคุยกับคุณสมิธเรื่องโครงการนี้คร่าวๆ แล้วครับ แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมากนัก วันนี้เลยถือโอกาสเปิดตัวอย่างเป็นทางการเลยทีเดียว” ปวิธกล่าว “คุณวาววาคงทราบเรื่องนี้อยู่บ้างแล้วสินะครับ”
เขาสังเกตเห็นความประหม่าของวาววาบนเวทีเมื่อครู่ จึงเอ่ยปากถามเพื่อความแน่ใจ
"วาไม่ค่อยทราบรายละเอียดของโปรเจคนี้เท่าไหร่ค่ะ แต่จะรีบไปสอบถามคุณพ่อให้ชัดเจนนะคะ" วาววาเอ่ยขึ้นเสียงเบาพลางยกมือขึ้นบังจมูกที่เริ่มมีอาการจามจากกลิ่นหอมหวานของดอกแก้วจากช่อดอกไม้ในมือของเธอ
“ยังไงเดี๋ยวผมนัดคุยรายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้งนะ”
“ได้เลยค่ะ”
"จะยืนอีกนานไหมครับคุณผู้บริหาร" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นขัดจังหวะของวาววา ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง ก่อนจะพบกับดวงตาคมกริบของเชนทร์ที่กำลังมองมาที่เธอ "เชิญนั่งได้เลยครับ"
เขาพูดพร้อมผายมือให้เธอเคลื่อนตัวไปบริเวณที่นั่งของเธอเพราะตอนนี้เธอกำลังยืนบังที่นั่งของเขาอยู่
"ขอบคุณค่ะ!" วาววาเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางตามมารยาท ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ ร่างสูงของราเชนทร์เคลื่อนตามมาอย่างนุ่มนวล นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เธอ
“แก! เราได้นั่งโต๊ะเดียวกับคุณราเชนทร์ด้วย!” มิเกลที่นั่งข้างๆวาววากระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ
"ฮัด...ฮัด!" วาววาพยายามกลั้นเสียงจามสุดชีวิต หวังจะไม่ให้เสียงดังรบกวนบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่รายล้อมไปด้วยบุคคลสำคัญ
“วา...แกโอเคไหม จมูกแดงเชียว?” มิเกลที่สังเกตเห็นความผิดปกติของเพื่อนรัก เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
วาววาพยักหน้ารับเบาๆ
"ฮัด..ช!" วาววาต้องรีบยกมือขึ้นปิดจมูกแน่น กลิ่นดอกแก้วที่ลอยมาแตะจมูก กลับกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ทำให้เธอแทบจะทนไม่ไหว
ในที่สุดเธอจำต้องขอตัวออกไปพร้อมกับช่อดอกไม้ในมือติดตัวไปด้วยหวังหาที่ทิ้งมันให้พ้นๆ
“ขอตัวสักครู่นะคะ”
เรียวขาเล็กก้าวฉับๆ ผ่านประตูห้องบอลรูมสุดหรู ดวงตาคู่สวยสอดส่องหาห้องน้ำอย่างร้อนรน แต่ยังไม่ทันจะถึงเป้าหมาย ก็ถูกแรงดึงที่ข้อมือให้เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มผู้ดึงรั้งข้อมือคนนี้เสียก่อน
“พี่เพทาย?...” วาววารีบดึงมือกลับ “วารีบ ขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยว!” เขาก้าวข้ามมาขวางทางเธอทันควัน “ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างวาววาก็มาออกงานได้เหมือนกัน”
ริมฝีปากหนาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่สายตาของเขาไล่เรียงไปตามเรือนร่างอรชรอันเย้ายวนของเธอในชุดเดรสสีแดงสดนี้
“ฮัดชิ่ววว!”
วาววาจามออกมาเสียงดัง กลิ่นดอกแก้วที่หอมฟุ้งทั่วบริเวณจากช่อดอกไม้ในมือของเธอดูจะไม่ถูกชะตาเธอเอาเสียเลย
เพทายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ถึงกับสะดุ้งโหยง ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ใบหน้าของวาววาแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เธอกำลังพยายามกลั้นอาการแพ้กลิ่นดอกไม้ไว้
"จามแล้วก็ปิดปากหน่อยสิครับวา" เพทายเอ่ยเสียงเรียบพลางหรี่ตามองวาววาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปราวกับฟ้าและเหว จากที่ขยะแขยงเมื่อครู่ กลับกลายเป็นประกายเจ้าชู้เย้ายวน
จมูกแดงก่ำราวกับมะเขือเทศสุก วาววาอดไม่ได้ที่จะขยี้เบาๆ ความรู้สึกคันจมูกทำให้เธอหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม วาววาไม่อยากเสียเวลาเถียงกับเพทายอีกแล้ว จึงเลือกที่จะเดินจากไป แต่ดูเหมือนเพทายจะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ
“เพราะราเชนทร์มันรวยกว่าใช่ไหม วาถึงเลิกกับพี่แล้วไปหามัน?”
เขาก้าวเดินตามหลังวาววาไปติดๆ วาววาเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำแต่เลี่ยงที่จะเดินหนีไปแทน
“ทีกับพี่ไม่ยอมให้แตะเนื้อต้องตัว ที่กับมันถวายทั้งตัวทั้งใจเลยใช่ไหม? ”
“ฮัดเช่ยยย!!!” วาววาหยุดกึกก่อนจะหันมามองเพทายด้วยความโกรธ
ยังไม่ทันที่วาววาจะได้เถียงอะไรออกไป เสียงทุ้มเข้มของเชนทร์ก็ดังขึ้นแทรกกลางเสียก่อน
“อย่าดูถูกแขก VVIP ของผมสิครับ”
เสียงกล่าวทักทายอย่างไม่เป็นทางการดังขึ้นจากด้านหลังของเพทาย ก่อนร่างสูงสง่าของเชนทร์จะปรากฏ
เพทายก้าวถอยห่างมือที่สามในความคิดเขา ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความกลัว แต่ในดวงตาคู่คมกลับฉายแววแห่งความแข็งกร้าวราวกับจะเผาผลาญทุกสิ่งที่ขวางหน้า
เชนทร์ปรายตามองนิ้วของเพทายที่เขาเคยหักมัน ตอนนี้ถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาวเพื่อรอการสมานตัวของกระดูก
“แผลเดิมดูเหมือนจะยังไม่หายดี ต้องการแผลใหม่เหรอครับ?”
“อย่าคิดว่าตัวเองใหญ่โต แล้วจะทำอะไรใครก็ได้ตามใจ” คำพูดท้าทายเชนทร์ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
เชนทร์พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย มองเพทายด้วยสายตาเย็นชา
“เอาเถอะ” เขาตัดบท “ผมขอตัวแขก VVIP ของผมนะครับ”
มือหนาของเชนทร์แตะลงบนเอวบางของวาววา ก่อนจะออกแรงดันเบาๆให้เธอเดินไปข้างหน้ากับเขา มองข้ามความโกรธเกรี้ยวของเพทายไปอย่างไม่ใส่ใจ
“ฮัดชิ่ว! ฮัดชิ่วววว!!!”
----------...นิยายของวาววา......เสียงเครื่องยนต์เรียบนิ่งเมื่อรถหรูจอดที่หน้าบ้าน อันนายังคงหลับปุ๋ยเพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน เชนทร์อมยิ้มจ้องมองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้ม ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะจมูกโด่งเบาๆ เพื่อปลุกให้เธอตื่นขึ้น“อันนา...ถึงบ้านแล้วครับ”.....----------แสงดาวพร่างพราวราวกับเพชรนับพันเม็ด ประดับประดาบนท้องฟ้ายามราตรี เชนทร์พาวาววามาถึงระเบียงส่วนตัวของโรงแรมหรูห้าดาวแห่งนี้ เขาเงยหน้ามองทัศนียภาพตึกสูงระฟ้าอันงดงามเบื้องหน้า ในขณะที่วาววาโยนช่อดอกไม้ลงบนเก้าอี้นั่งใกล้ๆ ด้วยความหงุดหงิดที่กลิ่นหอมของดอกแก้วทำให้เธอจามไม่หยุด“ฮัดชิ่ววว!!!”“แพ้กลิ่นดอกแก้วจริงๆสินะ”เชนทร์เอ่ยขึ้นเบาๆ สายตาของเขายังคงจับจ้องไปยังวิวเบื้องหน้า ก่อนจะหันกลับมาสบตาเธอเต็มๆ ใบหน้าอันหล่อเหลาแสดงออกถึงความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอ่านออก&ldqu
รถหรูคันงามที่ใครๆ ต่างใฝ่ฝัน แล่นฝ่าความมืดมิดไปอย่างรวดเร็ววาววาเกาะที่นั่งแน่น จ้องมองเข็มไมล์ที่ทะยานขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความหวาดกลัว ความเร็วที่เกินร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมาจากอกบรืนนน!! บรืนนนน!!!“ขับช้าลงหน่อยได้ไหมมมม!!?” วาววาร้องลั่นรถ“กลัวอะไร ไม่ตายหรอก”“คุณสิไม่ตาย แต่ฉันเป็นมนุษย์!”เชนทร์หัวเราะในลำคอเบาๆ ยิ่งเห็นแววตาตื่นตกใจของวาววา ยิ่งกระตุ้นความสนุกให้เขา ฝ่าเท้าเหยียบเร่งความเร็วรถขึ้นอีกเล็กน้อย ราวกับต้องการยั่วเย้าให้เธอหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น“ฉันอยากรู้ ตอนอันนานั่งในรถนี่ขับเร็วแบบนี้ไหม!!!?” เธอบ่นและยังคงจับจ้องไปข้างหน้าไม่คลาดสายตา“ไม่นะ...เพราะอันนาคือคนพิเศษของผม” เชนทร์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันลึกลับ“แล้วนายเห็นฉันเ
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นดังกังวานไปทั่วบริเวณ วาววาเดินมาอย่างสง่างามในชุดสูทสีเบจที่เข้ารูป ชุดผมเกล้าเก็บเรียบร้อยเผยให้เห็นใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ จุดมุ่งหมายของเธอคือลงไปตรวจสอบความคืบหน้าของสถานที่จัดอีเวนท์ชั้นหนึ่ง ในขณะที่ตอนนี้เธอกำลังสนทนากับใครบางคนผ่านโทรศัพท์มือถือ“ขอโทษจริงๆเกล เมื่อคืนฉันแพ้กลิ่นดอกไม้หนักมากเลยต้องรีบกลับก่อนโดยไม่ได้บอกแก” วาววาพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด“ไม่เป็นไรหรอกแก เมื่อคืนฉันคุยจนได้ Contact ท่านรอง ผบ.ตร.เรียบร้อย ฮ่าๆๆ ว่าแต่แกเถอะ...อาการดีขึ้นไหม?”“โอเคขึ้นแล้ว...แกนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ มาทำตำแหน่งขายให้ฉันที่บริษัทเถอะ”วาววาหยอกพร้อมกล่าวชื่นชมและยอมรับทักษะการเข้าหาคนของเพื่อนรักคนนี้“เมื่อคืนคุณราเชนทร์ก็หายไปหลังจากที่แกลุกไปแค่ไม่กี่นาที แก...แอบหนีไปกับคุณราเชนทร์หรือเปล่า?”มิเกลถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ทำเอาวาววาต้องหัวเราะกลบเกลื่อน เพราะคำพูดของมิเกลก็ไม่ผิ
----------...นิยายของวาววา......“แม่! ถ่ายรูปให้หนูหน่อย” วาววาร้องเรียกเสียงใส พร้อมยื่นมือถือให้แม่ของเธอถ่ายรูปเธอกับวิวสวยที่บ้านพักตากอากาศของเชนทร์ที่เขาใหญ่นี้ด้วยความตั้งใจอยากให้อันนาและครอบครัวได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เชนทร์จึงเชิญทุกคนมาที่บ้านพักตากอากาศส่วนตัว ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม มีทั้งไร่องุ่นเขียวขจีและขุนเขาสูงตระหง่าน“เข้ามาชมด้านในก่อนสิครับ” เชนทร์เอ่ยเรียกอันนาที่ยืนยิ้มมองดูพ่อแม่และวาววาผลัดกันถ่ายรูปกันอย่างมีความสุขอยู่ที่สวนทางเข้าหน้าบ้าน“ได้ค่ะ”อันนาส่งยิ้มให้เชนทร์ก่อนที่จะเดินตามเขาเข้าไปด้านในบ้านบ้านพักตากอากาศสไตล์โมเดิร์นผสมผสานความหรูหราและธรรมชาติ ตั้งอยู่บนทำเลที่เงียบสงบในเขาใหญ่ มีไร่องุ่นส่วนตัวรายล้อม สวนหน้าบ้านตกแต่งอย่างสวยงาม และภายในบ้านตกแต่ง
แสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆสาดส่องลงที่ไร่องุ่นกว้างใหญ่นี้ สายลมอ่อนๆพัดผ่านทำให้ใบองุ่นเขียวชอุ่มโบกสะบัดอย่างนุ่มนวล ถึงแม้อากาศในตอนนี้จะร้อนไปสักนิด แต่ทุกคนก็ดูจะตื่นเต้นไม่ใช่น้อยวาววา วีวี่ เดินลงจากรถกอล์ฟมาสมทบกลุ่มผู้บริหารระดับกลางที่ยืนรออยู่ทางเข้าไร่องุ่นอยู่ก่อนแล้วปวิธกำลังสนทนากับใครบางอยู่ เมื่อเห็นวาววาและวีวี่เดินมา เขาก็รีบกล่าวต้อนรับพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น“คุณวาววา คุณวีวี่ครับ นี่คือคุณพีท จากทีมสถาปนิกที่จะเข้ามาดูแลโปรเจคของพวกเราครับ”เขาแนะนำชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับวาววา ชายหนุ่มผิวขาว ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน-ญี่ปุ่น ใบหน้าคมสันที่ยืนอยู่ข้างกาย พีทมีรูปร่างสูงโปร่งและมีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรงสมส่วน ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อสบตาวาววาราวกับถูกสะกดด้วยเสน่ห์ของเธอตั้งแต่แรกเห็นกลิ่นหอมหวานขององุ่นสุกฟุ้งไปทั่วแปลงที่พวกเขากำลังเดินชม ภาพของเหล่าคนงานที่กำลังเก็บเกี่ยวพวงองุ่นสีม่วงอมแดงสดใส สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสดชื่นยิ่งนัก ทุกคนยิ่งรู้สึกปร
ในห้องนั่งเล่นของบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ที่ราเชนทร์เป็นเจ้าของ วาววาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม ร่างกายยังคงสั่นระริกจากความตกใจที่เชนทร์อุ้มเธอกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางมาเป็นระยะทางไกลถึงสองกิโลเมตรในพริบตา“ถ้าฉันช็อคตายไปจะทำยังไงหา!!!” วาววาโพล่งออกมาด้วยความหงุดหงิดและยังคงหอบหายใจแรงอยู่“ให้กัดไหมละ จะได้เป็นอมตะเหมือนกัน?”แววตาของเธอจ้องเขม็งไปที่เจ้าแวมไพร์ พลางคิดในใจอย่างหงุดหงิดถึงตัวละครเจ้าแวมไพร์ที่เธอสร้างขึ้นมา โรแมนติกเฉพาะกับอันนา แต่กับคนอื่นนั้นขวางโลกใส่ทุกคน“ขอบคุณที่ให้ยืม” เชนทร์กล่าวพร้อมยื่นไอแพดของวาววาคืนให้เธอวาววารับไอแพดคืนมาพร้อมกับสายตาที่เปลี่ยนไปจากความขุ่นเคืองเมื่อครู่ กลายเป็นความสงสัยเล็กๆ“ไม่ใช้แล้วเหรอ?” เธอถาม“ไม่แล้วล่ะ” เชนทร์ตอบพร้อมคว้าขวดไวน์แดงที่ถูกเตรียมอยู่บนโต๊ะมา แล้วรินมันลงไปในแก้วคริสตัลสองใบอย่างเชื่องช้าด้วยแววตาว่างเปล่า
ความรู้สึกสดชื่นแผ่ซ่านทั่วร่างกายเมื่อวาววาเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วและแสงแดดอุ่นๆ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก แต่ความสับสนในใจจากคำพูดของเชนทร์เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ไม่หาย“มันไม่ใช่ประโยคบอกรักใช่ไหม?” วาววาพึมพำกับตนเอง เธอพยายามนึกถึงนิสัยของเชนทร์ที่สร้างขึ้นมาและพล็อตเรื่องนิยายทีเธอเขียน‘ราเชนทร์’ หรือชื่อเดิมว่า ‘อ็องเดร’ นิสัยพื้นฐาน ร่าเริง สนุกสนาน ชอบความท้าทาย กล้าหาญ ดื้อรั้น ขี้เล่น ชอบแหย่ ชอบแกล้ง แต่หลังจากกลายเป็นแวมไพร์ เขาก็มีแต่ความเบื่อจนกลายเป็นคนเงียบขรึมไม่สุงสิงกับใคร ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก เขาเป็นคนโรแมนติกกับคนรักมาก รักใครรักจริง หึงหวงแฟนเป็นที่หนึ่ง“แล้วที่เราใจเต้นเมื่อคืน...เพราะรู้สึกอะไรกับเขาหรือเปล่านะ...” วาววาครุ่นคิดในใจ“คุณวาครับ คุณวา...”&
หลังจากเดินทางกลับจากโคราชและทำงานต่อที่บริษัทในวันหยุดสุดสัปดาห์ วาววาก็ทิ้งร่างอันเหนื่อยล้าลงบนเตียงนอนในคอนโดที่เงียบสงบเธอใช้เวลาอยู่นานในการตัดสินใจกลับมาที่คอนโดแห่งนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานพอจนมั่นใจว่าเพทายเลิกติดตามเธอ และงานเอกสารที่เก็บไว้ในคอนโดก่อนหน้านี้ที่ต้องสะสางก็เร่งรัด เธอจึงจำใจต้องมาที่นี่ประตูระเบียงที่เคยพังเพราะเชนทร์ ตอนนี้ได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยถูกปิดอย่างมิดชิดความเหนื่อยทับถมเธอจนรู้สึกเหมือนกำลังจะล่องลอย ร่างกายเริ่มร้อนรุมจากภายในเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาการป่วยกำลังจะมาเยือน แต่ความอ่อนเพลียมีอำนาจมากกว่า ทำให้เปลือกตาของเธอค่อยๆปิดลงโดยไม่ทันคิดถึงเรื่องอื่นอีกต่อไปแสงจันทร์ส่องกระทบร่างของวาววาที่นอนขดตัวอยู่บนเตียง ร่างกายร้อนผ่าวราวกับเตาผิงเล็กๆ วาววาตื่นลุกขึ้นเดินโซเซเข้าห้องน้ำกลางดึก จากนั้นเธอค่อยๆพาร่างไร้เรี่ยวแรงของเธอไปที่โต๊ะทำงานแต่ก็เซเกือบล้มลง โชคดีที่มีแขนแกร่งเข้ามาประคองเธอไว้ได้ทัน“ผมเชนทร์เอง... ไม่ต้องตกใจ&r
คฤหาสน์หลังงามมูลค่าร้อยล้านหลังนี้ดูราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย เชนทร์ก้าวออกมาจากประตูบ้านกว้าง สัมภาระของเขาถูกคนขับรถนำไปเก็บไว้บนรถที่จอดรออยู่ด้านนอก พร้อมสำหรับการเดินทางในวันนี้ในจังหวะเดียวกัน เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ เขาหันไปมอง เห็นอันนาเดินเข้ามาพอดี เธอยิ้มทักทายเล็กน้อย“สวัสดีค่ะคุณเชนทร์”“สวัสดีครับ”อันนาเฝ้ามองคนขับรถที่กำลังวุ่นวายอยู่กับสัมภาระของเชนทร์ อยู่ที่ท้ายรถ“คุณเชนทร์กำลังจะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”“ครับ”“ขนของไปเยอะแบบนี้ สงสัยไปค่อนข้างนานเลยใช่ไหมคะ?” อันนาถามด้วยความสุภาพ“น่าจะประมาณสองสามอาทิตย์ครับ”ความรู้สึกเสียดายฉายชัดในแววตาของเธอ เมื่อนึกถึงวันที่ไม่ได้เจอเขาบ่อยเหมือนเคย“อ่อ คุณเชนทร์คะ... พอดีฉันทำขนมมาฝากหนูใบบัว" อันนากล่าวพร้อมยื่นถุงขนมมาใ
วาววาในฐานะผู้บริหารการตลาดกำลังเตรียมตัวสำหรับการประชุมสำคัญที่กำลังจะมาถึง แต่ในใจกลับว้าวุ่นไม่หาย เหตุการณ์ในวันที่เธอได้พบกับหญิงสาวคนนั้นที่มีลักษณะภายนอกตรงกับอันนาในนิยายที่เธอเขียนทุกประการยังคงวนเวียนอยู่ในหัวแม้ว่าเธอจะเป็นผู้บริหารที่แข็งแกร่ง แต่ความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกอ่อนแอแสงแดดยามสายสาดส่องลงบนใบหน้าคมสันของเชนทร์ ขณะที่เขานั่งอยู่ในสวน ในมือถือถ้วยกาแฟไว้ ดวงตาคู่สีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีคราม ก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบช้าๆเสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าบ้าน เขาหันไปมองด้วยความสงสัยเล็กน้อย หญิงสาวร่างโปร่งสวมเดรสเรียบง่ายก้าวเข้ามา สายตาของทั้งคู่ปะทะกันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เธอจะก้มศีรษะลงเล็กน้อย ยิ้มอย่างสุภาพเพื่อกล่าวทักทายเชนทร์ยิ้มตอบกลับคุณครูอันนา ความรู้สึกคุ้นเคยมันคืบคลานเข้ามาในใจ ทำให้เขาต้องหยุดคิดทบทวนตัวเอง หรือจะเป็นเพราะในอดีตที่เขาหมกมุ่นอยู่กับการตามหาอันนาที่มีเชื้อสายลูกครึ่งและเป็นบรรณารักษ์เป็น
วันพักร้อนที่วาววาวางแผนไว้ว่าจะใช้เวลาพักผ่อนอย่างสบายๆ กลับต้องเริ่มต้นด้วยการวิ่งรอกเข้าออฟฟิศเพื่อจัดการงานด่วนด่วนที่เข้ามาแม้ว่าเธอจะอยากจะขี้เกียจอยู่บนเตียงนุ่มๆ แต่ความรับผิดชอบก็ผลักดันให้เธอต้องลุกขึ้นมาทำงานจนเสร็จสิ้น ก่อนจะขับรถตามโลเคชั่นที่เชนทร์ส่งให้เธอมา“ฉันมาถึงแล้วนะ”ทันทีที่วาววาจอดรถถึงจุดหมายก็กดโทรศัพท์หาเชนทร์เพื่อแจ้งให้เขาทราบ ไม่นานนัก ประตูรั้วก็ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกอัตโนมัติ เผยให้เห็นสวนสวยที่ร่มรื่นและน้ำพุกลางวงเวียนที่พ่นละอองน้ำระยิบระยับ สวนดอกไม้หลากสีสันเบ่งบานสะพรั่งต้อนรับเธอเข้าสู่บ้านหลังใหญ่รถที่ขับโดยวาววาจอดนิ่งสนิท เธอค่อยๆ ก้าวลงจากรถและเงยหน้ามองขึ้นไปยังตัวบ้าน ร่างสูงสง่าของเชนทร์เดินลงมาจากบันไดอย่างช้าๆ ด้านข้างมีแม่บ้านหนึ่งคนในชุดกระโปรงสีฟ้ายืนคอยต้อนรับวาววาเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่นี้ที่เคยปรากฏในจินตนาการของเธอผ่านนิยายที่เธอเขียน ความหรูหราอลังการของทุกตารางนิ้วทำให้เธออ้าปากค้างไปเลยทีเดียว
ยามค่ำคืนแสนสงบ แสงดาวระยิบระยับแข่งกันบนผืนฟ้าสีดำสนิท มีเพียงเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งเป็นจังหวะทำให้ค่ำคืนนี้ดูอบอุ่นใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ตะวันตกยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ฉลองวันเกิดโดยผู้หญิงคนที่เขารักคนนี้เป็นคนจัดการและดูแลทุกอย่างจนทำให้ในค่ำคืนนี้ดูสมบูรณ์แบบที่สุดดินเนอร์ริมทะเลเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติก วาววายิ้มร่า ขณะเดินเข้าที่พักไปหยิบเค้ก แต่ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงฝ่ามืออบอุ่นโอบรอบเอวเบาๆ เมื่อหันไปสบตาเชนทร์ หัวใจก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ ผมมีความสุขที่สุดเลย” เขาโน้มตัวลงหอมแก้มเธอพร้อมกับกระซิบขอบคุณเบาๆที่ข้างหู“ฉันดีใจนะที่คุณชอบ” วาววาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ปะ...ไปกินเค้กกัน ร้านนี้อร่อยนะฉันชิมแล้ว”“อร่อยจริงเหรอ?” เขาถามในขณะที่ยังไม่คลายกอดจากเธอ “ขอลองชิมหน่อยสิ”วาววาหยิบช้อนเล็กขึ้นมาเตรียมจะตักเค้กให้เขา แต่ก็ถูกร่างสูงจู่โจมกอดเธอจากด
“ผมถึงแล้วนะ”เชนทร์ก้าวลงจากรถคันหรูที่เพิ่งมาส่งเขา ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นรีสอร์ท เขาก็รีบโทรบอกวาววา สายตามองไปยังตัวอาคารที่เงียบสงบ ด้านในยังคงมืดมิดราวกับไม่มีใครอยู่คนขับรถของเขานำกระเป๋าใบเล็กวางให้เขาที่หน้าประตูทางเข้ารีสอร์ทนี้ ก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะขับรถออกไป ทิ้งให้เชนทร์ยืนอยู่คนเดียวในความมืด“เดินเข้าไปรอด้านในได้เลย อีกไม่นานฉันก็จะถึงแล้วเหมือนกัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยของวาววาขณะที่โกหกเขาไปอย่างหน้าตาเฉย เพราะแท้จริงแล้วเธอแอบอยู่ด้านใน แทบจะอดใจไม่ไหวที่จะเห็นสีหน้าของเขาเมื่อพบกับเซอร์ไพรส์ที่เตรียมไว้เชนทร์ผลักประตูเข้าไปในห้องที่มืดสนิท ทันใดนั้น เสียงเพลง Happy Birthday ก็ดังขึ้นจากความมืด
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก
วันงานคอนเสิร์ตของ Evan Crimson พีทในชุดลำลองเดินตรงมายังรถหรูที่วาววารออยู่ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิดว่านี่คงเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น การไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเหมือนเป็นการออกเดทแบบไม่เป็นทางการที่เขาตั้งตารอครืดดคนขับรถของวาววาเปิดผลักประตูรถด้านข้างออกกว้างให้พีท ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเห็นคนในรถไม่ได้มีแต่เพียงวาววาและเพื่อนสนิทของเธอที่คอยอยู่ แต่ยังมีเชนทร์อีกด้วย“สวัสดีค่ะคุณพีท เชิญค่ะ” วาววากล่าวต้อนรับเสียงใส"สวัสดีครับคุณวา คุณเชนทร์" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวขึ้นรถด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ตรงไปนั่งข้างมิเกลที่ว่างอยู่&nbs
แสงไฟนีออนสีสันสดใสจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนดิน แต่บนคอนโดชั้น 26 กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เชนทร์จูบหน้าผากวาววาเบาๆ ทั้งสองยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับ เพื่อให้เธอได้พักผ่อนจากวันที่เหนื่อยล้า“เดี๋ยว! คุณแน่ใจเหรอว่าจะกระโดดลงไป?” เสียงใสเอ่ยถามด้วยแววตากังวลเล็กน้อย“ทำไมละ? ผมก็แค่โดดขึ้นโดดลงปกติ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเจ้าเล่ห์ “หรือจะให้ผมอยู่นอนกอดคุณที่นี่ดี?”“ฉันหมายถึง...คุณแน่ใจนะว่าปลอดภัย คุณบอกฉันเองว่าวันนี้คุณกระโดดตั้งสองสามรอบกว่าจะขึ้นมาที่นี่ได้ มิหนำซ้ำยังทุกลักทุเลกว่าจะปืนขึ้นมาที่ระเบียงนี้ได้อีก” เธอเตือนเขาให้จดจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
หลังจากวันที่แวมไพร์ตัวป่วนถามจี้จนใจของเธอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของเขาก็โผล่เข้ามาอยู่ในหัวของเธอแทบจะทุกวินาทีวาววาเดินไปที่ประตูระเบียงกระจกใสที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่เอี่ยม สายตาของเธอไล่เรียงไปตามรอยต่อของกระจก ก่อนจะหยุดลงที่สลักประตูครั้งนี้แทนที่จะล็อคประตู เธอเลือกที่จะปลดล็อคมันออก เผื่อว่า... เจ้าแวมไพร์จะแวะมาเยี่ยมเยียนจะได้ไม่ต้องพังประตูของเธออีกแต่บางความคิดก็วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเธอไม่ใช่อันนา เธอคือวาววา คนละคนกัน แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้กับเธออันที่จริง...นิยายแวมไพร์ที่เธอเขียน แม้จะตั้งชื่อและกำหนดนิสัยตัวละครหลักไปแล้ว แต่โครงเรื่องนิยายแวมไพร์ของเธอยังคงค้างคาอยู่แค่ครึ่งทาง ทั้งพล็อตเรื่องและตอนจบก็ยังไม่มีอะไรที่แน่ชัดกรื่อ กรื่อเสียงริงโทนมือถือของวาววาดังขึ้น เธอที่กำลังใช้เวลาว่างนั่งดูซีรีส์ต้องก้มมองหน้าจอที่แสดงชื่อผู้ติด