วินาทีที่ฉันสะดุดแต่คว้าราวจับไว้ได้ สองหนุ่มที่นั่งจ้องตากันเงียบ ๆ ก็หันมามอง พี่ไวน์รีบวิ่งมาดูฉันพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง ส่วนไวท์นั่งมองฉันเงียบ ๆ
อีตานี่มาโผล่บ้านฉันได้ยังไงนะ!
พี่ไวน์เห็นฉันจ้องมองไวท์จึงเอ่ยขึ้น
“อ๋อ จริงสิน้องปาย เพื่อนน้องปายมารออยู่หน้าบ้านพี่เห็นพอดีเลยชวนมานั่งรอ เห็นบอกว่าลืมของ”
ของอะไร? ฉันคิดอย่างงุนงง มองไวท์ที่นั่งเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรฉันจึงตอบพี่ไวน์
“ค่ะ ใช่ ๆ เพื่อนปายคงลืมไว้ตอนมาทำรายงาน” ฉันถือโอกาสแนะนำไวท์ให้พี่ไวน์รู้จัก ขืนไม่บอกอะไรประเดี๋ยวพี่ไวน์เล่าให้พี่เชนฟังว่ามีผู้ชายเข้าบ้านฉันโดนเทศนาแน่ ๆ “พี่ไวน์คะ คนนี้ไวท์เพื่อนปาย เรียนวิศวะฯ ด้วยกันค่ะ”
“สวัสดีครับ” พี่ไวน์ยิ้มสุภาพทักทาย ส่วนอีกคนนะเหรอยังนั่งทำหน้าตาย กวนโอ๊ยอยู่นั้น
“ครับ หวัดดี” ไวท์เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ยกมือพอเป็นพิธีแถมยังนั่งไขว้ห้างกระดิกนิ้วเท้าอย่างสบายอารมณ์
ไอ้บ้าไวท์! แกจะมากวนตีนแถวนี้ไม่ได้ ฉันนึกอย่างโมโห แอบถลึงตามอง ไวท์หันมาสบตาพอดี เขาลุกขึ้นแล้วเดินมาบอกฉัน
“ไป พาไปหาของหน่อย จำไม่ได้อยู่ที่ไหน”
เอ้า! แล้วฉันจะรู้ไหมของที่ว่า ขนาดเจ้าของมันยังหาไม่เจอ แล้วเขาก็ไม่เคยมาบ้านฉันสักครั้งนี่เป็นครั้งแรก ที่ฉันเออออด้วยเมื่อกี้ก็เพราะกลัวพี่ไวน์ไปรายงานพี่เชนต่างหากว่ามีชายอื่นนอกจากไมค์เข้าบ้านมา
“งั้นพี่นั่งรอนะครับ” พี่ไวน์มองเราทั้งคู่แล้วเอ่ยยิ้ม ๆ
“ไม่ต้องรอ กว่าจะหาเสร็จ... นาน”
เป็นอีตาบ้าไวท์ที่ตัดบทอย่างรวดเร็ว จนฉันชักทนไม่ไหวกลัวพี่ไวน์จะมองเห็นความผิดปกตินี้จึงพูดแก้ไขสถานการณ์
“พี่ไวน์นั่งรอนะคะ เดี๋ยวปายมา พาเพื่อนไปหาของแป๊บ”
ฉันรีบดึงแขนอีตาไวท์ไปทางห้องครัว พลางยืดคอมองพี่ไวน์จะตามมาแอบฟังหรือเปล่า พอลากมาได้สักพักก็ปล่อยมือแล้วเท้าเอวถาม
“นี่กำลังเล่นอะไรยะ แกจะมาหาของอะไรบ้านเรา”
“หากิ๊กไง ทำไม มีปัญหา?” ไวท์ตอบทันควัน แถมยังก้มหน้ามาจนจมูกเราสองคนจะชนกัน ฉันผงะด้วยความตกใจ ท่าทางที่ฉันแสดงออกมาทำให้เขาหัวเราะหึ
“บะ บ้า ใครกิ๊กนาย”
“เอ้า ก็ปายเป็นคนเสนอตัวมาเอง จำไม่ได้?” ไวท์ย่างสามขุมมาหาจนฉันถอยหลังชิดกำแพง เขาใช้มือยันผนังไว้ทั้งสองข้างทำให้ฉันถูกกักอยู่ตรงกลางขยับไปไหนไม่ได้ “หรือต้องให้ฟื้นความจำ”
โอเค ทีแรกว่าจะมั่วนิ่มทำไม่รู้ไม่ชี้ เจอแบบนี้อีปายยอมแพ้ค่า
“จะ…จำได้” ฉันกัดฟันตอบ “พอใจยัง ทีนี้ก็ถอยไป”
“ยัง”
“อะไรยัง นี่กะมาหาเรื่องกันใช่ป่ะวะ”
“ไปบอกไอ้หน้าขาวนั่นว่าจะไปข้างนอกกับเรา ยกเลิกนัดมันซะ”
“ทำไมเราต้องทำตามแกวะ” ฉันหงุดหงิด เพราะรับปากจะไปกินข้าวกับพี่ไวน์แล้ว จู่ ๆ ไวท์โผล่มา แล้วจะให้ไปยกเลิกนัดคนมาก่อนนี่นะ บ้าชัด ๆ แล้วทำไมฉันต้องฟังคำสั่ง พ่อก็ไม่ใช่
“จะไปไม่ไป ไม่ไปพ่อจูบ”
“ไอ้บ้า! ไปก็ได้!” ฉันตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด ทำเป็นไม่มองหน้าหล่อ ๆ ที่ตอนนี้ยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ
เกลียดตัวเอง ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ปีนี้มันปีชงหรือไงวะ
ฉันเดินตรงไปหาที่ไวน์ที่นั่งรอเงียบ ๆ ตรงโซฟาก่อนบอก
“เอ่อ พี่ไวน์คะ ต้องขอโทษด้วยที่ปายไปกินข้าวกับพี่ไม่ได้แล้ว คือว่า…ปายเพิ่งนึกได้ว่ามีงานที่ยังไม่เสร็จ ต้องทำส่งพรุ่งนี้น่ะค่ะ ปายคงหาอะไรกินในบ้านไปก่อน คงไม่มีเวลาออกไปข้างนอกแล้ว”
พี่ไวน์ดูแปลกใจเล็กน้อย สีหน้าท่าทางดูผิดหวัง ทำเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูดออกมา ฉันมองพี่ไวน์อย่างเก้อกระดาก รู้สึกผิดมาก ๆ ที่เทพี่ไวน์กลางทางแบบนี้
“ไม่เป็นไรครับ ไว้วันหลังก็ได้” พี่ไวน์พูดเสียงนุ่ม ลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนกลับยังยิ้มให้ฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “งั้นพี่ไม่กวนแล้วนะคะ มีอะไรน้องปายโทรฯ หาพี่ได้ตลอด”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มรับ ก่อนเดินไปส่งพี่ไวน์หน้าบ้าน ยืนมองจนรถออกซอยไป แล้วเดินเข้าบ้าน ทำหน้าเหม็นเบื่อคนหน้าด้านบางคนที่ตอนนี้นั่งกระดิกเท้าดูรายการเกมโชว์อยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างสบายอารมณ์
ฉันแอบกลอกตามองบน ก่อนตัดสินใจจะพูดตรง ๆ กับไวท์
“เรื่องวันก่อนเราพูดเล่น แกจะจริงจังไมวะ”
ไวท์ขยับตัวตรง ละสายตาจากโทรทัศน์มาจ้องตาฉันกลับ ดวงตาคมกล้าแวววาวจนฉันรู้สึกถึงความอันตรายที่คืบคลานเข้ามา...
“พูดเล่นเหรอ...”
เขากระชากแขนฉันโดยไม่ทันตั้งตัว ส่งผลให้ฉันล้มลงไปนอนแอ้งแม้งในอ้อมแขนเขา เราจ้องหน้ากันเงียบ ๆ ตอนนี้หน้าตาฉันคงฉายแววตื่นตระหนก ทำหน้าหวาดผวาจนตลกเพราะไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรถึงดึงฉันลงมากองในอ้อมแขนเขาแถมยังล็อกฉันไว้แน่นจนขยับหนีไม่ได้
“นะ…นายจะทำอะไร”
“คนอย่างไวท์ทำอะไรไม่มีล้อเล่น”
“ดะ เดี๋ยวสิ เรื่องคืนนั้นนายก็น่าจะรู้ว่าฉันแค่พูดขำ ๆ ปลอบใจนาย แล้วฉันก็มีแฟนแล้วนะ”
ไวท์ไม่ตอบโต้แต่โน้มหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว เขาประทับริมฝีปากลงมาโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งขบ ทั้งเม้ม ดูดดึงจนฉันหนาว ๆ ร้อน ๆ สัมผัสจาบจ้วงรุนแรงเหมือนอารมณ์ในกายเขา สองมือฉันตอนนี้ทาบอกไวท์ ตัวแข็งเป็นหินไปชั่วขณะ และพอเข้าสอดลิ้นเข้ามาสติฉันก็ขาดผึง ตาเบิกโพลงพร้อมกับผลักอกเขาออกเป็นพัลวัน ปากก็ด่า
“อี๋! นายทำอะไร ไอ้บ้า! ”
“อ้าว จูบแบบแลกลิ้นไง? ” เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ฉันดิ้นยังไงก็ไม่หลุด ไวท์ก้มหน้ามาชิดจนจมูกเราชนกัน “ไม่เคย? น่าแปลกนะเนี่ย มีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่สอนให้เองนะจ๊ะ รับรองคล่องปรื๋อ”
พูดจบก็ทำท่าประกบปากอีก ฉันหวีดร้องทันที
“กรี๊ดดด! ”
ไวท์ปล่อยฉันจนหล่นลงตุ๊บ ฉันรีบพยุงตัวเองขึ้นแล้วกระโดดห่างจากเขาอันตรายไปแล้ว การอยู่กับผู้ชายสองต่อสองมันอันตรายสุด ๆ หลังจากนี้อย่าหวังว่าอีตานี่จะได้เหยียบย่างเข้ามาบ้านฉันอีก“ยายบ้า! จะกรี๊ดทำไมวะ แก้วหูแทบแตก”ไวท์สบถก่อนทำท่าแคะหูหน้าตายับย่น ไม่สบอารมณ์“เออ! ถ้ามันทำให้นายหูแตกฉันก็จะกรี๊ดอีก กล้าดียังไงมาลวนลามฉันน่ะ ฮะ! ”ฉันชี้หน้าด่าเขาอย่างโมโห เข้ามาบ้านคนอื่นแล้วลวนลาม นี่มันโจรปล้นสวาทชัด ๆไวท์เห็นท่าทางของฉันก็หัวเราะเสียงดัง“สะดีดสะดิ้งทำเหมือนไม่เคย ทำให้ใครดู”“หน็อย มาหัวเราะ ไม่ตลก ไอ้บ้า กล้าลวนลามฉันอยากโดนดีใช่ไหม! ” ฉันตวาดพร้อมตั้งท่าเขวี้ยงรีโมทที่อยู่ในมือไวท์เห็นท่าทางเอาจริงของฉัน เขายกมือห้ามก่อนขู่เสียงเข้ม“หยุด! ถ้าขืนเขวี้ยงมาพ่อจับปล้ำตรงโซฟานี้จริง ๆ ด้วย”ฉันชะงัก สรรเสริญบรรพบุรุษเก้าชั่วโคตรไอ้ตัวชอบขู่ในใจ สุดท้ายก็ยอมวางมือลงเพราะดูจากหุ่นยักษ์สูงกว่าอีเตี้ยอย่างฉันหลายสิบเซน เกิดมันทำจริงฉันคงวิ่งหนีไม่ทัน“ตกลงมาที่นี่กะมาหาเรื่องหรือยังไง”“เปล่าไม่ได้มาหาเรื่อง ก็วันนี้ว่างจะพาไปเที่ยว” “ไม่ไป” ฉันตอบทันควัน “หมดธุระแล้วเชิญ”“ไล่ง
นี่ ๆ ใช้กันนักใช่ไหม พ่อเหรอก็ไม่ใช่ สนิทเหรอก็ไม่ เห็นเป็นคนใช้หรือไงวะ!ฉันบ่นพลางใช้มีดหั่นผักอย่างใส่อารมณ์ คิดแล้วก็หงุดหงิดหัวเสีย ทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากคนบ้าอย่างนายไวท์ นะ!ปายนะปาย แกไม่น่าปากหมาเลย แล้วเป็นไง ไอ้หมาบ้ามันดันกัดไม่เลือก เราอุตส่าห์ปลอบใจด้วยความหวังดี สุดท้ายเป็นไงล่ะ ฉันด่าตัวเองในใจ มันน่าโมโห โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้มันโคตรหงุดหงิดซวย ซวยโครต!“เสร็จยัง หิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว”เสียงไวท์โอดครวญมาจากข้างนอก ฉันได้แต่เข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองมาม่าที่ต้มไว้เดือดปุด ๆ เหมือนอารมณ์ของฉันในตอนนี้ มันเดือดจนจะระเบิดแล้วพอมาม่าได้ที่หลังจากใส่ผักใส่ไข่ไป ฉันปิดแก๊สแล้วเทมาม่าใส่ชาม ยกไปให้ไอ้คุณชายที่รออยู่ เดินไปในใจสาปแช่งขอให้มันสำลักเส้นมาม่าตาย ๆ ไปเลย!ห้างสรรพสินค้า Sหลังจากสอบเสร็จฉันจึงนัดไมค์มาเดินห้าง กินข้าวดูหนังหลังจากเครียดกับการสอบมาหลายวัน ฉันไม่ใช่คนเรียนเก่ง ขอแค่ให้เกรดได้ C ขึ้นไปแม่ฉันก็น้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้มใจแล้วเรานัดเจอกันที่หน้าโรงหนังช่วงบ่าย ฉันอยากดูหนังแนวอวกาศแก้เครียดสักเรื่อง ยืนกอดถังพอปคอร์นรอสักพักก็เห็นผู้ชายหน้าออกไปทางจีน รู
White:Talksผมเดินออกจากห้องน้ำมือข้างหนึ่งคลึงจมูกไว้ ความเจ็บยังไม่จางหายแต่ดีหน่อยที่พอเข้าไปล้างหน้าล้างตาเลือดกำเดามันหยุดไหล นึกถึงใครบางคนแล้วอยากบีบคอ..แค่แกล้งนิดแกล้งหน่อยถึงกับใช้ศอกถองจมูกผมจนเลือดกำเดาออก นี่ถ้าจมูกผมไปทำมาคงต้องบินไปแก้ที่เกาหลี โชคดีที่จมูกของผมมันของแท้แม่ให้มา“เป็นยังไงบ้างคะพี่ไวท์” โมโมที่ยืนรออยู่โผมาหาผมด้วยความเป็นห่วง มือนุ่มนิ่มจับจมูกผมแผ่วเบา “ไปหาหมอดีไหมคะ ดูสิแดงเถือกเลย”เพราะผมผิวขาวพอโดนอะไรนิดหน่อยมันก็แดง โมโมทำหน้าตกใจขนาดนี้จมูกผมมันคงแดงมากเพราะตอนนี้ผมยังเจ็บอยู่ พอเจ็บมันก็เซ็งหมดอารมณ์เที่ยวต่อ“พี่ไม่เป็นไรครับ แต่ไปหาหมอสักหน่อยคงจะดี งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ”“อ้าว ให้โมโมไปด้วยสิคะ โมโมเป็นห่วง” สาวน้อยตรงหน้าทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ้อนวอน ผมในตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะเอ็นดู เริ่มรำคาญ โมโมเป็นผู้หญิงต่างคณะที่เข้ามาจีบผม เธออยู่ปีหนึ่ง ผมซึ่งกำลังเบื่อ ๆ เลยยอมรับคำชวนมาดูหนัง หน้าตาเธอก็น่ารักดีหรอก ดูใสใส แต่พอพูดคุย ได้รู้จักแล้วน่ารำคาญเป็นบ้าผมไม่ได้ต้องการลูกนะ ให้โอ๋ตลอดก็ไม่ไหว อะไรนิดหน่อยก็กลัว ให้ปลอบทั้งวันน่ะเลิกฝันไปเล
เช้าวันต่อมาฉันยกมือทักทายเพื่อนร่วมชั้นเรียนสองสามคนที่เดินผ่าน แล้วกวาดตามองหาที่นั่งที่ยังว่าง จากนั้นก็นั่งลงรออาจารย์เข้าสอน นักศึกษาทยอยเข้าห้องมาเรื่อย ๆ หนึ่งในนั้นมีไวท์และกลุ่มเพื่อนของเขาเดินเข้ามา ส่งเสียงเอะอะโวยวาย พูดคุยกันเสียงดัง ขณะเดินผ่านจุดที่ฉันนั่ง ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มก็หยุดเดินแล้วหันมาทักทายฉัน“สวัสดีจ้ะปาย วันนี้ยังน่ารักเหมือนเดิมนะจ๊ะ”ฉันเงยหน้าขึ้นยิ้มอ่อนใส่ อีตานี่ชีกอกับมนุษย์ทุกคนที่เป็นผู้หญิง ฉันจำชื่อเขาไม่ได้แต่มักเรียกในใจว่านายหม้อ เพราะมันหม้อไปทั่วห้องจนหูดำหมด ขณะที่ฉันกำลังเอ่ยปากตอกกลับก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูดขึ้น“น่ารักตายละ ตาก็โปน เตี้ยก็เตี้ย”ตาโปนบ้านมันสิ!ฉันกำหมัดไว้ใต้โต๊ะ พยายามไม่สนใจเสียงสัมภเวสี ภาวนาให้ผู้ชายกลุ่มนี้รีบ ๆ เดินผ่านไปสักที หรืออาจารย์รีบเข้าห้องมาสอนเร็ว ๆ“ว่าไปไอ้ไวท์ เขาเรียกตากลมโตเว้ย” ฉันได้ยินอีตาหม้อสวนกลับ “น่ารักจะตายตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ ปากนิดจมูกหน่อย ตาโตเหมือนตุ๊กตา น่าทะนุถนอมสุด ๆ”“หึ ชอบแบบนี้เหรอไอ้ยักษ์ ระวังเถอะ ภาพที่เห็นมันจะหลอกตา”“เออ กูชอบ นี่ก็จีบตั้งนานละไม่ติดสักที คนน่ารักใจแข็งว่ะ”
ในร้านคนเริ่มพลุกพล่าน มีทั้งนักศึกษากลุ่มใหญ่ และคู่รัก หลังสี่ทุ่มคนก็คงจะเยอะกว่านี้อีก ฉันคิดขณะเดินไป เห็นเจนกับเพื่อนในคณะอีกคนที่ชื่อมิวมายืนรอฉันก่อนแล้ว ทั้งสองแต่งตัวสวยเซ็กซี่สไตล์วัยรุ่น ฉันล้วงของขวัญกล่องเล็ก ๆ ผูกโบว์น่ารักในกระเป๋าถือส่งให้เจน“อ่ะ สุขสันต์วันเกิด”“ขอบใจนะปาย ป่ะ ๆ เข้าไปข้างในกันเจนจองโต๊ะไว้แล้ว” เจนทำท่าชี้ไม้ชี้มือไปด้านในที่เป็นโซนวีไอพีเจนถือโอกาสดึงแขนฉันอย่างสนิทสนม ฉันเลิกคิ้วแปลกใจแต่ก็ยอมให้เจนลากเข้าไปข้างใน เดินไปจนถึงมุมหนึ่งของร้าน เป็นโซนวีไอพีมีกระจกใสกั้นไว้เป็นห้อง ๆ ที่นั่งส่วนตัวและกว้างขวาง ฉันมองรอบข้าง ในโซนนี้มีแค่ ฉัน เจนและเพื่อนอีกคนที่ชื่อมิวฉันก็ไม่ได้ถามว่าเจนชวนใครมาบ้าง แต่ถ้าถึงขนาดจองที่นั่งในโซนวีไอพีแบบนี้สงสัยแขกคงจะเยอะไม่น้อยนั่งสักชั่วโมงแล้วเผ่นดีกว่า ฉันไม่ชอบสุงสิงกับคนแปลกหน้าเท่าไร ยิ่งคนเยอะยิ่งไม่ชอบ“ไม่เคยเห็นปายแต่งตัวแบบนี้ ดูสวยเซ็กซี่ดีนะ” จู่ ๆ มิวก็เอ่ยขึ้น ฉันก้มมองตัวเองนิดหน่อย วันนี้ฉันใส่เดรสเปิดไหล่สีดำยาวเสมอเข่า ชุดนี้ฉันเลือกใส่เพราะดูเรียบ ๆ ไม่โป๊มาก ใบหน้าก็แต่งเติมบาง ๆ เอาให้ไม่น่
ฉันมองไปตามเสียงเรียกก็เห็นไวท์กับเพื่อนเขาที่ชื่อยักษ์หรือนายหน้าหม้อ ด้านหลังมีผู้ชายอีกสามคนที่ฉันจำชื่อไม่ได้เดินตามมา วันนี้ไวท์แต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ยี่ห้อหรู ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ของแพงเหมือนคืนที่ฉันเจอเขา เจนหันไปสั่งเครื่องดื่ม มิวโบกมือทักทายกลุ่มไวท์อย่างร่าเริง ทุกคนส่งเสียงเฮฮา คงมีแต่ฉันที่นั่งเงียบ ๆ ยิ้มรับเมื่อมีใครเอ่ยทักทายเพื่อนผู้หญิงที่เจนชวนมาก็พากันมาครบ เจนเอ่ยแนะนำตัวให้รู้จักสองสาวที่แต่งตัวเซ็กซี่เปิดหน้าเว้าหลังชื่อ เปิ้ล กับ เมย์ พอคนมาครบก็นั่งประจำที่กัน สรุปมีผู้หญิงห้าคน ผู้ชายห้าคน โต๊ะวีไอพีจึงดูแน่น เต็มพอดิบพอดี เสียงเพลงที่ทางร้านเปิดเริ่มดังขึ้น หลายคนเริ่มโยกไปตามสียงเพลง เจนยกมือเฮฮาสนุกสนาน บอกว่ากินได้ไม่อั้นเธอเลี้ยงเต็มที่ เสียงชนแก้วจึงดังขึ้นกระหึ่ม พอเหล้าเข้าปาก หลายคนเริ่มอยู่ไม่สุข พากันพูดคุยกันสนุกสนาน บรรยากาศดูสนิทสนมกันมากขึ้นจะว่าซวยหรือยังไงที่พอฉันเงยหน้าขึ้นกำลังจะยกแก้วขึ้นชนกับเพื่อน ๆ พอเป็นพิธีก็เห็นใบหน้าหล่อเหลา ขาวกระจ่างใสภายใต้แสงไฟอยู่ด้านตรงข้าม โซฟาที่เรานั่งเป็นแบบยาว ผู้หญิงนั่งอีกฝั่ง ผู้ชายอีกฝ
ไวท์บดเบียดริมฝีปากฉันอย่างเอาแต่ใจ เขาใช้มือสอดท้ายทอยฉัน ประคองใบหน้าฉันให้แหงนเงยคอยรับสัมผัสจาบจ้วงที่เขาบรรจงป้อนให้ ฉันหูอื้อตาลาย ใจหวิว ๆ รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจตัวเอง มันเต้นรัวอย่างรุนแรง สองมือเคลื่อนไปวางทาบอกเขาอย่างไม่รู้ตัวพอรู้สึกตัวดันขย้ำเสื้อเขาแน่นอีก!“อื้อ! ...”ฉันส่งเสียงอู้อี้ประท้วง สองมือก็ทุบหน้าอกไวท์เป็นเชิงบอกให้ปล่อย แต่ดูเหมือนรสจูบกลับหนักหน่วงมากกว่าเดิม เขาบดขยี้ริมฝีปากฉันจนเห่อร้อน ก่อนที่ปลายลิ้นจะรุกรานเข้ามาด้านใน...นี่เป็นครั้งที่สองที่ไวท์จูบฉัน แต่มันไม่ชินเข้าใจไหมละ...ลิ้น ของผู้ชาย มันเข้ามาในปากฉัน ฉันนึกอย่างตื่นกลัวให้ตายเถอะ เกิดมาเพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้ ฉันไม่เคยจูบกับใครนะเว้ย!ฉันตัวแข็งทื่อรู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่าง เผยอปากปล่อยให้เขาแทรกเรียวลิ้นเข้ามา ไวท์ดูดดื่ม กลืนกินทุกอย่างที่เป็นฉัน ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันที่เผลอตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสแปลกใหม่ ก็ปล่อยให้ไวท์นำทาง เขาส่งลิ้นมาพัวพันเกี่ยวกระหวัดอย่างหยอกล้อจนฉันอยากลิ้มลอง สุดท้ายก็ตอบสนองกลับดูดดื่มกลืนกินเขาอย่างเงอะงะเหมือนคนไม่มีประสบการณ์ เสียงเราจูบกันดังอึกอ
ผมดึงปายแล้ววิ่งย้อนกลับไปทางผับ ทางนั้นคนมากพวกมันคงไม่กล้าทำอะไร ไอ้พวกเด็กเกรียนร้องตะโกนโหวกเหวกพลางวิ่งตามมา ผมพาปายหลบหลีกพวกมัน จนเข้าข้างซอยตรงไปทางหลังร้านผมดึงปายแอบตรงมุมอับแล้วจับปายซุกอกไว้ ปายหายใจหอบในอ้อมอกผม เสียงฝีเท้าวิ่งผ่านไป ผ่านไปหลายสิบนาที จนผมแน่ใจว่าพวกมันจะไม่ย้อนกลับมาอีกก็ดึงปายออกจากอก ปายเงยหน้าขึ้นมองผมหน้าซีดปากสั่น“พวกมันไปหรือยังไวท์”“พวกมันไปแล้ว” ผมบอกปายน้ำเสียงรำคาญ ก่อนปล่อยปายออกจากอ้อมกอด “ทีแบบนี้ทำกลัว แล้วเดินหนีออกมาทำไม”“ขอโทษ....” ปายบอกเสียงอ่อน น้ำเสียงฟังรู้สึกผิด ผมส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะฉวยข้อมือปายให้เดินตามมา“จะ..จะพาฉันไปไหน”“ก็ไปส่งบ้านไง” ผมหยุดเดิน หันมามอง “หรือจะไปต่อคอนโดฯ เราก็ได้นะ”“ฝันไปเถอะ! ” ปายสวนขึ้นทันควัน มองผมตาคว่ำผมหัวเราะหึหึ ก่อนจะตั้งหน้าเดินต่อจุดมุ่งหมายคือลานจอดรถข้างผับEnd Talk.ฉันมองฝ่ามือที่ถูกคนตรงหน้าจับไว้แล้วมองแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้าก็ให้ความรู้สึกแปลก ๆ เพราะความอายผสมความโกรธที่ถูกปล้นจูบฉันจึงเดินหนีออกมาโดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของเขา สุดท้ายก็เจอดีจนเกือบโดนพวกขี้เมาหัวเกรียนฉ
สะพานบุญโขกู้สุ่ย บ้านแพมบกไวท์พาฉันมาที่สะพานไม้ไผ่ แหล่งท่องเที่ยวอีกทีหนึ่งของแม่ฮ่องสอน ห่างไกลจากตัวเมืองประมาณสิบกิโลเมตร ตลอดการเดินทางลำบากมาก ทั้งชันและแคบ โชคดีที่ไม่ใช่ฤดูฝน ถนนเลยพอให้รถสปอร์ตขับผ่านไปได้ แต่กว่าจะถึงที่หมายฉันแอบสงสารรถคันหรูที่ตอนนี้มันคงจะคลุกฝุ่นจนหมอง เมื่อรถจอดฉันหันไปมองเขาอย่างแปลกใจที่เขารู้จักสถานที่แบบนี้ด้วย นึกว่าเด็กเมืองกรุงอย่างเขาจะพาฉันไปในเมือง เที่ยวห้างสรรพสินค้า ดูหนังอะไรแบบนี้“มองอะไรปาย”“รู้จักที่แบบนี้ด้วยเหรอ เมื่อก่อนเคยมาเที่ยว? ”“ไม่เคย นี่มาครั้งแรก และไม่เคยมาแม่ฮ่องสอนด้วย”“หืม...”“สมัยนี้มันยุคสี่จีนะยายบ๊อง แค่ค้นหาสถานที่เที่ยวจังหวัดนั่นนี่มันก็เจอแล้ว จีพีเอสก็มี มาไม่ถูกก็ไม่รู้จะพูดยังไง”ไวท์พูดจบก็ยกมือขึ้นเขกหัวฉันเบา ๆ ฉันย่นจมูกใส่ ก็คนมันไม่ทันได้นึกถึงนี่ แม่ฮ่องสอนก็มีหลายอำเภอ ฉันยังเที่ยวไม่ทั่วเลย ก็เลยแปลกใจที่เขารู้จักที่นี่เราสองคนลงจากรถ สะพานบุญโขกู้สุ่ยตั้งอยู่หน้าหมู่บ้านแพมบก บริเวณทางเข้ามีร้านค้าชุมชนตั้งอยู่ ขายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ไวท์เดินเข้าไปซื้อน้ำเปล่ามาสองขวด ก่อนยื่นให้ฉันหนึ่งขว
ฉันยืนมองคนงานพากันยกลังส้มขึ้นรถบรรทุกของลูกค้าที่มาซื้อถึงในสวน ตั้งแต่กลับจากกรุงเทพฯ งานที่รออยู่ก็ล้นมือ ประกอบกับเป็นช่วงที่คนงานลางานเพื่อกลับไปทำนา คนงานในสวนจึงมีไม่พอ ทั้งวันฉันต้องดูแลงานในสวน แล้วก็ต้องไปจัดการงานในรีสอร์ตอีกต่อหนึ่ง โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวยังไม่มากนัก ก็ไม่รู้ทำไมแม่ถึงได้ปิดบังฉันว่าไม่มีปัญหาอะไร งานที่สวนปกติ ทั้งที่ฉันกลับมาเห็นมันไม่ใช่ที่แม่บอกเลย คนงานไม่พอ งานล้นมือ ไม่อยากจะคิดถ้าฉันไม่กลับมาด้วย แม่จะต้องหัวหมุนดูแลคนเดียวไม่มีเวลาพักผ่อนแน่ ๆ“เรียบร้อยหรือยังจ๊ะปาย” แม่เดินมามือข้างนึงถือขวดน้ำก่อนจะยื่นให้ฉัน“ขอบคุณค่ะ” ฉันยื่นมือมารับ แล้วเปิดฝายกน้ำขึ้นดื่มด้วยความกระหาย พอดื่มจนพอใจก็ตอบคำถามแม่ “อีกล็อตหนึ่งก็ครบแล้วค่ะ ปายจะเช็คอีกรอบหนึ่งก็เสร็จ”“เหนื่อยไหม กลับมาก็ไม่ได้พักเลย”“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ แต่ก่อนปายก็ช่วยแม่นี่ งานในสวนปายคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กแม่ก็รู้ สบายมากค่ะ”“ขอบใจนะลูก หมดรอบนี้ก็คงจะได้พักแล้วล่ะ แล้วนี่ก็มาเกือบอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เพื่อนฝูงก็พากันถามหา วันก่อนแม่เจอตั้มที่ตลาดยังถา
ผมเปิดประตูห้องก่อนก้าวเข้าไป ห้องตกแต่งโทนเรียบง่าย เครื่องเรือนหรูหรามีระดับ แต่ผมกลับไม่ชอบมัน มาค้างหนึ่งเดือนแค่ครั้งสองครั้ง ไม่สนว่าผู้ชายคนนั้นจะว่ายังไง ปกติถ้าไม่ยุ่งอยู่กับงานสังสรรค์ ติดอีหนู ผู้ชายคนนั้นก็ไม่นึกถึงผมหรอก เราต่างคนต่างอยู่มานานแล้ว ผมอยากจะไปค้างกับแม่ ย้ายไปอยู่ด้วยแต่ก็กลัวทำให้แม่เดือดร้อนจากผู้ชายบ้าอำนาจผมล้มตัวลงนอนบนเตียง กางแขนกางขาเหม่อมองเพดาน สุดท้ายเพราะยังไม่สร่างเมาดีก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง..เช้าวันต่อมา“เออ ดี! โผล่หัวมากลางดึก เช้ามาก็ไป เห็นบ้านฉันเป็นโรงแรมหรือยังไง”น้ำเสียงกระแทกแดกดันดังขึ้นทันทีที่ผมกำลังจะเดินผ่าน ผู้ชายคนนั้นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ แต่ตอนนี้หันมามองผมด้วยสีหน้าบึ้งตึง“ผมมีธุระ”ผมตอบแค่นั้นก่อนทำท่าจะก้าวขาเดินต่อ“เฮอะ! หน้าอย่างแกมีธุระด้วย”“พ่อมีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาดีกว่า ผมจะรีบไป”“เย็นนี้กลับมาด้วย ฉันจะพาแกไปทำความรู้จักคุณมานพ ท่านเป็นรัฐมนตรีฯ เย็นนี้เป็นวันเกิดท่าน”“ทำไมผมต้องไป ผมไม่รู้จักท่านเสียหน่อย เชิญพ่อไปคนเดียวเถอะ”“แกต้องไป! ฉันจะพาแกไปรู้จักลูกสาวคนเดียวของท่าน”“อ๋อ กะให้ผมไปดูตัว ทำ
“ก็พี่ไม่บอกว่าปายไปไหน”พี่เชนมองผมด้วยหางตา สุดท้ายก็ยอมเอ่ยปาก“ปายกลับบ้าน”บอกแค่นี้? แล้วผมจะตรัสรู้เรอะ! ผมสบถในใจส่วนฉากหน้าก็ฉีกยิ้ม ทำตัวเป็นน้องเขยที่ดี ไม่โต้เถียง“บ้าน? บ้านที่ไหน พี่บอกเส้นทางให้ผมที”“มึงจะตามน้องกูไป”“ครับ ผมจริงจัง ผมจะไปหาปาย ผมจะเข้าไปคุยกับแม่ปายว่าเรียนจบเราจะแต่งงานกัน เราจะ....”“พอ! มึงพล่ามอะไรของมึงวะ! เฮอะ แดกเหล้าจนเหม็นหึ่ง เมาหนักนะมึง คุยไปถึงเรื่องอนาคตแต่งการแต่งงาน ถามพี่อย่างกูสักคำไหม”“ผมแต่งกับปายไม่ได้แต่งกับพี่นี่”“ถุย! เห็นแก่ที่มึงเมาเหมือนหมา กูไม่เอาเรื่องเอาความอะไรมึงก็แล้วกัน ปายกลับแม่ฮ่องสอน นอกนั้นมึงไปตามหาเอาเอง ไป ๆ กูตอบคำถามแล้วก็ไสหัวไป มึงจะง้อ จะจีบอะไรอย่าลากกูไปยุ่ง ทีหลังอย่ามาถามเรื่องปายกะกู กูไม่ได้ขัดขวางมึง แต่ก็ไม่ได้ชอบมึงถึงขนาดยินดีที่มึงคบกับน้องกู”ผมฟังพี่เชนพล่าม พี่แกมองผมด้วยสายตาหงุดหงิด ก่อนจะเดินหมุนตัวเข้าร้านไปตุบ!ไอ้พันรบเดินมาถึงตัวผมเมื่อไรไม่รู้ มันตบบ่าผมดังตุบ“พี่เมียมึงเหรอ”เสียงไอ้บอมถาม มันเดินมาหยุดข้างผม“เออ”“หน้าคุ้น ๆ”“อยู่มหา’ ลัยเดียวกับเราไง” ผมตอบไอ้รบ “เรียนทัน
White Talksหลายวันผ่านไปโครม!ผมเตะเก้าอี้ที่มันขวางทางจนปลิวไปอยู่แทบเท้าไอ้พันรบ วันนี้ผมมานั่งกินเหล้าที่ผับของมัน ส่วนไอ้บอมกับไอ้เวียร์มันบอกจะตามมาดึก ๆ ผมหันไปมองเก้าอี้ที่นอนตะแคงอย่างเฉยชา เดินไปถึงโต๊ะแล้วนั่งลงก่อนยกแก้วที่มันชงไว้ขึ้นมาดื่มฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ไหลผ่านคอยิ่งทำให้ผมร้อน หงุดหงิด กระสับกระส่ายปึก!ผมวางแก้วเหล้าอย่างแรงเป็นการระบายอารมณ์“มึงเป็นอะไรไอ้ไวท์”มันมองผม แล้วถาม“ไม่รู้”ผมตอบแค่นั้นก่อนยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มต่อ ไอ้รบเป็นคนไม่ค่อยพูดมันเงียบ ๆ มึน ๆ พอเห็นผมไม่บอกมันก็แดกเหล้าต่อ เราสองคนยกแก้วเหล้าขึ้นเงียบ ๆ คนในร้านยังไม่มีเพราะยังเป็นช่วงหัวค่ำ จะมีก็แต่เจ้าของร้านอย่างมันที่บ้ามาแดกเหล้าเป็นเพื่อนผมตั้งแต่หัววันนี่แหละไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร พอเงยหน้าขึ้นจากแก้วเหล้าคนก็แออัดเต็มร้าน เสียงเพลงดังกระหึ่ม ไอ้รบลุกขึ้นบอกว่าจะไปดูลูกน้องหลังร้านหน่อย ผมโบกมือไล่มันไปก่อนนั่งกินเหล้าเงียบ ๆ มีผู้หญิงสองสามคนที่เดินโฉบไปโฉบมา ท่าทางเชื้อเชิญผม ผมแค่ยิ้มก่อนกลับไปสนใจเหล้าในแก้วต่อไม่มีอารมณ์ สวยแค่ไหนก็เถอะ ผมอยากเจอปายแค่นั้นใช่ หลายวันมานี่ปายไม่
“ไวท์โอเคนะ มีอะไรระบายให้ปายฟังได้”“โอเคสิ ตอนนี้ไวท์โอเค ขอแค่มีปายอยู่ข้าง ๆ ไวท์ก็พอ”“อะไรกัน แล้วถ้าวันไหนฉันไม่อยู่ข้างนายล่ะ” ฉันพูดขึ้นเล่น ๆ แต่ไวท์กลับเงียบไปอึดใจก่อนตอบกลับ“ไม่มีวันนั้น เพราะไวท์จะไม่ยอมให้ปายทิ้งไวท์แน่ ๆ ปายก็รู้ว่าชีวิตไวท์มีคนที่สำคัญกับไวท์แค่ไม่กี่คนและปายเป็นหนึ่งในนั้น”ฉันฟังเสียงเขาที่ดูเข้มขึ้นก็รู้สึกแปลก ๆ จะว่าดีใจมันก็ไม่เชิง คำพูดของไวท์มันฟังดูเหมือนเขายึดติดกับฉันมากเกินไป และมันไม่ดีเท่าไร...เราไม่ควรจะเอาชีวิตกันและกันมาผูกติดกันมากเกินไป“เอ่อ...เอาเป็นว่าตอนนี้ปายกำลังดูใจ พิจารณาไวท์ ให้โอกาสไวท์อยู่ ไวท์คงรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้อยู่ในช่วงที่ปายกำลังให้โอกาส”ฉันอดย้ำความสัมพันธ์ของเราไม่ได้“รู้ครับ และไวท์จะไม่ทำให้ปายหลุดลอยไปอีกแล้ว” เสียงไวท์ตอบกลับมาจริงจังและแฝงไปด้วยความหมายบางอย่างที่ฉันทำเป็นมองข้าม รู้อยู่หรอกว่าเขาแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ฉันเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ ฉันไม่ใช่ของใคร ฉันก็คือฉัน แต่ถ้าพูดตรงไปฉันก็กลัวว่าเขาจะโมโหอะไรขึ้นมาอีก คงต้องค่อย ๆ คุย แบ่งความสัมพันธ์ให้ชัดเจน ฉันเป็นแค่แฟนของเขาน้ำเสียงไวท์สั่นนิด ๆ ฉันจึ
เช้าวันต่อมาฉันตื่นอีกทีก็เจ็ดโมงเช้า พอลุกขึ้นมองตัวเองในชุดของเมื่อวานก็ทำหน้าย่น เหม็นเหงื่อตัวเอง จึงเดินหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์มือถือดังแทบจะทันทีที่ปิดประตูห้องน้ำ ฉันจึงไม่ออกไปรับคิดว่าอาบน้ำเสร็จค่อยโทร.กลับพอเสร็จธุระส่วนตัว ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู สายแรกเป็นของไมค์...อีกสายเป็นของไวท์ฉันเลือกโทร.กลับหาไมค์ก่อน ไม่นานไมค์ก็รับสาย“ปาย! เมื่อวานมีอะไรกัน”ฉันยื่นโทรศัพท์ออกห่างหู เสียงไมค์ดังแว้ดจนแสบแก้วหูไปหมด“แกจะร้องลั่นหาพระแสงอะไรฮะ แล้วทำไมรู้? ”“ก็บนโลกออนไลน์เขาแชร์กันเป็นพันแล้วยะ...ที่มันดังน่ะเพราะผู้ชายของแกนะรู้เปล่า”“ผู้ชายของฉัน? ”“เออสิ ฉันก็เพิ่งรู้ว่าไวท์เป็นลูกชายคนเดียวของนักการเมืองชื่อดัง บ้านเขาน่ะรวยมาก แกเรียนที่เดียวกับเขาไม่คุ้นนามสกุลเขาเลยหรือ นามสกุล...”“คนละไวท์หรือเปล่า” ฉันบอกอย่างไม่ค่อยเชื่อ หรือมันก็อาจจริงก็ได้ เพราะฟังนามสกุลที่ไมค์บอกก็เป็นนามสกุลไวท์จริง ฉันแค่รู้ว่าไวท์เป็นลูกหลานคนรวย ดูจากคอนโดฯ บ้านพักตากอากาศที่ไป หรือรถที่ขับ เพียงแต่ฉันไม่ได้สนใจลึกขนาดนั้นว่าเขาเป็นลูกใครหลานใคร เมื่อก่อนเราต่างคนต่างอย
พอฉันเดินเข้าบ้านก็เห็นแม่นั่งรอตรงโซฟา พี่เชนที่คุยโทรศัพท์หน้าตาเคร่งเครียดเดินลงบันไดมา ก่อนจะหยุดตรงหน้าฉัน พอกดวางสายก็พูดขึ้น“ปาย นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมไอ้ไวน์เข้าโรงพยาบาล มันบอกว่าปายพาแฟนไปอัดมัน”ฉันเดินผ่านพี่เชนมานั่งลงข้างแม่“เอาล่ะ ปายจะเล่าทีเดียวนะ พี่เชนจะเชื่อน้องหรือเพื่อนตัวเองก็พิจารณาเอา ส่วนแม่หนูสาบานว่าเรื่องที่เล่าเป็นเรื่องจริง ไม่โกหกพกลมสักนิดเดียว”แล้วฉันก็เล่าตั้งแต่แม่บอกให้ฉันไปเดินเล่นกับพี่ไวน์ จู่ ๆ พี่ไวน์ก็ตาขวางทำตัวรุ่มร่ามกับฉัน แสดงท่าทางเป็นเจ้าของทั้งที่มันไม่ใช่ ฉันถามแม่ว่าที่พาไปร้านอาหารก็เพราะมีแผนจะพาฉันไปดูตัวหวังจับคู่ให้ลูกชายเพื่อนใช่ไหม แม่ที่นั่งฟังฉันเล่าจนจบ ก็พูดขึ้น“ใช่ แม่ติดต่อกับอุ่นมาได้เกือบเดือนมีคุยกันเรื่องอนาคตของลูก ๆ เราสนิทกันมากจนมีความคิดที่จะดองกัน แล้วอีกอย่าง ไวน์ก็เป็นเพื่อนเชน แม่เคยสอบถามเชน นิสัยใจคอไวน์ก็ไม่เลว สุภาพ อ่อนโยน เรียนเก่ง”“แล้วนี่มันสมัยไหนแล้วคะ!” ฉันอดตัดพ้อด้วยความน้อยใจไม่ได้ ความคิดที่จะจับคู่ฉันกับลูกชายเพื่อนทำให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มันไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเลยจริง ๆ ความรู้สึ
ไวท์พุ่งปราดเข้ามา ฉวยจังหวะที่พี่ไวน์ตะลึงดึงฉันออก พอพ้นอ้อมกอดพี่ไวน์ฉันรีบหลบอยู่ด้านหลังมือจิกหลังไวท์แน่น“น้องปาย! กลับมาหาพี่!”เสียงพี่ไวน์ตะคอกอย่างโกรธจัด ฉันขยุ้มหลังเสื้อไวท์ รู้สึกกลัวจนตัวสั่น“บ้าหรือเปล่าวะ ปายเป็นเมียกูจะไปหามึงทำไม”“ไม่จริง ปายเป็นคู่หมั้นกู มึงนั่นแหละมาเสือกทำไม เรื่องของผัวเมีย”ฉันทนไม่ไหวยื่นหน้าไปด่าไอ้พี่ไวน์ทันที“มโนแล้ว ปายไม่ได้เป็นอะไรกับพี่!”“เมียเหรอ กล้าพูดนะ ขอเอาเลือดปากมึงออกบ้างเถอะ....”ไวท์คำรามก่อนพุ่งไปชกอีกฝ่ายดังเปรี้ยง! เพราะทางนั้นไม่ทันได้ตั้งตัวจึงล้มไปกองที่พื้นอย่างหมดท่า และพอจะลุกขึ้นมาไวท์ก็เข้าไปคร่อมก่อนประเคนหมัดไม่ยั้งผลัวะ!เสียงกำปั้นกระทบเนื้อทำให้ฉันส่งเสียงร้องห้ามอย่างตกใจ ความจริงอยากจะให้ไวท์อัดไอ้คนขี้โมเมจนสลบเหมือดอยู่หรอก แต่เพราะนี่เป็นร้านอาหาร ตอนนี้มีลูกค้าสองคนที่กำลังจะกลับยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปหรืออัดคลิป แล้วแม่ฉันและน้าอุ่นก็ยังอยู่ในร้าน“ไวท์! หยุด พอแล้ว!”เสียงไอ้พี่ไวน์ร้องแหกปากดังลั่นพลางปัดกำปั้นท่าทางดูไม่ได้ ใบหน้า จมูกเริ่มมีเลือดออก ฉันจึงร้องห้ามอีกครั้ง ไวท์ยังคงชกอีกฝ่าย ฉัน