ไวท์บดเบียดริมฝีปากฉันอย่างเอาแต่ใจ เขาใช้มือสอดท้ายทอยฉัน ประคองใบหน้าฉันให้แหงนเงยคอยรับสัมผัสจาบจ้วงที่เขาบรรจงป้อนให้ ฉันหูอื้อตาลาย ใจหวิว ๆ รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจตัวเอง มันเต้นรัวอย่างรุนแรง สองมือเคลื่อนไปวางทาบอกเขาอย่างไม่รู้ตัว
พอรู้สึกตัวดันขย้ำเสื้อเขาแน่นอีก!
“อื้อ! ...”
ฉันส่งเสียงอู้อี้ประท้วง สองมือก็ทุบหน้าอกไวท์เป็นเชิงบอกให้ปล่อย แต่ดูเหมือนรสจูบกลับหนักหน่วงมากกว่าเดิม เขาบดขยี้ริมฝีปากฉันจนเห่อร้อน ก่อนที่ปลายลิ้นจะรุกรานเข้ามาด้านใน...
นี่เป็นครั้งที่สองที่ไวท์จูบฉัน แต่มันไม่ชินเข้าใจไหม
ละ...ลิ้น ของผู้ชาย มันเข้ามาในปากฉัน ฉันนึกอย่างตื่นกลัว
ให้ตายเถอะ เกิดมาเพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้ ฉันไม่เคยจูบกับใครนะเว้ย!
ฉันตัวแข็งทื่อรู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่าง เผยอปากปล่อยให้เขาแทรกเรียวลิ้นเข้ามา ไวท์ดูดดื่ม กลืนกินทุกอย่างที่เป็นฉัน ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันที่เผลอตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสแปลกใหม่ ก็ปล่อยให้ไวท์นำทาง เขาส่งลิ้นมาพัวพันเกี่ยวกระหวัดอย่างหยอกล้อจนฉันอยากลิ้มลอง สุดท้ายก็ตอบสนองกลับดูดดื่มกลืนกินเขาอย่างเงอะงะเหมือนคนไม่มีประสบการณ์ เสียงเราจูบกันดังอึกอักจนฉันรู้สึกอาย
ลมหายใจหอบถี่ของเราประสานกัน เราบดจูบกันแบบไม่มีพัก ฉันรู้สึกเหมือนจะหมดสติเพราะขาดอากาศหายใจ
เมื่อไวท์ปล่อยฉันเป็นอิสระ ร่างบอบบางของฉันก็อ่อนปวกเปียกจนล้มไปซบบนอกกว้างของเขา ฉันสูดอากาศเข้าลึก ท่าทางฉันเหมือนปลาขาดน้ำ ไวท์มองท่าทางเหมือนคนใกล้ตายของฉันแล้วหัวเราะหึ
“อ่อนวะ จูบแค่นี้ก็เงอะงะ ทำเหมือนไม่เคยจูบกับแฟน”
ก็ไม่เคยจูบน่ะเซ่!
ฉันช้อนตามองไวท์ ตั้งท่าจะผละจากอกเขา หากแต่ไวท์กลับรั้งตัวฉัน สองแขนกักกอดไม่ให้ฉันดิ้นหนีไปไหน
“ปล่อยนะ” เมื่อลมหายใจฉันกลับเป็นปกติ ฉันมองเขาตาคว่ำพลางบอกเสียงสะบัด “จูบจนพอใจก็ปล่อยสักที ฉันจะกลับบ้านแล้ว”
“เดี๋ยวน่า” เขาจุ๊ปาก ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้างจนฉันตาลาย ฉันคงเมาค็อกเทลแน่ ๆ ถึงยอมให้อีตานี่ปล้นจูบในที่สาธารณะแบบนี้ โชคดีที่พวกเจนยังไม่กลับเข้ามาด้านใน “อยู่กับฉันก่อนเดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่ต้อง ฉันหาทางกลับเองได้”
“แต่งตัวแบบนี้ ลองเดินออกไปคนเดียวสิจะหาว่าไม่เตือน”
“ทำไม มันก็ปกตินี่ บางคนแต่งตัวโป๊กว่าฉันอีก นายอย่ามาขู่เสียให้ยาก! ”
ฉันเงยหน้าสวนทันควัน สบโอกาสที่เขาคลายอ้อมกอดแล้วยกเท้ากระทืบเขาเต็มแรง ไวท์ร้องเสียงหลงปล่อยฉันออกจากอ้อมแขนทันที
ฉันเด้งตัวขึ้นจากโซฟา คว้ากระเป๋าถือแล้วแยกเขี้ยวใส่ ก่อนจะหมุนตัวออกจากร้านไปไม่สนใจเสียงร้องเรียกตามหลัง
White:Talk
“เฮ้ย ปาย! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ! ปาย! ”
ผมคำรามตามหลังยายตัวแสบที่พอผละจากอกผมได้ก็หันหลังวิ่งหนีไปอย่างกระต่ายตื่นตูม ทำเหมือนกับไม่เคย โดน จับจูบหน่อยรับไม่ได้จนรีบเผ่น ผมยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มดับอารมณ์คุกรุ่นที่อยู่ภายใน ประกอบกับพวกเจนเดินเข้ามา เจนเหลียวมองตามหลังปายไปอย่างแปลกใจ เมื่อปายเดินหน้าตั้งออกจากร้านโดยไม่ล่ำลาพวกเธอ
“ไวท์ ปายไปไหนน่ะ” เจนถามผม
“ไม่รู้ คงกลับบ้านละมั้ง” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจทั้งที่ในใจกระวนกระวาย
“ไฮ! จะกลับยังไง ตอนหัวค่ำเจนเห็นพี่ชายปายมาส่ง เลยคิดว่าขากลับเจนจะไปส่งเอง ทำไมถึงรีบกลับไปก่อนนะ...ไม่บอกลากันสักคำ” เจนบ่นพึมพำ
ผมลุกขึ้นทันที ก่อนหันไปบอกไอ้ยักษ์
“เฮ้ย พวกมึงกลับกันเองนะ กูมีธุระจะไปต่อ”
ไอ้ยักษ์มองผมเหมือนรู้ทัน เอ่ยยิ้ม ๆ
“เออรีบ ๆ ไป เดี๋ยวธุระของมึงก็หนีกลับบ้านไปก่อนหรอก”
“ไอ้เหี้ย! ” ผมสบถ มองมันอย่างคาดโทษ ทำเป็นสู่รู้ นี่ถ้าไม่รีบไปตามปายผมคงยกเท้าเตะมันสักรอบ
ผมเดินเบียดฝูงชนที่กำลังดิ้นกันอย่างเมามัน พอหลุดออกมาด้านนอกก็มองซ้ายขวาหายายตัวแสบที่ไม่รู้ตอนนี้เดินไปถึงไหน ตอนนี้เวลาสี่ทุ่มกว่า ๆ ยังไม่ดึกมาก แต่มันก็อันตรายสำหรับปายอยู่ดี
ก็แม่คุณเล่นแต่งตัวโชว์ผิวขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะขนาดนั้น ถึงจะไม่โป๊มากก็เถอะ แล้วพอชุดเดรสสีดำตัดกับผิวขาว ๆ ของปาย ประกอบกับหน้าตาจิ้มลิ้ม ยิ่งโดนผมจับจูบจนปากเจ่อผมเผ้ายุ่งเหยิงดูไปดูมามันเซ็กซี่เป็นบ้า...
แล้วคนอื่นมันจะไม่คิดแบบผมหรือไง
ผมเดินหาตามทางฟุตปาธเรื่อย ๆ เดินไปจนเจอกลุ่มวัยรุ่นผู้ชายหัวเกรียนสี่ห้าคนกำลังล้อมหน้าล้อมหลังผู้หญิงคนหนึ่ง พวกมันส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว หัวเราะเฮฮา พอหนึ่งในนั้นเบี่ยงตัวผมจึงมองเห็นตรงกลางชัดเจน
ปายยืนกอดกระเป๋าถือแน่นมองพวกมันด้วยท่าทางหวาดผวา
ผมสาวเท้าไปทันที
“ว่าไงครับพี่สาว เดินคนเดียวมืด ๆ แบบนี้ให้พวกผมไปส่งนะ...จะส่งให้ถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดเลย”
“ฮ่า ๆ แน่ล่ะ นางฟ้ามาตกสวรรค์แถวนี้ ป่ะ พวกเราพานางฟ้าไปขึ้นสวรรค์กันว้อย”
เสียงพวกมันร้องตะโกน กำลังจะฉุดกระชากปายให้ขึ้นรถที่จอดอยู่ด้านข้าง ผมเร่งฝีเท้าพอถึงตัวไอ้คนที่ดึงแขนปายไว้ก็กระชากคอเสื้อมันแล้วซัดกำปั้นใส่ทันที
ผลัวะ!
กลุ่มเด็กเกรียนแตกฮื่อ เมื่อจู่ ๆ ผมที่มาจากไหนไม่รู้กระโดดเข้าไปต่อย ผมต่อยไอ้คนที่จับแขนปายจนมันลงไปนอนหงาย ปายพอเห็นผมก็โผมาเกาะด้านหลังทันที
“เฮ้ย มึงมาจากไหนวะ มายุ่งอะไรกับผู้หญิงของกู”
ไอ้คนที่โดนต่อยลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลหลังจากโดนเพื่อนมันดึงขึ้นก่อนจะชี้หน้าด่าผม หลายคนเห็นผมตัวใหญ่ก็แค่ตั้งท่าไม่เข้ามา
“มึงพูดดี ๆ ผู้หญิงของใครไอ้พวกเด็กเหี้ย” ผมมองพวกมันรายตัว ส่งเสียงเหี้ยม ไอ้เด็กปากดีนี่คงจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม ท่าทางกร่างกว่าใคร ผมน่าจะอัดมันไม่ให้ตั้งตัวอีกสักหลาย ๆ ทีให้ฟันแม่งหักจนพูดกร่างไม่ได้
“ผู้หญิงคนนี้พวกกูเจอก่อน มึงอยากได้ก็ไปหาที่อื่นสิวะ”
“มากูมึงกับกู อายุเท่าไรกันเชียวไอ้เด็กเกรียน กลับบ้านไปดูดนมแม่ไป๊! ” ผมตวาด มองทางหนีทีไล่ มือก็กระชับมือปายไว้แน่น มันมีห้าคน ผมคนเดียวแถมมีผู้หญิงตัวเล็กบอบบางอยู่ข้าง ๆ อีก
สู้ได้ก็เดอะฮัคละครับ
สบจังหวะที่พวกมันยังไม่พากันฮือเข้ามาผมกระตุกแขนปายแล้วสั่ง
“วิ่ง! ”
ผมดึงปายแล้ววิ่งย้อนกลับไปทางผับ ทางนั้นคนมากพวกมันคงไม่กล้าทำอะไร ไอ้พวกเด็กเกรียนร้องตะโกนโหวกเหวกพลางวิ่งตามมา ผมพาปายหลบหลีกพวกมัน จนเข้าข้างซอยตรงไปทางหลังร้านผมดึงปายแอบตรงมุมอับแล้วจับปายซุกอกไว้ ปายหายใจหอบในอ้อมอกผม เสียงฝีเท้าวิ่งผ่านไป ผ่านไปหลายสิบนาที จนผมแน่ใจว่าพวกมันจะไม่ย้อนกลับมาอีกก็ดึงปายออกจากอก ปายเงยหน้าขึ้นมองผมหน้าซีดปากสั่น“พวกมันไปหรือยังไวท์”“พวกมันไปแล้ว” ผมบอกปายน้ำเสียงรำคาญ ก่อนปล่อยปายออกจากอ้อมกอด “ทีแบบนี้ทำกลัว แล้วเดินหนีออกมาทำไม”“ขอโทษ....” ปายบอกเสียงอ่อน น้ำเสียงฟังรู้สึกผิด ผมส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะฉวยข้อมือปายให้เดินตามมา“จะ..จะพาฉันไปไหน”“ก็ไปส่งบ้านไง” ผมหยุดเดิน หันมามอง “หรือจะไปต่อคอนโดฯ เราก็ได้นะ”“ฝันไปเถอะ! ” ปายสวนขึ้นทันควัน มองผมตาคว่ำผมหัวเราะหึหึ ก่อนจะตั้งหน้าเดินต่อจุดมุ่งหมายคือลานจอดรถข้างผับEnd Talk.ฉันมองฝ่ามือที่ถูกคนตรงหน้าจับไว้แล้วมองแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้าก็ให้ความรู้สึกแปลก ๆ เพราะความอายผสมความโกรธที่ถูกปล้นจูบฉันจึงเดินหนีออกมาโดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของเขา สุดท้ายก็เจอดีจนเกือบโดนพวกขี้เมาหัวเกรียนฉ
ฉันเงียบ มองแก้มขาว ๆ ของเขาแล้วอึ้ง คือจะให้หอมแก้ม?“เร็วสิ” ไวท์เร่ง เอียงแก้มค้างไว้ ฉันสูดหายใจลึก เอาก็เอาวะ จูบยังเคยมาแล้วคิดได้อย่างนั้นจึง...จุ๊บ!ฉันผงกหัวขึ้นไปจนริมฝีปากชนกับแก้มเขาก่อนผละออกอย่างรวดเร็ว ฉันรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองตอนนี้มันชา ๆ และร้อนผ่าวไปหมดหมดกันภาพลักษณ์กุลสตรีที่ดี....หรือมันอาจจะหมดตั้งแต่ฉันจูบตอบไวท์ไปก่อนหน้าก็ไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้อายโคตร ๆไวท์หันหน้ามามองฉันแล้วยิ้มจนฉันตาพร่าไปหมด หัวใจน้อย ๆ มันเต้นแรง แรงจนฉันกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้นด้วยกลัวมันจะดังจนไวท์ได้ยิน“นี่มันจูบแก้ม...หอมมันต้องแบบนี้”แล้วไวท์ก็ก้มหน้ามาหอมแก้มขวาฉันเสียงดังฟอด!แล้วต่อด้วยแก้มซ้ายฟอด!“จำเอาไว้แล้วคราวหน้าต้องทำให้ถูกต้องนะครับ”ยังมีคราวหน้าอีกเรอะ!ไวท์ลุกขึ้นยืนเต็มตัว ก่อนจะเดินออกห้องไป ฉันยังคงนอนนิ่ง ในหัวดังวิ้ง สติหลุดไปเป็นที่เรียบร้อยจนไม่ได้ยินเสียงประตูที่ปิดลงเนิ่นนาน...จนฉันดึงสติกลับมาได้ เสียงรถที่จอดหน้าบ้านก็ขับเคลื่อนไปไกล ฉันลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือกุมแก้มตัวเองสองข้าง ริมฝีปากเผยรอยยิ้มไม่รู้ตัววันจันทร์ฉันนั่งกินราดหน้ากับเจน และมิว หลังจาก
White Talkผมมองปายที่เดินออกจากโรงอาหารไป นึกถึงสีหน้าตอนเธอเห็นผมเดินมากับลุลา แล้วรู้สึกดีแปลก ๆ เพราะแววตาที่ปายมองมามันดูสับสน สีหน้าปายดูไม่ดีเลย หากคิดเข้าข้างตัวเองก็คือปายชอบผม...ถ้าไม่ชอบเธอคงไม่ยอมให้ผมจูบ หรือจูบผมตอบพอนึกแบบนี้ก็เหมือนตัวเองชนะยังไงไม่รู้สิ"มองอะไรคะพี่ไวท์" เสียงคนข้าง ๆ ผมดังขึ้น ฉุดผมตื่นจากภวังค์ ลุลาเป็นดาวมหา’ ลัยปีนี้ เรียนนิเทศศาสตร์ หลายคนคิดว่าผมกับลุลาเปิดตัวคบกัน ความจริงแล้วลุลาเป็นน้องผมต่างหากพ่อผมแยกทางกับแม่ตอนผมยังเด็ก แม่จากไปทั้งที่มีน้องผมอยู่ในท้อง เรื่องนี้ผมก็เพิ่งจะรู้เมื่อไม่กี่ปี ส่วนพ่อ ผมไม่ได้บอกเรื่องของลุลาและก็ไม่อยากให้รู้ เรื่องของพ่อกับแม่ผมมันไม่มีวันเป็นเหมือนเดิมอยู่แล้ว ต่างคนต่างมีครอบครัวใหม่ ลุลาก็ใช้นามสกุลของแม่ ถึงแม้หน้าตาเราจะคล้ายกันแต่ก็ไม่มีใครนึกว่าเราจะเป็นพี่น้องกันเพราะเราใช้คนละนามสกุล ลุลามาเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกับผมก็เพราะแม่อยากให้น้องมาอยู่ใกล้ ๆ ผม ให้ผมได้ดูแล ซึ่งผมก็เต็มใจลุลาชวนผมมากินข้าวในโรงอาหาร เธออยากกินราดหน้าชื่อดังของคณะผม ในฐานะพี่ชายผมจึงตามมาดูแลน้อง แต่พอเจอปายและดูเหมื
ฉันลุกออกจากเตียงนอน วิ่งไปตรงหน้ากระจก หวีผมเผ้าให้เรียบร้อย มองชุดนอนแขนยาวขายาวลายคิตตี้ที่ตัวสวมอยู่พอคิดจะเปลี่ยนคงไม่ทัน เอาเถอะ...ไปทั้งอย่างนี้ก็ได้ฉันคว้าจักรยานที่จอดในบ้านก่อนออกแรงปั่น จุดมุ่งหมายคือหน้าหมู่บ้าน ไม่กี่นาทีฉันก็มาถึงหน้าป้อมยาม เห็นไวท์กอดอกยืนรอตัวก็พิงรถสปอร์ตสีแดงคนละคันกับรถวันก่อน เขายังอยู่ในชุดช็อปตัวเดิมฉันหันไปทักทายพี่ยาม ก่อนบอกพี่ยามว่าผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนฉันเอง พี่ยามถึงพยักหน้า แล้วเดินเข้าป้อมยามไปไวท์เห็นฉันก็เดินตรงมา ก่อนบอก"ไป ขึ้นรถ"หา อะไรนะ...ฉันมองเขาทำหน้างุนงง จนเขาต้องพูดย้ำ"ขึ้นรถ ไปกับเรา เร็ว" ไม่พูดเปล่าคว้ามือฉันไปกุมก่อนออกแรงดึง"ดะ.. เดี๋ยวสิ รถฉันล่ะ""ฝากไว้ตรงป้อมยามนี่แหละ ไปไม่นาน เดี๋ยวมาส่ง"ฉันได้แต่ปล่อยให้เขาดึงแขนจนมาถึงรถที่เขาจอดรอ ไวท์เปิดประตูฉันก็เข้าไปนั่งอย่างงง ๆเขาเดินอ้อมมานั่งตรงคนขับ แล้วรถก็พุ่งทะยานออกไปคอนโดฯ Vฉันมองคอนโดฯ หรูที่ตั้งตระหง่านตรงหน้า คอนโดฯ ในย่านท่องเที่ยวครบวงจร ราคาแพงหูฉี่ที่พี่เชนเคยพาฉันเข้าไปดูเพราะตั้งใจว่าจะซื้อ แต่พอรู้ราคาแปดหลักก็ต้องยอมถอย ขนาดพี่เชนยังไม่มีปั
“ฮั่นแน่ เกรี้ยวกราดแบบนี้หึงไวท์ละสิ”“เฮอะ” ฉันแค่นเสียงใส่ สะบัดหน้าไปอีกทาง “หลงตัวเองชะมัด”“อ้าว ก็มีดีให้หลง” ไวท์ลอยหน้าลอยตาตอบ“เถียงกับคนหลงตัวเองยังไงก็ไม่ชนะหรอก” ฉันแดกดัน ก่อนดิ้นเป็นเชิงบอกให้ไวท์ปล่อยฉันออกจากตัก “แล้วจะปล่อยได้ยัง คนมีพ่อมีแม่นะ ทำอะไรรุ่มร่ามเดี๋ยวเถอะ”“เฮ้ย คบกันมันก็ต้องแบบนี้แหละ” ไวท์กลับกอดฉันแน่นขึ้น ก่อนจะหอมแก้มฉันฟอดใหญ่ “ทำบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ชินเอง”ชินกะผีสิ! ฉันมองเขาตาคว่ำ“มันอึดอัดเข้าใจป่ะ ปล่อย! ” ฉันดิ้นอีกครั้ง ถีบเท้าไปมา“หยุดดิ้นนะปาย...” จู่ ๆ ไวท์ก็บอกเสียงแหบพร่า ฉันชะงักกึก ทำไมถึงทำเสียงสั่นเครือขนาดนั้น หรือฉันนั่งนานไปเขาเลยเป็นเหน็บชา?“นายเป็นอะไร” ฉันขยับตัวอีกครั้ง พยายามหันไปมองหน้าเขา“เชี่ย! ” ไวท์สบถ พร้อมกับกัดฟันดังกรอด ฉันเริ่มตกใจทำตัวไม่ถูก ได้แต่ทำตัวแข็งไม่ดิ้นกระดุกกระดิก“นิ่ง ๆ ปาย...ห้ามขยับ ถ้าไม่อยากให้มันตื่น”ฉันเบิกตาโต อะไรตื่น? สมองประมวลผลเพียงครู่ อายุฉันก็ไม่ใช่เด็ก ๆ เพศศึกษาก็เคยเรียน ชายหญิงอยู่ใกล้ชิดกันตามลำพัง บรรยากาศเป็นใจ มันจะเป็นอะไรไปได้ นอกจาก....ไวท์จูเนียร์!!White:Talkผมเริ่มเห
White:Talkผมเริ่มเหงื่อตกทั้งที่ในห้องเปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะร่างนุ่มนิ่มที่นั่งบนตักผมเป็นสาเหตุ ปายใส่ชุดนอนลายการ์ตูนเหมือนเด็ก ๆ ผมเห็นทีแรกยังแอบขัน แต่ตอนนี้มันขันไม่ออกเพราะเจ้าลูกชายด้านล่างดันจะขันแทน!มีผู้หญิงเนื้อตัวนุ่มนิ่มนั่งบนตักตั้งนานสองนาน ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะครับจะได้ไม่รู้สึกอะไรผมได้กลิ่นหอมหวานจากตัวปาย กลิ่นสบู่อ่อน ๆ ลอยมาแตะจมูก ใบหน้าผมเกยคางปายไว้ตอนเธอดิ้นผมนุ่มดำขลับของเธอก็ปัดมาโดนจมูกผมเบา ๆ ผมนุ่มลื่นมีกลิ่นแชมพูหอม ๆ จนผมลืมตัวสูดดมเข้าปอดลึกปายหอมไปทั้งตัว เนื้อตัวนุ่มนิ่มที่ผมโอบกอดก็เล็กกะทัดรัดน่าทะนุถนอมพอผมขู่ไม่ให้ขยับเพราะเจ้าลูกชายผมกำลังจะตื่น ดูเหมือนปายจะนิ่งขึงไปท่าทางตื่นกลัวทันที....แต่ดูเหมือนช้าไปแล้ว ตอนนี้ลูกชายผมมันเริ่มแผลงฤทธิ์ ดูจากอาการตกใจของปายคงจะรู้สึกได้ว่าของแข็งที่ดันบั้นท้ายตัวเองอยู่มันคืออะไร“อ๊ะ! ” ปายสะดุ้ง พร้อมกับอุทานด้วยความตกใจเสียงของปายมันเร้าอารมณ์เป็นบ้า...ผมกัดฟันข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้มันกระเจิดกระเจิง แต่ก็ยากเต็มทนจิตสำนึกฝ่ายดีบอกให้ผมปล่อยเธอไป แต่จิตสำนึกฝ่ายร้ายบอกให้ผมจัดการปายซะมีเหยื
ไวท์ก้มหน้ามาไซ้ซอกคอฉัน ปากก็บอกเสียงพึมพำ“เดี๋ยวปล่อย...ถ้าเสร็จธุระนะ”เสร็จบ้าเสร็จบอ! ฉันก่นด่าเขาในใจอย่างเกรี้ยวกราด“ไม่นะ ตอนนี้ปายยังไม่พร้อม” ฉันประท้วงเสียงสั่น เดินหน้ากล่อมเขาต่อ “ปายขอเวลานะ... นะไวท์ อื้อ...”ไวท์ไม่ฟังคำขอร้องของฉัน เขาเลื่อนจากซอกคอมาประกบจูบฉันอย่างแรงก่อนแทรกเรียวลิ้นตามมา ปลายลิ้นร้อน ๆ สัมผัสไปทั่วทุกตาราง การกระทำทุกอย่างดุดันร้อนแรงจนฉันเหมือนจะขาดอากาศหายใจตาย เสียงจูบยังคงดังต่อเนื่องเขาไม่ปล่อยให้ปากฉันเป็นอิสระ ทั้งบดทั้งคลึงขบเม้มจนฉันรู้สึกเจ็บ ฉันตัวอ่อนระทวยทันที พอรู้ว่าฉันลดอาการต่อต้าน ไวท์ก็เลื่อนมือที่จับกุมฉันไว้มาที่เสื้อก่อนจะเลิกเสื้อฉันขึ้นจนมันเลิกอยู่เหนือทรวงอกบราลูกไม้สีขาวปรากฏขึ้นแก่สายตา ก่อนที่ฉันส่งเสียงร้องห้ามไวท์ก็ดึงมันขึ้นแล้วใช้สองมือเข้าไปกอบกุมทรวงอกขาวสล้างทันที“อ๊ะ!” ฉันแอ่นกายขึ้นอัตโนมัติ รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต ความรู้สึกหวามหวาบผสมความกลัวทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกจึงร้องไห้ออกมาด้วยความสับสนไวท์ชะงักเมื่อสัมผัสถึงความเปียกชื้นบนใบหน้าฉัน ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปจูบซับน้ำตา แผ่วเบาและอ่อนโยน เขายังไม่มีทีท่าว่
หลายวันต่อมาฉันนัดเจอไวท์อีกครั้งที่ร้านเบเกอรี่ใจกลางเมือง เป็นร้านเบเกอรี่ชื่อดังที่ติดอันดับในเว็บไซต์ คืนนั้นฉันถึงบ้านเฉียดฉิวกับพี่เชนพอดี พอฉันเข้าบ้านไม่ถึงห้านาทีเสียงรถพี่เชนก็เข้ามา ฉันวิ่งขึ้นห้องอย่างรวดเร็วกลัวพี่เชนจะสงสัยว่าทำไมฉันยังลงมาทำอะไรข้างล่าง พอตอนเช้าฉันเข้าไป อาบน้ำ เห็นตัวเองในกระจกก็อดตกใจไม่ได้เมื่อเจอรอยแดงเป็นจ้ำทั่วลำคอและเนินอก ฉันคงไม่อินโนเซนส์จนคิดว่าเป็นรอยยุงกัดหรอก จะเป็นฝีมือใครล่ะถ้าไม่ใช่ไวท์ จะออกไปข้างนอกก็กลัวตกเป็นเป้าสายตาอย่าว่าแต่ข้างนอกเถอะ นอกห้องตอนพี่เชนอยู่ฉันยังไม่กล้า พี่เชนยิ่งเป็นเพลย์บอยนักรัก แค่มองแวบเดียวก็รู้ว่ารอยอะไร สองสามวันที่ผ่านมาฉันจึงอ้างว่าไม่สบาย หยุดเรียนมันซะเลย ดีที่ช่วงนี้เพิ่งพ้นการสอบใกล้จะปิดภาคเรียนพอดี ได้แต่หมกตัวอยู่แต่ในห้องจนวันนี้รอยตามเนื้อตัวพอจะจางจนทา รองพื้นปิดทับได้จึงกล้าออกมาข้างนอกฉันมาถึงหน้าร้านเบเกอรี่ก่อน มองเวลาตรงข้อมือก็พบว่าฉันมาก่อนสิบนาที ฉันจึงหยิบโทรศัพท์มือถือแชทบอกไวท์ทางไลน์ หลังจากวันนั้นฉันก็แลกไลน์กับไวท์ ส่วนเบอร์โทร.ไวท์บอกว่าได้จากเจนถึงได้โทร.หาฉันได้ หลายวันที่ผ่
สะพานบุญโขกู้สุ่ย บ้านแพมบกไวท์พาฉันมาที่สะพานไม้ไผ่ แหล่งท่องเที่ยวอีกทีหนึ่งของแม่ฮ่องสอน ห่างไกลจากตัวเมืองประมาณสิบกิโลเมตร ตลอดการเดินทางลำบากมาก ทั้งชันและแคบ โชคดีที่ไม่ใช่ฤดูฝน ถนนเลยพอให้รถสปอร์ตขับผ่านไปได้ แต่กว่าจะถึงที่หมายฉันแอบสงสารรถคันหรูที่ตอนนี้มันคงจะคลุกฝุ่นจนหมอง เมื่อรถจอดฉันหันไปมองเขาอย่างแปลกใจที่เขารู้จักสถานที่แบบนี้ด้วย นึกว่าเด็กเมืองกรุงอย่างเขาจะพาฉันไปในเมือง เที่ยวห้างสรรพสินค้า ดูหนังอะไรแบบนี้“มองอะไรปาย”“รู้จักที่แบบนี้ด้วยเหรอ เมื่อก่อนเคยมาเที่ยว? ”“ไม่เคย นี่มาครั้งแรก และไม่เคยมาแม่ฮ่องสอนด้วย”“หืม...”“สมัยนี้มันยุคสี่จีนะยายบ๊อง แค่ค้นหาสถานที่เที่ยวจังหวัดนั่นนี่มันก็เจอแล้ว จีพีเอสก็มี มาไม่ถูกก็ไม่รู้จะพูดยังไง”ไวท์พูดจบก็ยกมือขึ้นเขกหัวฉันเบา ๆ ฉันย่นจมูกใส่ ก็คนมันไม่ทันได้นึกถึงนี่ แม่ฮ่องสอนก็มีหลายอำเภอ ฉันยังเที่ยวไม่ทั่วเลย ก็เลยแปลกใจที่เขารู้จักที่นี่เราสองคนลงจากรถ สะพานบุญโขกู้สุ่ยตั้งอยู่หน้าหมู่บ้านแพมบก บริเวณทางเข้ามีร้านค้าชุมชนตั้งอยู่ ขายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ไวท์เดินเข้าไปซื้อน้ำเปล่ามาสองขวด ก่อนยื่นให้ฉันหนึ่งขว
ฉันยืนมองคนงานพากันยกลังส้มขึ้นรถบรรทุกของลูกค้าที่มาซื้อถึงในสวน ตั้งแต่กลับจากกรุงเทพฯ งานที่รออยู่ก็ล้นมือ ประกอบกับเป็นช่วงที่คนงานลางานเพื่อกลับไปทำนา คนงานในสวนจึงมีไม่พอ ทั้งวันฉันต้องดูแลงานในสวน แล้วก็ต้องไปจัดการงานในรีสอร์ตอีกต่อหนึ่ง โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวยังไม่มากนัก ก็ไม่รู้ทำไมแม่ถึงได้ปิดบังฉันว่าไม่มีปัญหาอะไร งานที่สวนปกติ ทั้งที่ฉันกลับมาเห็นมันไม่ใช่ที่แม่บอกเลย คนงานไม่พอ งานล้นมือ ไม่อยากจะคิดถ้าฉันไม่กลับมาด้วย แม่จะต้องหัวหมุนดูแลคนเดียวไม่มีเวลาพักผ่อนแน่ ๆ“เรียบร้อยหรือยังจ๊ะปาย” แม่เดินมามือข้างนึงถือขวดน้ำก่อนจะยื่นให้ฉัน“ขอบคุณค่ะ” ฉันยื่นมือมารับ แล้วเปิดฝายกน้ำขึ้นดื่มด้วยความกระหาย พอดื่มจนพอใจก็ตอบคำถามแม่ “อีกล็อตหนึ่งก็ครบแล้วค่ะ ปายจะเช็คอีกรอบหนึ่งก็เสร็จ”“เหนื่อยไหม กลับมาก็ไม่ได้พักเลย”“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ แต่ก่อนปายก็ช่วยแม่นี่ งานในสวนปายคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กแม่ก็รู้ สบายมากค่ะ”“ขอบใจนะลูก หมดรอบนี้ก็คงจะได้พักแล้วล่ะ แล้วนี่ก็มาเกือบอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เพื่อนฝูงก็พากันถามหา วันก่อนแม่เจอตั้มที่ตลาดยังถา
ผมเปิดประตูห้องก่อนก้าวเข้าไป ห้องตกแต่งโทนเรียบง่าย เครื่องเรือนหรูหรามีระดับ แต่ผมกลับไม่ชอบมัน มาค้างหนึ่งเดือนแค่ครั้งสองครั้ง ไม่สนว่าผู้ชายคนนั้นจะว่ายังไง ปกติถ้าไม่ยุ่งอยู่กับงานสังสรรค์ ติดอีหนู ผู้ชายคนนั้นก็ไม่นึกถึงผมหรอก เราต่างคนต่างอยู่มานานแล้ว ผมอยากจะไปค้างกับแม่ ย้ายไปอยู่ด้วยแต่ก็กลัวทำให้แม่เดือดร้อนจากผู้ชายบ้าอำนาจผมล้มตัวลงนอนบนเตียง กางแขนกางขาเหม่อมองเพดาน สุดท้ายเพราะยังไม่สร่างเมาดีก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง..เช้าวันต่อมา“เออ ดี! โผล่หัวมากลางดึก เช้ามาก็ไป เห็นบ้านฉันเป็นโรงแรมหรือยังไง”น้ำเสียงกระแทกแดกดันดังขึ้นทันทีที่ผมกำลังจะเดินผ่าน ผู้ชายคนนั้นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ แต่ตอนนี้หันมามองผมด้วยสีหน้าบึ้งตึง“ผมมีธุระ”ผมตอบแค่นั้นก่อนทำท่าจะก้าวขาเดินต่อ“เฮอะ! หน้าอย่างแกมีธุระด้วย”“พ่อมีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาดีกว่า ผมจะรีบไป”“เย็นนี้กลับมาด้วย ฉันจะพาแกไปทำความรู้จักคุณมานพ ท่านเป็นรัฐมนตรีฯ เย็นนี้เป็นวันเกิดท่าน”“ทำไมผมต้องไป ผมไม่รู้จักท่านเสียหน่อย เชิญพ่อไปคนเดียวเถอะ”“แกต้องไป! ฉันจะพาแกไปรู้จักลูกสาวคนเดียวของท่าน”“อ๋อ กะให้ผมไปดูตัว ทำ
“ก็พี่ไม่บอกว่าปายไปไหน”พี่เชนมองผมด้วยหางตา สุดท้ายก็ยอมเอ่ยปาก“ปายกลับบ้าน”บอกแค่นี้? แล้วผมจะตรัสรู้เรอะ! ผมสบถในใจส่วนฉากหน้าก็ฉีกยิ้ม ทำตัวเป็นน้องเขยที่ดี ไม่โต้เถียง“บ้าน? บ้านที่ไหน พี่บอกเส้นทางให้ผมที”“มึงจะตามน้องกูไป”“ครับ ผมจริงจัง ผมจะไปหาปาย ผมจะเข้าไปคุยกับแม่ปายว่าเรียนจบเราจะแต่งงานกัน เราจะ....”“พอ! มึงพล่ามอะไรของมึงวะ! เฮอะ แดกเหล้าจนเหม็นหึ่ง เมาหนักนะมึง คุยไปถึงเรื่องอนาคตแต่งการแต่งงาน ถามพี่อย่างกูสักคำไหม”“ผมแต่งกับปายไม่ได้แต่งกับพี่นี่”“ถุย! เห็นแก่ที่มึงเมาเหมือนหมา กูไม่เอาเรื่องเอาความอะไรมึงก็แล้วกัน ปายกลับแม่ฮ่องสอน นอกนั้นมึงไปตามหาเอาเอง ไป ๆ กูตอบคำถามแล้วก็ไสหัวไป มึงจะง้อ จะจีบอะไรอย่าลากกูไปยุ่ง ทีหลังอย่ามาถามเรื่องปายกะกู กูไม่ได้ขัดขวางมึง แต่ก็ไม่ได้ชอบมึงถึงขนาดยินดีที่มึงคบกับน้องกู”ผมฟังพี่เชนพล่าม พี่แกมองผมด้วยสายตาหงุดหงิด ก่อนจะเดินหมุนตัวเข้าร้านไปตุบ!ไอ้พันรบเดินมาถึงตัวผมเมื่อไรไม่รู้ มันตบบ่าผมดังตุบ“พี่เมียมึงเหรอ”เสียงไอ้บอมถาม มันเดินมาหยุดข้างผม“เออ”“หน้าคุ้น ๆ”“อยู่มหา’ ลัยเดียวกับเราไง” ผมตอบไอ้รบ “เรียนทัน
White Talksหลายวันผ่านไปโครม!ผมเตะเก้าอี้ที่มันขวางทางจนปลิวไปอยู่แทบเท้าไอ้พันรบ วันนี้ผมมานั่งกินเหล้าที่ผับของมัน ส่วนไอ้บอมกับไอ้เวียร์มันบอกจะตามมาดึก ๆ ผมหันไปมองเก้าอี้ที่นอนตะแคงอย่างเฉยชา เดินไปถึงโต๊ะแล้วนั่งลงก่อนยกแก้วที่มันชงไว้ขึ้นมาดื่มฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ไหลผ่านคอยิ่งทำให้ผมร้อน หงุดหงิด กระสับกระส่ายปึก!ผมวางแก้วเหล้าอย่างแรงเป็นการระบายอารมณ์“มึงเป็นอะไรไอ้ไวท์”มันมองผม แล้วถาม“ไม่รู้”ผมตอบแค่นั้นก่อนยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มต่อ ไอ้รบเป็นคนไม่ค่อยพูดมันเงียบ ๆ มึน ๆ พอเห็นผมไม่บอกมันก็แดกเหล้าต่อ เราสองคนยกแก้วเหล้าขึ้นเงียบ ๆ คนในร้านยังไม่มีเพราะยังเป็นช่วงหัวค่ำ จะมีก็แต่เจ้าของร้านอย่างมันที่บ้ามาแดกเหล้าเป็นเพื่อนผมตั้งแต่หัววันนี่แหละไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร พอเงยหน้าขึ้นจากแก้วเหล้าคนก็แออัดเต็มร้าน เสียงเพลงดังกระหึ่ม ไอ้รบลุกขึ้นบอกว่าจะไปดูลูกน้องหลังร้านหน่อย ผมโบกมือไล่มันไปก่อนนั่งกินเหล้าเงียบ ๆ มีผู้หญิงสองสามคนที่เดินโฉบไปโฉบมา ท่าทางเชื้อเชิญผม ผมแค่ยิ้มก่อนกลับไปสนใจเหล้าในแก้วต่อไม่มีอารมณ์ สวยแค่ไหนก็เถอะ ผมอยากเจอปายแค่นั้นใช่ หลายวันมานี่ปายไม่
“ไวท์โอเคนะ มีอะไรระบายให้ปายฟังได้”“โอเคสิ ตอนนี้ไวท์โอเค ขอแค่มีปายอยู่ข้าง ๆ ไวท์ก็พอ”“อะไรกัน แล้วถ้าวันไหนฉันไม่อยู่ข้างนายล่ะ” ฉันพูดขึ้นเล่น ๆ แต่ไวท์กลับเงียบไปอึดใจก่อนตอบกลับ“ไม่มีวันนั้น เพราะไวท์จะไม่ยอมให้ปายทิ้งไวท์แน่ ๆ ปายก็รู้ว่าชีวิตไวท์มีคนที่สำคัญกับไวท์แค่ไม่กี่คนและปายเป็นหนึ่งในนั้น”ฉันฟังเสียงเขาที่ดูเข้มขึ้นก็รู้สึกแปลก ๆ จะว่าดีใจมันก็ไม่เชิง คำพูดของไวท์มันฟังดูเหมือนเขายึดติดกับฉันมากเกินไป และมันไม่ดีเท่าไร...เราไม่ควรจะเอาชีวิตกันและกันมาผูกติดกันมากเกินไป“เอ่อ...เอาเป็นว่าตอนนี้ปายกำลังดูใจ พิจารณาไวท์ ให้โอกาสไวท์อยู่ ไวท์คงรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้อยู่ในช่วงที่ปายกำลังให้โอกาส”ฉันอดย้ำความสัมพันธ์ของเราไม่ได้“รู้ครับ และไวท์จะไม่ทำให้ปายหลุดลอยไปอีกแล้ว” เสียงไวท์ตอบกลับมาจริงจังและแฝงไปด้วยความหมายบางอย่างที่ฉันทำเป็นมองข้าม รู้อยู่หรอกว่าเขาแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ฉันเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ ฉันไม่ใช่ของใคร ฉันก็คือฉัน แต่ถ้าพูดตรงไปฉันก็กลัวว่าเขาจะโมโหอะไรขึ้นมาอีก คงต้องค่อย ๆ คุย แบ่งความสัมพันธ์ให้ชัดเจน ฉันเป็นแค่แฟนของเขาน้ำเสียงไวท์สั่นนิด ๆ ฉันจึ
เช้าวันต่อมาฉันตื่นอีกทีก็เจ็ดโมงเช้า พอลุกขึ้นมองตัวเองในชุดของเมื่อวานก็ทำหน้าย่น เหม็นเหงื่อตัวเอง จึงเดินหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์มือถือดังแทบจะทันทีที่ปิดประตูห้องน้ำ ฉันจึงไม่ออกไปรับคิดว่าอาบน้ำเสร็จค่อยโทร.กลับพอเสร็จธุระส่วนตัว ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู สายแรกเป็นของไมค์...อีกสายเป็นของไวท์ฉันเลือกโทร.กลับหาไมค์ก่อน ไม่นานไมค์ก็รับสาย“ปาย! เมื่อวานมีอะไรกัน”ฉันยื่นโทรศัพท์ออกห่างหู เสียงไมค์ดังแว้ดจนแสบแก้วหูไปหมด“แกจะร้องลั่นหาพระแสงอะไรฮะ แล้วทำไมรู้? ”“ก็บนโลกออนไลน์เขาแชร์กันเป็นพันแล้วยะ...ที่มันดังน่ะเพราะผู้ชายของแกนะรู้เปล่า”“ผู้ชายของฉัน? ”“เออสิ ฉันก็เพิ่งรู้ว่าไวท์เป็นลูกชายคนเดียวของนักการเมืองชื่อดัง บ้านเขาน่ะรวยมาก แกเรียนที่เดียวกับเขาไม่คุ้นนามสกุลเขาเลยหรือ นามสกุล...”“คนละไวท์หรือเปล่า” ฉันบอกอย่างไม่ค่อยเชื่อ หรือมันก็อาจจริงก็ได้ เพราะฟังนามสกุลที่ไมค์บอกก็เป็นนามสกุลไวท์จริง ฉันแค่รู้ว่าไวท์เป็นลูกหลานคนรวย ดูจากคอนโดฯ บ้านพักตากอากาศที่ไป หรือรถที่ขับ เพียงแต่ฉันไม่ได้สนใจลึกขนาดนั้นว่าเขาเป็นลูกใครหลานใคร เมื่อก่อนเราต่างคนต่างอย
พอฉันเดินเข้าบ้านก็เห็นแม่นั่งรอตรงโซฟา พี่เชนที่คุยโทรศัพท์หน้าตาเคร่งเครียดเดินลงบันไดมา ก่อนจะหยุดตรงหน้าฉัน พอกดวางสายก็พูดขึ้น“ปาย นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมไอ้ไวน์เข้าโรงพยาบาล มันบอกว่าปายพาแฟนไปอัดมัน”ฉันเดินผ่านพี่เชนมานั่งลงข้างแม่“เอาล่ะ ปายจะเล่าทีเดียวนะ พี่เชนจะเชื่อน้องหรือเพื่อนตัวเองก็พิจารณาเอา ส่วนแม่หนูสาบานว่าเรื่องที่เล่าเป็นเรื่องจริง ไม่โกหกพกลมสักนิดเดียว”แล้วฉันก็เล่าตั้งแต่แม่บอกให้ฉันไปเดินเล่นกับพี่ไวน์ จู่ ๆ พี่ไวน์ก็ตาขวางทำตัวรุ่มร่ามกับฉัน แสดงท่าทางเป็นเจ้าของทั้งที่มันไม่ใช่ ฉันถามแม่ว่าที่พาไปร้านอาหารก็เพราะมีแผนจะพาฉันไปดูตัวหวังจับคู่ให้ลูกชายเพื่อนใช่ไหม แม่ที่นั่งฟังฉันเล่าจนจบ ก็พูดขึ้น“ใช่ แม่ติดต่อกับอุ่นมาได้เกือบเดือนมีคุยกันเรื่องอนาคตของลูก ๆ เราสนิทกันมากจนมีความคิดที่จะดองกัน แล้วอีกอย่าง ไวน์ก็เป็นเพื่อนเชน แม่เคยสอบถามเชน นิสัยใจคอไวน์ก็ไม่เลว สุภาพ อ่อนโยน เรียนเก่ง”“แล้วนี่มันสมัยไหนแล้วคะ!” ฉันอดตัดพ้อด้วยความน้อยใจไม่ได้ ความคิดที่จะจับคู่ฉันกับลูกชายเพื่อนทำให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มันไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเลยจริง ๆ ความรู้สึ
ไวท์พุ่งปราดเข้ามา ฉวยจังหวะที่พี่ไวน์ตะลึงดึงฉันออก พอพ้นอ้อมกอดพี่ไวน์ฉันรีบหลบอยู่ด้านหลังมือจิกหลังไวท์แน่น“น้องปาย! กลับมาหาพี่!”เสียงพี่ไวน์ตะคอกอย่างโกรธจัด ฉันขยุ้มหลังเสื้อไวท์ รู้สึกกลัวจนตัวสั่น“บ้าหรือเปล่าวะ ปายเป็นเมียกูจะไปหามึงทำไม”“ไม่จริง ปายเป็นคู่หมั้นกู มึงนั่นแหละมาเสือกทำไม เรื่องของผัวเมีย”ฉันทนไม่ไหวยื่นหน้าไปด่าไอ้พี่ไวน์ทันที“มโนแล้ว ปายไม่ได้เป็นอะไรกับพี่!”“เมียเหรอ กล้าพูดนะ ขอเอาเลือดปากมึงออกบ้างเถอะ....”ไวท์คำรามก่อนพุ่งไปชกอีกฝ่ายดังเปรี้ยง! เพราะทางนั้นไม่ทันได้ตั้งตัวจึงล้มไปกองที่พื้นอย่างหมดท่า และพอจะลุกขึ้นมาไวท์ก็เข้าไปคร่อมก่อนประเคนหมัดไม่ยั้งผลัวะ!เสียงกำปั้นกระทบเนื้อทำให้ฉันส่งเสียงร้องห้ามอย่างตกใจ ความจริงอยากจะให้ไวท์อัดไอ้คนขี้โมเมจนสลบเหมือดอยู่หรอก แต่เพราะนี่เป็นร้านอาหาร ตอนนี้มีลูกค้าสองคนที่กำลังจะกลับยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปหรืออัดคลิป แล้วแม่ฉันและน้าอุ่นก็ยังอยู่ในร้าน“ไวท์! หยุด พอแล้ว!”เสียงไอ้พี่ไวน์ร้องแหกปากดังลั่นพลางปัดกำปั้นท่าทางดูไม่ได้ ใบหน้า จมูกเริ่มมีเลือดออก ฉันจึงร้องห้ามอีกครั้ง ไวท์ยังคงชกอีกฝ่าย ฉัน