นี่ ๆ ใช้กันนักใช่ไหม พ่อเหรอก็ไม่ใช่ สนิทเหรอก็ไม่ เห็นเป็นคนใช้หรือไงวะ!
ฉันบ่นพลางใช้มีดหั่นผักอย่างใส่อารมณ์ คิดแล้วก็หงุดหงิดหัวเสีย ทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากคนบ้าอย่างนายไวท์ นะ!
ปายนะปาย แกไม่น่าปากหมาเลย แล้วเป็นไง ไอ้หมาบ้ามันดันกัดไม่เลือก เราอุตส่าห์ปลอบใจด้วยความหวังดี สุดท้ายเป็นไงล่ะ ฉันด่าตัวเองในใจ มันน่าโมโห โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้มันโคตรหงุดหงิด
ซวย ซวยโครต!
“เสร็จยัง หิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว”
เสียงไวท์โอดครวญมาจากข้างนอก ฉันได้แต่เข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองมาม่าที่ต้มไว้เดือดปุด ๆ เหมือนอารมณ์ของฉันในตอนนี้ มันเดือดจนจะระเบิดแล้ว
พอมาม่าได้ที่หลังจากใส่ผักใส่ไข่ไป ฉันปิดแก๊สแล้วเทมาม่าใส่ชาม ยกไปให้ไอ้คุณชายที่รออยู่ เดินไปในใจสาปแช่ง
ขอให้มันสำลักเส้นมาม่าตาย ๆ ไปเลย!
ห้างสรรพสินค้า S
หลังจากสอบเสร็จฉันจึงนัดไมค์มาเดินห้าง กินข้าวดูหนังหลังจากเครียดกับการสอบมาหลายวัน ฉันไม่ใช่คนเรียนเก่ง ขอแค่ให้เกรดได้ C ขึ้นไปแม่ฉันก็น้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้มใจแล้ว
เรานัดเจอกันที่หน้าโรงหนังช่วงบ่าย ฉันอยากดูหนังแนวอวกาศแก้เครียดสักเรื่อง ยืนกอดถังพอปคอร์นรอสักพักก็เห็นผู้ชายหน้าออกไปทางจีน รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวเดินตรงมา จะเป็นใครล่ะถ้าไม่ใช่ไมค์แฟนฉัน ไมค์เดินตรงมาหาฉัน ผ่านกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิงกลุ่มใหญ่ บางคนกรี๊ดกร๊าด แอบยกมือถือขึ้นถ่าย ไมค์เดินผ่านนิ่ง ๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ มันมั่นหน้าจนฉันแอบเบะปากด้วยความหมั่นไส้
วันนี้ไมค์แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่พับแขนถึงข้อศอกเข้ากับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อนเผยผิวขาวเนียนจนผู้หญิงอย่างฉันยังอาย มิน่า สาว ๆ มองกันตรึม
“วุ้ย มองกันอยู่ได้ไม่เคยเห็นคนหน้าตาดีหรือไง พวกชะนีก็แบบนี้”
หมดกันภาพลักษณ์หล่อเหลาของแฟนฉัน ฉันแอบกลอกตามองบน ก่อนจะตอกกลับนิ่ม ๆ
“ประทานโทษ แล้วฉันที่เป็นแฟนแกไม่ใช่ชะนีเรอะ...เฮ้อ หล่อจนสาวมองเป็นแถวไม่น่าเป็นเกย์เลยไมค์เอ๊ย เสียของว่ะ” ฉันบ่นไม่จริงจัง ก่อนคล้องแขนไมค์แล้วลากเข้าโรงหนัง
พอถึงที่นั่งพวกเรานั่งลง ก็มีหลายคนทยอยเข้ามานั่ง ฉันก้มหน้าเม้ามอยกับไมค์ระหว่างรอหนังฉาย รู้สึกเหมือนมีคนนั่งลงด้านข้างขวามือของฉัน มองจากหางตาให้ความรู้สึกคุ้นเคยจึงชะงักแล้วค่อย ๆ เอียงหน้าไปมอง
เป็นไวท์...โลกกลมบ้าบอ เจอที่มหา’ ลัยแล้วยังต้องมาเจอข้างนอกอีก ฉันบ่นในใจ เห็นข้างตัวเขามีสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มแต่งตัวน่ารัก ที่พอนั่งลงก็เอียงตัวซบแสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ เฮอะ สงสัยแฟนใหม่หมอนี่ละมั้ง
ฝ่ายนั้นก็ชะงักเหมือนกัน พอเห็นว่าเป็นฉันก็ยิ้มมุมปากใส่ แล้วหันหน้านั่งตรงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เชอะ! ฉันสะบัดหน้าหนีไม่มองเขาต่อไป ประกอบกับหนังเริ่มฉายฉันเลยใช้สายตาจดจ่อไปกับจอภาพยนตร์ตรงหน้าแทน
“ว้าย! โมโมกลัวจังเลยค่ะพี่ไวท์”
“โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะครับโมโม”
เสียงออดอ้อน ออเซาะดังข้าง ๆ หูจนฉันดูหนังแทบไม่รู้เรื่อง
...พี่ไวท์คะ พี่ไวท์ขา โมโม มามา โอ๊ย นั่นชื่อคนหรือหมา!
แล้วนี่มันหนังแนวอวกาศ เรื่องสตาร์เทรค ไม่ใช่หนังผีโว้ย!
“เป็นอะไรปาย หนังไม่สนุกเหรอ”
ไมค์เห็นฉันทำท่าฮึดฮัดจึงเอ่ยถาม ก่อนจะหันไปดูหนังต่อเพราะกำลังอยู่ในช่วงไคลแมกซ์ ฉันพยายามไม่สนใจเสียงด้านข้าง พยายามตั้งสติจดจ่อไปกับการต่อสู้กันบนยานอวกาศ
แต่จู่ ๆ ก็มีมือปริศนาจับมือฉันที่วางไว้ตรงหน้าขา เป็นไวท์ที่ตอนนี้ยังคุยกับยายผู้หญิงชื่อหมานั่นกระหนุงกระหนิงแต่ยังมาแอบจับมือฉันอยู่ โชคดีที่ในโรงหนังมันมืด ไมค์ที่นั่งข้างฉันจึงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติ
ฉันพยายามสะบัดหลุดเงียบ ๆ แต่มันก็ยังจับไว้แน่น ฝ่ามืออุ่นร้อนที่ประกบกับมือฉันให้ความรู้สึกจั๊กจี้หัวใจ พอนึกถึงตอนที่โดนจูบหัวใจมันก็เต้นรัวจนกลัวว่าจะมีใครได้ยิน ฉันพยายามสงบสติอารมณ์แล้วถลึงตามองอีตาไวท์ตอนไมค์มัวแต่จดจ่อกับหนัง กระซิบเสียงลอดไรฟัน
“ปล่อย”
ไวท์ไม่ตอบกลับ ทำเหมือนไม่ใช่เขาที่จับมือฉันไว้ แต่กลับบีบมือที่จับไว้แน่นกว่าเดิมเหมือนจงใจแกล้ง ทั้งบีบทั้งขย้ำเบา ๆ จนฉันสั่นสะท้าน...สั่นอยากไปตั๊นหน้ามันน่ะสิ!
ไอ้นี่....
ฉันคิดอย่างหงุดหงิดใจ พยายามกระชากมือก็ยังไม่หลุด ฉันพยายามกระตุกสองสามรอบจนไมค์สังเกตเห็นความผิดปกติ…
“เป็นอะไรปาย ทำไมดิ้นขยุกขยิก”
“เปล่า ไม่มีอะไร” ฉันหันไปยิ้มแห้ง ๆ ให้ไมค์ ขยับมือที่อีตาไวท์ปล่อยให้เป็นอิสระทันทีที่ไมค์ชะโงกหน้ามอง ฉันเลื่อนมือไปจกถังพอปคอร์นแล้วโยนใส่ปากตัวเอง ตอบคำถามไมค์ทั้งที่ปากยังเคี้ยวข้าวโพดคั่ว “มันมืดไงยุงมันเยอะ ปายโดนยุงกัด ยุงควายด้วย”
“ยุงควาย?”
“อืม แต่ตบมันตายละ อย่าสนใจเลย นู่น ๆ ดูหนังต่อดีกว่ากำลังมัน” ฉันรีบเบี่ยงความสนใจ ไมค์หัวเราะขัน ๆ คงนึกว่าฉันพูดเล่นเลยกลับไปสนใจหนังต่อ
เราดูหนังจนถึงใกล้จบ ฉันที่ตอนนี้หมดความอยากดูหนังจึงชวนไมค์ออกโรงก่อน โดยอ้างว่าปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ พวกเราเลยลุกขึ้นขณะที่กำลังก้มผ่านอีตาไวท์ฉันเลยถือโอกาสใช้ข้อศอกถองใบหน้าหล่อ ๆ นั้นให้อย่างจัง
“โอ๊ย! ” เสียงไวท์ร้องอย่างเจ็บปวด ผสมกับเสียงกรี๊ดของยายโมโมชื่อหมาที่ร้องอย่างตกใจ ฉันไม่หันไปมองแค่ยกมือผ่าน ๆ เป็นเชิงขอโทษ แล้วรีบดึงไมค์ออกจากโรงหนังไป
สมน้ำหน้า! ใจจริงอยากจะหันไปชกหน้าด้วยซ้ำ คนบ้าอะไรมากับแฟนยังมาทำรุ่มร่ามกับคนอื่น เพื่อนเล่นเหรอ
ฉันลากไมค์จนมาหยุดที่หน้าห้องน้ำ ฉันจะเดินเข้าห้องน้ำหญิงโดยให้ไมค์ยืนรออยู่ด้านนอก ทว่าไมค์กลับดึงแขนฉันไว้แล้วถามเสียงเข้ม
“ผู้ชายคนที่แกแกล้งเมื่อกี้เป็นใครตอบ! ”
“ไหน ผู้ชายที่ไหน” ฉันเฉไฉไม่สบตาไมค์ ไมค์จิกตาใส่ ยกมือขึ้นกอดอกแล้วขู่นิ่ม ๆ
“จะบอกไม่บอกฮะ คิดว่าฉันไม่รู้จักแกดีเหรอ คบกันมากี่ปี อย่าให้ฉันเดินไปถามนายนั่นตรง ๆ นะยะ แกรู้ว่าฉันกล้า”
ฉันถอนหายใจ โบกไม้โบกมือเป็นเชิงยอมแพ้
“โอเค ๆ ยอมแพ้ค่ะ บอกก็บอก แต่ตอนนี้ไปขี้ก่อนได้ป่ะ เนี่ยพามาห้องน้ำก็เพราะอยากขี้ จะมาดึงไว้ทำไมนักหนา เดี๋ยวตดใส่หรอก”
พูดจบพ่อหนุ่มหล่อเจ้าสำอางแปลงร่างเป็นเจ้าแม่ขาวีน ชี้นิ้วไล่ฉันทันที
“หยาบคาย ยายผู้หญิงเถื่อน จะไปไหนก็ไป! ”
ฉันหัวเราะร่าก่อนเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างสบายอารมณ์
White:Talksผมเดินออกจากห้องน้ำมือข้างหนึ่งคลึงจมูกไว้ ความเจ็บยังไม่จางหายแต่ดีหน่อยที่พอเข้าไปล้างหน้าล้างตาเลือดกำเดามันหยุดไหล นึกถึงใครบางคนแล้วอยากบีบคอ..แค่แกล้งนิดแกล้งหน่อยถึงกับใช้ศอกถองจมูกผมจนเลือดกำเดาออก นี่ถ้าจมูกผมไปทำมาคงต้องบินไปแก้ที่เกาหลี โชคดีที่จมูกของผมมันของแท้แม่ให้มา“เป็นยังไงบ้างคะพี่ไวท์” โมโมที่ยืนรออยู่โผมาหาผมด้วยความเป็นห่วง มือนุ่มนิ่มจับจมูกผมแผ่วเบา “ไปหาหมอดีไหมคะ ดูสิแดงเถือกเลย”เพราะผมผิวขาวพอโดนอะไรนิดหน่อยมันก็แดง โมโมทำหน้าตกใจขนาดนี้จมูกผมมันคงแดงมากเพราะตอนนี้ผมยังเจ็บอยู่ พอเจ็บมันก็เซ็งหมดอารมณ์เที่ยวต่อ“พี่ไม่เป็นไรครับ แต่ไปหาหมอสักหน่อยคงจะดี งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ”“อ้าว ให้โมโมไปด้วยสิคะ โมโมเป็นห่วง” สาวน้อยตรงหน้าทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ้อนวอน ผมในตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะเอ็นดู เริ่มรำคาญ โมโมเป็นผู้หญิงต่างคณะที่เข้ามาจีบผม เธออยู่ปีหนึ่ง ผมซึ่งกำลังเบื่อ ๆ เลยยอมรับคำชวนมาดูหนัง หน้าตาเธอก็น่ารักดีหรอก ดูใสใส แต่พอพูดคุย ได้รู้จักแล้วน่ารำคาญเป็นบ้าผมไม่ได้ต้องการลูกนะ ให้โอ๋ตลอดก็ไม่ไหว อะไรนิดหน่อยก็กลัว ให้ปลอบทั้งวันน่ะเลิกฝันไปเล
เช้าวันต่อมาฉันยกมือทักทายเพื่อนร่วมชั้นเรียนสองสามคนที่เดินผ่าน แล้วกวาดตามองหาที่นั่งที่ยังว่าง จากนั้นก็นั่งลงรออาจารย์เข้าสอน นักศึกษาทยอยเข้าห้องมาเรื่อย ๆ หนึ่งในนั้นมีไวท์และกลุ่มเพื่อนของเขาเดินเข้ามา ส่งเสียงเอะอะโวยวาย พูดคุยกันเสียงดัง ขณะเดินผ่านจุดที่ฉันนั่ง ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มก็หยุดเดินแล้วหันมาทักทายฉัน“สวัสดีจ้ะปาย วันนี้ยังน่ารักเหมือนเดิมนะจ๊ะ”ฉันเงยหน้าขึ้นยิ้มอ่อนใส่ อีตานี่ชีกอกับมนุษย์ทุกคนที่เป็นผู้หญิง ฉันจำชื่อเขาไม่ได้แต่มักเรียกในใจว่านายหม้อ เพราะมันหม้อไปทั่วห้องจนหูดำหมด ขณะที่ฉันกำลังเอ่ยปากตอกกลับก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูดขึ้น“น่ารักตายละ ตาก็โปน เตี้ยก็เตี้ย”ตาโปนบ้านมันสิ!ฉันกำหมัดไว้ใต้โต๊ะ พยายามไม่สนใจเสียงสัมภเวสี ภาวนาให้ผู้ชายกลุ่มนี้รีบ ๆ เดินผ่านไปสักที หรืออาจารย์รีบเข้าห้องมาสอนเร็ว ๆ“ว่าไปไอ้ไวท์ เขาเรียกตากลมโตเว้ย” ฉันได้ยินอีตาหม้อสวนกลับ “น่ารักจะตายตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ ปากนิดจมูกหน่อย ตาโตเหมือนตุ๊กตา น่าทะนุถนอมสุด ๆ”“หึ ชอบแบบนี้เหรอไอ้ยักษ์ ระวังเถอะ ภาพที่เห็นมันจะหลอกตา”“เออ กูชอบ นี่ก็จีบตั้งนานละไม่ติดสักที คนน่ารักใจแข็งว่ะ”
ในร้านคนเริ่มพลุกพล่าน มีทั้งนักศึกษากลุ่มใหญ่ และคู่รัก หลังสี่ทุ่มคนก็คงจะเยอะกว่านี้อีก ฉันคิดขณะเดินไป เห็นเจนกับเพื่อนในคณะอีกคนที่ชื่อมิวมายืนรอฉันก่อนแล้ว ทั้งสองแต่งตัวสวยเซ็กซี่สไตล์วัยรุ่น ฉันล้วงของขวัญกล่องเล็ก ๆ ผูกโบว์น่ารักในกระเป๋าถือส่งให้เจน“อ่ะ สุขสันต์วันเกิด”“ขอบใจนะปาย ป่ะ ๆ เข้าไปข้างในกันเจนจองโต๊ะไว้แล้ว” เจนทำท่าชี้ไม้ชี้มือไปด้านในที่เป็นโซนวีไอพีเจนถือโอกาสดึงแขนฉันอย่างสนิทสนม ฉันเลิกคิ้วแปลกใจแต่ก็ยอมให้เจนลากเข้าไปข้างใน เดินไปจนถึงมุมหนึ่งของร้าน เป็นโซนวีไอพีมีกระจกใสกั้นไว้เป็นห้อง ๆ ที่นั่งส่วนตัวและกว้างขวาง ฉันมองรอบข้าง ในโซนนี้มีแค่ ฉัน เจนและเพื่อนอีกคนที่ชื่อมิวฉันก็ไม่ได้ถามว่าเจนชวนใครมาบ้าง แต่ถ้าถึงขนาดจองที่นั่งในโซนวีไอพีแบบนี้สงสัยแขกคงจะเยอะไม่น้อยนั่งสักชั่วโมงแล้วเผ่นดีกว่า ฉันไม่ชอบสุงสิงกับคนแปลกหน้าเท่าไร ยิ่งคนเยอะยิ่งไม่ชอบ“ไม่เคยเห็นปายแต่งตัวแบบนี้ ดูสวยเซ็กซี่ดีนะ” จู่ ๆ มิวก็เอ่ยขึ้น ฉันก้มมองตัวเองนิดหน่อย วันนี้ฉันใส่เดรสเปิดไหล่สีดำยาวเสมอเข่า ชุดนี้ฉันเลือกใส่เพราะดูเรียบ ๆ ไม่โป๊มาก ใบหน้าก็แต่งเติมบาง ๆ เอาให้ไม่น่
ฉันมองไปตามเสียงเรียกก็เห็นไวท์กับเพื่อนเขาที่ชื่อยักษ์หรือนายหน้าหม้อ ด้านหลังมีผู้ชายอีกสามคนที่ฉันจำชื่อไม่ได้เดินตามมา วันนี้ไวท์แต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ยี่ห้อหรู ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ของแพงเหมือนคืนที่ฉันเจอเขา เจนหันไปสั่งเครื่องดื่ม มิวโบกมือทักทายกลุ่มไวท์อย่างร่าเริง ทุกคนส่งเสียงเฮฮา คงมีแต่ฉันที่นั่งเงียบ ๆ ยิ้มรับเมื่อมีใครเอ่ยทักทายเพื่อนผู้หญิงที่เจนชวนมาก็พากันมาครบ เจนเอ่ยแนะนำตัวให้รู้จักสองสาวที่แต่งตัวเซ็กซี่เปิดหน้าเว้าหลังชื่อ เปิ้ล กับ เมย์ พอคนมาครบก็นั่งประจำที่กัน สรุปมีผู้หญิงห้าคน ผู้ชายห้าคน โต๊ะวีไอพีจึงดูแน่น เต็มพอดิบพอดี เสียงเพลงที่ทางร้านเปิดเริ่มดังขึ้น หลายคนเริ่มโยกไปตามสียงเพลง เจนยกมือเฮฮาสนุกสนาน บอกว่ากินได้ไม่อั้นเธอเลี้ยงเต็มที่ เสียงชนแก้วจึงดังขึ้นกระหึ่ม พอเหล้าเข้าปาก หลายคนเริ่มอยู่ไม่สุข พากันพูดคุยกันสนุกสนาน บรรยากาศดูสนิทสนมกันมากขึ้นจะว่าซวยหรือยังไงที่พอฉันเงยหน้าขึ้นกำลังจะยกแก้วขึ้นชนกับเพื่อน ๆ พอเป็นพิธีก็เห็นใบหน้าหล่อเหลา ขาวกระจ่างใสภายใต้แสงไฟอยู่ด้านตรงข้าม โซฟาที่เรานั่งเป็นแบบยาว ผู้หญิงนั่งอีกฝั่ง ผู้ชายอีกฝ
ไวท์บดเบียดริมฝีปากฉันอย่างเอาแต่ใจ เขาใช้มือสอดท้ายทอยฉัน ประคองใบหน้าฉันให้แหงนเงยคอยรับสัมผัสจาบจ้วงที่เขาบรรจงป้อนให้ ฉันหูอื้อตาลาย ใจหวิว ๆ รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจตัวเอง มันเต้นรัวอย่างรุนแรง สองมือเคลื่อนไปวางทาบอกเขาอย่างไม่รู้ตัวพอรู้สึกตัวดันขย้ำเสื้อเขาแน่นอีก!“อื้อ! ...”ฉันส่งเสียงอู้อี้ประท้วง สองมือก็ทุบหน้าอกไวท์เป็นเชิงบอกให้ปล่อย แต่ดูเหมือนรสจูบกลับหนักหน่วงมากกว่าเดิม เขาบดขยี้ริมฝีปากฉันจนเห่อร้อน ก่อนที่ปลายลิ้นจะรุกรานเข้ามาด้านใน...นี่เป็นครั้งที่สองที่ไวท์จูบฉัน แต่มันไม่ชินเข้าใจไหมละ...ลิ้น ของผู้ชาย มันเข้ามาในปากฉัน ฉันนึกอย่างตื่นกลัวให้ตายเถอะ เกิดมาเพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้ ฉันไม่เคยจูบกับใครนะเว้ย!ฉันตัวแข็งทื่อรู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่าง เผยอปากปล่อยให้เขาแทรกเรียวลิ้นเข้ามา ไวท์ดูดดื่ม กลืนกินทุกอย่างที่เป็นฉัน ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันที่เผลอตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสแปลกใหม่ ก็ปล่อยให้ไวท์นำทาง เขาส่งลิ้นมาพัวพันเกี่ยวกระหวัดอย่างหยอกล้อจนฉันอยากลิ้มลอง สุดท้ายก็ตอบสนองกลับดูดดื่มกลืนกินเขาอย่างเงอะงะเหมือนคนไม่มีประสบการณ์ เสียงเราจูบกันดังอึกอ
ผมดึงปายแล้ววิ่งย้อนกลับไปทางผับ ทางนั้นคนมากพวกมันคงไม่กล้าทำอะไร ไอ้พวกเด็กเกรียนร้องตะโกนโหวกเหวกพลางวิ่งตามมา ผมพาปายหลบหลีกพวกมัน จนเข้าข้างซอยตรงไปทางหลังร้านผมดึงปายแอบตรงมุมอับแล้วจับปายซุกอกไว้ ปายหายใจหอบในอ้อมอกผม เสียงฝีเท้าวิ่งผ่านไป ผ่านไปหลายสิบนาที จนผมแน่ใจว่าพวกมันจะไม่ย้อนกลับมาอีกก็ดึงปายออกจากอก ปายเงยหน้าขึ้นมองผมหน้าซีดปากสั่น“พวกมันไปหรือยังไวท์”“พวกมันไปแล้ว” ผมบอกปายน้ำเสียงรำคาญ ก่อนปล่อยปายออกจากอ้อมกอด “ทีแบบนี้ทำกลัว แล้วเดินหนีออกมาทำไม”“ขอโทษ....” ปายบอกเสียงอ่อน น้ำเสียงฟังรู้สึกผิด ผมส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะฉวยข้อมือปายให้เดินตามมา“จะ..จะพาฉันไปไหน”“ก็ไปส่งบ้านไง” ผมหยุดเดิน หันมามอง “หรือจะไปต่อคอนโดฯ เราก็ได้นะ”“ฝันไปเถอะ! ” ปายสวนขึ้นทันควัน มองผมตาคว่ำผมหัวเราะหึหึ ก่อนจะตั้งหน้าเดินต่อจุดมุ่งหมายคือลานจอดรถข้างผับEnd Talk.ฉันมองฝ่ามือที่ถูกคนตรงหน้าจับไว้แล้วมองแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้าก็ให้ความรู้สึกแปลก ๆ เพราะความอายผสมความโกรธที่ถูกปล้นจูบฉันจึงเดินหนีออกมาโดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของเขา สุดท้ายก็เจอดีจนเกือบโดนพวกขี้เมาหัวเกรียนฉ
เรื่องมันเริ่มต้นจากประโยคที่ฉันพูดกับคนที่เป็นเพื่อนร่วมคณะ เพื่อนที่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับมัน เคยเห็นมันควงสาวมากหน้าหลายตาก็ยังรู้สึกเฉย ๆ แต่พอวันหนึ่งมันโดนสาวที่เหมือนจะจริงจังด้วยบอกเลิก เพราะอยากให้มันหายเศร้า ไอ้ปากหมา ๆ มันก็เลยพูดขึ้นมา...“อย่าเสียใจไปเลยว่ะ เอางี้ แกโดนแฟนขอเลิกไปแล้ว งั้นคงว่าง มาเป็นกิ๊กเราป่ะล่ะ?”พูดไปก็ต้องมานั่งนึกเสียใจ ปากหมาพาซวยที่แท้ทรู เมื่อ “เพื่อน” ที่ตอนนี้เลื่อนสถานะมาเป็น “กิ๊ก” ดันตอบตกลงซะงั้น!ย้อนไปเมื่อสามวันก่อนพี่เชน หนุ่มหล่อสุดฮ็อตจัดงานวันเกิดที่ร้านเหล้าข้างมหา’ ลัย พี่เชนเป็นลูกชายของคุณป้าพี่สาวของแม่ แต่เป็นแค่เพียงในนาม ความจริงพี่เชนเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของฉันที่ป้าขอเอาไปเลี้ยงเพราะไม่มีลูก เราอายุห่างกัน 6 ปี พี่เชนเรียนทันตะฯ ปีที่ 6 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก็จะเรียนจบ ส่วนฉันเรียนวิศวะฯ เครื่องกลอยู่ปีสอง“วู้! ม่ายมาวม่ายกลับ ชนแก้ว!”เอิ่ม…ฉันมองพี่ชายขี้เมายกมือชูแก้วขึ้นแล้วร้องตะโกนโหวกเหวกไปมา ใบหน้าหล่อเหลาที่สาว ๆ หลายคนใฝ่ฝันแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ปรากฏว่าพี่เชนเมาก่อนใครอีกเพราะเพื่อน ๆ ที่มาร่วมงานต่างคะยั้นคะยอให้ดื่ม
“พอสักที! กิ่งไม่ได้รักพี่แล้ว เราจบกันเถอะ”เสียงตวาดของผู้หญิงดังขึ้นจนฉันจ้องมองอย่างให้ความสนใจ ต่อมเผือกเริ่มกระดิก จริง ๆ ก็ไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอกนะ แต่เสียงทะเลาะกันมันดังเข้ามาในโสตประสาทเองเอ๋ ว่าแต่ฝ่ายชายหน้าคุ้น ๆ ฉันจ้องมองทั้งสองยืนโต้เถียงกัน จนผู้หญิงเดินหนีไปโครม! ฉันสะดุ้งสุดตัว เมื่อผู้ชายคนนั้นถีบเข้าที่นั่งม้าหินอ่อนจนมันล้มโครมแตกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่เขาจะหันมามองฉันเหมือนเขาจะรู้ว่าฉันนั่งจ้องมองพวกเขาอยู่ เราสบตากัน ฉันเลยนึกขึ้นได้ว่าผู้ชายที่ดูหน้าคุ้น ๆ คือใครนั่นมัน ไวท์ เพื่อนร่วมคณะฉันนี่….ไวท์เป็นเพื่อนร่วมคณะ แต่เราไม่สนิทกัน ไวท์มีกลุ่มเพื่อนเป็นพวกผู้ชายเถื่อน ๆ ฝูงใหญ่ เรียกว่าเป็นกลุ่มชายโฉดชื่อดังของคณะเลยก็ว่าได้ ส่วนฉันเพื่อนร่วมคณะก็มีแค่พูดคุย ทักทายกันผ่าน ๆ เพื่อนสนิทน่ะเหรอ ไม่มีหรอก ที่สนิทกับฉันที่สุดก็มีแค่ไมค์ น่าเสียดายที่ไมค์มันเรียนคนละมหาวิทยาลัยกับฉันในขณะที่ฉันนั่งนึกนินทาไวท์ระยะเผาคน เขาเดินมาทางนี้แล้วจะเดินมาเตะฉันข้อหาสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านไหมนะฉันรีบหลบสายตา ก้มมองรองเท้าอดิดาสของตัวเอง อืม... มีฝุ่นติดตรง
ผมดึงปายแล้ววิ่งย้อนกลับไปทางผับ ทางนั้นคนมากพวกมันคงไม่กล้าทำอะไร ไอ้พวกเด็กเกรียนร้องตะโกนโหวกเหวกพลางวิ่งตามมา ผมพาปายหลบหลีกพวกมัน จนเข้าข้างซอยตรงไปทางหลังร้านผมดึงปายแอบตรงมุมอับแล้วจับปายซุกอกไว้ ปายหายใจหอบในอ้อมอกผม เสียงฝีเท้าวิ่งผ่านไป ผ่านไปหลายสิบนาที จนผมแน่ใจว่าพวกมันจะไม่ย้อนกลับมาอีกก็ดึงปายออกจากอก ปายเงยหน้าขึ้นมองผมหน้าซีดปากสั่น“พวกมันไปหรือยังไวท์”“พวกมันไปแล้ว” ผมบอกปายน้ำเสียงรำคาญ ก่อนปล่อยปายออกจากอ้อมกอด “ทีแบบนี้ทำกลัว แล้วเดินหนีออกมาทำไม”“ขอโทษ....” ปายบอกเสียงอ่อน น้ำเสียงฟังรู้สึกผิด ผมส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะฉวยข้อมือปายให้เดินตามมา“จะ..จะพาฉันไปไหน”“ก็ไปส่งบ้านไง” ผมหยุดเดิน หันมามอง “หรือจะไปต่อคอนโดฯ เราก็ได้นะ”“ฝันไปเถอะ! ” ปายสวนขึ้นทันควัน มองผมตาคว่ำผมหัวเราะหึหึ ก่อนจะตั้งหน้าเดินต่อจุดมุ่งหมายคือลานจอดรถข้างผับEnd Talk.ฉันมองฝ่ามือที่ถูกคนตรงหน้าจับไว้แล้วมองแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้าก็ให้ความรู้สึกแปลก ๆ เพราะความอายผสมความโกรธที่ถูกปล้นจูบฉันจึงเดินหนีออกมาโดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของเขา สุดท้ายก็เจอดีจนเกือบโดนพวกขี้เมาหัวเกรียนฉ
ไวท์บดเบียดริมฝีปากฉันอย่างเอาแต่ใจ เขาใช้มือสอดท้ายทอยฉัน ประคองใบหน้าฉันให้แหงนเงยคอยรับสัมผัสจาบจ้วงที่เขาบรรจงป้อนให้ ฉันหูอื้อตาลาย ใจหวิว ๆ รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจตัวเอง มันเต้นรัวอย่างรุนแรง สองมือเคลื่อนไปวางทาบอกเขาอย่างไม่รู้ตัวพอรู้สึกตัวดันขย้ำเสื้อเขาแน่นอีก!“อื้อ! ...”ฉันส่งเสียงอู้อี้ประท้วง สองมือก็ทุบหน้าอกไวท์เป็นเชิงบอกให้ปล่อย แต่ดูเหมือนรสจูบกลับหนักหน่วงมากกว่าเดิม เขาบดขยี้ริมฝีปากฉันจนเห่อร้อน ก่อนที่ปลายลิ้นจะรุกรานเข้ามาด้านใน...นี่เป็นครั้งที่สองที่ไวท์จูบฉัน แต่มันไม่ชินเข้าใจไหมละ...ลิ้น ของผู้ชาย มันเข้ามาในปากฉัน ฉันนึกอย่างตื่นกลัวให้ตายเถอะ เกิดมาเพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้ ฉันไม่เคยจูบกับใครนะเว้ย!ฉันตัวแข็งทื่อรู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่าง เผยอปากปล่อยให้เขาแทรกเรียวลิ้นเข้ามา ไวท์ดูดดื่ม กลืนกินทุกอย่างที่เป็นฉัน ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันที่เผลอตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสแปลกใหม่ ก็ปล่อยให้ไวท์นำทาง เขาส่งลิ้นมาพัวพันเกี่ยวกระหวัดอย่างหยอกล้อจนฉันอยากลิ้มลอง สุดท้ายก็ตอบสนองกลับดูดดื่มกลืนกินเขาอย่างเงอะงะเหมือนคนไม่มีประสบการณ์ เสียงเราจูบกันดังอึกอ
ฉันมองไปตามเสียงเรียกก็เห็นไวท์กับเพื่อนเขาที่ชื่อยักษ์หรือนายหน้าหม้อ ด้านหลังมีผู้ชายอีกสามคนที่ฉันจำชื่อไม่ได้เดินตามมา วันนี้ไวท์แต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ยี่ห้อหรู ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ของแพงเหมือนคืนที่ฉันเจอเขา เจนหันไปสั่งเครื่องดื่ม มิวโบกมือทักทายกลุ่มไวท์อย่างร่าเริง ทุกคนส่งเสียงเฮฮา คงมีแต่ฉันที่นั่งเงียบ ๆ ยิ้มรับเมื่อมีใครเอ่ยทักทายเพื่อนผู้หญิงที่เจนชวนมาก็พากันมาครบ เจนเอ่ยแนะนำตัวให้รู้จักสองสาวที่แต่งตัวเซ็กซี่เปิดหน้าเว้าหลังชื่อ เปิ้ล กับ เมย์ พอคนมาครบก็นั่งประจำที่กัน สรุปมีผู้หญิงห้าคน ผู้ชายห้าคน โต๊ะวีไอพีจึงดูแน่น เต็มพอดิบพอดี เสียงเพลงที่ทางร้านเปิดเริ่มดังขึ้น หลายคนเริ่มโยกไปตามสียงเพลง เจนยกมือเฮฮาสนุกสนาน บอกว่ากินได้ไม่อั้นเธอเลี้ยงเต็มที่ เสียงชนแก้วจึงดังขึ้นกระหึ่ม พอเหล้าเข้าปาก หลายคนเริ่มอยู่ไม่สุข พากันพูดคุยกันสนุกสนาน บรรยากาศดูสนิทสนมกันมากขึ้นจะว่าซวยหรือยังไงที่พอฉันเงยหน้าขึ้นกำลังจะยกแก้วขึ้นชนกับเพื่อน ๆ พอเป็นพิธีก็เห็นใบหน้าหล่อเหลา ขาวกระจ่างใสภายใต้แสงไฟอยู่ด้านตรงข้าม โซฟาที่เรานั่งเป็นแบบยาว ผู้หญิงนั่งอีกฝั่ง ผู้ชายอีกฝ
ในร้านคนเริ่มพลุกพล่าน มีทั้งนักศึกษากลุ่มใหญ่ และคู่รัก หลังสี่ทุ่มคนก็คงจะเยอะกว่านี้อีก ฉันคิดขณะเดินไป เห็นเจนกับเพื่อนในคณะอีกคนที่ชื่อมิวมายืนรอฉันก่อนแล้ว ทั้งสองแต่งตัวสวยเซ็กซี่สไตล์วัยรุ่น ฉันล้วงของขวัญกล่องเล็ก ๆ ผูกโบว์น่ารักในกระเป๋าถือส่งให้เจน“อ่ะ สุขสันต์วันเกิด”“ขอบใจนะปาย ป่ะ ๆ เข้าไปข้างในกันเจนจองโต๊ะไว้แล้ว” เจนทำท่าชี้ไม้ชี้มือไปด้านในที่เป็นโซนวีไอพีเจนถือโอกาสดึงแขนฉันอย่างสนิทสนม ฉันเลิกคิ้วแปลกใจแต่ก็ยอมให้เจนลากเข้าไปข้างใน เดินไปจนถึงมุมหนึ่งของร้าน เป็นโซนวีไอพีมีกระจกใสกั้นไว้เป็นห้อง ๆ ที่นั่งส่วนตัวและกว้างขวาง ฉันมองรอบข้าง ในโซนนี้มีแค่ ฉัน เจนและเพื่อนอีกคนที่ชื่อมิวฉันก็ไม่ได้ถามว่าเจนชวนใครมาบ้าง แต่ถ้าถึงขนาดจองที่นั่งในโซนวีไอพีแบบนี้สงสัยแขกคงจะเยอะไม่น้อยนั่งสักชั่วโมงแล้วเผ่นดีกว่า ฉันไม่ชอบสุงสิงกับคนแปลกหน้าเท่าไร ยิ่งคนเยอะยิ่งไม่ชอบ“ไม่เคยเห็นปายแต่งตัวแบบนี้ ดูสวยเซ็กซี่ดีนะ” จู่ ๆ มิวก็เอ่ยขึ้น ฉันก้มมองตัวเองนิดหน่อย วันนี้ฉันใส่เดรสเปิดไหล่สีดำยาวเสมอเข่า ชุดนี้ฉันเลือกใส่เพราะดูเรียบ ๆ ไม่โป๊มาก ใบหน้าก็แต่งเติมบาง ๆ เอาให้ไม่น่
เช้าวันต่อมาฉันยกมือทักทายเพื่อนร่วมชั้นเรียนสองสามคนที่เดินผ่าน แล้วกวาดตามองหาที่นั่งที่ยังว่าง จากนั้นก็นั่งลงรออาจารย์เข้าสอน นักศึกษาทยอยเข้าห้องมาเรื่อย ๆ หนึ่งในนั้นมีไวท์และกลุ่มเพื่อนของเขาเดินเข้ามา ส่งเสียงเอะอะโวยวาย พูดคุยกันเสียงดัง ขณะเดินผ่านจุดที่ฉันนั่ง ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มก็หยุดเดินแล้วหันมาทักทายฉัน“สวัสดีจ้ะปาย วันนี้ยังน่ารักเหมือนเดิมนะจ๊ะ”ฉันเงยหน้าขึ้นยิ้มอ่อนใส่ อีตานี่ชีกอกับมนุษย์ทุกคนที่เป็นผู้หญิง ฉันจำชื่อเขาไม่ได้แต่มักเรียกในใจว่านายหม้อ เพราะมันหม้อไปทั่วห้องจนหูดำหมด ขณะที่ฉันกำลังเอ่ยปากตอกกลับก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูดขึ้น“น่ารักตายละ ตาก็โปน เตี้ยก็เตี้ย”ตาโปนบ้านมันสิ!ฉันกำหมัดไว้ใต้โต๊ะ พยายามไม่สนใจเสียงสัมภเวสี ภาวนาให้ผู้ชายกลุ่มนี้รีบ ๆ เดินผ่านไปสักที หรืออาจารย์รีบเข้าห้องมาสอนเร็ว ๆ“ว่าไปไอ้ไวท์ เขาเรียกตากลมโตเว้ย” ฉันได้ยินอีตาหม้อสวนกลับ “น่ารักจะตายตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ ปากนิดจมูกหน่อย ตาโตเหมือนตุ๊กตา น่าทะนุถนอมสุด ๆ”“หึ ชอบแบบนี้เหรอไอ้ยักษ์ ระวังเถอะ ภาพที่เห็นมันจะหลอกตา”“เออ กูชอบ นี่ก็จีบตั้งนานละไม่ติดสักที คนน่ารักใจแข็งว่ะ”
White:Talksผมเดินออกจากห้องน้ำมือข้างหนึ่งคลึงจมูกไว้ ความเจ็บยังไม่จางหายแต่ดีหน่อยที่พอเข้าไปล้างหน้าล้างตาเลือดกำเดามันหยุดไหล นึกถึงใครบางคนแล้วอยากบีบคอ..แค่แกล้งนิดแกล้งหน่อยถึงกับใช้ศอกถองจมูกผมจนเลือดกำเดาออก นี่ถ้าจมูกผมไปทำมาคงต้องบินไปแก้ที่เกาหลี โชคดีที่จมูกของผมมันของแท้แม่ให้มา“เป็นยังไงบ้างคะพี่ไวท์” โมโมที่ยืนรออยู่โผมาหาผมด้วยความเป็นห่วง มือนุ่มนิ่มจับจมูกผมแผ่วเบา “ไปหาหมอดีไหมคะ ดูสิแดงเถือกเลย”เพราะผมผิวขาวพอโดนอะไรนิดหน่อยมันก็แดง โมโมทำหน้าตกใจขนาดนี้จมูกผมมันคงแดงมากเพราะตอนนี้ผมยังเจ็บอยู่ พอเจ็บมันก็เซ็งหมดอารมณ์เที่ยวต่อ“พี่ไม่เป็นไรครับ แต่ไปหาหมอสักหน่อยคงจะดี งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ”“อ้าว ให้โมโมไปด้วยสิคะ โมโมเป็นห่วง” สาวน้อยตรงหน้าทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ้อนวอน ผมในตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะเอ็นดู เริ่มรำคาญ โมโมเป็นผู้หญิงต่างคณะที่เข้ามาจีบผม เธออยู่ปีหนึ่ง ผมซึ่งกำลังเบื่อ ๆ เลยยอมรับคำชวนมาดูหนัง หน้าตาเธอก็น่ารักดีหรอก ดูใสใส แต่พอพูดคุย ได้รู้จักแล้วน่ารำคาญเป็นบ้าผมไม่ได้ต้องการลูกนะ ให้โอ๋ตลอดก็ไม่ไหว อะไรนิดหน่อยก็กลัว ให้ปลอบทั้งวันน่ะเลิกฝันไปเล
นี่ ๆ ใช้กันนักใช่ไหม พ่อเหรอก็ไม่ใช่ สนิทเหรอก็ไม่ เห็นเป็นคนใช้หรือไงวะ!ฉันบ่นพลางใช้มีดหั่นผักอย่างใส่อารมณ์ คิดแล้วก็หงุดหงิดหัวเสีย ทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากคนบ้าอย่างนายไวท์ นะ!ปายนะปาย แกไม่น่าปากหมาเลย แล้วเป็นไง ไอ้หมาบ้ามันดันกัดไม่เลือก เราอุตส่าห์ปลอบใจด้วยความหวังดี สุดท้ายเป็นไงล่ะ ฉันด่าตัวเองในใจ มันน่าโมโห โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้มันโคตรหงุดหงิดซวย ซวยโครต!“เสร็จยัง หิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว”เสียงไวท์โอดครวญมาจากข้างนอก ฉันได้แต่เข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองมาม่าที่ต้มไว้เดือดปุด ๆ เหมือนอารมณ์ของฉันในตอนนี้ มันเดือดจนจะระเบิดแล้วพอมาม่าได้ที่หลังจากใส่ผักใส่ไข่ไป ฉันปิดแก๊สแล้วเทมาม่าใส่ชาม ยกไปให้ไอ้คุณชายที่รออยู่ เดินไปในใจสาปแช่งขอให้มันสำลักเส้นมาม่าตาย ๆ ไปเลย!ห้างสรรพสินค้า Sหลังจากสอบเสร็จฉันจึงนัดไมค์มาเดินห้าง กินข้าวดูหนังหลังจากเครียดกับการสอบมาหลายวัน ฉันไม่ใช่คนเรียนเก่ง ขอแค่ให้เกรดได้ C ขึ้นไปแม่ฉันก็น้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้มใจแล้วเรานัดเจอกันที่หน้าโรงหนังช่วงบ่าย ฉันอยากดูหนังแนวอวกาศแก้เครียดสักเรื่อง ยืนกอดถังพอปคอร์นรอสักพักก็เห็นผู้ชายหน้าออกไปทางจีน รู
ไวท์ปล่อยฉันจนหล่นลงตุ๊บ ฉันรีบพยุงตัวเองขึ้นแล้วกระโดดห่างจากเขาอันตรายไปแล้ว การอยู่กับผู้ชายสองต่อสองมันอันตรายสุด ๆ หลังจากนี้อย่าหวังว่าอีตานี่จะได้เหยียบย่างเข้ามาบ้านฉันอีก“ยายบ้า! จะกรี๊ดทำไมวะ แก้วหูแทบแตก”ไวท์สบถก่อนทำท่าแคะหูหน้าตายับย่น ไม่สบอารมณ์“เออ! ถ้ามันทำให้นายหูแตกฉันก็จะกรี๊ดอีก กล้าดียังไงมาลวนลามฉันน่ะ ฮะ! ”ฉันชี้หน้าด่าเขาอย่างโมโห เข้ามาบ้านคนอื่นแล้วลวนลาม นี่มันโจรปล้นสวาทชัด ๆไวท์เห็นท่าทางของฉันก็หัวเราะเสียงดัง“สะดีดสะดิ้งทำเหมือนไม่เคย ทำให้ใครดู”“หน็อย มาหัวเราะ ไม่ตลก ไอ้บ้า กล้าลวนลามฉันอยากโดนดีใช่ไหม! ” ฉันตวาดพร้อมตั้งท่าเขวี้ยงรีโมทที่อยู่ในมือไวท์เห็นท่าทางเอาจริงของฉัน เขายกมือห้ามก่อนขู่เสียงเข้ม“หยุด! ถ้าขืนเขวี้ยงมาพ่อจับปล้ำตรงโซฟานี้จริง ๆ ด้วย”ฉันชะงัก สรรเสริญบรรพบุรุษเก้าชั่วโคตรไอ้ตัวชอบขู่ในใจ สุดท้ายก็ยอมวางมือลงเพราะดูจากหุ่นยักษ์สูงกว่าอีเตี้ยอย่างฉันหลายสิบเซน เกิดมันทำจริงฉันคงวิ่งหนีไม่ทัน“ตกลงมาที่นี่กะมาหาเรื่องหรือยังไง”“เปล่าไม่ได้มาหาเรื่อง ก็วันนี้ว่างจะพาไปเที่ยว” “ไม่ไป” ฉันตอบทันควัน “หมดธุระแล้วเชิญ”“ไล่ง
วินาทีที่ฉันสะดุดแต่คว้าราวจับไว้ได้ สองหนุ่มที่นั่งจ้องตากันเงียบ ๆ ก็หันมามอง พี่ไวน์รีบวิ่งมาดูฉันพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง ส่วนไวท์นั่งมองฉันเงียบ ๆอีตานี่มาโผล่บ้านฉันได้ยังไงนะ! พี่ไวน์เห็นฉันจ้องมองไวท์จึงเอ่ยขึ้น“อ๋อ จริงสิน้องปาย เพื่อนน้องปายมารออยู่หน้าบ้านพี่เห็นพอดีเลยชวนมานั่งรอ เห็นบอกว่าลืมของ”ของอะไร? ฉันคิดอย่างงุนงง มองไวท์ที่นั่งเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรฉันจึงตอบพี่ไวน์“ค่ะ ใช่ ๆ เพื่อนปายคงลืมไว้ตอนมาทำรายงาน” ฉันถือโอกาสแนะนำไวท์ให้พี่ไวน์รู้จัก ขืนไม่บอกอะไรประเดี๋ยวพี่ไวน์เล่าให้พี่เชนฟังว่ามีผู้ชายเข้าบ้านฉันโดนเทศนาแน่ ๆ “พี่ไวน์คะ คนนี้ไวท์เพื่อนปาย เรียนวิศวะฯ ด้วยกันค่ะ”“สวัสดีครับ” พี่ไวน์ยิ้มสุภาพทักทาย ส่วนอีกคนนะเหรอยังนั่งทำหน้าตาย กวนโอ๊ยอยู่นั้น“ครับ หวัดดี” ไวท์เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ยกมือพอเป็นพิธีแถมยังนั่งไขว้ห้างกระดิกนิ้วเท้าอย่างสบายอารมณ์ไอ้บ้าไวท์! แกจะมากวนตีนแถวนี้ไม่ได้ ฉันนึกอย่างโมโห แอบถลึงตามอง ไวท์หันมาสบตาพอดี เขาลุกขึ้นแล้วเดินมาบอกฉัน“ไป พาไปหาของหน่อย จำไม่ได้อยู่ที่ไหน”เอ้า! แล้วฉันจะรู้ไหมของที่ว่า ขนาดเจ้าของมันยังหาไม