“พอสักที! กิ่งไม่ได้รักพี่แล้ว เราจบกันเถอะ”
เสียงตวาดของผู้หญิงดังขึ้นจนฉันจ้องมองอย่างให้ความสนใจ ต่อมเผือกเริ่มกระดิก จริง ๆ ก็ไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอกนะ แต่เสียงทะเลาะกันมันดังเข้ามาในโสตประสาทเอง
เอ๋ ว่าแต่ฝ่ายชายหน้าคุ้น ๆ ฉันจ้องมองทั้งสองยืนโต้เถียงกัน จนผู้หญิงเดินหนีไป
โครม!
ฉันสะดุ้งสุดตัว เมื่อผู้ชายคนนั้นถีบเข้าที่นั่งม้าหินอ่อนจนมันล้มโครมแตกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่เขาจะหันมามองฉันเหมือนเขาจะรู้ว่าฉันนั่งจ้องมองพวกเขาอยู่ เราสบตากัน ฉันเลยนึกขึ้นได้ว่าผู้ชายที่ดูหน้าคุ้น ๆ คือใคร
นั่นมัน ไวท์ เพื่อนร่วมคณะฉันนี่….
ไวท์เป็นเพื่อนร่วมคณะ แต่เราไม่สนิทกัน ไวท์มีกลุ่มเพื่อนเป็นพวกผู้ชายเถื่อน ๆ ฝูงใหญ่ เรียกว่าเป็นกลุ่มชายโฉดชื่อดังของคณะเลยก็ว่าได้ ส่วนฉันเพื่อนร่วมคณะก็มีแค่พูดคุย ทักทายกันผ่าน ๆ เพื่อนสนิทน่ะเหรอ ไม่มีหรอก ที่สนิทกับฉันที่สุดก็มีแค่ไมค์ น่าเสียดายที่ไมค์มันเรียนคนละมหาวิทยาลัยกับฉัน
ในขณะที่ฉันนั่งนึกนินทาไวท์ระยะเผาคน เขาเดินมาทางนี้แล้วจะเดินมาเตะฉันข้อหาสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านไหมนะ
ฉันรีบหลบสายตา ก้มมองรองเท้าอดิดาสของตัวเอง อืม... มีฝุ่นติดตรงปลายหน่อยไว้กลับไปซักละกัน….
ก้มมองไปมาก็มีรองเท้าผู้ชายยี่ห้อหรูเพิ่มขึ้นมาอีกคู่ ฉันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง ไวท์ยืนอยู่ตรงหน้า หน้าตาถมึงทึง วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำลายหัวกะโหลกเข้ากับกางเกงสแล็กส์สีดำ ดวงตาคมกล้าสะท้อนแสงไฟดูดุดัน ไวท์ที่แปลว่าสีขาว แต่วันนี้เขากลับแต่งกายสีดำตัดกับผิวขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะ ผมยุ่ง ๆ รับกับใบหน้าหล่อคม จมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากหนาได้รูป ไม่แปลกที่สาว ๆ ทั้งในและต่างคณะตั้งฉายาให้ว่าเกียร์สุดฮ็อต
อืม อยู่ในลุคนี้หล่อไม่เลว ไม่สิ หล่อกว่าตอนปกติอีก…ฉันมองหน้าเขาพลางนึกอย่างเคลิบเคลิ้ม สงสัยตัวเองจะเมานิด ๆ อย่างที่บอกพวกพี่ ๆ ถึงเห็นไอ้หนุ่มหน้าตายประจำคณะหล่อขึ้นมาได้ ทั้งที่ปกติฉันรู้สึกเฉย ๆ จะตาย
“มาทำอะไรแถวนี้ปาย”
เสียงเฉยชาดังออกมาจากปากไวท์ เขาย้ายมานั่งลงข้างฉัน ฉันรีบขยับให้นั่งโดยอัตโนมัติ
“มากินข้าวมั้ง ถามได้” ฉันตอบกวน ๆ ก็เห็นอยู่ว่านี่มันร้านเหล้า โดนสาวบอกเลิกจนสมองกลับเลยสินะนายคนนี้ ฉันคิดอย่างขบขัน เพราะไวท์มีสีหน้าแย่สุด ๆ
ไวท์ควักบุหรี่ขึ้นมาจุด ก่อนนั่งสูบมันเงียบ ๆ ฉันก็นั่งเงียบ ๆ ชินแล้วละ เพราะปกติพวกพี่เชนก็ดูดบุหรี่ใกล้ ๆ ฉัน ฉันมันหญิงแกร่ง อยู่ได้ทุกที่ที่มีผู้ชาย คิดแล้วก็อยากจะถอนหายใจออกมาดัง ๆ หญิงสาวบอบบางอย่างฉัน แม่หวงอย่างกะไข่ในหิน มาใช้ชีวิตมหา’ ลัยก็กำชับพี่ชายให้ดูแลเพราะกลัวใจแตก ไป ๆ มา ๆ ฉันมากกว่าที่ตามดูแลไอ้พี่เชนน่ะ ยิ่งคลุกคลีกะพวกผู้ชายยิ่งทำให้ใจแกร่ง ใจแตกที่ไหน จะกลายเป็นทอมแล้วเนี่ย แถมยังคบเกย์เป็นแฟนอีก
นั่งคิดอะไรเพลิน ๆ จู่ ๆ เสียงไวท์ก็ดังทำลายความเงียบ
“เข้าไปกินเหล้าต่ออีกไหม ไปกินเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“เพิ่งออกมาเนี่ย จะกลับแล้ว ง่วงอยากนอน” ฉันตอบทันควัน แอบแปลกใจที่เขาชวนฉันไปกินเหล้าต่อ เพราะปกติถึงจะเป็นเพื่อนร่วมคณะเราก็แค่ทักทายกันผ่าน ๆ อาจจะมีงาน กิจกรรมให้ทำร่วมกัน แต่พอนอกชั้นเรียนเราแทบไม่เจอ ไม่คุยกันด้วยซ้ำ ถ้าเป็นสาว ๆ คนอื่นคงตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดแต่เผอิญฉันไม่ใช่แฟนคลับเขา และการกินเหล้ากับคนไม่สนิทมันไม่สนุกหรอก
“อ๋อ”
ไวท์รับคำในลำคอก่อนเงียบไปอีก บรรยากาศเริ่มอึดอัด ไมค์ก็ไม่มาเสียที ฉันจะเดินหนีออกไปจากตรงนี้ก็กลัวไวท์หาว่ารังเกียจไม่อยากคุยกะเขาอีก เห็นท่าทางเงียบขรึม ซึม ๆ เลยอดปลอบไปไม่ได้
“นี่…เสียใจเหรอ รูปหล่ออย่างนาย เดี๋ยวก็หาใหม่ได้น่า”
“เฮอะ” ไวท์ไม่ตอบ เค้นเสียงอย่างหงุดหงิด
“สงสัยคนนี้รักจริง” ฉันแซว
“เปล่า แค่รู้สึกเสียหน้า” ไวท์ตอบกลับก่อนจะเงียบไป บุหรี่ที่อยู่ในมือเขาก็ยกขึ้นมาดูดเอาดูดเอาจนมันหมดมวนไปอย่างรวดเร็ว
นี่ขนาดเฟล ไม่เสียใจมากมาย แค่เสียหน้านะ…
พอฉันเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งอยากแซว ความเมาทำให้ฉันกล้า ทั้งที่ปกติไม่ใช่คนพูดเล่นอะไรแบบนี้
“อย่าเสียใจไปเลยว่ะ เอางี้ แกโดนแฟนขอเลิกไปแล้ว งั้นคงว่าง มาเป็นกิ๊กเราป่ะล่ะ?”
พูดออกไปก็ตกใจตัวเอง ประกอบกับไวท์ชะงักเมื่อได้ยินที่ฉันพูด เขามองหน้าฉัน ฉันมองหน้าเขา ฉันกำลังจะบอกว่าฉันล้อเล่น แค่อยากทำให้เขาหัวเราะขบขัน แต่เขาชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ตกลง”
“ฮะ! ”
ไวท์มองฉันที่หลุดปากอุทานออกมา แววตาที่เขามองฉันเหมือนกำลังดูเรื่องสนุก
“รับข้อเสนอ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะกิ๊ก”
หลายวันต่อมา[ช่วงนี้เป็นอะไรฮะปาย ชวนไปไหนก็ไม่ไป เรียนเสร็จก็กลับบ้าน] เสียงไมค์บ่นมาตามโทรศัพท์ ฉันเดินคุยจนออกมาหน้าระเบียงบ้าน บ้านฉันที่แม่ซื้อทิ้งไว้เป็นบ้านจัดสรรหลังกะทัดรัดในโครงการใกล้มหาวิทยาลัยทำให้สะดวกเวลาเดินทางไปเรียน ทีแรกฉันจะขออยู่หอแต่แม่ไม่ยอม เพราะหอพักที่นี่แยกหญิงชาย พี่เชนจะดูแลไม่สะดวก เลยตัดสินใจซื้อบ้านหลังหนึ่งแล้วให้เราพักด้วยกัน เวลาฉันทำตัวไม่ดี หนีเที่ยว พี่เชนจะได้รายงานแม่ให้แต่คนที่หนีเที่ยวประจำน่ะพี่เชนมากกว่า…ฉันอาศัยอยู่กับพี่เชนสองคน แต่ส่วนมากฉันอยู่คนเดียวมากกว่า เพราะช่วงนี้พี่เชนจะค้างที่หอ ถึงแม้จะเป็นนักเที่ยวกลางคืนตัวยง แต่เรื่องเรียนพี่เชนก็เทพสุด ๆ ปีนี้พี่เชนใกล้เรียนจบงานเลยเยอะมากขึ้นต้องตรวจคนไข้ ทำแล็บแทบทุกวัน ฉันต้องคอยรับโทรศัพท์วันละสามเวลาจากพี่เชน เพราะตอนนี้ฉันอยู่บ้านเพียงลำพัง ฉันเคยขอไปค้างกับไมค์ก็ถูกพี่เชนดุใส่ว่าไมค์มันเป็นผู้ชาย มันไม่ดีไม่งามถึงแม้จะเป็นแฟนกันฉันอยากจะเถียงว่าไมค์เป็นแฟนแต่เป็นเกย์ แต่ก็นะ มันเป็นความลับที่บอกใครไม่ได้ ก็คงต้องทนรับสายพ่อคนที่สองต่อไป[ช่วงนี้…ฉัน ฉัน อ่านหนังสือสอบน่ะ] ฉันพูด
วินาทีที่ฉันสะดุดแต่คว้าราวจับไว้ได้ สองหนุ่มที่นั่งจ้องตากันเงียบ ๆ ก็หันมามอง พี่ไวน์รีบวิ่งมาดูฉันพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง ส่วนไวท์นั่งมองฉันเงียบ ๆอีตานี่มาโผล่บ้านฉันได้ยังไงนะ! พี่ไวน์เห็นฉันจ้องมองไวท์จึงเอ่ยขึ้น“อ๋อ จริงสิน้องปาย เพื่อนน้องปายมารออยู่หน้าบ้านพี่เห็นพอดีเลยชวนมานั่งรอ เห็นบอกว่าลืมของ”ของอะไร? ฉันคิดอย่างงุนงง มองไวท์ที่นั่งเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรฉันจึงตอบพี่ไวน์“ค่ะ ใช่ ๆ เพื่อนปายคงลืมไว้ตอนมาทำรายงาน” ฉันถือโอกาสแนะนำไวท์ให้พี่ไวน์รู้จัก ขืนไม่บอกอะไรประเดี๋ยวพี่ไวน์เล่าให้พี่เชนฟังว่ามีผู้ชายเข้าบ้านฉันโดนเทศนาแน่ ๆ “พี่ไวน์คะ คนนี้ไวท์เพื่อนปาย เรียนวิศวะฯ ด้วยกันค่ะ”“สวัสดีครับ” พี่ไวน์ยิ้มสุภาพทักทาย ส่วนอีกคนนะเหรอยังนั่งทำหน้าตาย กวนโอ๊ยอยู่นั้น“ครับ หวัดดี” ไวท์เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ยกมือพอเป็นพิธีแถมยังนั่งไขว้ห้างกระดิกนิ้วเท้าอย่างสบายอารมณ์ไอ้บ้าไวท์! แกจะมากวนตีนแถวนี้ไม่ได้ ฉันนึกอย่างโมโห แอบถลึงตามอง ไวท์หันมาสบตาพอดี เขาลุกขึ้นแล้วเดินมาบอกฉัน“ไป พาไปหาของหน่อย จำไม่ได้อยู่ที่ไหน”เอ้า! แล้วฉันจะรู้ไหมของที่ว่า ขนาดเจ้าของมันยังหาไม
ไวท์ปล่อยฉันจนหล่นลงตุ๊บ ฉันรีบพยุงตัวเองขึ้นแล้วกระโดดห่างจากเขาอันตรายไปแล้ว การอยู่กับผู้ชายสองต่อสองมันอันตรายสุด ๆ หลังจากนี้อย่าหวังว่าอีตานี่จะได้เหยียบย่างเข้ามาบ้านฉันอีก“ยายบ้า! จะกรี๊ดทำไมวะ แก้วหูแทบแตก”ไวท์สบถก่อนทำท่าแคะหูหน้าตายับย่น ไม่สบอารมณ์“เออ! ถ้ามันทำให้นายหูแตกฉันก็จะกรี๊ดอีก กล้าดียังไงมาลวนลามฉันน่ะ ฮะ! ”ฉันชี้หน้าด่าเขาอย่างโมโห เข้ามาบ้านคนอื่นแล้วลวนลาม นี่มันโจรปล้นสวาทชัด ๆไวท์เห็นท่าทางของฉันก็หัวเราะเสียงดัง“สะดีดสะดิ้งทำเหมือนไม่เคย ทำให้ใครดู”“หน็อย มาหัวเราะ ไม่ตลก ไอ้บ้า กล้าลวนลามฉันอยากโดนดีใช่ไหม! ” ฉันตวาดพร้อมตั้งท่าเขวี้ยงรีโมทที่อยู่ในมือไวท์เห็นท่าทางเอาจริงของฉัน เขายกมือห้ามก่อนขู่เสียงเข้ม“หยุด! ถ้าขืนเขวี้ยงมาพ่อจับปล้ำตรงโซฟานี้จริง ๆ ด้วย”ฉันชะงัก สรรเสริญบรรพบุรุษเก้าชั่วโคตรไอ้ตัวชอบขู่ในใจ สุดท้ายก็ยอมวางมือลงเพราะดูจากหุ่นยักษ์สูงกว่าอีเตี้ยอย่างฉันหลายสิบเซน เกิดมันทำจริงฉันคงวิ่งหนีไม่ทัน“ตกลงมาที่นี่กะมาหาเรื่องหรือยังไง”“เปล่าไม่ได้มาหาเรื่อง ก็วันนี้ว่างจะพาไปเที่ยว” “ไม่ไป” ฉันตอบทันควัน “หมดธุระแล้วเชิญ”“ไล่ง
นี่ ๆ ใช้กันนักใช่ไหม พ่อเหรอก็ไม่ใช่ สนิทเหรอก็ไม่ เห็นเป็นคนใช้หรือไงวะ!ฉันบ่นพลางใช้มีดหั่นผักอย่างใส่อารมณ์ คิดแล้วก็หงุดหงิดหัวเสีย ทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากคนบ้าอย่างนายไวท์ นะ!ปายนะปาย แกไม่น่าปากหมาเลย แล้วเป็นไง ไอ้หมาบ้ามันดันกัดไม่เลือก เราอุตส่าห์ปลอบใจด้วยความหวังดี สุดท้ายเป็นไงล่ะ ฉันด่าตัวเองในใจ มันน่าโมโห โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้มันโคตรหงุดหงิดซวย ซวยโครต!“เสร็จยัง หิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว”เสียงไวท์โอดครวญมาจากข้างนอก ฉันได้แต่เข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองมาม่าที่ต้มไว้เดือดปุด ๆ เหมือนอารมณ์ของฉันในตอนนี้ มันเดือดจนจะระเบิดแล้วพอมาม่าได้ที่หลังจากใส่ผักใส่ไข่ไป ฉันปิดแก๊สแล้วเทมาม่าใส่ชาม ยกไปให้ไอ้คุณชายที่รออยู่ เดินไปในใจสาปแช่งขอให้มันสำลักเส้นมาม่าตาย ๆ ไปเลย!ห้างสรรพสินค้า Sหลังจากสอบเสร็จฉันจึงนัดไมค์มาเดินห้าง กินข้าวดูหนังหลังจากเครียดกับการสอบมาหลายวัน ฉันไม่ใช่คนเรียนเก่ง ขอแค่ให้เกรดได้ C ขึ้นไปแม่ฉันก็น้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้มใจแล้วเรานัดเจอกันที่หน้าโรงหนังช่วงบ่าย ฉันอยากดูหนังแนวอวกาศแก้เครียดสักเรื่อง ยืนกอดถังพอปคอร์นรอสักพักก็เห็นผู้ชายหน้าออกไปทางจีน รู
White:Talksผมเดินออกจากห้องน้ำมือข้างหนึ่งคลึงจมูกไว้ ความเจ็บยังไม่จางหายแต่ดีหน่อยที่พอเข้าไปล้างหน้าล้างตาเลือดกำเดามันหยุดไหล นึกถึงใครบางคนแล้วอยากบีบคอ..แค่แกล้งนิดแกล้งหน่อยถึงกับใช้ศอกถองจมูกผมจนเลือดกำเดาออก นี่ถ้าจมูกผมไปทำมาคงต้องบินไปแก้ที่เกาหลี โชคดีที่จมูกของผมมันของแท้แม่ให้มา“เป็นยังไงบ้างคะพี่ไวท์” โมโมที่ยืนรออยู่โผมาหาผมด้วยความเป็นห่วง มือนุ่มนิ่มจับจมูกผมแผ่วเบา “ไปหาหมอดีไหมคะ ดูสิแดงเถือกเลย”เพราะผมผิวขาวพอโดนอะไรนิดหน่อยมันก็แดง โมโมทำหน้าตกใจขนาดนี้จมูกผมมันคงแดงมากเพราะตอนนี้ผมยังเจ็บอยู่ พอเจ็บมันก็เซ็งหมดอารมณ์เที่ยวต่อ“พี่ไม่เป็นไรครับ แต่ไปหาหมอสักหน่อยคงจะดี งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ”“อ้าว ให้โมโมไปด้วยสิคะ โมโมเป็นห่วง” สาวน้อยตรงหน้าทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ้อนวอน ผมในตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะเอ็นดู เริ่มรำคาญ โมโมเป็นผู้หญิงต่างคณะที่เข้ามาจีบผม เธออยู่ปีหนึ่ง ผมซึ่งกำลังเบื่อ ๆ เลยยอมรับคำชวนมาดูหนัง หน้าตาเธอก็น่ารักดีหรอก ดูใสใส แต่พอพูดคุย ได้รู้จักแล้วน่ารำคาญเป็นบ้าผมไม่ได้ต้องการลูกนะ ให้โอ๋ตลอดก็ไม่ไหว อะไรนิดหน่อยก็กลัว ให้ปลอบทั้งวันน่ะเลิกฝันไปเล
เช้าวันต่อมาฉันยกมือทักทายเพื่อนร่วมชั้นเรียนสองสามคนที่เดินผ่าน แล้วกวาดตามองหาที่นั่งที่ยังว่าง จากนั้นก็นั่งลงรออาจารย์เข้าสอน นักศึกษาทยอยเข้าห้องมาเรื่อย ๆ หนึ่งในนั้นมีไวท์และกลุ่มเพื่อนของเขาเดินเข้ามา ส่งเสียงเอะอะโวยวาย พูดคุยกันเสียงดัง ขณะเดินผ่านจุดที่ฉันนั่ง ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มก็หยุดเดินแล้วหันมาทักทายฉัน“สวัสดีจ้ะปาย วันนี้ยังน่ารักเหมือนเดิมนะจ๊ะ”ฉันเงยหน้าขึ้นยิ้มอ่อนใส่ อีตานี่ชีกอกับมนุษย์ทุกคนที่เป็นผู้หญิง ฉันจำชื่อเขาไม่ได้แต่มักเรียกในใจว่านายหม้อ เพราะมันหม้อไปทั่วห้องจนหูดำหมด ขณะที่ฉันกำลังเอ่ยปากตอกกลับก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูดขึ้น“น่ารักตายละ ตาก็โปน เตี้ยก็เตี้ย”ตาโปนบ้านมันสิ!ฉันกำหมัดไว้ใต้โต๊ะ พยายามไม่สนใจเสียงสัมภเวสี ภาวนาให้ผู้ชายกลุ่มนี้รีบ ๆ เดินผ่านไปสักที หรืออาจารย์รีบเข้าห้องมาสอนเร็ว ๆ“ว่าไปไอ้ไวท์ เขาเรียกตากลมโตเว้ย” ฉันได้ยินอีตาหม้อสวนกลับ “น่ารักจะตายตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ ปากนิดจมูกหน่อย ตาโตเหมือนตุ๊กตา น่าทะนุถนอมสุด ๆ”“หึ ชอบแบบนี้เหรอไอ้ยักษ์ ระวังเถอะ ภาพที่เห็นมันจะหลอกตา”“เออ กูชอบ นี่ก็จีบตั้งนานละไม่ติดสักที คนน่ารักใจแข็งว่ะ”
ในร้านคนเริ่มพลุกพล่าน มีทั้งนักศึกษากลุ่มใหญ่ และคู่รัก หลังสี่ทุ่มคนก็คงจะเยอะกว่านี้อีก ฉันคิดขณะเดินไป เห็นเจนกับเพื่อนในคณะอีกคนที่ชื่อมิวมายืนรอฉันก่อนแล้ว ทั้งสองแต่งตัวสวยเซ็กซี่สไตล์วัยรุ่น ฉันล้วงของขวัญกล่องเล็ก ๆ ผูกโบว์น่ารักในกระเป๋าถือส่งให้เจน“อ่ะ สุขสันต์วันเกิด”“ขอบใจนะปาย ป่ะ ๆ เข้าไปข้างในกันเจนจองโต๊ะไว้แล้ว” เจนทำท่าชี้ไม้ชี้มือไปด้านในที่เป็นโซนวีไอพีเจนถือโอกาสดึงแขนฉันอย่างสนิทสนม ฉันเลิกคิ้วแปลกใจแต่ก็ยอมให้เจนลากเข้าไปข้างใน เดินไปจนถึงมุมหนึ่งของร้าน เป็นโซนวีไอพีมีกระจกใสกั้นไว้เป็นห้อง ๆ ที่นั่งส่วนตัวและกว้างขวาง ฉันมองรอบข้าง ในโซนนี้มีแค่ ฉัน เจนและเพื่อนอีกคนที่ชื่อมิวฉันก็ไม่ได้ถามว่าเจนชวนใครมาบ้าง แต่ถ้าถึงขนาดจองที่นั่งในโซนวีไอพีแบบนี้สงสัยแขกคงจะเยอะไม่น้อยนั่งสักชั่วโมงแล้วเผ่นดีกว่า ฉันไม่ชอบสุงสิงกับคนแปลกหน้าเท่าไร ยิ่งคนเยอะยิ่งไม่ชอบ“ไม่เคยเห็นปายแต่งตัวแบบนี้ ดูสวยเซ็กซี่ดีนะ” จู่ ๆ มิวก็เอ่ยขึ้น ฉันก้มมองตัวเองนิดหน่อย วันนี้ฉันใส่เดรสเปิดไหล่สีดำยาวเสมอเข่า ชุดนี้ฉันเลือกใส่เพราะดูเรียบ ๆ ไม่โป๊มาก ใบหน้าก็แต่งเติมบาง ๆ เอาให้ไม่น่
ฉันมองไปตามเสียงเรียกก็เห็นไวท์กับเพื่อนเขาที่ชื่อยักษ์หรือนายหน้าหม้อ ด้านหลังมีผู้ชายอีกสามคนที่ฉันจำชื่อไม่ได้เดินตามมา วันนี้ไวท์แต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ยี่ห้อหรู ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ของแพงเหมือนคืนที่ฉันเจอเขา เจนหันไปสั่งเครื่องดื่ม มิวโบกมือทักทายกลุ่มไวท์อย่างร่าเริง ทุกคนส่งเสียงเฮฮา คงมีแต่ฉันที่นั่งเงียบ ๆ ยิ้มรับเมื่อมีใครเอ่ยทักทายเพื่อนผู้หญิงที่เจนชวนมาก็พากันมาครบ เจนเอ่ยแนะนำตัวให้รู้จักสองสาวที่แต่งตัวเซ็กซี่เปิดหน้าเว้าหลังชื่อ เปิ้ล กับ เมย์ พอคนมาครบก็นั่งประจำที่กัน สรุปมีผู้หญิงห้าคน ผู้ชายห้าคน โต๊ะวีไอพีจึงดูแน่น เต็มพอดิบพอดี เสียงเพลงที่ทางร้านเปิดเริ่มดังขึ้น หลายคนเริ่มโยกไปตามสียงเพลง เจนยกมือเฮฮาสนุกสนาน บอกว่ากินได้ไม่อั้นเธอเลี้ยงเต็มที่ เสียงชนแก้วจึงดังขึ้นกระหึ่ม พอเหล้าเข้าปาก หลายคนเริ่มอยู่ไม่สุข พากันพูดคุยกันสนุกสนาน บรรยากาศดูสนิทสนมกันมากขึ้นจะว่าซวยหรือยังไงที่พอฉันเงยหน้าขึ้นกำลังจะยกแก้วขึ้นชนกับเพื่อน ๆ พอเป็นพิธีก็เห็นใบหน้าหล่อเหลา ขาวกระจ่างใสภายใต้แสงไฟอยู่ด้านตรงข้าม โซฟาที่เรานั่งเป็นแบบยาว ผู้หญิงนั่งอีกฝั่ง ผู้ชายอีกฝ
ผมดึงปายแล้ววิ่งย้อนกลับไปทางผับ ทางนั้นคนมากพวกมันคงไม่กล้าทำอะไร ไอ้พวกเด็กเกรียนร้องตะโกนโหวกเหวกพลางวิ่งตามมา ผมพาปายหลบหลีกพวกมัน จนเข้าข้างซอยตรงไปทางหลังร้านผมดึงปายแอบตรงมุมอับแล้วจับปายซุกอกไว้ ปายหายใจหอบในอ้อมอกผม เสียงฝีเท้าวิ่งผ่านไป ผ่านไปหลายสิบนาที จนผมแน่ใจว่าพวกมันจะไม่ย้อนกลับมาอีกก็ดึงปายออกจากอก ปายเงยหน้าขึ้นมองผมหน้าซีดปากสั่น“พวกมันไปหรือยังไวท์”“พวกมันไปแล้ว” ผมบอกปายน้ำเสียงรำคาญ ก่อนปล่อยปายออกจากอ้อมกอด “ทีแบบนี้ทำกลัว แล้วเดินหนีออกมาทำไม”“ขอโทษ....” ปายบอกเสียงอ่อน น้ำเสียงฟังรู้สึกผิด ผมส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะฉวยข้อมือปายให้เดินตามมา“จะ..จะพาฉันไปไหน”“ก็ไปส่งบ้านไง” ผมหยุดเดิน หันมามอง “หรือจะไปต่อคอนโดฯ เราก็ได้นะ”“ฝันไปเถอะ! ” ปายสวนขึ้นทันควัน มองผมตาคว่ำผมหัวเราะหึหึ ก่อนจะตั้งหน้าเดินต่อจุดมุ่งหมายคือลานจอดรถข้างผับEnd Talk.ฉันมองฝ่ามือที่ถูกคนตรงหน้าจับไว้แล้วมองแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้าก็ให้ความรู้สึกแปลก ๆ เพราะความอายผสมความโกรธที่ถูกปล้นจูบฉันจึงเดินหนีออกมาโดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของเขา สุดท้ายก็เจอดีจนเกือบโดนพวกขี้เมาหัวเกรียนฉ
ไวท์บดเบียดริมฝีปากฉันอย่างเอาแต่ใจ เขาใช้มือสอดท้ายทอยฉัน ประคองใบหน้าฉันให้แหงนเงยคอยรับสัมผัสจาบจ้วงที่เขาบรรจงป้อนให้ ฉันหูอื้อตาลาย ใจหวิว ๆ รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจตัวเอง มันเต้นรัวอย่างรุนแรง สองมือเคลื่อนไปวางทาบอกเขาอย่างไม่รู้ตัวพอรู้สึกตัวดันขย้ำเสื้อเขาแน่นอีก!“อื้อ! ...”ฉันส่งเสียงอู้อี้ประท้วง สองมือก็ทุบหน้าอกไวท์เป็นเชิงบอกให้ปล่อย แต่ดูเหมือนรสจูบกลับหนักหน่วงมากกว่าเดิม เขาบดขยี้ริมฝีปากฉันจนเห่อร้อน ก่อนที่ปลายลิ้นจะรุกรานเข้ามาด้านใน...นี่เป็นครั้งที่สองที่ไวท์จูบฉัน แต่มันไม่ชินเข้าใจไหมละ...ลิ้น ของผู้ชาย มันเข้ามาในปากฉัน ฉันนึกอย่างตื่นกลัวให้ตายเถอะ เกิดมาเพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้ ฉันไม่เคยจูบกับใครนะเว้ย!ฉันตัวแข็งทื่อรู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่าง เผยอปากปล่อยให้เขาแทรกเรียวลิ้นเข้ามา ไวท์ดูดดื่ม กลืนกินทุกอย่างที่เป็นฉัน ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันที่เผลอตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสแปลกใหม่ ก็ปล่อยให้ไวท์นำทาง เขาส่งลิ้นมาพัวพันเกี่ยวกระหวัดอย่างหยอกล้อจนฉันอยากลิ้มลอง สุดท้ายก็ตอบสนองกลับดูดดื่มกลืนกินเขาอย่างเงอะงะเหมือนคนไม่มีประสบการณ์ เสียงเราจูบกันดังอึกอ
ฉันมองไปตามเสียงเรียกก็เห็นไวท์กับเพื่อนเขาที่ชื่อยักษ์หรือนายหน้าหม้อ ด้านหลังมีผู้ชายอีกสามคนที่ฉันจำชื่อไม่ได้เดินตามมา วันนี้ไวท์แต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ยี่ห้อหรู ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ของแพงเหมือนคืนที่ฉันเจอเขา เจนหันไปสั่งเครื่องดื่ม มิวโบกมือทักทายกลุ่มไวท์อย่างร่าเริง ทุกคนส่งเสียงเฮฮา คงมีแต่ฉันที่นั่งเงียบ ๆ ยิ้มรับเมื่อมีใครเอ่ยทักทายเพื่อนผู้หญิงที่เจนชวนมาก็พากันมาครบ เจนเอ่ยแนะนำตัวให้รู้จักสองสาวที่แต่งตัวเซ็กซี่เปิดหน้าเว้าหลังชื่อ เปิ้ล กับ เมย์ พอคนมาครบก็นั่งประจำที่กัน สรุปมีผู้หญิงห้าคน ผู้ชายห้าคน โต๊ะวีไอพีจึงดูแน่น เต็มพอดิบพอดี เสียงเพลงที่ทางร้านเปิดเริ่มดังขึ้น หลายคนเริ่มโยกไปตามสียงเพลง เจนยกมือเฮฮาสนุกสนาน บอกว่ากินได้ไม่อั้นเธอเลี้ยงเต็มที่ เสียงชนแก้วจึงดังขึ้นกระหึ่ม พอเหล้าเข้าปาก หลายคนเริ่มอยู่ไม่สุข พากันพูดคุยกันสนุกสนาน บรรยากาศดูสนิทสนมกันมากขึ้นจะว่าซวยหรือยังไงที่พอฉันเงยหน้าขึ้นกำลังจะยกแก้วขึ้นชนกับเพื่อน ๆ พอเป็นพิธีก็เห็นใบหน้าหล่อเหลา ขาวกระจ่างใสภายใต้แสงไฟอยู่ด้านตรงข้าม โซฟาที่เรานั่งเป็นแบบยาว ผู้หญิงนั่งอีกฝั่ง ผู้ชายอีกฝ
ในร้านคนเริ่มพลุกพล่าน มีทั้งนักศึกษากลุ่มใหญ่ และคู่รัก หลังสี่ทุ่มคนก็คงจะเยอะกว่านี้อีก ฉันคิดขณะเดินไป เห็นเจนกับเพื่อนในคณะอีกคนที่ชื่อมิวมายืนรอฉันก่อนแล้ว ทั้งสองแต่งตัวสวยเซ็กซี่สไตล์วัยรุ่น ฉันล้วงของขวัญกล่องเล็ก ๆ ผูกโบว์น่ารักในกระเป๋าถือส่งให้เจน“อ่ะ สุขสันต์วันเกิด”“ขอบใจนะปาย ป่ะ ๆ เข้าไปข้างในกันเจนจองโต๊ะไว้แล้ว” เจนทำท่าชี้ไม้ชี้มือไปด้านในที่เป็นโซนวีไอพีเจนถือโอกาสดึงแขนฉันอย่างสนิทสนม ฉันเลิกคิ้วแปลกใจแต่ก็ยอมให้เจนลากเข้าไปข้างใน เดินไปจนถึงมุมหนึ่งของร้าน เป็นโซนวีไอพีมีกระจกใสกั้นไว้เป็นห้อง ๆ ที่นั่งส่วนตัวและกว้างขวาง ฉันมองรอบข้าง ในโซนนี้มีแค่ ฉัน เจนและเพื่อนอีกคนที่ชื่อมิวฉันก็ไม่ได้ถามว่าเจนชวนใครมาบ้าง แต่ถ้าถึงขนาดจองที่นั่งในโซนวีไอพีแบบนี้สงสัยแขกคงจะเยอะไม่น้อยนั่งสักชั่วโมงแล้วเผ่นดีกว่า ฉันไม่ชอบสุงสิงกับคนแปลกหน้าเท่าไร ยิ่งคนเยอะยิ่งไม่ชอบ“ไม่เคยเห็นปายแต่งตัวแบบนี้ ดูสวยเซ็กซี่ดีนะ” จู่ ๆ มิวก็เอ่ยขึ้น ฉันก้มมองตัวเองนิดหน่อย วันนี้ฉันใส่เดรสเปิดไหล่สีดำยาวเสมอเข่า ชุดนี้ฉันเลือกใส่เพราะดูเรียบ ๆ ไม่โป๊มาก ใบหน้าก็แต่งเติมบาง ๆ เอาให้ไม่น่
เช้าวันต่อมาฉันยกมือทักทายเพื่อนร่วมชั้นเรียนสองสามคนที่เดินผ่าน แล้วกวาดตามองหาที่นั่งที่ยังว่าง จากนั้นก็นั่งลงรออาจารย์เข้าสอน นักศึกษาทยอยเข้าห้องมาเรื่อย ๆ หนึ่งในนั้นมีไวท์และกลุ่มเพื่อนของเขาเดินเข้ามา ส่งเสียงเอะอะโวยวาย พูดคุยกันเสียงดัง ขณะเดินผ่านจุดที่ฉันนั่ง ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มก็หยุดเดินแล้วหันมาทักทายฉัน“สวัสดีจ้ะปาย วันนี้ยังน่ารักเหมือนเดิมนะจ๊ะ”ฉันเงยหน้าขึ้นยิ้มอ่อนใส่ อีตานี่ชีกอกับมนุษย์ทุกคนที่เป็นผู้หญิง ฉันจำชื่อเขาไม่ได้แต่มักเรียกในใจว่านายหม้อ เพราะมันหม้อไปทั่วห้องจนหูดำหมด ขณะที่ฉันกำลังเอ่ยปากตอกกลับก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูดขึ้น“น่ารักตายละ ตาก็โปน เตี้ยก็เตี้ย”ตาโปนบ้านมันสิ!ฉันกำหมัดไว้ใต้โต๊ะ พยายามไม่สนใจเสียงสัมภเวสี ภาวนาให้ผู้ชายกลุ่มนี้รีบ ๆ เดินผ่านไปสักที หรืออาจารย์รีบเข้าห้องมาสอนเร็ว ๆ“ว่าไปไอ้ไวท์ เขาเรียกตากลมโตเว้ย” ฉันได้ยินอีตาหม้อสวนกลับ “น่ารักจะตายตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ ปากนิดจมูกหน่อย ตาโตเหมือนตุ๊กตา น่าทะนุถนอมสุด ๆ”“หึ ชอบแบบนี้เหรอไอ้ยักษ์ ระวังเถอะ ภาพที่เห็นมันจะหลอกตา”“เออ กูชอบ นี่ก็จีบตั้งนานละไม่ติดสักที คนน่ารักใจแข็งว่ะ”
White:Talksผมเดินออกจากห้องน้ำมือข้างหนึ่งคลึงจมูกไว้ ความเจ็บยังไม่จางหายแต่ดีหน่อยที่พอเข้าไปล้างหน้าล้างตาเลือดกำเดามันหยุดไหล นึกถึงใครบางคนแล้วอยากบีบคอ..แค่แกล้งนิดแกล้งหน่อยถึงกับใช้ศอกถองจมูกผมจนเลือดกำเดาออก นี่ถ้าจมูกผมไปทำมาคงต้องบินไปแก้ที่เกาหลี โชคดีที่จมูกของผมมันของแท้แม่ให้มา“เป็นยังไงบ้างคะพี่ไวท์” โมโมที่ยืนรออยู่โผมาหาผมด้วยความเป็นห่วง มือนุ่มนิ่มจับจมูกผมแผ่วเบา “ไปหาหมอดีไหมคะ ดูสิแดงเถือกเลย”เพราะผมผิวขาวพอโดนอะไรนิดหน่อยมันก็แดง โมโมทำหน้าตกใจขนาดนี้จมูกผมมันคงแดงมากเพราะตอนนี้ผมยังเจ็บอยู่ พอเจ็บมันก็เซ็งหมดอารมณ์เที่ยวต่อ“พี่ไม่เป็นไรครับ แต่ไปหาหมอสักหน่อยคงจะดี งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ”“อ้าว ให้โมโมไปด้วยสิคะ โมโมเป็นห่วง” สาวน้อยตรงหน้าทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ้อนวอน ผมในตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะเอ็นดู เริ่มรำคาญ โมโมเป็นผู้หญิงต่างคณะที่เข้ามาจีบผม เธออยู่ปีหนึ่ง ผมซึ่งกำลังเบื่อ ๆ เลยยอมรับคำชวนมาดูหนัง หน้าตาเธอก็น่ารักดีหรอก ดูใสใส แต่พอพูดคุย ได้รู้จักแล้วน่ารำคาญเป็นบ้าผมไม่ได้ต้องการลูกนะ ให้โอ๋ตลอดก็ไม่ไหว อะไรนิดหน่อยก็กลัว ให้ปลอบทั้งวันน่ะเลิกฝันไปเล
นี่ ๆ ใช้กันนักใช่ไหม พ่อเหรอก็ไม่ใช่ สนิทเหรอก็ไม่ เห็นเป็นคนใช้หรือไงวะ!ฉันบ่นพลางใช้มีดหั่นผักอย่างใส่อารมณ์ คิดแล้วก็หงุดหงิดหัวเสีย ทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากคนบ้าอย่างนายไวท์ นะ!ปายนะปาย แกไม่น่าปากหมาเลย แล้วเป็นไง ไอ้หมาบ้ามันดันกัดไม่เลือก เราอุตส่าห์ปลอบใจด้วยความหวังดี สุดท้ายเป็นไงล่ะ ฉันด่าตัวเองในใจ มันน่าโมโห โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้มันโคตรหงุดหงิดซวย ซวยโครต!“เสร็จยัง หิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว”เสียงไวท์โอดครวญมาจากข้างนอก ฉันได้แต่เข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองมาม่าที่ต้มไว้เดือดปุด ๆ เหมือนอารมณ์ของฉันในตอนนี้ มันเดือดจนจะระเบิดแล้วพอมาม่าได้ที่หลังจากใส่ผักใส่ไข่ไป ฉันปิดแก๊สแล้วเทมาม่าใส่ชาม ยกไปให้ไอ้คุณชายที่รออยู่ เดินไปในใจสาปแช่งขอให้มันสำลักเส้นมาม่าตาย ๆ ไปเลย!ห้างสรรพสินค้า Sหลังจากสอบเสร็จฉันจึงนัดไมค์มาเดินห้าง กินข้าวดูหนังหลังจากเครียดกับการสอบมาหลายวัน ฉันไม่ใช่คนเรียนเก่ง ขอแค่ให้เกรดได้ C ขึ้นไปแม่ฉันก็น้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้มใจแล้วเรานัดเจอกันที่หน้าโรงหนังช่วงบ่าย ฉันอยากดูหนังแนวอวกาศแก้เครียดสักเรื่อง ยืนกอดถังพอปคอร์นรอสักพักก็เห็นผู้ชายหน้าออกไปทางจีน รู
ไวท์ปล่อยฉันจนหล่นลงตุ๊บ ฉันรีบพยุงตัวเองขึ้นแล้วกระโดดห่างจากเขาอันตรายไปแล้ว การอยู่กับผู้ชายสองต่อสองมันอันตรายสุด ๆ หลังจากนี้อย่าหวังว่าอีตานี่จะได้เหยียบย่างเข้ามาบ้านฉันอีก“ยายบ้า! จะกรี๊ดทำไมวะ แก้วหูแทบแตก”ไวท์สบถก่อนทำท่าแคะหูหน้าตายับย่น ไม่สบอารมณ์“เออ! ถ้ามันทำให้นายหูแตกฉันก็จะกรี๊ดอีก กล้าดียังไงมาลวนลามฉันน่ะ ฮะ! ”ฉันชี้หน้าด่าเขาอย่างโมโห เข้ามาบ้านคนอื่นแล้วลวนลาม นี่มันโจรปล้นสวาทชัด ๆไวท์เห็นท่าทางของฉันก็หัวเราะเสียงดัง“สะดีดสะดิ้งทำเหมือนไม่เคย ทำให้ใครดู”“หน็อย มาหัวเราะ ไม่ตลก ไอ้บ้า กล้าลวนลามฉันอยากโดนดีใช่ไหม! ” ฉันตวาดพร้อมตั้งท่าเขวี้ยงรีโมทที่อยู่ในมือไวท์เห็นท่าทางเอาจริงของฉัน เขายกมือห้ามก่อนขู่เสียงเข้ม“หยุด! ถ้าขืนเขวี้ยงมาพ่อจับปล้ำตรงโซฟานี้จริง ๆ ด้วย”ฉันชะงัก สรรเสริญบรรพบุรุษเก้าชั่วโคตรไอ้ตัวชอบขู่ในใจ สุดท้ายก็ยอมวางมือลงเพราะดูจากหุ่นยักษ์สูงกว่าอีเตี้ยอย่างฉันหลายสิบเซน เกิดมันทำจริงฉันคงวิ่งหนีไม่ทัน“ตกลงมาที่นี่กะมาหาเรื่องหรือยังไง”“เปล่าไม่ได้มาหาเรื่อง ก็วันนี้ว่างจะพาไปเที่ยว” “ไม่ไป” ฉันตอบทันควัน “หมดธุระแล้วเชิญ”“ไล่ง
วินาทีที่ฉันสะดุดแต่คว้าราวจับไว้ได้ สองหนุ่มที่นั่งจ้องตากันเงียบ ๆ ก็หันมามอง พี่ไวน์รีบวิ่งมาดูฉันพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง ส่วนไวท์นั่งมองฉันเงียบ ๆอีตานี่มาโผล่บ้านฉันได้ยังไงนะ! พี่ไวน์เห็นฉันจ้องมองไวท์จึงเอ่ยขึ้น“อ๋อ จริงสิน้องปาย เพื่อนน้องปายมารออยู่หน้าบ้านพี่เห็นพอดีเลยชวนมานั่งรอ เห็นบอกว่าลืมของ”ของอะไร? ฉันคิดอย่างงุนงง มองไวท์ที่นั่งเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรฉันจึงตอบพี่ไวน์“ค่ะ ใช่ ๆ เพื่อนปายคงลืมไว้ตอนมาทำรายงาน” ฉันถือโอกาสแนะนำไวท์ให้พี่ไวน์รู้จัก ขืนไม่บอกอะไรประเดี๋ยวพี่ไวน์เล่าให้พี่เชนฟังว่ามีผู้ชายเข้าบ้านฉันโดนเทศนาแน่ ๆ “พี่ไวน์คะ คนนี้ไวท์เพื่อนปาย เรียนวิศวะฯ ด้วยกันค่ะ”“สวัสดีครับ” พี่ไวน์ยิ้มสุภาพทักทาย ส่วนอีกคนนะเหรอยังนั่งทำหน้าตาย กวนโอ๊ยอยู่นั้น“ครับ หวัดดี” ไวท์เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ยกมือพอเป็นพิธีแถมยังนั่งไขว้ห้างกระดิกนิ้วเท้าอย่างสบายอารมณ์ไอ้บ้าไวท์! แกจะมากวนตีนแถวนี้ไม่ได้ ฉันนึกอย่างโมโห แอบถลึงตามอง ไวท์หันมาสบตาพอดี เขาลุกขึ้นแล้วเดินมาบอกฉัน“ไป พาไปหาของหน่อย จำไม่ได้อยู่ที่ไหน”เอ้า! แล้วฉันจะรู้ไหมของที่ว่า ขนาดเจ้าของมันยังหาไม