เรื่องมันเริ่มต้นจากประโยคที่ฉันพูดกับคนที่เป็นเพื่อนร่วมคณะ เพื่อนที่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับมัน เคยเห็นมันควงสาวมากหน้าหลายตาก็ยังรู้สึกเฉย ๆ แต่พอวันหนึ่งมันโดนสาวที่เหมือนจะจริงจังด้วยบอกเลิก เพราะอยากให้มันหายเศร้า ไอ้ปากหมา ๆ มันก็เลยพูดขึ้นมา...
“อย่าเสียใจไปเลยว่ะ เอางี้ แกโดนแฟนขอเลิกไปแล้ว งั้นคงว่าง มาเป็นกิ๊กเราป่ะล่ะ?”
พูดไปก็ต้องมานั่งนึกเสียใจ ปากหมาพาซวยที่แท้ทรู เมื่อ “เพื่อน” ที่ตอนนี้เลื่อนสถานะมาเป็น “กิ๊ก” ดันตอบตกลงซะงั้น!
ย้อนไปเมื่อสามวันก่อน
พี่เชน หนุ่มหล่อสุดฮ็อตจัดงานวันเกิดที่ร้านเหล้าข้างมหา’ ลัย พี่เชนเป็นลูกชายของคุณป้าพี่สาวของแม่ แต่เป็นแค่เพียงในนาม ความจริงพี่เชนเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของฉันที่ป้าขอเอาไปเลี้ยงเพราะไม่มีลูก เราอายุห่างกัน 6 ปี พี่เชนเรียนทันตะฯ ปีที่ 6 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก็จะเรียนจบ ส่วนฉันเรียนวิศวะฯ เครื่องกลอยู่ปีสอง
“วู้! ม่ายมาวม่ายกลับ ชนแก้ว!”
เอิ่ม…ฉันมองพี่ชายขี้เมายกมือชูแก้วขึ้นแล้วร้องตะโกนโหวกเหวกไปมา ใบหน้าหล่อเหลาที่สาว ๆ หลายคนใฝ่ฝันแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ปรากฏว่าพี่เชนเมาก่อนใครอีกเพราะเพื่อน ๆ ที่มาร่วมงานต่างคะยั้นคะยอให้ดื่ม ดีนะฉันเห็นท่าไม่ดี แค่จิบ ๆ เหล้าเล็กน้อยแล้วแอบเททิ้ง แสร้งทำเป็นเริ่มเมา ลิ้นพันกันเล็กน้อยก็เลี่ยงชนแก้วพวกเพื่อนพี่เชนไปได้หน่อย
ฉันไม่ค่อยชอบกินเหล้าเท่าไร พอกินมากเช้ามาฉันก็จะปวดหัวหนักมาก แต่จะเลี่ยงไม่มางานก็ไม่ได้วันเกิดพี่ชายตัวเอง
ฉันมองนาฬิกาข้อมือบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน แสร้งยกมือขึ้นนวดขมับแล้วลุกขึ้น ทุกคนหันมามองฉัน พี่ไวน์หนึ่งในเพื่อนพี่เชนพูดขึ้น
“อ้าว จะไปไหนครับน้องปาย”
“ปาย เอ่อ ปายจะกลับแล้วค่ะ มันก็ดึกมากแล้วพรุ่งนี้ปายมีเรียน” ฉันบอกตะกุกตะกัก ทำไมทุกคนพร้อมใจกันหันมามองฉัน ก็สังสรรค์กันต่อไปเซ่! แผนที่จะค่อย ๆ เผ่นออกจากงานพังทันที พี่ไวน์พอได้ยินฉันว่าจะกลับก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาทางฉัน
“งั้นพี่ไปส่งนะครับ” พูดจบพี่ผู้ชายคนอื่นส่งเสียงเฮฮา แซวกันขรม
“วู้! ไอ้ไวน์ รุกเร็วไปนะมึง ถามไอ้เชนยังวะ ฮ่า ๆ ๆ”
“เฮ้ ปาย รอพี่ก่อนดิ ยังไม่ต้องรีบกลับหรอก” เสียงพี่เชนตะโกนบอกบ้าง ฉันรีบตอบ “ไม่เอา ปายปวดหัวแล้ว อยากกลับ”
พี่เชนได้ยินจึงพยักหน้างึก ๆ วางแก้วลง “เออ ๆ งั้นพี่พอละ เดี๋ยวกลับด้วยกันเลย”
เพื่อน ๆ ทุกคนส่งเสียงโห่ร้อง เพื่อนพี่เชนมีด้วยกันห้าคนรวมพี่เชน เป็นผู้ชายหล่อลากดินกันทั้งหมด เรียนมหาลัยฯ เดียวกัน พี่เชนเรียนทันตะฯ พี่ไวน์ พี่เอ็กซ์เรียนคณะแพทย์ฯ ส่วนพี่กัน พี่บิ๊ก เรียนนิติศาสตร์
ฉันยกมือบอกปัด “เถอะน่า เพื่อน ๆ พี่เชนกำลังสนุกเจ้าของวันเกิดหนีกลับก่อนได้ไง ปายกลับเอง เดี๋ยวไมค์มารับ”
พูดจบก็หันไปบอกพี่ไวน์ที่ยืนมองฉันเงียบ ๆ “ขอโทษนะคะพี่ไวน์ ขอบคุณที่มีน้ำใจนะคะ แต่ปายแชทบอกไมค์มารับแล้วน่ะค่ะ”
“อ๋อ ครับ ๆ ไม่เป็นไรครับน้องปาย” พี่ไวน์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแล้วกลับไปนั่งลงที่เดิม พี่เอ็กซ์ พี่กันพากันแซว ฉันทำเป็นไม่สนใจ ชินแล้วกับพวกเพื่อนพี่เชน เมื่อก่อนตอนฉันขึ้นปีหนึ่งใหม่ ๆ ด้วยความที่แม่เป็นห่วง จึงกำชับให้พี่เชนดูแลฉันทุกฝีก้าว พี่เชนไปไหนฉันต้องไปด้วย แต่ว่างเมื่อไรพี่เชนเป็นต้องกินเหล้า สังสรรค์ มันก็ไม่พ้นที่ฉันจะต้องตามตูดต้อย ๆ
เป็นพี่ที่ดีมาก ดูแลน้องไม่ให้คลาดสายตา ไปกินเหล้าที่ไหนต้องพาไปด้วย ฉันเลยเห็นอะไรมามาก และรู้จักระวังตัวเพราะเพื่อนพี่เชนก็มีแต่ผู้ชาย บางคนหล่อร้าย อันตรายกันทั้งนั้น ก็ขนาดพี่เชนยังร้าย
“ถึงบ้านโทรฯ หาพี่ด้วย” พี่เชนกำชับ ฉันพยักหน้าแล้วโบกมือ
“พี่เชนด้วยนะ กลับให้ถึงบ้านล่ะ” ฉันหันไปยกมือไหว้ลาพี่ ๆ ทุกคน “ปายฝากพี่เชนด้วยนะคะ”
ทุกคนพยักหน้ารับแล้วโบกมือให้ฉัน ก่อนกลับไปสังสรรค์กันต่อ ฉันทำเป็นไม่เห็นสายตาที่พี่ไวน์มองมา รีบเดินออกจากร้าน พอถึงหน้าร้านมีที่นั่งรออยู่ มีนักเที่ยวหลายคนนั่งคุยกัน หรือนั่งสูบบุหรี่กัน ฉันมองหาที่ว่างแล้วทิ้งตัวลงนั่งก่อนหยิบมือถือมาโทรฯ หาไมค์ ไมค์ก็คือแฟนของฉันเอง เราคบกันตั้งแต่ปีหนึ่ง
เสียงเพลงรอสายดังไม่นานพอมีคนรับฉันก็พูดขึ้น
“ไมค์มารับปายหน่อย ส่งไลน์ไปก็ไม่อ่าน”
[มารับ? ตีหนึ่งเนี่ยนะนังปาย แกไปแรดที่ไหนมาฮะ!] เสียงตวาดแว้ดดังจนแสบแก้วหู ฉันดึงโทรศัพท์มือถือออกห่าง ก่อนจะพูดตอบโต้ไป
“แกไม่ได้อ่านไลน์? วันนี้วันเกิดพี่เชนน่ะสิ พี่เชนเลยลากฉันออกมาฉลองที่ร้านเหล้าด้วย”
[กรี๊ด! วันเกิดพี่ชายแก แสดงว่าเพื่อนพี่แกก็มากันด้วยสินะ ทำไมแกไม่ชวน! ]
“เอ่อ ช่วยระงับต่อมแรดด้วยค่ะ แกเป็นแฟนฉันนะ ถึงจะแค่แฟนหลอก ๆ แต่แกคงไม่อยากให้ใครรู้ใช่ไหมว่าแกเป็นเกย์น่ะ ขืนแกมาตบะแตกไล่จับพี่ ๆ กินทำยังไง”
[อิบ้า! ก็ว่าไป เออ ๆ ก็ดีแล้วล่ะที่ไม่ได้ไป ขืนเจอพวกพี่ชายแก ต่อมแรดฉันพุ่งแรงแน่ ๆ ไอ้ที่แอ๊บไว้แตกแน่นอน]
“ย่ะ แล้วนี่จะมารับฉันเมื่อไรฮะ มัวแต่คุย ฉันก็ง่วงนะเว้ย อยากนอน”
[เออ ๆ รอนั่นแหละ อีกประมาณสิบยี่สิบนาที ร้านเหล้าข้างมอใช่ไหม]
“ใช่ค่ะที่รัก”
[โอ๊ย ชะนี เวลานี้ไม่ต้องพูด ขนลุกย่ะ] ฉันหัวเราะเมื่อไมค์วางสายไป ไมค์เป็นแฟนฉัน แต่ก็เป็นเกย์ด้วย เราคบกันเพราะไมค์อยากปกปิดเรื่องตัวเองเป็นเกย์ไม่ให้ใครรู้ บ้านไมค์เป็นครอบครัวคนจีนที่หัวโบราณมาก และอาป๊าไมค์ก็ดุสุด ๆ ขนาดฉันที่เคยไปเที่ยวบ้านไมค์เจอหน้าท่านเมื่อไรเป็นต้องตัวเกร็งเพราะความกลัว
หลังวางสายจากไมค์ฉันเพิ่งรู้ตัวว่ารอบข้างผู้คนที่นั่งอยู่ทยอยกันเดินเข้าร้านไปกันเกือบหมด รู้สึกวังเวงขึ้นมาทันที เหลือแค่คู่รักคู่หนึ่งที่ยืนห่างออกไป
“พอสักที! กิ่งไม่ได้รักพี่แล้ว เราจบกันเถอะ”เสียงตวาดของผู้หญิงดังขึ้นจนฉันจ้องมองอย่างให้ความสนใจ ต่อมเผือกเริ่มกระดิก จริง ๆ ก็ไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอกนะ แต่เสียงทะเลาะกันมันดังเข้ามาในโสตประสาทเองเอ๋ ว่าแต่ฝ่ายชายหน้าคุ้น ๆ ฉันจ้องมองทั้งสองยืนโต้เถียงกัน จนผู้หญิงเดินหนีไปโครม! ฉันสะดุ้งสุดตัว เมื่อผู้ชายคนนั้นถีบเข้าที่นั่งม้าหินอ่อนจนมันล้มโครมแตกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่เขาจะหันมามองฉันเหมือนเขาจะรู้ว่าฉันนั่งจ้องมองพวกเขาอยู่ เราสบตากัน ฉันเลยนึกขึ้นได้ว่าผู้ชายที่ดูหน้าคุ้น ๆ คือใครนั่นมัน ไวท์ เพื่อนร่วมคณะฉันนี่….ไวท์เป็นเพื่อนร่วมคณะ แต่เราไม่สนิทกัน ไวท์มีกลุ่มเพื่อนเป็นพวกผู้ชายเถื่อน ๆ ฝูงใหญ่ เรียกว่าเป็นกลุ่มชายโฉดชื่อดังของคณะเลยก็ว่าได้ ส่วนฉันเพื่อนร่วมคณะก็มีแค่พูดคุย ทักทายกันผ่าน ๆ เพื่อนสนิทน่ะเหรอ ไม่มีหรอก ที่สนิทกับฉันที่สุดก็มีแค่ไมค์ น่าเสียดายที่ไมค์มันเรียนคนละมหาวิทยาลัยกับฉันในขณะที่ฉันนั่งนึกนินทาไวท์ระยะเผาคน เขาเดินมาทางนี้แล้วจะเดินมาเตะฉันข้อหาสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านไหมนะฉันรีบหลบสายตา ก้มมองรองเท้าอดิดาสของตัวเอง อืม... มีฝุ่นติดตรง
หลายวันต่อมา[ช่วงนี้เป็นอะไรฮะปาย ชวนไปไหนก็ไม่ไป เรียนเสร็จก็กลับบ้าน] เสียงไมค์บ่นมาตามโทรศัพท์ ฉันเดินคุยจนออกมาหน้าระเบียงบ้าน บ้านฉันที่แม่ซื้อทิ้งไว้เป็นบ้านจัดสรรหลังกะทัดรัดในโครงการใกล้มหาวิทยาลัยทำให้สะดวกเวลาเดินทางไปเรียน ทีแรกฉันจะขออยู่หอแต่แม่ไม่ยอม เพราะหอพักที่นี่แยกหญิงชาย พี่เชนจะดูแลไม่สะดวก เลยตัดสินใจซื้อบ้านหลังหนึ่งแล้วให้เราพักด้วยกัน เวลาฉันทำตัวไม่ดี หนีเที่ยว พี่เชนจะได้รายงานแม่ให้แต่คนที่หนีเที่ยวประจำน่ะพี่เชนมากกว่า…ฉันอาศัยอยู่กับพี่เชนสองคน แต่ส่วนมากฉันอยู่คนเดียวมากกว่า เพราะช่วงนี้พี่เชนจะค้างที่หอ ถึงแม้จะเป็นนักเที่ยวกลางคืนตัวยง แต่เรื่องเรียนพี่เชนก็เทพสุด ๆ ปีนี้พี่เชนใกล้เรียนจบงานเลยเยอะมากขึ้นต้องตรวจคนไข้ ทำแล็บแทบทุกวัน ฉันต้องคอยรับโทรศัพท์วันละสามเวลาจากพี่เชน เพราะตอนนี้ฉันอยู่บ้านเพียงลำพัง ฉันเคยขอไปค้างกับไมค์ก็ถูกพี่เชนดุใส่ว่าไมค์มันเป็นผู้ชาย มันไม่ดีไม่งามถึงแม้จะเป็นแฟนกันฉันอยากจะเถียงว่าไมค์เป็นแฟนแต่เป็นเกย์ แต่ก็นะ มันเป็นความลับที่บอกใครไม่ได้ ก็คงต้องทนรับสายพ่อคนที่สองต่อไป[ช่วงนี้…ฉัน ฉัน อ่านหนังสือสอบน่ะ] ฉันพูด
วินาทีที่ฉันสะดุดแต่คว้าราวจับไว้ได้ สองหนุ่มที่นั่งจ้องตากันเงียบ ๆ ก็หันมามอง พี่ไวน์รีบวิ่งมาดูฉันพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง ส่วนไวท์นั่งมองฉันเงียบ ๆอีตานี่มาโผล่บ้านฉันได้ยังไงนะ! พี่ไวน์เห็นฉันจ้องมองไวท์จึงเอ่ยขึ้น“อ๋อ จริงสิน้องปาย เพื่อนน้องปายมารออยู่หน้าบ้านพี่เห็นพอดีเลยชวนมานั่งรอ เห็นบอกว่าลืมของ”ของอะไร? ฉันคิดอย่างงุนงง มองไวท์ที่นั่งเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรฉันจึงตอบพี่ไวน์“ค่ะ ใช่ ๆ เพื่อนปายคงลืมไว้ตอนมาทำรายงาน” ฉันถือโอกาสแนะนำไวท์ให้พี่ไวน์รู้จัก ขืนไม่บอกอะไรประเดี๋ยวพี่ไวน์เล่าให้พี่เชนฟังว่ามีผู้ชายเข้าบ้านฉันโดนเทศนาแน่ ๆ “พี่ไวน์คะ คนนี้ไวท์เพื่อนปาย เรียนวิศวะฯ ด้วยกันค่ะ”“สวัสดีครับ” พี่ไวน์ยิ้มสุภาพทักทาย ส่วนอีกคนนะเหรอยังนั่งทำหน้าตาย กวนโอ๊ยอยู่นั้น“ครับ หวัดดี” ไวท์เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ยกมือพอเป็นพิธีแถมยังนั่งไขว้ห้างกระดิกนิ้วเท้าอย่างสบายอารมณ์ไอ้บ้าไวท์! แกจะมากวนตีนแถวนี้ไม่ได้ ฉันนึกอย่างโมโห แอบถลึงตามอง ไวท์หันมาสบตาพอดี เขาลุกขึ้นแล้วเดินมาบอกฉัน“ไป พาไปหาของหน่อย จำไม่ได้อยู่ที่ไหน”เอ้า! แล้วฉันจะรู้ไหมของที่ว่า ขนาดเจ้าของมันยังหาไม
ไวท์ปล่อยฉันจนหล่นลงตุ๊บ ฉันรีบพยุงตัวเองขึ้นแล้วกระโดดห่างจากเขาอันตรายไปแล้ว การอยู่กับผู้ชายสองต่อสองมันอันตรายสุด ๆ หลังจากนี้อย่าหวังว่าอีตานี่จะได้เหยียบย่างเข้ามาบ้านฉันอีก“ยายบ้า! จะกรี๊ดทำไมวะ แก้วหูแทบแตก”ไวท์สบถก่อนทำท่าแคะหูหน้าตายับย่น ไม่สบอารมณ์“เออ! ถ้ามันทำให้นายหูแตกฉันก็จะกรี๊ดอีก กล้าดียังไงมาลวนลามฉันน่ะ ฮะ! ”ฉันชี้หน้าด่าเขาอย่างโมโห เข้ามาบ้านคนอื่นแล้วลวนลาม นี่มันโจรปล้นสวาทชัด ๆไวท์เห็นท่าทางของฉันก็หัวเราะเสียงดัง“สะดีดสะดิ้งทำเหมือนไม่เคย ทำให้ใครดู”“หน็อย มาหัวเราะ ไม่ตลก ไอ้บ้า กล้าลวนลามฉันอยากโดนดีใช่ไหม! ” ฉันตวาดพร้อมตั้งท่าเขวี้ยงรีโมทที่อยู่ในมือไวท์เห็นท่าทางเอาจริงของฉัน เขายกมือห้ามก่อนขู่เสียงเข้ม“หยุด! ถ้าขืนเขวี้ยงมาพ่อจับปล้ำตรงโซฟานี้จริง ๆ ด้วย”ฉันชะงัก สรรเสริญบรรพบุรุษเก้าชั่วโคตรไอ้ตัวชอบขู่ในใจ สุดท้ายก็ยอมวางมือลงเพราะดูจากหุ่นยักษ์สูงกว่าอีเตี้ยอย่างฉันหลายสิบเซน เกิดมันทำจริงฉันคงวิ่งหนีไม่ทัน“ตกลงมาที่นี่กะมาหาเรื่องหรือยังไง”“เปล่าไม่ได้มาหาเรื่อง ก็วันนี้ว่างจะพาไปเที่ยว” “ไม่ไป” ฉันตอบทันควัน “หมดธุระแล้วเชิญ”“ไล่ง
นี่ ๆ ใช้กันนักใช่ไหม พ่อเหรอก็ไม่ใช่ สนิทเหรอก็ไม่ เห็นเป็นคนใช้หรือไงวะ!ฉันบ่นพลางใช้มีดหั่นผักอย่างใส่อารมณ์ คิดแล้วก็หงุดหงิดหัวเสีย ทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากคนบ้าอย่างนายไวท์ นะ!ปายนะปาย แกไม่น่าปากหมาเลย แล้วเป็นไง ไอ้หมาบ้ามันดันกัดไม่เลือก เราอุตส่าห์ปลอบใจด้วยความหวังดี สุดท้ายเป็นไงล่ะ ฉันด่าตัวเองในใจ มันน่าโมโห โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้มันโคตรหงุดหงิดซวย ซวยโครต!“เสร็จยัง หิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว”เสียงไวท์โอดครวญมาจากข้างนอก ฉันได้แต่เข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองมาม่าที่ต้มไว้เดือดปุด ๆ เหมือนอารมณ์ของฉันในตอนนี้ มันเดือดจนจะระเบิดแล้วพอมาม่าได้ที่หลังจากใส่ผักใส่ไข่ไป ฉันปิดแก๊สแล้วเทมาม่าใส่ชาม ยกไปให้ไอ้คุณชายที่รออยู่ เดินไปในใจสาปแช่งขอให้มันสำลักเส้นมาม่าตาย ๆ ไปเลย!ห้างสรรพสินค้า Sหลังจากสอบเสร็จฉันจึงนัดไมค์มาเดินห้าง กินข้าวดูหนังหลังจากเครียดกับการสอบมาหลายวัน ฉันไม่ใช่คนเรียนเก่ง ขอแค่ให้เกรดได้ C ขึ้นไปแม่ฉันก็น้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้มใจแล้วเรานัดเจอกันที่หน้าโรงหนังช่วงบ่าย ฉันอยากดูหนังแนวอวกาศแก้เครียดสักเรื่อง ยืนกอดถังพอปคอร์นรอสักพักก็เห็นผู้ชายหน้าออกไปทางจีน รู
White:Talksผมเดินออกจากห้องน้ำมือข้างหนึ่งคลึงจมูกไว้ ความเจ็บยังไม่จางหายแต่ดีหน่อยที่พอเข้าไปล้างหน้าล้างตาเลือดกำเดามันหยุดไหล นึกถึงใครบางคนแล้วอยากบีบคอ..แค่แกล้งนิดแกล้งหน่อยถึงกับใช้ศอกถองจมูกผมจนเลือดกำเดาออก นี่ถ้าจมูกผมไปทำมาคงต้องบินไปแก้ที่เกาหลี โชคดีที่จมูกของผมมันของแท้แม่ให้มา“เป็นยังไงบ้างคะพี่ไวท์” โมโมที่ยืนรออยู่โผมาหาผมด้วยความเป็นห่วง มือนุ่มนิ่มจับจมูกผมแผ่วเบา “ไปหาหมอดีไหมคะ ดูสิแดงเถือกเลย”เพราะผมผิวขาวพอโดนอะไรนิดหน่อยมันก็แดง โมโมทำหน้าตกใจขนาดนี้จมูกผมมันคงแดงมากเพราะตอนนี้ผมยังเจ็บอยู่ พอเจ็บมันก็เซ็งหมดอารมณ์เที่ยวต่อ“พี่ไม่เป็นไรครับ แต่ไปหาหมอสักหน่อยคงจะดี งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ”“อ้าว ให้โมโมไปด้วยสิคะ โมโมเป็นห่วง” สาวน้อยตรงหน้าทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ้อนวอน ผมในตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะเอ็นดู เริ่มรำคาญ โมโมเป็นผู้หญิงต่างคณะที่เข้ามาจีบผม เธออยู่ปีหนึ่ง ผมซึ่งกำลังเบื่อ ๆ เลยยอมรับคำชวนมาดูหนัง หน้าตาเธอก็น่ารักดีหรอก ดูใสใส แต่พอพูดคุย ได้รู้จักแล้วน่ารำคาญเป็นบ้าผมไม่ได้ต้องการลูกนะ ให้โอ๋ตลอดก็ไม่ไหว อะไรนิดหน่อยก็กลัว ให้ปลอบทั้งวันน่ะเลิกฝันไปเล
เช้าวันต่อมาฉันยกมือทักทายเพื่อนร่วมชั้นเรียนสองสามคนที่เดินผ่าน แล้วกวาดตามองหาที่นั่งที่ยังว่าง จากนั้นก็นั่งลงรออาจารย์เข้าสอน นักศึกษาทยอยเข้าห้องมาเรื่อย ๆ หนึ่งในนั้นมีไวท์และกลุ่มเพื่อนของเขาเดินเข้ามา ส่งเสียงเอะอะโวยวาย พูดคุยกันเสียงดัง ขณะเดินผ่านจุดที่ฉันนั่ง ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มก็หยุดเดินแล้วหันมาทักทายฉัน“สวัสดีจ้ะปาย วันนี้ยังน่ารักเหมือนเดิมนะจ๊ะ”ฉันเงยหน้าขึ้นยิ้มอ่อนใส่ อีตานี่ชีกอกับมนุษย์ทุกคนที่เป็นผู้หญิง ฉันจำชื่อเขาไม่ได้แต่มักเรียกในใจว่านายหม้อ เพราะมันหม้อไปทั่วห้องจนหูดำหมด ขณะที่ฉันกำลังเอ่ยปากตอกกลับก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูดขึ้น“น่ารักตายละ ตาก็โปน เตี้ยก็เตี้ย”ตาโปนบ้านมันสิ!ฉันกำหมัดไว้ใต้โต๊ะ พยายามไม่สนใจเสียงสัมภเวสี ภาวนาให้ผู้ชายกลุ่มนี้รีบ ๆ เดินผ่านไปสักที หรืออาจารย์รีบเข้าห้องมาสอนเร็ว ๆ“ว่าไปไอ้ไวท์ เขาเรียกตากลมโตเว้ย” ฉันได้ยินอีตาหม้อสวนกลับ “น่ารักจะตายตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ ปากนิดจมูกหน่อย ตาโตเหมือนตุ๊กตา น่าทะนุถนอมสุด ๆ”“หึ ชอบแบบนี้เหรอไอ้ยักษ์ ระวังเถอะ ภาพที่เห็นมันจะหลอกตา”“เออ กูชอบ นี่ก็จีบตั้งนานละไม่ติดสักที คนน่ารักใจแข็งว่ะ”
ในร้านคนเริ่มพลุกพล่าน มีทั้งนักศึกษากลุ่มใหญ่ และคู่รัก หลังสี่ทุ่มคนก็คงจะเยอะกว่านี้อีก ฉันคิดขณะเดินไป เห็นเจนกับเพื่อนในคณะอีกคนที่ชื่อมิวมายืนรอฉันก่อนแล้ว ทั้งสองแต่งตัวสวยเซ็กซี่สไตล์วัยรุ่น ฉันล้วงของขวัญกล่องเล็ก ๆ ผูกโบว์น่ารักในกระเป๋าถือส่งให้เจน“อ่ะ สุขสันต์วันเกิด”“ขอบใจนะปาย ป่ะ ๆ เข้าไปข้างในกันเจนจองโต๊ะไว้แล้ว” เจนทำท่าชี้ไม้ชี้มือไปด้านในที่เป็นโซนวีไอพีเจนถือโอกาสดึงแขนฉันอย่างสนิทสนม ฉันเลิกคิ้วแปลกใจแต่ก็ยอมให้เจนลากเข้าไปข้างใน เดินไปจนถึงมุมหนึ่งของร้าน เป็นโซนวีไอพีมีกระจกใสกั้นไว้เป็นห้อง ๆ ที่นั่งส่วนตัวและกว้างขวาง ฉันมองรอบข้าง ในโซนนี้มีแค่ ฉัน เจนและเพื่อนอีกคนที่ชื่อมิวฉันก็ไม่ได้ถามว่าเจนชวนใครมาบ้าง แต่ถ้าถึงขนาดจองที่นั่งในโซนวีไอพีแบบนี้สงสัยแขกคงจะเยอะไม่น้อยนั่งสักชั่วโมงแล้วเผ่นดีกว่า ฉันไม่ชอบสุงสิงกับคนแปลกหน้าเท่าไร ยิ่งคนเยอะยิ่งไม่ชอบ“ไม่เคยเห็นปายแต่งตัวแบบนี้ ดูสวยเซ็กซี่ดีนะ” จู่ ๆ มิวก็เอ่ยขึ้น ฉันก้มมองตัวเองนิดหน่อย วันนี้ฉันใส่เดรสเปิดไหล่สีดำยาวเสมอเข่า ชุดนี้ฉันเลือกใส่เพราะดูเรียบ ๆ ไม่โป๊มาก ใบหน้าก็แต่งเติมบาง ๆ เอาให้ไม่น่
ผมดึงปายแล้ววิ่งย้อนกลับไปทางผับ ทางนั้นคนมากพวกมันคงไม่กล้าทำอะไร ไอ้พวกเด็กเกรียนร้องตะโกนโหวกเหวกพลางวิ่งตามมา ผมพาปายหลบหลีกพวกมัน จนเข้าข้างซอยตรงไปทางหลังร้านผมดึงปายแอบตรงมุมอับแล้วจับปายซุกอกไว้ ปายหายใจหอบในอ้อมอกผม เสียงฝีเท้าวิ่งผ่านไป ผ่านไปหลายสิบนาที จนผมแน่ใจว่าพวกมันจะไม่ย้อนกลับมาอีกก็ดึงปายออกจากอก ปายเงยหน้าขึ้นมองผมหน้าซีดปากสั่น“พวกมันไปหรือยังไวท์”“พวกมันไปแล้ว” ผมบอกปายน้ำเสียงรำคาญ ก่อนปล่อยปายออกจากอ้อมกอด “ทีแบบนี้ทำกลัว แล้วเดินหนีออกมาทำไม”“ขอโทษ....” ปายบอกเสียงอ่อน น้ำเสียงฟังรู้สึกผิด ผมส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะฉวยข้อมือปายให้เดินตามมา“จะ..จะพาฉันไปไหน”“ก็ไปส่งบ้านไง” ผมหยุดเดิน หันมามอง “หรือจะไปต่อคอนโดฯ เราก็ได้นะ”“ฝันไปเถอะ! ” ปายสวนขึ้นทันควัน มองผมตาคว่ำผมหัวเราะหึหึ ก่อนจะตั้งหน้าเดินต่อจุดมุ่งหมายคือลานจอดรถข้างผับEnd Talk.ฉันมองฝ่ามือที่ถูกคนตรงหน้าจับไว้แล้วมองแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้าก็ให้ความรู้สึกแปลก ๆ เพราะความอายผสมความโกรธที่ถูกปล้นจูบฉันจึงเดินหนีออกมาโดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของเขา สุดท้ายก็เจอดีจนเกือบโดนพวกขี้เมาหัวเกรียนฉ
ไวท์บดเบียดริมฝีปากฉันอย่างเอาแต่ใจ เขาใช้มือสอดท้ายทอยฉัน ประคองใบหน้าฉันให้แหงนเงยคอยรับสัมผัสจาบจ้วงที่เขาบรรจงป้อนให้ ฉันหูอื้อตาลาย ใจหวิว ๆ รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจตัวเอง มันเต้นรัวอย่างรุนแรง สองมือเคลื่อนไปวางทาบอกเขาอย่างไม่รู้ตัวพอรู้สึกตัวดันขย้ำเสื้อเขาแน่นอีก!“อื้อ! ...”ฉันส่งเสียงอู้อี้ประท้วง สองมือก็ทุบหน้าอกไวท์เป็นเชิงบอกให้ปล่อย แต่ดูเหมือนรสจูบกลับหนักหน่วงมากกว่าเดิม เขาบดขยี้ริมฝีปากฉันจนเห่อร้อน ก่อนที่ปลายลิ้นจะรุกรานเข้ามาด้านใน...นี่เป็นครั้งที่สองที่ไวท์จูบฉัน แต่มันไม่ชินเข้าใจไหมละ...ลิ้น ของผู้ชาย มันเข้ามาในปากฉัน ฉันนึกอย่างตื่นกลัวให้ตายเถอะ เกิดมาเพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้ ฉันไม่เคยจูบกับใครนะเว้ย!ฉันตัวแข็งทื่อรู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่าง เผยอปากปล่อยให้เขาแทรกเรียวลิ้นเข้ามา ไวท์ดูดดื่ม กลืนกินทุกอย่างที่เป็นฉัน ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันที่เผลอตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสแปลกใหม่ ก็ปล่อยให้ไวท์นำทาง เขาส่งลิ้นมาพัวพันเกี่ยวกระหวัดอย่างหยอกล้อจนฉันอยากลิ้มลอง สุดท้ายก็ตอบสนองกลับดูดดื่มกลืนกินเขาอย่างเงอะงะเหมือนคนไม่มีประสบการณ์ เสียงเราจูบกันดังอึกอ
ฉันมองไปตามเสียงเรียกก็เห็นไวท์กับเพื่อนเขาที่ชื่อยักษ์หรือนายหน้าหม้อ ด้านหลังมีผู้ชายอีกสามคนที่ฉันจำชื่อไม่ได้เดินตามมา วันนี้ไวท์แต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ยี่ห้อหรู ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ของแพงเหมือนคืนที่ฉันเจอเขา เจนหันไปสั่งเครื่องดื่ม มิวโบกมือทักทายกลุ่มไวท์อย่างร่าเริง ทุกคนส่งเสียงเฮฮา คงมีแต่ฉันที่นั่งเงียบ ๆ ยิ้มรับเมื่อมีใครเอ่ยทักทายเพื่อนผู้หญิงที่เจนชวนมาก็พากันมาครบ เจนเอ่ยแนะนำตัวให้รู้จักสองสาวที่แต่งตัวเซ็กซี่เปิดหน้าเว้าหลังชื่อ เปิ้ล กับ เมย์ พอคนมาครบก็นั่งประจำที่กัน สรุปมีผู้หญิงห้าคน ผู้ชายห้าคน โต๊ะวีไอพีจึงดูแน่น เต็มพอดิบพอดี เสียงเพลงที่ทางร้านเปิดเริ่มดังขึ้น หลายคนเริ่มโยกไปตามสียงเพลง เจนยกมือเฮฮาสนุกสนาน บอกว่ากินได้ไม่อั้นเธอเลี้ยงเต็มที่ เสียงชนแก้วจึงดังขึ้นกระหึ่ม พอเหล้าเข้าปาก หลายคนเริ่มอยู่ไม่สุข พากันพูดคุยกันสนุกสนาน บรรยากาศดูสนิทสนมกันมากขึ้นจะว่าซวยหรือยังไงที่พอฉันเงยหน้าขึ้นกำลังจะยกแก้วขึ้นชนกับเพื่อน ๆ พอเป็นพิธีก็เห็นใบหน้าหล่อเหลา ขาวกระจ่างใสภายใต้แสงไฟอยู่ด้านตรงข้าม โซฟาที่เรานั่งเป็นแบบยาว ผู้หญิงนั่งอีกฝั่ง ผู้ชายอีกฝ
ในร้านคนเริ่มพลุกพล่าน มีทั้งนักศึกษากลุ่มใหญ่ และคู่รัก หลังสี่ทุ่มคนก็คงจะเยอะกว่านี้อีก ฉันคิดขณะเดินไป เห็นเจนกับเพื่อนในคณะอีกคนที่ชื่อมิวมายืนรอฉันก่อนแล้ว ทั้งสองแต่งตัวสวยเซ็กซี่สไตล์วัยรุ่น ฉันล้วงของขวัญกล่องเล็ก ๆ ผูกโบว์น่ารักในกระเป๋าถือส่งให้เจน“อ่ะ สุขสันต์วันเกิด”“ขอบใจนะปาย ป่ะ ๆ เข้าไปข้างในกันเจนจองโต๊ะไว้แล้ว” เจนทำท่าชี้ไม้ชี้มือไปด้านในที่เป็นโซนวีไอพีเจนถือโอกาสดึงแขนฉันอย่างสนิทสนม ฉันเลิกคิ้วแปลกใจแต่ก็ยอมให้เจนลากเข้าไปข้างใน เดินไปจนถึงมุมหนึ่งของร้าน เป็นโซนวีไอพีมีกระจกใสกั้นไว้เป็นห้อง ๆ ที่นั่งส่วนตัวและกว้างขวาง ฉันมองรอบข้าง ในโซนนี้มีแค่ ฉัน เจนและเพื่อนอีกคนที่ชื่อมิวฉันก็ไม่ได้ถามว่าเจนชวนใครมาบ้าง แต่ถ้าถึงขนาดจองที่นั่งในโซนวีไอพีแบบนี้สงสัยแขกคงจะเยอะไม่น้อยนั่งสักชั่วโมงแล้วเผ่นดีกว่า ฉันไม่ชอบสุงสิงกับคนแปลกหน้าเท่าไร ยิ่งคนเยอะยิ่งไม่ชอบ“ไม่เคยเห็นปายแต่งตัวแบบนี้ ดูสวยเซ็กซี่ดีนะ” จู่ ๆ มิวก็เอ่ยขึ้น ฉันก้มมองตัวเองนิดหน่อย วันนี้ฉันใส่เดรสเปิดไหล่สีดำยาวเสมอเข่า ชุดนี้ฉันเลือกใส่เพราะดูเรียบ ๆ ไม่โป๊มาก ใบหน้าก็แต่งเติมบาง ๆ เอาให้ไม่น่
เช้าวันต่อมาฉันยกมือทักทายเพื่อนร่วมชั้นเรียนสองสามคนที่เดินผ่าน แล้วกวาดตามองหาที่นั่งที่ยังว่าง จากนั้นก็นั่งลงรออาจารย์เข้าสอน นักศึกษาทยอยเข้าห้องมาเรื่อย ๆ หนึ่งในนั้นมีไวท์และกลุ่มเพื่อนของเขาเดินเข้ามา ส่งเสียงเอะอะโวยวาย พูดคุยกันเสียงดัง ขณะเดินผ่านจุดที่ฉันนั่ง ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มก็หยุดเดินแล้วหันมาทักทายฉัน“สวัสดีจ้ะปาย วันนี้ยังน่ารักเหมือนเดิมนะจ๊ะ”ฉันเงยหน้าขึ้นยิ้มอ่อนใส่ อีตานี่ชีกอกับมนุษย์ทุกคนที่เป็นผู้หญิง ฉันจำชื่อเขาไม่ได้แต่มักเรียกในใจว่านายหม้อ เพราะมันหม้อไปทั่วห้องจนหูดำหมด ขณะที่ฉันกำลังเอ่ยปากตอกกลับก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูดขึ้น“น่ารักตายละ ตาก็โปน เตี้ยก็เตี้ย”ตาโปนบ้านมันสิ!ฉันกำหมัดไว้ใต้โต๊ะ พยายามไม่สนใจเสียงสัมภเวสี ภาวนาให้ผู้ชายกลุ่มนี้รีบ ๆ เดินผ่านไปสักที หรืออาจารย์รีบเข้าห้องมาสอนเร็ว ๆ“ว่าไปไอ้ไวท์ เขาเรียกตากลมโตเว้ย” ฉันได้ยินอีตาหม้อสวนกลับ “น่ารักจะตายตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ ปากนิดจมูกหน่อย ตาโตเหมือนตุ๊กตา น่าทะนุถนอมสุด ๆ”“หึ ชอบแบบนี้เหรอไอ้ยักษ์ ระวังเถอะ ภาพที่เห็นมันจะหลอกตา”“เออ กูชอบ นี่ก็จีบตั้งนานละไม่ติดสักที คนน่ารักใจแข็งว่ะ”
White:Talksผมเดินออกจากห้องน้ำมือข้างหนึ่งคลึงจมูกไว้ ความเจ็บยังไม่จางหายแต่ดีหน่อยที่พอเข้าไปล้างหน้าล้างตาเลือดกำเดามันหยุดไหล นึกถึงใครบางคนแล้วอยากบีบคอ..แค่แกล้งนิดแกล้งหน่อยถึงกับใช้ศอกถองจมูกผมจนเลือดกำเดาออก นี่ถ้าจมูกผมไปทำมาคงต้องบินไปแก้ที่เกาหลี โชคดีที่จมูกของผมมันของแท้แม่ให้มา“เป็นยังไงบ้างคะพี่ไวท์” โมโมที่ยืนรออยู่โผมาหาผมด้วยความเป็นห่วง มือนุ่มนิ่มจับจมูกผมแผ่วเบา “ไปหาหมอดีไหมคะ ดูสิแดงเถือกเลย”เพราะผมผิวขาวพอโดนอะไรนิดหน่อยมันก็แดง โมโมทำหน้าตกใจขนาดนี้จมูกผมมันคงแดงมากเพราะตอนนี้ผมยังเจ็บอยู่ พอเจ็บมันก็เซ็งหมดอารมณ์เที่ยวต่อ“พี่ไม่เป็นไรครับ แต่ไปหาหมอสักหน่อยคงจะดี งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ”“อ้าว ให้โมโมไปด้วยสิคะ โมโมเป็นห่วง” สาวน้อยตรงหน้าทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ้อนวอน ผมในตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะเอ็นดู เริ่มรำคาญ โมโมเป็นผู้หญิงต่างคณะที่เข้ามาจีบผม เธออยู่ปีหนึ่ง ผมซึ่งกำลังเบื่อ ๆ เลยยอมรับคำชวนมาดูหนัง หน้าตาเธอก็น่ารักดีหรอก ดูใสใส แต่พอพูดคุย ได้รู้จักแล้วน่ารำคาญเป็นบ้าผมไม่ได้ต้องการลูกนะ ให้โอ๋ตลอดก็ไม่ไหว อะไรนิดหน่อยก็กลัว ให้ปลอบทั้งวันน่ะเลิกฝันไปเล
นี่ ๆ ใช้กันนักใช่ไหม พ่อเหรอก็ไม่ใช่ สนิทเหรอก็ไม่ เห็นเป็นคนใช้หรือไงวะ!ฉันบ่นพลางใช้มีดหั่นผักอย่างใส่อารมณ์ คิดแล้วก็หงุดหงิดหัวเสีย ทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากคนบ้าอย่างนายไวท์ นะ!ปายนะปาย แกไม่น่าปากหมาเลย แล้วเป็นไง ไอ้หมาบ้ามันดันกัดไม่เลือก เราอุตส่าห์ปลอบใจด้วยความหวังดี สุดท้ายเป็นไงล่ะ ฉันด่าตัวเองในใจ มันน่าโมโห โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้มันโคตรหงุดหงิดซวย ซวยโครต!“เสร็จยัง หิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว”เสียงไวท์โอดครวญมาจากข้างนอก ฉันได้แต่เข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองมาม่าที่ต้มไว้เดือดปุด ๆ เหมือนอารมณ์ของฉันในตอนนี้ มันเดือดจนจะระเบิดแล้วพอมาม่าได้ที่หลังจากใส่ผักใส่ไข่ไป ฉันปิดแก๊สแล้วเทมาม่าใส่ชาม ยกไปให้ไอ้คุณชายที่รออยู่ เดินไปในใจสาปแช่งขอให้มันสำลักเส้นมาม่าตาย ๆ ไปเลย!ห้างสรรพสินค้า Sหลังจากสอบเสร็จฉันจึงนัดไมค์มาเดินห้าง กินข้าวดูหนังหลังจากเครียดกับการสอบมาหลายวัน ฉันไม่ใช่คนเรียนเก่ง ขอแค่ให้เกรดได้ C ขึ้นไปแม่ฉันก็น้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้มใจแล้วเรานัดเจอกันที่หน้าโรงหนังช่วงบ่าย ฉันอยากดูหนังแนวอวกาศแก้เครียดสักเรื่อง ยืนกอดถังพอปคอร์นรอสักพักก็เห็นผู้ชายหน้าออกไปทางจีน รู
ไวท์ปล่อยฉันจนหล่นลงตุ๊บ ฉันรีบพยุงตัวเองขึ้นแล้วกระโดดห่างจากเขาอันตรายไปแล้ว การอยู่กับผู้ชายสองต่อสองมันอันตรายสุด ๆ หลังจากนี้อย่าหวังว่าอีตานี่จะได้เหยียบย่างเข้ามาบ้านฉันอีก“ยายบ้า! จะกรี๊ดทำไมวะ แก้วหูแทบแตก”ไวท์สบถก่อนทำท่าแคะหูหน้าตายับย่น ไม่สบอารมณ์“เออ! ถ้ามันทำให้นายหูแตกฉันก็จะกรี๊ดอีก กล้าดียังไงมาลวนลามฉันน่ะ ฮะ! ”ฉันชี้หน้าด่าเขาอย่างโมโห เข้ามาบ้านคนอื่นแล้วลวนลาม นี่มันโจรปล้นสวาทชัด ๆไวท์เห็นท่าทางของฉันก็หัวเราะเสียงดัง“สะดีดสะดิ้งทำเหมือนไม่เคย ทำให้ใครดู”“หน็อย มาหัวเราะ ไม่ตลก ไอ้บ้า กล้าลวนลามฉันอยากโดนดีใช่ไหม! ” ฉันตวาดพร้อมตั้งท่าเขวี้ยงรีโมทที่อยู่ในมือไวท์เห็นท่าทางเอาจริงของฉัน เขายกมือห้ามก่อนขู่เสียงเข้ม“หยุด! ถ้าขืนเขวี้ยงมาพ่อจับปล้ำตรงโซฟานี้จริง ๆ ด้วย”ฉันชะงัก สรรเสริญบรรพบุรุษเก้าชั่วโคตรไอ้ตัวชอบขู่ในใจ สุดท้ายก็ยอมวางมือลงเพราะดูจากหุ่นยักษ์สูงกว่าอีเตี้ยอย่างฉันหลายสิบเซน เกิดมันทำจริงฉันคงวิ่งหนีไม่ทัน“ตกลงมาที่นี่กะมาหาเรื่องหรือยังไง”“เปล่าไม่ได้มาหาเรื่อง ก็วันนี้ว่างจะพาไปเที่ยว” “ไม่ไป” ฉันตอบทันควัน “หมดธุระแล้วเชิญ”“ไล่ง
วินาทีที่ฉันสะดุดแต่คว้าราวจับไว้ได้ สองหนุ่มที่นั่งจ้องตากันเงียบ ๆ ก็หันมามอง พี่ไวน์รีบวิ่งมาดูฉันพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง ส่วนไวท์นั่งมองฉันเงียบ ๆอีตานี่มาโผล่บ้านฉันได้ยังไงนะ! พี่ไวน์เห็นฉันจ้องมองไวท์จึงเอ่ยขึ้น“อ๋อ จริงสิน้องปาย เพื่อนน้องปายมารออยู่หน้าบ้านพี่เห็นพอดีเลยชวนมานั่งรอ เห็นบอกว่าลืมของ”ของอะไร? ฉันคิดอย่างงุนงง มองไวท์ที่นั่งเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรฉันจึงตอบพี่ไวน์“ค่ะ ใช่ ๆ เพื่อนปายคงลืมไว้ตอนมาทำรายงาน” ฉันถือโอกาสแนะนำไวท์ให้พี่ไวน์รู้จัก ขืนไม่บอกอะไรประเดี๋ยวพี่ไวน์เล่าให้พี่เชนฟังว่ามีผู้ชายเข้าบ้านฉันโดนเทศนาแน่ ๆ “พี่ไวน์คะ คนนี้ไวท์เพื่อนปาย เรียนวิศวะฯ ด้วยกันค่ะ”“สวัสดีครับ” พี่ไวน์ยิ้มสุภาพทักทาย ส่วนอีกคนนะเหรอยังนั่งทำหน้าตาย กวนโอ๊ยอยู่นั้น“ครับ หวัดดี” ไวท์เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ยกมือพอเป็นพิธีแถมยังนั่งไขว้ห้างกระดิกนิ้วเท้าอย่างสบายอารมณ์ไอ้บ้าไวท์! แกจะมากวนตีนแถวนี้ไม่ได้ ฉันนึกอย่างโมโห แอบถลึงตามอง ไวท์หันมาสบตาพอดี เขาลุกขึ้นแล้วเดินมาบอกฉัน“ไป พาไปหาของหน่อย จำไม่ได้อยู่ที่ไหน”เอ้า! แล้วฉันจะรู้ไหมของที่ว่า ขนาดเจ้าของมันยังหาไม