“ตอบผมมาก่อน”
“ปล่อยมือก่อน”
อีกฝ่ายต่อรองมาอย่างไม่ยอมเหมือนกัน หลังจากชั่งใจดูแล้วมั่นใจว่าพนิดาคงหนีเขาไม่ได้ภาสกรจึงยอมปล่อยมือ
“ตอบสิครับ”
“เธอจะให้ตอบอะไร”
ดวงตาคู่สวยมองเขาด้วยแววของความลำบากใจ
“เลิกเซ้าซี้ เลิกแกล้งกันได้แล้ว”
หญิงสาวหลบตาตัดบทอีกครั้ง ไม่อยากผิดใจกับชายหนุ่ม อย่างน้อยเธอก็ชื่นชมในความสามารถและความรับผิดชอบในการทำงานของเขาถึงได้สนับสนุน อีกฝ่ายเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ดูได้จากการที่เจอเธอในที่เที่ยวกลางคืนเขาก็อาสาไปส่งเธอถึงบ้านทั้งสองครั้ง เธอไม่เห็นเหตุผลที่ต้องขุ่นเคืองใจกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ทว่าแทนที่อีกฝ่ายจะฟังเขากลับโน้มร่างสูงกำยำลงหา มือหนาข้างหนึ่งจับพนักเบาะด้านบน อีกข้างวางลงที่เบาะใกล้สะโพกเธอ ทำเอาพนิดาต้องเอนหนีจนสุดตัว
“เธอจะทำอะไร”
“ทำให้คุณวุ้นรู้ว่าผมไม่ได้แกล้ง”
ใบหน้าคนตอบเลื่อนลงมาจนใกล้ เพราะกลัวขึ้นมามือบางจึงยกขึ้นผลักอกหนาห้ามไว้เบาๆ
“ทำไมอยู่ๆ ก็คิดเรื่องแผลงๆ ขึ้นมา”
“จะจีบสาว ไม่เห็นแผลงตรงไหน”
“แล้วทำไมต้องเป็นพี่”
หญิงสาวยังใจเย็นถามไถ่หาเหตุผล ทว่าคนตอบกลับรู้สึกสนุกที่ได้โต้คำกับอีกฝ่าย ไม่นึกรำคาญ หากเป็นสาวอื่นเซ้าซี้เขาคงตัดบทไปแล้ว แต่ยิ่งพนิดาทำตัวเป็นผู้ใหญ่กับเขาเท่าไร เขาก็ยิ่งอยากแกะเปลือกที่ปกคลุมเธอเอาไว้ออก
“บอกไปแล้วว่าคุณวุ้นน่ารักถูกใจ ผมอยากลองคบด้วย”
“แต่มัน...”
“ผมไม่ใช่ลูกน้องคุณแล้ว แล้วถ้าจะพูดถึงอายุ มันไม่สำคัญเลย คนเราชอบพอกันถ้ามัวยึดติดกับเรื่องนี้ คนคงโสดกันครึ่งค่อนโลก”
เขาพูดขึ้นมาก่อนราวกับรู้ทันความคิดเธอ ทำให้พนิดาต้องเงียบไป
“เพื่อนคุณยังมีเด็กเลย คุณไม่อยากมีใครสักคนเหรอครับ”
ภาสกรถามต่อ มือข้างหนึ่งยกขึ้นไล้ปลายนิ้วข้างแก้มเธอ คนถูกแตะตัวสะดุ้งเล็กน้อย ทว่าใจกลับเต้นระรัว ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนแตะตัวเธอนอกจากคนในครอบครัว พนิดาค่อนข้างโลกส่วนตัวสูง เก็บตัว เธออยู่แต่กับโลกของการอ่านตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น แม้เวลากลางวันในโรงเรียนก็ยังหยิบนิยายออกมาอ่านท่ามกลางวงล้อมของเพื่อนๆ ทำให้ไม่ค่อยมีใครเข้าถึงได้ และเธอก็ไม่เคยสะดุดตาสะดุดใจใคร อาจเพราะโลกของตัวหนังสือเต็มไปด้วยหนุ่มหล่อเพอร์เฟกต์ ทว่าพนิดาไม่เห็นคนเหล่านั้นในโลกแห่งความเป็นจริง เธอจึงค่อนข้างเฉยขากับเพศตรงข้าม
เหนืออื่นใดบิดาของเธอรักและหวงเธอมาก พนิดาไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวตามประสาวัยรุ่นนัก แม้แต่ในวันหยุด พ่อยอมให้เพื่อนมาหาที่บ้านแต่ไม่ยอมให้เธอออกไปกับเพื่อน เธอจะได้ไปเที่ยวก็ต่อเมื่อไปกับพี่ชายหรือน้องชาย ซึ่งหญิงสาวไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะติดการอ่านนิยายมากกว่า
“เธอ...อยากเป็นเด็กพี่เหรอ”
เสียงหวานถามแผ่วเบา
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพร้อมหัวเราะในลำคอ เขาไม่เห็นความไม่พอใจในดวงตาคู่สวย หญิงสาวดูสับสนไม่แน่ใจมากกว่า
“จะเรียกอย่างนั้นก็ได้ แต่...”
ปลายนิ้วแกร่งเลื่อนมาแตะบนริมฝีปากอิ่มน่าจูบ รู้สึกถึงกระแสวาบหวามแล่นมายังหัวใจ ไม่น่าเชื่อว่าตนจะตื่นเต้นวูบวาบ เพียงแค่มองนิ้วตัวเองบนปากหญิงสาว เขาเหลือบขึ้นสบตาคู่สวยก็เห็นแววตระหนกในนั้น
“อยากเป็นตัวจริงมากกว่า”
เสียงทุ้มชวนใจสั่นกับปลายนิ้วกระด้างที่กดลงบนปากเธอเบาๆ ทำให้พนิดาขนลุก รู้สึกว่าตัวเองถึงกับกลั้นหายใจแถมยังคอแห้งจนต้องกลืนน้ำลาย
“เอาเป็นว่าผมเข้าใจ ว่าคุณวุ้นยังไม่ทันตั้งตัว ไม่ต้องคิดมากครับ ผมจะจีบ เพราะฉะนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง”
ขณะที่พนิดามัวอึ้งอยู่อีกฝ่ายก็สรุป เธอไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับตัวเองและผู้ชายตรงหน้า เธอควรปฏิเสธเขาด้วยคำไหน?
“เดี๋ยวสิ พี่ยังไม่ได้ตกลง”
คนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจท้วงขึ้น ชายหนุ่มไม่ได้วางนิ้วบนปากเธออีกแล้ว เขากำลังยืดตัวขึ้น แต่พอเธอแย้งก็ขยับกลับมาใกล้อีก คราวนี้ใบหน้าขาวคมอยู่ในระยะประชิดยิ่งกว่าเดิม
“คุณวุ้นจะปฏิเสธผมเหรอครับ ไม่สงสารผมเหรอ”
ภาสกรถามเสียงเศร้าสีหน้าไม่ดีเท่าไร
“ตอนนี้ผมกำลังเคว้งนะครับ ต้องทำงานที่ใหม่ จะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ ถึงจะดูมีอนาคต แต่ผมอยากอยู่กับทุกคนเหมือนเดิมมากกว่า ในเมื่อผมยินดีย้ายบริษัทอย่างไม่มีปัญหา คุณวุ้นก็น่าจะใจดีกับผมบ้างสิครับ”
พนิดารู้สึกผิดกับเรื่องที่ภาสกรต้องออกอยู่ไม่น้อย เธอเข้าใจเขา แม้จะเพียงย้ายไปอีกที่ ทว่าทุกคนยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา มีเพียงเขาที่ถูกเลือกให้ออกไป หากมองในอีกมุมก็น่าน้อยใจจริงๆ
“ถือว่าเป็นการปลอบขวัญผมก็แล้วกันนะครับ”
“ปลอบ?”
เธอยังตามเขาไม่ทัน รู้ว่าอีกฝ่ายน้อยใจแต่จะให้ปลอบยังไง เขาเป็นผู้ชายตัวโตกว่าเธออีก จะให้ปลอบแบบเด็กๆ ก็คงไม่ได้
“ก็...รับเลี้ยงผม ให้ผมเป็นเด็กของคุณ”
ดวงตาคู่คมพราวระยับเมื่อเอ่ยประโยคนี้ และมันก็ทำให้เธอใจกระตุก
“สรุปเธออยากได้คนจ่ายตังค์? หรือว่า...”
“คนรัก”
ภาสกรต่อให้พร้อมใบหน้าขาวขยับมาชิด ปากได้รูปใกล้ปากอิ่ม สายตาเขาหลุบลงมองปากเธอ ใจสาวเต้นโครมคราม ได้แต่มองอีกฝ่ายนิ่งงัน ไม่กล้าขยับตัวเพราะเท่านี้จมูกอีกฝ่ายก็ชนจมูกเธอแล้ว ลมหายใจร้อนระอุด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์เจือจางลอยวนเวียนราวกับชายหนุ่มกำลังแลกเปลี่ยนกับเธอ ปากอุ่นแตะบนปากเธอเพียงบางเบาก่อนที่เขาจะชะงักแล้วถอยกลับไปยืดตัวยืนตรง
“วันนี้ผมไปส่งนะครับ”
เธอยังมัวอึ้งกับสัมผัสแผ่วพลิ้วน้อยนิดอยู่ จึงไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ขณะที่ชายหนุ่มจับต้นแขนเธอ
“เชิญครับ”
“อย่าดีกว่าจ๊ะ ซันอยู่ใกล้ๆ นี่เอง จะไปส่งพี่ทำไม”
ร่างบางยังไม่ยอมลุกจากเบาะตามที่เขาบอก
“คุณไม่ยอมลง ผมก็แค่อุ้ม ไม่ยาก คุณวุ้นตัวเล็กนิดเดียวเอง”
พร้อมคำพูดร่างสูงก็โน้มลงมาหาพนิดารีบยกมือห้ามทันที
“ไม่ต้องๆ ลงก็ได้”
สุดท้ายหญิงสาวก็จำต้องลงจากรถโดยมีคนตัวโตเดินประกบไปเปิดประตูด้านข้างคนขับให้
“แล้วรถซันล่ะ”
เธอถามขึ้นเมื่อชายหนุ่มขึ้นมานั่งในรถเรียบร้อย
“ฝากไว้ที่ร้านก่อนก็ได้ครับ”
“จะดีเหรอ”
“ทำไงได้ ผมอยากอยู่กับคุณวุ้นนานๆ นี่นา”
ตาคมที่มองมาทำให้เธออึดอัด ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่เป็นความรู้สึกหวาดหวั่น ใจสั่นจนผิดปกติ
===
เจออ้อนเข้าไป วุ้นไปไม่เป็นเลย
“ทำไงได้ ผมอยากอยู่กับคุณวุ้นนานๆ นี่นา”ตาคมที่มองมาทำให้เธออึดอัด ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่เป็นความรู้สึกหวาดหวั่น ใจสั่นจนผิดปกติอีกฝ่ายออกรถแล้ว ทว่าพนิดาไม่อยากให้เขาไปส่งไกลถึงบ้านเธอเลยจริงๆ หญิงสาวนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งถึงจุดที่คุ้นตาและมีทางเลี้ยวเธอก็บอกชายหนุ่ม“ซันเลี้ยวซ้ายซอยข้างหน้าจ้ะ”“ทำไมเข้าซอยล่ะครับ”“ไปคอนโดพี่”“ครับ?”เสียงทุ้มกึ่งอุทานกึ่งงุนงง ทว่าเขาก็เลี้ยวรถตามที่หญิงสาวบอก“คอนโดข้างหน้านี่แหละจ้ะ”พนิดาบอกเสียงเรียบก่อนจะหยิบมือถือในกระเป๋าออกมาโทรหาอนงค์นาง“อนงค์ วุ้นจะบอกที่บ้านว่าพักที่คอนโดกับอนงค์นะ”‘อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ ขับรถไม่ไหวเหรอ’“อืม ดื่มเยอะเหมือนกันก็เลยไม่อยากขับน่ะ”‘โธ่ งั้นน่าจะบอกแต่แรก จะได้อยู่ด้วย กลับวันเสาร์ตอนเช้าๆ ก็ยังได้ หนูนิดกับพ่อเขาตื่นสาย’“เพิ่งขี้เกียจตอนขับออกมาแล้วนี่แหละ ยังไงวุ้นก็พักคอนโดอยู่แล้ว ไม่ได้ไปไหนต่อ แค่ไม่อยากให้คุณพ่อห่วง เลยต้องอ้างชื่ออนงค์น่ะ”‘จ้า ถึงห้องแล้วบอกด้วยนะจ๊ะ’“จ้ะ”หลังจากวางสายพนิดาก็บอกทางขึ้นลานจอดรถกับภาสกรและให้ชายหนุ่มขับไปจอดในพื้นที่ของตนเองแล้วเอ่ยขึ้น“พี่ไม่อยากให้ซันต้องไป
เสียงอึกทึกจังหวะเร้าอารมณ์ชวนสนุกสนานดังกลบเสียงพูดคุยจนต้องขยับเข้าใกล้เพื่อเอ่ยชิดติดหู ทว่าคนถูกกระซิบกลับขมวดคิ้วมุ่น นึกหงุดหงิดที่คนข้างตัวเข้ามาเบียดตนมากจนเกินเหตุ“เป็นไงครับคุณพี่ ชอบไหมครับ”คนถูกถามยิ้มบางราวไม่ยินดียินร้าย หากสายตาก็กวาดมองไปทั่วด้วยความสนใจ มือบางยกแก้วพั้นช์ในมือจิบเป็นระยะ หลายคนโชว์สเต็ปเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม ถูกใจก็ดื่มด้วยกันแล้วไปต่อ ไม่ถูกใจก็มองหาคนใหม่“คุณพี่อยากดูอะไรอีกไหมครับ มีอีกหลายแบบครับ ที่เงียบกว่านี้ก็มี หรือจะเป็นแบบโจ๋งครึ่มกว่านี้?”อีกฝ่ายขยับเข้ามากระซิบถามอีกครั้งเธอส่ายหน้า ยังไม่แน่ใจว่าตนเองอยากเห็นแบบไหนอีก ในนี้เหมาะกับคนชอบเสียงดัง ชอบเต้นชอบเด่น ชอบความครึกครื้น แต่สำหรับเธอแล้วมันออกจะวุ่นวายชวนปวดหัวไปหน่อย หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ“ฉันกลับดีกว่า”“อ้าว จะกลับแล้วเหรอครับ มายังไม่ถึงชั่วโมงเลย หรือจะไปดูที่อื่นก็ได้นะครับ ผมพาไป”หญิงสาวเรียกบริกรเพื่อคิดเงินในขณะที่อีกฝ่ายเหมือนอยากอยู่ต่อ“ยังไม่รู้เลยว่าอยากดูแบบไหนเพิ่มหรือเปล่า ขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน ถ้าจะไปจะติดต่อไปอีกทีแล้วกันนะจ๊ะ ส่วนเธออยากอยู่ต่อก็ได้”พ
“แล้วนี่ซันเจ็บตัวหรือเปล่า เตะต่อยกับเขาเมื่อกี้น่ะ”พนิดาหันมองคนที่ขับรถอย่างสังเกต ไม่สบายหากใจอีกฝ่ายต้องมาเจ็บตัวเพราะตนเอง“ไม่หรอกครับ”“แต่เขาต่อยเธอกลับอยู่นะ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทำให้เธอขมวดคิ้ว“ไอ้หมอนั่นมันอ่อนกว่าผมเยอะ”หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้า“เอาเถอะ เจ็บไม่เจ็บเดี๋ยวไปที่ทำงานก็เห็น”เธอบอกออกไปอีกฝ่ายก็เพียงแค่หัวเราะในลำคอ วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ที่หลายคนมักจะเที่ยวผ่อนคลาย เธอไม่แปลกใจเท่าไรที่เห็นลูกน้องหนุ่ม แต่ก็ถือว่าโชคดีไม่น้อยที่บังเอิญเขามาที่เดียวกับเธอ แล้วเข้ามาช่วยเธอได้ทันต่างฝ่ายต่างเงียบไปครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ถาม“ว่าแต่ทำไมคุณมาเที่ยวคนเดียว มันอันตรายนะครับ”“เปล่า มากับหมอนั่นนั่นแหละ”“หืม? อย่าบอกนะครับว่าไอ้หื่นกามนั่น เด็กคุณ?”คำว่า ‘เด็ก’ ทำเอาคนได้ยินถึงกับสะอึก แม้ชายหนุ่มจะเข้าใจผิดไปหลายขุม ทว่าเธอก็ไม่โทษเขาหรอก เรื่องแบบนี้ก็เป็นไปได้ แถมเธอยังบอกเองว่ามากับผู้ชายคนนั้น“เด็กของเพื่อนน่ะ”“อะไรนะครับ แล้วคุณมากับเขาได้ยังไง ไว้ใจเขาได้ยังไง แล้วเพื่อนคุณล่ะ”ภาสกรเหลือบมามองเธอด้วยสีหน้างุนงงสุดขีด“มาทำงานน่ะ หาข้อมูลนิดหน่อย
ร่างบางขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกเล็กน้อย เพื่อให้คุยกันได้ยินขึ้นอีกหน่อย หากก็ทำให้เธอต้องเงยหน้ามองเขา“เกรงใจซันออก จะชวนได้ยังไง”“แล้วนี่คุณมากับใคร”“มากับเพื่อนน่ะ”“คนที่เลี้ยงเด็กน่ะเหรอ”“อืม”ชายหนุ่มส่ายหน้า คิ้วเข้มขมวด เขาดูหงุดหงิดจนพนิดาอดแปลกใจไม่ได้“เขาอาจจะเป็นเหมือนเด็กของเขา คุณไว้ใจได้ยังไง”“แหม รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว เขาออกจะเป็นสาวหวาน”เธอบอกพร้อมยิ้มบางให้อีกฝ่ายเลิกคิดมาก“จะกลับหรือยังครับ”ถามไปแล้วก็ยกนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง แล้วก็ยิ่งแปลกใจที่เห็นว่าเลยห้าทุ่มมาแล้ว“คุณไม่ต้องรีบกลับก่อนห้าทุ่มเหรอครับ”“คุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวฮ่องกง ฉันแอบหนีเที่ยวได้”พนิดายิ้มหวานขึ้นอีก ตาคู่งามพราวขึ้นราวเด็กขี้เล่น แต่คนมองกลับไม่ชอบใจกับท่าทางนั้น เธอก็ดูน่ารักเป็นมิตรกว่าเจ้านายที่วางสีหน้านิ่งในที่ทำงานอยู่หรอก แต่เขาคิดว่ามันอันตรายเกินไปหากเธอจะอยู่ดึกกว่านี้ในมุมมองของภาสกร หากเพื่อนของเธอคบเด็กแบบที่เหยียบเรือสองแคมได้ เขาก็อาจจะเป็นสไตล์เดียวกัน แม้จะเหมือนคิดมากไป เพื่อนเธออาจจะไม่เป็นแบบนั้น ทว่าคนตรงหน้าเขานี่ก็ดูโลกสวยเกินไปจนอดนึกเป็นห่วงไม่ได้“ผมว่าคุ
มือบางดันแว่นยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลรินอย่างรวดเร็ว เมื่อก้าวขาออกจากห้องประชุมอย่างไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าตนอ่อนแอ ดวงหน้าสวยงามเชิดขึ้นพร้อมสูดลมหายใจเข้า กะพริบตาถี่ไล่น้ำที่เอ่อขึ้นขังขอบตา เธอพยายามฝืนทนกลั้นไว้มานานแล้ว ไม่แปลกที่มันจะหยาดลงมาทันทีที่หันหลังให้ทุกคนขาสวยในกางเกงผ้ากับรองเท้าส้นสูงก้าวฉับๆ อย่างมั่นคง ราวไม่หวั่นไหวกับสิ่งใดทั้งที่ใจข้างในแหลกเหลวจนในอกอัดแน่นไปหมดคนของเธอ สำนักพิมพ์ของเธอ ถูกตัดทิ้งอย่างไม่ไยดีราวไม่มีคุณค่า เพราะไม่ได้ทำกำไรได้มากพออย่างที่ควรเป็น“ดึกแล้ววุ้นกลับกับพี่ไหม”เสียงเข้มของพศินดังขึ้นด้านหลังแผ่นหลังบางเกร็งในทันใด หากเท้าหยุดอยู่กับที่ นอกจากร่างสูงของพี่ชายเธอแล้วยังมีน้องชายด้วย สองหนุ่มก้าวขึ้นมาดักตรงหน้าเธอ มองด้วยสายตาเห็นใจ พนิดาแทบไม่อยากสบตากับพี่และน้องชายกลัวตัวเองจะร้องออกมาทำให้ทั้งสองคนลำบากใจ“ไม่เป็นไรค่ะ อนงค์กับอรรออยู่ คงอยากคุยด้วย”“ตีสามแล้วนะครับ ไว้คุยทีหลังไม่ดีกว่าเหรอ”พริษฐ์เอ่ยขึ้น“นั่นสิ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้วุ้นขับรถ”“วุ้นให้เพื่อนไปส่งก็ได้”“จะดีเหรอ พี่ว่า...”“พี่วีคะ...”เสียงสั่นของน้องสาวที่เอ
ร่างสูงกำยำเดินมาใกล้เธอด้วยท่าทางล้วงกระเป๋าสบายๆ ใบหน้าขาวคมระบายยิ้ม ทำให้รู้ว่าเขาเพียงแค่แซวเธอเท่านั้น“ดีใจต่างหาก”“ดีใจ?”คิ้วเข้มขมวดดูไม่ค่อยพอใจนักที่เธอตอบแบบนั้น“หมายถึง ดีใจที่พวกเราอยู่พร้อมหน้า รู้สึกตื้นตันน่ะ”“แต่ผมต้องออกนี่”คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวชะงัก หน้าเสียไปเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นใสจ้องเขาราวต้องการสำรวจว่ามีร่องรอยขุ่นใจหรือไม่“ซันไม่โอเคเหรอ นึกว่าเธอไม่มีปัญหาเสียอีก”น้ำเสียงหวานเศร้าลง แววตาที่เป็นประกายก่อนหน้านี้หม่นหมองทำให้ร่างสูงกำยำขยับเข้ามาใกล้อีกนิดก่อนบอก“ผมโอเคดีครับ คุณวุ้นไม่ต้องคิดมาก”พอเขาบอกไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิ้มหวาน คนเห็นใจกระตุก ไม่เคยเห็นเจ้าตัวยิ้มแบบนี้กับเขาสักครั้ง“โธ่ พี่ก็นึกว่าซันไม่ชอบหรือผิดใจอะไรกับวินเสียอีก ไปทำงานทางนั้นมีอนาคตนะ มีโอกาสก้าวหน้า ยิ่งเก่งอย่างซัน ทำงานกับวินไปสักพัก ผลงานดีวินก็จะได้สนับสนุนทั้งเรื่องเงินเดือน ทั้งตำแหน่ง อยู่ที่นี่ขยับขึ้นไม่ได้ ยกเว้นพริกลาออก แต่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พี่ชอบพริกมากคงไม่ให้เขาออกหรอก อีกอย่างก็ยังมีนิ้งกับโจ๊กที่เข้ามาก่อนซันด้วย”ภาสกรจ้องคนที่คิดเผื่อเขาอย่
“ทำไงได้ ผมอยากอยู่กับคุณวุ้นนานๆ นี่นา”ตาคมที่มองมาทำให้เธออึดอัด ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่เป็นความรู้สึกหวาดหวั่น ใจสั่นจนผิดปกติอีกฝ่ายออกรถแล้ว ทว่าพนิดาไม่อยากให้เขาไปส่งไกลถึงบ้านเธอเลยจริงๆ หญิงสาวนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งถึงจุดที่คุ้นตาและมีทางเลี้ยวเธอก็บอกชายหนุ่ม“ซันเลี้ยวซ้ายซอยข้างหน้าจ้ะ”“ทำไมเข้าซอยล่ะครับ”“ไปคอนโดพี่”“ครับ?”เสียงทุ้มกึ่งอุทานกึ่งงุนงง ทว่าเขาก็เลี้ยวรถตามที่หญิงสาวบอก“คอนโดข้างหน้านี่แหละจ้ะ”พนิดาบอกเสียงเรียบก่อนจะหยิบมือถือในกระเป๋าออกมาโทรหาอนงค์นาง“อนงค์ วุ้นจะบอกที่บ้านว่าพักที่คอนโดกับอนงค์นะ”‘อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ ขับรถไม่ไหวเหรอ’“อืม ดื่มเยอะเหมือนกันก็เลยไม่อยากขับน่ะ”‘โธ่ งั้นน่าจะบอกแต่แรก จะได้อยู่ด้วย กลับวันเสาร์ตอนเช้าๆ ก็ยังได้ หนูนิดกับพ่อเขาตื่นสาย’“เพิ่งขี้เกียจตอนขับออกมาแล้วนี่แหละ ยังไงวุ้นก็พักคอนโดอยู่แล้ว ไม่ได้ไปไหนต่อ แค่ไม่อยากให้คุณพ่อห่วง เลยต้องอ้างชื่ออนงค์น่ะ”‘จ้า ถึงห้องแล้วบอกด้วยนะจ๊ะ’“จ้ะ”หลังจากวางสายพนิดาก็บอกทางขึ้นลานจอดรถกับภาสกรและให้ชายหนุ่มขับไปจอดในพื้นที่ของตนเองแล้วเอ่ยขึ้น“พี่ไม่อยากให้ซันต้องไป
“ตอบผมมาก่อน”“ปล่อยมือก่อน”อีกฝ่ายต่อรองมาอย่างไม่ยอมเหมือนกัน หลังจากชั่งใจดูแล้วมั่นใจว่าพนิดาคงหนีเขาไม่ได้ภาสกรจึงยอมปล่อยมือ“ตอบสิครับ”“เธอจะให้ตอบอะไร”ดวงตาคู่สวยมองเขาด้วยแววของความลำบากใจ“เลิกเซ้าซี้ เลิกแกล้งกันได้แล้ว”หญิงสาวหลบตาตัดบทอีกครั้ง ไม่อยากผิดใจกับชายหนุ่ม อย่างน้อยเธอก็ชื่นชมในความสามารถและความรับผิดชอบในการทำงานของเขาถึงได้สนับสนุน อีกฝ่ายเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ดูได้จากการที่เจอเธอในที่เที่ยวกลางคืนเขาก็อาสาไปส่งเธอถึงบ้านทั้งสองครั้ง เธอไม่เห็นเหตุผลที่ต้องขุ่นเคืองใจกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องทว่าแทนที่อีกฝ่ายจะฟังเขากลับโน้มร่างสูงกำยำลงหา มือหนาข้างหนึ่งจับพนักเบาะด้านบน อีกข้างวางลงที่เบาะใกล้สะโพกเธอ ทำเอาพนิดาต้องเอนหนีจนสุดตัว“เธอจะทำอะไร”“ทำให้คุณวุ้นรู้ว่าผมไม่ได้แกล้ง”ใบหน้าคนตอบเลื่อนลงมาจนใกล้ เพราะกลัวขึ้นมามือบางจึงยกขึ้นผลักอกหนาห้ามไว้เบาๆ“ทำไมอยู่ๆ ก็คิดเรื่องแผลงๆ ขึ้นมา”“จะจีบสาว ไม่เห็นแผลงตรงไหน”“แล้วทำไมต้องเป็นพี่”หญิงสาวยังใจเย็นถามไถ่หาเหตุผล ทว่าคนตอบกลับรู้สึกสนุกที่ได้โต้คำกับอีกฝ่าย ไม่นึกรำคาญ หากเป็นสาวอื่นเซ้าซี้เขาคง
ร่างสูงกำยำเดินมาใกล้เธอด้วยท่าทางล้วงกระเป๋าสบายๆ ใบหน้าขาวคมระบายยิ้ม ทำให้รู้ว่าเขาเพียงแค่แซวเธอเท่านั้น“ดีใจต่างหาก”“ดีใจ?”คิ้วเข้มขมวดดูไม่ค่อยพอใจนักที่เธอตอบแบบนั้น“หมายถึง ดีใจที่พวกเราอยู่พร้อมหน้า รู้สึกตื้นตันน่ะ”“แต่ผมต้องออกนี่”คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวชะงัก หน้าเสียไปเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นใสจ้องเขาราวต้องการสำรวจว่ามีร่องรอยขุ่นใจหรือไม่“ซันไม่โอเคเหรอ นึกว่าเธอไม่มีปัญหาเสียอีก”น้ำเสียงหวานเศร้าลง แววตาที่เป็นประกายก่อนหน้านี้หม่นหมองทำให้ร่างสูงกำยำขยับเข้ามาใกล้อีกนิดก่อนบอก“ผมโอเคดีครับ คุณวุ้นไม่ต้องคิดมาก”พอเขาบอกไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิ้มหวาน คนเห็นใจกระตุก ไม่เคยเห็นเจ้าตัวยิ้มแบบนี้กับเขาสักครั้ง“โธ่ พี่ก็นึกว่าซันไม่ชอบหรือผิดใจอะไรกับวินเสียอีก ไปทำงานทางนั้นมีอนาคตนะ มีโอกาสก้าวหน้า ยิ่งเก่งอย่างซัน ทำงานกับวินไปสักพัก ผลงานดีวินก็จะได้สนับสนุนทั้งเรื่องเงินเดือน ทั้งตำแหน่ง อยู่ที่นี่ขยับขึ้นไม่ได้ ยกเว้นพริกลาออก แต่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พี่ชอบพริกมากคงไม่ให้เขาออกหรอก อีกอย่างก็ยังมีนิ้งกับโจ๊กที่เข้ามาก่อนซันด้วย”ภาสกรจ้องคนที่คิดเผื่อเขาอย่
มือบางดันแว่นยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลรินอย่างรวดเร็ว เมื่อก้าวขาออกจากห้องประชุมอย่างไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าตนอ่อนแอ ดวงหน้าสวยงามเชิดขึ้นพร้อมสูดลมหายใจเข้า กะพริบตาถี่ไล่น้ำที่เอ่อขึ้นขังขอบตา เธอพยายามฝืนทนกลั้นไว้มานานแล้ว ไม่แปลกที่มันจะหยาดลงมาทันทีที่หันหลังให้ทุกคนขาสวยในกางเกงผ้ากับรองเท้าส้นสูงก้าวฉับๆ อย่างมั่นคง ราวไม่หวั่นไหวกับสิ่งใดทั้งที่ใจข้างในแหลกเหลวจนในอกอัดแน่นไปหมดคนของเธอ สำนักพิมพ์ของเธอ ถูกตัดทิ้งอย่างไม่ไยดีราวไม่มีคุณค่า เพราะไม่ได้ทำกำไรได้มากพออย่างที่ควรเป็น“ดึกแล้ววุ้นกลับกับพี่ไหม”เสียงเข้มของพศินดังขึ้นด้านหลังแผ่นหลังบางเกร็งในทันใด หากเท้าหยุดอยู่กับที่ นอกจากร่างสูงของพี่ชายเธอแล้วยังมีน้องชายด้วย สองหนุ่มก้าวขึ้นมาดักตรงหน้าเธอ มองด้วยสายตาเห็นใจ พนิดาแทบไม่อยากสบตากับพี่และน้องชายกลัวตัวเองจะร้องออกมาทำให้ทั้งสองคนลำบากใจ“ไม่เป็นไรค่ะ อนงค์กับอรรออยู่ คงอยากคุยด้วย”“ตีสามแล้วนะครับ ไว้คุยทีหลังไม่ดีกว่าเหรอ”พริษฐ์เอ่ยขึ้น“นั่นสิ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้วุ้นขับรถ”“วุ้นให้เพื่อนไปส่งก็ได้”“จะดีเหรอ พี่ว่า...”“พี่วีคะ...”เสียงสั่นของน้องสาวที่เอ
ร่างบางขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกเล็กน้อย เพื่อให้คุยกันได้ยินขึ้นอีกหน่อย หากก็ทำให้เธอต้องเงยหน้ามองเขา“เกรงใจซันออก จะชวนได้ยังไง”“แล้วนี่คุณมากับใคร”“มากับเพื่อนน่ะ”“คนที่เลี้ยงเด็กน่ะเหรอ”“อืม”ชายหนุ่มส่ายหน้า คิ้วเข้มขมวด เขาดูหงุดหงิดจนพนิดาอดแปลกใจไม่ได้“เขาอาจจะเป็นเหมือนเด็กของเขา คุณไว้ใจได้ยังไง”“แหม รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว เขาออกจะเป็นสาวหวาน”เธอบอกพร้อมยิ้มบางให้อีกฝ่ายเลิกคิดมาก“จะกลับหรือยังครับ”ถามไปแล้วก็ยกนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง แล้วก็ยิ่งแปลกใจที่เห็นว่าเลยห้าทุ่มมาแล้ว“คุณไม่ต้องรีบกลับก่อนห้าทุ่มเหรอครับ”“คุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวฮ่องกง ฉันแอบหนีเที่ยวได้”พนิดายิ้มหวานขึ้นอีก ตาคู่งามพราวขึ้นราวเด็กขี้เล่น แต่คนมองกลับไม่ชอบใจกับท่าทางนั้น เธอก็ดูน่ารักเป็นมิตรกว่าเจ้านายที่วางสีหน้านิ่งในที่ทำงานอยู่หรอก แต่เขาคิดว่ามันอันตรายเกินไปหากเธอจะอยู่ดึกกว่านี้ในมุมมองของภาสกร หากเพื่อนของเธอคบเด็กแบบที่เหยียบเรือสองแคมได้ เขาก็อาจจะเป็นสไตล์เดียวกัน แม้จะเหมือนคิดมากไป เพื่อนเธออาจจะไม่เป็นแบบนั้น ทว่าคนตรงหน้าเขานี่ก็ดูโลกสวยเกินไปจนอดนึกเป็นห่วงไม่ได้“ผมว่าคุ
“แล้วนี่ซันเจ็บตัวหรือเปล่า เตะต่อยกับเขาเมื่อกี้น่ะ”พนิดาหันมองคนที่ขับรถอย่างสังเกต ไม่สบายหากใจอีกฝ่ายต้องมาเจ็บตัวเพราะตนเอง“ไม่หรอกครับ”“แต่เขาต่อยเธอกลับอยู่นะ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทำให้เธอขมวดคิ้ว“ไอ้หมอนั่นมันอ่อนกว่าผมเยอะ”หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้า“เอาเถอะ เจ็บไม่เจ็บเดี๋ยวไปที่ทำงานก็เห็น”เธอบอกออกไปอีกฝ่ายก็เพียงแค่หัวเราะในลำคอ วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ที่หลายคนมักจะเที่ยวผ่อนคลาย เธอไม่แปลกใจเท่าไรที่เห็นลูกน้องหนุ่ม แต่ก็ถือว่าโชคดีไม่น้อยที่บังเอิญเขามาที่เดียวกับเธอ แล้วเข้ามาช่วยเธอได้ทันต่างฝ่ายต่างเงียบไปครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ถาม“ว่าแต่ทำไมคุณมาเที่ยวคนเดียว มันอันตรายนะครับ”“เปล่า มากับหมอนั่นนั่นแหละ”“หืม? อย่าบอกนะครับว่าไอ้หื่นกามนั่น เด็กคุณ?”คำว่า ‘เด็ก’ ทำเอาคนได้ยินถึงกับสะอึก แม้ชายหนุ่มจะเข้าใจผิดไปหลายขุม ทว่าเธอก็ไม่โทษเขาหรอก เรื่องแบบนี้ก็เป็นไปได้ แถมเธอยังบอกเองว่ามากับผู้ชายคนนั้น“เด็กของเพื่อนน่ะ”“อะไรนะครับ แล้วคุณมากับเขาได้ยังไง ไว้ใจเขาได้ยังไง แล้วเพื่อนคุณล่ะ”ภาสกรเหลือบมามองเธอด้วยสีหน้างุนงงสุดขีด“มาทำงานน่ะ หาข้อมูลนิดหน่อย
เสียงอึกทึกจังหวะเร้าอารมณ์ชวนสนุกสนานดังกลบเสียงพูดคุยจนต้องขยับเข้าใกล้เพื่อเอ่ยชิดติดหู ทว่าคนถูกกระซิบกลับขมวดคิ้วมุ่น นึกหงุดหงิดที่คนข้างตัวเข้ามาเบียดตนมากจนเกินเหตุ“เป็นไงครับคุณพี่ ชอบไหมครับ”คนถูกถามยิ้มบางราวไม่ยินดียินร้าย หากสายตาก็กวาดมองไปทั่วด้วยความสนใจ มือบางยกแก้วพั้นช์ในมือจิบเป็นระยะ หลายคนโชว์สเต็ปเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม ถูกใจก็ดื่มด้วยกันแล้วไปต่อ ไม่ถูกใจก็มองหาคนใหม่“คุณพี่อยากดูอะไรอีกไหมครับ มีอีกหลายแบบครับ ที่เงียบกว่านี้ก็มี หรือจะเป็นแบบโจ๋งครึ่มกว่านี้?”อีกฝ่ายขยับเข้ามากระซิบถามอีกครั้งเธอส่ายหน้า ยังไม่แน่ใจว่าตนเองอยากเห็นแบบไหนอีก ในนี้เหมาะกับคนชอบเสียงดัง ชอบเต้นชอบเด่น ชอบความครึกครื้น แต่สำหรับเธอแล้วมันออกจะวุ่นวายชวนปวดหัวไปหน่อย หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ“ฉันกลับดีกว่า”“อ้าว จะกลับแล้วเหรอครับ มายังไม่ถึงชั่วโมงเลย หรือจะไปดูที่อื่นก็ได้นะครับ ผมพาไป”หญิงสาวเรียกบริกรเพื่อคิดเงินในขณะที่อีกฝ่ายเหมือนอยากอยู่ต่อ“ยังไม่รู้เลยว่าอยากดูแบบไหนเพิ่มหรือเปล่า ขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน ถ้าจะไปจะติดต่อไปอีกทีแล้วกันนะจ๊ะ ส่วนเธออยากอยู่ต่อก็ได้”พ