Share

•3•เมาไม่ไหวแล้ว!

•3•เมาไม่ไหวแล้ว!

ทราย : โอ๊ยหยุดเลยนะฟีเวอร์! นายอย่ามาพูดจาไม่ดีกับแคนดี้แบบนี้นะ นี่มันงานแต่งของเราค่ะ! จะเชิญใครมาร่วมย่อมได้อยู่แล้ว ต่อให้นายเป็นเพื่อนสนิทของสามี ฉันก็ไม่ยอมไว้หน้าหรอกนะ ช่วยให้เกียรติกันหน่อยเถอะ ไม่เช่นนั้นก็ออกจากงานเราไปได้เลยค่ะ เชิญ! เราไม่ชอบคนอันธพาลค่ะ!

ซุ่มเสียงไพเราะเสนาะหูกล่าวห้ามทัพในครั้งนี้ เธอเองย่อมรู้ดีอยู่แล้ว ต้องเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทั้งคู่ แต่ก็ไม่นึกว่าผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ จะไม่ไว้หน้าคนอื่นบ้างเลย ถ้าพิธีการแต่งงานยังไม่เสร็จสิ้น

คงได้ให้หน่วยรักษาความปลอดภัย มาลากตัวเขาออกไปแล้ว โชคดีตอนนี้เหลือเพียงเพื่อนที่เคยสนิทชิดเชื้อ ช่วงสมัยที่ยังเรียนมัธยม รอเวลาอยู่ร่วมปาร์ตี้ของคืนนี้ด้วยกัน

ฉันยืนนิ่งเฉยเกรงใจทรายเขามากจริงๆ แต่เพื่อนคนอื่นล้วนจ้องมองมาทางพวกเรา เป็นสายตาเดียวกันหมด ซึ่งต่อให้ฉันจะมั่นอกมั่นใจแค่ไหน ก็ไม่อยากถูกคนเอาไปนินทาว่าร้ายเสียหาย อยากจะดูแย่แค่เฉพาะสิ่งที่ตนกระทำเอง มากกว่ายอมตกเป็นขี้ปากคนอื่น ให้เขาหัวเราะเยาะสนุกปาก เฮ้อ~

แคนดี้ : เราไม่มีอารมณ์แล้วกลับก่อนนะทราย!

น้ำเสียงนุ่มนวลกล่าว ก้าวเท้าเดินออกจากห้องโถงจัดงาน ไม่มองใครหน้าไหนและไม่รอฟัง ประโยครั้งขอให้อยู่ต่ออีก

เข้าลิฟต์พร้อมกำลังจะกดเลือกชั้นล่าง เพื่อมุ่งหน้าขับรถกลับคอนโด อารมณ์บูดขนาดนี้แล้ว กลัวเผลอตัวพูดจาไม่ดีเหวี่ยงใส่คนอื่น คงดูไม่ดีเอาสักเท่าไหร่

แต่ประตูลิฟต์ก็ดันเปิดออกกว้าง เป็นเขาที่วิ่งหอบแฮกหน้าตั้งมาหา ไม่รู้เขาเองจะรีบไปไหนกัน คงจะมีเรื่องเร่งด่วนแหละ ได้แต่ยืนนิ่งเงียบมองเงาประตูเหมือนเดิม อย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

คิ้วรูปทรงดาบขมวดชนกันหรี่ตามอง ก่อนจะแทรกตัวเข้ามา ยืนพิงผนังเหล็กพักหายใจ พูดขึ้นมาทำลายความเงียบงัน

โคล่า : อยากไปที่ไหนเหรอ ให้เราไปด้วยได้ไหม? กำลังเบื่อหน่ายเหมือนกันเลย เธอยังโอเคอยู่ใช่หรือเปล่า?

โทนเสียงทุ้มต่ำเลิกคิ้วสูงกล่าวถาม เอียงคอมองฉันที่ยืนนิ่งใจลอย ไม่สั่นไหวตอบอะไรกลับ มัวคิดเรื่องราวแย่ๆ จากไอ้เวsนั่นอยู่ รู้ตัวอีกครั้งเมื่อเขาจับแขนฉันเขย่าเรียกสติ จึงถามกลับเพราะไม่ได้ตั้งใจฟังคำพูดเขาเลย แม้แต่น้อยสักคำเดียว

แคนดี้ : นายว่าอะไรเหรอ? ขอโทษด้วยนะ เมื่อกี้เราไม่ได้ฟังอะไรเลยน่ะ! พูดอีกรอบได้หรือเปล่า?

น้ำเสียงนุ่มนวลกล่าว หันหน้าสบตาคนยืนด้านข้าง

โคล่า : ไปดื่มด้วยกันไหมเราเลี้ยงเธอเอง!

โทนเสียงทุ้มต่ำกล่าว พร้อมยิ้มให้พยักหน้าถาม

แคนดี้ : ไปสิ! อารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน นายบอกเองนะว่าเลี้ยง เราจะกินให้จ่ายไม่ไหวเลยคอยดูเถอะ! พอดีเลยเราขับรถมาเอง ถ้าอย่างนั้นเราให้ติดรถยนต์ไปด้วยแล้วกัน ส่วนนายขับเป็นใช่ไหม?

น้ำเสียงนุ่มนวลกล่าวยืดยาวก่อนจะถาม พร้อมส่งกุญแจรีโมตคอนโทรลให้แก่เขาแทน

โคล่า : หน้าตาเราดูเป็นคน ไม่เอาไหนขนาดนั้นเลยเหรอ? พอดีเลยไม่ได้เอารถยนต์มาเหมือนกัน เดี๋ยวขับพาไปเองครับคนสวย~ นั่งสบายใจได้เลย!

โทนเสียงทุ้มต่ำกล่าว พร้อมผิวปากส่งเสียง ราวกับอารมณ์ดีมาก ผิดกับอีกคนทำหน้าบึ้งตึงอยู่ ขึ้นรถนั่งลงฝั่งด้านข้างคนขับ ปรับเอนเบาะหลับตาพริ้ม พยายามสลัดความรู้สึกแย่ทิ้ง

ใช้เวลาเพียงไม่นาน รถยนต์เลี้ยวเข้ามาจอดอยู่ ตรงด้านหน้าลานของผับหรูแห่งหนึ่ง สายตาทอดมองไปเรื่อยเจอแต่ความหรูหรา คิดว่าราคาคงแพงน่าดู มัวชื่นชมดื่มด่ำบรรยากาศ ร่วมสนุกกับเหล่านักท่องเที่ยวยามราตรี

เขานั้นอยากเปิดห้องพิเศษเป็นเอามากเลยแหละ! จะได้อยู่เป็นแบบส่วนตัวดี แต่ฉันก็แอบเกรงใจเขาอยู่เหมือนกัน จึงยอมมาแออัดยืนเต้นแร้งเต้นกากับคนหมู่มาก เพราะคิดว่ามันน่าจะสนุกสุดเหวี่ยงกว่า

ฉันไม่ได้ดูแคลนฐานะเขาหรอก จำได้เมื่อก่อนเขาชอบพาไปวัดตลอด เขาบอกพ่อเขาบวชอยู่ที่นั่น! ถึงเป็นสาเหตุที่คอยเลี้ยงข้าวขาหมู ให้เขาอยู่บ่อยๆ ส่วนฐานะทางบ้านฉัน ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรหรอกนะ!

แค่เปิดร้านขายอาหารตามสั่งแต่ขายดีมาก ก็ทั้งซอยมีขายอยู่ร้านเดียวฮ่าๆ พอช่วยงานครอบครัวแล้ว พ่อแม่ก็มักจะมอบเงินให้เยอะมาก จะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่ ถือว่าใช้เหงื่อแลกมาด้วยความยากลำบาก เขาบอกเป็นค่าแรงงานโตไปก็ต้องทำงาน แลกเงินแบบนี้แหละ

แต่มีช่วงหนึ่งใช้เงินเกินตัวไปหน่อย พอไปขอเพิ่มกลับไม่ได้สักบาท แถมต้องทำหน้าที่เยอะขึ้นเพื่อจะได้เงินมาใช้ ยังได้คำสอนเพิ่มอีกจำขึ้นใจเลย!

ถ้าไม่มีเงินโตไปต้องทำงาน อย่าได้แบมือขอคนอื่นง่ายนัก! ศักดิ์ศรีต้องมีบ้างรู้ไหม? ตอนใช้ก็ควรวางแผนให้รอบคอบ อย่าได้ขาดการยั้งคิดอีก ยังมีการถามว่าเหนื่อยไหม ให้จดจำความรู้สึกนี้เอาไว้ พอนึกถึงเรื่องเก่าเหล่านี้ ก็อดยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุขไม่ได้ จนคนที่เงียบกริบนั่งด้านข้างถาม

โคล่า : มีความสุขอะไรเหรอ ถึงยิ้มหน้าบานบอกเราบ้างสิ!

โทนเสียงทุ้มต่ำ กล่าวถามพร้อมกระตุกยิ้มตาม

แคนดี้ : คิดถึงพ่อแม่เราน่ะ!

น้ำเสียงนุ่มนวลกล่าวตอบ

โคล่า : พูดแล้วก็คิดถึงเหมือนกันเลย ไม่ได้กินอาหารฝีมือทั้งสองท่านมานานมากแล้ว ยังสุขภาพแข็งแรงกันอยู่ไหมเหรอ?

โทนเสียงทุ้มต่ำกล่าวถามอีกครั้ง ฉันนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ราวกับพยายามทำใจยอมรับความเป็นจริง ก่อนฝืนใจตอบเขากลับไป

แคนดี้ : พวกท่านอยู่บนสวรรค์กันหมดแล้วฮ่าๆ

น้ำเสียงนุ่มนวล กล่าวบอกเขาเหมือนฝืนหัวเราะ

โคล่า : เสียใจด้วยนะ พวกท่านไปสบายแล้ว แต่เธอยังอยู่ก็ต้องมีความสุขให้มากรู้ไหม เดี๋ยวพวกท่านจะไม่สบายใจมีห่วงเอาได้นะ พ่อเราก็ไม่อยู่แล้วเหมือนกัน พอท่านเสียเราเลยต้องย้ายโรงเรียน ช่วงนั้นปรับตัวค่อนข้างยาก แต่ก็ผ่านมาได้แล้ว

โทนเสียงทุ้มต่ำกล่าวพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่

แคนดี้ : อืมเสียใจด้วยเหมือนกัน นายคงเจอความลำบากสาหัสมากเลยสินะ หากเป็นเราคงเคว้งคว้าง ถ้าต้องเจอเรื่องโหดร้าย ยากจะทำใจนี้ได้เลยน่ะ!

น้ำเสียงนุ่มนวลกล่าวอย่างห่วงใยดั่งเช่นเคย

พวกเราคุยไร้สาระกันไปเรื่อย ก่อนที่ฉันจะปลีกตัวหนีไปเข้าห้องน้ำ เมื่อท่อน้ำพร้อมเปิดระบายแล้ว ตั้งแต่มาก็ดื่มแอลกอฮอล์ไม่พักเลย จะไม่ให้ปวดปัสสาวะได้อย่างไรกันฮ่าๆ

สองขาก้าวเดินไปตามทางเอื่อยเฉื่อย อาการกรึ่มกำลังเมาได้ที่เลยนะเนี่ย จู่ๆ มีมือหนึ่งจับดึงแขนฉันเอาไว้ จึงหันหน้าไปมองกะพริบตาถี่ยิบ สายตาพร่าเลือนรางไม่ไหวแล้ว

แคนดี้ : ใครคะ?

น้ำเสียงนุ่มนวลถามอย่างสงสัย แสงที่ส่องวิบวับก็ยังทำให้มองไม่ออกว่าคนรั้งแขนไว้ เขาเป็นใครกันแน่ รู้แค่เป็นรูปทรงผู้หญิงก็เท่านั้นเอง!

'ดื่มเป็นเพื่อนสักแก้วได้หรือเปล่าคะ?'

เสียงเจื้อยแจ้วกล่าวถาม พร้อมส่งแก้วเหล้ามาให้ ฉันอมยิ้มรับมาดื่มหมดอย่างรวดเร็ว ส่งแก้วคืนเธอและเดินไปเข้าห้องน้ำต่อ เพราะอั้นไว้จะไม่ไหวแล้วตอนนี้ เมื่อทำภารกิจเรียบร้อยก็ยืนล้างมือ เริ่มรู้สึกมึนงงผิดปกติ คิดว่าคงจะเมาแล้วแหละ

จึงค่อยๆ เดินเกาะจับขอบอ่างล้างมือ พยุงร่างกายเอาไว้ฝืนใจเดินตรงจนถึงหน้าประตู ก่อนจะนั่งฟุบลงพักกับพื้นกระเบื้อง เพราะรู้สึกขยับตัวไปไหนไม่ไหวแล้ว อาการในร่างกายตีรวนกันยุ่งเหยิง ทำได้แค่นั่งนิ่งเผื่อมันจะดีขึ้นเล็กน้อยก็ยังดี ค่อยให้โคล่าพาไปหาหมอไม่ได้ดื่มเหล้านานแล้ว จึงออกอาการเยอะขนาดนี้แหละมั้ง

นั่งอยู่นานก็ยังแย่อยู่เหมือนเดิม เพิ่มความรู้สึกพะอืดพะอมแปลกจนผิดปกติ เม็ดเหงื่อเริ่มออกพร่างพราวตามรูขุมขน จนแทบจะเปียกชุ่มฉ่ำเสื้อผ้าไปหมดแล้ว ถอนหายใจภาวนาให้โคล่ามันเดินมาตามสักที จวนจะฝืนร่างกายเอาไว้ไม่ไหวแล้ว

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status