ฟางบิดตัวไปมา แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวโทรศัพท์แทบจะหลุดร่วงลงจากมือ เมื่อได้ยินเสียงดุ ๆ ดังขึ้นว่า
“ถ้าไม่ทำงาน... ก็ออกไปหาแฟนตอนนี้เลยก็ได้ แล้วไม่ต้องกลับมาที่บริษัทอีก”
“ท่านประธาน.... นะ หนูขอโทษค่ะ”
ฟางรีบเก็บโทรศัพท์ลงแล้วยกมือไหว้ขอโทษ
“แปดโมงเช้า ถึงห้าโมงเย็น คือเวลางาน หากใครใช้เวลาทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานให้หักคะแนนความประพฤติ”
คิงเอ่ยเสียงเข้ม คนถูกดุก้มหน้าลง มือไม้สั่นไปหมด
“คุณโฉมสอางค์ จดบันทึกเอาไว้ด้วย”
เขาหันไปสั่งหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่เดินตามหลังมาติด ๆ
“ค่ะ ท่านประธาน”
โฉมสอางค์รีบรับคำ พลางส่งสายตาเห็นใจไปที่พนักงานน้องใหม่ที่เพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่ถึงปี ก็ถูกหักคะแนนเสียแล้ว
จากนั้น ท่านประธานบริษัทก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงาน เมื่อประตูห้องปิดลง พนักงานต่างถอนหายใจโล่งออกมาตาม ๆ กัน
“ยัยฟาง ! เธอไม่เห็นข้อความแจ้งเตือนในไลน์กลุ่มพนักงานบริษัทรึไง”
พี่นา สาวใหญ่วัยสี่สิบห้าปีดุลูกน้องเสียงเขียว
“พอดี... แฟนหนูโทรมา หนูเลยไม่เห็นข้อความในไลน์ค่ะ พี่นา”
ฟางเอ่ยเสียงอ่อย ทำท่าจะร้องไห้ คะแนนเธอถูกหักอีกแล้ว คาดว่าปลายปีคงจะไม่ได้โบนัสแน่ ๆ
“ทีหน้าทีหลังจะทำอะไรก็อย่าให้บอสใหญ่จับได้ก็พอ เดี๋ยวเรื่องจะเดือดร้อนมาถึงฉัน”
นารินีเอ็ดลูกน้องของตนเสียงเขียว พวกเธอมักจะเรียกประธานบริษัทลับหลังว่า - บอสใหญ่ –
“ค่ะ... พี่นา”
...............
“ท่านประธานครับ ได้โปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะครับ”
วศิน พุ่งเข้ามาคุกเข่า กอดขาภูวเดชเอาไว้แน่น
เจ้าของร่างสูงหยุดนิ่ง ปรายตามองดูมือหยาบกร้านของอดีตเลขาที่ทำให้เกิดรอยยับย่นที่ขากางเกง
“คุณโฉมสอางค์ ผมจำได้ว่า ผมสั่งให้คุณไล่เขาออกตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอ”
เขากดเสียงต่ำ ราวกับว่ากำลังสะกดอารมณ์ของตนที่กำลังเดือดพล่านเอาไว้เต็มทน
เมื่อวานนั้น ภูวเดชมอบหมายงานให้ ‘วศิน’ ดำเนินการจัดการเรื่องนัดเจรจาธุรกิจกับประธานบริษัทเอ็มเอ็นกรุป
การนัดหมายสำคัญเช่นนั้น แต่วศินกลับจำเวลาผิดพลาด ทำให้เขาตั้งไปนั่งรอก่อนเวลานัดหมายเป็นชั่วโมง หนำซ้ำยังลืมหยิบเสื้อสูทมาให้เขา จนเป็นเหตุให้เขาต้องถูกคนที่นั่นเข้าใจผิดว่าเป็นพนักงานบริษัท สุดท้ายถูกกาแฟหกราดตัวเต็ม ๆ
จึงทำให้การเจรจาธุรกิจในวันนั้นล้มอย่างไม่เป็นท่า เลขาฯ ที่ทำงานง่าย ๆ ยังพลาดได้เช่นนี้ เขาจะจ้างไว้ทำไม
“อะ... เอ่อ...”
หัวหน้าฝ่ายบุคคลติดอ่างขึ้นมากะทันหัน เธอจะบอกกับบอสใหญ่ได้อย่างไรว่า วศินตามตื๊ออ้อนวอนขอให้เธอช่วยพูดกับท่านประธานเพื่อขอทำงานต่อ แต่เธอไม่กล้าเอ่ยปากเอง จึงให้เขาขึ้นมาขอร้องประธานบริษัทด้วยตนเอง
“ท่านประธานครับ อย่าไล่ผมออกเลยนะครับ ตอนนี้เศรษฐกิจแย่มาก หางานก็ยาก ขืนผมถูกไล่ออกตอนนี้ ลูกผม เมียผม ต้องอดตายแน่ ๆ ครับ”
วศินน้ำตาคลอ กอดขาประธานบริษัทเอาไว้แน่น ครั้งก่อนเขาตกงาน เพราะการระบาดของโรคโควิด19 ทำให้บริษัทที่ทำงานอยู่ต้องปิดตัวลง และเขาเองก็เพิ่งจะได้เข้าทำงานในตำแหน่งเลขาฯ เมื่อต้นเดือน
ความหวังทั้งหมดของเขาจึงอยู่ที่งานนี้ แต่คาดไม่ถึงว่ายังทำงานได้ไม่ถึงเดือน เขาก็จะถูกไล่ออกเสียแล้ว
ภูวเดชหลับตาลง แล้วเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขานิ่งขรึมมากขึ้นไปอีกเท่าตัว
“ผมจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง คุณโฉมสอางค์เรียก รปภ. ขึ้นมาลากตัวนายวศินออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้”
“ตะ...แต่...”
“หรือคุณอยากจะถูกไล่ออกด้วยอีกคน”
เสียงทุ้มต่ำของท่านประธานแผ่ซ่านเข้ามาทุกรูขุมขน ทำเอาสตรีวัยห้าสิบปีถึงกับเสียวสันหลังวาบ
“ไม่ค่ะ โฉมยังไม่อยากตกงานตอนแก่”
เธอรีบตอบบอสใหญ่ แล้วโทรศัพท์เรียก รปภ. ขึ้นมาทันที แม้จะสงสารนายวศินอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เธอก็ต้องเอาตนเองให้รอดจากเจ้านายจอมโหด และเผด็จการคนนี้เสียก่อน
“ท่านครับ ผมทำผิดครั้งแรก ท่านโปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้งนะครับ”
วศินไม่ยอมแพ้ ละล่ำละลักออกมาทั้งน้ำตา เสียงอ้อนวอนของเขาราวกับสายลมที่พัดผ่านก้อนหิน ไม่ว่าเขาจะพูด จะบีบน้ำตาเท่าใด อีกฝ่ายเพียงแต่ยืนนิ่ง ๆ แววตาคมกริบคู่นั้น ไม่เหลือบมองเขาแม้แต่น้อย
“ไม่... ผมไม่ออก คุณโฉมช่วยผมด้วย”
วศินร้องออกมาอย่างสุดเสียง รปภ. สองนายเข้ามาดึงเขาออกจากขาท่านประธาน
โฉมสอางค์ได้แค่ยืนมองเขาถูก รปภ. ลากออกไปจากห้องท่านประธานอย่างน่าสงสาร
“จัดการหาเลขาฯ คนใหม่ด้วย”
ภูวเดชเอ่ยเสียงเรียบ สั้น ๆ พลางโน้มตัวลงปัดรอยยับย่นที่ขากางเกง แล้วจัดให้เข้ารูปใหม่
“ค่ะ ๆ ดิฉันจะรีบไปจัดการตอนนี้เลยค่ะ”
โฉมสอางค์รีบออกมาจากห้องท่านประธานทันที เธอรู้สึกว่าอยู่ใกล้ประธานนานเกินไปไม่ได้ มันรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เกรงว่าชีวิตลูกจ้างที่อุตส่าห์ไต่เต้ามาจนถึงเป็นระดับหัวหน้าจะดับสูญไม่วินาทีใด ก็วินาทีหนึ่ง
นิวที่อยู่ในชุดทำงานสีอ่อน สวมป้ายห้อยคอที่ระบุตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายการตลาด ถือแฟ้มเอกสารขึ้นมาเสนอท่านประธานบริษัท แล้วบังเอิญเจอนายวศินถูก รปภ. ลากออกมาจากห้องพอดี
เขาหยุดมองฉากนั้นตาค้างไม่ต่างจากพนักงานคนอื่น ๆ
“เกิดอะไรขึ้นพี่โฉม”
นิวนี่เข้าไปประชิดตัวโฉมสอางค์ ซึ่งกำลังเพ่นแนบออกมาติด ๆ
“นายวศินถูกบอสใหญ่ไล่ออกนะสิ”
“หา... ไล่เลขาออกอีกแล้วเหรอพี่”
นิวตาโตเท่าไข่ห่าน
“ใช่... อีกแล้ว ตั้งแต่บอสใหญ่ขึ้นเป็นประธานบริษัท 5 ปี เปลี่ยนเลขาไปแล้ว 40 คน นายวศินเป็นคนที่ 41 แล้วฉันก็ต้องลำบากเปิดรับสมัครเลขาคนใหม่ให้ท่านประธานอีก !”
โฉมสอางค์ตอบพลางก้าวเท้าให้ห่างจากหน้าห้องท่านประธานเสียหน่อย เพื่อป้องกันไม่ให้คนในห้องได้ยินคำสนทนา
“จะยากอะไร พี่ก็เปลี่ยนตำแหน่งมาเป็นเลขาฯ ของบอสใหญ่สิ”
นิวพูดหยอกเย้า สตรีตรงหน้าอย่างเป็นกันเอง
“นี่น้องนิว... แม้ว่าพี่จะอยู่ที่นี่มานานจนหน้าด้านหน้าทนแล้ว แต่พี่ก็ไม่อยากเอาตัวเองไปอยู่ในที่อันตรายแบบนั้นหรอกนะ ก้าวพลาดก้าวเดียว เป็นได้กระเด็นออกนอกบริษัท !”
โฉมสอางค์เอ่ยพร้อมกับเอามือลูบไปตามแขน เพียงแค่คิดว่าต้องไปทำงานใกล้ชิดกับเจ้านายเจ้าระเบียบ เผด็จการ อีกทั้งยังเอาใจยากแบบนั้น เธอก็รู้สึกสยองขวัญอย่างบอกไม่ถูก
“อิ อิ พี่โฉม... แต่บอสใหญ่หล่อ... สูง... ยาวเข่าดีมากเลยนะ”นิวยังแกล้งล้อไม่เลิก ฝ่ายนั้นจึงแหวขึ้นว่า“หล่อแต่โหดไร้ใจแบบนี้ พี่ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ ที่สำคัญพี่มีลูกมีผัวแล้ว หากน้องนิวสน... จะสมัครเป็นเลขาไหมล่ะคะ”เมื่อได้ยินดังนั้น นิวถึงกลับหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา เขายังจำได้ดี ตอนที่ท่านประธานเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ๆ เพียงแค่ก้าวเข้ามาในบริษัท ความหล่อเหลาตามแบบฉบับลูกครึ่งไทยจีน ทำเอาสาว ๆ ในสำนักงานต่างมองกันตาค้าง และแล่นอยากจะเป็นเลขาฯ รับใช้ใกล้ชิดคุณภูวเดชกันทั้งนั้นแต่เมื่อถึงเวลาทำงานกันจริง ๆ ทุกคนต่างเข็ดขยาดกับการทำงานอย่างจริงจังของเขา พูดหยอกล้อบอสใหญ่เพียงนิดเดียวก็ถูกตวาด หรือ แค่ส่งเอกสารผิดพลาดก็ถูกตะคอก บางคนรับไม่ไหวถึงกับร้องห่มร้องไห้ขอลาออกด้วยตนเอง และปัจจุบัน สาว ๆ ในบริษัทก็ไม่กล้าแม้แต่จะส่งสายตาหยาดเยิ้มให้บอสใหญ่อีกเลยหลบได้ควรหลบ เลี่ยงได้ควรเลี่ยง ! -“ไม่ดีกว่าค่ะ... นิวยังมีผัวที่ต้องหาเลี้ยงอีกหลายคน นิวยังไม่อยากตกงานค่ะ”นิวเอ่ยเสียงอ่อย ลงท้ายด้วยคำว่าค่ะ อย่างเต็มคำด้วยความเคยชิน แม้ว่าร่างกายของเขาจะเป็นชาย แต่ใจเป็นหญิงเต็มเปี่ยม และไม่คิดที่จะป
นิวพ่นคำพูดออกมาแทบไม่หายใจ หัวใจยังคงเต้นระทึกกับเหตุการณ์เมื่อครู่ นี่ถ้าบีไม่โทรบอกให้เขามาเยี่ยมกิ๊ฟ พรุ่งนี้เพื่อน ๆ คงได้ไปงานศพมันแทนแน่ ๆคนถูกดุปรือตาขึ้นมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้างวยงง ก่อนที่จะขยับริมฝีปากเอ่ยออกมาว่า“ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตาย ฉันแค่หน้ามืดจะเป็นลม”กิ๊ฟบอกเพื่อน พร้อมกับเสียงท้องร้องดังประกอบคำพูด......โครกคราก.....“นี่แก อย่าบอกนะว่าแกหิวข้าวจนเป็นลมน่ะ”คนถูกถามพยักหน้าแทนคำตอบ นิวเหลือบตาขึ้นบนอย่างเซ็ง ๆ แล้วตะคอกใส่หน้าคนหิวว่า“เมื่อครู่ กูหัวใจจะวายตายแล้วอีกิ๊ฟ !”“สรุปคือ... มึงไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ก็เลยต้องกินมาม่าแทนข้าวมาเป็นเดือนแล้ว”นิวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวยัดข้าวผัดลงท้องจวนจะเกลี้ยงจานแล้วโชคดีที่เขาซื้อข้าวกล่องติดมือขึ้นมาด้วย เพราะตั้งใจว่าจะมากินข้าวเย็นเม้าท์มอยตามประสาเพื่อนสาว แต่เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง เขาเคาะประตูห้องตั้งนานแต่ไม่มีคนออกมาเปิดให้ และรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างจึงหยิบเอาคีย์การ์ดสำรอง ที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มเท่านั้น ที่รู้ว่าเจ้าของห้องซ่อนไว้ใต้ป้ายเลขห้องดังนั้น เขาจึงเปิดประตูห้องของเพื่อนสาวเข้ามา และช่วยเธอก่อนท
หลังจากซื้อคอนแทคเลนส์ใส่แทนแว่นสายตาหนาเตอะเรียบร้อยแล้ว หนึ่งหญิงกับหนึ่งชายหัวใจหญิงก็มาแอบอยู่ที่มุมตึก ใกล้กับห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกของตัวอาคาร ซึ่งบริเวณนี้สาว ๆ ออฟฟิศมักจะแวะเวียนมาใช้บริการก่อนเดินขึ้นตึก“ทำแบบนี้จะดีหรือแก”กิ๊ฟที่อยู่ข้างหลังนิว กระซิบถามเพื่อนเบา ๆ พลางหันรีหันขวางกลัวว่าจะมีใครมาพบเข้า“ช่วงเวลาฉุกละหุกแบบนี้ มีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นแหละแก ที่จะได้เสื้อผ้าที่มันดูดีใส่ไปสัมภาษณ์งานนะ”นิวตอบกลับเสียงเบา ในขณะที่สายตายังสอดส่องมองหาพนักงานสาวออฟฟิศที่แต่งตัวเข้าท่าหน่อยตึกเดอะคิงมีทั้งหมด 35 ชั้น เป็นของบริษัทเดอะคิงที่ปล่อยให้บริษัทขนาดเล็กอื่น ๆอีกหลายบริษัทเช่าเป็นสำนักงาน ส่วนสำนักงานใหญ่ของบริษัทเองตั้งอยู่บนชั้นที่ 25 -30 ดังนั้น ตอนนี้จึงมีพนักงานออฟฟิศเดินเข้าเดินออกให้เขาเลือกสรรอย่างหลากหลาย“ฉันว่า....”กิ๊ฟรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ออกมาจนชุ่มมือด้วยอาการตื่นเต้น ยังไม่ทันที่กิ๊ฟจะเอ่ยได้จบประโยค นิวก็พุ่งตัวเข้าไปทางด้านหลังของพนักงานสาวออฟฟิศคนหนึ่ง“คนนี้แหละ ไป !”เขาเอามือปิดปากสาวคนนั้นไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา กิ๊ฟจึงรีบเอาสันกระเป๋าทุบเข้าท
เสียงทุ้มจากคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทเอ่ยขึ้นแทนผู้สัมภาษณ์ทุกคนรอบด้านต่างเงียบกริบ สีหน้าแต่ละคนคล้ายกับแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน บางคนก้ม ๆ เงย ๆ คล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่างในแฟ้มเอกสารหัวใจของกิ๊ฟเต้นกระหน่ำแรงยิ่งขึ้นเมื่อเขาเอ่ยต่อมาว่า“ตำแหน่งงานล่าสุด คือ รองหัวหน้าการเงินและบัญชี บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ อย่าง เอ็มเอ็น จำกัด”เอ่ยจบ คิงก็กระตุกยิ้มที่มุมปากนิด ๆ คล้ายกับเจ้าแห่งนรกที่กำลังพิพากษาดวงวิญญาณที่ไร้หนทางสู้กิ๊ฟถึงกับหน้าซีดเผือด เพราะสิ่งที่เขาเอ่ยมานั้น เธอไม่ได้เขียนลงไปในใบสมัครงานแม้แต่น้อย แต่เขากลับรู้ประวัติของเธอเกือบทั้งหมดนั่นแสดงว่า เขาไม่เพียงแต่จำเธอได้ แต่ยังแค้นฝังใจด้วย !“ถูกไล่ออกจากงานหรือ ทำไมถึงได้มาสมัครงานในตำแหน่งเลขากระจอก ๆ แบบนี้ล่ะ”คิงจงใจใช้คำพูดจี้ใจดำหญิงสาวตรงหน้าหลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น เขาก็ให้คนไปสืบข้อมูลของเธอมาอย่างละเอียด และสวรรค์ก็ช่างเป็นใจ ส่งเธอให้มาสมัครงานในบริษัทของเขา ถึงเวลาที่เอาคืนเธอแล้ว !คณะกรรมการคนอื่น ๆ ราวกับจะกลั้นหายใจฟังการสนทนา รู้สึกกดดันแทนผู้ถูกสัมภาษณ์ เพราะเธอเป็นคนแรกที่ถูกประธานบริษัทเ
“กาแฟค่ะ”กิ๊ฟวางถ้วยกาแฟตรงหน้าท่านประธานหนุ่มอีกครั้ง แววตาเขาวูบขึ้นอย่างสำราญใจ ที่มุมปากมีรอยยิ้มจาง ๆ ซ่อนไว้ยากที่ใครจะมองออกคิงยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเช่นเคย ท่ามกลางสายตานับสิบคู่ของคณะกรรมการสัมภาษณ์งานในห้องประชุมทันทีที่ของเหลวอุ่น ๆ ไหลผ่านเข้าไปในโพรงปากสัมผัสกับลิ้นที่มีตุ่มรับรสชาตินับ 8,000 ตุ่ม วินาทีนั้น ร่างกายของเขาก็พ่นกาแฟออกมาทางเดิมพรวด !“ว๊าย”คุณโฉมสอางค์ที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือของบอสใหญ่ ลุกพรวดขึ้นพร้อมกับกรี๊ดดังลั่นด้วยความตกใจ“แค่ก ๆ”คิงสำลักเอาน้ำกาแฟที่ยังเหลือค้างอยู่ตามลำคอออกมา ใบหน้าเหยเก เป็นรสชาติกาแฟที่เขาจะจรดจำไปตลอดชั่วชีวิต !“น้ำค่ะ ท่าน”คุณโฉมสอางค์รีบยื่นน้ำเปล่าให้เจ้านาย พร้อมกับเจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งรีบส่งกระดาษทิชชูให้กิ๊ฟกลั้นหัวเราะเอาไว้จนตัวสั่น หน้าแดงก่ำ ส่วนนิวอ้าปากค้าง ตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน แล้วเมื่อเห็นสายตาคมดุจ้องเพื่อนสาวตัวต้นเหตุราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาก็ยกมือขึ้นปิดหน้า พร้อมกับพึมพำออกมาเบา ๆ ว่า“อีกิ๊ฟ... มึงตายแน่”คณะกรรมการท่านอื่น ๆ ก็คิดไม่ต่างจากเขา โดยเฉพาะคุณโฉมสอางค์ที่อยู่กับประธานบริษัทมานาน รู้ดีว่าคนท
คนขับอุทานออกมา ปนหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะคิดว่าจะได้ส่งผู้โดยสารในระยะไกลกว่านี้ แล้วจะได้เงินเพิ่มมากขึ้น“แค่นี้แหละลุง โธ่.... แดดใกล้เที่ยงมันร้อน หนูไม่อยากเดินตากแดดมาสถานีรถไฟฟ้า”กิ๊ฟตอบเลี่ยง ๆ ซึ่งความจริงแล้วที่เธอกระโดดขึ้นรถแท็กซี่เพราะต้องการหลบหนี ถ้าจะนั่งไปถึงคอนโดเลยก็กลัวว่าจะต้องจ่ายเงินเยอะ เธอจึงต้องลงตรงนี้แล้วนั่งรถไฟฟ้ากลับคอนโดจะประหยัดกว่าเมื่อรถจอดแล้ว มิเตอร์ขึ้นที่เลข 53 บาท เธอก็ล้วงเอาแบงก์ห้าสิบ แล้วค้นหาเศษเหรียญ 3 เหรียญแล้วยื่นให้คนขับพอดิบพอดี จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องแท็กซี่ไม่มีเงินทอน หรือบางรายอาจจะมีแต่ไม่ค่อยอยากจะทอนเงินให้ลูกค้า เพื่อหวังจะได้เงินเพิ่มเล็ก ๆ น้อย ๆณ คอนโด@กิ๊ฟ หลังจากกลับจากสัมภาษณ์งาน ตลอดทั้งช่วงบ่ายเธอก็จัดการโละชุดทำงานตัวเดิมขายทอดตลาดมือสองออกทั้งหมด แล้วซื้อชุดทำงานใหม่มาแทนตามคำแนะนำของนิวนี่เพื่อนชายหัวใจหญิงของเธอส่งข้อความเข้าไลน์มาจิกเธอเป็นระยะ ๆLine@นิวนี่ : ‘แกถ้าแกคิดไม่ออกว่าจะซื้อชุดแบบไหน ก็เปิดดูซีรี่ย์เรื่อง What's Wrong With Secretary Kim’Line@กิ๊ฟซ่า : ‘what?’Line@นิวนี่ : ‘หัดดูหนังดูละครบ้างนะแก
ณ บริษัท เอ็มเอ็นกรุป จำกัด ‘กนกพิชญ์ เรืองระวี’ หรือ กิ๊ฟ สตรีในชุดทำงานสีเรียบ ผมรวบตึง สวมแว่นสายตากรอบสีดำหนาเตอะ เดินฉับ ๆ มุ่งหน้ามายังโต๊ะหน้าห้องประธานบริษัท ซึ่งมีป้ายบอกตำแหน่ง เลขานุการเธอหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะแล้วกวาดสายตามองผ่านแว่นสายตาคล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่าง เมื่อไม่เห็นสิ่งที่ต้องการ เธอจึงก้าวเข้าไปรื้อค้นเอกสารในชั้นใต้โต๊ะทำงานอย่างถือวิสาสะ“คุณเลขาครับ รบกวนขอกาแฟดำร้อนสักแก้ว”เสียงทุ้มนั้นทำให้หญิงสาวที่กำลังค้นหาเอกสารหยุดชะงัก แล้วตวัดสายตาดุ ๆ มองไปยังต้นเสียง“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ใช่เลขา และคนอย่างฉันไม่มีทางที่จะเป็นเลขารับใช้ใคร”กิ๊ฟตอบกลับอย่างไม่เป็นมิตรพอ ๆ กับใบหน้าที่กำลังอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก เพราะเมื่อเช้าเธอเพิ่งจะได้ยินพนักงานฝ่ายบัญชีกำลังซุบซิบนินทาว่า คนที่ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าแผนกบัญชี คือ เทมมี่ เลขาสาวสวยหน้าห้องท่านประธานบริษัท แทนที่จะเป็นเธอ !เธอไม่เชื่อว่า ประธานบริษัทจะทำแบบนี้ ดังนั้น เธอจึงมาค้นหาเอกสารหลักฐานการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการที่โต๊ะของเทมมี่ชายหนุ่มเมื่อได้ยินพนักงานบริษัทที่เขามาเจรจาธุรกิจด้วยตอบกลับมาดังนั้น ก็หน้าตึ
“ไม่ต้องมาแสดงละคร เธอใช้เต้าไต่จนสมใจเธอแล้วนี่”กิ๊ฟสะบัดแขนออกจากเทมมี่ พร้อมกับตะคอกใส่อีกฝ่ายคำพูดของเธอนั้น ดังพอที่จะทำให้พนักงานทุกคนในห้องได้ยินทั่วถึงกัน แล้วต่างสบตากันเลิ่กลั่ก ทุกคนต่างก็รู้กันทั้งนั้น ว่าประธานบริษัทในวัยห้าสิบห้าปีกับเลขาสาวสวยแอบกินกันลับ ๆ แต่ไม่มีใครกล้าประจานเจ้านายซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้“พี่กิ๊ฟ ! พี่กิ๊ฟพูดอะไรออกมาคะ”เทมมี่บีบน้ำตา น้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกับว่าถูกปรักปรำอย่างเหลือร้าย“ผมไล่คุณออกตั้งแต่วันนี้ !”มาโนชย์ชี้หน้าลูกน้องหัวแข็งของตนอย่างเดือดดาลคนถูกไล่ออกเชิดหน้าขึ้น ไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำว่า“เจ้านายห่วย ๆ ที่เห็นเต้าอวบ ๆ ดีกว่าผลงานแบบนี้ ถึงไม่ไล่ออก ฉันก็จะออก !”สิ้นคำ เธอก็ขยำหนังสือแต่งตั้งหัวหน้าฝ่ายบัญชีคนใหม่เป็นก้อนกลม ๆ แล้วปาใส่หน้าเทมมี่“ว้าย !”เทมมี่ร้องเสียงหลง ด้วยความตกใจ“ไปเลย ! อยากอวดดีนักก็เชิญออกไปเลย อายุเธอก็ไม่น้อยแล้ว ฉันอยากจะรู้นักว่าจะมีบริษัทไหนรับเธอเข้าทำงาน !”ประธานบริษัทตะโกนไล่หลังกิ๊ฟอย่างหัวเสียกิ๊ฟสาวเท้ารีบเดินออกไปจากที่นั่น เธอไม่อยากให้พวกเขาเห็นว่