แชร์

ตอนที่4.  ท่านประธาน

ฟางบิดตัวไปมา แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวโทรศัพท์แทบจะหลุดร่วงลงจากมือ เมื่อได้ยินเสียงดุ ๆ ดังขึ้นว่า

“ถ้าไม่ทำงาน... ก็ออกไปหาแฟนตอนนี้เลยก็ได้ แล้วไม่ต้องกลับมาที่บริษัทอีก”

“ท่านประธาน.... นะ หนูขอโทษค่ะ”

ฟางรีบเก็บโทรศัพท์ลงแล้วยกมือไหว้ขอโทษ

“แปดโมงเช้า ถึงห้าโมงเย็น คือเวลางาน หากใครใช้เวลาทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานให้หักคะแนนความประพฤติ”

คิงเอ่ยเสียงเข้ม คนถูกดุก้มหน้าลง มือไม้สั่นไปหมด 

“คุณโฉมสอางค์ จดบันทึกเอาไว้ด้วย”

เขาหันไปสั่งหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่เดินตามหลังมาติด ๆ

“ค่ะ ท่านประธาน”

 โฉมสอางค์รีบรับคำ พลางส่งสายตาเห็นใจไปที่พนักงานน้องใหม่ที่เพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่ถึงปี ก็ถูกหักคะแนนเสียแล้ว

จากนั้น ท่านประธานบริษัทก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงาน เมื่อประตูห้องปิดลง พนักงานต่างถอนหายใจโล่งออกมาตาม ๆ กัน

“ยัยฟาง ! เธอไม่เห็นข้อความแจ้งเตือนในไลน์กลุ่มพนักงานบริษัทรึไง”

พี่นา สาวใหญ่วัยสี่สิบห้าปีดุลูกน้องเสียงเขียว

“พอดี... แฟนหนูโทรมา หนูเลยไม่เห็นข้อความในไลน์ค่ะ พี่นา”

ฟางเอ่ยเสียงอ่อย ทำท่าจะร้องไห้ คะแนนเธอถูกหักอีกแล้ว คาดว่าปลายปีคงจะไม่ได้โบนัสแน่ ๆ

“ทีหน้าทีหลังจะทำอะไรก็อย่าให้บอสใหญ่จับได้ก็พอ เดี๋ยวเรื่องจะเดือดร้อนมาถึงฉัน”

นารินีเอ็ดลูกน้องของตนเสียงเขียว พวกเธอมักจะเรียกประธานบริษัทลับหลังว่า - บอสใหญ่ –

“ค่ะ... พี่นา”

...............

“ท่านประธานครับ ได้โปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะครับ”

วศิน พุ่งเข้ามาคุกเข่า กอดขาภูวเดชเอาไว้แน่น

เจ้าของร่างสูงหยุดนิ่ง ปรายตามองดูมือหยาบกร้านของอดีตเลขาที่ทำให้เกิดรอยยับย่นที่ขากางเกง

“คุณโฉมสอางค์ ผมจำได้ว่า ผมสั่งให้คุณไล่เขาออกตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอ”

เขากดเสียงต่ำ ราวกับว่ากำลังสะกดอารมณ์ของตนที่กำลังเดือดพล่านเอาไว้เต็มทน

เมื่อวานนั้น ภูวเดชมอบหมายงานให้ ‘วศิน’ ดำเนินการจัดการเรื่องนัดเจรจาธุรกิจกับประธานบริษัทเอ็มเอ็นกรุป

การนัดหมายสำคัญเช่นนั้น แต่วศินกลับจำเวลาผิดพลาด ทำให้เขาตั้งไปนั่งรอก่อนเวลานัดหมายเป็นชั่วโมง หนำซ้ำยังลืมหยิบเสื้อสูทมาให้เขา จนเป็นเหตุให้เขาต้องถูกคนที่นั่นเข้าใจผิดว่าเป็นพนักงานบริษัท สุดท้ายถูกกาแฟหกราดตัวเต็ม ๆ

จึงทำให้การเจรจาธุรกิจในวันนั้นล้มอย่างไม่เป็นท่า เลขาฯ ที่ทำงานง่าย ๆ ยังพลาดได้เช่นนี้ เขาจะจ้างไว้ทำไม

“อะ... เอ่อ...”

หัวหน้าฝ่ายบุคคลติดอ่างขึ้นมากะทันหัน เธอจะบอกกับบอสใหญ่ได้อย่างไรว่า วศินตามตื๊ออ้อนวอนขอให้เธอช่วยพูดกับท่านประธานเพื่อขอทำงานต่อ แต่เธอไม่กล้าเอ่ยปากเอง จึงให้เขาขึ้นมาขอร้องประธานบริษัทด้วยตนเอง

“ท่านประธานครับ อย่าไล่ผมออกเลยนะครับ ตอนนี้เศรษฐกิจแย่มาก หางานก็ยาก ขืนผมถูกไล่ออกตอนนี้ ลูกผม เมียผม ต้องอดตายแน่ ๆ ครับ”

วศินน้ำตาคลอ กอดขาประธานบริษัทเอาไว้แน่น ครั้งก่อนเขาตกงาน เพราะการระบาดของโรคโควิด19 ทำให้บริษัทที่ทำงานอยู่ต้องปิดตัวลง และเขาเองก็เพิ่งจะได้เข้าทำงานในตำแหน่งเลขาฯ เมื่อต้นเดือน

ความหวังทั้งหมดของเขาจึงอยู่ที่งานนี้ แต่คาดไม่ถึงว่ายังทำงานได้ไม่ถึงเดือน เขาก็จะถูกไล่ออกเสียแล้ว

ภูวเดชหลับตาลง แล้วเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขานิ่งขรึมมากขึ้นไปอีกเท่าตัว

“ผมจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง คุณโฉมสอางค์เรียก รปภ. ขึ้นมาลากตัวนายวศินออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้”

“ตะ...แต่...”

“หรือคุณอยากจะถูกไล่ออกด้วยอีกคน”

เสียงทุ้มต่ำของท่านประธานแผ่ซ่านเข้ามาทุกรูขุมขน ทำเอาสตรีวัยห้าสิบปีถึงกับเสียวสันหลังวาบ

“ไม่ค่ะ โฉมยังไม่อยากตกงานตอนแก่”

เธอรีบตอบบอสใหญ่ แล้วโทรศัพท์เรียก รปภ. ขึ้นมาทันที แม้จะสงสารนายวศินอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เธอก็ต้องเอาตนเองให้รอดจากเจ้านายจอมโหด และเผด็จการคนนี้เสียก่อน

“ท่านครับ ผมทำผิดครั้งแรก ท่านโปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้งนะครับ”

วศินไม่ยอมแพ้ ละล่ำละลักออกมาทั้งน้ำตา เสียงอ้อนวอนของเขาราวกับสายลมที่พัดผ่านก้อนหิน ไม่ว่าเขาจะพูด จะบีบน้ำตาเท่าใด อีกฝ่ายเพียงแต่ยืนนิ่ง ๆ แววตาคมกริบคู่นั้น ไม่เหลือบมองเขาแม้แต่น้อย

“ไม่... ผมไม่ออก คุณโฉมช่วยผมด้วย”

วศินร้องออกมาอย่างสุดเสียง  รปภ. สองนายเข้ามาดึงเขาออกจากขาท่านประธาน

โฉมสอางค์ได้แค่ยืนมองเขาถูก รปภ. ลากออกไปจากห้องท่านประธานอย่างน่าสงสาร

“จัดการหาเลขาฯ คนใหม่ด้วย”

ภูวเดชเอ่ยเสียงเรียบ สั้น ๆ พลางโน้มตัวลงปัดรอยยับย่นที่ขากางเกง แล้วจัดให้เข้ารูปใหม่

“ค่ะ ๆ ดิฉันจะรีบไปจัดการตอนนี้เลยค่ะ”

โฉมสอางค์รีบออกมาจากห้องท่านประธานทันที เธอรู้สึกว่าอยู่ใกล้ประธานนานเกินไปไม่ได้ มันรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เกรงว่าชีวิตลูกจ้างที่อุตส่าห์ไต่เต้ามาจนถึงเป็นระดับหัวหน้าจะดับสูญไม่วินาทีใด ก็วินาทีหนึ่ง

นิวที่อยู่ในชุดทำงานสีอ่อน สวมป้ายห้อยคอที่ระบุตำแหน่ง  หัวหน้าฝ่ายการตลาด ถือแฟ้มเอกสารขึ้นมาเสนอท่านประธานบริษัท แล้วบังเอิญเจอนายวศินถูก รปภ. ลากออกมาจากห้องพอดี

เขาหยุดมองฉากนั้นตาค้างไม่ต่างจากพนักงานคนอื่น ๆ

“เกิดอะไรขึ้นพี่โฉม”

นิวนี่เข้าไปประชิดตัวโฉมสอางค์ ซึ่งกำลังเพ่นแนบออกมาติด ๆ

“นายวศินถูกบอสใหญ่ไล่ออกนะสิ”

“หา... ไล่เลขาออกอีกแล้วเหรอพี่”

นิวตาโตเท่าไข่ห่าน

“ใช่... อีกแล้ว ตั้งแต่บอสใหญ่ขึ้นเป็นประธานบริษัท 5 ปี เปลี่ยนเลขาไปแล้ว 40 คน  นายวศินเป็นคนที่ 41 แล้วฉันก็ต้องลำบากเปิดรับสมัครเลขาคนใหม่ให้ท่านประธานอีก !”

โฉมสอางค์ตอบพลางก้าวเท้าให้ห่างจากหน้าห้องท่านประธานเสียหน่อย เพื่อป้องกันไม่ให้คนในห้องได้ยินคำสนทนา

“จะยากอะไร พี่ก็เปลี่ยนตำแหน่งมาเป็นเลขาฯ ของบอสใหญ่สิ”

นิวพูดหยอกเย้า สตรีตรงหน้าอย่างเป็นกันเอง

“นี่น้องนิว... แม้ว่าพี่จะอยู่ที่นี่มานานจนหน้าด้านหน้าทนแล้ว แต่พี่ก็ไม่อยากเอาตัวเองไปอยู่ในที่อันตรายแบบนั้นหรอกนะ ก้าวพลาดก้าวเดียว เป็นได้กระเด็นออกนอกบริษัท !”

โฉมสอางค์เอ่ยพร้อมกับเอามือลูบไปตามแขน เพียงแค่คิดว่าต้องไปทำงานใกล้ชิดกับเจ้านายเจ้าระเบียบ เผด็จการ อีกทั้งยังเอาใจยากแบบนั้น เธอก็รู้สึกสยองขวัญอย่างบอกไม่ถูก

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status