หลังจากซื้อคอนแทคเลนส์ใส่แทนแว่นสายตาหนาเตอะเรียบร้อยแล้ว หนึ่งหญิงกับหนึ่งชายหัวใจหญิงก็มาแอบอยู่ที่มุมตึก ใกล้กับห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกของตัวอาคาร ซึ่งบริเวณนี้สาว ๆ ออฟฟิศมักจะแวะเวียนมาใช้บริการก่อนเดินขึ้นตึก
“ทำแบบนี้จะดีหรือแก”
กิ๊ฟที่อยู่ข้างหลังนิว กระซิบถามเพื่อนเบา ๆ พลางหันรีหันขวางกลัวว่าจะมีใครมาพบเข้า
“ช่วงเวลาฉุกละหุกแบบนี้ มีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นแหละแก ที่จะได้เสื้อผ้าที่มันดูดีใส่ไปสัมภาษณ์งานนะ”
นิวตอบกลับเสียงเบา ในขณะที่สายตายังสอดส่องมองหาพนักงานสาวออฟฟิศที่แต่งตัวเข้าท่าหน่อย
ตึกเดอะคิงมีทั้งหมด 35 ชั้น เป็นของบริษัทเดอะคิงที่ปล่อยให้บริษัทขนาดเล็กอื่น ๆอีกหลายบริษัทเช่าเป็นสำนักงาน ส่วนสำนักงานใหญ่ของบริษัทเองตั้งอยู่บนชั้นที่ 25 -30 ดังนั้น ตอนนี้จึงมีพนักงานออฟฟิศเดินเข้าเดินออกให้เขาเลือกสรรอย่างหลากหลาย
“ฉันว่า....”
กิ๊ฟรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ออกมาจนชุ่มมือด้วยอาการตื่นเต้น ยังไม่ทันที่กิ๊ฟจะเอ่ยได้จบประโยค นิวก็พุ่งตัวเข้าไปทางด้านหลังของพนักงานสาวออฟฟิศคนหนึ่ง
“คนนี้แหละ ไป !”
เขาเอามือปิดปากสาวคนนั้นไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา กิ๊ฟจึงรีบเอาสันกระเป๋าทุบเข้าที่ท้ายทอยของหญิงสาวโชคร้ายคนนั้น ตามที่ได้วางแผนกันไว้
ตุบ !
พนักงานสาวสวยโชคร้ายผู้นั้นสลบไปทันที
“ไปแก... เข้าไปเปลี่ยนชุดแล้วรีบออกมา”
นิวผลักร่างสลบไสลในชุดเดรสกึ่งสูทไปให้เพื่อนสาวประคองต่อ
“ได้ ๆ”
กิ๊ฟรับคำเสียงสั่น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องปล้นชุดเอามาใส่ !
นิวยืนรอกิ๊ฟอยู่หน้าห้องน้ำราว ๆ 5 นาที เพื่อนสาวในชุดใหม่ก็เดินออกมาด้วยท่าทางไม่มั่นใจนัก
“เอ่อ... ดูดีกว่าเดิมเยอะเลยแก”
เขาไล่สายตาตรวจดูร่างระหงของเพื่อนสาว ที่ลอกคราบจากคุณป้ากลายเป็นพนักงานสาวสวย ในชุดเดรสกึ่งสูทสีน้ำเงินเข้ม สั้นเหนือเข่า เผยให้เห็นเรียวขายาวสวย
“งั้นก็รีบไปกันเถอะแก เดี๋ยวเจ้าของชุดเขาจะฟื้นขึ้นมาตอนนี้จะแย่เอา”
กิ๊ฟรีบลากมือเพื่อนให้รีบเดินออกมาจากหน้าห้องน้ำ
“แกเดี๋ยวเราต้องแยกกันตรงนี้ แกขึ้นไปที่ชั้น 29 นะ ห้องสัมภาษณ์อยู่ทางขวามือ จำได้นะ”
“จำได้”
กิ๊ฟพยักหน้ารับคำ นิวต้องขึ้นไปก่อน เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเธอกับเขาเป็นเพื่อนกัน เพราะวันนี้นิวเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่สัมภาษณ์รับสมัครงานวันนี้ด้วย
“เค เจอกันจ๊ะ”
หน้าห้องสัมภาษณ์
กิ๊ฟนั่งรอในตำแหน่งคนสุดท้าย เธอกวาดสายตามองคนที่มาสัมภาษณ์งานตำแหน่งเดียวกันกับเธอ
คนที่ถูกเรียกเข้าไปสัมภาษณ์เป็นคนแรก คือ ชายหนุ่มอายุราว ๆ 35 ปี ใบหน้าดุดัน มีเคราสีเทาขึ้นจาง ๆ ดูจากลักษณะท่าทางแล้วน่าจะมาสมัครเป็นบอดี้การ์ดมากกว่าเป็นเลขาฯ ด้วยซ้ำ
คนถัดมาคือ เด็กสาวหน้าใส ดูจากหน้าตาแล้วคาดว่าคงจะเป็นเด็กจบใหม่แน่ ๆ
และคนที่นั่งติดกับเธอ เป็นสาวสูงวัย น่าจะอายุห้าสิบกว่า ๆ แน่ ๆ เพราะผมที่รวบตึงนั้นมองเห็นเส้นผมสีเงินขึ้นแซมเกือบทั่วทั้งศีรษะ
เมื่อเห็นคนที่มาสัมภาษณ์ตำแหน่งเลขาวันนี้ทำให้กิ๊ฟแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเบา ๆ เพราะมั่นใจได้แน่ ๆ ว่าอายุ 30 ปีของเธอไม่มีผลต่อตำแหน่งนี้ ดังนั้น งานนี้เธอจะต้องคว้ามันมาให้ได้ เพื่อคอนโด !
คนรอสัมภาษณ์ถูกเรียกเข้าไป และออกมาคนแล้วคนเล่า บางคนใช้เวลาสัมภาษณ์ไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ ก็ออกมาพร้อมกับน้ำตานองหน้า
“ฉันก็แค่เกิดก่อนพวกคุณหรอกย่ะ ! ทำไม ผมฉันไปหงอกบนหัวพวกคุณรึไงยะ ทำไมต้องว่ากันแรง ๆ ด้วย !”
สาวสูงวัยเปิดประตูห้องสัมภาษณ์ออกมา พร้อมกับพ่นคำด่าออกมาดังลั่น กิ๊ฟที่นั่งรอเรียกสัมภาษณ์ถึงกับผงะ ยกมือขึ้นลูบอกตนเองด้วยความตกใจ
- นั่นมันห้องสัมภาษณ์ หรือ ห้องเชือดกันแน่ ทำไมแต่ละคนที่ออกมา สภาพถึงดูไม่ได้เลย –
ในขณะที่กิ๊ฟกำลังคิดอยู่นั้น เจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งก็ถือแฟ้มเอกสารออกมา แล้วเรียกชื่อเธอว่า
“ขอเชิญคุณกนกพิชญ์ เรืองระวี เข้าห้องสัมภาษณ์ได้แล้วค่ะ”
“ค่ะ ๆ”
กิ๊ฟละล่ำละลักรับคำ แล้วลุกขึ้นเดินตามเจ้าหน้าที่คนนั้นเข้าไป
ภายในห้องสัมภาษณ์นั้น เป็นห้องประชุมขนาดเล็ก ด้านในมีโต๊ะประชุมถูกจัดเป็นรูปตัวยู คณะกรรมการแต่ละท่านนั่งประจำที่โต๊ะแต่ละตัวโดยมีป้ายชื่อบอกตำแหน่ง
แล้วสายตาของเธอก็สะดุดอยู่ที่คนซึ่งนั่งในตำแหน่งประธานบริษัทเบื้องหน้า
- นั่นมันคนติดตามเจ้านายที่เคยไปบริษัทเก่าเธอไม่ใช่เหรอ ! –
หัวใจของกิ๊ฟหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม จากนั้นก็เต้นรัว เพราะชายหนุ่มที่เธอเข้าใจว่าเป็นพนักงานธรรมดา แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท ที่สำคัญวันนั้นเธอเดินชนเขา จนทำให้กาแฟหกราดเขาด้วย
- ตายห่า ตายห่าแล้ว ความหวังที่จะได้งานใหม่เป็นอันดับสูญแน่ ๆ –
“คุณกนกพิชญ์คะ เชิญนั่งค่ะ”
เจ้าหน้าที่สาวคนเดิมส่งเสียงขึ้น เมื่อเห็นว่าผู้สัมภาษณ์ยืนนิ่ง คณะกรรมการที่รอการสัมภาษณ์ก็เริ่มส่งสายตาเขม่นมอง
"ค่ะ"
กิ๊ฟ เอ่ยเบา ๆ พร้อมก้มหน้าลงเล็กน้อย พยายามเบี่ยงหน้าหลบไม่ให้คนที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธานบริษัทมองหน้าเธอได้ชัด
- วันนี้ฉันไม่ได้ใส่แว่น ทรงผมก็ไม่เหมือนวันนั้น เขาคงจำฉันไม่ได้หรอก... เขาจำไม่ได้ ต้องจำไม่ได้แน่ ๆ –
เธอภาวนาในใจ โดยหารู้ไม่ว่า ตั้งแต่เธอก้าวผ่านพ้นประตูเข้ามา ดวงตาคมกริบของท่านประธานหนุ่มก็จับจ้องอยู่ที่เธอแล้ว
- นั่นมันยัยสี่ตาที่เดินชนฉันนี่ ! –
ต่อให้เธอไม่ใส่แว่น หรือแต่งตัวเฉิดฉายกว่านี้ เขาก็จำเธอได้ไม่มีวันลืม คิ้วเข้ม ๆ ลับกับดวงตาสีเข้มที่ทอประกายหยิ่งทะนงในตัวเอง ริมฝีปากบางที่ตวาดใส่หน้าเขาในวันนั้นว่า “....ฉันไม่มีทางเป็นเลขารับใช้ใคร !” ประโยคนั้นยังตราตรึงอยู่ในห้วงความคิดเขาอยู่เสมอ
แล้วไย คนที่ประกาศอย่างห้าวหาญในวันนั้น กลับต้องซมซานมาสมัครงานในตำแหน่งนี้เสียแล้วล่ะ
“เชิญแนะนำตัวค่ะ”
คุณโฉมสอางค์ เป็นคนเริ่มคำถามพื้นฐานในการสัมภาษณ์
กิ๊ฟกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก นิวลอบส่งสายตาอย่างเอาใจช่วย โดยหารู้ไม่ว่า เพื่อนสาวกำลังเจอตอใหญ่เบ่อเริ่มเข้าให้แล้ว
“ดิฉัน... นางสาวกนกพิชญ์ เรืองระวี จบปริญญาตรีจาก.....”
“จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะบัญชีและบริหารธุรกิจหลักสูตรนานาชาติ (BBA) ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.95 เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และปริญญาโทในสาขาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว”
เสียงทุ้มจากคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทเอ่ยขึ้นแทนผู้สัมภาษณ์ทุกคนรอบด้านต่างเงียบกริบ สีหน้าแต่ละคนคล้ายกับแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน บางคนก้ม ๆ เงย ๆ คล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่างในแฟ้มเอกสารหัวใจของกิ๊ฟเต้นกระหน่ำแรงยิ่งขึ้นเมื่อเขาเอ่ยต่อมาว่า“ตำแหน่งงานล่าสุด คือ รองหัวหน้าการเงินและบัญชี บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ อย่าง เอ็มเอ็น จำกัด”เอ่ยจบ คิงก็กระตุกยิ้มที่มุมปากนิด ๆ คล้ายกับเจ้าแห่งนรกที่กำลังพิพากษาดวงวิญญาณที่ไร้หนทางสู้กิ๊ฟถึงกับหน้าซีดเผือด เพราะสิ่งที่เขาเอ่ยมานั้น เธอไม่ได้เขียนลงไปในใบสมัครงานแม้แต่น้อย แต่เขากลับรู้ประวัติของเธอเกือบทั้งหมดนั่นแสดงว่า เขาไม่เพียงแต่จำเธอได้ แต่ยังแค้นฝังใจด้วย !“ถูกไล่ออกจากงานหรือ ทำไมถึงได้มาสมัครงานในตำแหน่งเลขากระจอก ๆ แบบนี้ล่ะ”คิงจงใจใช้คำพูดจี้ใจดำหญิงสาวตรงหน้าหลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น เขาก็ให้คนไปสืบข้อมูลของเธอมาอย่างละเอียด และสวรรค์ก็ช่างเป็นใจ ส่งเธอให้มาสมัครงานในบริษัทของเขา ถึงเวลาที่เอาคืนเธอแล้ว !คณะกรรมการคนอื่น ๆ ราวกับจะกลั้นหายใจฟังการสนทนา รู้สึกกดดันแทนผู้ถูกสัมภาษณ์ เพราะเธอเป็นคนแรกที่ถูกประธานบริษัทเ
“กาแฟค่ะ”กิ๊ฟวางถ้วยกาแฟตรงหน้าท่านประธานหนุ่มอีกครั้ง แววตาเขาวูบขึ้นอย่างสำราญใจ ที่มุมปากมีรอยยิ้มจาง ๆ ซ่อนไว้ยากที่ใครจะมองออกคิงยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเช่นเคย ท่ามกลางสายตานับสิบคู่ของคณะกรรมการสัมภาษณ์งานในห้องประชุมทันทีที่ของเหลวอุ่น ๆ ไหลผ่านเข้าไปในโพรงปากสัมผัสกับลิ้นที่มีตุ่มรับรสชาตินับ 8,000 ตุ่ม วินาทีนั้น ร่างกายของเขาก็พ่นกาแฟออกมาทางเดิมพรวด !“ว๊าย”คุณโฉมสอางค์ที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือของบอสใหญ่ ลุกพรวดขึ้นพร้อมกับกรี๊ดดังลั่นด้วยความตกใจ“แค่ก ๆ”คิงสำลักเอาน้ำกาแฟที่ยังเหลือค้างอยู่ตามลำคอออกมา ใบหน้าเหยเก เป็นรสชาติกาแฟที่เขาจะจรดจำไปตลอดชั่วชีวิต !“น้ำค่ะ ท่าน”คุณโฉมสอางค์รีบยื่นน้ำเปล่าให้เจ้านาย พร้อมกับเจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งรีบส่งกระดาษทิชชูให้กิ๊ฟกลั้นหัวเราะเอาไว้จนตัวสั่น หน้าแดงก่ำ ส่วนนิวอ้าปากค้าง ตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน แล้วเมื่อเห็นสายตาคมดุจ้องเพื่อนสาวตัวต้นเหตุราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาก็ยกมือขึ้นปิดหน้า พร้อมกับพึมพำออกมาเบา ๆ ว่า“อีกิ๊ฟ... มึงตายแน่”คณะกรรมการท่านอื่น ๆ ก็คิดไม่ต่างจากเขา โดยเฉพาะคุณโฉมสอางค์ที่อยู่กับประธานบริษัทมานาน รู้ดีว่าคนท
คนขับอุทานออกมา ปนหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะคิดว่าจะได้ส่งผู้โดยสารในระยะไกลกว่านี้ แล้วจะได้เงินเพิ่มมากขึ้น“แค่นี้แหละลุง โธ่.... แดดใกล้เที่ยงมันร้อน หนูไม่อยากเดินตากแดดมาสถานีรถไฟฟ้า”กิ๊ฟตอบเลี่ยง ๆ ซึ่งความจริงแล้วที่เธอกระโดดขึ้นรถแท็กซี่เพราะต้องการหลบหนี ถ้าจะนั่งไปถึงคอนโดเลยก็กลัวว่าจะต้องจ่ายเงินเยอะ เธอจึงต้องลงตรงนี้แล้วนั่งรถไฟฟ้ากลับคอนโดจะประหยัดกว่าเมื่อรถจอดแล้ว มิเตอร์ขึ้นที่เลข 53 บาท เธอก็ล้วงเอาแบงก์ห้าสิบ แล้วค้นหาเศษเหรียญ 3 เหรียญแล้วยื่นให้คนขับพอดิบพอดี จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องแท็กซี่ไม่มีเงินทอน หรือบางรายอาจจะมีแต่ไม่ค่อยอยากจะทอนเงินให้ลูกค้า เพื่อหวังจะได้เงินเพิ่มเล็ก ๆ น้อย ๆณ คอนโด@กิ๊ฟ หลังจากกลับจากสัมภาษณ์งาน ตลอดทั้งช่วงบ่ายเธอก็จัดการโละชุดทำงานตัวเดิมขายทอดตลาดมือสองออกทั้งหมด แล้วซื้อชุดทำงานใหม่มาแทนตามคำแนะนำของนิวนี่เพื่อนชายหัวใจหญิงของเธอส่งข้อความเข้าไลน์มาจิกเธอเป็นระยะ ๆLine@นิวนี่ : ‘แกถ้าแกคิดไม่ออกว่าจะซื้อชุดแบบไหน ก็เปิดดูซีรี่ย์เรื่อง What's Wrong With Secretary Kim’Line@กิ๊ฟซ่า : ‘what?’Line@นิวนี่ : ‘หัดดูหนังดูละครบ้างนะแก
ณ บริษัท เอ็มเอ็นกรุป จำกัด ‘กนกพิชญ์ เรืองระวี’ หรือ กิ๊ฟ สตรีในชุดทำงานสีเรียบ ผมรวบตึง สวมแว่นสายตากรอบสีดำหนาเตอะ เดินฉับ ๆ มุ่งหน้ามายังโต๊ะหน้าห้องประธานบริษัท ซึ่งมีป้ายบอกตำแหน่ง เลขานุการเธอหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะแล้วกวาดสายตามองผ่านแว่นสายตาคล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่าง เมื่อไม่เห็นสิ่งที่ต้องการ เธอจึงก้าวเข้าไปรื้อค้นเอกสารในชั้นใต้โต๊ะทำงานอย่างถือวิสาสะ“คุณเลขาครับ รบกวนขอกาแฟดำร้อนสักแก้ว”เสียงทุ้มนั้นทำให้หญิงสาวที่กำลังค้นหาเอกสารหยุดชะงัก แล้วตวัดสายตาดุ ๆ มองไปยังต้นเสียง“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ใช่เลขา และคนอย่างฉันไม่มีทางที่จะเป็นเลขารับใช้ใคร”กิ๊ฟตอบกลับอย่างไม่เป็นมิตรพอ ๆ กับใบหน้าที่กำลังอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก เพราะเมื่อเช้าเธอเพิ่งจะได้ยินพนักงานฝ่ายบัญชีกำลังซุบซิบนินทาว่า คนที่ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าแผนกบัญชี คือ เทมมี่ เลขาสาวสวยหน้าห้องท่านประธานบริษัท แทนที่จะเป็นเธอ !เธอไม่เชื่อว่า ประธานบริษัทจะทำแบบนี้ ดังนั้น เธอจึงมาค้นหาเอกสารหลักฐานการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการที่โต๊ะของเทมมี่ชายหนุ่มเมื่อได้ยินพนักงานบริษัทที่เขามาเจรจาธุรกิจด้วยตอบกลับมาดังนั้น ก็หน้าตึ
“ไม่ต้องมาแสดงละคร เธอใช้เต้าไต่จนสมใจเธอแล้วนี่”กิ๊ฟสะบัดแขนออกจากเทมมี่ พร้อมกับตะคอกใส่อีกฝ่ายคำพูดของเธอนั้น ดังพอที่จะทำให้พนักงานทุกคนในห้องได้ยินทั่วถึงกัน แล้วต่างสบตากันเลิ่กลั่ก ทุกคนต่างก็รู้กันทั้งนั้น ว่าประธานบริษัทในวัยห้าสิบห้าปีกับเลขาสาวสวยแอบกินกันลับ ๆ แต่ไม่มีใครกล้าประจานเจ้านายซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้“พี่กิ๊ฟ ! พี่กิ๊ฟพูดอะไรออกมาคะ”เทมมี่บีบน้ำตา น้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกับว่าถูกปรักปรำอย่างเหลือร้าย“ผมไล่คุณออกตั้งแต่วันนี้ !”มาโนชย์ชี้หน้าลูกน้องหัวแข็งของตนอย่างเดือดดาลคนถูกไล่ออกเชิดหน้าขึ้น ไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำว่า“เจ้านายห่วย ๆ ที่เห็นเต้าอวบ ๆ ดีกว่าผลงานแบบนี้ ถึงไม่ไล่ออก ฉันก็จะออก !”สิ้นคำ เธอก็ขยำหนังสือแต่งตั้งหัวหน้าฝ่ายบัญชีคนใหม่เป็นก้อนกลม ๆ แล้วปาใส่หน้าเทมมี่“ว้าย !”เทมมี่ร้องเสียงหลง ด้วยความตกใจ“ไปเลย ! อยากอวดดีนักก็เชิญออกไปเลย อายุเธอก็ไม่น้อยแล้ว ฉันอยากจะรู้นักว่าจะมีบริษัทไหนรับเธอเข้าทำงาน !”ประธานบริษัทตะโกนไล่หลังกิ๊ฟอย่างหัวเสียกิ๊ฟสาวเท้ารีบเดินออกไปจากที่นั่น เธอไม่อยากให้พวกเขาเห็นว่
กิ๊ฟโวยวาย กี่ครั้งแล้วที่เธอต้องถูกประเมินอย่างไม่เป็นธรรมแบบนี้ “แกต้องออกมาอยู่กับโลกความเป็นจริงบ้าง เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมการทำงานจริง ๆ ซึ่งมันไม่ได้ตรงเป๊ะเหมือนกับในหนังสือ หรือตัวเลขที่แกเรียนมา”นุ้ยพยายามจะพูดให้เพื่อนเข้าใจ และปรับตัว หากขืนมันยังเป็นแบบนี้ ต่อให้เข้าทำงานอีกกี่ที่ก็คงจะลงท้ายอีกหรอบเดิม“กูไม่เข้าใจเว้ย !..... ทำไมว่ะ... ทำไมชีวิตกูมันถึงต้องเป็นแบบนี้ งานวันเกิดกูแต่กลับต้องมาฉลองย้อมใจเพราะตกงาน.... เหี้ยเอ๊ย”กิ๊ฟคร่ำครวญออกมา พร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว วันเกิดปีนี้เธออายุครบ 30 ปีแล้ว แต่ชีวิตของเธอยังไม่เข้าใกล้คำว่า “ประสบความสำเร็จ” แม้แต่น้อย“เฮ้ย ๆ พอ ๆ อีกิ๊ฟ กระดกเป็นน้ำเปล่าแบบนี้ เดี๋ยวได้เมาหัวทิ่มกันพอดี”นิวรีบห้ามเพื่อนกิ๊ฟยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปาก แล้วพร่ำบ่นต่อไปว่า“ตอนเรียน กูก็ตั้งใจเรียน ได้เอทุกวิชา เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของประเทศ แต่แมร่ง มึงดูกูตอนนี้สิ ตกงาน ! ฮ่า ๆ”คนตกงานเดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เธอยกมือขึ้นชี้นิ้วกราดไปที่เพื่อนแต่ละคน พร้อมกับพูดว่า“ในขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ ในรุ่
ฟางบิดตัวไปมา แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวโทรศัพท์แทบจะหลุดร่วงลงจากมือ เมื่อได้ยินเสียงดุ ๆ ดังขึ้นว่า“ถ้าไม่ทำงาน... ก็ออกไปหาแฟนตอนนี้เลยก็ได้ แล้วไม่ต้องกลับมาที่บริษัทอีก”“ท่านประธาน.... นะ หนูขอโทษค่ะ”ฟางรีบเก็บโทรศัพท์ลงแล้วยกมือไหว้ขอโทษ“แปดโมงเช้า ถึงห้าโมงเย็น คือเวลางาน หากใครใช้เวลาทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานให้หักคะแนนความประพฤติ”คิงเอ่ยเสียงเข้ม คนถูกดุก้มหน้าลง มือไม้สั่นไปหมด “คุณโฉมสอางค์ จดบันทึกเอาไว้ด้วย”เขาหันไปสั่งหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่เดินตามหลังมาติด ๆ“ค่ะ ท่านประธาน” โฉมสอางค์รีบรับคำ พลางส่งสายตาเห็นใจไปที่พนักงานน้องใหม่ที่เพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่ถึงปี ก็ถูกหักคะแนนเสียแล้วจากนั้น ท่านประธานบริษัทก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงาน เมื่อประตูห้องปิดลง พนักงานต่างถอนหายใจโล่งออกมาตาม ๆ กัน“ยัยฟาง ! เธอไม่เห็นข้อความแจ้งเตือนในไลน์กลุ่มพนักงานบริษัทรึไง”พี่นา สาวใหญ่วัยสี่สิบห้าปีดุลูกน้องเสียงเขียว“พอดี... แฟนหนูโทรมา หนูเลยไม่เห็นข้อความในไลน์ค่ะ พี่นา”ฟางเอ่ยเสียงอ่อย ทำท่าจะร้องไห้ คะแนนเธอถูกหักอีกแล้ว คาดว่าปลายปีคงจะไม่ได้โบนัสแน่ ๆ“ทีหน้าทีหลังจะทำอะไรก็อ
“อิ อิ พี่โฉม... แต่บอสใหญ่หล่อ... สูง... ยาวเข่าดีมากเลยนะ”นิวยังแกล้งล้อไม่เลิก ฝ่ายนั้นจึงแหวขึ้นว่า“หล่อแต่โหดไร้ใจแบบนี้ พี่ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ ที่สำคัญพี่มีลูกมีผัวแล้ว หากน้องนิวสน... จะสมัครเป็นเลขาไหมล่ะคะ”เมื่อได้ยินดังนั้น นิวถึงกลับหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา เขายังจำได้ดี ตอนที่ท่านประธานเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ๆ เพียงแค่ก้าวเข้ามาในบริษัท ความหล่อเหลาตามแบบฉบับลูกครึ่งไทยจีน ทำเอาสาว ๆ ในสำนักงานต่างมองกันตาค้าง และแล่นอยากจะเป็นเลขาฯ รับใช้ใกล้ชิดคุณภูวเดชกันทั้งนั้นแต่เมื่อถึงเวลาทำงานกันจริง ๆ ทุกคนต่างเข็ดขยาดกับการทำงานอย่างจริงจังของเขา พูดหยอกล้อบอสใหญ่เพียงนิดเดียวก็ถูกตวาด หรือ แค่ส่งเอกสารผิดพลาดก็ถูกตะคอก บางคนรับไม่ไหวถึงกับร้องห่มร้องไห้ขอลาออกด้วยตนเอง และปัจจุบัน สาว ๆ ในบริษัทก็ไม่กล้าแม้แต่จะส่งสายตาหยาดเยิ้มให้บอสใหญ่อีกเลยหลบได้ควรหลบ เลี่ยงได้ควรเลี่ยง ! -“ไม่ดีกว่าค่ะ... นิวยังมีผัวที่ต้องหาเลี้ยงอีกหลายคน นิวยังไม่อยากตกงานค่ะ”นิวเอ่ยเสียงอ่อย ลงท้ายด้วยคำว่าค่ะ อย่างเต็มคำด้วยความเคยชิน แม้ว่าร่างกายของเขาจะเป็นชาย แต่ใจเป็นหญิงเต็มเปี่ยม และไม่คิดที่จะป