เสียงทุ้มจากคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทเอ่ยขึ้นแทนผู้สัมภาษณ์
ทุกคนรอบด้านต่างเงียบกริบ สีหน้าแต่ละคนคล้ายกับแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน บางคนก้ม ๆ เงย ๆ คล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่างในแฟ้มเอกสาร
หัวใจของกิ๊ฟเต้นกระหน่ำแรงยิ่งขึ้นเมื่อเขาเอ่ยต่อมาว่า
“ตำแหน่งงานล่าสุด คือ รองหัวหน้าการเงินและบัญชี บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ อย่าง เอ็มเอ็น จำกัด”
เอ่ยจบ คิงก็กระตุกยิ้มที่มุมปากนิด ๆ คล้ายกับเจ้าแห่งนรกที่กำลังพิพากษาดวงวิญญาณที่ไร้หนทางสู้
กิ๊ฟถึงกับหน้าซีดเผือด เพราะสิ่งที่เขาเอ่ยมานั้น เธอไม่ได้เขียนลงไปในใบสมัครงานแม้แต่น้อย แต่เขากลับรู้ประวัติของเธอเกือบทั้งหมด
นั่นแสดงว่า เขาไม่เพียงแต่จำเธอได้ แต่ยังแค้นฝังใจด้วย !
“ถูกไล่ออกจากงานหรือ ทำไมถึงได้มาสมัครงานในตำแหน่งเลขากระจอก ๆ แบบนี้ล่ะ”
คิงจงใจใช้คำพูดจี้ใจดำหญิงสาวตรงหน้า
หลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น เขาก็ให้คนไปสืบข้อมูลของเธอมาอย่างละเอียด และสวรรค์ก็ช่างเป็นใจ ส่งเธอให้มาสมัครงานในบริษัทของเขา ถึงเวลาที่เอาคืนเธอแล้ว !
คณะกรรมการคนอื่น ๆ ราวกับจะกลั้นหายใจฟังการสนทนา รู้สึกกดดันแทนผู้ถูกสัมภาษณ์ เพราะเธอเป็นคนแรกที่ถูกประธานบริษัทเชือดตั้งแต่วินาทีแรกที่เอ่ยปาก ราวกับว่าจะไม่ให้เธอได้ผุดได้เกิดเสียอย่างนั้น
กิ๊ฟเม้มริมฝีปากแน่น คำพูดของเขาทำให้เธอหน้าชาไปหมด ดวงตาที่หวาดหวั่นเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าววาวโรจน์ขึ้นด้วยความโกรธ
นิวที่นั่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการตลาด แอบส่งซิกให้เพื่อนสาวใจเย็น ๆ
- คอนโด.... คอนโด.... –
นิวทำปากพะงาบ ๆ เอ่ยไม่ออกเสียง ให้เพื่อนสาวเห็นเพียงคนเดียว ในใจก็สวดมนต์อ้อนวอนต่อพระเจ้าว่า ขอให้อีกิ๊ฟมีสติ อย่าให้มันระเบิดอารมณ์ออกมาตอนนี้เลย ไม่งั้น... ศึกมหาสงครามได้เกิดขึ้นกลางกรุงเทพแน่ ๆ
กิ๊ฟพอจะอ่านปากนิวออก เธอสูดลมหายใจเข้า ...คอนโด.... ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออก ....คอนโด... หากเธอไม่ได้งาน ไม่มีเงินผ่อนคอนโด เดือนต่อไปเธอต้องไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่ ๆ
ฉับพลันนั้น เธอก็ปั้นยิ้ม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำจนแทบจะเน้นเสียงลงทุกคำว่า
“ดิฉันไม่ได้ถูกไล่ออกค่ะ แต่ดิฉันยื่นหนังสือลาออกด้วยตนเอง และเหตุผลที่ออกคือเรื่องส่วนตัว”
คำตอบนั้น ทำเอาคณะกรรมการสัมภาษณ์งานที่นั่งอยู่สะบัดร้อนสะบัดหนาวไปตาม ๆ กัน เพราะคำตอบนั้นสื่อความหมายไปถึงบอสใหญ่ว่า
– ฉันออกจากงานเป็นเรื่องส่วนตัว กรุณาอย่าสาระแน -
“....และดิฉันไม่เคยคิดว่า ตำแหน่งเลขากระจอก เพราะตำแหน่งเลขานุการ คือ ผู้ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ท่านประธานบริษัท เปรียบเสมือนเลขศูนย์ ที่ทุกคนคิดว่าไม่มีค่า แต่ถ้าเราเอาเลขศูนย์ไปคูณกับตัวเลขอื่น ๆ ดูสิคะ ไม่ว่าจะเก้าหมื่นเก้าพัน หรือ แปดร้อยล้าน สุดท้ายก็กลายเป็นศูนย์ พังพินาศได้เช่นกัน”
กิ๊ฟจ้องดวงตาคมกริบของคิงอย่างไม่หวั่นเกรง ราวกับจะประกาศให้เขารู้ว่า เธอไม่ใช่มดที่เขาจะมาบี้ได้ง่าย ๆ แต่เธอเป็นระเบิด พร้อมที่จะสู้ให้พังพินาศกันไปข้างหนึ่ง
- โอ้แม่เจ้า... มงลงหัวอีกิ๊ฟไปเลยจ้า –
นิวอุทานในใจ แทบอยากจะลุกขึ้นปรบมือรัว ๆ ให้เพื่อนสาว แต่แล้วเขาก็ดีได้เพียงไม่นาน เมื่อบอสใหญ่เอ่ยสวนกลับอย่างเนิบนาบทันทีว่า
“คุณคิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือ คำพูดของคุณจริงใจแค่ไหนกัน”
“ดิฉันพร้อมจะพิสูจน์ความจริงใจให้คุณเห็นค่ะ หากว่าคุณจะให้โอกาส”
กิ๊ฟยื่นข้อเสนอทันที นิวได้ยินเช่นนั้นก็แอบยกนิ้วโป้งให้เพื่อนสาวใต้โต๊ะ - สมกับเป็นอีกิ๊ฟซ่า ท่าพระจันทร์จริง ๆ -
“งั้นคุณก็ไปชงกาแฟมาให้ผม หากผมพอใจ.... ผมก็จะยอมรับคุณเข้าทำงาน”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
กิ๊ฟเชิดหน้าขึ้นตอบรับ พลางคร่ำครวญในใจว่า - อีตาหน้าดุนี่ จะมาไม้ไหนอีกเนี่ย ! –
จากนั้น เจ้าหน้าที่สาวคนเดิมก็พากิ๊ฟไปยังห้องครัวที่อยู่ด้านหลังห้องประชุม ห้องครัวนี้มีไว้สำหรับจัดเตรียมของว่าง หรืออาหารง่าย ๆ สำหรับการประชุม
“เชิญคุณกนกพิชญ์ ตามสบายเลยนะคะ”
“เอ่อ... เดี๋ยวสิคะ ไม่ทราบว่า ท่านประธานฯ ชอบดื่มกาแฟแบบไหนคะ”
กิ๊ฟรีบเอ่ยถามเจ้าหน้าที่สาวคนนั้น เพราะกาแฟมีหลากหลายรสชาติ แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน ดังนั้น หากอยากจะเอาชนะเขา ก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเขาชอบแบบไหน
“เอ่อ... ดิฉันไม่ทราบค่ะ ต้องขออภัยจริง ๆ นะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เมื่อเจ้าหน้าที่สาวคนนั้นออกไปแล้ว กิ๊ฟจึงต้องทดลองเดาใจท่านประธานหน้าดุดูสักหน่อย
โดยเริ่มจากกาแฟดำขั้นพื้นก่อน เธอตักเพียงผงกาแฟใส่น้ำร้อนแล้วนำไปเสิร์ฟที่โต๊ะท่านประธาน ฯ ซึ่งบัดนี้เขาเปลี่ยนท่านั่งเป็นเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบาย ๆ ขายาว ๆ ของเขายกขึ้นไขว่ห้าง รูปร่างได้สัดส่วนของเขาทำให้ดูเหมือนกับประติมากรรมชั้นเยี่ยม ทำให้กิ๊ฟอดที่จะประหม่าไม่ได้เมื่อต้องเข้าไปเสิร์ฟกาแฟเขาใกล้ ๆ
“เชิญดื่มค่ะ”
เธอบรรจงวางแก้วกาแฟร้อน ๆ ตรงหน้าเขา แล้วขยับตัวถอยออกห่างในระยะเหมาะสม
เขายกกาแฟขึ้นจิบคำเล็ก ๆ ใบหน้านิ่งเฉยจนคาดเดาไม่ถูกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ดื่มน้ำล้างจานยังดีกว่านี้ ไปชงมาใหม่”
คิงเอ่ยเสียงต่ำ
“รับทราบค่ะ”
กิ๊ฟยกแก้วกาแฟกลับไป แล้วไปชงกาแฟแก้วที่สองมาใหม่อย่างว่าง่าย
“เชิญดื่มค่ะ”
“ขมไป... ฉันต้องการกินกาแฟนะ ไม่ใช่กินยา ชงมาใหม่”
“รับทราบค่ะ”
จากนั้น กิ๊ฟแทบจะวิ่งเข้าวิ่งออกห้องครัวเพื่อชงกาแฟให้เขาดื่ม แก้วที่ 3 4 5 6 7.....
“ทั้งหวาน ทั้งมัน... ขืนฉันกินเข้าไป เป็นเบาหวานตายพอดี ไปชงมาใหม่”
“รับทราบค่ะ”
แก้วที่ 11 12 13 14..... จนกระทั่งถึงแก้วที่ 20 เขาก็ยังไม่พอใจ !
เคร้ง !
กิ๊ฟกระแทกแก้วใส่อ่างล้างจานด้วยความโมโห เธออุตส่าห์ตั้งใจชงกาแฟให้เขาทุกแก้วอย่างบรรจง ค่อยเติมเมล็ดกาแฟ น้ำตาลนิด ครีมหน่อย หวังว่าเขาจะถูกใจสักแก้ว แต่สุดท้ายเขาก็ไล่เธอให้กลับมาชงใหม่อยู่ดี
“แบบนี้มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ”
เขาต้องการแก้แค้นเธอแน่ ๆ เพราะวันนั้นเธอปฏิเสธไม่ยอมไปชงกาแฟมาเสิร์ฟเขา
“ไม่ได้งาน ก็ไม่ได้งานสิวะ เจ้านายเรื่องมาก เอาใจยากแบบนี้ อีกิ๊ฟจะไม่ทน !”
พูดจบ เธอก็หันไปคว้าเอากระปุกสีขาวเล็ก ๆ เปิดฝาออกแล้วเทใส่แก้วกาแฟจนหมดกระปุก เติมน้ำร้อน ต่อด้วยตักกาแฟบดใส่ลงไปลวก ๆ แล้วคนให้เข้ากัน
“กาแฟถ้วยนี้..... พิเศษสำหรับท่านประธานนะคะ”
หญิงสาวยิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มนั้น คล้ายกับแม่มดมองหม้อต้มยาที่กำลังเดือดปุด ๆ อย่างพึงพอใจ
“กาแฟค่ะ”กิ๊ฟวางถ้วยกาแฟตรงหน้าท่านประธานหนุ่มอีกครั้ง แววตาเขาวูบขึ้นอย่างสำราญใจ ที่มุมปากมีรอยยิ้มจาง ๆ ซ่อนไว้ยากที่ใครจะมองออกคิงยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเช่นเคย ท่ามกลางสายตานับสิบคู่ของคณะกรรมการสัมภาษณ์งานในห้องประชุมทันทีที่ของเหลวอุ่น ๆ ไหลผ่านเข้าไปในโพรงปากสัมผัสกับลิ้นที่มีตุ่มรับรสชาตินับ 8,000 ตุ่ม วินาทีนั้น ร่างกายของเขาก็พ่นกาแฟออกมาทางเดิมพรวด !“ว๊าย”คุณโฉมสอางค์ที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือของบอสใหญ่ ลุกพรวดขึ้นพร้อมกับกรี๊ดดังลั่นด้วยความตกใจ“แค่ก ๆ”คิงสำลักเอาน้ำกาแฟที่ยังเหลือค้างอยู่ตามลำคอออกมา ใบหน้าเหยเก เป็นรสชาติกาแฟที่เขาจะจรดจำไปตลอดชั่วชีวิต !“น้ำค่ะ ท่าน”คุณโฉมสอางค์รีบยื่นน้ำเปล่าให้เจ้านาย พร้อมกับเจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งรีบส่งกระดาษทิชชูให้กิ๊ฟกลั้นหัวเราะเอาไว้จนตัวสั่น หน้าแดงก่ำ ส่วนนิวอ้าปากค้าง ตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน แล้วเมื่อเห็นสายตาคมดุจ้องเพื่อนสาวตัวต้นเหตุราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาก็ยกมือขึ้นปิดหน้า พร้อมกับพึมพำออกมาเบา ๆ ว่า“อีกิ๊ฟ... มึงตายแน่”คณะกรรมการท่านอื่น ๆ ก็คิดไม่ต่างจากเขา โดยเฉพาะคุณโฉมสอางค์ที่อยู่กับประธานบริษัทมานาน รู้ดีว่าคนท
คนขับอุทานออกมา ปนหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะคิดว่าจะได้ส่งผู้โดยสารในระยะไกลกว่านี้ แล้วจะได้เงินเพิ่มมากขึ้น“แค่นี้แหละลุง โธ่.... แดดใกล้เที่ยงมันร้อน หนูไม่อยากเดินตากแดดมาสถานีรถไฟฟ้า”กิ๊ฟตอบเลี่ยง ๆ ซึ่งความจริงแล้วที่เธอกระโดดขึ้นรถแท็กซี่เพราะต้องการหลบหนี ถ้าจะนั่งไปถึงคอนโดเลยก็กลัวว่าจะต้องจ่ายเงินเยอะ เธอจึงต้องลงตรงนี้แล้วนั่งรถไฟฟ้ากลับคอนโดจะประหยัดกว่าเมื่อรถจอดแล้ว มิเตอร์ขึ้นที่เลข 53 บาท เธอก็ล้วงเอาแบงก์ห้าสิบ แล้วค้นหาเศษเหรียญ 3 เหรียญแล้วยื่นให้คนขับพอดิบพอดี จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องแท็กซี่ไม่มีเงินทอน หรือบางรายอาจจะมีแต่ไม่ค่อยอยากจะทอนเงินให้ลูกค้า เพื่อหวังจะได้เงินเพิ่มเล็ก ๆ น้อย ๆณ คอนโด@กิ๊ฟ หลังจากกลับจากสัมภาษณ์งาน ตลอดทั้งช่วงบ่ายเธอก็จัดการโละชุดทำงานตัวเดิมขายทอดตลาดมือสองออกทั้งหมด แล้วซื้อชุดทำงานใหม่มาแทนตามคำแนะนำของนิวนี่เพื่อนชายหัวใจหญิงของเธอส่งข้อความเข้าไลน์มาจิกเธอเป็นระยะ ๆLine@นิวนี่ : ‘แกถ้าแกคิดไม่ออกว่าจะซื้อชุดแบบไหน ก็เปิดดูซีรี่ย์เรื่อง What's Wrong With Secretary Kim’Line@กิ๊ฟซ่า : ‘what?’Line@นิวนี่ : ‘หัดดูหนังดูละครบ้างนะแก
ณ บริษัท เอ็มเอ็นกรุป จำกัด ‘กนกพิชญ์ เรืองระวี’ หรือ กิ๊ฟ สตรีในชุดทำงานสีเรียบ ผมรวบตึง สวมแว่นสายตากรอบสีดำหนาเตอะ เดินฉับ ๆ มุ่งหน้ามายังโต๊ะหน้าห้องประธานบริษัท ซึ่งมีป้ายบอกตำแหน่ง เลขานุการเธอหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะแล้วกวาดสายตามองผ่านแว่นสายตาคล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่าง เมื่อไม่เห็นสิ่งที่ต้องการ เธอจึงก้าวเข้าไปรื้อค้นเอกสารในชั้นใต้โต๊ะทำงานอย่างถือวิสาสะ“คุณเลขาครับ รบกวนขอกาแฟดำร้อนสักแก้ว”เสียงทุ้มนั้นทำให้หญิงสาวที่กำลังค้นหาเอกสารหยุดชะงัก แล้วตวัดสายตาดุ ๆ มองไปยังต้นเสียง“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ใช่เลขา และคนอย่างฉันไม่มีทางที่จะเป็นเลขารับใช้ใคร”กิ๊ฟตอบกลับอย่างไม่เป็นมิตรพอ ๆ กับใบหน้าที่กำลังอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก เพราะเมื่อเช้าเธอเพิ่งจะได้ยินพนักงานฝ่ายบัญชีกำลังซุบซิบนินทาว่า คนที่ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าแผนกบัญชี คือ เทมมี่ เลขาสาวสวยหน้าห้องท่านประธานบริษัท แทนที่จะเป็นเธอ !เธอไม่เชื่อว่า ประธานบริษัทจะทำแบบนี้ ดังนั้น เธอจึงมาค้นหาเอกสารหลักฐานการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการที่โต๊ะของเทมมี่ชายหนุ่มเมื่อได้ยินพนักงานบริษัทที่เขามาเจรจาธุรกิจด้วยตอบกลับมาดังนั้น ก็หน้าตึ
“ไม่ต้องมาแสดงละคร เธอใช้เต้าไต่จนสมใจเธอแล้วนี่”กิ๊ฟสะบัดแขนออกจากเทมมี่ พร้อมกับตะคอกใส่อีกฝ่ายคำพูดของเธอนั้น ดังพอที่จะทำให้พนักงานทุกคนในห้องได้ยินทั่วถึงกัน แล้วต่างสบตากันเลิ่กลั่ก ทุกคนต่างก็รู้กันทั้งนั้น ว่าประธานบริษัทในวัยห้าสิบห้าปีกับเลขาสาวสวยแอบกินกันลับ ๆ แต่ไม่มีใครกล้าประจานเจ้านายซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้“พี่กิ๊ฟ ! พี่กิ๊ฟพูดอะไรออกมาคะ”เทมมี่บีบน้ำตา น้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกับว่าถูกปรักปรำอย่างเหลือร้าย“ผมไล่คุณออกตั้งแต่วันนี้ !”มาโนชย์ชี้หน้าลูกน้องหัวแข็งของตนอย่างเดือดดาลคนถูกไล่ออกเชิดหน้าขึ้น ไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำว่า“เจ้านายห่วย ๆ ที่เห็นเต้าอวบ ๆ ดีกว่าผลงานแบบนี้ ถึงไม่ไล่ออก ฉันก็จะออก !”สิ้นคำ เธอก็ขยำหนังสือแต่งตั้งหัวหน้าฝ่ายบัญชีคนใหม่เป็นก้อนกลม ๆ แล้วปาใส่หน้าเทมมี่“ว้าย !”เทมมี่ร้องเสียงหลง ด้วยความตกใจ“ไปเลย ! อยากอวดดีนักก็เชิญออกไปเลย อายุเธอก็ไม่น้อยแล้ว ฉันอยากจะรู้นักว่าจะมีบริษัทไหนรับเธอเข้าทำงาน !”ประธานบริษัทตะโกนไล่หลังกิ๊ฟอย่างหัวเสียกิ๊ฟสาวเท้ารีบเดินออกไปจากที่นั่น เธอไม่อยากให้พวกเขาเห็นว่
กิ๊ฟโวยวาย กี่ครั้งแล้วที่เธอต้องถูกประเมินอย่างไม่เป็นธรรมแบบนี้ “แกต้องออกมาอยู่กับโลกความเป็นจริงบ้าง เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมการทำงานจริง ๆ ซึ่งมันไม่ได้ตรงเป๊ะเหมือนกับในหนังสือ หรือตัวเลขที่แกเรียนมา”นุ้ยพยายามจะพูดให้เพื่อนเข้าใจ และปรับตัว หากขืนมันยังเป็นแบบนี้ ต่อให้เข้าทำงานอีกกี่ที่ก็คงจะลงท้ายอีกหรอบเดิม“กูไม่เข้าใจเว้ย !..... ทำไมว่ะ... ทำไมชีวิตกูมันถึงต้องเป็นแบบนี้ งานวันเกิดกูแต่กลับต้องมาฉลองย้อมใจเพราะตกงาน.... เหี้ยเอ๊ย”กิ๊ฟคร่ำครวญออกมา พร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว วันเกิดปีนี้เธออายุครบ 30 ปีแล้ว แต่ชีวิตของเธอยังไม่เข้าใกล้คำว่า “ประสบความสำเร็จ” แม้แต่น้อย“เฮ้ย ๆ พอ ๆ อีกิ๊ฟ กระดกเป็นน้ำเปล่าแบบนี้ เดี๋ยวได้เมาหัวทิ่มกันพอดี”นิวรีบห้ามเพื่อนกิ๊ฟยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปาก แล้วพร่ำบ่นต่อไปว่า“ตอนเรียน กูก็ตั้งใจเรียน ได้เอทุกวิชา เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของประเทศ แต่แมร่ง มึงดูกูตอนนี้สิ ตกงาน ! ฮ่า ๆ”คนตกงานเดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เธอยกมือขึ้นชี้นิ้วกราดไปที่เพื่อนแต่ละคน พร้อมกับพูดว่า“ในขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ ในรุ่
ฟางบิดตัวไปมา แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวโทรศัพท์แทบจะหลุดร่วงลงจากมือ เมื่อได้ยินเสียงดุ ๆ ดังขึ้นว่า“ถ้าไม่ทำงาน... ก็ออกไปหาแฟนตอนนี้เลยก็ได้ แล้วไม่ต้องกลับมาที่บริษัทอีก”“ท่านประธาน.... นะ หนูขอโทษค่ะ”ฟางรีบเก็บโทรศัพท์ลงแล้วยกมือไหว้ขอโทษ“แปดโมงเช้า ถึงห้าโมงเย็น คือเวลางาน หากใครใช้เวลาทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานให้หักคะแนนความประพฤติ”คิงเอ่ยเสียงเข้ม คนถูกดุก้มหน้าลง มือไม้สั่นไปหมด “คุณโฉมสอางค์ จดบันทึกเอาไว้ด้วย”เขาหันไปสั่งหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่เดินตามหลังมาติด ๆ“ค่ะ ท่านประธาน” โฉมสอางค์รีบรับคำ พลางส่งสายตาเห็นใจไปที่พนักงานน้องใหม่ที่เพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่ถึงปี ก็ถูกหักคะแนนเสียแล้วจากนั้น ท่านประธานบริษัทก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงาน เมื่อประตูห้องปิดลง พนักงานต่างถอนหายใจโล่งออกมาตาม ๆ กัน“ยัยฟาง ! เธอไม่เห็นข้อความแจ้งเตือนในไลน์กลุ่มพนักงานบริษัทรึไง”พี่นา สาวใหญ่วัยสี่สิบห้าปีดุลูกน้องเสียงเขียว“พอดี... แฟนหนูโทรมา หนูเลยไม่เห็นข้อความในไลน์ค่ะ พี่นา”ฟางเอ่ยเสียงอ่อย ทำท่าจะร้องไห้ คะแนนเธอถูกหักอีกแล้ว คาดว่าปลายปีคงจะไม่ได้โบนัสแน่ ๆ“ทีหน้าทีหลังจะทำอะไรก็อ
“อิ อิ พี่โฉม... แต่บอสใหญ่หล่อ... สูง... ยาวเข่าดีมากเลยนะ”นิวยังแกล้งล้อไม่เลิก ฝ่ายนั้นจึงแหวขึ้นว่า“หล่อแต่โหดไร้ใจแบบนี้ พี่ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ ที่สำคัญพี่มีลูกมีผัวแล้ว หากน้องนิวสน... จะสมัครเป็นเลขาไหมล่ะคะ”เมื่อได้ยินดังนั้น นิวถึงกลับหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา เขายังจำได้ดี ตอนที่ท่านประธานเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ๆ เพียงแค่ก้าวเข้ามาในบริษัท ความหล่อเหลาตามแบบฉบับลูกครึ่งไทยจีน ทำเอาสาว ๆ ในสำนักงานต่างมองกันตาค้าง และแล่นอยากจะเป็นเลขาฯ รับใช้ใกล้ชิดคุณภูวเดชกันทั้งนั้นแต่เมื่อถึงเวลาทำงานกันจริง ๆ ทุกคนต่างเข็ดขยาดกับการทำงานอย่างจริงจังของเขา พูดหยอกล้อบอสใหญ่เพียงนิดเดียวก็ถูกตวาด หรือ แค่ส่งเอกสารผิดพลาดก็ถูกตะคอก บางคนรับไม่ไหวถึงกับร้องห่มร้องไห้ขอลาออกด้วยตนเอง และปัจจุบัน สาว ๆ ในบริษัทก็ไม่กล้าแม้แต่จะส่งสายตาหยาดเยิ้มให้บอสใหญ่อีกเลยหลบได้ควรหลบ เลี่ยงได้ควรเลี่ยง ! -“ไม่ดีกว่าค่ะ... นิวยังมีผัวที่ต้องหาเลี้ยงอีกหลายคน นิวยังไม่อยากตกงานค่ะ”นิวเอ่ยเสียงอ่อย ลงท้ายด้วยคำว่าค่ะ อย่างเต็มคำด้วยความเคยชิน แม้ว่าร่างกายของเขาจะเป็นชาย แต่ใจเป็นหญิงเต็มเปี่ยม และไม่คิดที่จะป
นิวพ่นคำพูดออกมาแทบไม่หายใจ หัวใจยังคงเต้นระทึกกับเหตุการณ์เมื่อครู่ นี่ถ้าบีไม่โทรบอกให้เขามาเยี่ยมกิ๊ฟ พรุ่งนี้เพื่อน ๆ คงได้ไปงานศพมันแทนแน่ ๆคนถูกดุปรือตาขึ้นมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้างวยงง ก่อนที่จะขยับริมฝีปากเอ่ยออกมาว่า“ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตาย ฉันแค่หน้ามืดจะเป็นลม”กิ๊ฟบอกเพื่อน พร้อมกับเสียงท้องร้องดังประกอบคำพูด......โครกคราก.....“นี่แก อย่าบอกนะว่าแกหิวข้าวจนเป็นลมน่ะ”คนถูกถามพยักหน้าแทนคำตอบ นิวเหลือบตาขึ้นบนอย่างเซ็ง ๆ แล้วตะคอกใส่หน้าคนหิวว่า“เมื่อครู่ กูหัวใจจะวายตายแล้วอีกิ๊ฟ !”“สรุปคือ... มึงไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ก็เลยต้องกินมาม่าแทนข้าวมาเป็นเดือนแล้ว”นิวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวยัดข้าวผัดลงท้องจวนจะเกลี้ยงจานแล้วโชคดีที่เขาซื้อข้าวกล่องติดมือขึ้นมาด้วย เพราะตั้งใจว่าจะมากินข้าวเย็นเม้าท์มอยตามประสาเพื่อนสาว แต่เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง เขาเคาะประตูห้องตั้งนานแต่ไม่มีคนออกมาเปิดให้ และรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างจึงหยิบเอาคีย์การ์ดสำรอง ที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มเท่านั้น ที่รู้ว่าเจ้าของห้องซ่อนไว้ใต้ป้ายเลขห้องดังนั้น เขาจึงเปิดประตูห้องของเพื่อนสาวเข้ามา และช่วยเธอก่อนท