นิวพ่นคำพูดออกมาแทบไม่หายใจ หัวใจยังคงเต้นระทึกกับเหตุการณ์เมื่อครู่ นี่ถ้าบีไม่โทรบอกให้เขามาเยี่ยมกิ๊ฟ พรุ่งนี้เพื่อน ๆ คงได้ไปงานศพมันแทนแน่ ๆ
คนถูกดุปรือตาขึ้นมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้างวยงง ก่อนที่จะขยับริมฝีปากเอ่ยออกมาว่า
“ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตาย ฉันแค่หน้ามืดจะเป็นลม”
กิ๊ฟบอกเพื่อน พร้อมกับเสียงท้องร้องดังประกอบคำพูด
......โครกคราก.....
“นี่แก อย่าบอกนะว่าแกหิวข้าวจนเป็นลมน่ะ”
คนถูกถามพยักหน้าแทนคำตอบ นิวเหลือบตาขึ้นบนอย่างเซ็ง ๆ แล้วตะคอกใส่หน้าคนหิวว่า
“เมื่อครู่ กูหัวใจจะวายตายแล้วอีกิ๊ฟ !”
“สรุปคือ... มึงไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ก็เลยต้องกินมาม่าแทนข้าวมาเป็นเดือนแล้ว”
นิวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวยัดข้าวผัดลงท้องจวนจะเกลี้ยงจานแล้ว
โชคดีที่เขาซื้อข้าวกล่องติดมือขึ้นมาด้วย เพราะตั้งใจว่าจะมากินข้าวเย็นเม้าท์มอยตามประสาเพื่อนสาว แต่เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง เขาเคาะประตูห้องตั้งนานแต่ไม่มีคนออกมาเปิดให้ และรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างจึงหยิบเอาคีย์การ์ดสำรอง ที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มเท่านั้น ที่รู้ว่าเจ้าของห้องซ่อนไว้ใต้ป้ายเลขห้อง
ดังนั้น เขาจึงเปิดประตูห้องของเพื่อนสาวเข้ามา และช่วยเธอก่อนที่จะตกตึกลงไปตายกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง
กิ๊ฟกลืนข้าวลงคอ ก่อนเอ่ยตอบกลับไปว่า
“เอ่อ ก็ฉันยังหางานไม่ได้ ฉันก็เลยต้องประทังชีวิตด้วยมาม่า แต่กินเยอะ ๆ เข้ามันก็เบื่อ พอเบื่อก็ไม่กิน แล้วพอไม่กิน ฉันก็จะเป็นลมอย่างที่แกเห็นนั่นแหละ ไม่ได้คิดสั้นเว้ย คนอย่างอีกิ๊ฟซ่า ท่าพระจันทร์ ไม่มีทางคิดฆ่าตัวตายโง่ ๆ แบบนั้นหรอก”
-กิ๊ฟซ่า ท่าพระจันทร์ – เป็นฉายาที่เพื่อน ๆ ในคณะ ฯ สมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตั้งให้ในฐานะที่เธอเป็นประธานรุ่น
“กิ๊ฟ... ถ้าแกหางานไม่ได้ แกจะทนอยู่กรุงเทพฯ ให้ลำบากไปทำไม ทำไมแกไม่กลับบ้านที่เชียงใหม่”
นิวทอดเสียงอย่างนึกเป็นกังวลแทนเพื่อน
“ไม่มีทาง ฉันตัดตัวเองออกจากกองมรดกแล้ว จะไม่มีทางกลับไปเหยียบที่นั่นอีก”
กิ๊ฟขึ้นเสียงสูงอย่างหนักแน่น เมื่อเอ่ยถึงที่บ้าน ก็พลันทำให้เธอรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจขึ้นมาอีกเท่าตัว อาการอยากอาหารเมื่อครู่ก็หายไป เธอจึงยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแทน
“แกก็เป็นแบบนี้ ลดศักดิ์ศรี และทิฐิลงบ้างเถอะ”
นิวกรีดนิ้วจิ้มลงกลางหน้าผากเพื่อนสาว คิดเรื่องของมันแล้วหัวจะปวดแทน มันคงเป็นคนเดียวในประเทศไทย ที่ประกาศปาว ๆ ว่าตัดตัวเองออกจากกองมรดก อีกทั้ง ยังเป็นลูกน้องที่หัวแข็งที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะกล้าแม้กระทั่งข่มขู่หัวหน้าว่าจะลาออกถ้าไม่ให้ความเป็นธรรม !
“ฉันมีทิฐิตรงไหน ก็แค่ไม่อยากกลับไปให้คนที่บ้านสมน้ำหน้า ที่เอาตัวเองไม่รอดจนต้องซมซานกลับบ้าน”
กิ๊ฟตอบเสียงอ่อย
“แล้วแกจะเอาไงต่อ แกยังหางานทำไม่ได้เลยนะ”
“นั่นสิ รถฉันก็ถูกยึดไปแล้ว กระเป๋าก็ขายไปเป็นค่าผ่อนคอนโดแล้ว หากไม่ได้งานภายในเดือนนี้ ตำนานอีกิ๊ฟซ่า ท่าพระจันทร์ ต้องกลายเป็นประวัติศาสตร์แน่ ๆ มึง”
เธอคร่ำครวญออกมา
นิวถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เขาเองก็พอจะเข้าใจว่า สมัยนี้หางานยากจริง ๆ ใครมีงานประจำ มีเงินเดือนก็ควรจะกอดไว้แน่น ๆ
“แก... จะมาทำงานที่บริษัทกับฉันไหมล่ะ”
คำชวนของนิวนั้น ทำให้กิ๊ฟหยุดคร่ำครวญ แล้วหันมาตอบโดยไม่ต้องคิดว่า
“ทำ !”
“แต่ตำแหน่งที่ว่างอยู่... มีแค่ตำแหน่งเลขาฯ นะ”
“ว่าไงนะ !”
“บริษัทฉันว่างแค่ตำแหน่งนี้ตำแหน่งเดียวเท่านั้นแหละ ที่สำคัญคือ เขาไม่สนว่าแกจะจบวุฒิอะไรมา อายุเท่าไหร่รับหมดจ๊ะ”
“แต่ฉันจบปริญญาโทนะ แกจะให้ฉันลดตัวไปคอยเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟกาแฟนี่นะ แกก็รู้ว่าฉันพูดคะ พูดขากับเจ้านายไม่เป็น ไม่ชอบเดินตามใครต้อย ๆ ด้วย”
กิ๊ฟขึ้นเสียงสูง เธอจบปริญญาตรีบัญชีและบริหารธุรกิจหลักสูตรนานาชาติ (BBA) จากนั้นก็ทำงานไปด้วย เรียนต่อไปด้วยจนปริญญาโท แล้วจะให้เธอไปนั่งหน้าห้องยิ้มหวาน ๆ คอยประจบเจ้านายไปวัน ๆ เนี่ยนะ !
“ฉันก็ช่วยแนะนำแกได้เท่านี้ คิดดูแล้วกัน จะยอมลดศักดิ์ศรี หรือจะยอมอดตาย”
Rrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่กิ๊ฟรีบซอยเท้าจากสถานีรถไฟฟ้า BTS มุ่งหน้าสู่ตึกใหญ่ตระหง่าน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทเดอะคิง ห่างออกไปราว ๆ 900 เมตร แม้จะไม่ไกลมาก แต่ก็ทำเอาคนที่เดินบนส้นสูง 2 นิ้วครึ่งถึงกลับเหงื่อโชก
ทันทีที่กิ๊ฟกดรับปลายสายก็ส่งเสียงขึ้นว่า
‘ถึงไหนแล้วแก’
“เพิ่งลงจากรถไฟฟ้า อีก 5 นาทีถึง”
รถของเธอถูกไฟแนนซ์ยึดไปแล้ว ดังนั้น กิ๊ฟจึงต้องนั่งรถมอเตอร์ไซค์มาลงหน้าปากซอย แล้วขึ้นรถไฟฟ้ามา ต่อด้วยการเดินเท้าใช้เวลาเดินทางรวมทั้งหมด ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ
‘ฉันรอแกที่หน้าร้านกาแฟข้าง ๆ ตึกเดอะคิงนะ รีบมาล่ะ’
สิ้นเสียงนิว สัญญาณโทรศัพท์ก็ถูกปิดลง กิ๊ฟจึงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วมุ่งหน้าต่อไปยังจุดหมาย
หลังจากที่นิวไปที่คอนโดเธอวันนั้น เธอก็ตัดสินใจยื่นใบสมัครตำแหน่งเลขาฯ ที่บริษัทเดอะคิงอย่างไม่มีทางเลือก ตอนนี้ขอแค่มีงานทำเพื่อให้ได้เงินประทังชีวิตไปก่อน
“กิ๊ฟ !”
นิวตะโกนเรียก พลางโบกไม้โบกมือให้เพื่อนสาว เขารู้สึกตื่นเต้นไปกับเธอในการสัมภาษณ์งานในวันนี้ของเพื่อน
“ทำไมแต่งตัวแบบนี้หละ”
เขาแหวขึ้นทันที เมื่อเพื่อนหยุดยืนหอบตรงหน้า ทำให้เขาได้เห็นว่า ชุดที่ใส่มาสัมภาษณ์นั้นอยู่ห่างจากคำว่า ‘ป้าเฉิ่ม’ เพียงก็แค่นิดเดียว
“ก็ชุดทำงานแบบเรียบร้อยปกตินี่”
กิ๊ฟก้มลงสำรวจตัวเอง เสื้อเซิ้ตสีขาวติดกระดุมทุกเม็ด สวมทับด้วยเสื้อสูทสีดำ กระโปรงสีดำทรงเอยาวคลุมเข่า และรองเท้าหุ้มส้นสูงสีดำถูกระเบียบ
“ไม่ได้ ! แกจะแต่งชุดป้า ๆ แบบนี้ไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขาฯ ไม่ได้ อายุแกก็สามสิบแล้วนะ แกยังจะแต่งตัวให้ตัวเองดูป้าไปอีกแบบนี้ไม่ได้”
นิวขึ้นเสียงสูง สิ่งที่ทำให้เพื่อนสาวดูแก่กว่าวัยมากที่สุด คือ แว่นสายตาทรงสี่เหลี่ยมกรอบสีดำที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้กว่าครึ่ง อีกทั้ง เธอยังรวบผมตึงทำเป็นมวยไว้ด้านหลัง
“ก็ฉันมีแต่ชุดสุภาพแบบนี้นี่”
นิวยกมือขึ้นตบหน้าผากอย่างสุดเซ็ง จากนั้นก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ตอนนี้เวลา 7.30 น. ยังพอมีเวลาเหลือสำหรับการแปลงโฉมเพื่อนรัก
“แกตามฉันมานี่เลย”
นิวลากข้อมือเพื่อนสาวเดินไปยังฝั่งตรงข้ามกับบริษัท
“เดี๋ยว แกจะพาฉันไปไหน ฉันต้องเข้าห้องสัมภาษณ์เวลา 8.30 น. และเราควรจะไปนั่งรอก่อนเวลานะเว้ย”
คนถูกลากส่งเสียงโวยวายออกมา
“พาแกไปซื้อคอนแทคเลนส์มาใส่แทนแว่นป้า ๆ ของแกไงย่ะ”
“ไม่เอา ฉันไม่มีเงินนะ”
“เอ่อฉันรู้ ฉันจะซื้อให้”
เมื่อได้ยินคำนี้ กิ๊ฟหยุดขัดขืน แล้วยอมเดินตามเพื่อนรักไปแต่โดยดี
หลังจากซื้อคอนแทคเลนส์ใส่แทนแว่นสายตาหนาเตอะเรียบร้อยแล้ว หนึ่งหญิงกับหนึ่งชายหัวใจหญิงก็มาแอบอยู่ที่มุมตึก ใกล้กับห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกของตัวอาคาร ซึ่งบริเวณนี้สาว ๆ ออฟฟิศมักจะแวะเวียนมาใช้บริการก่อนเดินขึ้นตึก“ทำแบบนี้จะดีหรือแก”กิ๊ฟที่อยู่ข้างหลังนิว กระซิบถามเพื่อนเบา ๆ พลางหันรีหันขวางกลัวว่าจะมีใครมาพบเข้า“ช่วงเวลาฉุกละหุกแบบนี้ มีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นแหละแก ที่จะได้เสื้อผ้าที่มันดูดีใส่ไปสัมภาษณ์งานนะ”นิวตอบกลับเสียงเบา ในขณะที่สายตายังสอดส่องมองหาพนักงานสาวออฟฟิศที่แต่งตัวเข้าท่าหน่อยตึกเดอะคิงมีทั้งหมด 35 ชั้น เป็นของบริษัทเดอะคิงที่ปล่อยให้บริษัทขนาดเล็กอื่น ๆอีกหลายบริษัทเช่าเป็นสำนักงาน ส่วนสำนักงานใหญ่ของบริษัทเองตั้งอยู่บนชั้นที่ 25 -30 ดังนั้น ตอนนี้จึงมีพนักงานออฟฟิศเดินเข้าเดินออกให้เขาเลือกสรรอย่างหลากหลาย“ฉันว่า....”กิ๊ฟรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ออกมาจนชุ่มมือด้วยอาการตื่นเต้น ยังไม่ทันที่กิ๊ฟจะเอ่ยได้จบประโยค นิวก็พุ่งตัวเข้าไปทางด้านหลังของพนักงานสาวออฟฟิศคนหนึ่ง“คนนี้แหละ ไป !”เขาเอามือปิดปากสาวคนนั้นไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา กิ๊ฟจึงรีบเอาสันกระเป๋าทุบเข้าท
เสียงทุ้มจากคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทเอ่ยขึ้นแทนผู้สัมภาษณ์ทุกคนรอบด้านต่างเงียบกริบ สีหน้าแต่ละคนคล้ายกับแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน บางคนก้ม ๆ เงย ๆ คล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่างในแฟ้มเอกสารหัวใจของกิ๊ฟเต้นกระหน่ำแรงยิ่งขึ้นเมื่อเขาเอ่ยต่อมาว่า“ตำแหน่งงานล่าสุด คือ รองหัวหน้าการเงินและบัญชี บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ อย่าง เอ็มเอ็น จำกัด”เอ่ยจบ คิงก็กระตุกยิ้มที่มุมปากนิด ๆ คล้ายกับเจ้าแห่งนรกที่กำลังพิพากษาดวงวิญญาณที่ไร้หนทางสู้กิ๊ฟถึงกับหน้าซีดเผือด เพราะสิ่งที่เขาเอ่ยมานั้น เธอไม่ได้เขียนลงไปในใบสมัครงานแม้แต่น้อย แต่เขากลับรู้ประวัติของเธอเกือบทั้งหมดนั่นแสดงว่า เขาไม่เพียงแต่จำเธอได้ แต่ยังแค้นฝังใจด้วย !“ถูกไล่ออกจากงานหรือ ทำไมถึงได้มาสมัครงานในตำแหน่งเลขากระจอก ๆ แบบนี้ล่ะ”คิงจงใจใช้คำพูดจี้ใจดำหญิงสาวตรงหน้าหลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น เขาก็ให้คนไปสืบข้อมูลของเธอมาอย่างละเอียด และสวรรค์ก็ช่างเป็นใจ ส่งเธอให้มาสมัครงานในบริษัทของเขา ถึงเวลาที่เอาคืนเธอแล้ว !คณะกรรมการคนอื่น ๆ ราวกับจะกลั้นหายใจฟังการสนทนา รู้สึกกดดันแทนผู้ถูกสัมภาษณ์ เพราะเธอเป็นคนแรกที่ถูกประธานบริษัทเ
“กาแฟค่ะ”กิ๊ฟวางถ้วยกาแฟตรงหน้าท่านประธานหนุ่มอีกครั้ง แววตาเขาวูบขึ้นอย่างสำราญใจ ที่มุมปากมีรอยยิ้มจาง ๆ ซ่อนไว้ยากที่ใครจะมองออกคิงยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเช่นเคย ท่ามกลางสายตานับสิบคู่ของคณะกรรมการสัมภาษณ์งานในห้องประชุมทันทีที่ของเหลวอุ่น ๆ ไหลผ่านเข้าไปในโพรงปากสัมผัสกับลิ้นที่มีตุ่มรับรสชาตินับ 8,000 ตุ่ม วินาทีนั้น ร่างกายของเขาก็พ่นกาแฟออกมาทางเดิมพรวด !“ว๊าย”คุณโฉมสอางค์ที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือของบอสใหญ่ ลุกพรวดขึ้นพร้อมกับกรี๊ดดังลั่นด้วยความตกใจ“แค่ก ๆ”คิงสำลักเอาน้ำกาแฟที่ยังเหลือค้างอยู่ตามลำคอออกมา ใบหน้าเหยเก เป็นรสชาติกาแฟที่เขาจะจรดจำไปตลอดชั่วชีวิต !“น้ำค่ะ ท่าน”คุณโฉมสอางค์รีบยื่นน้ำเปล่าให้เจ้านาย พร้อมกับเจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งรีบส่งกระดาษทิชชูให้กิ๊ฟกลั้นหัวเราะเอาไว้จนตัวสั่น หน้าแดงก่ำ ส่วนนิวอ้าปากค้าง ตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน แล้วเมื่อเห็นสายตาคมดุจ้องเพื่อนสาวตัวต้นเหตุราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาก็ยกมือขึ้นปิดหน้า พร้อมกับพึมพำออกมาเบา ๆ ว่า“อีกิ๊ฟ... มึงตายแน่”คณะกรรมการท่านอื่น ๆ ก็คิดไม่ต่างจากเขา โดยเฉพาะคุณโฉมสอางค์ที่อยู่กับประธานบริษัทมานาน รู้ดีว่าคนท
คนขับอุทานออกมา ปนหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะคิดว่าจะได้ส่งผู้โดยสารในระยะไกลกว่านี้ แล้วจะได้เงินเพิ่มมากขึ้น“แค่นี้แหละลุง โธ่.... แดดใกล้เที่ยงมันร้อน หนูไม่อยากเดินตากแดดมาสถานีรถไฟฟ้า”กิ๊ฟตอบเลี่ยง ๆ ซึ่งความจริงแล้วที่เธอกระโดดขึ้นรถแท็กซี่เพราะต้องการหลบหนี ถ้าจะนั่งไปถึงคอนโดเลยก็กลัวว่าจะต้องจ่ายเงินเยอะ เธอจึงต้องลงตรงนี้แล้วนั่งรถไฟฟ้ากลับคอนโดจะประหยัดกว่าเมื่อรถจอดแล้ว มิเตอร์ขึ้นที่เลข 53 บาท เธอก็ล้วงเอาแบงก์ห้าสิบ แล้วค้นหาเศษเหรียญ 3 เหรียญแล้วยื่นให้คนขับพอดิบพอดี จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องแท็กซี่ไม่มีเงินทอน หรือบางรายอาจจะมีแต่ไม่ค่อยอยากจะทอนเงินให้ลูกค้า เพื่อหวังจะได้เงินเพิ่มเล็ก ๆ น้อย ๆณ คอนโด@กิ๊ฟ หลังจากกลับจากสัมภาษณ์งาน ตลอดทั้งช่วงบ่ายเธอก็จัดการโละชุดทำงานตัวเดิมขายทอดตลาดมือสองออกทั้งหมด แล้วซื้อชุดทำงานใหม่มาแทนตามคำแนะนำของนิวนี่เพื่อนชายหัวใจหญิงของเธอส่งข้อความเข้าไลน์มาจิกเธอเป็นระยะ ๆLine@นิวนี่ : ‘แกถ้าแกคิดไม่ออกว่าจะซื้อชุดแบบไหน ก็เปิดดูซีรี่ย์เรื่อง What's Wrong With Secretary Kim’Line@กิ๊ฟซ่า : ‘what?’Line@นิวนี่ : ‘หัดดูหนังดูละครบ้างนะแก
ณ บริษัท เอ็มเอ็นกรุป จำกัด ‘กนกพิชญ์ เรืองระวี’ หรือ กิ๊ฟ สตรีในชุดทำงานสีเรียบ ผมรวบตึง สวมแว่นสายตากรอบสีดำหนาเตอะ เดินฉับ ๆ มุ่งหน้ามายังโต๊ะหน้าห้องประธานบริษัท ซึ่งมีป้ายบอกตำแหน่ง เลขานุการเธอหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะแล้วกวาดสายตามองผ่านแว่นสายตาคล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่าง เมื่อไม่เห็นสิ่งที่ต้องการ เธอจึงก้าวเข้าไปรื้อค้นเอกสารในชั้นใต้โต๊ะทำงานอย่างถือวิสาสะ“คุณเลขาครับ รบกวนขอกาแฟดำร้อนสักแก้ว”เสียงทุ้มนั้นทำให้หญิงสาวที่กำลังค้นหาเอกสารหยุดชะงัก แล้วตวัดสายตาดุ ๆ มองไปยังต้นเสียง“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ใช่เลขา และคนอย่างฉันไม่มีทางที่จะเป็นเลขารับใช้ใคร”กิ๊ฟตอบกลับอย่างไม่เป็นมิตรพอ ๆ กับใบหน้าที่กำลังอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก เพราะเมื่อเช้าเธอเพิ่งจะได้ยินพนักงานฝ่ายบัญชีกำลังซุบซิบนินทาว่า คนที่ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าแผนกบัญชี คือ เทมมี่ เลขาสาวสวยหน้าห้องท่านประธานบริษัท แทนที่จะเป็นเธอ !เธอไม่เชื่อว่า ประธานบริษัทจะทำแบบนี้ ดังนั้น เธอจึงมาค้นหาเอกสารหลักฐานการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการที่โต๊ะของเทมมี่ชายหนุ่มเมื่อได้ยินพนักงานบริษัทที่เขามาเจรจาธุรกิจด้วยตอบกลับมาดังนั้น ก็หน้าตึ
“ไม่ต้องมาแสดงละคร เธอใช้เต้าไต่จนสมใจเธอแล้วนี่”กิ๊ฟสะบัดแขนออกจากเทมมี่ พร้อมกับตะคอกใส่อีกฝ่ายคำพูดของเธอนั้น ดังพอที่จะทำให้พนักงานทุกคนในห้องได้ยินทั่วถึงกัน แล้วต่างสบตากันเลิ่กลั่ก ทุกคนต่างก็รู้กันทั้งนั้น ว่าประธานบริษัทในวัยห้าสิบห้าปีกับเลขาสาวสวยแอบกินกันลับ ๆ แต่ไม่มีใครกล้าประจานเจ้านายซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้“พี่กิ๊ฟ ! พี่กิ๊ฟพูดอะไรออกมาคะ”เทมมี่บีบน้ำตา น้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกับว่าถูกปรักปรำอย่างเหลือร้าย“ผมไล่คุณออกตั้งแต่วันนี้ !”มาโนชย์ชี้หน้าลูกน้องหัวแข็งของตนอย่างเดือดดาลคนถูกไล่ออกเชิดหน้าขึ้น ไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำว่า“เจ้านายห่วย ๆ ที่เห็นเต้าอวบ ๆ ดีกว่าผลงานแบบนี้ ถึงไม่ไล่ออก ฉันก็จะออก !”สิ้นคำ เธอก็ขยำหนังสือแต่งตั้งหัวหน้าฝ่ายบัญชีคนใหม่เป็นก้อนกลม ๆ แล้วปาใส่หน้าเทมมี่“ว้าย !”เทมมี่ร้องเสียงหลง ด้วยความตกใจ“ไปเลย ! อยากอวดดีนักก็เชิญออกไปเลย อายุเธอก็ไม่น้อยแล้ว ฉันอยากจะรู้นักว่าจะมีบริษัทไหนรับเธอเข้าทำงาน !”ประธานบริษัทตะโกนไล่หลังกิ๊ฟอย่างหัวเสียกิ๊ฟสาวเท้ารีบเดินออกไปจากที่นั่น เธอไม่อยากให้พวกเขาเห็นว่
กิ๊ฟโวยวาย กี่ครั้งแล้วที่เธอต้องถูกประเมินอย่างไม่เป็นธรรมแบบนี้ “แกต้องออกมาอยู่กับโลกความเป็นจริงบ้าง เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมการทำงานจริง ๆ ซึ่งมันไม่ได้ตรงเป๊ะเหมือนกับในหนังสือ หรือตัวเลขที่แกเรียนมา”นุ้ยพยายามจะพูดให้เพื่อนเข้าใจ และปรับตัว หากขืนมันยังเป็นแบบนี้ ต่อให้เข้าทำงานอีกกี่ที่ก็คงจะลงท้ายอีกหรอบเดิม“กูไม่เข้าใจเว้ย !..... ทำไมว่ะ... ทำไมชีวิตกูมันถึงต้องเป็นแบบนี้ งานวันเกิดกูแต่กลับต้องมาฉลองย้อมใจเพราะตกงาน.... เหี้ยเอ๊ย”กิ๊ฟคร่ำครวญออกมา พร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว วันเกิดปีนี้เธออายุครบ 30 ปีแล้ว แต่ชีวิตของเธอยังไม่เข้าใกล้คำว่า “ประสบความสำเร็จ” แม้แต่น้อย“เฮ้ย ๆ พอ ๆ อีกิ๊ฟ กระดกเป็นน้ำเปล่าแบบนี้ เดี๋ยวได้เมาหัวทิ่มกันพอดี”นิวรีบห้ามเพื่อนกิ๊ฟยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปาก แล้วพร่ำบ่นต่อไปว่า“ตอนเรียน กูก็ตั้งใจเรียน ได้เอทุกวิชา เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของประเทศ แต่แมร่ง มึงดูกูตอนนี้สิ ตกงาน ! ฮ่า ๆ”คนตกงานเดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เธอยกมือขึ้นชี้นิ้วกราดไปที่เพื่อนแต่ละคน พร้อมกับพูดว่า“ในขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ ในรุ่
ฟางบิดตัวไปมา แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวโทรศัพท์แทบจะหลุดร่วงลงจากมือ เมื่อได้ยินเสียงดุ ๆ ดังขึ้นว่า“ถ้าไม่ทำงาน... ก็ออกไปหาแฟนตอนนี้เลยก็ได้ แล้วไม่ต้องกลับมาที่บริษัทอีก”“ท่านประธาน.... นะ หนูขอโทษค่ะ”ฟางรีบเก็บโทรศัพท์ลงแล้วยกมือไหว้ขอโทษ“แปดโมงเช้า ถึงห้าโมงเย็น คือเวลางาน หากใครใช้เวลาทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานให้หักคะแนนความประพฤติ”คิงเอ่ยเสียงเข้ม คนถูกดุก้มหน้าลง มือไม้สั่นไปหมด “คุณโฉมสอางค์ จดบันทึกเอาไว้ด้วย”เขาหันไปสั่งหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่เดินตามหลังมาติด ๆ“ค่ะ ท่านประธาน” โฉมสอางค์รีบรับคำ พลางส่งสายตาเห็นใจไปที่พนักงานน้องใหม่ที่เพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่ถึงปี ก็ถูกหักคะแนนเสียแล้วจากนั้น ท่านประธานบริษัทก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงาน เมื่อประตูห้องปิดลง พนักงานต่างถอนหายใจโล่งออกมาตาม ๆ กัน“ยัยฟาง ! เธอไม่เห็นข้อความแจ้งเตือนในไลน์กลุ่มพนักงานบริษัทรึไง”พี่นา สาวใหญ่วัยสี่สิบห้าปีดุลูกน้องเสียงเขียว“พอดี... แฟนหนูโทรมา หนูเลยไม่เห็นข้อความในไลน์ค่ะ พี่นา”ฟางเอ่ยเสียงอ่อย ทำท่าจะร้องไห้ คะแนนเธอถูกหักอีกแล้ว คาดว่าปลายปีคงจะไม่ได้โบนัสแน่ ๆ“ทีหน้าทีหลังจะทำอะไรก็อ