Home / โรแมนติก / BadBoss บอสร้ายพ่ายรัก / ตอนที่6. หัวใจยังคงเต้นระทึก

Share

ตอนที่6. หัวใจยังคงเต้นระทึก

นิวพ่นคำพูดออกมาแทบไม่หายใจ หัวใจยังคงเต้นระทึกกับเหตุการณ์เมื่อครู่ นี่ถ้าบีไม่โทรบอกให้เขามาเยี่ยมกิ๊ฟ พรุ่งนี้เพื่อน ๆ คงได้ไปงานศพมันแทนแน่ ๆ

คนถูกดุปรือตาขึ้นมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้างวยงง ก่อนที่จะขยับริมฝีปากเอ่ยออกมาว่า

“ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตาย ฉันแค่หน้ามืดจะเป็นลม”

กิ๊ฟบอกเพื่อน พร้อมกับเสียงท้องร้องดังประกอบคำพูด

......โครกคราก.....

“นี่แก อย่าบอกนะว่าแกหิวข้าวจนเป็นลมน่ะ”

คนถูกถามพยักหน้าแทนคำตอบ นิวเหลือบตาขึ้นบนอย่างเซ็ง ๆ แล้วตะคอกใส่หน้าคนหิวว่า

“เมื่อครู่ กูหัวใจจะวายตายแล้วอีกิ๊ฟ !”

“สรุปคือ... มึงไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ก็เลยต้องกินมาม่าแทนข้าวมาเป็นเดือนแล้ว”

นิวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวยัดข้าวผัดลงท้องจวนจะเกลี้ยงจานแล้ว

โชคดีที่เขาซื้อข้าวกล่องติดมือขึ้นมาด้วย เพราะตั้งใจว่าจะมากินข้าวเย็นเม้าท์มอยตามประสาเพื่อนสาว แต่เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง เขาเคาะประตูห้องตั้งนานแต่ไม่มีคนออกมาเปิดให้ และรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างจึงหยิบเอาคีย์การ์ดสำรอง ที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มเท่านั้น ที่รู้ว่าเจ้าของห้องซ่อนไว้ใต้ป้ายเลขห้อง

ดังนั้น เขาจึงเปิดประตูห้องของเพื่อนสาวเข้ามา และช่วยเธอก่อนที่จะตกตึกลงไปตายกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง

กิ๊ฟกลืนข้าวลงคอ ก่อนเอ่ยตอบกลับไปว่า

“เอ่อ ก็ฉันยังหางานไม่ได้ ฉันก็เลยต้องประทังชีวิตด้วยมาม่า แต่กินเยอะ ๆ เข้ามันก็เบื่อ พอเบื่อก็ไม่กิน แล้วพอไม่กิน ฉันก็จะเป็นลมอย่างที่แกเห็นนั่นแหละ ไม่ได้คิดสั้นเว้ย คนอย่างอีกิ๊ฟซ่า ท่าพระจันทร์ ไม่มีทางคิดฆ่าตัวตายโง่ ๆ แบบนั้นหรอก”

-กิ๊ฟซ่า ท่าพระจันทร์ – เป็นฉายาที่เพื่อน ๆ ในคณะ ฯ สมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตั้งให้ในฐานะที่เธอเป็นประธานรุ่น

“กิ๊ฟ... ถ้าแกหางานไม่ได้ แกจะทนอยู่กรุงเทพฯ ให้ลำบากไปทำไม ทำไมแกไม่กลับบ้านที่เชียงใหม่”

นิวทอดเสียงอย่างนึกเป็นกังวลแทนเพื่อน

“ไม่มีทาง ฉันตัดตัวเองออกจากกองมรดกแล้ว จะไม่มีทางกลับไปเหยียบที่นั่นอีก”

กิ๊ฟขึ้นเสียงสูงอย่างหนักแน่น เมื่อเอ่ยถึงที่บ้าน ก็พลันทำให้เธอรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจขึ้นมาอีกเท่าตัว อาการอยากอาหารเมื่อครู่ก็หายไป เธอจึงยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแทน

“แกก็เป็นแบบนี้ ลดศักดิ์ศรี และทิฐิลงบ้างเถอะ”

นิวกรีดนิ้วจิ้มลงกลางหน้าผากเพื่อนสาว คิดเรื่องของมันแล้วหัวจะปวดแทน มันคงเป็นคนเดียวในประเทศไทย ที่ประกาศปาว ๆ ว่าตัดตัวเองออกจากกองมรดก อีกทั้ง ยังเป็นลูกน้องที่หัวแข็งที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะกล้าแม้กระทั่งข่มขู่หัวหน้าว่าจะลาออกถ้าไม่ให้ความเป็นธรรม !

“ฉันมีทิฐิตรงไหน ก็แค่ไม่อยากกลับไปให้คนที่บ้านสมน้ำหน้า ที่เอาตัวเองไม่รอดจนต้องซมซานกลับบ้าน”

กิ๊ฟตอบเสียงอ่อย

“แล้วแกจะเอาไงต่อ แกยังหางานทำไม่ได้เลยนะ”

“นั่นสิ รถฉันก็ถูกยึดไปแล้ว กระเป๋าก็ขายไปเป็นค่าผ่อนคอนโดแล้ว หากไม่ได้งานภายในเดือนนี้ ตำนานอีกิ๊ฟซ่า ท่าพระจันทร์ ต้องกลายเป็นประวัติศาสตร์แน่ ๆ มึง”

เธอคร่ำครวญออกมา

นิวถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เขาเองก็พอจะเข้าใจว่า สมัยนี้หางานยากจริง ๆ ใครมีงานประจำ มีเงินเดือนก็ควรจะกอดไว้แน่น ๆ

“แก... จะมาทำงานที่บริษัทกับฉันไหมล่ะ”

คำชวนของนิวนั้น ทำให้กิ๊ฟหยุดคร่ำครวญ แล้วหันมาตอบโดยไม่ต้องคิดว่า

“ทำ !”

“แต่ตำแหน่งที่ว่างอยู่... มีแค่ตำแหน่งเลขาฯ นะ”

“ว่าไงนะ !”

“บริษัทฉันว่างแค่ตำแหน่งนี้ตำแหน่งเดียวเท่านั้นแหละ ที่สำคัญคือ เขาไม่สนว่าแกจะจบวุฒิอะไรมา อายุเท่าไหร่รับหมดจ๊ะ”

“แต่ฉันจบปริญญาโทนะ แกจะให้ฉันลดตัวไปคอยเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟกาแฟนี่นะ แกก็รู้ว่าฉันพูดคะ พูดขากับเจ้านายไม่เป็น ไม่ชอบเดินตามใครต้อย ๆ ด้วย”

กิ๊ฟขึ้นเสียงสูง เธอจบปริญญาตรีบัญชีและบริหารธุรกิจหลักสูตรนานาชาติ  (BBA) จากนั้นก็ทำงานไปด้วย เรียนต่อไปด้วยจนปริญญาโท แล้วจะให้เธอไปนั่งหน้าห้องยิ้มหวาน ๆ คอยประจบเจ้านายไปวัน ๆ เนี่ยนะ !

“ฉันก็ช่วยแนะนำแกได้เท่านี้ คิดดูแล้วกัน จะยอมลดศักดิ์ศรี หรือจะยอมอดตาย”

Rrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่กิ๊ฟรีบซอยเท้าจากสถานีรถไฟฟ้า BTS มุ่งหน้าสู่ตึกใหญ่ตระหง่าน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทเดอะคิง ห่างออกไปราว ๆ 900 เมตร แม้จะไม่ไกลมาก แต่ก็ทำเอาคนที่เดินบนส้นสูง 2 นิ้วครึ่งถึงกลับเหงื่อโชก

ทันทีที่กิ๊ฟกดรับปลายสายก็ส่งเสียงขึ้นว่า

‘ถึงไหนแล้วแก’

“เพิ่งลงจากรถไฟฟ้า อีก 5 นาทีถึง”

รถของเธอถูกไฟแนนซ์ยึดไปแล้ว ดังนั้น กิ๊ฟจึงต้องนั่งรถมอเตอร์ไซค์มาลงหน้าปากซอย แล้วขึ้นรถไฟฟ้ามา ต่อด้วยการเดินเท้าใช้เวลาเดินทางรวมทั้งหมด ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ

‘ฉันรอแกที่หน้าร้านกาแฟข้าง ๆ ตึกเดอะคิงนะ รีบมาล่ะ’

สิ้นเสียงนิว สัญญาณโทรศัพท์ก็ถูกปิดลง กิ๊ฟจึงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วมุ่งหน้าต่อไปยังจุดหมาย

หลังจากที่นิวไปที่คอนโดเธอวันนั้น เธอก็ตัดสินใจยื่นใบสมัครตำแหน่งเลขาฯ ที่บริษัทเดอะคิงอย่างไม่มีทางเลือก ตอนนี้ขอแค่มีงานทำเพื่อให้ได้เงินประทังชีวิตไปก่อน

“กิ๊ฟ !”

นิวตะโกนเรียก พลางโบกไม้โบกมือให้เพื่อนสาว เขารู้สึกตื่นเต้นไปกับเธอในการสัมภาษณ์งานในวันนี้ของเพื่อน

“ทำไมแต่งตัวแบบนี้หละ”

เขาแหวขึ้นทันที เมื่อเพื่อนหยุดยืนหอบตรงหน้า ทำให้เขาได้เห็นว่า ชุดที่ใส่มาสัมภาษณ์นั้นอยู่ห่างจากคำว่า ‘ป้าเฉิ่ม’ เพียงก็แค่นิดเดียว

“ก็ชุดทำงานแบบเรียบร้อยปกตินี่”

กิ๊ฟก้มลงสำรวจตัวเอง เสื้อเซิ้ตสีขาวติดกระดุมทุกเม็ด สวมทับด้วยเสื้อสูทสีดำ กระโปรงสีดำทรงเอยาวคลุมเข่า และรองเท้าหุ้มส้นสูงสีดำถูกระเบียบ

“ไม่ได้ ! แกจะแต่งชุดป้า ๆ แบบนี้ไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขาฯ ไม่ได้ อายุแกก็สามสิบแล้วนะ แกยังจะแต่งตัวให้ตัวเองดูป้าไปอีกแบบนี้ไม่ได้”

นิวขึ้นเสียงสูง สิ่งที่ทำให้เพื่อนสาวดูแก่กว่าวัยมากที่สุด คือ แว่นสายตาทรงสี่เหลี่ยมกรอบสีดำที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้กว่าครึ่ง อีกทั้ง เธอยังรวบผมตึงทำเป็นมวยไว้ด้านหลัง

“ก็ฉันมีแต่ชุดสุภาพแบบนี้นี่”

นิวยกมือขึ้นตบหน้าผากอย่างสุดเซ็ง จากนั้นก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ตอนนี้เวลา 7.30 น. ยังพอมีเวลาเหลือสำหรับการแปลงโฉมเพื่อนรัก

“แกตามฉันมานี่เลย”

นิวลากข้อมือเพื่อนสาวเดินไปยังฝั่งตรงข้ามกับบริษัท

“เดี๋ยว แกจะพาฉันไปไหน ฉันต้องเข้าห้องสัมภาษณ์เวลา 8.30 น. และเราควรจะไปนั่งรอก่อนเวลานะเว้ย”

คนถูกลากส่งเสียงโวยวายออกมา

“พาแกไปซื้อคอนแทคเลนส์มาใส่แทนแว่นป้า ๆ ของแกไงย่ะ”

“ไม่เอา ฉันไม่มีเงินนะ”

“เอ่อฉันรู้ ฉันจะซื้อให้”

เมื่อได้ยินคำนี้ กิ๊ฟหยุดขัดขืน แล้วยอมเดินตามเพื่อนรักไปแต่โดยดี

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status