“อิ อิ พี่โฉม... แต่บอสใหญ่หล่อ... สูง... ยาวเข่าดีมากเลยนะ”
นิวยังแกล้งล้อไม่เลิก ฝ่ายนั้นจึงแหวขึ้นว่า
“หล่อแต่โหดไร้ใจแบบนี้ พี่ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ ที่สำคัญพี่มีลูกมีผัวแล้ว หากน้องนิวสน... จะสมัครเป็นเลขาไหมล่ะคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น นิวถึงกลับหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา เขายังจำได้ดี ตอนที่ท่านประธานเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ๆ เพียงแค่ก้าวเข้ามาในบริษัท ความหล่อเหลาตามแบบฉบับลูกครึ่งไทยจีน ทำเอาสาว ๆ ในสำนักงานต่างมองกันตาค้าง และแล่นอยากจะเป็นเลขาฯ รับใช้ใกล้ชิดคุณภูวเดชกันทั้งนั้น
แต่เมื่อถึงเวลาทำงานกันจริง ๆ ทุกคนต่างเข็ดขยาดกับการทำงานอย่างจริงจังของเขา พูดหยอกล้อบอสใหญ่เพียงนิดเดียวก็ถูกตวาด หรือ แค่ส่งเอกสารผิดพลาดก็ถูกตะคอก บางคนรับไม่ไหวถึงกับร้องห่มร้องไห้ขอลาออกด้วยตนเอง และปัจจุบัน สาว ๆ ในบริษัทก็ไม่กล้าแม้แต่จะส่งสายตาหยาดเยิ้มให้บอสใหญ่อีกเลย
หลบได้ควรหลบ เลี่ยงได้ควรเลี่ยง ! -
“ไม่ดีกว่าค่ะ... นิวยังมีผัวที่ต้องหาเลี้ยงอีกหลายคน นิวยังไม่อยากตกงานค่ะ”
นิวเอ่ยเสียงอ่อย ลงท้ายด้วยคำว่าค่ะ อย่างเต็มคำด้วยความเคยชิน แม้ว่าร่างกายของเขาจะเป็นชาย แต่ใจเป็นหญิงเต็มเปี่ยม และไม่คิดที่จะปิดบังเพศสภาพของตน
“จ๊ะ งั้นพี่ไปล่ะ หากขืนพี่หาเลขาคนใหม่ไม่ได้ เป็นพี่นี่แหละ ที่จะถูกเด้งออกจากบริษัทเป็นคนต่อไป”
...ปฏิเสธ...
.....ยังไม่เปิดรับสมัคร....
....ผู้สมัครงานต้องมีอายุไม่เกิน 30 ปี....
......ขออภัยที่ไม่สามารถรับคุณเข้าทำงานได้....
กิ๊ฟไล่ตรวจอีเมลที่เธอส่งเอกสารไปขอสมัครงานตามบริษัทต่าง ๆ ไม่มีบริษัทไหนเลยที่ตอบรับให้เธอเข้าทำงาน
1 เดือนผ่านมาแล้วเธอยังหางานใหม่ไม่ได้ เหตุผลที่บริษัทส่วนใหญ่ปฏิเสธก็เพราะอายุที่เข้าเลข 3 ของเธอ
“แค่ 30 ปี กับอีก 15 วันเองนะคะ”
กิ๊ฟเคยโทรศัพท์ไปคุยกับฝ่ายบุคคลของบริษัทแห่งหนึ่ง เพื่อขอเข้าทำงาน
“ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ ตามคุณสมบัติที่เราเปิดรับสมัคร คือ อายุไม่เกิน 30 ปี”
ปลายเสียงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“เกินมาแค่ 15 วัน ก็ไม่หรือคะ”
กิ๊ฟพยายามต่อรอง ในใจก็พลันนึกโกรธโชคชะตาชีวิตตัวเองไปด้วย ทำไมต้องมาตกงานตอนอายุ 30 !
“ไม่ได้ค่ะ”
เมื่ออีกฝ่ายยืนยันเช่นนั้น กิ๊ฟจึงทำได้แค่ยอมตัดใจ แล้วนั่งหางานในอินเทอร์เน็ตต่อไป
ในยุคหลังการระบาดของโรคโควิค 19 ทำให้เศรษฐกิจไม่ดี เงินก็เฟ้อ หลายบริษัทก็ปิดตัวลง
ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เธอมักจะได้ยินข่าวไฟไหม้โรงงานอยู่บ่อย ๆ ซึ่งสาเหตุหนึ่งอาจมาจากบริษัทล้มละลาย จึงต้องใช้วิธีการทำให้เกิดไฟไหม้แล้วเรียกเงินจากประกันก็เป็นได้
ส่วนเธอ... นางสาวกนกพิชญ์ เรืองระวี ยื่นหนังสือขอลาออกเอง ดังนั้น จึงไม่ได้รับเงินชดเชยจากบริษัทแม้แต่บาทเดียว !
เงินที่คอยประทังชีวิตของเธอตอนนี้ได้มาจากเงินประกันสังคม ที่ชดเชยให้เธอ 6,000 บาท เพียงแค่ 3 เดือน
หกพันบาทกับการใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ มันจะไปพออะไร ! แค่ค่าก๋วยเตี๋ยวก็ปาไปแล้วชามละ 60 บาท น้ำเปล่าขวดละ 20 บาท น้ำมันลิตรละเกือบ 50 บาท
ถ้าคิดรวมกัน 3 มื้อ แต่ละวันแค่ค่าครองชีพก็ต้องจ่ายไปถึง 300 บาท เดือนหนึ่งก็ต้อง 9,000 บาท เป็นขั้นต่ำถึงจะอยู่รอดได้ แต่เธอมีเงินที่เหลืออยู่ตอนนี้มีไม่ถึงเก้าพันด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้ กิ๊ฟจำใจต้องให้บริษัทไฟแนนซ์มายึดรถมินิคูเปอร์ที่เธอเพิ่งจะถอยออกมาเมื่อต้นปีที่แล้ว เพราะไม่มีเงินผ่อนงวดต่อไป
แล้วยังต้องขายกระเป๋า CHANEL CLASSIC Maxi สุดที่รักที่เธออุตส่าห์เก็บเงินซื้อตั้งหลายปีกว่าจะได้ เพื่อผ่อนคอนโด หาไม่แล้ว แม้แต่ที่ซุกหัวนอนเธอก็ไม่มี
จากที่เคยจ้างแม่บ้านทำความสะอาด รวมถึงซักรีดเสื้อผ้าเดือนละ 5,000 บาท ตอนนี้เธอต้องทำเองทั้งหมด
กิ๊ฟขยับแว่นขึ้น แล้วใช้นิ้วมือนวดที่หว่างคิ้วตัวเองเบา ๆ เพื่อคลายความเครียดที่เกิดขึ้น
เธอขยับออกจากหน้าจอโน๊ตบุ๊คเมื่อรู้สึกว่าสายตาของตนล้าเต็มทน จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะ
เธอมองกาแฟที่ลดลงไปครึ่งถ้วย แล้วก็ต้องยิ้มอ่อนให้กับชีวิตของตนเอง จากที่เคยกินกาแฟสตาร์บัคส์แก้วละ 200 อัป แต่วันนี้เธอต้องมาพึ่งกาแฟซอง 3 in One ในราคาหลักไม่ถึงสิบบาท
กิ๊ฟจิบกาแฟเพียงนิดแล้วลุกขึ้นเดินออกไปที่ระเบียงหลังห้อง จึงทำให้รู้ว่าดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าของอีกวันแล้ว หากเธอยังหางานไม่ได้ เงินที่ได้จากการขายกระเป๋าก็คงจะหมด แม้แต่คอนโดห้องนี้เธอก็จะไม่สามารถรักษาไว้ได้แน่ ๆ
จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่ามีก้อนแข็ง ๆ ไหลขึ้นมาจุกที่ลำคอ ทำไมเธอถึงรู้ว่าการใช้ชีวิตเพื่ออยู่ต่อไปทำไมมันแสนลำบากแบบนี้
เธอสู้มานานแล้ว สู้จนรู้สึกท้อ ไม่รู้ว่าสวรรค์จะให้เธอสู้จนถึงเมื่อไหร่ จึงจะยอมให้เธอได้มีโอกาสชนะบ้าง
ตอนเด็ก ๆ ผู้ใหญ่มักจะพูดกรอกหูทุกวันว่า....
‘ตั้งใจเรียนให้เก่ง ๆ แล้วจะมีงานดี ๆ ทำ’
‘ขยันทำงานมาก ๆ แล้วจะเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน’
และฉันก็เชื่ออย่างนั้น ตั้งใจเรียน และขยันทำงานแทบตาย... สุดท้าย ก็ไม่มีค่าอะไรเลย
...ไหนล่ะ งานดี ๆ ....
...ไหนล่ะความเจริญรุ่งเรือง....
เสียงหนึ่งร่ำร้องตะโกนซ้ำไปซ้ำมาในหัว ในขณะที่น้ำตาเอ่อล้นออกมารินไหลอาบสองแก้ม ดวงตาพร่ามัวไปหมด
หญิงสาวก้มลงมองดูเบื้องล่าง จากห้องของเธอที่ชั้น 25 ระดับความสูง เกือบ 30 เมตร ทำให้มองเห็นภาพเบื้องล่างเพียงจุดเล็ก ๆ เมื่อหยดน้ำตาร่วงลงมันก็ปลิวหายไปอย่างรวดเร็ว
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจเธอ
.........ถ้าฉันร่วงลงไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็คงสลายหายไปเหมือนน้ำตาสินะ.....
ร่างของหญิงสาวค่อย ๆ โน้มเลื่อนลงที่ราวระเบียง สองแขนทิ้งลงอย่างสิ้นแรง สายลมพัดหวีดหวิวราวกับจะกระชากร่างให้ร่วงหล่นลงไปไม่วินาทีใดก็วินาทีหนึ่ง
“อีกิ๊ฟ ! อย่ากระโดดลงไป !”
นิวเบิกตากว้างตะโกนสุดเสียง เมื่อเห็นร่างบางกำลังจะร่วงจากราวระเบียงหลังห้อง
หมับ !
นิววิ่งเข้าไปคว้าร่างบางได้ทัน ก่อนที่เธอจะตกลงไปตาย
“อีกิ๊ฟ แค่มึงตกงานแค่นี้ มึงก็จะคิดฆ่าตัวตายเหรอ กว่ามึงจะโตมาจนป่านนี้ เรียนจบตั้งปริญญาโท มึงคิดได้แค่นี้เหรออีกิ๊ฟ !”
นิวพ่นคำพูดออกมาแทบไม่หายใจ หัวใจยังคงเต้นระทึกกับเหตุการณ์เมื่อครู่ นี่ถ้าบีไม่โทรบอกให้เขามาเยี่ยมกิ๊ฟ พรุ่งนี้เพื่อน ๆ คงได้ไปงานศพมันแทนแน่ ๆคนถูกดุปรือตาขึ้นมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้างวยงง ก่อนที่จะขยับริมฝีปากเอ่ยออกมาว่า“ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตาย ฉันแค่หน้ามืดจะเป็นลม”กิ๊ฟบอกเพื่อน พร้อมกับเสียงท้องร้องดังประกอบคำพูด......โครกคราก.....“นี่แก อย่าบอกนะว่าแกหิวข้าวจนเป็นลมน่ะ”คนถูกถามพยักหน้าแทนคำตอบ นิวเหลือบตาขึ้นบนอย่างเซ็ง ๆ แล้วตะคอกใส่หน้าคนหิวว่า“เมื่อครู่ กูหัวใจจะวายตายแล้วอีกิ๊ฟ !”“สรุปคือ... มึงไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ก็เลยต้องกินมาม่าแทนข้าวมาเป็นเดือนแล้ว”นิวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวยัดข้าวผัดลงท้องจวนจะเกลี้ยงจานแล้วโชคดีที่เขาซื้อข้าวกล่องติดมือขึ้นมาด้วย เพราะตั้งใจว่าจะมากินข้าวเย็นเม้าท์มอยตามประสาเพื่อนสาว แต่เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง เขาเคาะประตูห้องตั้งนานแต่ไม่มีคนออกมาเปิดให้ และรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างจึงหยิบเอาคีย์การ์ดสำรอง ที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มเท่านั้น ที่รู้ว่าเจ้าของห้องซ่อนไว้ใต้ป้ายเลขห้องดังนั้น เขาจึงเปิดประตูห้องของเพื่อนสาวเข้ามา และช่วยเธอก่อนท
หลังจากซื้อคอนแทคเลนส์ใส่แทนแว่นสายตาหนาเตอะเรียบร้อยแล้ว หนึ่งหญิงกับหนึ่งชายหัวใจหญิงก็มาแอบอยู่ที่มุมตึก ใกล้กับห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกของตัวอาคาร ซึ่งบริเวณนี้สาว ๆ ออฟฟิศมักจะแวะเวียนมาใช้บริการก่อนเดินขึ้นตึก“ทำแบบนี้จะดีหรือแก”กิ๊ฟที่อยู่ข้างหลังนิว กระซิบถามเพื่อนเบา ๆ พลางหันรีหันขวางกลัวว่าจะมีใครมาพบเข้า“ช่วงเวลาฉุกละหุกแบบนี้ มีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นแหละแก ที่จะได้เสื้อผ้าที่มันดูดีใส่ไปสัมภาษณ์งานนะ”นิวตอบกลับเสียงเบา ในขณะที่สายตายังสอดส่องมองหาพนักงานสาวออฟฟิศที่แต่งตัวเข้าท่าหน่อยตึกเดอะคิงมีทั้งหมด 35 ชั้น เป็นของบริษัทเดอะคิงที่ปล่อยให้บริษัทขนาดเล็กอื่น ๆอีกหลายบริษัทเช่าเป็นสำนักงาน ส่วนสำนักงานใหญ่ของบริษัทเองตั้งอยู่บนชั้นที่ 25 -30 ดังนั้น ตอนนี้จึงมีพนักงานออฟฟิศเดินเข้าเดินออกให้เขาเลือกสรรอย่างหลากหลาย“ฉันว่า....”กิ๊ฟรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ออกมาจนชุ่มมือด้วยอาการตื่นเต้น ยังไม่ทันที่กิ๊ฟจะเอ่ยได้จบประโยค นิวก็พุ่งตัวเข้าไปทางด้านหลังของพนักงานสาวออฟฟิศคนหนึ่ง“คนนี้แหละ ไป !”เขาเอามือปิดปากสาวคนนั้นไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา กิ๊ฟจึงรีบเอาสันกระเป๋าทุบเข้าท
เสียงทุ้มจากคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทเอ่ยขึ้นแทนผู้สัมภาษณ์ทุกคนรอบด้านต่างเงียบกริบ สีหน้าแต่ละคนคล้ายกับแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน บางคนก้ม ๆ เงย ๆ คล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่างในแฟ้มเอกสารหัวใจของกิ๊ฟเต้นกระหน่ำแรงยิ่งขึ้นเมื่อเขาเอ่ยต่อมาว่า“ตำแหน่งงานล่าสุด คือ รองหัวหน้าการเงินและบัญชี บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ อย่าง เอ็มเอ็น จำกัด”เอ่ยจบ คิงก็กระตุกยิ้มที่มุมปากนิด ๆ คล้ายกับเจ้าแห่งนรกที่กำลังพิพากษาดวงวิญญาณที่ไร้หนทางสู้กิ๊ฟถึงกับหน้าซีดเผือด เพราะสิ่งที่เขาเอ่ยมานั้น เธอไม่ได้เขียนลงไปในใบสมัครงานแม้แต่น้อย แต่เขากลับรู้ประวัติของเธอเกือบทั้งหมดนั่นแสดงว่า เขาไม่เพียงแต่จำเธอได้ แต่ยังแค้นฝังใจด้วย !“ถูกไล่ออกจากงานหรือ ทำไมถึงได้มาสมัครงานในตำแหน่งเลขากระจอก ๆ แบบนี้ล่ะ”คิงจงใจใช้คำพูดจี้ใจดำหญิงสาวตรงหน้าหลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น เขาก็ให้คนไปสืบข้อมูลของเธอมาอย่างละเอียด และสวรรค์ก็ช่างเป็นใจ ส่งเธอให้มาสมัครงานในบริษัทของเขา ถึงเวลาที่เอาคืนเธอแล้ว !คณะกรรมการคนอื่น ๆ ราวกับจะกลั้นหายใจฟังการสนทนา รู้สึกกดดันแทนผู้ถูกสัมภาษณ์ เพราะเธอเป็นคนแรกที่ถูกประธานบริษัทเ
“กาแฟค่ะ”กิ๊ฟวางถ้วยกาแฟตรงหน้าท่านประธานหนุ่มอีกครั้ง แววตาเขาวูบขึ้นอย่างสำราญใจ ที่มุมปากมีรอยยิ้มจาง ๆ ซ่อนไว้ยากที่ใครจะมองออกคิงยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเช่นเคย ท่ามกลางสายตานับสิบคู่ของคณะกรรมการสัมภาษณ์งานในห้องประชุมทันทีที่ของเหลวอุ่น ๆ ไหลผ่านเข้าไปในโพรงปากสัมผัสกับลิ้นที่มีตุ่มรับรสชาตินับ 8,000 ตุ่ม วินาทีนั้น ร่างกายของเขาก็พ่นกาแฟออกมาทางเดิมพรวด !“ว๊าย”คุณโฉมสอางค์ที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือของบอสใหญ่ ลุกพรวดขึ้นพร้อมกับกรี๊ดดังลั่นด้วยความตกใจ“แค่ก ๆ”คิงสำลักเอาน้ำกาแฟที่ยังเหลือค้างอยู่ตามลำคอออกมา ใบหน้าเหยเก เป็นรสชาติกาแฟที่เขาจะจรดจำไปตลอดชั่วชีวิต !“น้ำค่ะ ท่าน”คุณโฉมสอางค์รีบยื่นน้ำเปล่าให้เจ้านาย พร้อมกับเจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งรีบส่งกระดาษทิชชูให้กิ๊ฟกลั้นหัวเราะเอาไว้จนตัวสั่น หน้าแดงก่ำ ส่วนนิวอ้าปากค้าง ตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน แล้วเมื่อเห็นสายตาคมดุจ้องเพื่อนสาวตัวต้นเหตุราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาก็ยกมือขึ้นปิดหน้า พร้อมกับพึมพำออกมาเบา ๆ ว่า“อีกิ๊ฟ... มึงตายแน่”คณะกรรมการท่านอื่น ๆ ก็คิดไม่ต่างจากเขา โดยเฉพาะคุณโฉมสอางค์ที่อยู่กับประธานบริษัทมานาน รู้ดีว่าคนท
คนขับอุทานออกมา ปนหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะคิดว่าจะได้ส่งผู้โดยสารในระยะไกลกว่านี้ แล้วจะได้เงินเพิ่มมากขึ้น“แค่นี้แหละลุง โธ่.... แดดใกล้เที่ยงมันร้อน หนูไม่อยากเดินตากแดดมาสถานีรถไฟฟ้า”กิ๊ฟตอบเลี่ยง ๆ ซึ่งความจริงแล้วที่เธอกระโดดขึ้นรถแท็กซี่เพราะต้องการหลบหนี ถ้าจะนั่งไปถึงคอนโดเลยก็กลัวว่าจะต้องจ่ายเงินเยอะ เธอจึงต้องลงตรงนี้แล้วนั่งรถไฟฟ้ากลับคอนโดจะประหยัดกว่าเมื่อรถจอดแล้ว มิเตอร์ขึ้นที่เลข 53 บาท เธอก็ล้วงเอาแบงก์ห้าสิบ แล้วค้นหาเศษเหรียญ 3 เหรียญแล้วยื่นให้คนขับพอดิบพอดี จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องแท็กซี่ไม่มีเงินทอน หรือบางรายอาจจะมีแต่ไม่ค่อยอยากจะทอนเงินให้ลูกค้า เพื่อหวังจะได้เงินเพิ่มเล็ก ๆ น้อย ๆณ คอนโด@กิ๊ฟ หลังจากกลับจากสัมภาษณ์งาน ตลอดทั้งช่วงบ่ายเธอก็จัดการโละชุดทำงานตัวเดิมขายทอดตลาดมือสองออกทั้งหมด แล้วซื้อชุดทำงานใหม่มาแทนตามคำแนะนำของนิวนี่เพื่อนชายหัวใจหญิงของเธอส่งข้อความเข้าไลน์มาจิกเธอเป็นระยะ ๆLine@นิวนี่ : ‘แกถ้าแกคิดไม่ออกว่าจะซื้อชุดแบบไหน ก็เปิดดูซีรี่ย์เรื่อง What's Wrong With Secretary Kim’Line@กิ๊ฟซ่า : ‘what?’Line@นิวนี่ : ‘หัดดูหนังดูละครบ้างนะแก
ณ บริษัท เอ็มเอ็นกรุป จำกัด ‘กนกพิชญ์ เรืองระวี’ หรือ กิ๊ฟ สตรีในชุดทำงานสีเรียบ ผมรวบตึง สวมแว่นสายตากรอบสีดำหนาเตอะ เดินฉับ ๆ มุ่งหน้ามายังโต๊ะหน้าห้องประธานบริษัท ซึ่งมีป้ายบอกตำแหน่ง เลขานุการเธอหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะแล้วกวาดสายตามองผ่านแว่นสายตาคล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่าง เมื่อไม่เห็นสิ่งที่ต้องการ เธอจึงก้าวเข้าไปรื้อค้นเอกสารในชั้นใต้โต๊ะทำงานอย่างถือวิสาสะ“คุณเลขาครับ รบกวนขอกาแฟดำร้อนสักแก้ว”เสียงทุ้มนั้นทำให้หญิงสาวที่กำลังค้นหาเอกสารหยุดชะงัก แล้วตวัดสายตาดุ ๆ มองไปยังต้นเสียง“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ใช่เลขา และคนอย่างฉันไม่มีทางที่จะเป็นเลขารับใช้ใคร”กิ๊ฟตอบกลับอย่างไม่เป็นมิตรพอ ๆ กับใบหน้าที่กำลังอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก เพราะเมื่อเช้าเธอเพิ่งจะได้ยินพนักงานฝ่ายบัญชีกำลังซุบซิบนินทาว่า คนที่ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าแผนกบัญชี คือ เทมมี่ เลขาสาวสวยหน้าห้องท่านประธานบริษัท แทนที่จะเป็นเธอ !เธอไม่เชื่อว่า ประธานบริษัทจะทำแบบนี้ ดังนั้น เธอจึงมาค้นหาเอกสารหลักฐานการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการที่โต๊ะของเทมมี่ชายหนุ่มเมื่อได้ยินพนักงานบริษัทที่เขามาเจรจาธุรกิจด้วยตอบกลับมาดังนั้น ก็หน้าตึ
“ไม่ต้องมาแสดงละคร เธอใช้เต้าไต่จนสมใจเธอแล้วนี่”กิ๊ฟสะบัดแขนออกจากเทมมี่ พร้อมกับตะคอกใส่อีกฝ่ายคำพูดของเธอนั้น ดังพอที่จะทำให้พนักงานทุกคนในห้องได้ยินทั่วถึงกัน แล้วต่างสบตากันเลิ่กลั่ก ทุกคนต่างก็รู้กันทั้งนั้น ว่าประธานบริษัทในวัยห้าสิบห้าปีกับเลขาสาวสวยแอบกินกันลับ ๆ แต่ไม่มีใครกล้าประจานเจ้านายซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้“พี่กิ๊ฟ ! พี่กิ๊ฟพูดอะไรออกมาคะ”เทมมี่บีบน้ำตา น้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกับว่าถูกปรักปรำอย่างเหลือร้าย“ผมไล่คุณออกตั้งแต่วันนี้ !”มาโนชย์ชี้หน้าลูกน้องหัวแข็งของตนอย่างเดือดดาลคนถูกไล่ออกเชิดหน้าขึ้น ไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำว่า“เจ้านายห่วย ๆ ที่เห็นเต้าอวบ ๆ ดีกว่าผลงานแบบนี้ ถึงไม่ไล่ออก ฉันก็จะออก !”สิ้นคำ เธอก็ขยำหนังสือแต่งตั้งหัวหน้าฝ่ายบัญชีคนใหม่เป็นก้อนกลม ๆ แล้วปาใส่หน้าเทมมี่“ว้าย !”เทมมี่ร้องเสียงหลง ด้วยความตกใจ“ไปเลย ! อยากอวดดีนักก็เชิญออกไปเลย อายุเธอก็ไม่น้อยแล้ว ฉันอยากจะรู้นักว่าจะมีบริษัทไหนรับเธอเข้าทำงาน !”ประธานบริษัทตะโกนไล่หลังกิ๊ฟอย่างหัวเสียกิ๊ฟสาวเท้ารีบเดินออกไปจากที่นั่น เธอไม่อยากให้พวกเขาเห็นว่
กิ๊ฟโวยวาย กี่ครั้งแล้วที่เธอต้องถูกประเมินอย่างไม่เป็นธรรมแบบนี้ “แกต้องออกมาอยู่กับโลกความเป็นจริงบ้าง เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมการทำงานจริง ๆ ซึ่งมันไม่ได้ตรงเป๊ะเหมือนกับในหนังสือ หรือตัวเลขที่แกเรียนมา”นุ้ยพยายามจะพูดให้เพื่อนเข้าใจ และปรับตัว หากขืนมันยังเป็นแบบนี้ ต่อให้เข้าทำงานอีกกี่ที่ก็คงจะลงท้ายอีกหรอบเดิม“กูไม่เข้าใจเว้ย !..... ทำไมว่ะ... ทำไมชีวิตกูมันถึงต้องเป็นแบบนี้ งานวันเกิดกูแต่กลับต้องมาฉลองย้อมใจเพราะตกงาน.... เหี้ยเอ๊ย”กิ๊ฟคร่ำครวญออกมา พร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว วันเกิดปีนี้เธออายุครบ 30 ปีแล้ว แต่ชีวิตของเธอยังไม่เข้าใกล้คำว่า “ประสบความสำเร็จ” แม้แต่น้อย“เฮ้ย ๆ พอ ๆ อีกิ๊ฟ กระดกเป็นน้ำเปล่าแบบนี้ เดี๋ยวได้เมาหัวทิ่มกันพอดี”นิวรีบห้ามเพื่อนกิ๊ฟยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปาก แล้วพร่ำบ่นต่อไปว่า“ตอนเรียน กูก็ตั้งใจเรียน ได้เอทุกวิชา เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของประเทศ แต่แมร่ง มึงดูกูตอนนี้สิ ตกงาน ! ฮ่า ๆ”คนตกงานเดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เธอยกมือขึ้นชี้นิ้วกราดไปที่เพื่อนแต่ละคน พร้อมกับพูดว่า“ในขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ ในรุ่