“ไม่ต้องมาแสดงละคร เธอใช้เต้าไต่จนสมใจเธอแล้วนี่”
กิ๊ฟสะบัดแขนออกจากเทมมี่ พร้อมกับตะคอกใส่อีกฝ่าย
คำพูดของเธอนั้น ดังพอที่จะทำให้พนักงานทุกคนในห้องได้ยินทั่วถึงกัน แล้วต่างสบตากันเลิ่กลั่ก ทุกคนต่างก็รู้กันทั้งนั้น ว่าประธานบริษัทในวัยห้าสิบห้าปีกับเลขาสาวสวยแอบกินกันลับ ๆ แต่ไม่มีใครกล้าประจานเจ้านายซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้
“พี่กิ๊ฟ ! พี่กิ๊ฟพูดอะไรออกมาคะ”
เทมมี่บีบน้ำตา น้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกับว่าถูกปรักปรำอย่างเหลือร้าย
“ผมไล่คุณออกตั้งแต่วันนี้ !”
มาโนชย์ชี้หน้าลูกน้องหัวแข็งของตนอย่างเดือดดาล
คนถูกไล่ออกเชิดหน้าขึ้น ไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำว่า
“เจ้านายห่วย ๆ ที่เห็นเต้าอวบ ๆ ดีกว่าผลงานแบบนี้ ถึงไม่ไล่ออก ฉันก็จะออก !”
สิ้นคำ เธอก็ขยำหนังสือแต่งตั้งหัวหน้าฝ่ายบัญชีคนใหม่เป็นก้อนกลม ๆ แล้วปาใส่หน้าเทมมี่
“ว้าย !”
เทมมี่ร้องเสียงหลง ด้วยความตกใจ
“ไปเลย ! อยากอวดดีนักก็เชิญออกไปเลย อายุเธอก็ไม่น้อยแล้ว ฉันอยากจะรู้นักว่าจะมีบริษัทไหนรับเธอเข้าทำงาน !”
ประธานบริษัทตะโกนไล่หลังกิ๊ฟอย่างหัวเสีย
กิ๊ฟสาวเท้ารีบเดินออกไปจากที่นั่น เธอไม่อยากให้พวกเขาเห็นว่าเธอร้องไห้
ตุบ !
“โอ๊ย”
คิงร้องขึ้น เมื่อถูกกาแฟร้อน ๆ หกรดเต็มตัว เพราะผู้หญิงคนหนึ่งชนเขาเข้าเต็มแรง – นี่มันวันซวยแห่งชาติรึไง – เขาสบถในใจ
“ขอโทษ”
กิ๊ฟมองเขาแค่แวบเดียว แล้วรีบเดินจากไป
“คุณภูวเดช !”
มาโนชย์มองเห็นผู้ชายโชคร้ายคนนั้นแล้วก็ต้องตกตะลึง เพราะเขาคือ ประธานบริษัทเดอะคิง ลูกค้าสำคัญที่นัดคุยงานกันวันนี้
“ท่านประธานครับ !”
วศินที่เพิ่งขึ้นมาเห็นฉากนั้นเข้าพอดี ถึงกับตาถลน รีบวิ่งเข้ามาหานายตน
ณ ร้านเดอะบัตเตอร์ฟลาย
ร้านนี้เป็นร้านอาหารกึ่งพับแบบโอเพ่นแอร์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงอันศิวิไลซ์ หลังจากผ่านพ้นการระบาดของโรคโควิด 19 ไปแล้ว ร้านก็กลับมาเปิดอีกครั้ง
ภายในร้านมีวงดนตรีสดเล่นเพลงขับกล่อมบรรดานักดื่มทั้งหลาย ลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านจะเป็นวัยทำงานที่ต้องการผ่อนคลายความเครียด ฟังเพลงไปด้วย โยกไปด้วยเบา ๆ แต่ไม่ได้จัดหนักแดนซ์กันกระจายแบบวัยรุ่นในผับ
“อ่าว.... มึง ไหงเจ้าของงานวันเกิดเมาแอ๋ ขนาดนี้ว่ะ”
บีที่มาถึงที่ร้านเป็นคนสุดท้ายในกลุ่มเพื่อน ๆ ถามขึ้น เมื่อเห็นกิ๊ฟคอพับคออ่อนเมาจนแทบฟุบลงไปกับโต๊ะอยู่แล้ว
“จะไม่ให้เมาได้ไงว่ะ อีนี่มันช่วยเขาเปิดร้านตั้งแต่หกโมงเย็น”
นิว เพื่อนชายหัวใจหญิงจีบปากจีบคอตอบแทนคนเมา เขาเป็นคนแรกที่มาหากิ๊ฟที่ร้านเดอะบัตเตอร์ฟลาย เพราะนางโทรจิกเขาตั้งแต่งานยังไม่ได้เลิก
“มันนี่นะมาที่ร้านก่อนเพื่อน ปกติมันบ้างานจะตาย ถ้าไม่สองทุ่มมันเหรอจะลงจากออฟฟิศ”
บีเอ่ยขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวสุดท้ายที่ยังว่างอยู่ เพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างรู้จักนิสัยกันและกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยม
เมื่อกิ๊ฟได้ยินคำว่า ‘งาน’ ก็คล้ายกับว่ามีใครเอาน้ำร้อนมาราดรดหัวใจของคนที่เพิ่งตกงานหมาด ๆ ให้รู้สึกร้อนทุรนทุรายขึ้นมาอีกครั้ง
“ใช่ ! กูทำงานทุ่มเทขนาดนั้น พัฒนางานให้กับบริษัทมากมายขนาดนั้น แมร่งเอ๊ย ! เขาเสือกไล่กูออก”
เมื่อแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดสะสมได้ที่ เธอจึงขึ้นมึงขึ้นกูกับเพื่อนตามแรงอารมณ์ที่กำลังพวยพุ่งขึ้นมา
“ฮะ ! อีกแล้วหรือมึง”
บีอุทานออกมาอย่างตกใจจริง ๆ คืนนี้เพื่อน ๆ ในกลุ่มนัดฉลองวันเกิดให้กับกิ๊ฟ แต่กลับกลายเป็นว่า ต้องมาเลี้ยงย้อมใจคนตกงานหรือเนี่ย
“เอ่อ... อีกแล้ว ครั้งที่ 5 ในรอบ 9 ปีที่มันเรียนจบปริญญาแล้วออกมาทำงาน”
นุ้ย เพื่อนสาวอีกคนที่มาถึงไล่เลี่ยกับนิวเอ่ยออกมาอย่างเซ็ง ๆ เพราะเธอกับนิวนั่งฟังกิ๊ฟคร่ำครวญเรื่องถูกไล่ออกจากงานยืดยาวเป็นรอบที่สิบแล้ว
“ไหนมึงเล่ามาสิ มันเกิดอะไรขึ้น”
บีรีบยื่นมือไปคว้าเอาแก้วเหล้าจากมือกิ๊ฟให้วางลง
“มึงฟังมันพูดนะ กูฟังจนหูแฉะแล้ว กูจะกินข้าวเพราะต้องรีบกลับไปหาลูกหาผัว”
นุ้ยบอก
“พัฒนาระบบบัญชีของบริษัท กูก็เป็นคนทำ.....”
คนเมาเริ่มร่ายออกมาเสียงอ้อแอ้ ส่วนคนฟังก็กินไปด้วย พยักหน้ารับฟังไปด้วย
“เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดทุนของบริษัทก็กู แต่พอเลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดือนกูกลับไม่ได้ คนที่ได้กลับเป็นอีเด็กเลขาฯ หน้าห้องท่านประธาน.... เหี้ยเอ๊ย !”
คำสุดท้ายกิ๊ฟสบถออกมาดังขึ้น จนโต๊ะอื่น ๆ เริ่มหันมามอง
“เบาเพื่อน.... เบา...”
บีหันซ้าย หันขวา พลางตบหลังมือเพื่อนเบา ๆ ให้ใจเย็นลง “แกก็เลยไปอาละวาด จนเขาไล่แกออกใช่ไหม”
เพื่อนสาวเอ่ยดักคอราวกับตาเห็น การลาออกห้าครั้งที่ผ่านมาของกิ๊ฟ ทำให้บีเดาสถานการณ์ได้ไม่อยาก
การลาออกแต่ละครั้งของเพื่อนสาว ล้วนมีเหตุผลมาจากการทะเลาะกับหัวหน้า ถูกเพื่อนร่วมงานแย่งผลงานไปซึ่ง ๆ หน้า หรือแม้กระทั่งการถูกประเมินเลื่อนขั้นเงินเดือนอย่างไม่เป็นธรรม
“เอ่อ.... กูจะโง่อยู่เป็นควายไถงานให้เขานั่งบนหลังกูทำไงวะ แมร่ง... คนทำงานคือกู แต่คนได้รับเงินได้รับตำแหน่งกลับเป็นอีคนที่มันนั่งสวย ๆ แล้วไม่ทำห่าอะไรเลย อีไม้ประดับเอ๊ย !”
พนักงานที่เอาแต่ประจบประแจงเจ้านาย ทำงานนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ได้เลื่อนขั้น ได้เงินเดือนเท่ากับคนอื่น ๆ กิ๊ฟเรียกพนักงานประเภทนั้นว่า พวกไม่ประดับประจำสำนักงาน
เธอขยันตั้งใจทำงานให้บริษัทมากมายขนาดนั้น แต่เจ้านายกลับไม่เห็นค่า ขืนทำงานต่อไปก็รังแต่จะท้อแท้ใจเปล่า ๆ
“มึงยิ้มหวาน ๆ พูดจาเพราะ ๆ กับหัวหน้า หรือเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟกาแฟให้ประธานแบบอีน้องเทมมี่เป็นไหมล่ะ”
นุ้ยโพล่งขึ้น ปัจจุบันเธอกับสามีมีธุรกิจเป็นของตนเอง จึงรู้ว่าส่วนใหญ่คนที่เป็นหัวหน้ามักจะชอบลูกน้องที่มีความอ่อนน้อม มากกว่าลูกน้องที่กระด้างกระเดื่องหัวแข็ง
“ทำไมวะ ทำไมไม่วัดกันที่ตัวผลงานจริง ๆ ในเกณฑ์ประเมินเลื่อนขั้นเงินเดือนมีข้อไหนที่ระบุว่า มึงต้องยิ้มให้เจ้านายนะ มึงต้องคอยเลียแข้งเลียขาท่านประธานนะ มีไหม ! ไม่มี แต่พอเข้าห้องประเมินจริง ๆ แมร่งเอ๊ย..... หาว่ากูพูดจาแข็งบ้าง ไม่มีมนุษยสัมพันธ์บ้าง แล้วก็หักคะแนนกู เงินเดือนกูไม่ขึ้นมากี่ปีแล้ว เชี่ยเอ๊ย....”
กิ๊ฟโวยวาย กี่ครั้งแล้วที่เธอต้องถูกประเมินอย่างไม่เป็นธรรมแบบนี้ “แกต้องออกมาอยู่กับโลกความเป็นจริงบ้าง เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมการทำงานจริง ๆ ซึ่งมันไม่ได้ตรงเป๊ะเหมือนกับในหนังสือ หรือตัวเลขที่แกเรียนมา”นุ้ยพยายามจะพูดให้เพื่อนเข้าใจ และปรับตัว หากขืนมันยังเป็นแบบนี้ ต่อให้เข้าทำงานอีกกี่ที่ก็คงจะลงท้ายอีกหรอบเดิม“กูไม่เข้าใจเว้ย !..... ทำไมว่ะ... ทำไมชีวิตกูมันถึงต้องเป็นแบบนี้ งานวันเกิดกูแต่กลับต้องมาฉลองย้อมใจเพราะตกงาน.... เหี้ยเอ๊ย”กิ๊ฟคร่ำครวญออกมา พร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว วันเกิดปีนี้เธออายุครบ 30 ปีแล้ว แต่ชีวิตของเธอยังไม่เข้าใกล้คำว่า “ประสบความสำเร็จ” แม้แต่น้อย“เฮ้ย ๆ พอ ๆ อีกิ๊ฟ กระดกเป็นน้ำเปล่าแบบนี้ เดี๋ยวได้เมาหัวทิ่มกันพอดี”นิวรีบห้ามเพื่อนกิ๊ฟยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปาก แล้วพร่ำบ่นต่อไปว่า“ตอนเรียน กูก็ตั้งใจเรียน ได้เอทุกวิชา เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของประเทศ แต่แมร่ง มึงดูกูตอนนี้สิ ตกงาน ! ฮ่า ๆ”คนตกงานเดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เธอยกมือขึ้นชี้นิ้วกราดไปที่เพื่อนแต่ละคน พร้อมกับพูดว่า“ในขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ ในรุ่
ฟางบิดตัวไปมา แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวโทรศัพท์แทบจะหลุดร่วงลงจากมือ เมื่อได้ยินเสียงดุ ๆ ดังขึ้นว่า“ถ้าไม่ทำงาน... ก็ออกไปหาแฟนตอนนี้เลยก็ได้ แล้วไม่ต้องกลับมาที่บริษัทอีก”“ท่านประธาน.... นะ หนูขอโทษค่ะ”ฟางรีบเก็บโทรศัพท์ลงแล้วยกมือไหว้ขอโทษ“แปดโมงเช้า ถึงห้าโมงเย็น คือเวลางาน หากใครใช้เวลาทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานให้หักคะแนนความประพฤติ”คิงเอ่ยเสียงเข้ม คนถูกดุก้มหน้าลง มือไม้สั่นไปหมด “คุณโฉมสอางค์ จดบันทึกเอาไว้ด้วย”เขาหันไปสั่งหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่เดินตามหลังมาติด ๆ“ค่ะ ท่านประธาน” โฉมสอางค์รีบรับคำ พลางส่งสายตาเห็นใจไปที่พนักงานน้องใหม่ที่เพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่ถึงปี ก็ถูกหักคะแนนเสียแล้วจากนั้น ท่านประธานบริษัทก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงาน เมื่อประตูห้องปิดลง พนักงานต่างถอนหายใจโล่งออกมาตาม ๆ กัน“ยัยฟาง ! เธอไม่เห็นข้อความแจ้งเตือนในไลน์กลุ่มพนักงานบริษัทรึไง”พี่นา สาวใหญ่วัยสี่สิบห้าปีดุลูกน้องเสียงเขียว“พอดี... แฟนหนูโทรมา หนูเลยไม่เห็นข้อความในไลน์ค่ะ พี่นา”ฟางเอ่ยเสียงอ่อย ทำท่าจะร้องไห้ คะแนนเธอถูกหักอีกแล้ว คาดว่าปลายปีคงจะไม่ได้โบนัสแน่ ๆ“ทีหน้าทีหลังจะทำอะไรก็อ
“อิ อิ พี่โฉม... แต่บอสใหญ่หล่อ... สูง... ยาวเข่าดีมากเลยนะ”นิวยังแกล้งล้อไม่เลิก ฝ่ายนั้นจึงแหวขึ้นว่า“หล่อแต่โหดไร้ใจแบบนี้ พี่ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ ที่สำคัญพี่มีลูกมีผัวแล้ว หากน้องนิวสน... จะสมัครเป็นเลขาไหมล่ะคะ”เมื่อได้ยินดังนั้น นิวถึงกลับหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา เขายังจำได้ดี ตอนที่ท่านประธานเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ๆ เพียงแค่ก้าวเข้ามาในบริษัท ความหล่อเหลาตามแบบฉบับลูกครึ่งไทยจีน ทำเอาสาว ๆ ในสำนักงานต่างมองกันตาค้าง และแล่นอยากจะเป็นเลขาฯ รับใช้ใกล้ชิดคุณภูวเดชกันทั้งนั้นแต่เมื่อถึงเวลาทำงานกันจริง ๆ ทุกคนต่างเข็ดขยาดกับการทำงานอย่างจริงจังของเขา พูดหยอกล้อบอสใหญ่เพียงนิดเดียวก็ถูกตวาด หรือ แค่ส่งเอกสารผิดพลาดก็ถูกตะคอก บางคนรับไม่ไหวถึงกับร้องห่มร้องไห้ขอลาออกด้วยตนเอง และปัจจุบัน สาว ๆ ในบริษัทก็ไม่กล้าแม้แต่จะส่งสายตาหยาดเยิ้มให้บอสใหญ่อีกเลยหลบได้ควรหลบ เลี่ยงได้ควรเลี่ยง ! -“ไม่ดีกว่าค่ะ... นิวยังมีผัวที่ต้องหาเลี้ยงอีกหลายคน นิวยังไม่อยากตกงานค่ะ”นิวเอ่ยเสียงอ่อย ลงท้ายด้วยคำว่าค่ะ อย่างเต็มคำด้วยความเคยชิน แม้ว่าร่างกายของเขาจะเป็นชาย แต่ใจเป็นหญิงเต็มเปี่ยม และไม่คิดที่จะป
นิวพ่นคำพูดออกมาแทบไม่หายใจ หัวใจยังคงเต้นระทึกกับเหตุการณ์เมื่อครู่ นี่ถ้าบีไม่โทรบอกให้เขามาเยี่ยมกิ๊ฟ พรุ่งนี้เพื่อน ๆ คงได้ไปงานศพมันแทนแน่ ๆคนถูกดุปรือตาขึ้นมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้างวยงง ก่อนที่จะขยับริมฝีปากเอ่ยออกมาว่า“ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตาย ฉันแค่หน้ามืดจะเป็นลม”กิ๊ฟบอกเพื่อน พร้อมกับเสียงท้องร้องดังประกอบคำพูด......โครกคราก.....“นี่แก อย่าบอกนะว่าแกหิวข้าวจนเป็นลมน่ะ”คนถูกถามพยักหน้าแทนคำตอบ นิวเหลือบตาขึ้นบนอย่างเซ็ง ๆ แล้วตะคอกใส่หน้าคนหิวว่า“เมื่อครู่ กูหัวใจจะวายตายแล้วอีกิ๊ฟ !”“สรุปคือ... มึงไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ก็เลยต้องกินมาม่าแทนข้าวมาเป็นเดือนแล้ว”นิวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวยัดข้าวผัดลงท้องจวนจะเกลี้ยงจานแล้วโชคดีที่เขาซื้อข้าวกล่องติดมือขึ้นมาด้วย เพราะตั้งใจว่าจะมากินข้าวเย็นเม้าท์มอยตามประสาเพื่อนสาว แต่เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง เขาเคาะประตูห้องตั้งนานแต่ไม่มีคนออกมาเปิดให้ และรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างจึงหยิบเอาคีย์การ์ดสำรอง ที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มเท่านั้น ที่รู้ว่าเจ้าของห้องซ่อนไว้ใต้ป้ายเลขห้องดังนั้น เขาจึงเปิดประตูห้องของเพื่อนสาวเข้ามา และช่วยเธอก่อนท
หลังจากซื้อคอนแทคเลนส์ใส่แทนแว่นสายตาหนาเตอะเรียบร้อยแล้ว หนึ่งหญิงกับหนึ่งชายหัวใจหญิงก็มาแอบอยู่ที่มุมตึก ใกล้กับห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกของตัวอาคาร ซึ่งบริเวณนี้สาว ๆ ออฟฟิศมักจะแวะเวียนมาใช้บริการก่อนเดินขึ้นตึก“ทำแบบนี้จะดีหรือแก”กิ๊ฟที่อยู่ข้างหลังนิว กระซิบถามเพื่อนเบา ๆ พลางหันรีหันขวางกลัวว่าจะมีใครมาพบเข้า“ช่วงเวลาฉุกละหุกแบบนี้ มีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นแหละแก ที่จะได้เสื้อผ้าที่มันดูดีใส่ไปสัมภาษณ์งานนะ”นิวตอบกลับเสียงเบา ในขณะที่สายตายังสอดส่องมองหาพนักงานสาวออฟฟิศที่แต่งตัวเข้าท่าหน่อยตึกเดอะคิงมีทั้งหมด 35 ชั้น เป็นของบริษัทเดอะคิงที่ปล่อยให้บริษัทขนาดเล็กอื่น ๆอีกหลายบริษัทเช่าเป็นสำนักงาน ส่วนสำนักงานใหญ่ของบริษัทเองตั้งอยู่บนชั้นที่ 25 -30 ดังนั้น ตอนนี้จึงมีพนักงานออฟฟิศเดินเข้าเดินออกให้เขาเลือกสรรอย่างหลากหลาย“ฉันว่า....”กิ๊ฟรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ออกมาจนชุ่มมือด้วยอาการตื่นเต้น ยังไม่ทันที่กิ๊ฟจะเอ่ยได้จบประโยค นิวก็พุ่งตัวเข้าไปทางด้านหลังของพนักงานสาวออฟฟิศคนหนึ่ง“คนนี้แหละ ไป !”เขาเอามือปิดปากสาวคนนั้นไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา กิ๊ฟจึงรีบเอาสันกระเป๋าทุบเข้าท
เสียงทุ้มจากคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทเอ่ยขึ้นแทนผู้สัมภาษณ์ทุกคนรอบด้านต่างเงียบกริบ สีหน้าแต่ละคนคล้ายกับแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน บางคนก้ม ๆ เงย ๆ คล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่างในแฟ้มเอกสารหัวใจของกิ๊ฟเต้นกระหน่ำแรงยิ่งขึ้นเมื่อเขาเอ่ยต่อมาว่า“ตำแหน่งงานล่าสุด คือ รองหัวหน้าการเงินและบัญชี บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ อย่าง เอ็มเอ็น จำกัด”เอ่ยจบ คิงก็กระตุกยิ้มที่มุมปากนิด ๆ คล้ายกับเจ้าแห่งนรกที่กำลังพิพากษาดวงวิญญาณที่ไร้หนทางสู้กิ๊ฟถึงกับหน้าซีดเผือด เพราะสิ่งที่เขาเอ่ยมานั้น เธอไม่ได้เขียนลงไปในใบสมัครงานแม้แต่น้อย แต่เขากลับรู้ประวัติของเธอเกือบทั้งหมดนั่นแสดงว่า เขาไม่เพียงแต่จำเธอได้ แต่ยังแค้นฝังใจด้วย !“ถูกไล่ออกจากงานหรือ ทำไมถึงได้มาสมัครงานในตำแหน่งเลขากระจอก ๆ แบบนี้ล่ะ”คิงจงใจใช้คำพูดจี้ใจดำหญิงสาวตรงหน้าหลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น เขาก็ให้คนไปสืบข้อมูลของเธอมาอย่างละเอียด และสวรรค์ก็ช่างเป็นใจ ส่งเธอให้มาสมัครงานในบริษัทของเขา ถึงเวลาที่เอาคืนเธอแล้ว !คณะกรรมการคนอื่น ๆ ราวกับจะกลั้นหายใจฟังการสนทนา รู้สึกกดดันแทนผู้ถูกสัมภาษณ์ เพราะเธอเป็นคนแรกที่ถูกประธานบริษัทเ
“กาแฟค่ะ”กิ๊ฟวางถ้วยกาแฟตรงหน้าท่านประธานหนุ่มอีกครั้ง แววตาเขาวูบขึ้นอย่างสำราญใจ ที่มุมปากมีรอยยิ้มจาง ๆ ซ่อนไว้ยากที่ใครจะมองออกคิงยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเช่นเคย ท่ามกลางสายตานับสิบคู่ของคณะกรรมการสัมภาษณ์งานในห้องประชุมทันทีที่ของเหลวอุ่น ๆ ไหลผ่านเข้าไปในโพรงปากสัมผัสกับลิ้นที่มีตุ่มรับรสชาตินับ 8,000 ตุ่ม วินาทีนั้น ร่างกายของเขาก็พ่นกาแฟออกมาทางเดิมพรวด !“ว๊าย”คุณโฉมสอางค์ที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือของบอสใหญ่ ลุกพรวดขึ้นพร้อมกับกรี๊ดดังลั่นด้วยความตกใจ“แค่ก ๆ”คิงสำลักเอาน้ำกาแฟที่ยังเหลือค้างอยู่ตามลำคอออกมา ใบหน้าเหยเก เป็นรสชาติกาแฟที่เขาจะจรดจำไปตลอดชั่วชีวิต !“น้ำค่ะ ท่าน”คุณโฉมสอางค์รีบยื่นน้ำเปล่าให้เจ้านาย พร้อมกับเจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งรีบส่งกระดาษทิชชูให้กิ๊ฟกลั้นหัวเราะเอาไว้จนตัวสั่น หน้าแดงก่ำ ส่วนนิวอ้าปากค้าง ตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน แล้วเมื่อเห็นสายตาคมดุจ้องเพื่อนสาวตัวต้นเหตุราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาก็ยกมือขึ้นปิดหน้า พร้อมกับพึมพำออกมาเบา ๆ ว่า“อีกิ๊ฟ... มึงตายแน่”คณะกรรมการท่านอื่น ๆ ก็คิดไม่ต่างจากเขา โดยเฉพาะคุณโฉมสอางค์ที่อยู่กับประธานบริษัทมานาน รู้ดีว่าคนท
คนขับอุทานออกมา ปนหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะคิดว่าจะได้ส่งผู้โดยสารในระยะไกลกว่านี้ แล้วจะได้เงินเพิ่มมากขึ้น“แค่นี้แหละลุง โธ่.... แดดใกล้เที่ยงมันร้อน หนูไม่อยากเดินตากแดดมาสถานีรถไฟฟ้า”กิ๊ฟตอบเลี่ยง ๆ ซึ่งความจริงแล้วที่เธอกระโดดขึ้นรถแท็กซี่เพราะต้องการหลบหนี ถ้าจะนั่งไปถึงคอนโดเลยก็กลัวว่าจะต้องจ่ายเงินเยอะ เธอจึงต้องลงตรงนี้แล้วนั่งรถไฟฟ้ากลับคอนโดจะประหยัดกว่าเมื่อรถจอดแล้ว มิเตอร์ขึ้นที่เลข 53 บาท เธอก็ล้วงเอาแบงก์ห้าสิบ แล้วค้นหาเศษเหรียญ 3 เหรียญแล้วยื่นให้คนขับพอดิบพอดี จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องแท็กซี่ไม่มีเงินทอน หรือบางรายอาจจะมีแต่ไม่ค่อยอยากจะทอนเงินให้ลูกค้า เพื่อหวังจะได้เงินเพิ่มเล็ก ๆ น้อย ๆณ คอนโด@กิ๊ฟ หลังจากกลับจากสัมภาษณ์งาน ตลอดทั้งช่วงบ่ายเธอก็จัดการโละชุดทำงานตัวเดิมขายทอดตลาดมือสองออกทั้งหมด แล้วซื้อชุดทำงานใหม่มาแทนตามคำแนะนำของนิวนี่เพื่อนชายหัวใจหญิงของเธอส่งข้อความเข้าไลน์มาจิกเธอเป็นระยะ ๆLine@นิวนี่ : ‘แกถ้าแกคิดไม่ออกว่าจะซื้อชุดแบบไหน ก็เปิดดูซีรี่ย์เรื่อง What's Wrong With Secretary Kim’Line@กิ๊ฟซ่า : ‘what?’Line@นิวนี่ : ‘หัดดูหนังดูละครบ้างนะแก