ณ บริษัท เอ็มเอ็นกรุป จำกัด
‘กนกพิชญ์ เรืองระวี’ หรือ กิ๊ฟ สตรีในชุดทำงานสีเรียบ ผมรวบตึง สวมแว่นสายตากรอบสีดำหนาเตอะ เดินฉับ ๆ มุ่งหน้ามายังโต๊ะหน้าห้องประธานบริษัท ซึ่งมีป้ายบอกตำแหน่ง เลขานุการ
เธอหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะแล้วกวาดสายตามองผ่านแว่นสายตาคล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่าง เมื่อไม่เห็นสิ่งที่ต้องการ เธอจึงก้าวเข้าไปรื้อค้นเอกสารในชั้นใต้โต๊ะทำงานอย่างถือวิสาสะ
“คุณเลขาครับ รบกวนขอกาแฟดำร้อนสักแก้ว”
เสียงทุ้มนั้นทำให้หญิงสาวที่กำลังค้นหาเอกสารหยุดชะงัก แล้วตวัดสายตาดุ ๆ มองไปยังต้นเสียง
“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ใช่เลขา และคนอย่างฉันไม่มีทางที่จะเป็นเลขารับใช้ใคร”
กิ๊ฟตอบกลับอย่างไม่เป็นมิตรพอ ๆ กับใบหน้าที่กำลังอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก เพราะเมื่อเช้าเธอเพิ่งจะได้ยินพนักงานฝ่ายบัญชีกำลังซุบซิบนินทาว่า คนที่ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าแผนกบัญชี คือ เทมมี่ เลขาสาวสวยหน้าห้องท่านประธานบริษัท แทนที่จะเป็นเธอ !
เธอไม่เชื่อว่า ประธานบริษัทจะทำแบบนี้ ดังนั้น เธอจึงมาค้นหาเอกสารหลักฐานการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการที่โต๊ะของเทมมี่
ชายหนุ่มเมื่อได้ยินพนักงานบริษัทที่เขามาเจรจาธุรกิจด้วยตอบกลับมาดังนั้น ก็หน้าตึงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ผมไม่คิดว่า บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่อย่างเอ็มเอ็นกรุปจะมีพนักงานที่ไม่มีจิตใจบริการแบบนี้ด้วย”
คิงกดเสียงต่ำ ดวงตาสีดำเข้มคมกริบนั้นมองสตรีตรงหน้าอย่างดูแคลน หากว่าเธอเป็นพนักงานในบริษัทของเขา คงจะถูกไล่ตะเพิดออกไปนานแล้ว และตอนนี้คนที่เขาอยากไล่ออกมากที่สุด คือ ‘วศิน’ เลขาของเขา ที่หายหัวไปตั้งแต่เดินเข้ามาในบริษัทนี้
คำพูดนั้น ทำให้กิ๊ฟตวัดสายตาแข็งกร้าวกลับมามองเขาอีกหน คราวนี้ เธอมองเขาอย่างพิจารณาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
ดูจากการแต่งกายที่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว พับแขนขึ้นมาครึ่งศอกเช่นนี้แล้วน่าจะเป็นผู้ติดตามผู้บริหารของบริษัทลูกค้าที่มาติดต่อจ้างทำโฆษณา และจากการที่เขาพูดจาไม่รู้เรื่อง และไม่มีทีท่าอ่อนน้อมเช่นนี้ก็คงจะเป็นพวกเด็กใหม่ทำงานไม่กี่ปีแน่ ๆ
เธอจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ แล้วเอ่ยตอบกลับไปว่า
“ขอโทษนะคะ บังเอิญว่าการเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟกาแฟไม่ใช่หน้าที่ของรองหัวหน้าบัญชี และการเงินอย่างฉัน รบกวนนั่งรอเลขาตัวจริงมาแล้ว คุณค่อยเรียกใช้เธอ หรือหากคุณรีบอยากได้กาแฟไปบริการเจ้านายคุณ เพื่อเอาใจก็เชิญที่ห้องครัวด้านนู้นค่ะ”
กิ๊ฟผายมือเชิญเพื่อเป็นการไล่ส่งเขาทางอ้อม เธอจะได้ทำธุระของตนต่อ ก่อนที่เทมมี่จะเข้ามาทำงาน
คิงคิ้วกระตุกชั่วขณะที่ถูกเธอเข้าใจผิด คิดว่าเขาเป็นลูกน้องติดตามเจ้านาย เรื่องนี้ต้องโทษเจ้าวศินอีกนั่นแหละ ที่ลืมหยิบสูทจากรถลงมาด้วย เมื่อเขาไล่ให้กลับลงไปเอาสูทที่รถ เลขาคนใหม่ก็หายหัวไปเลยจนถึงตอนนี้
ชายหนุ่มเดินผละจากไปโดยไม่ได้โต้เถียงกับเธออีก จากนั้น กิ๊ฟจึงเร่งมือหาเอกสารต่อ และแล้วเธอก็เจอมันวางอยู่ในชั้นใต้สุดของโต๊ะเก็บเอกสาร
ในเอกสารระบุอย่างชัดเจนว่า เดือนหน้าคนที่จะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบัญชี และการเงิน คือ เทมมี่ ไม่ใช่เธอ
“พี่กิ๊ฟ... พี่มาทำอะไรที่โต๊ะเทมมี่หรือคะ”
น้ำเสียงใสซื่อของเจ้าของโต๊ะดังขึ้น พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินควงแขนมากับคุณมาโนชย์ หรือประธานบริษัทเอ็มเอ็นกรุปจำกัด
กิ๊ฟไม่สนใจคำถามของเทมมี่ แต่เธอกลับไปถามประธานบริษัทแทนว่า
“ท่านประธานคะ ทำไมคนที่ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชีถึงเป็นเทมมี่”
น้ำเสียงของเธอสั่นระริก ชูหนังสือแต่งตั้งตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายให้เขาดู เธออยากได้คำอธิบายว่า เหตุใดคนที่ทำงานทุ่มเทจนแทบจะล้มป่วยเช่นเธอทำไมถึงได้การตอบแทนจากเจ้านายเช่นนี้
มาโนชย์เห็นว่าไม่อาจปิดบังเรื่องนี้ได้แล้ว จึงตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “เทมมี่เขาเรียนบัญชีมาเหมือนกัน ทำไมจะรับตำแหน่งนี้ไม่ได้”
จากนั้นก็ก้าวเท้าหมายจะเข้าไปในห้องทำงานของตน
กิ๊ฟรีบมาขวางหน้าประธานบริษัทเอาไว้
“แต่ดิฉันทำงานในฝ่ายนี้มาก่อนเทมมี่ ทำผลงานให้กับบริษัทตั้งเยอะแยะ แล้วทำไมตำแหน่งหัวหน้าถึงไม่ใช่ดิฉัน”
เธอแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความเสียใจ เธอทำงานเป็นรองหัวหน้าฝ่ายบัญชีให้กับบริษัทมานานกว่า 3 ปี เป็นคนแรกของบริษัทที่พัฒนาระบบบัญชีโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้เป็นระบบสากล
ตลอด 3 ปีเธอทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ลากิจ ลาป่วยแม้สักวันเดียว เมื่อตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบัญชีว่างลง คนที่ควรจะขึ้นไปนั่งแท่นหัวฝ่ายก็ควรจะเป็นเธอ แต่ทำไมกลับเป็นเทมมี่ ที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขาท่านประธานได้ไม่ถึงปี !
“คุณเป็นประธานบริษัทหรือไง ถึงมาสั่งผมว่าใครที่ควรจะนั่งตำแหน่งนั้น ตำแหน่งนี้ควรเป็นใคร”
มาโนชย์เสียงเข้มขึ้น พร้อมกับชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกลูกน้องโต้แย้งอย่างรุนแรงท่ามกลางสายตาพนักงานคนอื่น ๆ ที่เริ่มทยอยเข้ามาในบริษัทแล้ว
คำพูดนั้น กระแทกเข้าไปในใจของกิ๊ฟอย่างแรง ใช่สิ ตำแหน่งเธอเป็นแค่ลูกน้อง เป็นแค่ขี้ข้าคนหนึ่งที่ต้องยอมรับชะตากรรมที่หัวหน้าเป็นผู้ชี้นิ้วสั่ง
แต่เธอเองก็มั่นใจในผลงานที่ตนเองทำไปไม่น้อยว่า ถ้าไม่มีเธอแผนกบัญชีไม่มีท่าพัฒนามาได้จนถึงจุดนี้แน่ !
“ถ้าท่านประธานยังยืนที่จะให้เทมมี่เป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชี ดิฉันก็จะขอลาออก”
กิ๊ฟประกาศออกมาอย่างทะนงตัว
มาโนชย์จ้องเธอไปชั่วอึดใจ พนักงานทุกคนที่รายล้อมอยู่คล้ายกับกำลังกลั้นหายใจเพื่อรอฟังคำตอบจากประธานบริษัทเช่นกัน
“ถ้าคุณยังมีทิฐิ ตั้งกำแพงไม่ยอมทำงานร่วมกันกับคนอื่นแบบนี้ ก็เชิญคุณลาออกได้เลย”
ถ้อยคำนั้นราวกับมือที่มองไม่เห็นผุดขึ้นมาจากนรกกระชากดึงเธอเต็มแรง จนกิ๊ฟแทบจะยืนทรงตัวไม่ไหว ในหัวมีเสียงที่ตะโกนก้องว่า
– สิ่งที่ฉันทำเพื่อบริษัทที่ผ่านทั้งหมดไม่มีค่าเลยสินะ ฉันตั้งกำแพงเหรอ ? มีทิฐิเหรอ ? ความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหนกัน ! –
“พี่กิ๊ฟ... ใจเย็น ๆ นะคะ เดี๋ยวพี่ค่อยกลับมาคุยกับท่านประธานใหม่ดีไหมคะ”
เทมมี่ใช้น้ำเสียงอ่อนโยน พลางเดินเข้ามาจับแขนกิ๊ฟเพื่อลากอีกฝ่ายให้พ้นทางเดินของท่านประธาน
“ไม่ต้องมาแสดงละคร เธอใช้เต้าไต่จนสมใจเธอแล้วนี่”กิ๊ฟสะบัดแขนออกจากเทมมี่ พร้อมกับตะคอกใส่อีกฝ่ายคำพูดของเธอนั้น ดังพอที่จะทำให้พนักงานทุกคนในห้องได้ยินทั่วถึงกัน แล้วต่างสบตากันเลิ่กลั่ก ทุกคนต่างก็รู้กันทั้งนั้น ว่าประธานบริษัทในวัยห้าสิบห้าปีกับเลขาสาวสวยแอบกินกันลับ ๆ แต่ไม่มีใครกล้าประจานเจ้านายซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้“พี่กิ๊ฟ ! พี่กิ๊ฟพูดอะไรออกมาคะ”เทมมี่บีบน้ำตา น้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกับว่าถูกปรักปรำอย่างเหลือร้าย“ผมไล่คุณออกตั้งแต่วันนี้ !”มาโนชย์ชี้หน้าลูกน้องหัวแข็งของตนอย่างเดือดดาลคนถูกไล่ออกเชิดหน้าขึ้น ไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำว่า“เจ้านายห่วย ๆ ที่เห็นเต้าอวบ ๆ ดีกว่าผลงานแบบนี้ ถึงไม่ไล่ออก ฉันก็จะออก !”สิ้นคำ เธอก็ขยำหนังสือแต่งตั้งหัวหน้าฝ่ายบัญชีคนใหม่เป็นก้อนกลม ๆ แล้วปาใส่หน้าเทมมี่“ว้าย !”เทมมี่ร้องเสียงหลง ด้วยความตกใจ“ไปเลย ! อยากอวดดีนักก็เชิญออกไปเลย อายุเธอก็ไม่น้อยแล้ว ฉันอยากจะรู้นักว่าจะมีบริษัทไหนรับเธอเข้าทำงาน !”ประธานบริษัทตะโกนไล่หลังกิ๊ฟอย่างหัวเสียกิ๊ฟสาวเท้ารีบเดินออกไปจากที่นั่น เธอไม่อยากให้พวกเขาเห็นว่
กิ๊ฟโวยวาย กี่ครั้งแล้วที่เธอต้องถูกประเมินอย่างไม่เป็นธรรมแบบนี้ “แกต้องออกมาอยู่กับโลกความเป็นจริงบ้าง เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมการทำงานจริง ๆ ซึ่งมันไม่ได้ตรงเป๊ะเหมือนกับในหนังสือ หรือตัวเลขที่แกเรียนมา”นุ้ยพยายามจะพูดให้เพื่อนเข้าใจ และปรับตัว หากขืนมันยังเป็นแบบนี้ ต่อให้เข้าทำงานอีกกี่ที่ก็คงจะลงท้ายอีกหรอบเดิม“กูไม่เข้าใจเว้ย !..... ทำไมว่ะ... ทำไมชีวิตกูมันถึงต้องเป็นแบบนี้ งานวันเกิดกูแต่กลับต้องมาฉลองย้อมใจเพราะตกงาน.... เหี้ยเอ๊ย”กิ๊ฟคร่ำครวญออกมา พร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว วันเกิดปีนี้เธออายุครบ 30 ปีแล้ว แต่ชีวิตของเธอยังไม่เข้าใกล้คำว่า “ประสบความสำเร็จ” แม้แต่น้อย“เฮ้ย ๆ พอ ๆ อีกิ๊ฟ กระดกเป็นน้ำเปล่าแบบนี้ เดี๋ยวได้เมาหัวทิ่มกันพอดี”นิวรีบห้ามเพื่อนกิ๊ฟยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปาก แล้วพร่ำบ่นต่อไปว่า“ตอนเรียน กูก็ตั้งใจเรียน ได้เอทุกวิชา เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของประเทศ แต่แมร่ง มึงดูกูตอนนี้สิ ตกงาน ! ฮ่า ๆ”คนตกงานเดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เธอยกมือขึ้นชี้นิ้วกราดไปที่เพื่อนแต่ละคน พร้อมกับพูดว่า“ในขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ ในรุ่
ฟางบิดตัวไปมา แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวโทรศัพท์แทบจะหลุดร่วงลงจากมือ เมื่อได้ยินเสียงดุ ๆ ดังขึ้นว่า“ถ้าไม่ทำงาน... ก็ออกไปหาแฟนตอนนี้เลยก็ได้ แล้วไม่ต้องกลับมาที่บริษัทอีก”“ท่านประธาน.... นะ หนูขอโทษค่ะ”ฟางรีบเก็บโทรศัพท์ลงแล้วยกมือไหว้ขอโทษ“แปดโมงเช้า ถึงห้าโมงเย็น คือเวลางาน หากใครใช้เวลาทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานให้หักคะแนนความประพฤติ”คิงเอ่ยเสียงเข้ม คนถูกดุก้มหน้าลง มือไม้สั่นไปหมด “คุณโฉมสอางค์ จดบันทึกเอาไว้ด้วย”เขาหันไปสั่งหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่เดินตามหลังมาติด ๆ“ค่ะ ท่านประธาน” โฉมสอางค์รีบรับคำ พลางส่งสายตาเห็นใจไปที่พนักงานน้องใหม่ที่เพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่ถึงปี ก็ถูกหักคะแนนเสียแล้วจากนั้น ท่านประธานบริษัทก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงาน เมื่อประตูห้องปิดลง พนักงานต่างถอนหายใจโล่งออกมาตาม ๆ กัน“ยัยฟาง ! เธอไม่เห็นข้อความแจ้งเตือนในไลน์กลุ่มพนักงานบริษัทรึไง”พี่นา สาวใหญ่วัยสี่สิบห้าปีดุลูกน้องเสียงเขียว“พอดี... แฟนหนูโทรมา หนูเลยไม่เห็นข้อความในไลน์ค่ะ พี่นา”ฟางเอ่ยเสียงอ่อย ทำท่าจะร้องไห้ คะแนนเธอถูกหักอีกแล้ว คาดว่าปลายปีคงจะไม่ได้โบนัสแน่ ๆ“ทีหน้าทีหลังจะทำอะไรก็อ
“อิ อิ พี่โฉม... แต่บอสใหญ่หล่อ... สูง... ยาวเข่าดีมากเลยนะ”นิวยังแกล้งล้อไม่เลิก ฝ่ายนั้นจึงแหวขึ้นว่า“หล่อแต่โหดไร้ใจแบบนี้ พี่ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ ที่สำคัญพี่มีลูกมีผัวแล้ว หากน้องนิวสน... จะสมัครเป็นเลขาไหมล่ะคะ”เมื่อได้ยินดังนั้น นิวถึงกลับหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา เขายังจำได้ดี ตอนที่ท่านประธานเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ๆ เพียงแค่ก้าวเข้ามาในบริษัท ความหล่อเหลาตามแบบฉบับลูกครึ่งไทยจีน ทำเอาสาว ๆ ในสำนักงานต่างมองกันตาค้าง และแล่นอยากจะเป็นเลขาฯ รับใช้ใกล้ชิดคุณภูวเดชกันทั้งนั้นแต่เมื่อถึงเวลาทำงานกันจริง ๆ ทุกคนต่างเข็ดขยาดกับการทำงานอย่างจริงจังของเขา พูดหยอกล้อบอสใหญ่เพียงนิดเดียวก็ถูกตวาด หรือ แค่ส่งเอกสารผิดพลาดก็ถูกตะคอก บางคนรับไม่ไหวถึงกับร้องห่มร้องไห้ขอลาออกด้วยตนเอง และปัจจุบัน สาว ๆ ในบริษัทก็ไม่กล้าแม้แต่จะส่งสายตาหยาดเยิ้มให้บอสใหญ่อีกเลยหลบได้ควรหลบ เลี่ยงได้ควรเลี่ยง ! -“ไม่ดีกว่าค่ะ... นิวยังมีผัวที่ต้องหาเลี้ยงอีกหลายคน นิวยังไม่อยากตกงานค่ะ”นิวเอ่ยเสียงอ่อย ลงท้ายด้วยคำว่าค่ะ อย่างเต็มคำด้วยความเคยชิน แม้ว่าร่างกายของเขาจะเป็นชาย แต่ใจเป็นหญิงเต็มเปี่ยม และไม่คิดที่จะป
นิวพ่นคำพูดออกมาแทบไม่หายใจ หัวใจยังคงเต้นระทึกกับเหตุการณ์เมื่อครู่ นี่ถ้าบีไม่โทรบอกให้เขามาเยี่ยมกิ๊ฟ พรุ่งนี้เพื่อน ๆ คงได้ไปงานศพมันแทนแน่ ๆคนถูกดุปรือตาขึ้นมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้างวยงง ก่อนที่จะขยับริมฝีปากเอ่ยออกมาว่า“ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตาย ฉันแค่หน้ามืดจะเป็นลม”กิ๊ฟบอกเพื่อน พร้อมกับเสียงท้องร้องดังประกอบคำพูด......โครกคราก.....“นี่แก อย่าบอกนะว่าแกหิวข้าวจนเป็นลมน่ะ”คนถูกถามพยักหน้าแทนคำตอบ นิวเหลือบตาขึ้นบนอย่างเซ็ง ๆ แล้วตะคอกใส่หน้าคนหิวว่า“เมื่อครู่ กูหัวใจจะวายตายแล้วอีกิ๊ฟ !”“สรุปคือ... มึงไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ก็เลยต้องกินมาม่าแทนข้าวมาเป็นเดือนแล้ว”นิวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวยัดข้าวผัดลงท้องจวนจะเกลี้ยงจานแล้วโชคดีที่เขาซื้อข้าวกล่องติดมือขึ้นมาด้วย เพราะตั้งใจว่าจะมากินข้าวเย็นเม้าท์มอยตามประสาเพื่อนสาว แต่เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง เขาเคาะประตูห้องตั้งนานแต่ไม่มีคนออกมาเปิดให้ และรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างจึงหยิบเอาคีย์การ์ดสำรอง ที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มเท่านั้น ที่รู้ว่าเจ้าของห้องซ่อนไว้ใต้ป้ายเลขห้องดังนั้น เขาจึงเปิดประตูห้องของเพื่อนสาวเข้ามา และช่วยเธอก่อนท
หลังจากซื้อคอนแทคเลนส์ใส่แทนแว่นสายตาหนาเตอะเรียบร้อยแล้ว หนึ่งหญิงกับหนึ่งชายหัวใจหญิงก็มาแอบอยู่ที่มุมตึก ใกล้กับห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกของตัวอาคาร ซึ่งบริเวณนี้สาว ๆ ออฟฟิศมักจะแวะเวียนมาใช้บริการก่อนเดินขึ้นตึก“ทำแบบนี้จะดีหรือแก”กิ๊ฟที่อยู่ข้างหลังนิว กระซิบถามเพื่อนเบา ๆ พลางหันรีหันขวางกลัวว่าจะมีใครมาพบเข้า“ช่วงเวลาฉุกละหุกแบบนี้ มีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นแหละแก ที่จะได้เสื้อผ้าที่มันดูดีใส่ไปสัมภาษณ์งานนะ”นิวตอบกลับเสียงเบา ในขณะที่สายตายังสอดส่องมองหาพนักงานสาวออฟฟิศที่แต่งตัวเข้าท่าหน่อยตึกเดอะคิงมีทั้งหมด 35 ชั้น เป็นของบริษัทเดอะคิงที่ปล่อยให้บริษัทขนาดเล็กอื่น ๆอีกหลายบริษัทเช่าเป็นสำนักงาน ส่วนสำนักงานใหญ่ของบริษัทเองตั้งอยู่บนชั้นที่ 25 -30 ดังนั้น ตอนนี้จึงมีพนักงานออฟฟิศเดินเข้าเดินออกให้เขาเลือกสรรอย่างหลากหลาย“ฉันว่า....”กิ๊ฟรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ออกมาจนชุ่มมือด้วยอาการตื่นเต้น ยังไม่ทันที่กิ๊ฟจะเอ่ยได้จบประโยค นิวก็พุ่งตัวเข้าไปทางด้านหลังของพนักงานสาวออฟฟิศคนหนึ่ง“คนนี้แหละ ไป !”เขาเอามือปิดปากสาวคนนั้นไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา กิ๊ฟจึงรีบเอาสันกระเป๋าทุบเข้าท
เสียงทุ้มจากคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทเอ่ยขึ้นแทนผู้สัมภาษณ์ทุกคนรอบด้านต่างเงียบกริบ สีหน้าแต่ละคนคล้ายกับแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน บางคนก้ม ๆ เงย ๆ คล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่างในแฟ้มเอกสารหัวใจของกิ๊ฟเต้นกระหน่ำแรงยิ่งขึ้นเมื่อเขาเอ่ยต่อมาว่า“ตำแหน่งงานล่าสุด คือ รองหัวหน้าการเงินและบัญชี บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ อย่าง เอ็มเอ็น จำกัด”เอ่ยจบ คิงก็กระตุกยิ้มที่มุมปากนิด ๆ คล้ายกับเจ้าแห่งนรกที่กำลังพิพากษาดวงวิญญาณที่ไร้หนทางสู้กิ๊ฟถึงกับหน้าซีดเผือด เพราะสิ่งที่เขาเอ่ยมานั้น เธอไม่ได้เขียนลงไปในใบสมัครงานแม้แต่น้อย แต่เขากลับรู้ประวัติของเธอเกือบทั้งหมดนั่นแสดงว่า เขาไม่เพียงแต่จำเธอได้ แต่ยังแค้นฝังใจด้วย !“ถูกไล่ออกจากงานหรือ ทำไมถึงได้มาสมัครงานในตำแหน่งเลขากระจอก ๆ แบบนี้ล่ะ”คิงจงใจใช้คำพูดจี้ใจดำหญิงสาวตรงหน้าหลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น เขาก็ให้คนไปสืบข้อมูลของเธอมาอย่างละเอียด และสวรรค์ก็ช่างเป็นใจ ส่งเธอให้มาสมัครงานในบริษัทของเขา ถึงเวลาที่เอาคืนเธอแล้ว !คณะกรรมการคนอื่น ๆ ราวกับจะกลั้นหายใจฟังการสนทนา รู้สึกกดดันแทนผู้ถูกสัมภาษณ์ เพราะเธอเป็นคนแรกที่ถูกประธานบริษัทเ
“กาแฟค่ะ”กิ๊ฟวางถ้วยกาแฟตรงหน้าท่านประธานหนุ่มอีกครั้ง แววตาเขาวูบขึ้นอย่างสำราญใจ ที่มุมปากมีรอยยิ้มจาง ๆ ซ่อนไว้ยากที่ใครจะมองออกคิงยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเช่นเคย ท่ามกลางสายตานับสิบคู่ของคณะกรรมการสัมภาษณ์งานในห้องประชุมทันทีที่ของเหลวอุ่น ๆ ไหลผ่านเข้าไปในโพรงปากสัมผัสกับลิ้นที่มีตุ่มรับรสชาตินับ 8,000 ตุ่ม วินาทีนั้น ร่างกายของเขาก็พ่นกาแฟออกมาทางเดิมพรวด !“ว๊าย”คุณโฉมสอางค์ที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือของบอสใหญ่ ลุกพรวดขึ้นพร้อมกับกรี๊ดดังลั่นด้วยความตกใจ“แค่ก ๆ”คิงสำลักเอาน้ำกาแฟที่ยังเหลือค้างอยู่ตามลำคอออกมา ใบหน้าเหยเก เป็นรสชาติกาแฟที่เขาจะจรดจำไปตลอดชั่วชีวิต !“น้ำค่ะ ท่าน”คุณโฉมสอางค์รีบยื่นน้ำเปล่าให้เจ้านาย พร้อมกับเจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งรีบส่งกระดาษทิชชูให้กิ๊ฟกลั้นหัวเราะเอาไว้จนตัวสั่น หน้าแดงก่ำ ส่วนนิวอ้าปากค้าง ตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน แล้วเมื่อเห็นสายตาคมดุจ้องเพื่อนสาวตัวต้นเหตุราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาก็ยกมือขึ้นปิดหน้า พร้อมกับพึมพำออกมาเบา ๆ ว่า“อีกิ๊ฟ... มึงตายแน่”คณะกรรมการท่านอื่น ๆ ก็คิดไม่ต่างจากเขา โดยเฉพาะคุณโฉมสอางค์ที่อยู่กับประธานบริษัทมานาน รู้ดีว่าคนท