ฉันเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องอาบน้ำ สักพักเฮียโต้งกับพี่บิ๊กไบค์ พี่เลโอก็เดินออกมา พวกเขาอยู่ในชุดนักเรียนกันเรียบร้อยแล้ว
“อ้าว น้องต้าหนิงมาทำอะไรหน้าห้องอาบน้ำครับ” พี่เลโอถาม “พวกพี่โอเครใช่ไหม” ฉันกลัวว่าพวกพี่ๆ เขาจะคิดมากที่ทีมแพ้ และอาจจะพากันไปด่าคนที่อยู่ในห้องอาบน้ำที่ตอนนี้ยังไม่ยอมออกมา “พวกพี่ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ไอ้เรซนี่ดิ..” ฉันเงยหน้าขึ้นมองพี่บิ๊กไบค์อย่างตกใจ พูดแบบนี้รู้สึกใจคอไม่ดีเลยเหะ.. เขาคงไม่ได้เสียใจขนาดนั้นหรอกมั้ง “ไม่เป็นไรหรอกน่า ไอ้เรซมันรับปากว่าจะเลี้ยงเหล้าพวกเฮีย เพื่อเป็นการไถ่โทษ” เฮียโต้งเดินเข้ามายี่ผมฉันเล่นอย่างที่เคยทำเป็นประจำ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้วค่ะ แล้วเรื่องที่ท้ากันไว้ล่ะ” ฉันจับมือเฮียโต้งออกจากผม แล้วใช้สองมือสางผมให้เข้าทรงเหมือนเดิม “มันก็แค่ขอจีบ ส่วนจะจีบติดไม่ติดมันก็ขึ้นอยู่กับต้า ถ้าไม่อยากให้เฮียของขึ้นก็อย่าให้มันจีบติดล่ะ” นั้นไง พี่ชายของฉัน เจ้าเล่ห์จริงๆ ฉันพยักหน้าให้เฮียโต้งอย่างเข้าใจ แล้วพวกพี่ๆ ทั้งสามก็เดินไปที่ร้านกาแฟของมาม๊า ทำไมยังไม่ออกมาอีกนะ หลับรึเปล่านั่น ฉันหันซ้ายขวามองดูว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้แล้ว ก็รีบแทรกตัวเข้าไปยังห้องอาบน้ำทันที ซ่า........ เสียงน้ำไหลออกจากฝักบัวบ่งบอกว่ามีคนกำลังอาบน้ำอยู่ และก็มีเพียงห้องเดียวที่ปิดสนิท เป็นใครไปไม่ได้เขาแน่นอนที่อยู่ในห้องอาบนี้ “พี่ราเรซ” ฉันเอ่ยเรียกชื่อพี่เขาไป เสียงน้ำจากฝักบัวหยุดไหลบ่งบอกว่าเขาได้ยินฉันเรียก พลัก! ประตูห้องอาบน้ำถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างกายกำยำที่มีหมัดกล้ามเป็นมัดๆ หน้าท้องมีซิกแพคเป็นลอนคลื่นอย่างสวยงาม ดีนะที่เขาใส่กางเกงนักเรียนแล้ว ไม่งั้นละก็...น่าดู เฮ้ยไม่ใช่สิ... พี่ราเรซยืนพิงขอบประตูห้องอาบน้ำ มือหนาใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกอยู่อย่างลวกๆ ฉันเผลอกลืนน้ำลายดัง เอื้อก... ทำให้ตาคมหันมาจ้องมองหน้าฉันเขม็ง ราเรซ ติ่ง ต่อง.... ติ่ง ต่อง.... ติ่ง ต่อง.... เสียงสัญญาณบอกเวลาเลิกเรียน ผมกับเพื่อนก็ลุกออกจากเก้าอี้ของตัวเอง “พวกมึงรีบไปไหนรึเปล่าว่ะ” ผมถามเพื่อนๆในกลุ่ม บิ๊กไบค์หันไปมองหน้าไอ้โต้งกับไอ้เลโออย่างถามความคิดเห็น ไอ้โต้งกับไอ้เลโอส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ “ไม่นิ มีไร..” บิ๊กไบค์หันหน้ากลับมาตอบผม “ก่อนจะไปบ้านไอ้โต้ง แวะไปห้างเป็นเพื่อนกูหน่อย” ผมบอกกับเพื่อนๆ พวกเราทั้งสี่คนเดินลงมายังชั้นล่างของอาคารเรียนที่พวกผมเรียนอยู่ พวกรุ่นน้องผู้หญิงเห็นพวกผมเป็นต้องหันมามองแล้วก็ส่งยิ้มหวานกลับมาหวังจะให้ในกลุ่มพวกผมคนใดคนหนึ่งหันไปสนใจพวกเธอบ้าง เพื่อนผมทั้งสามคนก็ยิ้มตอบกลับไปให้ซะทุกคนแหละ ยกเว้นผม ไม่ค่อยจะยิ้มให้ใครง่ายๆ เหมือนไอ้สามคนนี้หรอก และก็เป็นแบบนี้อยู่ทุกวันจนชินตา ห้างสรรพสินค้า........ “มึงมาทำไร ว่ะ” เลโอหันมาถามผม “กูรับปากพี่สาวคนสวยไว้นะ ว่าจะมาเป็นแบบเสื้อผ้าให้กับพี่เขา” ผมตอบเพื่อน “มึงมีพี่สาวด้วยเหรอ ไอ้เรซ” ไอ้โต้งถามขึ้นอย่างสงสัย “ก็พี่มิรินไง มึงจำไม่ได้เหรอไอ้โต้ง” บิ๊กไบค์ตอบคำถามของโต้งแทนผม “จำได้ดิ... ไม่เคยลืม..” ไอ้โต้งพูดพร้อมกับอมยิ้ม ผมรู้อยู่หรอกว่าไอ้โต้งมันคิดอะไรอยู่ มันก็เก่งแต่กับผู้ชายด้วยกันเท่านั้นแหละ เรื่องผู้หญิง... ไม่ได้เรื่องเลย โดยเฉพาะเวลาที่มันอยู่ต่อหน้าพี่มิรินนะ อย่างกับคนเป็นใบ้เลยล่ะ ร้าน M M Shopping “สวัสดีครับ พ่อมิโน่” ผมยกมือไหว้พ่อของพี่มิริน แปลกใจล่ะสิ ว่าทำไมผมถึงเรียกพ่อของพี่มิรินว่าพ่อ ก็เพราะว่าพ่อมิโน่เป็นเพื่อนสนิทของแม่ไลลาสุดสวยของผมไง แต่ว่าเวลาพ่อมิโน่เจอกับแม่ไลลาทีไร ดูพ่อเรย์ของผมไม่ค่อยจะสบอารมณ์สักเท่าไร ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมก็เห็นพวกท่านเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนิ ไม่เห็นจะมีอะไรให้โมโห... “สวัสดีครับพ่อ/สวัสดีครับพ่อ/สวัสดีครับพ่อ” แล้วสามสหายก็ยกมือไหว้พ่อมิโน่ พร้อมกับพูดประสานเสียง “ดีครับๆ ๆ ” พ่อมิโน่รับไหว้พวกเรา “มาหามิรินเหรอ อยู่หลังร้านนะ เข้าไปสิ” ท่านบอกพวกผม ผมยิ้มให้กับพ่อมิโน่แล้วก็เดินเข้าไปยังหลังร้านตามที่ท่านบอก “พี่มิริน” ผมเรียกพี่สาวคนสวยที่กำลังนั่งวาดรูปอะไรสักอย่างอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ ผมกับพี่มิรินเราห่างกันหนึ่งปี ตอนนี้พี่มิรินเรียนอยู่มหาลัยปีหนึ่ง แต่ฝีมือในการออกแบบเสื้อผ้าของพี่มิรินไม่เป็นรองใครเลยทีเดียว “มาทั้งแก๊งเลยเหรอเนี้ย” พี่มิรินเงยหน้าขึ้นมายิ้มทักทายพวกผม “จะทำไร ก็รีบทำเหอะ อยากไปเตะบอลแล้ว” ผมแอบบ่นนิดๆ บอกตามตรงนะ ผมไม่ค่อยชอบงานพวกนี้เท่าไร แต่ด้วยความที่ว่าแม่ไลลาสุดสวยของผม ท่านเป็นอดีตนางแบบชื่อดังของวงการมาก่อน ก็เลยส่งผลให้ลูกชายสุดหล่ออย่างผมเป็นที่รู้จักในวงการนี้ด้วย แม่มักจะให้ผมไปเป็นนายแบบให้กับเพื่อนของแม่อยู่บ่อยๆ “ค่า... คุณน้องเรซ พี่จะรีบทำ รีบเสร็จค่ะ” พี่มิรินพูดกึ่งประชดนิดๆ แต่บนใบหน้าสวยยังมีรอยยิ้มประดับอยู่ พี่มิรินถือสายวัดตัวเดินมาหาผม พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองผม “จะสูงไปไหนเนี้ย” พี่มิรินบ่นอย่างหงุดหงิด ที่ไม่สามารถวัดตัวผมได้ถนัดเพราะความสูงของพี่มิรินแค่อกผมเอง “ก็บอกให้กินนมเยอะๆไม่ใช่เหรอ เมื่อก่อนบังคับให้เรซกินแต่นม” ผมบ่นกลับไปบ้าง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์สมัยก่อนตอนที่เรายังเป็นเด็กเล็ก ผมกับพี่มิรินค่อนข้างสนิทกันมาก เพราะเราโตมาด้วยกันและก็เป็นญาติกันด้วย แถมพ่อแม่ของเรายังเป็นเพื่อนรักกันอีกต่างหาก “ก็ตอนนั้นเรซตัวเล็กกว่าพี่นิ แต่ดูตอนนี้สิ โตกว่าพี่ล่ะ” พี่มิรินพูดพร้อมกับลากเก้าอี้มาตั้งตรงหน้าของผมเพื่อให้ตัวเองเหยียบยืนขึ้น “โห่...ต้องขนาดนั้นเชียว” ผมอดแซวไม่ได้กับความพยายามของพี่สาวที่อุตส่าห์เอาเก้าอี้มาเหยียบขึ้น เพื่อที่จะวัดตัวผมได้ถนัด พี่มิรินส่ายหน้าไปมาอย่างขำๆ “แล้วสามคนนั้น สนใจมาเป็นนายแบบให้พี่ไหม” พี่มิรินหันไปถามเพื่อนๆ ของผม เมื่อวัดตัวผมเสร็จแล้ว “ไอ้โต้งมันกำลังอยากลองอยู่พอดี” ผมบอกกับพี่มิริน พอหันไปมองหน้าไอ้โต้ง มันก็ทำหน้าดุมาให้ผม แต่แก้มมันนะกลับแดงขึ้นอย่างเขินๆ ผมรู้ใจเพื่อนก็เลยสงเคาะห์มันสักหน่อย เพราะมันนะปากแข็ง ให้มันเริ่มเองก็คงต้องรอชาติหน้านุ้นล่ะมั้ง “จริงเหรอโต้ง งั้นพี่ขอวัดตัวหน่อยนะ” พี่มิรินพูดพร้อมกับลากเก้าอี้ไปหาไอ้โต้ง เพราะความส่วนสูงของโต้งก็พอๆกับผม “ห่างกันแค่ปีเดียว ไม่ต้องแทนตัวเองว่าพี่ก็ได้นะ” พี่มิรินมองหน้าไอ้โต้งอย่าง งงๆ พี่มิรินนะแค่ งงๆ แต่พวกผมนี่ดิ อึ้งสิครับ ไม่คิดว่าไอ้โต้งจะมีความใจกล้าขึ้นมาได้ “แล้วจะให้แทนว่าอะไรล่ะ” พี่มิรินถาม พร้อมกับวัดรอบอกของไอ้โต้ง “ก็แทนว่า มิริน ไม่ต้องมีพี่นำหน้า” โต้งพูดพร้อมกับจ้องมองหน้าพี่มิรินไม่วางตา “อะ..โอเคร...” พี่มิรินมองหน้าโต้งอย่างอึ้งๆ แถมพูดตะกุ๊กตะกักอีกต่างหาก โดนผู้ชายหล่อรุกเข้าให้แล้วไง พี่สาวผม...หลังจากที่วัดตัวเป็นแบบเสื้อให้พี่มิรินเรียบร้อยแล้ว พวกผมทั้งสี่คนก็เดินเล่นอยู่ในห้างสักพัก ไอ้โต้งเดินเข้าไปยังร้านรองเท้ากีฬาพวกผมก็เดินตามเข้าไป จังหวะนั้นสายตาของผมก็มองไปเห็นใบหน้าหวานขาวหมวย กำลังยิ้มแย้มหัวเหราะชอบใจอยู่กับเพื่อนของเธอ ผมเผลอยืนมองอย่างลืมตัว แต่สักพักก็มีไอ้หน้าตี๋ที่ไหนไม่รู้มายืนบังต้าหนิงซะมิดเลย ดูจากสถานการณ์แล้ว เซ้นของผมบอกว่า...มันมาจีบต้าหนิง“45”ผมเดินเข้าไปแย่งโทรศัพท์ของไอ้หน้าตี๋จากมือของมันก่อนที่ต้าหนิงจะรับไปต้าหนิงหันมามองหน้าผมอย่าง งงๆ“อะไรของมึงวะ” ไอ้หน้าตี๋หันมาถามผมอย่างหงุดหงิดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ของมันคืน“ก็เบอร์ไง” ผมยืนล้วงกระเป๋ากางเกงตอบอย่างกวนๆ“เบอร์ไรของมึง” ไอ้หน้าตี๋ถามผม หน้าของมันตอนนี้ตลกฉิบหายอย่างกับคนโดนเอ๋อแดก“เบอร์รองเท้ากูเนี้ย”“ไอ้สัสนี่ กวนเหรอ!”ทันทีที่ผมตอบก็โดนไอ้หน้าตี๋ผลักอกอย่างแรง แต่ก็แค่เซเท่านั้นแหละ แรงแค่นี้คิดว่าจะทำอะไรผมได้เหรอ“อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ” เสียงต้าหนิงร้องห้าม“นี่แฟนน้องต้าหนิงเหรอ” ไอ้หน้าตี๋หันไปถามต้าหนิงเธอหันมองหน้าผมแวบหนึ่ง ผมส่งสายตาดุไปให้ หวังว่าเธอจะกลัวแล้วตอบว่า ใช
“พี่ไผ่ค่า...สู้ๆ ”พอได้ยินประโยคนี้ ที่ออกมาจากริมฝีปากสวยของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างสนามมันก็ทำให้ร่างกายของผมชะงักค้าง ทั้งที่ผมกำลังจะยิงประตูให้กับทีมของตัวเอง ประโยคสั้นๆ แค่นั้นส่งผลต่อร่างกายของผมเหลือเกิน ไม่เข้าใจตัวเองเลย...ว่าทำไม ผมต้องรู้สึกตกใจขนาดนั้นเมื่อผมเสียสมาธิในการเล่นก็ทำให้ไอ้ไผ่ชิงจังหวะตัดลูกฟุตบอลไปได้และมันก็ไม่พลาดที่จะยิงประตูทำให้ทีมของพวกมันเป็นฝ่ายชนะไป แต่ผมนี้สิยังยืนมึนงงอยู่ที่เดิม“มึงอ่อนให้กูเหรอ”มารู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่อไอ้ไผ่เดินมาคุยกับผม“มึงชอบต้าหนิงจริงไหม”ผมเงยหน้าขึ้นมาจ้องตากับมัน“กูถึงได้พนันกับพวกมึงไง กูชอบต้าหนิง”ไอ้ไผ่ก็จ้องตาผมกลับเหมือนกัน“ดี”“สรุปมึงอ่อนให้กูจริงๆ ใช่ไหม”มันยังคาใจอยู่สินะ“เปล่า กูแค่ฝากไว้ก่อน ถ้ากูพร้อมเมื่อไร กูจะมาเอาคืน..”ผมใช้สายตากลิ้งไปทางที่ต้าหนิงนั่งอยู่ บอกเป็นนัยๆ ว่าของที่ฝากไว้คืออะไร... ไอ้ไผ่หันไปมองตามสายตาของผม และมันก็น่าจะเดาออกแล้วด้วย“กูไม่คืน” ไอ้ไผ่หันกลับมาตอบผม“แต่กูจะเอา..” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินหนีมันไปทันทีซ่า................น้ำเย็นๆ ปะทะผิวกายที่เปียกชุ้มไปด
ต้าหนิงฉันรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง ดีนะ ระหว่างทางที่วิ่งมาไม่มีใครเห็นไม่งั้นคงได้ตอบคำถามยาวเป็นหางว่าวแน่ ฉันทิ้งตัวลงนอนกับเตียงนุ่มนิ่มอย่างอ่อนแรง ภายในใจของฉันตอนนี้มันว้าวุ่นไปหมด ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงกล้าทำแบบนั้นกับฉันทั้งที่เราสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้แล้ว...ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆใจก็เต้นแรงไม่หยุด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นี่ฉันคงไม่ได้หวั่นไหวไปหรอกนะ ที่ใจเต้นแรงแบบนี้ต้องเป็นเพราะ...ฉันตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้แน่ๆ เลย ใช่..มันต้องเป็นแบบนั้น ฉันจะรู้สึกหวั่นไหวกับคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วไม่ได้ เพราะพี่เขา..มีแฟนอยู่แล้วคลื่น......คลื่น......(098765xxxx)เอ๊ะ! เบอร์ใครนะ ไม่เห็นจะคุ้นเลยฉันกำลังลังเลอยู่ ว่าจะรับสายหรือไม่รับสายดี... รับดีกว่า เผื่อเป็นเพื่อนของฉันที่อาจจะเอาเบอร์คนอื่นโทรมา เพราะไม่มีใครมีเบอร์ของฉันนอกจากเพื่อนแล้วก็คนในครอบครัว“ฮัลโลค่ะ”ฉันกดรับสายกรอกเสียงพูดลงไป“ใช่เบอร์ของน้องต้าหนิงหรือเปล่าครับ”เสียงผู้ชายด้วย แถมยังรู้ชื่อฉันอีกต่างหาก“ใครคะ แล้วเอาเบอร์นี้มาได้ยังไง”ฉันถามกลับ โดยที่ไม่ตอบคำถามเขา“
ราเรซผมกำลังยืนมองดูคู่รักคู่หนึ่ง ซึ่งกำลังพลอดรักกันอยู่ในรถหรูอย่างไม่อายฟ้าอายดิน นี่กลางวันแดดจ้าแบบนี้ก็ยังไม่มีความละอายแก่ใจกันบ้างเลยผมเดินกลับเข้าในห้องนอนของโต้ง ก็เจอกับบิ๊กไบค์กำลังนั่งสะบัดหัวไปมาอยู่ที่ปลายเตียง“ตื่นนานแล้วเหรอ” บิ๊กไบค์ถามผม“อือ กูจะกลับล่ะ” ผมตอบเพื่อน ซึ่งบิ๊กไบค์ก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจแล้วมันก็ล้มตัวลงนอนต่อ แล้วมันจะตื่นมาเพื่อ...ผมเดินลงมายังชั้นล่างก็เจอกับมาม๊าของเพื่อน“สวัสดีครับม๊า”“อ้าว เมื่อคืนนอนนี้เหรอลูก” มาม๊าถาม พร้อมกับยิ้มให้อย่างใจดี“ครับ”“แล้วโต้งล่ะ ตื่นหรือยัง” ม๊าถามต่อ“ยังครับ นอนอยู่กับบิ๊กไบค์แล้วก็เลโอแหละครับ”“แล้วเรซจะกลับแล้วเหรอ ทานข้าวเช้าก่อนไหม” ม๊าถามอย่างใจดีเพราะแบบนี้ไง ถึงบอกว่า...ถ้าได้เป็นลูกเขยบ้านนี้...มันจะดีนะ“ไม่เป็นไรครับม๊า ขอบคุณครับ”ผมยกมือไหว้มาม๊าอีกครั้ง แล้วท่านก็ยิ้มให้อย่างใจดีเหมือนเคยLay Musicพอผมเดินเข้ามาในตึก ผู้คนที่เดินผ
สามเดือนต่อมา....วันนี้เป็นวันปัจฉิมของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่หก น้องๆ มอสี่และมอห้าได้เตรียมจัดงานให้แก่รุ่นพี่มอหกที่จบการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นซุ้มต่างๆ เพื่อให้รุ่นพี่ที่เรียนจบได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และยังมีสิ่งของมอบให้แทนใจและคำพูดว่ามิตรภาพนี้ไม่มีวันจางหายหลังจากเสร็จพิธีรับประกาศนียบัตรของนักเรียนชั้นมอหกแล้ว ผมกับสหายทั้งสามก็พากันมาถ่ายรูปที่หน้าซุ้มต่างๆ ตามแรงจู่จากสาวๆ ทั้งหลายที่ต่างก็มารอถ่ายรูปกับพวกผม“ไอ้ไบค์ มึงไปเรียกสองคนนั้นมาถ่ายรูปดิ” ผมหันไปกระซิบบอกบิ๊กไบค์บิ๊กไบค์ไม่รอช้า มันเดินเข้าไปหาต้าหนิงกับแก้มใสอย่างรู้งาน“น้องต้าหนิงน้องแก้มใสครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยดิ อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะ”แล้วสองสาวก็เดินตามบิ๊กไบค์มาอย่างว่าง่าย ต้าหนิงกับแก้มใสเดินมายืนตรงกลางผมรีบเดินไปยืนที่ด้านหลังของต้าหนิงส่วนบิ๊กไบค์ก็เดินไปยืนด้านหลังแก้มใส ผมกับบิ๊กไบค์มองตากันอย่างเข้าใจ ไอ้โต้งก็ยืนอยู่ข้างผมแหละ เลโอก็ยืนอยู่ข้างบิ๊กไบค์ ผมแกล้งเดินเข้าไปให้อกแกร่งชิดที่หลังของต้าหนิงทำให้เธอหันหน้ามาทำตาดุใส่ ผมยืนอมยิ้มอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ทำให้แก้มเนียนๆ ของ
ต้าหนิงหลังจากวันนั้นที่ฉันไปดูหนังกับพี่ไผ่ ความสัมพันธ์ของเราก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น อันที่จริงพี่ไผ่เขาก็ขอคบกับฉันแล้วล่ะ แต่ฉันยังไม่ทันตอบตกลง ขอเวลามาคิดดูอีกสักหน่อย ซึ่งพี่ไผ่ก็เข้าใจไม่ได้เร่งรัดอะไรฉัน เฮียโต้งก็ชั่งรักษาคำพูดดีจริง เพราะเฮียไม่เคยเข้ามาขัดขว้างหรือวุ่นวายเลย แต่เวลาฉันจะออกไปไหน เฮียมักจะระแวงแล้วก็พูดว่า “ไปกับไอ้หน้าตี๋ใช่ไหม” ทั้งที่ฉันเดินไปแค่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ บ้านนี่เองวันนี้เป็นวันปัจฉิมของพี่มอหก ซึ่งมอสี่อย่างพวกฉันก็ต้องมาดูคอยศึกษางานและช่วยจัดงานให้กับพวกพี่ๆ เพราะปีหน้าพอฉันขึ้นมอห้า พวกฉันก็ต้องมาจัดงานให้กับพวกพี่ๆ มอหกรุ่นต่อไป“น้องต้าหนิงน้องแก้มใสครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยดิ อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะ”พี่บิ๊กไบค์เดินมาเรียกฉันกับแก้มให้ไปถ่ายรูปกับพวกพี่ๆ เขา ฉันกับแก้มใสเดินตามพี่บิ๊กไบค์ไปยังซุ่มถ่ายรูป ที่ยอมมาง่ายๆ ก็เพราะฉันเห็นว่าพี่ชายฉันก็อยู่ด้วยหรอกนะ ฉันเดินไปยืนตรงกลางระหว่างพวกเขาเพื่อถ่ายรูป และฉันก็รู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังฉันนั้นพยายามเข้าใกล้ฉันเหลือเกิน จนฉันต้องหัน
บิ๊กไบค์ผมเดินนำหน้าแก้มใสมายังตันไม้ใหญ่ข้างๆ อาคารเรียน ผมพยายามรวบรวมความกล้าอยู่นาน กว่าจะกล้าเอ่ยปากบอกกับแก้มใส ยังไงวันนี้ผมก็ต้องบอกกับแก้มใสให้ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไร“มีอะไรคะ” แก้มใสถามขึ้น“คือว่า...พี่..”น่าขายหน้าที่สุดเลย พอถึงเวลาจริงๆ กลับพูดไม่ออกซะงั้น“ไม่มีอะไรแก้มไปนะคะ” แก้มใสหันหลังเตรียมจะเดินกลับ“พี่ชอบแก้มใส..” พูดออกไปแล้ว“อะไรนะคะ..”แก้มใสหันหน้ากลับมาถามด้วยสีหน้างุนงง“พี่ชอบแก้มใส ชอบตั้งแต่วันแรกที่เรามาเรียนที่นี่แล้ว” ผมสารภาพออกไป“แต่แก้มไม่ได้ชอบพี่ค่ะ..” แก้มใสตอบอย่างไร้เยื่อใยผมก้มหน้าลงอย่างสลด ที่ต้องมาผิดหวังตั้งแต่ครั้งแรกยังไม่ได้เริ่มอะไรด้วยซ้ำ“พี่ก็ดีนะ แต่ว่าแก้มมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”ผมเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าเรียวได้รูป“มันเป็นใคร” ผมถามด้วยอารมณ์หงุดหงิดนิดๆ“พี่อยากรู้จริงๆ เหรอ...” แก้มใสยืนกอดอกจ้องหน้าผม“ใช่..”“แก้มชอบพี่โต้งค่ะ”นี่แก้มใสชอบไอ้โต
ST ผับDraw me my picture I’ ll draw your picture And we’ ll move the furnitures in the motel room Sing me a lullaby And kiss me goodnight Like everything’ s still fine in that motel roomวาดภาพฉันสิ และฉันจะวาดภาพเธอ แล้วเราจะย้ายเฟอร์นิเจอร์ในห้องโมเต็ลนี้ ร้องเพลงกล่อมให้ฉัน และจูบราตรีสวัสดิ์ฉัน เหมือนทุกๆ อย่างยังปกติดีในห้องโมเต็ลนั้นWe knew this has to end And we could only pretend Cause our love only leads to dead endเรารู้ว่าเรื่องนี้มันต้องจบลง และเราทำได้แต่แสร้งทำว่ามันยังดีอยู่ เพราะความรักของเรามันมุ่งสู่ทางตันLet’ s just drive out of town Let’ s runaway Let’ s get high Forget the world Forget everythingมาขับรถออกไปจากเมืองนี้กันเถอะ มาวิ่งหนีไปด้วยกัน มามีความสุขด้วยกัน ลืมโลกนี้ไป ลืมทุกๆ อย่าง ไปให้หมดDon’ t worry about this crowd No one you know is around We can do anything we wantไม่ต้องกังวลเรื่องผู้คนเหล่านี้หรอก ไม่มีคนที่เธอรู้จักอยู่หรอกนะ เราอยากทำอะไร
ตั้งแต่วันนั้น...ที่โรงเรียน ฉันก็ไม่ได้เจอพี่ราเรซอีกเลย แล้วก็เหมือนว่าพอเฮียโต้งไม่อยู่ พวกพี่ๆ เขาก็ไม่มาเตะบอลกันอย่างเคย ฉันเลยไม่รู้ว่าแต่ล่ะคนเป็นอย่างไรกันบ้างฉันไม่มีความกล้าพอที่จะเงยขึ้นไปมองหน้าเขา ฉันก้มหน้ามองเพียงแค่รองเท้า Converse ของเขาสลับกับรองเท้าผ้าใบของตัวเอง“ไปไหนมาค่ะ” เสียงหวานใสพูดขึ้นรองเท้าส้นสูงสีแดงเดินมาหยุดอยู่ข้างรองเท้า Converse ของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ถ้าฉันเดาไม่ผิดนะ เจ้าของรองเท้าสีแดงคู่นี้คือ พี่ซินดี้ฉันขยับตัวเดินเลี่ยงๆ พวกเขาทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ ใจฉันมันอยากจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาแทบตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ร่างกายมันไม่ยอมทำตามที่ใจต้องการ“เอาล่ะครับ เมื่อน้องปีหนึ่งลงชื่อกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินต่อแถวกันไปยังหอประชุมเลยครับ จะได้เริ่มกิจกรรมต่อไป” เสียงรุ่นพี่ผู้ชายคนเดิมที่ถือไมค์อยู่ประกาศบอก ฉันชำเลืองไปมองที่ป้ายชื่อของพี่เขาเขียนว่า P’ บาสหอประชุม...“เอาล่ะครับน้องๆ ให้น้องปีหนึ่งแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มล่ะหกคนนะครับ ขาดเกินอย่างไรเดี๋ยวพี่ดูให้ เริ่ม
สามปีผ่านไป...06:00 AMต้าหนิงฉันยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ข้างสนามหลังจากวิ่งรอบสนามฟุตบอลครบสามรอบ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของการก้าวเข้าสู่รัวมหาลัยของฉัน ฉันสอบติดคณะเดียวกับเฮียโต้ง คณะบริหารธรุกิจฉันไม่ได้เจอเฮียโต้งหลายเดือนแล้ว เฮียไม่ค่อยกลับบ้านเลยช่วงสามปีที่ผ่านมา โทรไปหาก็ไม่ค่อยว่างเฮียโต้งย้ายไปอยู่ที่คอนโดหลังจากที่เรียนจบมัธยมปลาย ตอนแรกป๊ากับม๊าก็ไม่ยอมหรอก แต่เฮียให้เหตุผลว่ามันสะดวกต่อการไปเรียน เพราะจากบ้านไปมหาลัยก็ไกลพอสมควรพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยฉันก็เดินลงมายังชั้นล่างเพื่อมาทานอาหารเช้าที่ม๊าเตรียมไว้ให้“สวัสดีครับม๊า”เสียงคนขับรถประจำตัวฉันมาแล้ว พี่ไผ่ ฉันคบกับพี่ไผ่มาสามปีแล้ว เราคบกันแบบเรียบง่าย พี่ไผ่เขาเป็นสุภาพบุรุษมากไม่เคยล่วงเกินฉันเลยสักครั้ง ช่วงหลังๆ มานี้ พี่ไผ่ค่อนข้างจะยุ่งๆ เพราะพี่เขาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติเหมือนกับเพื่อนๆ ของเขา ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา แต่ฉันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แบบนี้มันก็โอเครดี.. และวันนี้พี่เขาว่างพอดีก็เลยอาสาจะไปส่งฉันที่มหาลัย“ทานข้าวเช้ามาหรือยังล่ะลูก ทานกับน้องไหม” เสียงมาม๊าชวนพี่ไผ่อย่างใจดี“เรียบร้อยแล้วค
ST ผับDraw me my picture I’ ll draw your picture And we’ ll move the furnitures in the motel room Sing me a lullaby And kiss me goodnight Like everything’ s still fine in that motel roomวาดภาพฉันสิ และฉันจะวาดภาพเธอ แล้วเราจะย้ายเฟอร์นิเจอร์ในห้องโมเต็ลนี้ ร้องเพลงกล่อมให้ฉัน และจูบราตรีสวัสดิ์ฉัน เหมือนทุกๆ อย่างยังปกติดีในห้องโมเต็ลนั้นWe knew this has to end And we could only pretend Cause our love only leads to dead endเรารู้ว่าเรื่องนี้มันต้องจบลง และเราทำได้แต่แสร้งทำว่ามันยังดีอยู่ เพราะความรักของเรามันมุ่งสู่ทางตันLet’ s just drive out of town Let’ s runaway Let’ s get high Forget the world Forget everythingมาขับรถออกไปจากเมืองนี้กันเถอะ มาวิ่งหนีไปด้วยกัน มามีความสุขด้วยกัน ลืมโลกนี้ไป ลืมทุกๆ อย่าง ไปให้หมดDon’ t worry about this crowd No one you know is around We can do anything we wantไม่ต้องกังวลเรื่องผู้คนเหล่านี้หรอก ไม่มีคนที่เธอรู้จักอยู่หรอกนะ เราอยากทำอะไร
บิ๊กไบค์ผมเดินนำหน้าแก้มใสมายังตันไม้ใหญ่ข้างๆ อาคารเรียน ผมพยายามรวบรวมความกล้าอยู่นาน กว่าจะกล้าเอ่ยปากบอกกับแก้มใส ยังไงวันนี้ผมก็ต้องบอกกับแก้มใสให้ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไร“มีอะไรคะ” แก้มใสถามขึ้น“คือว่า...พี่..”น่าขายหน้าที่สุดเลย พอถึงเวลาจริงๆ กลับพูดไม่ออกซะงั้น“ไม่มีอะไรแก้มไปนะคะ” แก้มใสหันหลังเตรียมจะเดินกลับ“พี่ชอบแก้มใส..” พูดออกไปแล้ว“อะไรนะคะ..”แก้มใสหันหน้ากลับมาถามด้วยสีหน้างุนงง“พี่ชอบแก้มใส ชอบตั้งแต่วันแรกที่เรามาเรียนที่นี่แล้ว” ผมสารภาพออกไป“แต่แก้มไม่ได้ชอบพี่ค่ะ..” แก้มใสตอบอย่างไร้เยื่อใยผมก้มหน้าลงอย่างสลด ที่ต้องมาผิดหวังตั้งแต่ครั้งแรกยังไม่ได้เริ่มอะไรด้วยซ้ำ“พี่ก็ดีนะ แต่ว่าแก้มมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”ผมเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าเรียวได้รูป“มันเป็นใคร” ผมถามด้วยอารมณ์หงุดหงิดนิดๆ“พี่อยากรู้จริงๆ เหรอ...” แก้มใสยืนกอดอกจ้องหน้าผม“ใช่..”“แก้มชอบพี่โต้งค่ะ”นี่แก้มใสชอบไอ้โต
ต้าหนิงหลังจากวันนั้นที่ฉันไปดูหนังกับพี่ไผ่ ความสัมพันธ์ของเราก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น อันที่จริงพี่ไผ่เขาก็ขอคบกับฉันแล้วล่ะ แต่ฉันยังไม่ทันตอบตกลง ขอเวลามาคิดดูอีกสักหน่อย ซึ่งพี่ไผ่ก็เข้าใจไม่ได้เร่งรัดอะไรฉัน เฮียโต้งก็ชั่งรักษาคำพูดดีจริง เพราะเฮียไม่เคยเข้ามาขัดขว้างหรือวุ่นวายเลย แต่เวลาฉันจะออกไปไหน เฮียมักจะระแวงแล้วก็พูดว่า “ไปกับไอ้หน้าตี๋ใช่ไหม” ทั้งที่ฉันเดินไปแค่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ บ้านนี่เองวันนี้เป็นวันปัจฉิมของพี่มอหก ซึ่งมอสี่อย่างพวกฉันก็ต้องมาดูคอยศึกษางานและช่วยจัดงานให้กับพวกพี่ๆ เพราะปีหน้าพอฉันขึ้นมอห้า พวกฉันก็ต้องมาจัดงานให้กับพวกพี่ๆ มอหกรุ่นต่อไป“น้องต้าหนิงน้องแก้มใสครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยดิ อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะ”พี่บิ๊กไบค์เดินมาเรียกฉันกับแก้มให้ไปถ่ายรูปกับพวกพี่ๆ เขา ฉันกับแก้มใสเดินตามพี่บิ๊กไบค์ไปยังซุ่มถ่ายรูป ที่ยอมมาง่ายๆ ก็เพราะฉันเห็นว่าพี่ชายฉันก็อยู่ด้วยหรอกนะ ฉันเดินไปยืนตรงกลางระหว่างพวกเขาเพื่อถ่ายรูป และฉันก็รู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังฉันนั้นพยายามเข้าใกล้ฉันเหลือเกิน จนฉันต้องหัน
สามเดือนต่อมา....วันนี้เป็นวันปัจฉิมของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่หก น้องๆ มอสี่และมอห้าได้เตรียมจัดงานให้แก่รุ่นพี่มอหกที่จบการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นซุ้มต่างๆ เพื่อให้รุ่นพี่ที่เรียนจบได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และยังมีสิ่งของมอบให้แทนใจและคำพูดว่ามิตรภาพนี้ไม่มีวันจางหายหลังจากเสร็จพิธีรับประกาศนียบัตรของนักเรียนชั้นมอหกแล้ว ผมกับสหายทั้งสามก็พากันมาถ่ายรูปที่หน้าซุ้มต่างๆ ตามแรงจู่จากสาวๆ ทั้งหลายที่ต่างก็มารอถ่ายรูปกับพวกผม“ไอ้ไบค์ มึงไปเรียกสองคนนั้นมาถ่ายรูปดิ” ผมหันไปกระซิบบอกบิ๊กไบค์บิ๊กไบค์ไม่รอช้า มันเดินเข้าไปหาต้าหนิงกับแก้มใสอย่างรู้งาน“น้องต้าหนิงน้องแก้มใสครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยดิ อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะ”แล้วสองสาวก็เดินตามบิ๊กไบค์มาอย่างว่าง่าย ต้าหนิงกับแก้มใสเดินมายืนตรงกลางผมรีบเดินไปยืนที่ด้านหลังของต้าหนิงส่วนบิ๊กไบค์ก็เดินไปยืนด้านหลังแก้มใส ผมกับบิ๊กไบค์มองตากันอย่างเข้าใจ ไอ้โต้งก็ยืนอยู่ข้างผมแหละ เลโอก็ยืนอยู่ข้างบิ๊กไบค์ ผมแกล้งเดินเข้าไปให้อกแกร่งชิดที่หลังของต้าหนิงทำให้เธอหันหน้ามาทำตาดุใส่ ผมยืนอมยิ้มอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ทำให้แก้มเนียนๆ ของ
ราเรซผมกำลังยืนมองดูคู่รักคู่หนึ่ง ซึ่งกำลังพลอดรักกันอยู่ในรถหรูอย่างไม่อายฟ้าอายดิน นี่กลางวันแดดจ้าแบบนี้ก็ยังไม่มีความละอายแก่ใจกันบ้างเลยผมเดินกลับเข้าในห้องนอนของโต้ง ก็เจอกับบิ๊กไบค์กำลังนั่งสะบัดหัวไปมาอยู่ที่ปลายเตียง“ตื่นนานแล้วเหรอ” บิ๊กไบค์ถามผม“อือ กูจะกลับล่ะ” ผมตอบเพื่อน ซึ่งบิ๊กไบค์ก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจแล้วมันก็ล้มตัวลงนอนต่อ แล้วมันจะตื่นมาเพื่อ...ผมเดินลงมายังชั้นล่างก็เจอกับมาม๊าของเพื่อน“สวัสดีครับม๊า”“อ้าว เมื่อคืนนอนนี้เหรอลูก” มาม๊าถาม พร้อมกับยิ้มให้อย่างใจดี“ครับ”“แล้วโต้งล่ะ ตื่นหรือยัง” ม๊าถามต่อ“ยังครับ นอนอยู่กับบิ๊กไบค์แล้วก็เลโอแหละครับ”“แล้วเรซจะกลับแล้วเหรอ ทานข้าวเช้าก่อนไหม” ม๊าถามอย่างใจดีเพราะแบบนี้ไง ถึงบอกว่า...ถ้าได้เป็นลูกเขยบ้านนี้...มันจะดีนะ“ไม่เป็นไรครับม๊า ขอบคุณครับ”ผมยกมือไหว้มาม๊าอีกครั้ง แล้วท่านก็ยิ้มให้อย่างใจดีเหมือนเคยLay Musicพอผมเดินเข้ามาในตึก ผู้คนที่เดินผ
ต้าหนิงฉันรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง ดีนะ ระหว่างทางที่วิ่งมาไม่มีใครเห็นไม่งั้นคงได้ตอบคำถามยาวเป็นหางว่าวแน่ ฉันทิ้งตัวลงนอนกับเตียงนุ่มนิ่มอย่างอ่อนแรง ภายในใจของฉันตอนนี้มันว้าวุ่นไปหมด ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงกล้าทำแบบนั้นกับฉันทั้งที่เราสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้แล้ว...ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆใจก็เต้นแรงไม่หยุด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นี่ฉันคงไม่ได้หวั่นไหวไปหรอกนะ ที่ใจเต้นแรงแบบนี้ต้องเป็นเพราะ...ฉันตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้แน่ๆ เลย ใช่..มันต้องเป็นแบบนั้น ฉันจะรู้สึกหวั่นไหวกับคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วไม่ได้ เพราะพี่เขา..มีแฟนอยู่แล้วคลื่น......คลื่น......(098765xxxx)เอ๊ะ! เบอร์ใครนะ ไม่เห็นจะคุ้นเลยฉันกำลังลังเลอยู่ ว่าจะรับสายหรือไม่รับสายดี... รับดีกว่า เผื่อเป็นเพื่อนของฉันที่อาจจะเอาเบอร์คนอื่นโทรมา เพราะไม่มีใครมีเบอร์ของฉันนอกจากเพื่อนแล้วก็คนในครอบครัว“ฮัลโลค่ะ”ฉันกดรับสายกรอกเสียงพูดลงไป“ใช่เบอร์ของน้องต้าหนิงหรือเปล่าครับ”เสียงผู้ชายด้วย แถมยังรู้ชื่อฉันอีกต่างหาก“ใครคะ แล้วเอาเบอร์นี้มาได้ยังไง”ฉันถามกลับ โดยที่ไม่ตอบคำถามเขา“
“พี่ไผ่ค่า...สู้ๆ ”พอได้ยินประโยคนี้ ที่ออกมาจากริมฝีปากสวยของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างสนามมันก็ทำให้ร่างกายของผมชะงักค้าง ทั้งที่ผมกำลังจะยิงประตูให้กับทีมของตัวเอง ประโยคสั้นๆ แค่นั้นส่งผลต่อร่างกายของผมเหลือเกิน ไม่เข้าใจตัวเองเลย...ว่าทำไม ผมต้องรู้สึกตกใจขนาดนั้นเมื่อผมเสียสมาธิในการเล่นก็ทำให้ไอ้ไผ่ชิงจังหวะตัดลูกฟุตบอลไปได้และมันก็ไม่พลาดที่จะยิงประตูทำให้ทีมของพวกมันเป็นฝ่ายชนะไป แต่ผมนี้สิยังยืนมึนงงอยู่ที่เดิม“มึงอ่อนให้กูเหรอ”มารู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่อไอ้ไผ่เดินมาคุยกับผม“มึงชอบต้าหนิงจริงไหม”ผมเงยหน้าขึ้นมาจ้องตากับมัน“กูถึงได้พนันกับพวกมึงไง กูชอบต้าหนิง”ไอ้ไผ่ก็จ้องตาผมกลับเหมือนกัน“ดี”“สรุปมึงอ่อนให้กูจริงๆ ใช่ไหม”มันยังคาใจอยู่สินะ“เปล่า กูแค่ฝากไว้ก่อน ถ้ากูพร้อมเมื่อไร กูจะมาเอาคืน..”ผมใช้สายตากลิ้งไปทางที่ต้าหนิงนั่งอยู่ บอกเป็นนัยๆ ว่าของที่ฝากไว้คืออะไร... ไอ้ไผ่หันไปมองตามสายตาของผม และมันก็น่าจะเดาออกแล้วด้วย“กูไม่คืน” ไอ้ไผ่หันกลับมาตอบผม“แต่กูจะเอา..” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินหนีมันไปทันทีซ่า................น้ำเย็นๆ ปะทะผิวกายที่เปียกชุ้มไปด