“นั่นพี่ไนท์นี่นา กรี๊ดพี่ไนท์!”
เสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่เรียนอยู่ชั้นปีต่ำกว่า ดังไปทั่วบริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างตึกเรียน ฉันก้มหน้าลงต่ำสาวเท้าเดินตามหลังผู้ชายรูปร่างสูงยาวเข่าดี ที่มีดีกรีเดือนบริหารประดับอยู่บนบ่า บ่นขมุบขมิบเมื่อพวกผู้หญิงเหล่านั้น ชี้มือมาทางผู้ชายที่ชื่อไนท์
“ฉันอยากเป็นของเขาจัง”
“ฉันอยากนอนอยู่ใต้ร่างกำยำนั่นสักคืน”
“ฉันอยากลองที่ระเบียงกับเขา”
ผู้หญิงพวกนั้นพูดออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน หรือแม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ฉันได้แต่คิดอยู่ในใจ ถ้าพวกเธอรับอารมณ์เถื่อนๆ ของไอ้ไนท์ได้ ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก กลัวแต่ร่างกายของพวกเธอจะไม่ทน ให้ไอ้คนป่าเถื่อนอย่างไนท์ขย้ำนะสิ
“เห้ย! นั่นพี่ไวท์นิ! ชิบหายล่ะ!”
ปฏิกิริยาของผู้หญิงพวกนั้นต่างออกไปจากเดิม เมื่อมองเลยร่างของไนท์มาเจอฉัน ซึ่งสวมหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้า ที่สำคัญคือฉันใส่แมสอยู่ด้วย ปิดขนาดนี้แล้วยังรู้ว่าเป็นฉัน ฉันที่ไม่อยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ รีบหลบเข้าไปอยู่หลังไนท์ที่รูปร่างใหญ่กว่า
“ฉันอยากได้พี่ไวท์อะ!”
ฉันขนลุก เมื่อรุ่นน้องปีหนึ่งหน้าตาสวยหยด พูดขึ้นและส่งสายตาเหมือนอยากจะได้ฉันจริงๆมาให้
เธอจะบ้าเหรอ! เธอจะมาอยากได้ฉันไปทำอะไร ยี้! โคตรจะน่ากลัวเลยผู้หญิงสมัยนี้!
“เงียบสักทีสิวะ! แม่งน่ารำคาญชิบหาย”
น้ำเสียงดุดันดังมาจากด้านหลัง มันหยุดทุกเสียงได้ดี และฉันที่คุ้นเคยกับเสียงนั้น ได้แต่ทำตัวลีบตัวหด ดึงหมวกต่ำลง ทั้งๆที่มันต่ำอยู่แล้ว เพื่อพรางตัวจากกลุ่มคนของคณะวิศวกรรมศาสตร์
“กรี๊ด! พี่ไลน์เนอร์ เดือนวิศวะอะมึง เขามาทำอะไรที่คณะบริหารวะ”
เสียงใครสักคนพูดขึ้น จากนั้นเสียงกรี๊ดก็ดังระงมไปทั่วบริเวณ จนแก้วหูฉันอยากจะอักเสบขึ้นมา กรีดร้องเหมือนว่ากินนกหวีดเข้าไป ถ้าเส้นเสียงอักเสบขึ้นมา ฉันจะหัวเราะให้ฟันล่างหัก
แต่! ช่วยเอาฉันออกไปจากตรงนี้ก่อน หรือไม่ก็พวกวิศวะนี่ก็ได้ ฉันไม่อยากโดนจับได้ว่ามีตัวตนอยู่ตรงนี้
“ไนท์! มึงมาคุยกับกูหน่อยดิ” ผู้ชายคนที่เป็นจุดศูนย์กลางของเสียงกรี๊ดกราด เรียกไนท์ที่เดินหน้าต่อให้หยุด
“มีอะไรมึงก็พูดมาเลยไลน์เนอร์” ไนท์หยุดฝีเท้าลง หันใบหน้ากลับมามอง ฉันจึงหันกลับไปมองด้วยตามปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย และมันทำให้ฉันเห็นหน้าผู้ชายคนนั้น ในระยะใกล้ขนาดนี้เป็นครั้งแรก
เออว่ะ!! ตำแหน่งดาวเดือน เลือกเอาเฉพาะคนหน้าตาดีจริงๆ นั่นแหละ ฉันคิดว่าไนท์หน้าตาดีที่สุดแล้ว แต่มีคนที่หน้าตาดีกว่าเขาอยู่สินะ
คนที่ชื่อไลน์เนอร์ คือเดือนวิศวะชั้นปีเดียวกัน มีรูปร่างสูงใหญ่พอๆกันกับไนท์ แต่กล้ามเนื้อของเขาแน่นกว่าไนท์มาก คงเป็นเพราะว่าไนท์ไม่ชอบการออกกำลังกาย รูปหน้าคมคายของไลน์เนอร์ให้ความรู้สึกน่าหวาดกลัว ส่วนหน้าตาของไนท์ให้ความรู้สึกอ่อนโยนกว่า
ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมไลน์เนอร์ถึงดึงดูดผู้หญิงได้ขนาดนี้ ทั้งที่บรรยากาศรอบตัวและการแสดงออกทางสีหน้า ให้ความรู้สึกน่าตีตัวออกห่างสุดๆ
ฉันไม่ชอบผู้ชายไทป์นี้เลย ไม่ชอบผู้ชายไทป์เดียวกันกับไนท์ด้วย ฉันชอบผู้ชายอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนพ่อของฉัน
“มีอะไรก็พูดมาสิวะ! คิดว่าคนอื่นเขาว่างมายืนให้มึงจ้องหน้านักหรือไง”
ไนท์พูดจบ ก็จ้องนิ่งอยู่บนใบหน้าของไลน์เนอร์ ท่าทางกวนส้นของเขา ทำให้ฉันส่ายหน้านิดๆ ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าไลน์เนอร์มาหาเรื่องก่อน หรือเป็นไนท์ที่น่าโดนกระทืบที่สุด
แกจะไปทำหน้ากวนตีนคนที่มีข่าวลือเรื่องชกต่อยมากที่สุดในมหาวิทยาลัยเพื่อ? โอ้ย! ฉันไม่สนแกแล้วไนท์ ทำหน้าวอนส้นตีนขนาดนั้น ถ้าฉันเป็นไลน์เนอร์ ฉันต่อยแบบไม่ต้องคิดอะบอกเลย
ฮึ่ย!
ฉันไม่สนใจไนท์อีกต่อไป เพราะการกระทำของเขามันทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ขยับหมวกลงปิดใบหน้า เดินหนีออกมาจากบริเวณนั้นเพื่อไปยังชั้นเรียน ฉันไม่อยากสนใจเรื่องของคนอื่นนักหรอก ต่อให้คนๆนั้นจะเป็นน้องชายฝาแฝดของฉันก็ตาม ไนท์คงจัดการเรื่องแบบนั้นได้ดีกว่าฉันแน่
ฉันกับไนท์ เป็นฝาแฝดที่เกิดจากไข่คนละใบ ไนท์เป็นผู้ชายหน้าตาดี ส่วนฉันเป็นผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายกับเขาเกือบ 90 % แต่เพราะมีเหตุจำเป็นบางอย่าง ฉันต้องใช้ชีวิตไม่ต่างจากเงา ทำตัวเองให้ไร้ตัวตนที่สุด และปิดซ่อนใบหน้าที่แท้จริงไว้
แต่สิ่งที่ฉันทำมาตลอด เหมือนทำให้ตัวเองโดดเด่นซะมากกว่า หมวกเอ่ย แมสเอ่ย เสื้อผ้าที่สวมใส่เอย เอาตรงไหนมาไร้ตัวตนก่อน เดินไปไหนมีแต่คนมอง และเข้าใจว่าฉันเป็นคนบ้า
ปึ่ง!
เมื่อเข้ามาในชั้นเรียนแล้ว ฉันก็รีบวางกระเป๋าหนักอึ้งของตัวเองลงบนโต๊ะ ตามความกรุ่นของอารมณ์ที่เป็นผลมาจากไนท์ ทิ้งร่างนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมที่นั่งอยู่ประจำ เหลือบตามองนาฬิกาในห้องเพื่อดูว่าเหลืออีกกี่นาทีจะเริ่มเรียน
“นั่งด้วยดิ!”
ผู้ชายคนนึงเดินมาขอนั่งด้วยทั้งที่เก้าอี้ว่างมีอีกเยอะ ฉันลากสายตาไปมองหน้าเขา ถอนใจก่อนจะพูดต่อ
“จะขอเพื่อ? ทั้งที่นั่งไปแล้ว”
“ฮ่าๆ! อารมณ์บูดแต่เช้าเลยนะ เพราะไนท์เหรอ?”
คนข้างๆพยายามชวนคุย ฉันไม่อยากสนใจเขานักหรอก เพราะเขาเป็นหนึ่งในผู้ชายที่เข้ามาจีบ ฉันเคยบอกไปแล้วว่าไม่ชอบการทำแบบนี้ของเขา ซึ่งเขาไม่ฟังและยังพยายามทำแบบเดิม ฉันเบื่อแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน ต้องเจอกันอีกตั้งปี ไม่อยากมีปัญหา
“ทำไมไวท์ไม่ลงประกวดดาวคณะอะ?”
เขาถามในสิ่งที่คนอื่นก็สงสัย ฉันกับไวท์เป็นแฝดที่หน้าตาดีด้วยกันทั้งคู่ ใครที่เคยเห็นใบหน้าของฉัน มักจะถามว่าทำไมไม่ไปลงประกวดดาวคณะ ซึ่งฉันบอกคนพวกนั้นไปแค่ว่าไม่อยากวุ่นวายจึงไม่ลงสมัคร แต่เหตุผลจริงๆก็อย่างที่ฉันเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ฉันไม่อยากเป็นจุดสนใจ เพราะเหตุผลส่วนตัว
“ฉันไม่ชอบอะไรที่มันวุ่นวาย”
ฉันบอกคนข้างๆ พลางจิกตามองให้เขารู้สึกตัว คนที่กำลังทำตัววุ่นวายกับฉัน ใสซื่อหรือหน้าด้านก็ไม่รู้ เขาไม่รู้สึกอะไรกับคำตอบของฉันเลย
ฮึก! ใครก็ได้เอาเขาออกไปจากตรงนี้หน่อย
“ไวท์! มึงหนีมาก่อนได้ไง! รู้ไหมว่าไอ้นั่นแม่งเกือบต่อยกู!”ไนท์พูดพลางใช้ร่างกายของเขาเบียดร่างผู้ชายคนนั้นกระเด็น ทิ้งตัวลงเมื่อเก้าอี้ตัวนั่นว่างเปล่า ฉันยกยิ้มที่เขาทำในสิ่งที่ฉันต้องการพอดี แต่ต้องหุบยิ้มฉับ เมื่อแฝดสยองของฉันจ้องมองนิ่งด้วยความที่เป็นแฝดกัน ฉันรู้ว่าการทำแบบนั้นของไนท์ มันหมายความว่าเขากำลังงอน“หน้าตาของแกยังดีอยู่นี่ไนท์ ไม่เห็นมีรอยหมัดเลย” ฉันยกมือขึ้นจับใบหน้าหล่อเหลา พลิกไปทางซ้าย จากนั้นก็พลิกมาทางขวา ไม่มีรอยช้ำอย่างที่ควรจะเป็นเอ๊ะ! นี่ฉันกำลังสนับสนุนให้น้องชายตัวเองโดนต่อยใช่ไหม “ก็ … นั่นแหละไนท์ หน้าหล่อๆของแก ยังปกติดี”ไนท์ยังคงจ้องฉันไม่เลิก เหมือนพยายามเข้ามาให้ถึงสิ่งที่ฉันคิด ฉันถึงกับหน้าถอดสี มันเกิดขึ้นบ่อยมากๆ ที่ไนท์อ่านความคิดฉันออกทั้งที่เขาเพียงแค่จ้องแบบนี้“เห้อ! เออ! หน้ากูยังปกติดี แต่มึงระวังตัวไว้เลยนะ อย่าให้ไลน์เนอร์เจอตัวเด็ดขาด”ไนท์ถอนหายใจยืดยาว เหมือนเขาจะพูดบางอย่าง แต่ก็เลือกที่จะไม่พูด ฉันไม่ถือสาที่น้องชายขึ้นมึงกูใส่ เพราะเขาพูดจาหมาไม่รับประทานกับฉันมาตั้งแต่เริ่มขึ้นมอปลาย แต่ไอ้เรื่องที่เขาเตือนให้ฉันระวังตัวจา
“เห้อ! ไม่ต้องบอกก็จะไป! จบนะ!” ฉันหมุนตัวกลับไป เดินหนีไลน์เนอร์ราวกับหนีเจ้าหนี้สุดโหด ยังเดินไม่ถึงไหนน้ำเสียงเยือกเย็นกว่าที่ได้ยิน ก็ดังอยู่ข้างหู“มึงไปกับกูหน่อยสิ ไวท์!”ข้อมือใหญ่เหมือนกรงเหล็ก รวบเอาข้อมือข้างซ้ายของฉันไปกำไว ร่างกำยำน่าอิจฉาลากฉันไปตามทางเดินเชื่อมระหว่างตึกคณะ ฉันขืนตัวไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่แรงผู้หญิงมันสู้แรงผู้ชายได้ที่ไหน เมื่อสู้ด้วยแรงไม่ได้ ฉันก็ตัดสินใจที่จะใช้ปากสู้ ไม่กลัวว่านั่นอาจจะทำให้เส้นด้ายชีวิตของตัวเองขาดสะบั้นลง“ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย!”ฉันไม่สนว่ากำลังถูกใครลากไป ไม่สนแม้จะรู้ถึงความน่ากลัวของไลน์เนอร์ ผ่านทางข่าวลือที่ใครหลายๆคนพูดผ่านหู ในพื้นที่ที่มีคนอยู่เยอะแบบนี้ เขายังกล้าทำแบบนี้กับฉัน ถ้าหากปล่อยให้เขาลากไปในที่ลับตาคน ฉันอาจจะถูกเขากระทืบตาย เพราะคิดว่าฉันเป็นไนท์เดี๋ยวสิ ไม่นี่ เมื่อกี้เขาเรียกฉันไวท์นี่นา ได้ยินชัดเต็มสองหูเลย“นี่! เดี๋ยวก่อน นายรู้ว่าฉันไม่ใช่ไนท์นี่ ปล่อยสิ ปล่อยสิเว้ย” ฉันตั้งใจว่าจะคุยกับไลน์เนอร์ดีๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือแววตาที่ชวนให้หงุดหงิด และแรงลากที่มากกว่าเดิม ฉันแทบจะปลิวไปตามแรงของเขา
“สีหน้าแบบนั้นคืออะไร?”“หืม! เปล่านี่! ไม่ได้คิดอะไรเล้ย บอกได้ยังว่าลากฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?”ฉันทำหน้ายียวนมากขึ้น ไม่ได้กลัวเขาเท่าตอนแรก เพราะมีคนอยู่รอบตัวเราเยอะ ถ้าฉันถูกเขาทำอะไร น่าจะพอร้องขอความช่วยเหลือได้แหละ“ถ่ายแบบ แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไง”ดวงตาคู่นั้นของไลน์เนอร์ เหมือนกำลังด่าฉันว่าโง่อยู่เลย ฉันเลือกที่จะมองข้ามไป เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง ถ้าแค่ถ่ายแบบเฉยๆ รีบถ่ายให้มันจบดีกว่า จะได้แยกย้ายกับเขาสักที“แค่ถ่ายแบบ บอกดีๆก็ได้นะ ไม่ต้องทำแบบนี้”ฉันขืนมือออกจากข้อมือของไลน์เนอร์ เขาปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ แต่ไม่นานก็โน้มตัวลงมาใกล้ จนใบหน้าแทบจะชนกับหน้าของฉัน ซ้ำยังใช้มืออ้อมมาดันแผ่นหลัง ไม่ให้ฉันขยับหนีไปไหน“บอกดีๆแล้วจะยอมมา?”เออว่ะ! บอกดีๆฉันก็ไม่มาหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่องของฉันไง“ไม่อะ!”“ก็นั่นแหละ! ไปเปลี่ยนชุดดิ!”ไลน์เนอร์หยัดตัวขึ้นตรง ไล่ให้ฉันไปเปลี่ยนชุด ฉันเดินหน้าตึงผ่านร่างของเขาไป หยุดยืนอยู่ข้างๆราวเสื้อผ้า หันกลับไปมองเขาอย่างสงสัย ว่าชุดที่ฉันต้องใส่ถ่ายแบบนั้น มันใช่ชุดที่แขวนอยู่ในราวนี้จริงเหรอ“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงห้วน ทำเอาใจฝ่
“สีหน้าแบบนั้นคืออะไร?”“หืม! เปล่านี่! ไม่ได้คิดอะไรเล้ย บอกได้ยังว่าลากฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?”ฉันทำหน้ายียวนมากขึ้น ไม่ได้กลัวเขาเท่าตอนแรก เพราะมีคนอยู่รอบตัวเราเยอะ ถ้าฉันถูกเขาทำอะไร น่าจะพอร้องขอความช่วยเหลือได้แหละ“ถ่ายแบบ แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไง”ดวงตาคู่นั้นของไลน์เนอร์ เหมือนกำลังด่าฉันว่าโง่อยู่เลย ฉันเลือกที่จะมองข้ามไป เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง ถ้าแค่ถ่ายแบบเฉยๆ รีบถ่ายให้มันจบดีกว่า จะได้แยกย้ายกับเขาสักที“แค่ถ่ายแบบ บอกดีๆก็ได้นะ ไม่ต้องทำแบบนี้”ฉันขืนมือออกจากข้อมือของไลน์เนอร์ เขาปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ แต่ไม่นานก็โน้มตัวลงมาใกล้ จนใบหน้าแทบจะชนกับหน้าของฉัน ซ้ำยังใช้มืออ้อมมาดันแผ่นหลัง ไม่ให้ฉันขยับหนีไปไหน“บอกดีๆแล้วจะยอมมา?”เออว่ะ! บอกดีๆฉันก็ไม่มาหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่องของฉันไง“ไม่อะ!”“ก็นั่นแหละ! ไปเปลี่ยนชุดดิ!”ไลน์เนอร์หยัดตัวขึ้นตรง ไล่ให้ฉันไปเปลี่ยนชุด ฉันเดินหน้าตึงผ่านร่างของเขาไป หยุดยืนอยู่ข้างๆราวเสื้อผ้า หันกลับไปมองเขาอย่างสงสัย ว่าชุดที่ฉันต้องใส่ถ่ายแบบนั้น มันใช่ชุดที่แขวนอยู่ในราวนี้จริงเหรอ“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงห้วน ทำเอาใจฝ่
“เห้อ! ไม่ต้องบอกก็จะไป! จบนะ!” ฉันหมุนตัวกลับไป เดินหนีไลน์เนอร์ราวกับหนีเจ้าหนี้สุดโหด ยังเดินไม่ถึงไหนน้ำเสียงเยือกเย็นกว่าที่ได้ยิน ก็ดังอยู่ข้างหู“มึงไปกับกูหน่อยสิ ไวท์!”ข้อมือใหญ่เหมือนกรงเหล็ก รวบเอาข้อมือข้างซ้ายของฉันไปกำไว ร่างกำยำน่าอิจฉาลากฉันไปตามทางเดินเชื่อมระหว่างตึกคณะ ฉันขืนตัวไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่แรงผู้หญิงมันสู้แรงผู้ชายได้ที่ไหน เมื่อสู้ด้วยแรงไม่ได้ ฉันก็ตัดสินใจที่จะใช้ปากสู้ ไม่กลัวว่านั่นอาจจะทำให้เส้นด้ายชีวิตของตัวเองขาดสะบั้นลง“ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย!”ฉันไม่สนว่ากำลังถูกใครลากไป ไม่สนแม้จะรู้ถึงความน่ากลัวของไลน์เนอร์ ผ่านทางข่าวลือที่ใครหลายๆคนพูดผ่านหู ในพื้นที่ที่มีคนอยู่เยอะแบบนี้ เขายังกล้าทำแบบนี้กับฉัน ถ้าหากปล่อยให้เขาลากไปในที่ลับตาคน ฉันอาจจะถูกเขากระทืบตาย เพราะคิดว่าฉันเป็นไนท์เดี๋ยวสิ ไม่นี่ เมื่อกี้เขาเรียกฉันไวท์นี่นา ได้ยินชัดเต็มสองหูเลย“นี่! เดี๋ยวก่อน นายรู้ว่าฉันไม่ใช่ไนท์นี่ ปล่อยสิ ปล่อยสิเว้ย” ฉันตั้งใจว่าจะคุยกับไลน์เนอร์ดีๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือแววตาที่ชวนให้หงุดหงิด และแรงลากที่มากกว่าเดิม ฉันแทบจะปลิวไปตามแรงของเขา
“ไวท์! มึงหนีมาก่อนได้ไง! รู้ไหมว่าไอ้นั่นแม่งเกือบต่อยกู!”ไนท์พูดพลางใช้ร่างกายของเขาเบียดร่างผู้ชายคนนั้นกระเด็น ทิ้งตัวลงเมื่อเก้าอี้ตัวนั่นว่างเปล่า ฉันยกยิ้มที่เขาทำในสิ่งที่ฉันต้องการพอดี แต่ต้องหุบยิ้มฉับ เมื่อแฝดสยองของฉันจ้องมองนิ่งด้วยความที่เป็นแฝดกัน ฉันรู้ว่าการทำแบบนั้นของไนท์ มันหมายความว่าเขากำลังงอน“หน้าตาของแกยังดีอยู่นี่ไนท์ ไม่เห็นมีรอยหมัดเลย” ฉันยกมือขึ้นจับใบหน้าหล่อเหลา พลิกไปทางซ้าย จากนั้นก็พลิกมาทางขวา ไม่มีรอยช้ำอย่างที่ควรจะเป็นเอ๊ะ! นี่ฉันกำลังสนับสนุนให้น้องชายตัวเองโดนต่อยใช่ไหม “ก็ … นั่นแหละไนท์ หน้าหล่อๆของแก ยังปกติดี”ไนท์ยังคงจ้องฉันไม่เลิก เหมือนพยายามเข้ามาให้ถึงสิ่งที่ฉันคิด ฉันถึงกับหน้าถอดสี มันเกิดขึ้นบ่อยมากๆ ที่ไนท์อ่านความคิดฉันออกทั้งที่เขาเพียงแค่จ้องแบบนี้“เห้อ! เออ! หน้ากูยังปกติดี แต่มึงระวังตัวไว้เลยนะ อย่าให้ไลน์เนอร์เจอตัวเด็ดขาด”ไนท์ถอนหายใจยืดยาว เหมือนเขาจะพูดบางอย่าง แต่ก็เลือกที่จะไม่พูด ฉันไม่ถือสาที่น้องชายขึ้นมึงกูใส่ เพราะเขาพูดจาหมาไม่รับประทานกับฉันมาตั้งแต่เริ่มขึ้นมอปลาย แต่ไอ้เรื่องที่เขาเตือนให้ฉันระวังตัวจา
“นั่นพี่ไนท์นี่นา กรี๊ดพี่ไนท์!”เสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่เรียนอยู่ชั้นปีต่ำกว่า ดังไปทั่วบริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างตึกเรียน ฉันก้มหน้าลงต่ำสาวเท้าเดินตามหลังผู้ชายรูปร่างสูงยาวเข่าดี ที่มีดีกรีเดือนบริหารประดับอยู่บนบ่า บ่นขมุบขมิบเมื่อพวกผู้หญิงเหล่านั้น ชี้มือมาทางผู้ชายที่ชื่อไนท์“ฉันอยากเป็นของเขาจัง”“ฉันอยากนอนอยู่ใต้ร่างกำยำนั่นสักคืน”“ฉันอยากลองที่ระเบียงกับเขา”ผู้หญิงพวกนั้นพูดออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน หรือแม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ฉันได้แต่คิดอยู่ในใจ ถ้าพวกเธอรับอารมณ์เถื่อนๆ ของไอ้ไนท์ได้ ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก กลัวแต่ร่างกายของพวกเธอจะไม่ทน ให้ไอ้คนป่าเถื่อนอย่างไนท์ขย้ำนะสิ“เห้ย! นั่นพี่ไวท์นิ! ชิบหายล่ะ!”ปฏิกิริยาของผู้หญิงพวกนั้นต่างออกไปจากเดิม เมื่อมองเลยร่างของไนท์มาเจอฉัน ซึ่งสวมหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้า ที่สำคัญคือฉันใส่แมสอยู่ด้วย ปิดขนาดนี้แล้วยังรู้ว่าเป็นฉัน ฉันที่ไม่อยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ รีบหลบเข้าไปอยู่หลังไนท์ที่รูปร่างใหญ่กว่า“ฉันอยากได้พี่ไวท์อะ!”ฉันขนลุก เมื่อรุ่นน้องปีหนึ่งหน้าตาสวยหยด พูดขึ้นและส่งสายตาเหมือนอยากจะได้ฉันจ