“ไวท์! มึงหนีมาก่อนได้ไง! รู้ไหมว่าไอ้นั่นแม่งเกือบต่อยกู!”
ไนท์พูดพลางใช้ร่างกายของเขาเบียดร่างผู้ชายคนนั้นกระเด็น ทิ้งตัวลงเมื่อเก้าอี้ตัวนั่นว่างเปล่า ฉันยกยิ้มที่เขาทำในสิ่งที่ฉันต้องการพอดี แต่ต้องหุบยิ้มฉับ เมื่อแฝดสยองของฉันจ้องมองนิ่ง
ด้วยความที่เป็นแฝดกัน ฉันรู้ว่าการทำแบบนั้นของไนท์ มันหมายความว่าเขากำลังงอน
“หน้าตาของแกยังดีอยู่นี่ไนท์ ไม่เห็นมีรอยหมัดเลย”
ฉันยกมือขึ้นจับใบหน้าหล่อเหลา พลิกไปทางซ้าย จากนั้นก็พลิกมาทางขวา ไม่มีรอยช้ำอย่างที่ควรจะเป็น
เอ๊ะ! นี่ฉันกำลังสนับสนุนให้น้องชายตัวเองโดนต่อยใช่ไหม
“ก็ … นั่นแหละไนท์ หน้าหล่อๆของแก ยังปกติดี”
ไนท์ยังคงจ้องฉันไม่เลิก เหมือนพยายามเข้ามาให้ถึงสิ่งที่ฉันคิด ฉันถึงกับหน้าถอดสี มันเกิดขึ้นบ่อยมากๆ ที่ไนท์อ่านความคิดฉันออกทั้งที่เขาเพียงแค่จ้องแบบนี้
“เห้อ! เออ! หน้ากูยังปกติดี แต่มึงระวังตัวไว้เลยนะ อย่าให้ไลน์เนอร์เจอตัวเด็ดขาด”
ไนท์ถอนหายใจยืดยาว เหมือนเขาจะพูดบางอย่าง แต่ก็เลือกที่จะไม่พูด ฉันไม่ถือสาที่น้องชายขึ้นมึงกูใส่ เพราะเขาพูดจาหมาไม่รับประทานกับฉันมาตั้งแต่เริ่มขึ้นมอปลาย แต่ไอ้เรื่องที่เขาเตือนให้ฉันระวังตัวจากไลน์เนอร์คู่กัดของเขานี่สิ มันใช่เรื่องที่ต้องเตือนฉันไหม ฉันกับไลน์เนอร์ไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แน่นอนว่าฉันไม่ต้องระวังเขาเพราะไม่เคยบาดหมางกัน แล้วทำไมไนท์ถึงเตือน อย่าบอกนะว่าไอ้นี่ไปสร้างเรื่องมาอีกแล้ว
“แกไปสร้างเรื่องมาใช่ไหมไนท์!?”
“ …”
ไนท์เงียบ แต่ท่าทางของเขาบอกชัดว่าเป็นแบบนั้น ฉันผลักไหล่เขาแรงๆ ขยับหนีไปนั่งลงเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆ ไนท์เปลี่ยนสีหน้าเป็นสำนึกผิด ซึ่งมันไม่ทันแล้วโว้ยไอ้บ้า
ไนท์หาเรื่องมาให้ฉันซวยได้ตลอด ด้วยความที่ฉันแต่งตัวคล้ายผู้ชายทั้งที่เป็นผู้หญิง มันทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าฉันเป็นไนท์
นี่ฉันต้องใช้ชีวิตแบบนี้อีกนานแค่ไหน อยากใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นเขาบ้าง อยากแต่งตัวสวย อยากอวดผมยาวสลวยของตัวเอง แต่ดูฉันตอนนี้สิ ทั้งวิกผมสั้นที่ใส่ ทั้งเสื้อผ้าตัวใหญ่โคร่ง ถ้าบอกว่าเป็นผู้ชายจริงๆ คนคงเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเป็นแบบนั้น
“ไนท์! เย็นนี้กลับก่อนเลยนะ จะไปห้าง”
ไนท์ที่ฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะมาเกือบสิบนาที ขยับใบหน้าหันมาทางฉัน สีหน้าสงสัยเหมือนอยากรู้ของเขา ไม่ได้ทำให้ฉันบอกว่าจะไปทำอะไร
ฉันก็มีชีวิตของฉันเหอะ ถึงจะเป็นแฝดกัน ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของกันและกันนะ
“ระวังตัวหน่อยล่ะ ตอนนี้ไลน์เนอร์หมายหัวฉันอยู่”
เขาหมายหัวแกตั้งนานแล้วไหม คนทั้งมหาวิทยาลัยรู้กันหมด ว่าไนท์กับไลน์เนอร์ไม่ลงรอยกัน ฉันเองก็รู้ เพียงแต่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยไม่ใส่ใจ แต่ตอนนี้ฉันคงต้องใส่ใจแล้วใช่ไหม เพราะบางทีไลน์เนอร์คนนั้น อาจจะเล่นงานฉันที่เป็นแฝดของไนท์ก็ได้
ตุบ! ตุบ!
“เป็นแฝดแกนี่มีแต่เรื่องซวยๆ”
ฉันเอื้อมมือไปทุบไหล่ของไนท์สองที เขามองฉันเหมือนไม่พอใจ แต่ก็ยอมเงียบไม่ตอบโต้ ฉันอยากจะกลายร่างเป็นยักษ์แล้วเขมือบเขาลงท้องไปซะ แค่นี้ฉันก็ใช้ชีวิตลำบากมากแล้วนะ ทำไมต้องหาเรื่องมาเพิ่มให้ด้วย ใช้ชีวิตเงียบๆเหมือนคนอื่นมันยากนักหรือไง ทำไมฉันทำได้ เขาถึงทำไม่ได้
“ขอโทษ!”
“เงียบปากไปเลย!”
“นักศึกษานั่นแหละที่ต้องเงียบ!”
อาจารย์ประจำคลาสตวาดสวนกลับมา ฉันจึงรู้ตัวว่าเมื่อกี้ใช้เสียงดังเกินไป เพราะฉันได้รับการยกเว้นหลายอย่าง ทำให้อาจารย์บางคนเกิดความรู้สึกไม่พอใจ อาจารย์ที่กำลังสอนอยู่ตอนนี้ก็เหมือนกัน เธอไม่พอใจฉันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และสายตาตำหนิกับถ้อยคำแบบนี้ มันมีให้ฉันมาตลอด
“ขอโทษค่ะอาจารย์”
“เลิกคลาสได้ นักศึกษาอย่าลืมส่งงานที่สั่งล่ะ”
อาจารย์ทำเหมือนคำขอโทษของฉันเป็นเสียงของลม ฉันก้มหน้าลงซ่อนความไม่พอใจ น้ำตาไหลปริ่มรอบดวงตา
ไม่ใช่ว่าฉันอยากเป็นบุคคลพิเศษ แต่เพราะมีคนคุกคามหมายเอาชีวิตฉันกับไนท์ ฉันจึงต้องทำแบบนี้ ใช้ชีวิตเหมือนเป็นผู้ชายทั้งที่เป็นผู้หญิง ทำตัวเหมือนคนไม่เต็มเต็งทั้งที่เป็นคนปกติ ฉันก็อยากใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นๆ แต่มันทำไม่ได้เพราะฉันยังไม่อยากตาย
ฉันหอบความหงุดหงิดหนีออกมาจากชั้นเรียนทันทีที่อาจารย์คนนั้นปล่อย ความรีบร้อนทำให้ลืมหยิบเอาหมวกที่วางไว้ตอนเรียนออกมาด้วย แมสก็ไม่สนใจที่จะใส่มัน ตอนนี้อารมณ์ฉันไม่ดีเอามากๆ จึงไม่สนใจอะไรเลย
“นั่นไนท์? อะ ไม่สิ ไวท์นี่นา”
หลายคนจำฉันกับไนท์ได้ และแยกฉันกับเขาออก แต่มีไม่น้อยเลยที่เข้าใจผิดว่าฉันเป็นไนท์ในแว๊บแรก เพราะวิกผมแบบสั้นที่ฉันใส่อยู่ ฉันสามารถบิดบังเพศสภาพจากคนภายนอกได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น หลายคนรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิง และมีอีกหลายคนที่ยังเข้าใจว่าฉันเป็นผู้ชายเหมือนไนท์
“มานี่เลย ไอ้ไนท์!”
ฉันหันขวับไปมอง เพราะเสียงเรียกเหี้ยมๆดังอยู่ข้างหลังแม้ว่าฉันจะไม่ใช่ไนท์ก็ตาม รู้สึกกลัวเมื่อพบว่าเป็นไลน์เนอร์ เดือนหน้าโหดของคณะวิศวะ พยายามซ่อนสีหน้าและความกลัวไว้ และพยายามมองหาทางรอดออกไปจากสถานการณ์ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ รวมถึงก่นด่าแฝดน้องที่ขยันหาความซวยมาให้อยู่ในใจ
ไอ้บ้าไนท์! ถ้าฉันรอดจากไลน์เนอร์ไปได้ แกโดดอัดน่วมแน่!
“ดูดีๆสิ ฉันไม่ใช่ไนท์”
ฉันยอมให้เดือนวิศวะหน้าโหดที่โคตรหล่อสำรวจความแตกต่างบนใบหน้าและร่างกาย พยายามทำตัวเป็นคนใจเย็น ทั้งที่ตอนนี้หัวใจมีนเต้นตุบตับยิ่งกว่าเสียงตีกลองยาว มันควรจะเต้นเพราะความหล่อของเขา อย่างที่ผู้หญิงคนอื่นๆเป็น แต่มันกลับไม่ใช่ ในหัวฉันมีแต่ความกลัว บางทีฉันอาจจะไม่ตายเพราะคนอื่น แต่คงตายเพราะถูกไอ้คนหน้าโหดนี่ฆ่า
ฉันยังใช้ชีวิตไม่คุ้มค่าเลยอะ ยังไม่เคยลองทำในสิ่งที่อยากจะทำ
“กูไม่ได้โง่”
เสียงของไลน์เนอร์เย็นเฉียบ ร่างกายกำยำและความสูงที่มีมากกว่าร้อยเก้าสิบขยับมาด้านหน้าอีกสองก้าว ใบหน้าหล่อเหลาดุดันโน้มลง แต่ฉันที่มีส่วนสูงมากถึงร้อยเจ็ดสิบห้า ยังต้องเงยหน้าขึ้นมองคนอย่างเขาอยู่ดี
อิจฉาเหลือเกินที่เขาสูงได้ขนาดนั้น ซ้ำยังมีหุ่นที่โคตรน่าอิจฉา ฉันหมายความว่า ถ้าตัดหน้าหล่อแบบโหดๆนี่ทิ้งก่อนอะนะ ความอิจฉาฉันถึงจะทำงานดีขึ้น
“ก็ ไม่ได้ถาม” ฉันตอบไลน์เนอร์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อย่ามากวนส้นตีน!” หน้าตาของเขาดุขึ้นพอๆกับน้ำเสียงที่ตะคอกกลับมา
“ทำแบบนั้นตอนไหนก่อน ไปได้แล้วใช่ไหม พอดีรีบ” ฉันยังคงกวนเขาด้วยการพูด
“บอกยังว่าไปได้?” น้ำเสียงยียวนแต่ไม่เท่าสีหน้าของคนพูด
ตอนนี้ฉันรู้แล้วแหละ ว่าทำไม เขากับไนท์ถึงเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน ก็หน้าตามันกวนส้นตีนทั้งคู่แบบนี้ไง ต่างคนต่างไม่ยอมกันด้วยมั้ง
“เห้อ! ไม่ต้องบอกก็จะไป! จบนะ!” ฉันหมุนตัวกลับไป เดินหนีไลน์เนอร์ราวกับหนีเจ้าหนี้สุดโหด ยังเดินไม่ถึงไหนน้ำเสียงเยือกเย็นกว่าที่ได้ยิน ก็ดังอยู่ข้างหู“มึงไปกับกูหน่อยสิ ไวท์!”ข้อมือใหญ่เหมือนกรงเหล็ก รวบเอาข้อมือข้างซ้ายของฉันไปกำไว ร่างกำยำน่าอิจฉาลากฉันไปตามทางเดินเชื่อมระหว่างตึกคณะ ฉันขืนตัวไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่แรงผู้หญิงมันสู้แรงผู้ชายได้ที่ไหน เมื่อสู้ด้วยแรงไม่ได้ ฉันก็ตัดสินใจที่จะใช้ปากสู้ ไม่กลัวว่านั่นอาจจะทำให้เส้นด้ายชีวิตของตัวเองขาดสะบั้นลง“ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย!”ฉันไม่สนว่ากำลังถูกใครลากไป ไม่สนแม้จะรู้ถึงความน่ากลัวของไลน์เนอร์ ผ่านทางข่าวลือที่ใครหลายๆคนพูดผ่านหู ในพื้นที่ที่มีคนอยู่เยอะแบบนี้ เขายังกล้าทำแบบนี้กับฉัน ถ้าหากปล่อยให้เขาลากไปในที่ลับตาคน ฉันอาจจะถูกเขากระทืบตาย เพราะคิดว่าฉันเป็นไนท์เดี๋ยวสิ ไม่นี่ เมื่อกี้เขาเรียกฉันไวท์นี่นา ได้ยินชัดเต็มสองหูเลย“นี่! เดี๋ยวก่อน นายรู้ว่าฉันไม่ใช่ไนท์นี่ ปล่อยสิ ปล่อยสิเว้ย” ฉันตั้งใจว่าจะคุยกับไลน์เนอร์ดีๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือแววตาที่ชวนให้หงุดหงิด และแรงลากที่มากกว่าเดิม ฉันแทบจะปลิวไปตามแรงของเขา
“สีหน้าแบบนั้นคืออะไร?”“หืม! เปล่านี่! ไม่ได้คิดอะไรเล้ย บอกได้ยังว่าลากฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?”ฉันทำหน้ายียวนมากขึ้น ไม่ได้กลัวเขาเท่าตอนแรก เพราะมีคนอยู่รอบตัวเราเยอะ ถ้าฉันถูกเขาทำอะไร น่าจะพอร้องขอความช่วยเหลือได้แหละ“ถ่ายแบบ แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไง”ดวงตาคู่นั้นของไลน์เนอร์ เหมือนกำลังด่าฉันว่าโง่อยู่เลย ฉันเลือกที่จะมองข้ามไป เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง ถ้าแค่ถ่ายแบบเฉยๆ รีบถ่ายให้มันจบดีกว่า จะได้แยกย้ายกับเขาสักที“แค่ถ่ายแบบ บอกดีๆก็ได้นะ ไม่ต้องทำแบบนี้”ฉันขืนมือออกจากข้อมือของไลน์เนอร์ เขาปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ แต่ไม่นานก็โน้มตัวลงมาใกล้ จนใบหน้าแทบจะชนกับหน้าของฉัน ซ้ำยังใช้มืออ้อมมาดันแผ่นหลัง ไม่ให้ฉันขยับหนีไปไหน“บอกดีๆแล้วจะยอมมา?”เออว่ะ! บอกดีๆฉันก็ไม่มาหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่องของฉันไง“ไม่อะ!”“ก็นั่นแหละ! ไปเปลี่ยนชุดดิ!”ไลน์เนอร์หยัดตัวขึ้นตรง ไล่ให้ฉันไปเปลี่ยนชุด ฉันเดินหน้าตึงผ่านร่างของเขาไป หยุดยืนอยู่ข้างๆราวเสื้อผ้า หันกลับไปมองเขาอย่างสงสัย ว่าชุดที่ฉันต้องใส่ถ่ายแบบนั้น มันใช่ชุดที่แขวนอยู่ในราวนี้จริงเหรอ“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงห้วน ทำเอาใจฝ่
“นั่นพี่ไนท์นี่นา กรี๊ดพี่ไนท์!”เสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่เรียนอยู่ชั้นปีต่ำกว่า ดังไปทั่วบริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างตึกเรียน ฉันก้มหน้าลงต่ำสาวเท้าเดินตามหลังผู้ชายรูปร่างสูงยาวเข่าดี ที่มีดีกรีเดือนบริหารประดับอยู่บนบ่า บ่นขมุบขมิบเมื่อพวกผู้หญิงเหล่านั้น ชี้มือมาทางผู้ชายที่ชื่อไนท์“ฉันอยากเป็นของเขาจัง”“ฉันอยากนอนอยู่ใต้ร่างกำยำนั่นสักคืน”“ฉันอยากลองที่ระเบียงกับเขา”ผู้หญิงพวกนั้นพูดออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน หรือแม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ฉันได้แต่คิดอยู่ในใจ ถ้าพวกเธอรับอารมณ์เถื่อนๆ ของไอ้ไนท์ได้ ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก กลัวแต่ร่างกายของพวกเธอจะไม่ทน ให้ไอ้คนป่าเถื่อนอย่างไนท์ขย้ำนะสิ“เห้ย! นั่นพี่ไวท์นิ! ชิบหายล่ะ!”ปฏิกิริยาของผู้หญิงพวกนั้นต่างออกไปจากเดิม เมื่อมองเลยร่างของไนท์มาเจอฉัน ซึ่งสวมหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้า ที่สำคัญคือฉันใส่แมสอยู่ด้วย ปิดขนาดนี้แล้วยังรู้ว่าเป็นฉัน ฉันที่ไม่อยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ รีบหลบเข้าไปอยู่หลังไนท์ที่รูปร่างใหญ่กว่า“ฉันอยากได้พี่ไวท์อะ!”ฉันขนลุก เมื่อรุ่นน้องปีหนึ่งหน้าตาสวยหยด พูดขึ้นและส่งสายตาเหมือนอยากจะได้ฉันจ
“สีหน้าแบบนั้นคืออะไร?”“หืม! เปล่านี่! ไม่ได้คิดอะไรเล้ย บอกได้ยังว่าลากฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?”ฉันทำหน้ายียวนมากขึ้น ไม่ได้กลัวเขาเท่าตอนแรก เพราะมีคนอยู่รอบตัวเราเยอะ ถ้าฉันถูกเขาทำอะไร น่าจะพอร้องขอความช่วยเหลือได้แหละ“ถ่ายแบบ แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไง”ดวงตาคู่นั้นของไลน์เนอร์ เหมือนกำลังด่าฉันว่าโง่อยู่เลย ฉันเลือกที่จะมองข้ามไป เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง ถ้าแค่ถ่ายแบบเฉยๆ รีบถ่ายให้มันจบดีกว่า จะได้แยกย้ายกับเขาสักที“แค่ถ่ายแบบ บอกดีๆก็ได้นะ ไม่ต้องทำแบบนี้”ฉันขืนมือออกจากข้อมือของไลน์เนอร์ เขาปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ แต่ไม่นานก็โน้มตัวลงมาใกล้ จนใบหน้าแทบจะชนกับหน้าของฉัน ซ้ำยังใช้มืออ้อมมาดันแผ่นหลัง ไม่ให้ฉันขยับหนีไปไหน“บอกดีๆแล้วจะยอมมา?”เออว่ะ! บอกดีๆฉันก็ไม่มาหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่องของฉันไง“ไม่อะ!”“ก็นั่นแหละ! ไปเปลี่ยนชุดดิ!”ไลน์เนอร์หยัดตัวขึ้นตรง ไล่ให้ฉันไปเปลี่ยนชุด ฉันเดินหน้าตึงผ่านร่างของเขาไป หยุดยืนอยู่ข้างๆราวเสื้อผ้า หันกลับไปมองเขาอย่างสงสัย ว่าชุดที่ฉันต้องใส่ถ่ายแบบนั้น มันใช่ชุดที่แขวนอยู่ในราวนี้จริงเหรอ“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงห้วน ทำเอาใจฝ่
“เห้อ! ไม่ต้องบอกก็จะไป! จบนะ!” ฉันหมุนตัวกลับไป เดินหนีไลน์เนอร์ราวกับหนีเจ้าหนี้สุดโหด ยังเดินไม่ถึงไหนน้ำเสียงเยือกเย็นกว่าที่ได้ยิน ก็ดังอยู่ข้างหู“มึงไปกับกูหน่อยสิ ไวท์!”ข้อมือใหญ่เหมือนกรงเหล็ก รวบเอาข้อมือข้างซ้ายของฉันไปกำไว ร่างกำยำน่าอิจฉาลากฉันไปตามทางเดินเชื่อมระหว่างตึกคณะ ฉันขืนตัวไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่แรงผู้หญิงมันสู้แรงผู้ชายได้ที่ไหน เมื่อสู้ด้วยแรงไม่ได้ ฉันก็ตัดสินใจที่จะใช้ปากสู้ ไม่กลัวว่านั่นอาจจะทำให้เส้นด้ายชีวิตของตัวเองขาดสะบั้นลง“ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย!”ฉันไม่สนว่ากำลังถูกใครลากไป ไม่สนแม้จะรู้ถึงความน่ากลัวของไลน์เนอร์ ผ่านทางข่าวลือที่ใครหลายๆคนพูดผ่านหู ในพื้นที่ที่มีคนอยู่เยอะแบบนี้ เขายังกล้าทำแบบนี้กับฉัน ถ้าหากปล่อยให้เขาลากไปในที่ลับตาคน ฉันอาจจะถูกเขากระทืบตาย เพราะคิดว่าฉันเป็นไนท์เดี๋ยวสิ ไม่นี่ เมื่อกี้เขาเรียกฉันไวท์นี่นา ได้ยินชัดเต็มสองหูเลย“นี่! เดี๋ยวก่อน นายรู้ว่าฉันไม่ใช่ไนท์นี่ ปล่อยสิ ปล่อยสิเว้ย” ฉันตั้งใจว่าจะคุยกับไลน์เนอร์ดีๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือแววตาที่ชวนให้หงุดหงิด และแรงลากที่มากกว่าเดิม ฉันแทบจะปลิวไปตามแรงของเขา
“ไวท์! มึงหนีมาก่อนได้ไง! รู้ไหมว่าไอ้นั่นแม่งเกือบต่อยกู!”ไนท์พูดพลางใช้ร่างกายของเขาเบียดร่างผู้ชายคนนั้นกระเด็น ทิ้งตัวลงเมื่อเก้าอี้ตัวนั่นว่างเปล่า ฉันยกยิ้มที่เขาทำในสิ่งที่ฉันต้องการพอดี แต่ต้องหุบยิ้มฉับ เมื่อแฝดสยองของฉันจ้องมองนิ่งด้วยความที่เป็นแฝดกัน ฉันรู้ว่าการทำแบบนั้นของไนท์ มันหมายความว่าเขากำลังงอน“หน้าตาของแกยังดีอยู่นี่ไนท์ ไม่เห็นมีรอยหมัดเลย” ฉันยกมือขึ้นจับใบหน้าหล่อเหลา พลิกไปทางซ้าย จากนั้นก็พลิกมาทางขวา ไม่มีรอยช้ำอย่างที่ควรจะเป็นเอ๊ะ! นี่ฉันกำลังสนับสนุนให้น้องชายตัวเองโดนต่อยใช่ไหม “ก็ … นั่นแหละไนท์ หน้าหล่อๆของแก ยังปกติดี”ไนท์ยังคงจ้องฉันไม่เลิก เหมือนพยายามเข้ามาให้ถึงสิ่งที่ฉันคิด ฉันถึงกับหน้าถอดสี มันเกิดขึ้นบ่อยมากๆ ที่ไนท์อ่านความคิดฉันออกทั้งที่เขาเพียงแค่จ้องแบบนี้“เห้อ! เออ! หน้ากูยังปกติดี แต่มึงระวังตัวไว้เลยนะ อย่าให้ไลน์เนอร์เจอตัวเด็ดขาด”ไนท์ถอนหายใจยืดยาว เหมือนเขาจะพูดบางอย่าง แต่ก็เลือกที่จะไม่พูด ฉันไม่ถือสาที่น้องชายขึ้นมึงกูใส่ เพราะเขาพูดจาหมาไม่รับประทานกับฉันมาตั้งแต่เริ่มขึ้นมอปลาย แต่ไอ้เรื่องที่เขาเตือนให้ฉันระวังตัวจา
“นั่นพี่ไนท์นี่นา กรี๊ดพี่ไนท์!”เสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่เรียนอยู่ชั้นปีต่ำกว่า ดังไปทั่วบริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างตึกเรียน ฉันก้มหน้าลงต่ำสาวเท้าเดินตามหลังผู้ชายรูปร่างสูงยาวเข่าดี ที่มีดีกรีเดือนบริหารประดับอยู่บนบ่า บ่นขมุบขมิบเมื่อพวกผู้หญิงเหล่านั้น ชี้มือมาทางผู้ชายที่ชื่อไนท์“ฉันอยากเป็นของเขาจัง”“ฉันอยากนอนอยู่ใต้ร่างกำยำนั่นสักคืน”“ฉันอยากลองที่ระเบียงกับเขา”ผู้หญิงพวกนั้นพูดออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน หรือแม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ฉันได้แต่คิดอยู่ในใจ ถ้าพวกเธอรับอารมณ์เถื่อนๆ ของไอ้ไนท์ได้ ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก กลัวแต่ร่างกายของพวกเธอจะไม่ทน ให้ไอ้คนป่าเถื่อนอย่างไนท์ขย้ำนะสิ“เห้ย! นั่นพี่ไวท์นิ! ชิบหายล่ะ!”ปฏิกิริยาของผู้หญิงพวกนั้นต่างออกไปจากเดิม เมื่อมองเลยร่างของไนท์มาเจอฉัน ซึ่งสวมหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้า ที่สำคัญคือฉันใส่แมสอยู่ด้วย ปิดขนาดนี้แล้วยังรู้ว่าเป็นฉัน ฉันที่ไม่อยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ รีบหลบเข้าไปอยู่หลังไนท์ที่รูปร่างใหญ่กว่า“ฉันอยากได้พี่ไวท์อะ!”ฉันขนลุก เมื่อรุ่นน้องปีหนึ่งหน้าตาสวยหยด พูดขึ้นและส่งสายตาเหมือนอยากจะได้ฉันจ