“เห้อ! ไม่ต้องบอกก็จะไป! จบนะ!”
ฉันหมุนตัวกลับไป เดินหนีไลน์เนอร์ราวกับหนีเจ้าหนี้สุดโหด ยังเดินไม่ถึงไหนน้ำเสียงเยือกเย็นกว่าที่ได้ยิน ก็ดังอยู่ข้างหู
“มึงไปกับกูหน่อยสิ ไวท์!”
ข้อมือใหญ่เหมือนกรงเหล็ก รวบเอาข้อมือข้างซ้ายของฉันไปกำไว ร่างกำยำน่าอิจฉาลากฉันไปตามทางเดินเชื่อมระหว่างตึกคณะ ฉันขืนตัวไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่แรงผู้หญิงมันสู้แรงผู้ชายได้ที่ไหน เมื่อสู้ด้วยแรงไม่ได้ ฉันก็ตัดสินใจที่จะใช้ปากสู้ ไม่กลัวว่านั่นอาจจะทำให้เส้นด้ายชีวิตของตัวเองขาดสะบั้นลง
“ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย!”
ฉันไม่สนว่ากำลังถูกใครลากไป ไม่สนแม้จะรู้ถึงความน่ากลัวของไลน์เนอร์ ผ่านทางข่าวลือที่ใครหลายๆคนพูดผ่านหู ในพื้นที่ที่มีคนอยู่เยอะแบบนี้ เขายังกล้าทำแบบนี้กับฉัน ถ้าหากปล่อยให้เขาลากไปในที่ลับตาคน ฉันอาจจะถูกเขากระทืบตาย เพราะคิดว่าฉันเป็นไนท์
เดี๋ยวสิ ไม่นี่ เมื่อกี้เขาเรียกฉันไวท์นี่นา ได้ยินชัดเต็มสองหูเลย
“นี่! เดี๋ยวก่อน นายรู้ว่าฉันไม่ใช่ไนท์นี่ ปล่อยสิ ปล่อยสิเว้ย”
ฉันตั้งใจว่าจะคุยกับไลน์เนอร์ดีๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือแววตาที่ชวนให้หงุดหงิด และแรงลากที่มากกว่าเดิม ฉันแทบจะปลิวไปตามแรงของเขา ไม่ต่างจากว่าวกระดาษที่ปลิวไปตามกระแสลม พยายามจะขืนตัวโต้ลมพายุไว้ นอกจากทำไม่ได้ยังรู้สึกเหมือนตัวจะขาด
อ๊าก! ไอ้บ้านี่มันใช่คนหรือเปล่าเนี่ย!
“นี่!”
“ขึ้นไป!”
คนที่ลากฉันมาจนถึงรถยนต์คันหรูสีสันแสบตา ออกคำสั่งพร้อมกับเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับให้ ฉันอยากฉวยโอกาสนั้นหนีไป แต่เหมือนเขาจะรู้ทันความคิด ขยับมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง เบียดร่างเข้ามาจนฉันรีบถลาเข้าไปในรถ กลัวว่าถ้าขืนยังยืนอยู่แบบเดิม แผ่นอกแน่นๆของเขา จะแนบชิดติดกับร่างกายของตัวเอง
“จะพาไปไหนอะ?”
ฉันพยายามบังคับเสียงไม่ให้มันสั่น เพื่อแสดงออกว่าฉันไม่ได้กลัวอะไรเขาหรอก ทั้งที่ใจฉันเต้นดังกว่าเสียงกลองยาว
“ไปไหนงั้นเหรอ?”
ไลน์เนอร์ขึ้นมานั่งอยู่หลังพวงมาลัย ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองฉัน พร้อมความยียวนชวนฟาดหมัดลงบนใบหน้า ถ้าไม่ทำหน้ากวนส้นตีน ฉันคงมองว่าเขาหล่อไปแล้ว แต่มันติดตรงนั้นแหละ เขาทำหน้ากวนประสาทอยู่เสมอ ซึ่งคนประเภทเดียวกันกับไนท์ ฉันเกลียดที่สุดในโลกเลย
“ลืมไปเถอะว่าฉันเคยถาม”
ฉันเริ่มถอดใจในการหนี เพราะไม่มีช่องว่างให้ทำแบบนั้น ไลน์เนอร์ยังคงจ้องหน้าฉันไม่เลิก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาจ้องจนฉันมั่นใจว่าเขาเห็นความแตกต่างหมดแล้ว สายตาของเขาเล่นเอาขนอ่อนของฉัน ลุกขึ้นพร้อมกันด้วยความสามัคคี
ตึก! ตัก!
หัวใจดวงนี้ก็ขยันเต้นเหลือเกิน แล้วครั้งนี้มันเต้นต่างออกไปจากเดิมด้วย เลือดในกายสูบฉีดดีขึ้นและความร้อนก็เห่อขึ้นมาอยู่ใบหน้า ฉันเบือนหนีหลบสายตา
ให้ตายสิ! ฉันคนนี้เขินเนี่ยนะ ยี้! ขนลุก
“หน้าคล้ายกันจริงๆแหละ เป็นเธอก็คงได้มั้ง”
ในที่สุดไลน์เนอร์ก็พูดออกมา หลังจากเงียบไปเกือบห้านาที ฉันนั่งงงอยู่กับคำพูดของเขาได้เพียงไม่นาน รถยนต์ยี่ห้อดังอย่าง Jaguar F- Type 5.0 V8 สีเหลืองสด ก็ขับออกไปจากบริเวณลานจอดรถหลักของมหาวิทยาลัย
ฉันนั่งอยู่กับความสงสัยและหวาดกลัวตลอดเส้นทาง ขับมาได้ราวๆครึ่งชั่วโมง รถก็เลี้ยวเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆสตูดิโอ เมื่อรถจอดสนิทก็ได้รู้ว่ามันเป็นสตูดิโอจริงๆ และนั่งมึนได้ไม่นาน คนขับรถก็เดินอ้อมมาลากตัวฉันลงไป
“เบาๆหน่อยสิ! กลัวคนไม่รู้หรือไงว่าเป็นควายอะ!”
ฉันด่าคนที่ลากตัวฉันลงไปจากรถ เหมือนกับควายลากคันไถไปไถนา คนถูกด่ามองจ้องเหมือนจะเข้ามาขย้ำให้คอหัก หยุดฝีเท้าลงจนฉันใจชื้น แต่ก็ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้จนฉันใจเสีย แล้วก็แยกเขี้ยวใส่จนหัวใจฉันร่วงไปอยู่ตาตุ่ม
อะ! ไอ้นี่! ถนัดใช้หน้าตาข่มขวัญคู่ต่อสู้จริงๆ
“อย่าปากดีกับฉัน ถ้ายังอยากใช้ชีวิตแบบครบสามสิบสอง”
ขู่เสร็จไลน์เนอร์ก็ดึงหน้าออกไป หัวใจฉันยังอยู่ที่ตาตุ่มเหมือนเดิม ฉันผิดอะไรก่อน ฉันอยู่ของฉันดีๆไหมอะ ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยวะ มีปัญหากับไนท์ก็เคลียร์กับเขาสิ ก็รู้แล้วนี่ว่าฉันไม่ใช่ไนท์ ปล่อยฉันไปเถอะ
“ตามมาเงียบๆ อย่าทำให้ฉันโมโหมันจะดีกับตัวเธอ”
ไลน์เนอร์ขู่อีกครั้ง ฉันจำใจต้องเดินตามร่างสูงใหญ่ของเขาไป ไม่ใช่ว่าฉันยอมหรอก ฉันแค่ขัดขืนเขาไม่ได้เลยต่างหาก ยังอยากใช้ชีวิตแบบครบสามสิบสอง อะไรยอมได้ ก็ยอมๆแม่งไปเหอะ
“อุ๊ย! ดูสิว่าไลน์เนอร์ของเจ้พาใครมา น้องไนท์ เดือนบริหาร มหาลัย T ไปเปลี่ยนชุดเตรียมถ่ายแบบเลย ว่าแต่ไปลากตัวมาได้ยังไงเนี่ย เจ๊ดีใจจนจะเป็นลมแล้ว”
ผู้หญิงสวยคนนั้นทำท่าเหมือนจะเป็นลมจริงๆ และกำลังเอนร่างไปทางไลน์เนอร์ เขารับร่างของเธอไว้ จากนั้นก็ผลักออกเบาๆ เพื่อไม่ให้ดูน่าเกียจเกินไป เจ้คนสวยเหมือนได้สติ จากนั้นก็เอนตัวมาทางฉันแทน
อ๊ะ! พรึ่บ!
ฉันที่กำลังตกใจ และไม่รู้ว่าควรจะรับร่างผู้หญิงคนนั้นดีไหม ถูกไลน์เนอร์ดึงตัวไปอีกทาง เจ้คนนั้นทรงตัวยืน ทำหน้าเหลอหลาบอกบุญไม่รับ มองสำรวจฉันอีกครั้ง ก่อนจะเบ้ริมฝีปากขึ้นสูง เมื่อเห็นการแต่งกายท่อนล่างของฉันเข้า
“ไนท์เป็นผู้หญิงเหรอ?”
“ไวท์ไม่ใช่ไนท์”
ฉันแก้ความเข้าใจผิดของทุกคนที่มองจ้องฉันอยู่ ผู้หญิงคนนั้นเดินวนสำรวจรอบตัวฉัน ต่างจากคนที่พาฉันมา ไลน์เนอร์ลากสายตาสำรวจเหมือนกับที่เคยทำมาตลอด
“หน้าคล้ายกันอยู่แหละ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ผมก็สั้นด้วย ไม่น่าจะมีปัญหา”
“อืม เตรียมตัวเลยนะ”
“อือ ชุดอยู่ทางนั้นนะ”
ผู้หญิงคนนั้นเดินจากไปพร้อมสายตาผิดหวัง ส่วนฉันก็ยังมึนๆงงๆกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่เหมือนเดิม กำลังจะอ้าปากถามไลน์เนอร์ ข้อมือก็ถูกคว้าไปกำ
หมับ!
“เดี๋ยวสิ! จะไปไหนอีก?”
ฉันถามไลน์เนอร์ที่พยายามดึงฉันให้เดิน เขาหันมามองพลางทำหน้าเหมือนรำคาญ ฉันเบ้ปาก มีสิทธิ์อะไรมาทำหน้าแบบนั้นก่อน ฉันไหมที่ควรทำหน้าแบบนั้น ถูกลากมาโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแบบนี้ เดี๋ยวก็โดดงับหูขาดเลยนิ!
“สีหน้าแบบนั้นคืออะไร?”“หืม! เปล่านี่! ไม่ได้คิดอะไรเล้ย บอกได้ยังว่าลากฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?”ฉันทำหน้ายียวนมากขึ้น ไม่ได้กลัวเขาเท่าตอนแรก เพราะมีคนอยู่รอบตัวเราเยอะ ถ้าฉันถูกเขาทำอะไร น่าจะพอร้องขอความช่วยเหลือได้แหละ“ถ่ายแบบ แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไง”ดวงตาคู่นั้นของไลน์เนอร์ เหมือนกำลังด่าฉันว่าโง่อยู่เลย ฉันเลือกที่จะมองข้ามไป เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง ถ้าแค่ถ่ายแบบเฉยๆ รีบถ่ายให้มันจบดีกว่า จะได้แยกย้ายกับเขาสักที“แค่ถ่ายแบบ บอกดีๆก็ได้นะ ไม่ต้องทำแบบนี้”ฉันขืนมือออกจากข้อมือของไลน์เนอร์ เขาปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ แต่ไม่นานก็โน้มตัวลงมาใกล้ จนใบหน้าแทบจะชนกับหน้าของฉัน ซ้ำยังใช้มืออ้อมมาดันแผ่นหลัง ไม่ให้ฉันขยับหนีไปไหน“บอกดีๆแล้วจะยอมมา?”เออว่ะ! บอกดีๆฉันก็ไม่มาหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่องของฉันไง“ไม่อะ!”“ก็นั่นแหละ! ไปเปลี่ยนชุดดิ!”ไลน์เนอร์หยัดตัวขึ้นตรง ไล่ให้ฉันไปเปลี่ยนชุด ฉันเดินหน้าตึงผ่านร่างของเขาไป หยุดยืนอยู่ข้างๆราวเสื้อผ้า หันกลับไปมองเขาอย่างสงสัย ว่าชุดที่ฉันต้องใส่ถ่ายแบบนั้น มันใช่ชุดที่แขวนอยู่ในราวนี้จริงเหรอ“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงห้วน ทำเอาใจฝ่
“นั่นพี่ไนท์นี่นา กรี๊ดพี่ไนท์!”เสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่เรียนอยู่ชั้นปีต่ำกว่า ดังไปทั่วบริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างตึกเรียน ฉันก้มหน้าลงต่ำสาวเท้าเดินตามหลังผู้ชายรูปร่างสูงยาวเข่าดี ที่มีดีกรีเดือนบริหารประดับอยู่บนบ่า บ่นขมุบขมิบเมื่อพวกผู้หญิงเหล่านั้น ชี้มือมาทางผู้ชายที่ชื่อไนท์“ฉันอยากเป็นของเขาจัง”“ฉันอยากนอนอยู่ใต้ร่างกำยำนั่นสักคืน”“ฉันอยากลองที่ระเบียงกับเขา”ผู้หญิงพวกนั้นพูดออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน หรือแม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ฉันได้แต่คิดอยู่ในใจ ถ้าพวกเธอรับอารมณ์เถื่อนๆ ของไอ้ไนท์ได้ ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก กลัวแต่ร่างกายของพวกเธอจะไม่ทน ให้ไอ้คนป่าเถื่อนอย่างไนท์ขย้ำนะสิ“เห้ย! นั่นพี่ไวท์นิ! ชิบหายล่ะ!”ปฏิกิริยาของผู้หญิงพวกนั้นต่างออกไปจากเดิม เมื่อมองเลยร่างของไนท์มาเจอฉัน ซึ่งสวมหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้า ที่สำคัญคือฉันใส่แมสอยู่ด้วย ปิดขนาดนี้แล้วยังรู้ว่าเป็นฉัน ฉันที่ไม่อยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ รีบหลบเข้าไปอยู่หลังไนท์ที่รูปร่างใหญ่กว่า“ฉันอยากได้พี่ไวท์อะ!”ฉันขนลุก เมื่อรุ่นน้องปีหนึ่งหน้าตาสวยหยด พูดขึ้นและส่งสายตาเหมือนอยากจะได้ฉันจ
“ไวท์! มึงหนีมาก่อนได้ไง! รู้ไหมว่าไอ้นั่นแม่งเกือบต่อยกู!”ไนท์พูดพลางใช้ร่างกายของเขาเบียดร่างผู้ชายคนนั้นกระเด็น ทิ้งตัวลงเมื่อเก้าอี้ตัวนั่นว่างเปล่า ฉันยกยิ้มที่เขาทำในสิ่งที่ฉันต้องการพอดี แต่ต้องหุบยิ้มฉับ เมื่อแฝดสยองของฉันจ้องมองนิ่งด้วยความที่เป็นแฝดกัน ฉันรู้ว่าการทำแบบนั้นของไนท์ มันหมายความว่าเขากำลังงอน“หน้าตาของแกยังดีอยู่นี่ไนท์ ไม่เห็นมีรอยหมัดเลย” ฉันยกมือขึ้นจับใบหน้าหล่อเหลา พลิกไปทางซ้าย จากนั้นก็พลิกมาทางขวา ไม่มีรอยช้ำอย่างที่ควรจะเป็นเอ๊ะ! นี่ฉันกำลังสนับสนุนให้น้องชายตัวเองโดนต่อยใช่ไหม “ก็ … นั่นแหละไนท์ หน้าหล่อๆของแก ยังปกติดี”ไนท์ยังคงจ้องฉันไม่เลิก เหมือนพยายามเข้ามาให้ถึงสิ่งที่ฉันคิด ฉันถึงกับหน้าถอดสี มันเกิดขึ้นบ่อยมากๆ ที่ไนท์อ่านความคิดฉันออกทั้งที่เขาเพียงแค่จ้องแบบนี้“เห้อ! เออ! หน้ากูยังปกติดี แต่มึงระวังตัวไว้เลยนะ อย่าให้ไลน์เนอร์เจอตัวเด็ดขาด”ไนท์ถอนหายใจยืดยาว เหมือนเขาจะพูดบางอย่าง แต่ก็เลือกที่จะไม่พูด ฉันไม่ถือสาที่น้องชายขึ้นมึงกูใส่ เพราะเขาพูดจาหมาไม่รับประทานกับฉันมาตั้งแต่เริ่มขึ้นมอปลาย แต่ไอ้เรื่องที่เขาเตือนให้ฉันระวังตัวจา
“สีหน้าแบบนั้นคืออะไร?”“หืม! เปล่านี่! ไม่ได้คิดอะไรเล้ย บอกได้ยังว่าลากฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?”ฉันทำหน้ายียวนมากขึ้น ไม่ได้กลัวเขาเท่าตอนแรก เพราะมีคนอยู่รอบตัวเราเยอะ ถ้าฉันถูกเขาทำอะไร น่าจะพอร้องขอความช่วยเหลือได้แหละ“ถ่ายแบบ แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไง”ดวงตาคู่นั้นของไลน์เนอร์ เหมือนกำลังด่าฉันว่าโง่อยู่เลย ฉันเลือกที่จะมองข้ามไป เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง ถ้าแค่ถ่ายแบบเฉยๆ รีบถ่ายให้มันจบดีกว่า จะได้แยกย้ายกับเขาสักที“แค่ถ่ายแบบ บอกดีๆก็ได้นะ ไม่ต้องทำแบบนี้”ฉันขืนมือออกจากข้อมือของไลน์เนอร์ เขาปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ แต่ไม่นานก็โน้มตัวลงมาใกล้ จนใบหน้าแทบจะชนกับหน้าของฉัน ซ้ำยังใช้มืออ้อมมาดันแผ่นหลัง ไม่ให้ฉันขยับหนีไปไหน“บอกดีๆแล้วจะยอมมา?”เออว่ะ! บอกดีๆฉันก็ไม่มาหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่องของฉันไง“ไม่อะ!”“ก็นั่นแหละ! ไปเปลี่ยนชุดดิ!”ไลน์เนอร์หยัดตัวขึ้นตรง ไล่ให้ฉันไปเปลี่ยนชุด ฉันเดินหน้าตึงผ่านร่างของเขาไป หยุดยืนอยู่ข้างๆราวเสื้อผ้า หันกลับไปมองเขาอย่างสงสัย ว่าชุดที่ฉันต้องใส่ถ่ายแบบนั้น มันใช่ชุดที่แขวนอยู่ในราวนี้จริงเหรอ“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงห้วน ทำเอาใจฝ่
“เห้อ! ไม่ต้องบอกก็จะไป! จบนะ!” ฉันหมุนตัวกลับไป เดินหนีไลน์เนอร์ราวกับหนีเจ้าหนี้สุดโหด ยังเดินไม่ถึงไหนน้ำเสียงเยือกเย็นกว่าที่ได้ยิน ก็ดังอยู่ข้างหู“มึงไปกับกูหน่อยสิ ไวท์!”ข้อมือใหญ่เหมือนกรงเหล็ก รวบเอาข้อมือข้างซ้ายของฉันไปกำไว ร่างกำยำน่าอิจฉาลากฉันไปตามทางเดินเชื่อมระหว่างตึกคณะ ฉันขืนตัวไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่แรงผู้หญิงมันสู้แรงผู้ชายได้ที่ไหน เมื่อสู้ด้วยแรงไม่ได้ ฉันก็ตัดสินใจที่จะใช้ปากสู้ ไม่กลัวว่านั่นอาจจะทำให้เส้นด้ายชีวิตของตัวเองขาดสะบั้นลง“ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย!”ฉันไม่สนว่ากำลังถูกใครลากไป ไม่สนแม้จะรู้ถึงความน่ากลัวของไลน์เนอร์ ผ่านทางข่าวลือที่ใครหลายๆคนพูดผ่านหู ในพื้นที่ที่มีคนอยู่เยอะแบบนี้ เขายังกล้าทำแบบนี้กับฉัน ถ้าหากปล่อยให้เขาลากไปในที่ลับตาคน ฉันอาจจะถูกเขากระทืบตาย เพราะคิดว่าฉันเป็นไนท์เดี๋ยวสิ ไม่นี่ เมื่อกี้เขาเรียกฉันไวท์นี่นา ได้ยินชัดเต็มสองหูเลย“นี่! เดี๋ยวก่อน นายรู้ว่าฉันไม่ใช่ไนท์นี่ ปล่อยสิ ปล่อยสิเว้ย” ฉันตั้งใจว่าจะคุยกับไลน์เนอร์ดีๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือแววตาที่ชวนให้หงุดหงิด และแรงลากที่มากกว่าเดิม ฉันแทบจะปลิวไปตามแรงของเขา
“ไวท์! มึงหนีมาก่อนได้ไง! รู้ไหมว่าไอ้นั่นแม่งเกือบต่อยกู!”ไนท์พูดพลางใช้ร่างกายของเขาเบียดร่างผู้ชายคนนั้นกระเด็น ทิ้งตัวลงเมื่อเก้าอี้ตัวนั่นว่างเปล่า ฉันยกยิ้มที่เขาทำในสิ่งที่ฉันต้องการพอดี แต่ต้องหุบยิ้มฉับ เมื่อแฝดสยองของฉันจ้องมองนิ่งด้วยความที่เป็นแฝดกัน ฉันรู้ว่าการทำแบบนั้นของไนท์ มันหมายความว่าเขากำลังงอน“หน้าตาของแกยังดีอยู่นี่ไนท์ ไม่เห็นมีรอยหมัดเลย” ฉันยกมือขึ้นจับใบหน้าหล่อเหลา พลิกไปทางซ้าย จากนั้นก็พลิกมาทางขวา ไม่มีรอยช้ำอย่างที่ควรจะเป็นเอ๊ะ! นี่ฉันกำลังสนับสนุนให้น้องชายตัวเองโดนต่อยใช่ไหม “ก็ … นั่นแหละไนท์ หน้าหล่อๆของแก ยังปกติดี”ไนท์ยังคงจ้องฉันไม่เลิก เหมือนพยายามเข้ามาให้ถึงสิ่งที่ฉันคิด ฉันถึงกับหน้าถอดสี มันเกิดขึ้นบ่อยมากๆ ที่ไนท์อ่านความคิดฉันออกทั้งที่เขาเพียงแค่จ้องแบบนี้“เห้อ! เออ! หน้ากูยังปกติดี แต่มึงระวังตัวไว้เลยนะ อย่าให้ไลน์เนอร์เจอตัวเด็ดขาด”ไนท์ถอนหายใจยืดยาว เหมือนเขาจะพูดบางอย่าง แต่ก็เลือกที่จะไม่พูด ฉันไม่ถือสาที่น้องชายขึ้นมึงกูใส่ เพราะเขาพูดจาหมาไม่รับประทานกับฉันมาตั้งแต่เริ่มขึ้นมอปลาย แต่ไอ้เรื่องที่เขาเตือนให้ฉันระวังตัวจา
“นั่นพี่ไนท์นี่นา กรี๊ดพี่ไนท์!”เสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่เรียนอยู่ชั้นปีต่ำกว่า ดังไปทั่วบริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างตึกเรียน ฉันก้มหน้าลงต่ำสาวเท้าเดินตามหลังผู้ชายรูปร่างสูงยาวเข่าดี ที่มีดีกรีเดือนบริหารประดับอยู่บนบ่า บ่นขมุบขมิบเมื่อพวกผู้หญิงเหล่านั้น ชี้มือมาทางผู้ชายที่ชื่อไนท์“ฉันอยากเป็นของเขาจัง”“ฉันอยากนอนอยู่ใต้ร่างกำยำนั่นสักคืน”“ฉันอยากลองที่ระเบียงกับเขา”ผู้หญิงพวกนั้นพูดออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน หรือแม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ฉันได้แต่คิดอยู่ในใจ ถ้าพวกเธอรับอารมณ์เถื่อนๆ ของไอ้ไนท์ได้ ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก กลัวแต่ร่างกายของพวกเธอจะไม่ทน ให้ไอ้คนป่าเถื่อนอย่างไนท์ขย้ำนะสิ“เห้ย! นั่นพี่ไวท์นิ! ชิบหายล่ะ!”ปฏิกิริยาของผู้หญิงพวกนั้นต่างออกไปจากเดิม เมื่อมองเลยร่างของไนท์มาเจอฉัน ซึ่งสวมหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้า ที่สำคัญคือฉันใส่แมสอยู่ด้วย ปิดขนาดนี้แล้วยังรู้ว่าเป็นฉัน ฉันที่ไม่อยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ รีบหลบเข้าไปอยู่หลังไนท์ที่รูปร่างใหญ่กว่า“ฉันอยากได้พี่ไวท์อะ!”ฉันขนลุก เมื่อรุ่นน้องปีหนึ่งหน้าตาสวยหยด พูดขึ้นและส่งสายตาเหมือนอยากจะได้ฉันจ