“กรี๊ด! น่าเกลียดที่สุดเลย!”
ฉันกรีดร้องสุดเสียงและพูดออกมา เมื่อเผลอจินตนาการไปถึงส่วนที่ไม่ควรเห็นของไลน์เนอร์ คนที่คร่อมฉันอยู่ทำหน้าเหลอหลาเพราะความงง ส่วนคนอื่นๆทำหน้าตึง เพราะฉันทำให้การถ่ายแบบต้องหยุดชะงัก
“คือ ขอโทษค่ะ พอดี ไลน์เนอร์เขาจ้องหน้าอกฉัน”
ฉันโยนความผิดไปให้ไลน์เนอร์ เขามองฉันเหมือนอยากจะฆ่า จากนั้นก็ลากสายตาไปจ้องหน้าอกของฉันจริงๆ ฉันยกมือขึ้นหวังใช้มันดันใบหน้าเขาให้หันไปทางอื่น เขาจับมือข้างนั้นไว้ จับดันขึ้นไปกดทับอยู่เหนือศรีษะ
“ทำดีมากไลน์เนอร์ ท่านี้ให้ความรู้สึกดีมาก เจ้เสียวท้องน้อยเลยอะ”
ไม่ใช่แค่เจ้คนนั้นที่เสียว ฉันเองก็รู้สึกเสียววาบตามท้องน้อย บิดม้วนอยู่สักพักก็เริ่มลามไปส่วนที่ต่ำลงไป น้ำหวานที่ร่างกายไม่เคยขับออกมา ถูกขับออกมาช้าๆพอให้รู้สึกถึงมันได้
อะไรกัน ความรู้สึกวูบวาบนี้ มันคืออะไรกันแน่
“ทำหน้าแบบนั้น เธอก็เสียวหรือไง?”
“ไม่ใช่สักหน่อย ฉันแค่ … รังเกียจที่โดนคนแบบนายสัมผัส”
ฉันโกหกออกไป และพูดสิ่งที่มันตรงกันข้ามกับความรู้สึกในตอนนี้ ยึดเอาความรู้สึกแรกมาพูด ฉันเกลียดคนที่บังคับฝืนใจฉัน เกลียดพวกที่ใช้กำลังมากกว่าสมอง
“ตอนนี้มึงอาจจะรังเกียจ แต่อีกไม่นานมึงจะเรียกร้องสัมผัสจากกู”
ไลน์เนอร์พูดประโยคแปลกๆ และมันเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับฉัน เขาไม่พูดอะไรอีกเลย การถ่ายทำก็ไม่ได้แย่ เพียงแต่เราไม่ได้แนบชิดกันเหมือนตอนแรก เจ้คนนั้นทำหน้าเหมือนไม่พอใจ แต่พอเจอสีหน้าของไลน์เนอร์เข้าไป ไม่พอใจก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
“เดี๋ยวเจ้ส่งรูปไปให้ทีหลังนะ”
“อืม ไม่ต้องส่งก็ได้”
“ไม่ได้หรอกๆ เอาไว้เป็นที่ระลึกไง อะนี่จ๊ะ ค่าตัวของเรา ถ้าสนใจถ่ายอีก มาหาเจ้ที่สตูดิโอนี้ได้ทุกเวลาเลย”
เจ้คนสวยพูดกับไลน์เนอร์จบ ก็หันมายัดเงินใส่มือฉัน พร้อมกับบอกเล่าสิ่งที่ต้องการ ส่วนฉันไม่ฟังเพราะมัวแต่นับเงินในมือ ถ่ายแบบแค่ไม่นานได้เงินห้าพัน ถือว่าไม่เลวเลยแฮะ
“ได้สิคะ”
“ไม่ต้อง!”
“เอ๊ะ! มันเรื่องของฉันไหม!”
“อยากตายก็ลองมาถ่ายดูสิ กูจะเผาที่นี่ด้วย”
ไอ้บรรลัยเอ้ย! ขู่จนเจ้แกหน้าซีดหมดแล้ว ซึ่งฉันก็ไม่ต่างกัน แต่งงว่ามันจะฆ่าฉันทำไม ฉันนึกว่าเคลียร์เรื่องเข้าใจผิดได้แล้วซะอีก ยังอีกเหรอ ยังมีเรื่องอะไรให้เขาโกรธเกลียดไนท์เหลืออยู่ใช่ไหม
“ฉันไม่ใช่ไนท์นะ เผื่อลืม”
“ถ้าอยากถ่ายมาก ก็เตรียมซื้อโลงไว้เลย”
“ไอ้ประสาทเอ้ย! ปวดหัวโว้ย!”
ฉันเดินหัวเสียไปทางห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนกลับไปใส่ชุดเดิม กำลังจะแกะกระดุมเสื้อ ไลน์เนอร์ก็เปิดประตูเข้ามา เขาเดินมาทางฉัน ฉันจึงเดินหนีไปยืนอยู่อีกมุม กระชากเสื้อที่ใส่อยู่จนกระดุมมันขาด จากนั้นก็โยนมันฟาดใส่หน้าเจ้าของ
“เอาคืนไปเลยไอ้ประสาทกลับ!”
“อย่าให้กูเป็นจริงๆนะไวท์”
“เออ! เป็นจริงๆไปเลย เป็นมาก็เป็นกลับ มาดูสิว่าแกกับฉัน ใครจะเป็นโรคประสาทได้มากกว่ากัน!”
ฉันเดินมาคว้าเสื้อของตัวเองที่กองอยู่ใกล้ๆไลน์เนอร์ อย่างไม่อายว่าตัวเองจะสวมเพียงบราเซียปิดท่อนบน สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ทับร่าง จากนั้นก็ฟาดเสื้อนักศึกษาของตัวเองใส่หน้าเขาอีกที เดินหนีมาทั้งอย่างนั้น สาวเท้าให้เร็วที่สุดอย่างกลัวว่าเขาจะตามมาทัน
หมับ!
“กรี๊ด! ปล่อยนะไอ้บ้า!”
“ตามมา! จะไปส่ง!”
“ไม่! ไปตายที่ไหนก็ไป กรี๊ด! ไลน์เนอร์! ปล่อยกูลงเดี๋ยวนี้!”
ฉันดิ้นขลุกขลักอยู่บนบ่ากว้าง กรีดร้องด่าทอคนที่กำลังก้าวเดินออกไปด้านนอกอาคาร มือใหญ่ทำสิ่งที่ส่งผลให้ฉันน้ำตาซึม ฟาดลงมาบนบั้นท้ายสามที จากนั้นริมฝีปากแสนร้ายกาจก็หันมากัดบริเวณต้นขา
“อึก! อื้อ!”
“ถ้าปากดีใส่กูอีก กูจะกัดให้เนื้อแม่งหลุดติดฟันออกมาเลย”
“ฮึก! ทำไมทำกับกูแบบนี้ กูไปทำอะไรให้มึงวะ”
ฉันไม่พูดดีกับเขา เพราะสิ่งที่เขาทำกับฉันมันไม่สมควรได้รับ ไลน์เนอร์ไม่ตอบ เร่งฝีเท้าให้ยาวและเร็วขึ้น ไม่นานฉันก็มองเห็นรถสีสันแสบตา ไลน์เนอร์วางฉันลงจนเกือบเรียกได้ว่าทุ่ม ใช้สายตาข่มขู่จนฉันต้องยอมแพ้ เปิดประตูรถออกแล้วขึ้นไปนั่ง ระบายความเกลียดชังออกไปผ่านการปิดประตู
ปึ่ง!!
ปึ่ง!!!!!
ไลน์เนอร์โชว์เหนือด้วยการปิดมันได้ดังกว่า และทำตัวน่าเกลียดมากขึ้น ด้วยการกระชากเกียร์รถและเหยียบคันเร่ง ถ้ารีบเร่งจะไปลงนรก ก็ควรไปคนเดียวไหม จะพาฉันไปด้วยทำไม ฉันยังอยากใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว
“…!”
“…”
ไลน์เนอร์ส่งรังสีความอำมหิตมาให้ ผ่านดวงตาสีเทาเข้มจนเกือบดำ ฉันเหนื่อยที่จะพูดโต้ตอบกับเขา จึงเลือกเงียบเป็นการโต้กลับ ทำตัวเหมือนนั่งอยู่ในรถคนเดียว ไลน์เนอร์ก็เป็นได้แค่อากาศ
อากาศบริสุทธิ์ที่น่าดูดเข้าปอด
กรี๊ด!บรรยากาศของเมืองหลวงตอนกลางคืน แสงไฟสีเหลืองขาวที่สลับสับเปลี่ยนบนท้องถนน มันส่องกระทบเข้ามาในรถ ทำให้ผู้ชายที่ไม่ค่อยตั้งใจขับรถคนนั้น ดูลึกลับและดึงดูด ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงฮอตนัก เสน่ห์ของเขาเลื่องลือไปทั่วมหาวิทยาลัย เป็นผู้ชายสุดโหด ที่ผู้หญิงทั้งมหาวิทยาลัยโหวต ว่าเหมาะกับตำแหน่งสามีของพวกหล่อน รองลงมาจากพี่อาเธอร์ วิศวะโยธาชั้นปีที่ 4เห้อ! เป็นที่น่าเสียดายสำหรับฉัน พี่อาเธอร์คนนั้น นิสัยเลวร้ายยิ่งกว่าไลน์เนอร์ซะอีก ฉันเคยชื่นชมเขาอยู่พักใหญ่ พอได้รู้ว่าเขามองฉันเป็นอะไร ฉันก็ไม่ปลื้มเขาอีกเลย“ถึงแล้ว!”สงสัยฉันชื่นชมความหล่อของไลน์เนอร์นานไปหน่อย มันใช่ที่ไหนเล่า! เพราะฉันเอาแต่นึกถึงสมัยที่ตัวเองชื่นชมพี่อาเธอร์ กับบรรยากาศที่มันชวนหลงใหลมากเกินไป รู้สึกตัวอีกทีไลน์เนอร์ก็บอกว่าถึงแล้ว และเขาขับรถมาถึงบ้านของฉันจริงๆ ทั้งที่ฉันยังไม่ได้บอกเขาเลยว่าบ้านฉันอยู่ที่ไหน“ลงไป!”ไลน์เนอร์ไม่ปล่อยให้ความสงสัยของฉันทำงานเลย เอ่ยปากไล่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา บวกกับใบหน้าที่พร้อมวิ่งเข้าไปบวก ฉันที่ไม่อยากเสียสุขภาพจิตอยู่ข้างๆคนแบบเขา เอื้อมมือไปคว้าที่จับประตู กำลังจะผลักมันออ
“ถ้ามันทำอะไรแปลกๆ มาบอกพี่”ดวงตาสีเทาอ่อนที่ฉายแต่ความน่ากลัวออกมา ในตอนนี้ฉันเห็นว่ามันอบอุ่นและอ่อนโยนลง ดวงตาของเขามักจะเป็นแบบนี้เสมอ หลังจากที่ฉันตีตัวออกห่างจากกลุ่มที่เขาดูแลอยู่ พี่อาเธอร์ไม่เหมือนเดิมเลย ฉันก็ไม่ต่างกัน ตอนนี้เรากลายเป็นเพียงแค่คนที่เคยอยู่กลุ่มเดียวกัน ความรู้สึกชอบที่มีให้เขานั้น มันเป็นแค่อดีตที่ฉันอยากลืม“ฉันออกมาจากกลุ่มนานแล้ว การที่พี่โผล่มาที่นี่ มันทำให้ฉันใช้ชีวิตลำบากขึ้น อย่ามาหาฉันอีกเลย ฉันไม่ใช่ไวท์คนเดิมแล้วนะ”ฉันยืดตัวขึ้นจากเก้าอี้ ขยับไปด้านข้างเอื้อมไปคว้ากระเป๋ามาสะพาย ตั้งใจเดินผ่านพี่อาเธอร์ไปเงียบๆ แต่เขาไม่ยอมให้ฉันทำแบบนั้น มือใหญ่เอื้อมมากำท่อนแขน ดึงเข้าหาตัวช้าๆ ลดใบหน้าต่ำลงอย่างรวดเร็ว“ปล่อยนะ!”“ยังโกรธพี่เรื่องนั้นอยู่เหรอ?”“ไวท์ไม่โกรธหรอก พี่ไม่ผิดอะไรเลย และพี่ก็ไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่น ไวท์เข้าใจ ใครๆก็คงมองไวท์เหมือนที่พี่มองนั่นแหละ”ฉันยิ้ม ประโยคพวกนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดของฉัน ประชดประชัน น้อยเนื้อต่ำใจ เขาเป็นคนแรกที่ฉันนึกว่ามันจะต่าง แต่ก็ไม่ เขาไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นเลย มองฉันที่รูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งม
“อยากให้เลิกเสือกไหม?”เหมือนจะเห็นรอยยิ้มหยักสวยจากกลีบปากคล้ำ มากกว่าได้ยินประโยคชวนวูบไหวจากเขา ฉันผละถอยหลัง รู้สึกแปลกและร้อนวูบเพราะรอยยิ้มของไลน์เนอร์“ก็ต้องอยากสิ ช่วยปล่อยให้ฉันใช้ชีวิตเงียบๆเหมือนเดิมได้ไหม การที่นายมาวุ่นวายกับฉันหลังจากที่รู้แล้วว่าฉันไม่ใช่ไนท์ มันทำให้ฉันลำบากนะ”เพราะรอยยิ้มนั้นของไลน์เนอร์ กับใบหน้าที่ดูอ่อนโยนลงกว่าที่เคยเห็น ฉันจึงลองคุยกับเขาดีๆ“ทำไม?”“ไม่ต้องรู้หรอกว่าทำไม ฉันมีเหตุผลก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นปล่อยฉันไปเถอะ”“ …”“ …?”ดวงตาสีเข้มของไลน์เนอร์ เปลี่ยนไปจนฉันใจสั่น ‘ เสียดาย’ และ ‘เสียใจ’ไม่รู้ฉันเพี้ยนไปหรือเปล่า ถึงรู้สึกว่าดวงตาของเขาแสดงความรู้สึกแบบนั้นออกมา“ขะ ขอบคุณที่เข้าใจนะ”ฉันก้าวเดินออกมาด้วยความรวดเร็ว หัวใจเต้นเร็วจนผิดปกติ ไม่อยากคิดอะไร ไม่อยากให้ภาพของไลน์เนอร์ฝังอยู่ในหัวเหมือนสองวันที่ผ่านมา จึงสลัดทุกอย่างเกี่ยวกับเขาทิ้งไป คงไม่มีโอกาสให้เจอกันอีกแล้ว ฉันต้องดีใจ และกลับไปใช้ชีวิตปกติชีวิตที่หลบๆซ่อนๆ เหมือนเป็นเพียงแค่เงา18 : 45 น.เรื่องราวของผู้ชายชื่อไลน์เนอร์ ยังคงรบกวนฉันอยู่เหมือนเดิม ฉันนอนคิดเรื่องข
20 : 05 น.ฉันมาถึงช้ากว่าเวลานัดจริงๆ ทั้งที่สนามแข่งกับบ้านอยู่ห่างกันไม่ถึงสองกิโลเมตร เมื่อจ่ายเงินพี่วินเสร็จแล้ว ฉันก็รีบล้วงหาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมา ต้องใช้มันเป็นใบผ่านทาง และใช้มันบอกข้าวหอมด้วยว่ามาถึงแล้วปึ่ก!“ขอโทษครับคนสวย เป็นอะไรหรือเปล่า?”เพราะมัวแต่ก้มมองโทรศัพท์จนไม่ได้มองทาง ฉันถูกใครสักคนชน และเป็นเขาที่ช่วยพยุงไว้ แต่ใบหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยกับน้ำเสียงตอนถาม มันทำให้ฉันฉุนกึกเขาตั้งใจชนฉันหรือเปล่าวะ? ฉันว่าใช่แหละ แม่ง! ต่อยสักทีดีไหม!“เป็น!”ในขณะที่ฉันกำลังคิดว่าจะต่อยคนที่พยุงตัวอยู่ดีไหม เสียงเข้มๆก็ดังขึ้นด้านหลัง และไม่นานร่างของฉันก็ลอยหวือไปตามแรงดึง หลุดออกจากอ้อมแขนของผู้ชายคนหนึ่ง ไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายอีกคน“พี่ พี่อาเธอร์!”ผู้ชายคนนั้นเสียงสั่น ชื่อที่ได้ยินจากเขาคนนั้น ทำให้ฉันรีบเงยหน้าขึ้นจากอก เป็นพี่อาเธอร์จริงๆ ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชากำลังมีรอยยิ้มเล็กๆข้างมุมปาก ฉันขืนตัวออก แต่เหมือนอ้อมกอดนั้นจะแน่นขึ้นกว่าเดิม“ขอ ขอโทษครับพี่! ผม ผมไม่รู้ว่าเป็นเด็กพี่”เด็กพี่? เด็กใครนะ?ฉันไม่พอใจที่ถูกมองว่าเป็นเด็กของพี่อาเธอร์ จึงใช้มือหยิกเขาเพื่อท
“อุ๊ย! นั่นมันยัยคู่ขวัญกับยัยกุ้งเน่านี่นา”เพียงแค่เดินไปถึงโซนที่นั่งวีไอพี เสียงสัมภเวสีก็เสียดแทงแก้วหูปรี๊ดๆ คนพูดคือลูกหนู ลูกสาวของนักการเมืองท้องถิ่นจังหวัดใกล้เคียงของกรุงเทพ ยัยนี่ไม่ถูกกับฉัน ไม่รู้เหมือนกันว่าไปทำอะไรให้นางโกรธ เจอกันทีไรนางพูดจิกฉันก่อนทุกที ซึ่งฉันไม่ปล่อยให้นางพูดฝ่ายเดียวอยู่แล้ว“หวัดดียัยหนูเน่า วันนี้ก็หนีขึ้นมาจากท่อน้ำเสียอีกแล้วสินะ กลิ่นเหม็นหึ่งโชยมาถึงนี่เชียว”ฉันทิ้งตัวลงบนเก้าอี้สนามโดยมีข้าวหอมนั่งลงข้างๆ ไม่มองไปทางลูกหนู แต่เหลือบตาไปมองปฏิกิริยาของนางแทน ให้ท่าทางนั้นไปกระตุ้นต่อมโกรธของนางเพิ่ม“แก! อีกุ้งเน่า อีปากดี!”“ขอบใจที่ชมนะจ๊ะอีหนูเน่า หนูท่อ หนูตกบ่อขยะ”ฉันหยิบแก้วเหล้าจากถาดใส ที่บริกรของสนามแข่งยกมาเสริฟ ยื่นให้ข้าวหอมไปก่อน ค่อยหยิบของตัวเองมาทีหลัง ที่นี่บริการดีทุกอย่าง โดยเฉพาะลูกค้าระดับวีไอพีที่จ่ายเงินเพิ่ม เครื่องดื่มทุกชนิดเติมได้ไม่อั้น มีบริกรคอยดูแลเสริฟของให้ ไม่ต้องเดินไปหาซื้อเองในร้านค้าของสนาม“อุ๊ย! ไลน์เนอร์ก็มาเหมือนกันนี่!”เสียงเรียกชื่อของไลน์เนอร์เป็นเสียงของยัยลูกหนู ฉันทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็แอบเหลื
พรึ่บ!“!…?”“?”“ที่นั่งมีตั้งเยอะ ทำไมไม่ไปนั่งที่อื่น?”“ตรงนี้ใกล้ลูกหนูดี”“เก้าอี้ข้างนั้นก็ว่างป่ะ ไปนั่งสิ!”“อยากนั่งตรงนี้ มีปัญหาอะไรไหม?”คิ้วข้างขวายกขึ้นสูง ทำหน้ากวนส้นแบบนี้คิดว่าหล่อมากหรือไงเออ! หล่อค่ะ ใบหน้ายียวนของไลน์เนอร์ดูดีมาก ยิ่งติดรอยยิ้มนิดๆข้างมุมปากแบบนั้น ยิ่งดึงดูดสายตาผู้คน ยัยลูกหนูจ้องเขาตาขวาง เผื่อแผ่มาทางฉันด้วย เพิ่มเติมคือสายตาอาฆาต“ไม่มี!”ฉันตอบเสียงกระชาก ยกแก้วเหล้าขึ้นดับอาการแปลกๆที่เพิ่งจะเคยเกิดขึ้นกับตัวเอง ฉันไม่เคยรู้สึกอิจฉา หรืออยากเอาชนะผู้หญิงคนไหนเลยสักครั้ง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากเอาชนะยัยลูกหนู และเป็นครั้งแรกที่อยากจะเอาชนะไลน์เนอร์ด้วย อยากทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั่นเหยเกดูสักครั้ง“พี่! เดี๋ยวฉันมานะคะ”ข้าวหอมคุยกับฉันเสร็จก็รีบร้อนลุกขึ้นยืน เดินออกไปทางสนามแข่ง ที่เริ่มมีรถขับมาจอดเรียงราย ฉันมองตามเธอไปอย่างอยากรู้ ว่าทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น เมื่อเห็นผู้หญิงตัวเล็กน่าทะนุถนอม หยุดฝีเท้าลงตรงหน้าพี่อาเธอร์ มุมปากฉันก็ยกขึ้นสูงสู้เขานะข้าวหอม!“ไม่ไปเหรอ?”คนข้างๆพูดขึ้น เสียงดังอยู่ใกล้ๆหูจนไม่กล้าหันไปมอง ได้แต่เอียง
“นี่! ทำ! ทำอะไรเนี่ย!”“หึ! เธอไม่ได้ชอบพี่อาเธอร์ใช่ไหม?”“ถะ ถามทำไม?”“ถ้าเธอชอบเขา เตรียมตัวชิบหายได้เลย”ดวงตาคนพูดน่ากลัวมาก เป็นครั้งแรกที่เห็นความน่ากลัวขนาดนี้ในดวงตาเขา ไลน์เนอร์ปล่อยมือออกจากผมของฉัน ใบหน้ากวนๆที่เห็นก่อนหน้านั้น รู้สึกว่ามันดูดีกว่าใบหน้าตอนนี้เยอะเลยนี่สินะความน่ากลัวของจริง“อย่าเข้าไปยุ่งกับพี่อาเธอร์อีก ฉันเตือนเพราะหวังดีนะไวท์”เหมือนเขาจะหวังดีจริงๆ เพราะแววตาห่วงใยที่เหลือบมามอง ฉันยังคงยืนนิ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเตือนฉัน เขากับพี่อาเธอร์มีปัญหาอะไรกัน แล้วมันร้ายแรงถึงขั้นไหน“ทำไม?”ต่อมเผือกทำงานแบบไม่รู้เวล่ำเวลา และไม่ดูสีหน้าคู่สนทนาด้วย คิ้วเรียงสวยมุ่นเข้ามาใกล้กัน คนตัวสูงกว่าร้อยเก้าสิบขยับก้าวเข้ามา ฉันถอยหลังช้าๆ ตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด“ไม่ต้องเสือกเลย ฟังที่เตือนก็พอ”“อะ! ไอ้นี่!”“ฟังนะไวท์ เธอต้องฟังนะ”ดวงตาของไลน์เนอร์ดูแปลกไป จากที่อ่านความรู้สึกยากอยู่แล้ว ตอนนี้ยากกว่าเดินมาก เดี๋ยวก็ดูโกรธ แป๊บๆก็ฉายความใจดี บางทีก็รู้สึกอบอุ่น หลายอารมณ์จนเลือกไม่ถูกว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่“อือ”“ดีมาก”มือใหญ่วางลงบนศรีษะของฉัน ขย
‘เหมือน ฉันจะชอบ เธอเลย เสียดายชีวิต ขึ้นมา เลยแฮะ’‘นี่! พูดอะไรของนาย’ปึ่ง!ฉันกับเขาสะดุ้ง มองไปที่ประตูห้องด้วยความหวาดกลัว ชายชุดดำเดินมากระชากแขนฉัน ใบหน้าของเขาดูดีมาก แล้วก็น่ากลัวมากๆเหมือนกัน‘ใครส่งหนูมาที่นี่?’‘หนู! หนูแค่หลงทาง’‘ช่างโชคร้ายเหลือเกินนะ เสียดายที่เด็กหน้าตาสวยอย่างหนู จะหยุดโตแต่แค่เพียงเท่านี้ เอาไปจัดการซะ! อย่าให้ศพโผล่มาแฉตัวพวกมึงได้ล่ะ!’‘ไม่นะ! ปล่อย!’‘ไม่นะ! ปล่อยเธอ’เสียงของฉันกับเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ฉันถูกชายตัวโตลากออกจากห้อง ดิ้นรนมากเท่าไหร่ก็เหนื่อยเปล่า เขาลากฉันด้วยการดึงเส้นผม ลากไปตามทางเดินทอดยาวที่ฉันเคยชื่นชมว่าหรูหรา เมื่อลากมาถึงส่วนหลังของบ้าน ตรงหน้าฉันก็ปรากฏร่างเด็กผู้ชายคนหนึ่ง‘ปล่อยเธอ!’น้ำเสียงทรงอำนาจ และคนที่จับฉันอยู่ปล่อยมือทันที เด็กที่ดูโตกว่าฉันนิดหน่อยเดินมาจับมือฉัน เขาออกแรงดึงเพียงนิดเดียว ฉันก็ก้าวเดินตาม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะพาไปไหน ไม่รู้ว่าประโยคที่เขาพูดออกมา พอจะเชื่อถือได้หรือเปล่า‘ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ แล้วหลบซ่อนตัวดีๆนะ’เขาบอกเมื่อพาฉันเดินมาจนถึงประตูหลังเล็กๆ ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ
อึก! อึก!ความหอมหวานของเหล้าผสมทำให้ฉันดื่มมันเกือบหมดแก้ว บาร์เทนเดอร์หนุ่มยิ้มมุมปาก วางแผ่นเมนูไว้ตรงหน้า ฉันหยิบมันขึ้นมาเพื่อดูว่าจะสั่งอะไรต่อ แต่ดูไปก็เท่านั้น ฉันเลือกถามมันกับเขา ว่าอะไรอร่อย และเหมาะกับฉันที่สุด“คุณคิดว่าอะไรอร่อย แล้วเหมาะกับฉัน?”คิ้วสีดำเข้มเลิกขึ้นสูง เขาไล่สายตาสำรวจฉันอย่างจริงจัง สายตาวาบหวามแบบนั้น ทำเอาหน้าร้อนวูบขึ้นมา คิดถึงสายตาของไลน์เนอร์ขึ้นมาเฉยเลย วันที่เขาลากฉันไปถ่ายแบบ เขาก็มองฉันด้วยสายตาแบบนี้เลย มันหมายความว่ายังไงนะ สนใจ หรือ …“มอง … มองแบบนั้นหมายความว่ายังไง?”มุมปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้าง มือที่เห็นรอยสักโผล่พ้นจากร่มผ้า วางลงตรงหน้าฉัน เขายื่นหน้าเข้ามาเอียงไปด้านข้าง กระซิบข้างหูเสียงพร่า“เพราะสนใจไงครับ”“สนใจ … งั้นเหรอ”“อื้อ คุณสวยนี่นา ก็ต้องสนใจอยู่แล้วแหละ”เขาถอยออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง ประโยคนั้นควรจะทำให้ฉันดีใจ แต่มันกลับทำให้รู้สึกแย่มากกว่า ไลน์เนอร์เองก็คิดแบบนี้หรือเปล่านะ เห้อ! ช่างเรื่องไลน์เนอร์ได้ไหม ไอ้สมองบ้าๆเนี่ย เลิกคิดเรื่องเขาสักทีพรึ่บ!“อันนี้ของคุณครับ”“ฉันไม่เหมาะกับอันนี้หรอกมั้ง?”เตกีลาเพร
“ไม่ต้องแยกกันนั่งนะ กูให้ทางร้านเตรียมสถานที่ไว้ให้แล้ว”ไนท์พูด เหมือนเขารู้ว่าพวกเราจะไม่พอใจแน่ๆ จึงออกหน้าบริการเรื่องสถานที่ พวกเราไม่คุยกับเขา เดินตรงไปยังโซนที่มาบ่อยๆ ฉันมองหาที่นั่งที่ดีที่สุด เมื่อเจอก็เดินปรี่เข้าไปนั่ง มองหน้านักร้องสุดหล่อที่กำลังร้องเพลงอยู่ พรูลมหายใจออกเบาๆ เมื่อมันไม่ช่วยให้ความหงุดหงิดลดน้อยลงเลย“ไวท์จะดื่มอะไร?”วาโยนั่งลงข้างๆ ถามฉันพลางยกมือเรียกบริกร เมื่อบริกรชายวางแผ่นเมนูลง ฉันก็จับพลิกมันไปมาเพื่อเลือก เพราะยังเมาค้างอยู่ ถึงจะอยากเมาเพิ่มมากแค่ไหน ใจมันก็ไม่กล้าพอ สั่งเหล้าผสมมาดื่มพลางๆไปก่อนแล้วกัน“คอกเทลก่อนแล้วกัน”“เอา Pink lady ไหม?”วาโยหยิบเมนูที่ฉันเลือกบ่อยที่สุดขึ้นมาถาม ฉันจึงพยักหน้าตอบเขาไป เขาเงยหน้าสั่งเมนูนั้นกับพนักงานให้ ไม่วายหันมาถามเรื่องกับแก้มต่อ“ขอ Pink Lady ครับ แล้วกับแก้มล่ะไวท์?”“อะไรก็ได้”เพราะเน้นดื่มไม่เน้นเคี้ยว ฉันจึงไม่สนใจกับแก้มมากนัก วาโยสั่งของที่ฉันชอบกินมาสามอย่าง สั่งของตัวเองมาเพียงอย่างเดียว เสร็จแล้วก็ยื่นเมนูไปให้เพื่อนคนอื่นสั่งบ้าง จากนั้นก็ยกมือเท้าคางจ้องหน้าฉัน“ทำไมถึงลุกขึ้นมาแต่งตัว
“ไปดื่มกัน! อยากเต้นอะ”“ไปดิ!”“ไปด้วย!”แล้วเพื่อนทั้งหกคนก็ลุกขึ้น เดินตามเราสองพี่น้องมา ไนท์ยกมือขึ้นโอบลำคอฉัน ดึงรั้งเบาๆพลางกระซิบข้างหู คำถามของเขามาพร้อมคำเตือน ฉันเลือกที่จะเงียบ เพราะให้คำตอบเขายังไม่ได้‘ชอบไลน์เนอร์เหรอ? อย่าชอบคนแบบมันเลยนะ’ฉันชอบไลน์เนอร์หรือเปล่า ฉันยังหาคำตอบที่ชัดเจนให้ตัวเองไม่ได้ แต่การใกล้ชิดของเราในช่วงเวลาสั้นๆ หัวใจของฉันสั่นเพราะเขาไปไม่น้อยเลย ไหนจะความรู้สึกอื่นที่ไม่เคยเกิดขึ้นเพราะผู้ชายคนไหนนั่นอีก ฉันอาจจะชอบเขาจริงๆ แต่มันจะชอบได้เหรอ ในเมื่อเขามีผู้หญิงข้างกายอยู่แล้วเพราะไม่อยากให้เกียรติของสถาบันเสื่อมเสีย และยังไม่มีผับที่ไหนเปิดก่อนหนึ่งทุ่ม พวกเราจึงตกลงกันว่าจะไปดูหนังก่อน ดูหนังเสร็จแล้วก็หาซื้อชุดจากในห้างนั่นแหละเปลี่ยน จากนั้นค่อยไปดื่มฉลองกัน19 : 45 น.เพราะไม่ต้องปิดบังตัวตนแล้ว ฉันจึงแต่งตัวได้อย่างที่ต้องการ ผมสีดำยาวที่เคยเก็บซ่อนมันไว้ใต้วิกผม ปล่อยให้ยาวสยายเต็มแผ่นหลัง ชุดเปิดเผยเนื้อหนังซะจนเพื่อนๆมองตาค้าง ตอนเดินออกไปจากห้องลองชุด“ว้าว! โคตรเด็ดเลยไวท์”“อย่ามองเยอะสิวะ!”วาโยปรามเพื่อนคนนั้น ทำหน้าตาราวกับเป็
12 : 45 น.เพราะมีเรียนบ่าย และฉันขาดเรียนติดต่อกันหลายวัน ถึงจะรู้สึกปวดหัวเพราะอาการเมาค้าง และเรื่องตำแหน่งงานที่สูงขึ้นของพ่อ ฉันก็ต้องแบกสังขารมามหาวิทยาลัย วันนี้เดินทางมาด้วยรถโดยสารเหมือนเดิม ส่วนคันที่ถูกทิ้งไว้ร้านเหล้า มันถูกคนของพ่อนำกลับมาเมื่อเช้า ตอนที่กำลังจะออกมาจากบ้าน คนงานทำการติดแผ่นป้ายทะเบียนให้อยู่จึงไม่ได้ใช้งานมันปึ่ก!“อ๊ะ! โทษที! ไม่เห็นว่ามีคนอยู่”เป็นเสียงของลูกหนู และเป็นเธอที่ใช้ร่างกายชนฉันจากด้านหลัง ฉันหันกลับไปมอง ยัยนั่นตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงทำหน้ายิ้มเยาะอยู่เหมือนเดิม‘ผู้หญิงของฉัน’ฉันชะงักเพราะเสียงของไลน์เนอร์ที่ดังอยู่ในหัว มันคล้ายกับความฝันเมื่อคืนเลย แล้วผู้หญิงของฉันที่เขาพูดถึง มันคือลูกหนู ผู้หญิงที่กำลังทำหน้าวอนโดนตบอยู่ตรงนี้“อยากมีเรื่องมากหรือไง?”“ก็ไม่นี่! แค่มองไม่เห็นปะ! แต่ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าคนอย่างเธอจะเรียนอยู่มหาวิทยาลัยนี้”เพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีค่าเทอมแพงที่สุด และยัยลูกหนูที่เรียนมนุษยศาสตร์เอกการแสดงคนนี้ ไม่เคยเห็นฉันตอนที่ยังเป็นแค่ไวท์มาก่อน เธอไม่รู้ว่าฉันเรียนอยู่ที่นี่ไม่ใช่เรื่องแปล
“นายอยากให้ฉันทำมากกว่านี้หรือเปล่า?”แอลกอฮอล์ในร่างกายแสนร้ายกาจ ฉายภาพความเร่าร้อนของบุคคลปริศนาสองคน ที่กำลังร่วมรักกันอย่างดุเดือน คลิปวีดีโอที่เผลอเห็นน้องชายฝาแฝดเปิดดู สร้างความอยากรู้อยากเห็น และความวูบวาบตามร่างกาย“ไวท์! ถ้าไม่อยากเดือดร้อน! เลิกทำซะ! ฉันไม่อยากลากเธอมาเกี่ยวด้วย”เหมือนนั่นจะเป็นคำเตือนด้วยความปรารถนาดี แต่ฉันกลับฟังแล้วรู้สึกเสียใจ เขาปฏิเสธฉันอยู่ใช่ไหม ฉันไม่มีค่าพอให้เขาอยากเกี่ยวข้องด้วยเหรอ“ถ้าเป็นลูกหนู … นายจะปฎิเสธไหม?”“ไม่! ทำไมฉันต้องปฎิเสธผู้หญิงของฉันด้วย”“อ่า! งั้นเหรอ? นายกับลูกหนู เป็นแบบนั้นสินะ นายไม่ต้องไปส่งฉัน ฉัน ฉันกลับเอง”พลั่ก!รู้สึกเหมือนท้ายทอยโดนตีด้วยไม้หนักๆ ฉันใช้แรงที่มีทั้งหมดในร่างกาย ผลักร่างสูงใหญ่ของไลน์เนอร์ออกห่าง เขาเสียการทรงตัวจนเกือบล้ม ฉันใช้จังหวะนั้นวิ่งฝ่าความมืดออกมา สติสัมปชัญญะมีขึ้นมาจากเดิมแค่นิดหน่อย คงเป็นเพราะหัวใจที่ถูกบีบรัดอย่างรวดเร็ว บีบอัดจนรู้สึกเจ็บแปลบเพราะคำพูดของไลน์เนอร์ลูกหนูคือผู้หญิงของเขา ฉันเมานั่นแหละ ฉันคงเมามากๆ ถึงได้รู้สึกเสียใจมากมายขนาดนี้วันต่อมา10 : 45 น.ฉันลืมตามองเ
“เดินไหวหรือเปล่า?”“ไหว! เดินไหว”“หึ! อวดเก่ง!”เอ้าไอ้นี่! ฉันเดินไหวจริงๆ ถ้าเขาปล่อยฉัน ฉันจะเดินให้ดู แต่ไลน์เนอร์ไม่ปล่อย เขายังคงใช้ร่างกำยำนั้นเป็นหลักให้ฉันเดิน แขนข้างขวาที่เห็นรอยสักโผล่พ้นออกมารำไร โอบอยู่รอบเอวของฉัน สีหน้าเขายังคงเหมือนเดิม มันเต็มไปด้วยความหงุดหงิด แม้จะเห็นในมุมที่ต่ำกว่าปกติ“นี่! ทำหน้าดีๆหน่อย เสียดายของ”“หน้าฉันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว”“ชิ! ก็เห็นยิ้มออกบ่อย”ฉันก้มหน้าลงมองทางเดิน เหมือนรอยยิ้มมุมปากของไลน์เนอร์จะติดอยู่ในใจของฉัน เขาเป็นคนที่ยิ้มได้เท่มาก สีเสน่ห์จนอยากให้เขายิ้มแบบนั้นบ่อยๆโอ้ย! ฉันเมาหนักจนเพี้ยนหรือเปล่าเนี่ย คนป่าเถื่อนอย่างไลน์เนอร์เนี่ยนะ เขาไม่เหมาะกับรอยยิ้มหรอก อย่าคิดบ้าๆแบบนั้นอีกเชียวนะ“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! นายจะพาฉันไปไหน?”ฉันร้องลั่น เมื่อทางเดินที่ควรมุ่งสู่ลานจอดรถ มืดสลัวไร้แสงไฟสาดส่อง คนข้างๆถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้มใบหน้าลงมาใกล้จนได้กลิ่นของบุหรี่จางๆ“ฉันบอกว่าจะไปส่งใช่ไหม รถฉันจอดอยู่ทางนั้น” ปลายนิ้วมือของไลน์เนอร์ พุ่งตรงไปทางที่ไร้แสงไฟ บริเวณที่เราอยู่มืดสลัวพอๆกัน แต่มันดีกว่าทางนั้นแน่นอน“อ่า! งั้นเหรอ”
‘เหมือน ฉันจะชอบ เธอเลย เสียดายชีวิต ขึ้นมา เลยแฮะ’‘นี่! พูดอะไรของนาย’ปึ่ง!ฉันกับเขาสะดุ้ง มองไปที่ประตูห้องด้วยความหวาดกลัว ชายชุดดำเดินมากระชากแขนฉัน ใบหน้าของเขาดูดีมาก แล้วก็น่ากลัวมากๆเหมือนกัน‘ใครส่งหนูมาที่นี่?’‘หนู! หนูแค่หลงทาง’‘ช่างโชคร้ายเหลือเกินนะ เสียดายที่เด็กหน้าตาสวยอย่างหนู จะหยุดโตแต่แค่เพียงเท่านี้ เอาไปจัดการซะ! อย่าให้ศพโผล่มาแฉตัวพวกมึงได้ล่ะ!’‘ไม่นะ! ปล่อย!’‘ไม่นะ! ปล่อยเธอ’เสียงของฉันกับเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ฉันถูกชายตัวโตลากออกจากห้อง ดิ้นรนมากเท่าไหร่ก็เหนื่อยเปล่า เขาลากฉันด้วยการดึงเส้นผม ลากไปตามทางเดินทอดยาวที่ฉันเคยชื่นชมว่าหรูหรา เมื่อลากมาถึงส่วนหลังของบ้าน ตรงหน้าฉันก็ปรากฏร่างเด็กผู้ชายคนหนึ่ง‘ปล่อยเธอ!’น้ำเสียงทรงอำนาจ และคนที่จับฉันอยู่ปล่อยมือทันที เด็กที่ดูโตกว่าฉันนิดหน่อยเดินมาจับมือฉัน เขาออกแรงดึงเพียงนิดเดียว ฉันก็ก้าวเดินตาม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะพาไปไหน ไม่รู้ว่าประโยคที่เขาพูดออกมา พอจะเชื่อถือได้หรือเปล่า‘ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ แล้วหลบซ่อนตัวดีๆนะ’เขาบอกเมื่อพาฉันเดินมาจนถึงประตูหลังเล็กๆ ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ
“นี่! ทำ! ทำอะไรเนี่ย!”“หึ! เธอไม่ได้ชอบพี่อาเธอร์ใช่ไหม?”“ถะ ถามทำไม?”“ถ้าเธอชอบเขา เตรียมตัวชิบหายได้เลย”ดวงตาคนพูดน่ากลัวมาก เป็นครั้งแรกที่เห็นความน่ากลัวขนาดนี้ในดวงตาเขา ไลน์เนอร์ปล่อยมือออกจากผมของฉัน ใบหน้ากวนๆที่เห็นก่อนหน้านั้น รู้สึกว่ามันดูดีกว่าใบหน้าตอนนี้เยอะเลยนี่สินะความน่ากลัวของจริง“อย่าเข้าไปยุ่งกับพี่อาเธอร์อีก ฉันเตือนเพราะหวังดีนะไวท์”เหมือนเขาจะหวังดีจริงๆ เพราะแววตาห่วงใยที่เหลือบมามอง ฉันยังคงยืนนิ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเตือนฉัน เขากับพี่อาเธอร์มีปัญหาอะไรกัน แล้วมันร้ายแรงถึงขั้นไหน“ทำไม?”ต่อมเผือกทำงานแบบไม่รู้เวล่ำเวลา และไม่ดูสีหน้าคู่สนทนาด้วย คิ้วเรียงสวยมุ่นเข้ามาใกล้กัน คนตัวสูงกว่าร้อยเก้าสิบขยับก้าวเข้ามา ฉันถอยหลังช้าๆ ตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด“ไม่ต้องเสือกเลย ฟังที่เตือนก็พอ”“อะ! ไอ้นี่!”“ฟังนะไวท์ เธอต้องฟังนะ”ดวงตาของไลน์เนอร์ดูแปลกไป จากที่อ่านความรู้สึกยากอยู่แล้ว ตอนนี้ยากกว่าเดินมาก เดี๋ยวก็ดูโกรธ แป๊บๆก็ฉายความใจดี บางทีก็รู้สึกอบอุ่น หลายอารมณ์จนเลือกไม่ถูกว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่“อือ”“ดีมาก”มือใหญ่วางลงบนศรีษะของฉัน ขย
พรึ่บ!“!…?”“?”“ที่นั่งมีตั้งเยอะ ทำไมไม่ไปนั่งที่อื่น?”“ตรงนี้ใกล้ลูกหนูดี”“เก้าอี้ข้างนั้นก็ว่างป่ะ ไปนั่งสิ!”“อยากนั่งตรงนี้ มีปัญหาอะไรไหม?”คิ้วข้างขวายกขึ้นสูง ทำหน้ากวนส้นแบบนี้คิดว่าหล่อมากหรือไงเออ! หล่อค่ะ ใบหน้ายียวนของไลน์เนอร์ดูดีมาก ยิ่งติดรอยยิ้มนิดๆข้างมุมปากแบบนั้น ยิ่งดึงดูดสายตาผู้คน ยัยลูกหนูจ้องเขาตาขวาง เผื่อแผ่มาทางฉันด้วย เพิ่มเติมคือสายตาอาฆาต“ไม่มี!”ฉันตอบเสียงกระชาก ยกแก้วเหล้าขึ้นดับอาการแปลกๆที่เพิ่งจะเคยเกิดขึ้นกับตัวเอง ฉันไม่เคยรู้สึกอิจฉา หรืออยากเอาชนะผู้หญิงคนไหนเลยสักครั้ง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากเอาชนะยัยลูกหนู และเป็นครั้งแรกที่อยากจะเอาชนะไลน์เนอร์ด้วย อยากทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั่นเหยเกดูสักครั้ง“พี่! เดี๋ยวฉันมานะคะ”ข้าวหอมคุยกับฉันเสร็จก็รีบร้อนลุกขึ้นยืน เดินออกไปทางสนามแข่ง ที่เริ่มมีรถขับมาจอดเรียงราย ฉันมองตามเธอไปอย่างอยากรู้ ว่าทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น เมื่อเห็นผู้หญิงตัวเล็กน่าทะนุถนอม หยุดฝีเท้าลงตรงหน้าพี่อาเธอร์ มุมปากฉันก็ยกขึ้นสูงสู้เขานะข้าวหอม!“ไม่ไปเหรอ?”คนข้างๆพูดขึ้น เสียงดังอยู่ใกล้ๆหูจนไม่กล้าหันไปมอง ได้แต่เอียง