กรี๊ด!
บรรยากาศของเมืองหลวงตอนกลางคืน แสงไฟสีเหลืองขาวที่สลับสับเปลี่ยนบนท้องถนน มันส่องกระทบเข้ามาในรถ ทำให้ผู้ชายที่ไม่ค่อยตั้งใจขับรถคนนั้น ดูลึกลับและดึงดูด ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงฮอตนัก เสน่ห์ของเขาเลื่องลือไปทั่วมหาวิทยาลัย เป็นผู้ชายสุดโหด ที่ผู้หญิงทั้งมหาวิทยาลัยโหวต ว่าเหมาะกับตำแหน่งสามีของพวกหล่อน รองลงมาจากพี่อาเธอร์ วิศวะโยธาชั้นปีที่ 4
เห้อ! เป็นที่น่าเสียดายสำหรับฉัน พี่อาเธอร์คนนั้น นิสัยเลวร้ายยิ่งกว่าไลน์เนอร์ซะอีก ฉันเคยชื่นชมเขาอยู่พักใหญ่ พอได้รู้ว่าเขามองฉันเป็นอะไร ฉันก็ไม่ปลื้มเขาอีกเลย
“ถึงแล้ว!”
สงสัยฉันชื่นชมความหล่อของไลน์เนอร์นานไปหน่อย มันใช่ที่ไหนเล่า! เพราะฉันเอาแต่นึกถึงสมัยที่ตัวเองชื่นชมพี่อาเธอร์ กับบรรยากาศที่มันชวนหลงใหลมากเกินไป รู้สึกตัวอีกทีไลน์เนอร์ก็บอกว่าถึงแล้ว และเขาขับรถมาถึงบ้านของฉันจริงๆ ทั้งที่ฉันยังไม่ได้บอกเขาเลยว่าบ้านฉันอยู่ที่ไหน
“ลงไป!”
ไลน์เนอร์ไม่ปล่อยให้ความสงสัยของฉันทำงานเลย เอ่ยปากไล่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา บวกกับใบหน้าที่พร้อมวิ่งเข้าไปบวก ฉันที่ไม่อยากเสียสุขภาพจิตอยู่ข้างๆคนแบบเขา เอื้อมมือไปคว้าที่จับประตู กำลังจะผลักมันออกไป ก็รู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนรินรดอยู่หลังคอ
“ระวังตัวให้ดีละมึง!”
ผลัวะ!
ประตูรถหรูถูกดันออกไป ฉันลงไปยืนอยู่บนฟุตบาท ผลักมันปิดด้วยความสั่นกลัว สาวเท้าไปใกล้ประตูทางเข้าบ้าน ยังรู้สึกเสียวสันหลังอยู่ตลอด แบบที่ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ ว่าไลน์เนอร์ต้องจ้องอยู่แน่ๆ
โอ้ย! แย่ที่สุด! ไม่เคยรู้สึกแย่ที่ได้เป็นแฝดของไนท์ ขนาดนี้มาก่อนเลย แล้วไอ้นั่นก็ขยันขู่จัง เกิดปีงูหรือไง หรือเกิดปีหมา ขู่เก่งจัด!
สองวันต่อมา
เพราะไนท์เป็นต้นเหตุความซวยของฉัน ตลอดสองวันที่ผ่านมาเขาจึงถูกเมินตลอด ฉันเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยเอง โดยไม่พึงพารถหรูที่เขาอ้อนให้พ่อซื้อให้ เลี่ยงเขาเท่าที่จะเลี่ยงได้ จนคนผิดเริ่มทนไม่ไหว ส่งเสียงโวยวายจนแสบแก้วหู
“นี่มึงจะงอนกูอีกนานไหมอะ?”
ไนท์ถาม น้ำเสียงและสรรพนามที่ใช้คุยกับฉัน ไม่เหมาะกับเบ้าหน้า และตำแหน่งเดือนบริหารเลยแม้แต่น้อย ฉันกดสายตามองน้องชายฝาแฝด คนถูกมองทำหน้าเลิ่กลั่ก เปลี่ยนน้ำเสียงและสรรพนามที่ใช้คุยกับฉันใหม่
“เลิกงอนได้แล้วน่าไวท์ เดี๋ยวเลี้ยงขนมนะ”
“ฉันไม่ได้ขัดสนถึงขนาดต้องให้ใครเลี้ยง”
คำพูดถือดีกับแววตา บ่งบอกอารมณ์ของฉันในตอนนี้ได้ดีที่สุด ฉันจะไม่โกรธไนท์ขนาดนี้ ถ้าหากวันที่ฉันโดนไลน์เนอร์ลากไป ไนท์มันอยู่ที่บ้าน รอฟังข่าวฉันด้วยความกังวลใจและเป็นห่วง แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น คืนนั้นไนท์ไม่กลับบ้าน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันไปขลุกอยู่ที่ไหน ร้านแต่งรถหรู แหล่งมั่วสุมที่มันไปขลุกอยู่ที่นั่นเพื่อแต่งรถคันโปรดของมัน
มันไปเสวยสุข ทั้งๆที่มันเป็นตัวการทำให้ฉันซวย
“ไวท์อะ!”
“ก่อนจะอ้าปากพูดกับฉัน ดูสีหน้าและอารมณ์ฉันด้วย จะได้ไม่เหวอรับประทานอีก!”
ฉันพูดกับไนท์โดยไม่สนใจท่าทางเง้างอดของเขา ก้มหน้าทำงานของตัวเอง ที่อาจารย์ประจำวิชาสั่งไว้ก่อนจะออกไปทำธุระ ถอนหายใจอยู่บ่อยๆ เมื่อคิดถึงเรื่องในวันที่ถูกไลน์เนอร์ลากไป คำขู่ยังก้องอยู่ในหู รวมถึงลมหายใจร้อนๆที่บาดผิวคอในวันนั้นด้วย
16 : 35 น.
สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย แม้ว่าตอนนี้จะเลยเวลาเลิกเรียนมาสักพักแล้ว ฉันก็ยังนั่งคิดอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม ปกติฉันจะออกจากห้องเป็นคนแรกๆ เรียกว่าอาจารย์ปล่อยเมื่อไหร่ฉันออกไปเมื่อนั้น นั่งต่อไปอีกสักพักรอบตัวก็เกิดความวุ่นวาย เสียงกรี๊ดของเหล่านักศึกษาสาวดังระงม แต่กว่าฉันจะไหวตัวจากเสียงเตือนนั้น คนที่น่าหวาดหวั่นก็เดินผ่านประตูเข้ามา
“พี่ได้ยินว่าวันก่อน ไอ้ไลน์เนอร์มันลากตัวเราไปเหรอ?”
พี่อาเธอร์ยืนถามอยู่ใกล้ประตูห้อง แต่รังสีอำมหิตแผ่ซ่านมาถึงฉัน ดวงตาสีเทาอ่อนของหนุ่มลูกครึ่งไทย-สวีเดน หรี่ลงเหมือนคนกำลังไม่พอใจกับบางสิ่งบางอย่างอยู่
“ก็ ตามที่ได้ยินมานั่นแหละ”
ข่าวลือของฉันกับไลน์เนอร์ ดังไปไกลถึงคณะวิศวกรรมโยธาเลย ฉันนึกว่ามันดังแค่ในคณะบริหารซะอีก เพราะจุดที่ฉันถูกไลน์เนอร์ลากไป อยู่ใกล้คณะบริหารมากที่สุด ส่วนคณะวิศวกรรมศาสตร์นั้นตั้งอยู่ด้านหลังสุดของมหาวิทยาลัย เป็นคณะที่ใครๆต่างก็บอกว่าไกลปืนเที่ยงที่สุด รวมถึงป่าเถื่อนที่สุดด้วย
“มันทำอะไร?”
ผู้ชายที่ครอบครองความสูงถึงร้อยเก้าสิบสอง หน้าตาประดุจเทพบุตรหลุดลงมาจากฟากฟ้า ชายผู้ครองฉายาเจ้าชายแห่งมหาวิทยาลัย T. ก้าวเดินเข้ามาใกล้ เท้ามือลงบนโต๊ะข้างหน้าฉัน รอยสักน่าหวาดหวั่นบนท่อนแขน ทำให้ฉันเงยหน้ามอง
“ไม่ได้ทำอะไร”
ฉันเบือนหน้าหลบสายตาสีเทาอ่อน ประโยคที่แอบได้ยินพี่อาเธอร์คุยกับเพื่อนของเขา เตือนสติไม่ให้ฉันเผลอไผลไปกับรูปลักษณ์น่าดึงดูดของหนุ่มรุ่นพี่ต่างคณะ
‘กูไม่เคยมองไวท์เป็นผู้หญิง’
นั่นคือประโยคที่ฉันแอบได้ยิน และมันเป็นประโยคที่ช่วยดับความหลงใหลของฉัน ที่มีต่อพี่อาเธอร์ได้ดี เขาเป็นผู้ชายในแบบที่ฉันชอบ อาจจะเป็นได้มากกว่านี้ ถ้าหากประโยคนี้ไม่หลุดออกมาจากริมฝีปากคล้ำๆนั่น
“ถ้ามันทำอะไรแปลกๆ มาบอกพี่”ดวงตาสีเทาอ่อนที่ฉายแต่ความน่ากลัวออกมา ในตอนนี้ฉันเห็นว่ามันอบอุ่นและอ่อนโยนลง ดวงตาของเขามักจะเป็นแบบนี้เสมอ หลังจากที่ฉันตีตัวออกห่างจากกลุ่มที่เขาดูแลอยู่ พี่อาเธอร์ไม่เหมือนเดิมเลย ฉันก็ไม่ต่างกัน ตอนนี้เรากลายเป็นเพียงแค่คนที่เคยอยู่กลุ่มเดียวกัน ความรู้สึกชอบที่มีให้เขานั้น มันเป็นแค่อดีตที่ฉันอยากลืม“ฉันออกมาจากกลุ่มนานแล้ว การที่พี่โผล่มาที่นี่ มันทำให้ฉันใช้ชีวิตลำบากขึ้น อย่ามาหาฉันอีกเลย ฉันไม่ใช่ไวท์คนเดิมแล้วนะ”ฉันยืดตัวขึ้นจากเก้าอี้ ขยับไปด้านข้างเอื้อมไปคว้ากระเป๋ามาสะพาย ตั้งใจเดินผ่านพี่อาเธอร์ไปเงียบๆ แต่เขาไม่ยอมให้ฉันทำแบบนั้น มือใหญ่เอื้อมมากำท่อนแขน ดึงเข้าหาตัวช้าๆ ลดใบหน้าต่ำลงอย่างรวดเร็ว“ปล่อยนะ!”“ยังโกรธพี่เรื่องนั้นอยู่เหรอ?”“ไวท์ไม่โกรธหรอก พี่ไม่ผิดอะไรเลย และพี่ก็ไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่น ไวท์เข้าใจ ใครๆก็คงมองไวท์เหมือนที่พี่มองนั่นแหละ”ฉันยิ้ม ประโยคพวกนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดของฉัน ประชดประชัน น้อยเนื้อต่ำใจ เขาเป็นคนแรกที่ฉันนึกว่ามันจะต่าง แต่ก็ไม่ เขาไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นเลย มองฉันที่รูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งม
“อยากให้เลิกเสือกไหม?”เหมือนจะเห็นรอยยิ้มหยักสวยจากกลีบปากคล้ำ มากกว่าได้ยินประโยคชวนวูบไหวจากเขา ฉันผละถอยหลัง รู้สึกแปลกและร้อนวูบเพราะรอยยิ้มของไลน์เนอร์“ก็ต้องอยากสิ ช่วยปล่อยให้ฉันใช้ชีวิตเงียบๆเหมือนเดิมได้ไหม การที่นายมาวุ่นวายกับฉันหลังจากที่รู้แล้วว่าฉันไม่ใช่ไนท์ มันทำให้ฉันลำบากนะ”เพราะรอยยิ้มนั้นของไลน์เนอร์ กับใบหน้าที่ดูอ่อนโยนลงกว่าที่เคยเห็น ฉันจึงลองคุยกับเขาดีๆ“ทำไม?”“ไม่ต้องรู้หรอกว่าทำไม ฉันมีเหตุผลก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นปล่อยฉันไปเถอะ”“ …”“ …?”ดวงตาสีเข้มของไลน์เนอร์ เปลี่ยนไปจนฉันใจสั่น ‘ เสียดาย’ และ ‘เสียใจ’ไม่รู้ฉันเพี้ยนไปหรือเปล่า ถึงรู้สึกว่าดวงตาของเขาแสดงความรู้สึกแบบนั้นออกมา“ขะ ขอบคุณที่เข้าใจนะ”ฉันก้าวเดินออกมาด้วยความรวดเร็ว หัวใจเต้นเร็วจนผิดปกติ ไม่อยากคิดอะไร ไม่อยากให้ภาพของไลน์เนอร์ฝังอยู่ในหัวเหมือนสองวันที่ผ่านมา จึงสลัดทุกอย่างเกี่ยวกับเขาทิ้งไป คงไม่มีโอกาสให้เจอกันอีกแล้ว ฉันต้องดีใจ และกลับไปใช้ชีวิตปกติชีวิตที่หลบๆซ่อนๆ เหมือนเป็นเพียงแค่เงา18 : 45 น.เรื่องราวของผู้ชายชื่อไลน์เนอร์ ยังคงรบกวนฉันอยู่เหมือนเดิม ฉันนอนคิดเรื่องข
20 : 05 น.ฉันมาถึงช้ากว่าเวลานัดจริงๆ ทั้งที่สนามแข่งกับบ้านอยู่ห่างกันไม่ถึงสองกิโลเมตร เมื่อจ่ายเงินพี่วินเสร็จแล้ว ฉันก็รีบล้วงหาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมา ต้องใช้มันเป็นใบผ่านทาง และใช้มันบอกข้าวหอมด้วยว่ามาถึงแล้วปึ่ก!“ขอโทษครับคนสวย เป็นอะไรหรือเปล่า?”เพราะมัวแต่ก้มมองโทรศัพท์จนไม่ได้มองทาง ฉันถูกใครสักคนชน และเป็นเขาที่ช่วยพยุงไว้ แต่ใบหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยกับน้ำเสียงตอนถาม มันทำให้ฉันฉุนกึกเขาตั้งใจชนฉันหรือเปล่าวะ? ฉันว่าใช่แหละ แม่ง! ต่อยสักทีดีไหม!“เป็น!”ในขณะที่ฉันกำลังคิดว่าจะต่อยคนที่พยุงตัวอยู่ดีไหม เสียงเข้มๆก็ดังขึ้นด้านหลัง และไม่นานร่างของฉันก็ลอยหวือไปตามแรงดึง หลุดออกจากอ้อมแขนของผู้ชายคนหนึ่ง ไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายอีกคน“พี่ พี่อาเธอร์!”ผู้ชายคนนั้นเสียงสั่น ชื่อที่ได้ยินจากเขาคนนั้น ทำให้ฉันรีบเงยหน้าขึ้นจากอก เป็นพี่อาเธอร์จริงๆ ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชากำลังมีรอยยิ้มเล็กๆข้างมุมปาก ฉันขืนตัวออก แต่เหมือนอ้อมกอดนั้นจะแน่นขึ้นกว่าเดิม“ขอ ขอโทษครับพี่! ผม ผมไม่รู้ว่าเป็นเด็กพี่”เด็กพี่? เด็กใครนะ?ฉันไม่พอใจที่ถูกมองว่าเป็นเด็กของพี่อาเธอร์ จึงใช้มือหยิกเขาเพื่อท
“อุ๊ย! นั่นมันยัยคู่ขวัญกับยัยกุ้งเน่านี่นา”เพียงแค่เดินไปถึงโซนที่นั่งวีไอพี เสียงสัมภเวสีก็เสียดแทงแก้วหูปรี๊ดๆ คนพูดคือลูกหนู ลูกสาวของนักการเมืองท้องถิ่นจังหวัดใกล้เคียงของกรุงเทพ ยัยนี่ไม่ถูกกับฉัน ไม่รู้เหมือนกันว่าไปทำอะไรให้นางโกรธ เจอกันทีไรนางพูดจิกฉันก่อนทุกที ซึ่งฉันไม่ปล่อยให้นางพูดฝ่ายเดียวอยู่แล้ว“หวัดดียัยหนูเน่า วันนี้ก็หนีขึ้นมาจากท่อน้ำเสียอีกแล้วสินะ กลิ่นเหม็นหึ่งโชยมาถึงนี่เชียว”ฉันทิ้งตัวลงบนเก้าอี้สนามโดยมีข้าวหอมนั่งลงข้างๆ ไม่มองไปทางลูกหนู แต่เหลือบตาไปมองปฏิกิริยาของนางแทน ให้ท่าทางนั้นไปกระตุ้นต่อมโกรธของนางเพิ่ม“แก! อีกุ้งเน่า อีปากดี!”“ขอบใจที่ชมนะจ๊ะอีหนูเน่า หนูท่อ หนูตกบ่อขยะ”ฉันหยิบแก้วเหล้าจากถาดใส ที่บริกรของสนามแข่งยกมาเสริฟ ยื่นให้ข้าวหอมไปก่อน ค่อยหยิบของตัวเองมาทีหลัง ที่นี่บริการดีทุกอย่าง โดยเฉพาะลูกค้าระดับวีไอพีที่จ่ายเงินเพิ่ม เครื่องดื่มทุกชนิดเติมได้ไม่อั้น มีบริกรคอยดูแลเสริฟของให้ ไม่ต้องเดินไปหาซื้อเองในร้านค้าของสนาม“อุ๊ย! ไลน์เนอร์ก็มาเหมือนกันนี่!”เสียงเรียกชื่อของไลน์เนอร์เป็นเสียงของยัยลูกหนู ฉันทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็แอบเหลื
พรึ่บ!“!…?”“?”“ที่นั่งมีตั้งเยอะ ทำไมไม่ไปนั่งที่อื่น?”“ตรงนี้ใกล้ลูกหนูดี”“เก้าอี้ข้างนั้นก็ว่างป่ะ ไปนั่งสิ!”“อยากนั่งตรงนี้ มีปัญหาอะไรไหม?”คิ้วข้างขวายกขึ้นสูง ทำหน้ากวนส้นแบบนี้คิดว่าหล่อมากหรือไงเออ! หล่อค่ะ ใบหน้ายียวนของไลน์เนอร์ดูดีมาก ยิ่งติดรอยยิ้มนิดๆข้างมุมปากแบบนั้น ยิ่งดึงดูดสายตาผู้คน ยัยลูกหนูจ้องเขาตาขวาง เผื่อแผ่มาทางฉันด้วย เพิ่มเติมคือสายตาอาฆาต“ไม่มี!”ฉันตอบเสียงกระชาก ยกแก้วเหล้าขึ้นดับอาการแปลกๆที่เพิ่งจะเคยเกิดขึ้นกับตัวเอง ฉันไม่เคยรู้สึกอิจฉา หรืออยากเอาชนะผู้หญิงคนไหนเลยสักครั้ง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากเอาชนะยัยลูกหนู และเป็นครั้งแรกที่อยากจะเอาชนะไลน์เนอร์ด้วย อยากทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั่นเหยเกดูสักครั้ง“พี่! เดี๋ยวฉันมานะคะ”ข้าวหอมคุยกับฉันเสร็จก็รีบร้อนลุกขึ้นยืน เดินออกไปทางสนามแข่ง ที่เริ่มมีรถขับมาจอดเรียงราย ฉันมองตามเธอไปอย่างอยากรู้ ว่าทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น เมื่อเห็นผู้หญิงตัวเล็กน่าทะนุถนอม หยุดฝีเท้าลงตรงหน้าพี่อาเธอร์ มุมปากฉันก็ยกขึ้นสูงสู้เขานะข้าวหอม!“ไม่ไปเหรอ?”คนข้างๆพูดขึ้น เสียงดังอยู่ใกล้ๆหูจนไม่กล้าหันไปมอง ได้แต่เอียง
“นี่! ทำ! ทำอะไรเนี่ย!”“หึ! เธอไม่ได้ชอบพี่อาเธอร์ใช่ไหม?”“ถะ ถามทำไม?”“ถ้าเธอชอบเขา เตรียมตัวชิบหายได้เลย”ดวงตาคนพูดน่ากลัวมาก เป็นครั้งแรกที่เห็นความน่ากลัวขนาดนี้ในดวงตาเขา ไลน์เนอร์ปล่อยมือออกจากผมของฉัน ใบหน้ากวนๆที่เห็นก่อนหน้านั้น รู้สึกว่ามันดูดีกว่าใบหน้าตอนนี้เยอะเลยนี่สินะความน่ากลัวของจริง“อย่าเข้าไปยุ่งกับพี่อาเธอร์อีก ฉันเตือนเพราะหวังดีนะไวท์”เหมือนเขาจะหวังดีจริงๆ เพราะแววตาห่วงใยที่เหลือบมามอง ฉันยังคงยืนนิ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเตือนฉัน เขากับพี่อาเธอร์มีปัญหาอะไรกัน แล้วมันร้ายแรงถึงขั้นไหน“ทำไม?”ต่อมเผือกทำงานแบบไม่รู้เวล่ำเวลา และไม่ดูสีหน้าคู่สนทนาด้วย คิ้วเรียงสวยมุ่นเข้ามาใกล้กัน คนตัวสูงกว่าร้อยเก้าสิบขยับก้าวเข้ามา ฉันถอยหลังช้าๆ ตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด“ไม่ต้องเสือกเลย ฟังที่เตือนก็พอ”“อะ! ไอ้นี่!”“ฟังนะไวท์ เธอต้องฟังนะ”ดวงตาของไลน์เนอร์ดูแปลกไป จากที่อ่านความรู้สึกยากอยู่แล้ว ตอนนี้ยากกว่าเดินมาก เดี๋ยวก็ดูโกรธ แป๊บๆก็ฉายความใจดี บางทีก็รู้สึกอบอุ่น หลายอารมณ์จนเลือกไม่ถูกว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่“อือ”“ดีมาก”มือใหญ่วางลงบนศรีษะของฉัน ขย
‘เหมือน ฉันจะชอบ เธอเลย เสียดายชีวิต ขึ้นมา เลยแฮะ’‘นี่! พูดอะไรของนาย’ปึ่ง!ฉันกับเขาสะดุ้ง มองไปที่ประตูห้องด้วยความหวาดกลัว ชายชุดดำเดินมากระชากแขนฉัน ใบหน้าของเขาดูดีมาก แล้วก็น่ากลัวมากๆเหมือนกัน‘ใครส่งหนูมาที่นี่?’‘หนู! หนูแค่หลงทาง’‘ช่างโชคร้ายเหลือเกินนะ เสียดายที่เด็กหน้าตาสวยอย่างหนู จะหยุดโตแต่แค่เพียงเท่านี้ เอาไปจัดการซะ! อย่าให้ศพโผล่มาแฉตัวพวกมึงได้ล่ะ!’‘ไม่นะ! ปล่อย!’‘ไม่นะ! ปล่อยเธอ’เสียงของฉันกับเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ฉันถูกชายตัวโตลากออกจากห้อง ดิ้นรนมากเท่าไหร่ก็เหนื่อยเปล่า เขาลากฉันด้วยการดึงเส้นผม ลากไปตามทางเดินทอดยาวที่ฉันเคยชื่นชมว่าหรูหรา เมื่อลากมาถึงส่วนหลังของบ้าน ตรงหน้าฉันก็ปรากฏร่างเด็กผู้ชายคนหนึ่ง‘ปล่อยเธอ!’น้ำเสียงทรงอำนาจ และคนที่จับฉันอยู่ปล่อยมือทันที เด็กที่ดูโตกว่าฉันนิดหน่อยเดินมาจับมือฉัน เขาออกแรงดึงเพียงนิดเดียว ฉันก็ก้าวเดินตาม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะพาไปไหน ไม่รู้ว่าประโยคที่เขาพูดออกมา พอจะเชื่อถือได้หรือเปล่า‘ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ แล้วหลบซ่อนตัวดีๆนะ’เขาบอกเมื่อพาฉันเดินมาจนถึงประตูหลังเล็กๆ ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ
“เดินไหวหรือเปล่า?”“ไหว! เดินไหว”“หึ! อวดเก่ง!”เอ้าไอ้นี่! ฉันเดินไหวจริงๆ ถ้าเขาปล่อยฉัน ฉันจะเดินให้ดู แต่ไลน์เนอร์ไม่ปล่อย เขายังคงใช้ร่างกำยำนั้นเป็นหลักให้ฉันเดิน แขนข้างขวาที่เห็นรอยสักโผล่พ้นออกมารำไร โอบอยู่รอบเอวของฉัน สีหน้าเขายังคงเหมือนเดิม มันเต็มไปด้วยความหงุดหงิด แม้จะเห็นในมุมที่ต่ำกว่าปกติ“นี่! ทำหน้าดีๆหน่อย เสียดายของ”“หน้าฉันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว”“ชิ! ก็เห็นยิ้มออกบ่อย”ฉันก้มหน้าลงมองทางเดิน เหมือนรอยยิ้มมุมปากของไลน์เนอร์จะติดอยู่ในใจของฉัน เขาเป็นคนที่ยิ้มได้เท่มาก สีเสน่ห์จนอยากให้เขายิ้มแบบนั้นบ่อยๆโอ้ย! ฉันเมาหนักจนเพี้ยนหรือเปล่าเนี่ย คนป่าเถื่อนอย่างไลน์เนอร์เนี่ยนะ เขาไม่เหมาะกับรอยยิ้มหรอก อย่าคิดบ้าๆแบบนั้นอีกเชียวนะ“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! นายจะพาฉันไปไหน?”ฉันร้องลั่น เมื่อทางเดินที่ควรมุ่งสู่ลานจอดรถ มืดสลัวไร้แสงไฟสาดส่อง คนข้างๆถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้มใบหน้าลงมาใกล้จนได้กลิ่นของบุหรี่จางๆ“ฉันบอกว่าจะไปส่งใช่ไหม รถฉันจอดอยู่ทางนั้น” ปลายนิ้วมือของไลน์เนอร์ พุ่งตรงไปทางที่ไร้แสงไฟ บริเวณที่เราอยู่มืดสลัวพอๆกัน แต่มันดีกว่าทางนั้นแน่นอน“อ่า! งั้นเหรอ”
“ผมมีเรื่องสำคัญมากๆจะบอกพ่อครับ”ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมของความรุนแรง พูดจาได้น่าฟังสุดๆ จนฉันแอบยกนิ้วโป้งให้ ก็พูดดีได้นี่หว่า แล้วจะคีพลุคแบดบอยเพื่อ?“อะไร?”น้ำเสียงของคุณอเล็กซ์นุ่มนวล ต่างกับตอนที่พูดกับไลน์เนอร์ลิบลับ รู้ได้เลยว่าใครลูกรัก ใครเป็นลูกชัง“เรื่องคนที่ผมชอบ”“แล้ว?”“ผมชอบไวท์ครับ”กึด!สิ่งที่พี่อาเธอร์โพล่งออกมา ทำให้ความเงียบเข้ามาเกาะกุมห้องอาหารขนาดใหญ่นี้ไว้ ฉันกำมือแน่น พยายามมองคนพูดเพื่อขอให้เขาพูดใหม่ แต่พี่อาเธอร์ไม่ทำแบบนั้น เขาพูดสิ่งที่ต้องการต่อไปอีก“ผมอยากหมั้นกับไวท์ครับ”“ลูกพูดจริงเหรอ?”“ครับ! ผมชอบไวท์จริงๆ”ฉันได้แต่นั่งมองการสนทนาของสองพ่อลูกตาปริบๆ สมองมันเริ่มประมวลผลช้า ร่างกายเริ่มตอบสนองต่ออาการแพ้ และลิ้นมันเริ่มชาจนขยับตามใจไม่ได้ อยากจะแย้งแทบตายแต่งัดลิ้นให้ขยับไม่ไหว“ว่ายังไงแม็กซ์ นายเห็นด้วยกับสิ่งที่ลูกชายฉันพูดหรือเปล่า?”คุณอเล็กซ์ถามพ่อฉัน เหมือนรู้ว่าถามฉันแล้วผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง พ่อหันมามองหน้าฉันเหมือนขอความเห็นใจ การปฎิเสธคนระดับนั้น เป็นสิ่งที่ฉันไม่ควรทำสินะ นี่หรือคือราคาที่ต้องจ่าย เพื่อแลกกับความปลอดภัย
“วันนี้ลูกสาวแม่แต่งตัวสวยจัง”แม่เอ่ยปากชมการแต่งตัวของฉัน ฉันไม่ได้ตอบอะไรท่านเลย เพราะมัวแต่คิดถึงสายตาของคุณอเล็กซ์“ไวท์! ลูกไม่สบายหรือเปล่า?”“คะ? เปล่าค่ะ ไวท์แค่คิดอะไรอยู่น่ะ”แม่เลื่อนมือมากุมมือฉันไว้ ซบใบหน้าลงบนไหล่ของฉัน การกระทำนั้นฉันรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร ความห่วงใยถูกส่งผ่านจากหัวไหล่มาถึงหัวใจ“แม่ดีใจมากเลย ที่ได้เห็นลูกสาวของแม่แต่งชุดสวยแบบนี้ ถ้าไวท์ไม่ว่าอะไร คราวหน้าให้แม่เลือกชุดให้ไวท์ได้ไหมจ๊ะ”“ได้สิคะ”การสนทนาระหว่างฉันกับแม่ จำเป็นต้องหยุดค้างไว้เพียงแค่นั้น เพราะการปรากฏตัวของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งชายหญิงคู่หนึ่งที่น่าจะมาด้วยกันกับคนกลุ่มนั้น คือไลน์เนอร์และลูกหนู เขาแต่งตัวง่ายๆ เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนส์ ยืนคู่กับลูกหนูที่ใส่ชุดราตรีหน้าผมจัดเต็ม ดูไม่เหมาะกันเลย“มาแล้วเหรอ นี่ไอยราภรรยาของฉัน และไลน์เนอร์ ลูกชายอีกคน”คุณอเล็กซ์กล่าวแนะนำให้เรารู้จักกับภรรยาของท่าน ที่น่าจะเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันแทบลืมหายใจก็คือ ไลน์เนอร์เป็นลูกของท่านกับคุณไอยรา นั่นก็หมายความว่า เขากับพี่อาเธอร์เป็นพี่น้องกันใช่เหรอ? สีตาไม่เหมือนกันเลย ถึงจะม
“สะ เสร็จยัง?”ถามเสียงสั่น พยายามควบคุมการเต้นของหัวใจ ที่ทำได้ยาก และมันค่อยๆเต้นเร็วขึ้น“ยัง! มันติดผ้า!” น้ำเสียงห้วนดังใกล้หู ขนลุกซู่จนต้องย่นคอหนี“รีบหน่อยสิ! ฉันมีนัด”“ใคร?”เหมือนน้ำเสียงของเขาจะห้วนขึ้น ลมหายใจที่เป่ารดข้างหู ก็ดูเหมือนว่าจะร้อนขึ้นกว่าเดิม“หะ?” ฉันถามซ้ำทั้งที่ได้ยินชัดเจน คาดหวัง แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะคำพูดต่อจากนั้นที่ตอบกลับมา“ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว”ความตื่นเต้น ดีใจ และความวูบไหวที่เล่นงานร่างกายเมื่อสักครู่ จางหายราวกับเปลวไฟถูกน้ำเย็นราด ความจริงจากปากเขา ทำให้ฉันกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดจางๆ เออ! ลืมไปหรือไง ว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน อย่าประสาท อย่าโลภมาก กับอีแค่ได้กันเพียงคืนเดียว“ระ รีบๆทำหน่อยสิ!” ฉันเร่งเพราะไม่อยากใกล้ชิดกับเขามากไปกว่านี้ แต่“ขอร้องให้คนอื่นช่วยแท้ๆ นิสัยแย่ชะมัด”ริมฝีปากคนพูดอยู่ชิดใบหู ลมร้อนถูกเป่าเข้าไปเหมือนตั้งใจทำ“ฉัน …ไม่อยากให้ลูกหนูเข้าใจผิด”“มีจริยธรรมเหลือเกินนะ ทั้งที่คืนนั้นเสนอตัวให้ฉันเอาฟรีๆ”“ไลน์เนอร์!”ฉันหมุนตัวกลับไปเพราะคำพูดดูแคลนของไลน์เนอร์ แต่เหมือนเขารอจังหวะนี้
“พี่ไวท์ไม่โกรธเหรอคะ?”ข้าวหอมถาม ในขณะเปิดประตูรถของเธอให้ฉัน ฉันยิ้ม ขยับเข้าไปนั่งข้างในรถ เมื่อเธอขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัย สตาร์ทเครื่องยนต์ ฉันจึงเริ่มต้นพูด“โกรธแหละ แต่พี่ไม่มีเวลาอะ นัดทานข้าวกันสองทุ่ม ไม่รู้จะเสร็จทันไหม”ฉันพิมพ์รายละเอียดเรื่องนัดหมาย สถานที่ และเวลาให้ข้าวหอมไปแล้ว เธอบอกว่ามีร้านขาย-เช่าชุดราตรีดีๆ อยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย แต่ร้านนี้ดังมาก ถึงจะติดต่อขอทำนัดเข้าไปแล้ว ก็ไม่รู้จะเสร็จทันเวลาหรือเปล่า“เดี๋ยวข้าวติดต่อไปขอแทรกคิวให้ค่ะ พี่ไวท์ไม่ต้องกังวลนะคะ”ข้าวหอมตั้งใจขับรถมากขึ้น หลังจากบอกไม่ให้ฉันกังวลเรื่องนี้เสร็จ ไอ้เรื่องชุดฉันไม่กังวลเท่าไหร่หรอก สิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุด จนอยากทำให้ทุกอย่างมันออกมาดี ก็คือบุคคลที่เป็นผู้นำของ T. K Groups ต่างหาก หวังว่าตัวตนของฉัน จะไม่ส่งผลกระทบกับงานของพ่อนะ17 :05 น. เพราะได้ข้าวหอมช่วยจัดการเรื่องคิวให้ ฉันจึงได้แต่งหน้าและทำผมทันทีที่มาถึงร้าน ซึ่งในขณะที่นั่งให้ช่างแต่งหน้าและทำผมไปด้วยนั้น ข้าวหอมก็ช่วยเลือกชุด ที่มันเข้ากับสถานที่ โอกาส และสรีระร่างกาย“ข้าวว่าชุดนี้ดีที่สุด”ข้าวหอมสรุปด้วยใบหน้าจริง
เมื่อรถขับมาถึงบ้าน ฉันก็พรูลมหายใจออกมาแรงๆ แม่ของฉันไม่อยู่ในบ้าน ไนท์เองก็ยังไม่กลับ การไม่ต้องถูกใครซักถามในเวลาแบบนี้ เป็นเรื่องดีสุดๆสำหรับฉัน ฉันตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่สิบสองชั่วโมงข้างหน้า จะได้ตื่นขึ้นมากินยาเม็ดที่เหลืออยู่ เมื่อมั่นใจว่ามันจะส่งเสียงเตือนให้รู้ ก็กินยานอนหลับที่มีติดห้องไว้ ลงไปพร้อมกับยาแก้ปวดที่ได้มาจากพี่แพรความเหนื่อยล้า และปวดร้าวตามร่างกาย ส่งผลให้ใช้เวลาเพียงไม่นาน ห้วงนิทราก็เข้ามาเยือน ความฝันซ้ำซากที่เคยเกิดขึ้นไม่เว้นวัน มีฉันวิ่งหนีคนที่ตามฆ่าสุดแรง ในวินาทีที่กำลังสิ้นหวัง ไลน์เนอร์ก็ปรากฎตัว ฉันยกมุมปากขึ้นยิ้ม พร้อมกับน้ำตาที่รินไหลออกมา แม้แต่ในฝันอันยาวนาน เขาก็ยังแทรกซึมเข้ามารบกวนมัน และทำให้ฉันใจชื้น แล้วแบบนี้ฉันจะใช้ชีวิตปกติยังไง ฉันจะใช้วิธีไหนในการลืมเขาสัปดาห์ต่อมาฉันพยายามใช้ชีวิตที่ไม่ปกติ ให้มันเหมือนปกติให้ได้มากที่สุด โชคดีที่ไลน์เนอร์ไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีกเลย ความรู้สึกต่างๆที่เคยคิดว่าจะแบกรับมันไม่ไหว ค่อยๆเบาบางลง ตามวันเวลาที่ผันเปลี่ยนเวียนไป“ไวท์! เย็นนี้อย่าลืมนัดนะ!”ไนท์เอ่ยเตือนฉัน ก่อนเราจะเริ่มเรียนวิชาสุดท้ายขอ
“ฉันต้องไปรับลูกหนู เธอรับผิดชอบตัวเองได้ใช่ไหม?”ไลน์เนอร์เดินออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพที่ไม่ต่างจากตอนเดินเข้าไปเท่าไหร่นัก มีเพียงหยดน้ำเม็ดใหญ่ที่เกาะพราวตามร่างกาย บอกให้รู้ว่าเขาเข้าไปทำความสะอาดร่างกายมา“ไม่ได้ยินที่พูด?”คนยืนเปลือยกายอยู่หน้าห้องน้ำถามซ้ำ ดวงตากดต่ำและลากไล้ ฉันรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเปลือยของตัวเองไว้ จากสายตาที่ลูบไล้โลมเลีย สติที่หลงมัวเมาไปตลอดสามชั่วโมง ถูกความจริงตรงหน้าตบให้ตื่นก็นะ! ฉันเป็นได้แค่ผู้หญิงชั่วคราว ไม่ใช่ตัวจริงที่ควรให้ค่า เขาจะไปทันทีที่เสร็จก็ไม่แปลก“อือ” ตอบรับพลางก้มหน้าซ่อนความเสียใจ ที่อาจปิดซ่อนไว้ได้ไม่ดีพอ“ถ้าไม่อยากท้องก็หายาคุมฉุกเฉินมากินซะ!”ไลน์เนอร์ก้าวเดินมาหยิบกางเกงที่หล่นอยู่ข้างเตียง เขาใส่มันตรงนั้น อย่างไม่กลัวว่าฉันจะแอบมองเลย เขาทำทุกอย่างได้อย่างเป็นธรรมชาติ มันมีเสน่ห์จนฉันเผลอจ้อง กว่าจะรู้ตัวว่าไม่ควรมอง ดวงตาสีเข้มก็หรี่ลงเหมือนไม่ชอบใจ“เข้าใจที่พูดไหม!?”“อือ … เข้าใจ”ฉันเบือนหน้าหนีไปอีกด้าน อายจนไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ เขาจะคิดยังไงเกี่ยวกับฉันนะ จะคิดว่าฉันหน้าด้านไร้ยางอาย หรือไม่เคยคิดอะไรเกี่ยวกับฉ
“อึก! อื้อ”แรงดูดสร้างกระแสไฟเล็กๆ ลุกลามไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย ความเสียวซ่านโอบอุ้มจุดที่ไวต่อความรู้สึก โดยเฉพาะจุดกระสัน มันขับน้ำหวานออกมามากขึ้น กระตุ้นให้ความต้องการที่ยังไม่มอดดับยากต่อการควบคุม แต่ … ความกลัวยังมีผลต่อร่างกาย สะท้านทุกครั้ง และพยายามขยับท่อนล่างหนี“อือ! อ๊ะ! ไลน์ … เนอร์! อือ”ความแข็งแต่นุ่มปัดป่ายผ่านจุดกระสัน ด้วยความสงสัยว่ามันคืออะไร ฉันจึงลดสายตาลงไปมอง เมื่อเห็นว่าท่อนลำใหญ่กำลังถูไถอยู่เหนือเนื้อผ้าบางเบา ดวงตาก็สั่นระริกแวววาวหยาดน้ำ ความต้องการถูกความกลัวลดทอนลงฉันยังไม่เคยเลย ใหญ่ขนาดนั้น มันจะเข้ามาในตัวฉันยังไง“ฮึก! ละ ไลน์ เนอร์ ฉันว่า ระ เรา! พอแค่นี้เถอะ”เบือนหน้าหนีไปด้านซ้ายเมื่อพูดจบประโยค ฉันกับเขา เราไม่ควรมาถึงขั้นนี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะเขาคือไลน์เนอร์ ผู้ชายที่เข้ามากระชากเอาหัวใจของฉันไปตั้งแต่เจอครั้งแรก ร่างกายจึงไม่ฟังที่สมองสั่ง และสมองทำงานไม่สัมพันธ์กับหัวใจฉันต้องการเขา“เธอจะหนีเอาตัวรอดเหรอ?”“ปะ เปล่าสักหน่อย ฉัน ฉันกลัวของนายต่างหาก”เมื่อถูกกล่าวหาว่าจะหนีเอาตัวรอด ฉันก็รีบแก้ต่างให้ตัวเอง เสียงหัวเราะนุ่มทุ้มดึงดูดให้ห
“แม่ง! ตามมา!”ไลน์เนอร์กระชากตัวฉันขึ้นจากโซฟา ฉันเดินตามหลังเขาและพยายามก้าวให้ทันช่วงขาเรียวยาว มองแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย ผสมปนเปกันจนจับความรู้สึกตัวเองไม่ถูกแอ๊ด! พลั่ก!“เข้าไปสิ!”ไลน์เนอร์พาฉันมาหยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง เขาเปิดประตูเสร็จก็ผลักไหล่ฉันเบาๆ พร้อมสั่งให้ก้าวเข้าไปข้างใน ฉันลังเลที่จะก้าว เห็นเตียงสีขาวในนั้นแล้วใจมันฟ่อฉันจะทำได้เหรอ? ถ้าผ่านคืนนี้ไปพร้อมกับเขา ฉันจะลืมเขาได้อย่างที่บอกตัวเองไว้ก่อนหน้านั้นไหมนะพรึ่บ!“อ๊ะ! จะทำอะไร!”ฉันตกใจเมื่อจู่ๆ ไลน์เนอร์ก็ก้าวมากระชากเสื้อที่ใส่อยู่ออก เพราะมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อย ไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้ ประตูห้องถูกปิดลงไปแล้ว เสื้อของไลน์เนอร์ถูกเขาถอดทิ้งไว้บนพื้นตั้งแต่ตอนไหนยังไม่รู้เลย เขาเอาจริงเหรอ! เปลี่ยนใจตอนนี้ได้ไหม ฉันกลัว“ฉัน … ฉันล้อเล่นน่ะ! ฉันแค่อยากเอาชนะนาย! ช่วย! ช่วยปล่อยฉันได้ไหม”ไม่อยากจดจำเขาต่อไป เพราะสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากฤทธิ์ของน้ำเมา และยาแปลกๆ ฉันขยับถอยหลังเมื่อไลน์เนอร์ไม่ปล่อย ซ้ำยังก้าวขาไล่ต้อนฉันไปเรื่อยๆ จนถึงเตียงสีขาวขนาดหกฟุตซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุดของห้อง ข้างๆเป็นกำ
อึก! อึก!ความหอมหวานของเหล้าผสมทำให้ฉันดื่มมันเกือบหมดแก้ว บาร์เทนเดอร์หนุ่มยิ้มมุมปาก วางแผ่นเมนูไว้ตรงหน้า ฉันหยิบมันขึ้นมาเพื่อดูว่าจะสั่งอะไรต่อ แต่ดูไปก็เท่านั้น ฉันเลือกถามมันกับเขา ว่าอะไรอร่อย และเหมาะกับฉันที่สุด“คุณคิดว่าอะไรอร่อย แล้วเหมาะกับฉัน?”คิ้วสีดำเข้มเลิกขึ้นสูง เขาไล่สายตาสำรวจฉันอย่างจริงจัง สายตาวาบหวามแบบนั้น ทำเอาหน้าร้อนวูบขึ้นมา คิดถึงสายตาของไลน์เนอร์ขึ้นมาเฉยเลย วันที่เขาลากฉันไปถ่ายแบบ เขาก็มองฉันด้วยสายตาแบบนี้เลย มันหมายความว่ายังไงนะ สนใจ หรือ …“มอง … มองแบบนั้นหมายความว่ายังไง?”มุมปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้าง มือที่เห็นรอยสักโผล่พ้นจากร่มผ้า วางลงตรงหน้าฉัน เขายื่นหน้าเข้ามาเอียงไปด้านข้าง กระซิบข้างหูเสียงพร่า“เพราะสนใจไงครับ”“สนใจ … งั้นเหรอ”“อื้อ คุณสวยนี่นา ก็ต้องสนใจอยู่แล้วแหละ”เขาถอยออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง ประโยคนั้นควรจะทำให้ฉันดีใจ แต่มันกลับทำให้รู้สึกแย่มากกว่า ไลน์เนอร์เองก็คิดแบบนี้หรือเปล่านะ เห้อ! ช่างเรื่องไลน์เนอร์ได้ไหม ไอ้สมองบ้าๆเนี่ย เลิกคิดเรื่องเขาสักทีพรึ่บ!“อันนี้ของคุณครับ”“ฉันไม่เหมาะกับอันนี้หรอกมั้ง?”เตกีลาเพร