“สีหน้าแบบนั้นคืออะไร?”
“หืม! เปล่านี่! ไม่ได้คิดอะไรเล้ย บอกได้ยังว่าลากฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?”
ฉันทำหน้ายียวนมากขึ้น ไม่ได้กลัวเขาเท่าตอนแรก เพราะมีคนอยู่รอบตัวเราเยอะ ถ้าฉันถูกเขาทำอะไร น่าจะพอร้องขอความช่วยเหลือได้แหละ
“ถ่ายแบบ แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไง”
ดวงตาคู่นั้นของไลน์เนอร์ เหมือนกำลังด่าฉันว่าโง่อยู่เลย ฉันเลือกที่จะมองข้ามไป เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง ถ้าแค่ถ่ายแบบเฉยๆ รีบถ่ายให้มันจบดีกว่า จะได้แยกย้ายกับเขาสักที
“แค่ถ่ายแบบ บอกดีๆก็ได้นะ ไม่ต้องทำแบบนี้”
ฉันขืนมือออกจากข้อมือของไลน์เนอร์ เขาปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ แต่ไม่นานก็โน้มตัวลงมาใกล้ จนใบหน้าแทบจะชนกับหน้าของฉัน ซ้ำยังใช้มืออ้อมมาดันแผ่นหลัง ไม่ให้ฉันขยับหนีไปไหน
“บอกดีๆแล้วจะยอมมา?”
เออว่ะ! บอกดีๆฉันก็ไม่มาหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่องของฉันไง
“ไม่อะ!”
“ก็นั่นแหละ! ไปเปลี่ยนชุดดิ!”
ไลน์เนอร์หยัดตัวขึ้นตรง ไล่ให้ฉันไปเปลี่ยนชุด ฉันเดินหน้าตึงผ่านร่างของเขาไป หยุดยืนอยู่ข้างๆราวเสื้อผ้า หันกลับไปมองเขาอย่างสงสัย ว่าชุดที่ฉันต้องใส่ถ่ายแบบนั้น มันใช่ชุดที่แขวนอยู่ในราวนี้จริงเหรอ
“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงห้วน ทำเอาใจฝ่อจนไม่อยากถาม แต่ก็ต้องถามเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
“คือ ชุดที่ฉันต้องใส่ คือชุดพวกนี้เหรอ?”
ในราวผ้าขนาดความยาวสองเมตร มีกางเกงชั้นในแบบสปอร์ตแขวนอยู่ และอีกครึ่งในนั้นก็เป็นชุดว่ายน้ำของผู้ชาย สรุปง่ายๆว่าในราวนี้ มีแต่เสื้อผ้าของผู้ชาย ซึ่งฉันเป็นผู้หญิง จะให้ใส่กางเกงตัวแค่นี้ถ่ายแบบ บ้าหรือเปล่า!
“เออ! ชุดพวกนั้นแหละ”
มุมปากหยักคล้ำเหมือนคนติดบุหรี่เหยียดออก ถ้ามันไม่มีแววตายียวน ฉันคงชมว่ามันโคตรมีเสน่ห์ แต่มันมีแววตาแบบนั้นส่งมาด้วยไง มันถึงให้ความรู้สึกชวนหงุดหงิด มากกว่าจะทำให้รู้สึกดี หรือมีเสน่ห์
ไอ้นี่กำลังกวนประสาทฉันอยู่แน่ๆ เขาก็รู้แล้วว่าฉันเป็นผู้หญิง ยังจะให้ฉันใส่ชุดแค่นั้นถ่าย ไอ้! ไอ้ประสาทเอ้ย!
“ไอ้โรคจิต! ฉันไม่ถ่ายหรอก! ก็เห็นอยู่ว่าฉันเป็นผู้หญิง ใส่ชุดแบบนั้นก็เห็นหน่มหน้มฉันนะสิ!”
“อย่างเธอ!” ไลน์เนอร์หยุดพูด ลากสายตาลงต่ำ จ้องนิ่งอยู่หน้าอกฉัน มุมปากเหยียดขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ “มีให้เห็นด้วยหรือไง”
กรี๊ด! ไอ้บ้านี่มันกำลังบูลลี่หน่มหน้มฉันอยู่ใช่ไหม ฉันแค่แต่งตัวเหมือนผู้ชาย ใส่เสื้อตัวใหญ่อำพรางรูปร่าง ความจริงฉันหุ่นดี ส่วนที่ควรมีแม่ก็ให้มาเยอะมาก
“แก! แก! อย่ามาบูลลี่น้องนมฉันนะ! แม่ให้ฉันมาเยอะมากเหอะ! ฉันแค่ไม่ชอบโชว์เว้ย!”
เหมือนมุมปากของไลน์เนอร์จะกว้างกว่าปกติ ดวงตาดุคู่นั้นก็เหมือนจะอ่อนโยนขึ้นด้วย
“งั้นเหรอ! ไหนดูหน่อย”
ไลน์เนอร์พูดจบก็ก้าวเร็วๆเข้ามาใกล้ ใช้สายตาดุร้ายจ้องไว้ไม่ให้ฉันคิดหนี สองมือใหญ่ช่วยกันถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกไป นิ้วเรียวยาวปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาที่ฉันใส่ออกด้วยความเร็วแสง ดวงตาฉันเบิกกว้าง เป็นครั้งแรกที่เปิดเผยส่วนสำคัญให้ผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ฝาแฝดตัวเองเห็น
“กรี๊ด! อึก!”
“อย่ากรี๊ดเชียว! ถ้าไม่ฟังฉันจะปิดปากเธอด้วยปากฉัน”
นิ้วมือที่ปิดปากอยู่ ผละออกไปหลังจากที่ขู่ฉันเสร็จ ไลน์เนอร์เดินหนีไปยืนหันหลังอยู่อีกมุม ฉันทรุดตัวนั่งลงบนพื้นปูนขัดมันอย่างคนสิ้นเรี่ยวแรง ยกสองมือขึ้นกุมหัวใจที่เต้นแรงจนเหมือนจะกระดอนออกมาเต้นข้างนอกไว้ ใบหน้าหล่อเหลาดุร้ายเอี้ยวกลับมาส่งยิ้มยียวนให้ ร่างกายกำยำหันกลับมา จากนั้นก็ลงมือทำสิ่งที่ส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจฉันอีก
มะ! แม่เจ้า ! ซิกแพค และหัวนมอมชมพู
ไลน์เนอร์ยังคงปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาสีขาว ด้วยความเชื่องช้ายิ่งกว่าเต่าคลาน ส่วนฉันก็ลากสายตาไปที่ไหนไม่ได้ ราวกับอยากรู้อยากเห็นร่างกายส่วนต่อไปของเขา ยิ่งเขาปลดลงต่ำเท่าไหร่ ซิกแพคก็ยิ่งแน่น และชวนให้อยากลองลูบไล้ฝ่ามือลงไปพิสูจน์ความแข็งแน่นของมัน
อึก! ให้ตายสิ! หุ่นของไลน์เนอร์โคตรดี สัดส่วนก็ลงตัวสุดๆ สมบูรณ์แบบกว่านายแบบบางคนซะอีก ที่สำคัญที่สุดคือฉัน เกิดความรู้สึกอยากลูบไล้มัน ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อน
“หึ! อึ้งเลยละสิ!”
คำพูดของไลน์เนอร์ กับรอยยิ้มแปลกๆของเขา ดึงสติของฉันกลับมา ฉันก้มหน้าลงต่ำ เพื่อซ่อนสีหน้าที่มันคงแปลกมากๆไว้
กลัวเขาสิ ฉันควรหวาดกลัวเขาเหมือนตอนแรก ทำไมตอนนี้ถึงไม่กลัว จะรู้สึกวูบวาบแบบนี้ไม่ได้นะ มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ควรเกิดขึ้นกับคู่อริหมายเลขหนึ่งของน้องชาย
พรึ่บ!
“อ๊ะ!”
เสื้อสีขาวที่เคยอยู่บนตัวไลน์เนอร์ ถูกเขาฟาดมันมาปิดหน้าฉัน ฉันคว้ามันมากำไว้ รู้สึกได้ถึงความอุ่นของเขาที่ยังเหลืออยู่
“ใส่นี่แล้วตามมาซะ!”
ไลน์เนอร์ออกคำสั่งเสียงห้วน ใส่ฉันที่ยังนั่งมึนอยู่บนพื้น ฉันมองเสื้อในมือ มันตัวใหญ่ก็จริง แต่มันจะปิดท่อนล่างฉันได้เหรอ?
“ให้ใส่แค่เสื้อของนายนี่นะ?”
“หรือจะใส่แค่กางเกงตัวนั้น เลือกเอา!”
“เลือกอย่างอื่นได้ไหม?”
“มีชุดอื่นให้เลือกหรือไง?”
ไลน์เนอร์มองรอบห้องไม่ต่างจากที่ฉันทำ การถ่ายแบบวันนี้มันธีมอะไรเนี่ย ทำไมชุดที่ใช้ถ่าย ถึงได้มีเนื้อผ้าบางเบาขนาดนั้น กางเกงในแบบสปอร์ตเอ่ย ชุดว่ายน้ำเอย ชุดนอนไม่ได้นอนเอ่ย มันใช่การถ่ายแบบจริงๆเหรอ
“…”
“รีบๆเปลี่ยน เขารอถ่ายอยู่”
เพราะอยากจะมีชีวิตรอดออกไปแบบสวยๆ ฉันจึงมองหาที่ๆพอจะใช้เปลี่ยนชุดต่อจากที่ไลน์เนอร์ถอดค้างไว้ เขาเหมือนรู้ความคิดฉัน หมุนตัวหันไปอีกด้าน เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครมองแล้ว ฉันรีบถอดเสื้อนักศึกษาสีขาวออก เหลือไว้เพียงบราเซียสีเดียวกัน ด้วยความที่ไม่ไว้ใจเขา ฉันจึงร้องบอกเขาไปอีกครั้งหนึ่ง
“อย่าแอบมองนะเว้ย!”
“รีบๆเปลี่ยนก่อนที่คนอื่นจะเข้ามาเหอะ!”
“ชิ!”
ฉันสวมเสื้อนักศึกษาของไลน์เนอร์เข้ากับตัว กลิ่นน้ำหอมแบรนด์ดังฉุนจนขึ้นจมูก ฉันเบ้ริมฝีปาก ไม่นานก็คลายลมหายใจรับเอากลิ่นหอมเย้ายวนนั้นเข้าร่าง ทุกอย่างที่เป็นไลน์เนอร์ ดูดีไปหมด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงฮอตสุดๆ ทั้งที่ชอบทำหน้าโกรธอยู่ตลอดเวลา
ถ้าไม่ติดว่าเขาหมายหัวไนท์อยู่ แล้วฉันถูกหมายหัวตามเพราะความหน้าคล้าย ฉันอาจจะหลงรักเขาก็ได้ ก็แค่อาจจะนั่นแหละ ฉันไม่เคยรักชอบใครเลย รู้สึกว่าผู้ชายก็มีนิสัยคล้ายๆกับไนท์หมด ไม่ทำตัวน่าปวดหัว ก็ทำตัวน่ารำคาญ
“นั่นพี่ไนท์นี่นา กรี๊ดพี่ไนท์!”เสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่เรียนอยู่ชั้นปีต่ำกว่า ดังไปทั่วบริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างตึกเรียน ฉันก้มหน้าลงต่ำสาวเท้าเดินตามหลังผู้ชายรูปร่างสูงยาวเข่าดี ที่มีดีกรีเดือนบริหารประดับอยู่บนบ่า บ่นขมุบขมิบเมื่อพวกผู้หญิงเหล่านั้น ชี้มือมาทางผู้ชายที่ชื่อไนท์“ฉันอยากเป็นของเขาจัง”“ฉันอยากนอนอยู่ใต้ร่างกำยำนั่นสักคืน”“ฉันอยากลองที่ระเบียงกับเขา”ผู้หญิงพวกนั้นพูดออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน หรือแม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ฉันได้แต่คิดอยู่ในใจ ถ้าพวกเธอรับอารมณ์เถื่อนๆ ของไอ้ไนท์ได้ ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก กลัวแต่ร่างกายของพวกเธอจะไม่ทน ให้ไอ้คนป่าเถื่อนอย่างไนท์ขย้ำนะสิ“เห้ย! นั่นพี่ไวท์นิ! ชิบหายล่ะ!”ปฏิกิริยาของผู้หญิงพวกนั้นต่างออกไปจากเดิม เมื่อมองเลยร่างของไนท์มาเจอฉัน ซึ่งสวมหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้า ที่สำคัญคือฉันใส่แมสอยู่ด้วย ปิดขนาดนี้แล้วยังรู้ว่าเป็นฉัน ฉันที่ไม่อยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ รีบหลบเข้าไปอยู่หลังไนท์ที่รูปร่างใหญ่กว่า“ฉันอยากได้พี่ไวท์อะ!”ฉันขนลุก เมื่อรุ่นน้องปีหนึ่งหน้าตาสวยหยด พูดขึ้นและส่งสายตาเหมือนอยากจะได้ฉันจ
“ไวท์! มึงหนีมาก่อนได้ไง! รู้ไหมว่าไอ้นั่นแม่งเกือบต่อยกู!”ไนท์พูดพลางใช้ร่างกายของเขาเบียดร่างผู้ชายคนนั้นกระเด็น ทิ้งตัวลงเมื่อเก้าอี้ตัวนั่นว่างเปล่า ฉันยกยิ้มที่เขาทำในสิ่งที่ฉันต้องการพอดี แต่ต้องหุบยิ้มฉับ เมื่อแฝดสยองของฉันจ้องมองนิ่งด้วยความที่เป็นแฝดกัน ฉันรู้ว่าการทำแบบนั้นของไนท์ มันหมายความว่าเขากำลังงอน“หน้าตาของแกยังดีอยู่นี่ไนท์ ไม่เห็นมีรอยหมัดเลย” ฉันยกมือขึ้นจับใบหน้าหล่อเหลา พลิกไปทางซ้าย จากนั้นก็พลิกมาทางขวา ไม่มีรอยช้ำอย่างที่ควรจะเป็นเอ๊ะ! นี่ฉันกำลังสนับสนุนให้น้องชายตัวเองโดนต่อยใช่ไหม “ก็ … นั่นแหละไนท์ หน้าหล่อๆของแก ยังปกติดี”ไนท์ยังคงจ้องฉันไม่เลิก เหมือนพยายามเข้ามาให้ถึงสิ่งที่ฉันคิด ฉันถึงกับหน้าถอดสี มันเกิดขึ้นบ่อยมากๆ ที่ไนท์อ่านความคิดฉันออกทั้งที่เขาเพียงแค่จ้องแบบนี้“เห้อ! เออ! หน้ากูยังปกติดี แต่มึงระวังตัวไว้เลยนะ อย่าให้ไลน์เนอร์เจอตัวเด็ดขาด”ไนท์ถอนหายใจยืดยาว เหมือนเขาจะพูดบางอย่าง แต่ก็เลือกที่จะไม่พูด ฉันไม่ถือสาที่น้องชายขึ้นมึงกูใส่ เพราะเขาพูดจาหมาไม่รับประทานกับฉันมาตั้งแต่เริ่มขึ้นมอปลาย แต่ไอ้เรื่องที่เขาเตือนให้ฉันระวังตัวจา
“เห้อ! ไม่ต้องบอกก็จะไป! จบนะ!” ฉันหมุนตัวกลับไป เดินหนีไลน์เนอร์ราวกับหนีเจ้าหนี้สุดโหด ยังเดินไม่ถึงไหนน้ำเสียงเยือกเย็นกว่าที่ได้ยิน ก็ดังอยู่ข้างหู“มึงไปกับกูหน่อยสิ ไวท์!”ข้อมือใหญ่เหมือนกรงเหล็ก รวบเอาข้อมือข้างซ้ายของฉันไปกำไว ร่างกำยำน่าอิจฉาลากฉันไปตามทางเดินเชื่อมระหว่างตึกคณะ ฉันขืนตัวไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่แรงผู้หญิงมันสู้แรงผู้ชายได้ที่ไหน เมื่อสู้ด้วยแรงไม่ได้ ฉันก็ตัดสินใจที่จะใช้ปากสู้ ไม่กลัวว่านั่นอาจจะทำให้เส้นด้ายชีวิตของตัวเองขาดสะบั้นลง“ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย!”ฉันไม่สนว่ากำลังถูกใครลากไป ไม่สนแม้จะรู้ถึงความน่ากลัวของไลน์เนอร์ ผ่านทางข่าวลือที่ใครหลายๆคนพูดผ่านหู ในพื้นที่ที่มีคนอยู่เยอะแบบนี้ เขายังกล้าทำแบบนี้กับฉัน ถ้าหากปล่อยให้เขาลากไปในที่ลับตาคน ฉันอาจจะถูกเขากระทืบตาย เพราะคิดว่าฉันเป็นไนท์เดี๋ยวสิ ไม่นี่ เมื่อกี้เขาเรียกฉันไวท์นี่นา ได้ยินชัดเต็มสองหูเลย“นี่! เดี๋ยวก่อน นายรู้ว่าฉันไม่ใช่ไนท์นี่ ปล่อยสิ ปล่อยสิเว้ย” ฉันตั้งใจว่าจะคุยกับไลน์เนอร์ดีๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือแววตาที่ชวนให้หงุดหงิด และแรงลากที่มากกว่าเดิม ฉันแทบจะปลิวไปตามแรงของเขา
“สีหน้าแบบนั้นคืออะไร?”“หืม! เปล่านี่! ไม่ได้คิดอะไรเล้ย บอกได้ยังว่าลากฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?”ฉันทำหน้ายียวนมากขึ้น ไม่ได้กลัวเขาเท่าตอนแรก เพราะมีคนอยู่รอบตัวเราเยอะ ถ้าฉันถูกเขาทำอะไร น่าจะพอร้องขอความช่วยเหลือได้แหละ“ถ่ายแบบ แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไง”ดวงตาคู่นั้นของไลน์เนอร์ เหมือนกำลังด่าฉันว่าโง่อยู่เลย ฉันเลือกที่จะมองข้ามไป เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง ถ้าแค่ถ่ายแบบเฉยๆ รีบถ่ายให้มันจบดีกว่า จะได้แยกย้ายกับเขาสักที“แค่ถ่ายแบบ บอกดีๆก็ได้นะ ไม่ต้องทำแบบนี้”ฉันขืนมือออกจากข้อมือของไลน์เนอร์ เขาปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ แต่ไม่นานก็โน้มตัวลงมาใกล้ จนใบหน้าแทบจะชนกับหน้าของฉัน ซ้ำยังใช้มืออ้อมมาดันแผ่นหลัง ไม่ให้ฉันขยับหนีไปไหน“บอกดีๆแล้วจะยอมมา?”เออว่ะ! บอกดีๆฉันก็ไม่มาหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่องของฉันไง“ไม่อะ!”“ก็นั่นแหละ! ไปเปลี่ยนชุดดิ!”ไลน์เนอร์หยัดตัวขึ้นตรง ไล่ให้ฉันไปเปลี่ยนชุด ฉันเดินหน้าตึงผ่านร่างของเขาไป หยุดยืนอยู่ข้างๆราวเสื้อผ้า หันกลับไปมองเขาอย่างสงสัย ว่าชุดที่ฉันต้องใส่ถ่ายแบบนั้น มันใช่ชุดที่แขวนอยู่ในราวนี้จริงเหรอ“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงห้วน ทำเอาใจฝ่
“เห้อ! ไม่ต้องบอกก็จะไป! จบนะ!” ฉันหมุนตัวกลับไป เดินหนีไลน์เนอร์ราวกับหนีเจ้าหนี้สุดโหด ยังเดินไม่ถึงไหนน้ำเสียงเยือกเย็นกว่าที่ได้ยิน ก็ดังอยู่ข้างหู“มึงไปกับกูหน่อยสิ ไวท์!”ข้อมือใหญ่เหมือนกรงเหล็ก รวบเอาข้อมือข้างซ้ายของฉันไปกำไว ร่างกำยำน่าอิจฉาลากฉันไปตามทางเดินเชื่อมระหว่างตึกคณะ ฉันขืนตัวไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่แรงผู้หญิงมันสู้แรงผู้ชายได้ที่ไหน เมื่อสู้ด้วยแรงไม่ได้ ฉันก็ตัดสินใจที่จะใช้ปากสู้ ไม่กลัวว่านั่นอาจจะทำให้เส้นด้ายชีวิตของตัวเองขาดสะบั้นลง“ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย!”ฉันไม่สนว่ากำลังถูกใครลากไป ไม่สนแม้จะรู้ถึงความน่ากลัวของไลน์เนอร์ ผ่านทางข่าวลือที่ใครหลายๆคนพูดผ่านหู ในพื้นที่ที่มีคนอยู่เยอะแบบนี้ เขายังกล้าทำแบบนี้กับฉัน ถ้าหากปล่อยให้เขาลากไปในที่ลับตาคน ฉันอาจจะถูกเขากระทืบตาย เพราะคิดว่าฉันเป็นไนท์เดี๋ยวสิ ไม่นี่ เมื่อกี้เขาเรียกฉันไวท์นี่นา ได้ยินชัดเต็มสองหูเลย“นี่! เดี๋ยวก่อน นายรู้ว่าฉันไม่ใช่ไนท์นี่ ปล่อยสิ ปล่อยสิเว้ย” ฉันตั้งใจว่าจะคุยกับไลน์เนอร์ดีๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือแววตาที่ชวนให้หงุดหงิด และแรงลากที่มากกว่าเดิม ฉันแทบจะปลิวไปตามแรงของเขา
“ไวท์! มึงหนีมาก่อนได้ไง! รู้ไหมว่าไอ้นั่นแม่งเกือบต่อยกู!”ไนท์พูดพลางใช้ร่างกายของเขาเบียดร่างผู้ชายคนนั้นกระเด็น ทิ้งตัวลงเมื่อเก้าอี้ตัวนั่นว่างเปล่า ฉันยกยิ้มที่เขาทำในสิ่งที่ฉันต้องการพอดี แต่ต้องหุบยิ้มฉับ เมื่อแฝดสยองของฉันจ้องมองนิ่งด้วยความที่เป็นแฝดกัน ฉันรู้ว่าการทำแบบนั้นของไนท์ มันหมายความว่าเขากำลังงอน“หน้าตาของแกยังดีอยู่นี่ไนท์ ไม่เห็นมีรอยหมัดเลย” ฉันยกมือขึ้นจับใบหน้าหล่อเหลา พลิกไปทางซ้าย จากนั้นก็พลิกมาทางขวา ไม่มีรอยช้ำอย่างที่ควรจะเป็นเอ๊ะ! นี่ฉันกำลังสนับสนุนให้น้องชายตัวเองโดนต่อยใช่ไหม “ก็ … นั่นแหละไนท์ หน้าหล่อๆของแก ยังปกติดี”ไนท์ยังคงจ้องฉันไม่เลิก เหมือนพยายามเข้ามาให้ถึงสิ่งที่ฉันคิด ฉันถึงกับหน้าถอดสี มันเกิดขึ้นบ่อยมากๆ ที่ไนท์อ่านความคิดฉันออกทั้งที่เขาเพียงแค่จ้องแบบนี้“เห้อ! เออ! หน้ากูยังปกติดี แต่มึงระวังตัวไว้เลยนะ อย่าให้ไลน์เนอร์เจอตัวเด็ดขาด”ไนท์ถอนหายใจยืดยาว เหมือนเขาจะพูดบางอย่าง แต่ก็เลือกที่จะไม่พูด ฉันไม่ถือสาที่น้องชายขึ้นมึงกูใส่ เพราะเขาพูดจาหมาไม่รับประทานกับฉันมาตั้งแต่เริ่มขึ้นมอปลาย แต่ไอ้เรื่องที่เขาเตือนให้ฉันระวังตัวจา
“นั่นพี่ไนท์นี่นา กรี๊ดพี่ไนท์!”เสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่เรียนอยู่ชั้นปีต่ำกว่า ดังไปทั่วบริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างตึกเรียน ฉันก้มหน้าลงต่ำสาวเท้าเดินตามหลังผู้ชายรูปร่างสูงยาวเข่าดี ที่มีดีกรีเดือนบริหารประดับอยู่บนบ่า บ่นขมุบขมิบเมื่อพวกผู้หญิงเหล่านั้น ชี้มือมาทางผู้ชายที่ชื่อไนท์“ฉันอยากเป็นของเขาจัง”“ฉันอยากนอนอยู่ใต้ร่างกำยำนั่นสักคืน”“ฉันอยากลองที่ระเบียงกับเขา”ผู้หญิงพวกนั้นพูดออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน หรือแม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ฉันได้แต่คิดอยู่ในใจ ถ้าพวกเธอรับอารมณ์เถื่อนๆ ของไอ้ไนท์ได้ ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก กลัวแต่ร่างกายของพวกเธอจะไม่ทน ให้ไอ้คนป่าเถื่อนอย่างไนท์ขย้ำนะสิ“เห้ย! นั่นพี่ไวท์นิ! ชิบหายล่ะ!”ปฏิกิริยาของผู้หญิงพวกนั้นต่างออกไปจากเดิม เมื่อมองเลยร่างของไนท์มาเจอฉัน ซึ่งสวมหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้า ที่สำคัญคือฉันใส่แมสอยู่ด้วย ปิดขนาดนี้แล้วยังรู้ว่าเป็นฉัน ฉันที่ไม่อยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ รีบหลบเข้าไปอยู่หลังไนท์ที่รูปร่างใหญ่กว่า“ฉันอยากได้พี่ไวท์อะ!”ฉันขนลุก เมื่อรุ่นน้องปีหนึ่งหน้าตาสวยหยด พูดขึ้นและส่งสายตาเหมือนอยากจะได้ฉันจ