ตอนที่ 2 มารดาเปลี่ยนไป
หรงผิงใช้เวลาในการตั้งสตินานหลายชั่วโมง
ก่อนจะลุกขึ้นสำรวจบ้านซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีสองห้องนอน หนึ่งห้องส้วม หนึ่งห้องอาบน้ำ หนึ่งห้องครัว และหนึ่งห้องโถง จากที่รับรู้ ถือว่าบ้านหลังนี้ดีกว่าบ้านหลังอื่น ๆ ในหมู่บ้านเสียอีกคนส่วนใหญ่ค่อนข้างยากจนจึงสร้างบ้านด้วยดิน มีการทำงานตามหน่วยคอมมูน ทำงานรับจ้าง และทำงานโรงงาน หรงผิงไม่แน่ใจว่ายุคนี้มันเป็นยุคไหน เพราะโลกที่เธอจากมาไม่ได้มียุคสมัยแบบนี้ หรือหากจะมีก็น่าจะย้อนยุคและผ่านมานานแล้วจนเธอไม่รู้
ยังดีที่เธอมีความทรงจำของร่างเดิม ยังพอที่จะปรับตัวได้บ้าง ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ลำบากมากกว่านี้แน่ ๆ หรงผิงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บ้านที่ดูดีกว่าบ้านคนอื่น แต่กลับรกจนไม่รู้จะรกอย่างไรแล้ว
"เสื้อผ้าของตัวเองยังดูดี แต่ลูกกลับใส่เสื้อผ้าขาด ๆ " หรงผิงบ่นพึมพำเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิม
หรงผิงตัดสินใจจัดการสิ่งของทุกอย่างที่อยู่ในห้อง จัดทุกอย่าง และแยกเสื้อผ้าทั้งหมดออกมา เพราะจากที่ดูแล้วมันต้องซักใหม่ทั้งหมด หรงผิงเก็บของ ทำความสะอาดบ้านไปด้วย พลางนึกถึงร่างเดิมว่าร้ายขนาดไหน ขนาดไม่สบายหลับไปสามวันยังไม่มีใครมาดูดำดูดี
คงร้ายขั้นสุด!! ญาติพี่น้องหรือคนรู้จักก็ไม่มาหา!!
"พี่ใหญ่ แม่เป็นอะไรมากไหม... แม่ทำงานบ้านเอง" ซือหงที่แอบดูแม่ทำงานบ้านหันมามองพี่ชายอย่างสงสัย เพราะปกติต้องเป็นพวกเธอที่ทำ ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้กินข้าว!!
"พี่ใหญ่ เราต้องไปทำงาน ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ได้กินข้าว!! " เมื่อนึกขึ้นได้ก็เริ่มทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ รีบดึงพี่ชายออกไปห้ามไม่ให้แม่ทำงาน
"มะ แม่ หนูทำเอง" ซือหงรีบวิ่งออกไปบอกแม่ พร้อมทั้งก้มหน้าเม้มปากแน่น กลัวว่าจะมีอะไรลอยมาหรืออาจโดนแม่ตบได้
"กินอิ่มแล้วเหรอ" หรงผิงถามเจ้าตัวเล็กที่ยืนเกร็งอย่างเห็นได้ชัด
หรงผิงรู้ว่าทำไมเด็กน้อยถึงมีอาการแบบนี้ เพราะยัยแม่ตัวร้ายโยนของใส่ ไม่ก็ตบจนล้มกลิ้ง มีอะไรอยู่ในมือก็ฟาดทันที เท่านั้นยังไม่พอ หากไม่ทำงานก็ไม่ให้กินข้าว ยังดีที่เด็กทั้งสองคนนี้แอบไปบ้านย่าเพื่อขอข้าวกินบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้กินอะไรเลย
"อันนี้จะซักเหรอครับ" จือหมิงชี้ไปที่กองผ้า แล้วก็นึกท้อแท้ว่าต้องขนไปซักมากมายขนาดนี้ และตอนนี้อากาศก็เย็น ซักผ้าแต่ละครั้งมือแตกและเจ็บมากอีกด้วย
"เอาไว้อย่างนี้แหละ แม่จะทำเอง" วันนี้เธอรับรู้เรื่องราวชวนหดหู่หลายอย่างเหลือเกิน พอเห็นเด็กแฝดก็มีแต่ภาพที่ถูกทำร้าย
หากเธอไม่รับรู้ความทรงจำจริง ๆ ของร่างเดิม คงคิดว่าเด็กทั้งสองคนนี้ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่นี่เธอรับรู้ทั้งหมด มันเลยทำให้เศร้าใจและหดหู่กับสิ่งที่แม่แท้ ๆ กระทำกับลูกทั้งสองคน
"แต่ว่า... " ซือหงกลัวไม่ได้กินข้าวเย็น แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป
"นั่งรอแม่อยู่ตรงนี้ก่อน" หรงผิงบอกลูกก่อนจะเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แล้วเอากุญแจที่พกติดตัวเปิดตู้ออกมา เธอสายตากวาดมองสิ่งของที่อยู่ในตู้ ก่อนจะหยิบนมมอลต์และหยิบข้าวสารกับไข่ไก่ออกมาวางไว้
"อาหง… อาหมิง... เข้ามาหาแม่หน่อย" หรงผิงเรียกเด็กแฝดทั้งสอง
"ช่วยแม่ถือของพวกนี้เข้าไปในครัว" หรงผิงส่งของต่าง ๆ ที่อยู่ในตู้ให้สองแฝดถือเข้าครัว เธอรู้ดีว่าร่างเดิมเก็บซ่อนไว้กินคนเดียว แต่เธอจะไม่ทำแบบร่างเดิมเป็นอันขาด
เธอจะเอาของพวกนี้มาทำอาหารให้เด็กแฝดได้กิน หากให้ถามว่ามีความรู้สึกรักสองคนนี้ไหม เธอก็ตอบได้ทันทีว่าไม่ได้รัก ความรู้สึกของเธอนั้นยังเหมือนเดิม ยังเป็นหรงผิงที่มาจากวันสิ้นโลก แต่ที่ทำแบบนี้เพราะเธอเห็นใจเด็กทั้งสองคน
หากใครมาเห็น มารับรู้อย่างที่เธอรับรู้... เชื่อเถอะว่าต้องทำแบบเดียวกันกับเธออย่างแน่นอน...
การทำอาหารง่าย ๆ เป็นอะไรที่เธอถนัดอยู่แล้ว ตอนที่ในวันสิ้นโลก ทุกอย่างต้องทำอย่างรวดเร็ว จะชักช้าไม่ได้เด็ดขาด ต้องระวังทั้งคนและระวังฝูงผีดิบอีกด้วย เพราะเหตุนี้ข้าวต้มไข่ง่าย ๆ พร้อมกับนมมอลต์คนละแก้วจึงเสร็จเรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว
เด็กแฝดต่างมองหน้ากันและหันไปมองแม่ที่กำลังทำอาหาร กลิ่นที่ลอยมาทำให้ต้องสูดกลิ่นความหอมของข้าวต้มไข่เข้าไปเยอะ ๆ ได้แต่คิดว่า หากได้สักครึ่งชามมาแบ่งกันกินสองคนก็ยังดี
"กินได้เลย" หรงผิงวางข้าวต้มให้คนละชามและนมคนละแก้ว
"กินได้เหรอครับ" จือหมิงทำใจถามออกไป หวังว่าชามที่อยู่ในมือแม่จะไม่กระแทกหน้ากลับมาก็พอ
"กินได้ ตอนนี้กินเท่านี้ก่อน ตอนเย็นค่อยกินอีกรอบ" หรงผิงบอกก่อนจะเดินออกไปข้างนอก เพราะหากเธอยังอยู่คงไม่มีใครกล้ากินอย่างแน่นอน
"พี่ใหญ่... แม่เปลี่ยนไป" ซือหงกระซิบบอกพี่ชายเสียงเบาทันทีที่แม่ออกไป
"อย่ากิน ไม่รู้ว่าแม่ใส่อะไรในนี้ไหม จำที่ย่าบอกได้ไหม" ถึงข้าวต้มจะน่ากิน นมมอลต์จะหอมแค่ไหนก็ทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคอเพียงเท่านั้น
ย่าเคยบอกว่าแม่เป็นคนที่ใจร้ายมาก ๆ หากให้กินอะไรง่าย ๆ อย่ากินเป็นอันขาด เพราะอาจถูกวางยาได้ และวันนี้เขากับน้องสาวยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่แม่กลับทำข้าวต้มและยังมีนมให้กินอีกด้วย
"แต่มันหอมมาก" ซือหงกลืนน้ำลายดังเอื้อกแล้วมองข้าวต้มกับนมด้วยสายตาละห้อย
หรงผิงได้ยินในสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน เธอไม่โกรธเลย... ดีใจด้วยซ้ำที่เด็กทั้งสองเชื่อฟังย่า เพราะไม่รู้ว่ายัยแม่ตัวร้ายมันจะเป็นบ้าขึ้นมาตอนไหนบ้าง สอนแบบนั้นถูกแล้ว เธอเข้าใจดีเลยแหละ
"แม่ไม่ได้ใส่ยาอะไรทั้งนั้น" หรงผิงเดินเข้ามามองสองแฝดที่ก้มหน้าไม่กล้ามองสบตา
หรงผิงเลยเดินเข้าไปหยิบช้อนแล้วค่อย ๆ ตักข้าวต้มชิมทั้งสองชาม เพื่อให้เด็กแฝดรู้ว่าเธอก็กินข้าวต้มชามนี้เหมือนกัน ก่อนจะยกนมมอลต์ขึ้นจิบทีละแก้วจนครบสองแก้วเพื่อยืนยันอีกครั้ง
"เชื่อหรือยัง แม่ยังกล้ากินของในชามเลย หากแม่ใส่ยาลงไปคงไม่กล้ากิน พากันกินได้แล้ว จะได้มาช่วยแม่ทำงานบ้าน" หรงผิงบอกก่อนจะออกไป และแน่นอนว่าหลังจากที่เธอพิสูจน์แล้ว ทั้งสองก็รีบกินข้าวต้มกับนมทันที
"แม่เปลี่ยนไป" ซือหงกินไปด้วย บอกให้พี่ชายรับรู้ไปด้วย
"ตาของแม่สวย ไม่น่ากลัวเหมือนแต่ก่อน" เธอจำได้ดี แต่ก่อนตาแม่จะดุมากกว่านี้
"อือ... รีบกิน จะได้ไปช่วยแม่ทำงาน" จือหมิงก็คิดเหมือนกันกับน้องสาว
แม่ไม่พูดเสียงดัง แม่ค่อย ๆ พูด หากแม่เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ ก็คงจะดีมาก ๆ เขาชอบที่แม่ใจดีแบบนี้มากกว่าแม่ที่ใจร้าย ชอบทุบตีเขากับน้องสาว เขาไม่อยากได้แม่แบบนั้นอีกแล้ว...
ตอนที่ 3 เพราะเธอคือมารดาตัวร้ายหรงผิงใช้เวลาช่วงบ่ายหมดไปกับการทำงานบ้าน บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ห่างไกลจากบ้านหลังอื่น เพราะไม่สามารถอยู่รวมกับครอบครัวสามีได้เลยต้องออกมาอยู่เองต่างหาก และเพราะเจ้าของร่างเดิมไม่ถูกกับใครในหมู่บ้าน เลยต้องมาซื้อที่ดินอาศัยอยู่ห่างไกลจากคนอื่น ๆหรงผิงตักน้ำไว้ใช้จนครบหมดทุกที่ เธอเก็บเสื้อผ้าซักตากเต็มหลังบ้าน ทำความสะอาดบ้านทุกซอกทุกมุม และได้สำรวจด้วยว่าขาดเหลืออะไรบ้าง บางอย่างไม่จำเป็นแต่กลับมี บางอย่างที่ควรมีกลับไม่มี เธอต้องจัดการของที่ไม่จำเป็นออกให้หมด และต้องเริ่มปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตใหม่ทั้งของตัวเองและของฝาแฝดด้วยเหมือนกันหากให้บอกว่าร่างเดิมเอาเงินไปใช้สิ้นเปลืองทั้งหมดก็ไม่ใช่ เพราะยังเอามาสร้างบ้านจนดูดีกว่าคนอื่น และยังสร้างกำแพงสูงอีกด้วย บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นเหมือนบ้านเศรษฐีที่อยู่ในเมือง เงินที่เอามาสร้างก็มาจากเงินสามีที่เป็นทหาร ซึ่งเบิกเงินล่วงหน้ามาสร้างบ้านตามที่ร่างเดิมต้องการความจริงเป็นแบบไหนเธอก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะจากที่รู้มาส่วนมากมาจากความทรงจำเดิม และบางอย่างที่เธอคิดและมองแบบคนนอก เลยมองเห็นภาพที่แตกต่างจากเจ้าของร่างเ
ตอนที่ 4 กรรมที่เคยทำเมื่อได้พูดคุยและส่งแม่กลับเรียบร้อยแล้ว หรงผิงก็ปิดบ้าน เตรียมตัวเข้าบ้านอาบน้ำนอน วันนี้เธอเจอมาหลายเรื่องแล้ว รับรู้มาหลายอย่าง เหมือนเป็นเธอที่กำลังมารับกรรมแทนร่างเดิมเลย แต่จะทำอย่างไรได้ ชีวิตคนเรามันไม่เคยมีอะไรง่ายอยู่แล้ว..."ทำไมนอนกันตรงนี้" เมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นว่าฝาแฝดนอนกับพื้นข้าง ๆ เตียงเตา"แม่เคยให้นอนตรงนี้" ซือหงตอบเสียงเบา"ขึ้นไปบนเตียง ทั้งสองคนเลย" หรงผิงสั่งเสร็จก็ไปจัดการจุดถ่านเพื่อที่จะได้เอามาไว้ใต้เตียงเตาเมื่อกลับมาแล้วก็เห็นสองพี่น้องนอนอยู่บนเตียงเตาแล้ว เธอเลยไม่พูดอะไรนอกจากเติมไฟให้เรียบร้อย ก่อนจะออกไปเตรียมอาบน้ำ เธอใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน หลังจากสำรวจตัวเองแล้วก็รีบออกมา เธอแอบไปดูฝาแฝด ก่อนจะเอาผ้าที่ร่างเดิมหวงนักหวงหนามาห่มให้ทั้งสอง และออกมานั่งที่หน้าบ้านจากตอนแรกคิดว่าตัวเองจะรีบนอนพักผ่อน พอเอาเข้าจริง ๆ กลับมีหลายเรื่องให้คิดจนไม่อยากจะนอน เลยออกมาใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อทบทวนว่า หากเธอต้องมาอยู่ในร่างมารดาตัวร้ายจริง ๆ เธอจะทำอะไรต่อจากนี้เรื่องทำมาหากินเอาตัวรอดนั้นไม่กลัวเลย แต่เรื่องที่เจ้าของร่างเดิมสร้างเรื
ตอนที่ 5 ชดเชยให้หรงผิงพาฝาแฝดเดินดูรอบ ๆ หมู่บ้าน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่แม่น้ำที่ร่างเดิมตกลงไป หากเป็นโลกเดิม ปลาแทบไม่มีแล้ว เพราะมีสารพิษในแม่น้ำ แต่ที่เห็นในตอนนี้สายน้ำยังใส ถึงจะรับรู้จากความทรงจำว่าหากุ้งหอยปูปลาได้ยาก แต่คิดว่าอย่างไรมันก็ต้องมีสัตว์น้ำอาศัยอยู่อย่างแน่นอน"แม่ไม่เข้าไปในเมืองเหรอคะ" ซือหงที่ตอนนี้กล้าถามกล้าพูดคุยกับแม่มากขึ้นกว่าเดิมนิดหนึ่ง ก็มองเส้นทางเข้าเมืองที่แม่ชอบไปบ่อย ๆ"เข้า... แต่ขอทำอะไรไว้สักหน่อย" หรงผิงถกกางเกงขึ้นแล้วเอาเถาวัลย์มัดไว้ ก่อนจะเอาไม้ที่หาได้ค่อย ๆ ขุดหลุมดักปลา ในเมื่อตอนนี้เธอยังไม่ได้เตรียมอุปกรณ์จับปลา สิ่งเดียวที่ทำได้คือหลุมดักปลา!!"ผมช่วย แม่ต้องทำแบบไหน" จือหมิงไม่เคยเห็นแม่ทำแบบนี้มาก่อน แต่ในเมื่อแม่เปลี่ยนเป็นคนใจดีแล้ว เขาก็พร้อมที่จะช่วยเช่นเดียวกันก่อนหน้านี้เขาก็เห็นใจแม่เหมือนกันที่คนอื่นรุมว่าแม่ เขาทำได้เพียงแค่มองเท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าแม่ใจร้ายจะออกมาตอนไหน หากแม่ใจร้ายออกมา เขาต้องพาน้องสาวหนีกลับมาตั้งหลักก่อน แต่พอเห็นแม่ใจดียังอยู่ก็ได้แต่แอบดีใจอยู่เงียบ ๆ"ก่อนหน้านี้เคยได้ผล ไม่รู้ว่าตอนนี้จะได้ผลไหม"
ตอนที่ 6 แม่ใจร้ายตายไปแล้วเช้าวันใหม่ สองพี่น้องรีบตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาช่วยแม่ทำงาน ทั้งสามถือกระป๋องเดินไปที่ลำธารในบริเวณที่ทำหลุมดักปลา ทั้งสองจำได้ดีว่าวันแรกได้ปลากลับบ้านไปตั้งหนึ่งตัว!! แม่ใจดีทำน้ำแกงปลาให้กินอีกด้วย บอกเลยว่ามันอร่อยมาก!!นับตั้งแต่วันนั้น พวกเขาจะมาดูปลาแต่เช้ามืดทุกวัน ซือหงหักนิ้วนับจำนวนวันที่แม่ใจดีมาอยู่ด้วย จากการนับแบบผิด ๆ ถูก ๆ ทำให้เธอนับได้จำนวนห้าวันแล้ว แต่พี่ชายบอกว่าเจ็ดวัน!! ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าใครที่นับวันผิดหรือถูก!!"หากวันนี้ได้ปลา แม่จะทำน้ำแกงแล้วให้พวกลูกเอาไปให้ย่า" หรงผิงบอกลูกทั้งสอง ตอนนี้เธอเริ่มชินกับการดูแลฝาแฝดแล้วตลอดเวลา 10 วันที่เธอมาอยู่ที่นี่ เธอค่อย ๆ ปรับเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ เสื้อผ้า อาหารการกิน ตอนนี้ฝาแฝดกินข้าวครบ 3 มื้อ มีนมกินก่อนนอนทุกวัน มีเสื้อผ้าที่สะอาดใส่ บ้านเรือนถูกจัดให้น่าอยู่มากขึ้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากพวกเธอทั้งสามคน ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่เปลี่ยนแปลง เจ้าแฝดก็มีส่วนร่วมด้วยเช่นกันตั้งแต่ทำหลุมดักปลา ก็มีปลามาติดทุกวัน อย่างน้อยก็ยังได้วันละตัว บางวันได้ถึงห้าตัว ตอนนี้เธอทำปลาตากแห้ง ปลาบาง
ตอนที่ 7 คนบ้านเฉินเมื่อเห็นหลานเดินไปแล้ว คนเป็นย่าก็ได้แต่ถอนหายใจ จากที่เห็นคือหลานดูดีขึ้น หน้าตาสดชื่นแจ่มใส และหลานทั้งสองเชื่อว่าแม่กลายเป็นคนดีแล้ว หากคนเราเปลี่ยนแปลงง่ายขนาดนั้นคงเปลี่ยนไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้หรอกรุ่ยจิวแต่งงานกับสามีและมีลูกชายทั้งหมดสามคน สามีเป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตคอมมูน ลูกชายทั้งสามรับราชการเป็นทหารทั้งหมด ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวเธอดีกว่าบ้านอื่น ๆ สะใภ้ไม่ต้องทำงานอะไร นอกจากดูแลบ้านและดูแลลูกเพียงเท่านั้นด้วยความที่มีลูกชายหน้าตาดี และทุกคนทยอยสมัครเข้าไปเป็นทหาร ทำให้มีหญิงสาวอยากแต่งเข้าบ้านเฉินกันทั้งนั้น แต่เพราะลูกชายคนโตกับคนรองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เหลือแต่คนเล็กเท่านั้นที่ยังไม่มี จึงทำให้สาว ๆ หลายคนถอดใจไปบ้างแต่แล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับลูกชายคนรอง หรือก็คือพ่อของเจ้าแฝดที่ดื่มกินจนเมาและได้เสียกับสะใภ้รองจนมีเจ้าแฝด ตั้งแต่นั้นหลายอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะลูกคนรองต้องแต่งงานกับแม่เจ้าแฝด ลูกชายของเธอทำผิดต่อคู่หมั้นของตัวเองเรื่องขอถอนหมั้นก็ไม่ใช่เรื่องดีและไม่ควรทำเช่นกัน เพราะฝ่ายหญิงไม่ได้ทำอะไรผิดเ
ตอนที่ 8 ว่าด้วยเรื่องของการหย่าผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วที่หรงผิงเข้าไปที่บ้านเฉิน หลังจากที่กลับมา เธอก็ไม่ได้เข้าไปในหมู่บ้านอีกเลย แต่ให้ฝาแฝดเอาปลาเป็นเข้าไปให้บ้านย่าแทน ที่ทำแบบนั้นเพราะคิดว่าควรทำ เพราะหากหย่าแล้วจะได้จบกันด้วยดี"ปลาแห้งของเราเยอะมาก" จือหมิงมองปลาแห้งที่แม่ทำไว้เยอะมาก ๆ แม่บอกว่าเอาเก็บไว้กินได้นาน ๆ พอเห็นว่ามีอาหารอยู่มาก เลยทำให้ยิ้มอย่างสุขใจ"แม่ใจดีมาอยู่กี่วันแล้วหรือคะ หนูหักนิ้วได้ 15 วัน พี่ใหญ่บอก 17 วัน" ซือหงตัดสินใจถามแม่ น่าจะให้คำตอบกับเธอได้บ้าง"22 วัน" หรงผิงตอบออกไป เธอจำได้เป็นอย่างดี ตลอดเวลาที่มาอยู่ที่นี่ เธอได้สำรวจและรู้ว่าช่วงนี้ยังทำอะไรมากไม่ได้ เพราะยังอยู่ในฤดูหนาว และเธอรอให้เรื่องหย่าคลี่คลายก่อนไม่รู้ว่าพ่อของเด็ก ๆ จะมาไม้ไหน เธอได้ข่าวที่ชาวบ้านพูดต่อ ๆ กันเพียงเท่านั้น จบจากเรื่องหย่าแล้วค่อยคิดว่าตัวเองจะทำอะไรต่อ จากที่นับวันเวลาดูแล้วคงเหลืออีกไม่กี่วัน พ่อของเด็ก ๆ คงมาจัดการเรื่องหย่าแล้ว"ผิดทั้งคู่!!" ซือหงหันไปหัวเราะกับพี่ชาย ที่ต่างเถียงกันแต่กลับผิดทั้งคู่"แม่... หย่าคืออะไร" จือหมิงอยากรู้เรื่องนี้มาก เขาก
ตอนที่ 9 รับทราบข้อกล่าวหาหรงผิงคิดว่าตัวเองน่าจะมาอยู่ที่สถานีตำรวจ เธอไม่ค่อยเข้าใจระบบระเบียบของยุคนี้มากนัก จึงทำได้เพียงเงียบและคอยมองสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัว เธอไม่รู้ว่าพ่อของเด็กแฝดจะทำแบบไหนบ้างอยากเห็นหน้าสักครั้ง คนแบบไหนที่ทำให้ร่างเดิมรักแบบหัวปักหัวปำขนาดนี้!!ดูใจร้ายเหมือนกันที่เขาทำแบบนี้ ไม่มาเจอหน้า ไม่มาเจรจา แต่ยื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่จัดการเอง นั่นเท่ากับว่าเขาวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว ตัวเธอนั้นพอเข้าใจที่เขาทำแบบนี้ เพราะรู้ดีว่าร่างเดิมเป็นแบบไหน รับรองว่าถ้าเจ้าของร่างเดิมยังอยู่ก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ ๆ อย่าว่าแต่พ่อของเด็กแฝดเลือกทำแบบนี้เลย หากเป็นเธอที่ต้องการจัดการปัญหากับคนแบบเจ้าของร่างเดิม ก็เลือกที่จะทำแบบนี้เช่นเดียวกัน"พออ่านหนังสือได้ใช่ไหม" เจ้าหน้าที่นั่งลง ก่อนจะถามหญิงสาวที่นั่งรออยู่เงียบ ๆ"พออ่านได้ค่ะ แต่อยากให้แจ้งมาด้วย เพราะอ่านไม่ค่อยคล่องสักเท่าไร" หรงผิงเลือกที่จะอ่านและฟังจากปากของเจ้าหน้าที่ด้วย"จะสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ แล้วกัน" เจ้าหน้าที่คิดว่าหากอ่านทุกตัวอักษร มันจะเป็นประโยคทางการพอสมควร ชาวบ้านทั่วไปจะไม่ค่อยเข้าใจ อย่าว่าแต่ช
ตอนที่ 10 ชาวบ้านผู้หวังดีฝาแฝดเดินตามย่ามาที่ร้านค้าของหมู่บ้าน หากเป็นแต่ก่อนทั้งสองจะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก อยากจะมาดูว่าร้านค้ามีอะไรขายบ้าง แม้ไม่ได้ซื้ออะไรเลยก็ตามแต่หลังจากเหตุการณ์ที่ทุกคนต่อว่าแม่ และคนขายไม่ยอมขายของให้ด้วย ทำให้พวกเธอไม่ค่อยอยากมาสักเท่าไร แต่ที่มาวันนี้เพราะจะได้มารอแม่ หากแม่กลับมาจะต้องผ่านเส้นทางนี้ เพราะตอนออกไป... แม่ก็นั่งรถผ่านเส้นทางนี้เหมือนกัน"พี่ใหญ่ หรือว่าแม่จะเดินลัดทุ่งนาเหมือนตอนที่พาเราเข้าไปในเมือง" เมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่อาจมาอีกเส้นทางหนึ่งก็เริ่มที่จะลังเลไม่อยากเดินต่อ"เดินเร็ว ๆ ย่าจะซื้อลูกอมนมกระต่ายขาวให้" รุ่ยจิวเร่งหลานทั้งสอง ตอนนี้พยายามที่จะให้หลานลืมเรื่องแม่ไปก่อน"ย่าครับ แม่จะมาเส้นทางนี้ไหมครับ" จือหมิงถามย่าเพื่อความแน่ใจ"ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไปเลือกขนมได้เลย อยากได้อะไรก็เลือกเอาเลย" รุ่ยจิวตอบหลานแล้วดันตัวหลานให้เข้าไปในร้านค้า เพื่อเลือกซื้อขนมตามที่ต้องการเมื่อให้หลานเข้าไปแล้ว ตัวเองก็นั่งรออยู่บริเวณหน้าร้านค้า ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ ตอนนี้หลานทั้งสองดูเหมือนจะติดแม่มาก ๆ แค่หายไปไม่นานก็พากันออกมานั่งรอที่หน้า
ตอนที่ 17 ไม่เป็นอย่างที่คิดหรงผิงเลือกซื้อสิ่งของที่ต้องการทุกอย่างด้วยเวลาอันรวดเร็ว อาจเพราะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องซื้ออะไรบ้าง และอีกอย่างเธอต้องรีบเร่ง เพราะเธอต้องรีบไปรับลูกตามที่นัดไว้อีกด้วย"ซื้อสักหน่อยไม่น่าจะเสียเวลามาก" หรงผิงเห็นร้านขนมที่ขายอยู่ในห้างจึงตัดสินใจเดินเข้าไปซื้อเพื่อเอาไปฝากลูก ขนมที่แปลกใหม่จะทำให้สองแฝดยิ้มได้อย่างแน่นอนหรงผิงใช้เงินซื้อของให้ลูกทั้งสองคนเกือบร้อยหยวน เธอซื้อเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า กระเป๋า หมวก เสื้อกันหนาว และทุกอย่างเธอซื้ออย่างละสองชิ้น!! หากถามว่าซื้อเยอะไหม ก็บอกเลยว่าเยอะ!! แต่เทียบกับจำนวนเงินที่หามาได้และความจำเป็นในสิ่งที่ซื้อก็ถือว่าคุ้มค่าแน่นอนหลังจากที่เข้าไปซื้อขนมเรียบร้อยแล้ว หรงผิงก็ออกจากห้างเตรียมตัวกลับบ้านโดยเดินลัดทุ่งนาเหมือนตอนขามา สองเท้าก้าวเดิน ในหัวก็เริ่มวางแผน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวพ่อกับแม่ที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนเธอมาตลอดถึงแม้สถานะทางบ้านไม่ได้ขัดสนมากนัก แต่พี่ชายทั้งสองคนกับพ่อก็ยังทำงานหนักอยู่ดี เธอคิดว่าคงช่วยแค่ทางบ้านตัวเอง คงไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือครอบครัวของพ่อเด็ก ๆ เพราะถึงอย่างไรเ
ตอนที่ 16 เงินก้อนแรกเมื่อมาถึงในเมือง หรงผิงก็รีบตรงไปที่ตลาดมืดตามที่ตั้งใจไว้ วันนี้มีงานเทศกาลจึงทำให้มีผู้คนเข้ามาในเมืองค่อนข้างเยอะ และเธอรู้ว่าแม่สามีจะพาฝาแฝดมาเดินเที่ยวงานในวันนี้เช่นเดียวกัน จึงหลีกเลี่ยงไปใช้อีกเส้นทางหนึ่ง เพราะไม่อยากให้ลูกหรือครอบครัวของสามีต้องมาเจอเธอในตอนนี้ตลาดมืดตามความทรงจำนั้น มันอยู่ในตรอกเล็ก ๆ และแน่นอนว่ามันไม่ใช่สถานที่มิดชิดขนาดนั้น ทุกอย่างเลยต้องรีบซื้อรีบขาย บางวันทั้งคนซื้อและคนขายยังต้องวิ่งหนีเจ้าหน้าที่กันอย่างอุตลุด เรื่องนี้เธอได้มาจากความทรงจำของร่างเดิม จริงเท็จแค่ไหนก็ไม่อาจตอบได้จนกว่าจะไปเห็นกับตาตัวเองเท่านั้นการอำพรางตัวเข้ามานั้นเป็นเรื่องง่ายสำหรับหรงผิง เพราะเธอเคยเอาตัวรอดแบบนี้อยู่บ่อย ๆ พอเข้ามาในเขตตลาดมืดก็เริ่มจากสำรวจก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อย ๆ สอบถามราคาสินค้า และคอยเฝ้ามองผู้คนไปด้วย หากต้องการขายของอย่างปลอดภัยจะต้องจับตามองลูกค้าให้ดี ๆ เพราะบางครั้งเจ้าหน้าที่ก็มาในรูปแบบของลูกค้าเช่นเดียวกัน"ฉันมีข้าวสาร พี่สาวสนใจไหม" เมื่อรู้ราคาสินค้าและยังได้จับตามองดูลูกค้ามาสักพักแล้ว จึงทำให้กล้าและมั่นใจที่จะเข้
ตอนที่ 15 เตรียมความพร้อมกับมิติฟาร์มหลังจากที่ส่งลูกทั้งสองไปบ้านย่าเรียบร้อยแล้ว หรงผิงก็กลับบ้านมาจัดการทุกอย่างให้พร้อม เธอเตรียมชุดกับให้เงินลูกพกติดตัวไปด้วย ถึงจะไม่มากมายแต่ก็ยังมีให้ติดตัวไปบ้าง หรงผิงดีใจที่เด็กทั้งสองเชื่อฟัง ถึงแม้เจ้าตัวเล็กซือหงจะอยากให้แม่ไปด้วยก็ตาม แต่พอบอกเหตุผลก็ยอมฟัง และหอบผ้าตามพี่ชายไปนอนบ้านปู่บ้านย่าด้วยสีหน้าเหงาหงอยพออยู่ด้วยกันนานนับเดือนก็มีความรู้สึกห่วงใยกันและกันเป็นธรรมดา เธอค่อนข้างห่วงเด็กทั้งสอง แต่ก็มั่นใจว่าครอบครัวของพ่อเด็กจะสามารถดูแลได้เป็นอย่างดี"ไอ้คนแซ่เฉิน!! เมื่อไรจะกลับมาจัดการให้เรียบร้อย" หรงผิงนึกถึงพ่อของเด็กแฝดแล้วก็คิดว่าเขานั้นทำอะไรชักช้าเหลือเกิน ตอนนี้เธออยากหย่าขาดจากเขาแล้ว!!"บางครั้งฉันก็คิดว่านายใจร้ายเหมือนกันนะ" หรงผิงพึมพำเกี่ยวกับพ่อของเด็ก ๆ ถึงจะเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาก็ใจร้ายเหมือนกันหรงผิงสะบัดหัวเพื่อเรียกสติตัวเอง เธอไม่ชอบคุยกับคนอื่น แต่ชอบคุยกับตัวเอง เถียงกับตัวเองมากกว่า อาจเพราะติดนิสัยการเอาตัวรอดมาจากวันสิ้นโลก หากไม่จำเป็นจะไม่มีการพูดคุยกับคนอื่น เพราะเวลาเดินท
ตอนที่ 14 สะใภ้รองเปลี่ยนไปชุนหลินรอแม่สามีที่บอกว่าจะไปหาสะใภ้รองอย่างเป็นกังวล เพราะแม่หายไปนานมากแล้วแต่ยังไม่กลับมา จึงทำให้เธออยู่รอที่บ้านไม่ไหว จนต้องเดินออกมาตาม หากมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันได้ทัน"ฉันกำลังจะออกไปตามแม่... " ชุนหลินเดินมาถึงครึ่งทางแล้วก็เจอแม่สามีพอดี เธอนั้นร้อนใจตั้งแต่ที่แม่บอกจะไปหาสะใภ้รอง และแม่ยังหายมานานอีกด้วย!!"พอดีคุยกับเจ้าแฝดเพลินเลยช้าไปหน่อย... กลับบ้านก่อนค่อยคุยกัน" รุ่ยจิวรีบบอกให้ลูกสะใภ้กลับบ้าน เพราะอยากจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองฟังเมื่อมาถึงบ้านก็เห็นลูกสะใภ้เล็กนั่งรออยู่แล้ว รุ่ยจิวเลยให้หลาน ๆ พากันออกไปเล่น ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ตัวเองไปเจอมาให้ทั้งสองสะใภ้ได้ฟัง"แม่... หรือพี่สะใภ้รองจะรู้ตัวว่าทำผิดจริง ๆ " ซูเยว่พูดขึ้นหลังจากที่ฟังแม่สามีเล่าเรื่องจนจบ"พักนี้ไม่มีข่าวอะไรเลยนะ ปกติแล้วชาวบ้านจะต้องเล่าว่าไปเจอที่ไหนและโดนอะไรมาบ้าง แต่ตอนนี้ชาวบ้านไม่เห็นจะพูดถึงเลย แม้แต่เจอตัวก็ยังไม่มีใครได้เจอเลย" ชุนหลินก็บอกถึงเรื่องที่ตัวเองมักได้ยินเป็นประจำ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึงสักเท่าไร จะบอกว่าคนอื่นเลิก
ตอนที่ 13 ความเชื่อใจหรงผิงและลูกทั้งสองตื่นแต่เช้า เพื่อทำกิจวัตรประจำวัน เด็ก ๆ จะมีหน้าที่ช่วยงานบ้านเท่าที่จะช่วยได้ และยังต้องหัดเขียนหนังสือที่ลานหน้าบ้านในตอนเช้าของทุกวันอีกด้วยเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าในมิติฟาร์มยังมีสมุดหนังสือและดินสอที่สามารถนำออกมาใช้งานได้ เลยปล่อยให้ลูกทั้งสองคนเขียนหนังสืออยู่ที่ลานหน้าบ้านก่อน ส่วนตัวเธออ้างว่าต้องการไปเข้าห้องน้ำ แต่ความจริงแล้วเธอเข้ามาในมิติฟาร์มหรงผิงเคยได้รับบทเรียนมาจากโลกเดิมแล้วว่า... ความลับบางอย่างก็ไม่ควรที่จะเปิดเผยให้ใครได้รับรู้ เธอยอมรับว่าตอนนี้ยังไม่เชื่อใจใครเลยสักคน ชาติที่แล้วตายเพราะญาติที่คิดว่าดีแสนดี ชาตินี้จะไม่มีทางทำเหมือนเดิมอีกเป็นอันขาด!!"คิดถึงกลิ่นนี้มากกก... " หรงผิงลากเสียงยาวทันทีที่เข้ามาในห้องหนังสือ ก่อนจะค่อย ๆ หาดินสอและหยิบสมุดเล่มเล็กตามที่ตัวเองตั้งใจมาเอาตั้งแต่แรก"ในนี้ทุกอย่างจะคงสภาพไม่เน่าไม่เสีย... ในครัวเรามีตู้ใส่อาหาร!! " เมื่อนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่ตัวเองจะตายมีเสบียงหลงเหลืออยู่ในครัว จึงรีบเข้าไปตรวจสอบ เพราะในมิติฟาร์มทุกอย่างจะคงสภาพไม่เน่าไม่เสีย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม"
ตอนที่ 12 ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันผ่านมาสามวันแล้วที่หรงผิงกลับมาจากบ้านของพ่อและแม่ ทุกคนในครอบครัวเข้าใจเธอเป็นอย่างดี และยังยอมรับฟังเหตุผลของเธออีกด้วย เธอรู้ว่าโลกนี้ ยุคนี้ ค่อนข้างใจร้ายกับผู้หญิงที่หย่าจากสามี แต่พอมีครอบครัวที่พร้อมจะเคียงข้าง มันเลยทำให้เธอสบายใจมากขึ้น ตอนนี้เธอไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะคิดเห็นอย่างไร เธอสนใจแค่เจ้าแฝดและครอบครัวของพ่อแม่เพียงเท่านั้น"ใกล้แล้ว... ใกล้ที่ฉันจะเป็นอิสระแล้ว... " หรงผิงพึมพำคนเดียวเบา ๆหลังจากที่พาเจ้าแฝดเข้านอนแล้ว สถานที่ที่เธอชอบมานอนเวลาต้องการใช้ความคิดมากที่สุดคือบริเวณหน้าบ้าน อาจเพราะเธอชอบบรรยากาศและอากาศที่เย็นสบาย เธอรู้สึกว่าสมองแล่นได้ดีและคิดอะไรออกง่ายกว่าเวลาที่เจออากาศร้อนหรงผิงนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเผลอหลับไปเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป... เพราะเธอนอนดิ้นจนหล่นจากโต๊ะ!! ความรู้สึกที่กำลังจะร่วงหล่นลงพื้นทำให้เธอลืมตาตื่นทันทีตุ๊บ!!"อ่า... อยู่แบบคนธรรมดาเพียงไม่กี่เดือน... หลงลืมสัญชาตญาณที่เคยมีไปจนหมดสิ้น ไม่ดี ไม่ดี แบบนี้ไม่ดีเลย" หรงผิงสะบัดหัวเพื่อทำให้ตื่นตัวได้เต็มที่ ก่อนจะค่อย ๆ พยุงต
ตอนที่ 11 ครอบครัวเซียววันต่อมา หรงผิงก็พาลูกมาที่บ้านพ่อกับแม่ซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งไม่ห่างกันมากนัก เธอทำตามที่ได้รับปากแม่ตั้งแต่เมื่อวาน และก่อนจะออกจากบ้าน เธอก็ให้ลูกไปบอกย่าว่าจะพากันไปนอนที่บ้านของยาย เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่กังวลว่าหลานหายไปไหนหลายวันในตอนแรกเธอคิดว่าบอกให้รับรู้แล้ว... ทุกคนจะได้วางใจ แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด พวกเขากลัวว่าเธอจะพาลูกหนี!! จนต้องเดือดร้อนพ่อสามีเอารถแทรกเตอร์ของฝ่ายผลิตมาส่งพวกเธอถึงบ้านและนัดวันมารับกลับอีกด้วยหรงผิงไหนเลยจะไม่รู้ว่าพวกเขากลัวอะไร แต่เพราะเธอบริสุทธิ์ใจเลยยอมตกลงง่าย ๆ ดีเสียอีก ไม่ต้องพาลูกเดินให้เหนื่อย และไม่ต้องเสียเวลาอีกด้วยเป็นใครก็ต้องระแวง เพราะคำว่าแม่ตัวร้ายนั้นไม่ใช่แค่คำเรียก การกระทำที่กล้าลงมือกับทุกคน ลงมือกับลูกต่างหากที่ทำให้คนเรียกแม่ของเจ้าแฝดว่าเป็นมารดาตัวร้าย!!หรงผิงเข้าใจดีเลยแหละ เธอไม่โกรธคนพวกนั้นเลย บ่งบอกว่าพวกเขาเป็นห่วงเจ้าแฝด แบบนี้ยิ่งดี หากเธอหย่ากับพ่อของเด็ก ๆ แล้วก็สบายใจได้เลยว่า พวกเขาจะรักและดูแลเจ้าแฝดเป็นอย่างดี"ไม่ได้ไปทำงานกันเหรอคะ" หรงผิงมองหน้าพ่อ แม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ และหล
ตอนที่ 10 ชาวบ้านผู้หวังดีฝาแฝดเดินตามย่ามาที่ร้านค้าของหมู่บ้าน หากเป็นแต่ก่อนทั้งสองจะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก อยากจะมาดูว่าร้านค้ามีอะไรขายบ้าง แม้ไม่ได้ซื้ออะไรเลยก็ตามแต่หลังจากเหตุการณ์ที่ทุกคนต่อว่าแม่ และคนขายไม่ยอมขายของให้ด้วย ทำให้พวกเธอไม่ค่อยอยากมาสักเท่าไร แต่ที่มาวันนี้เพราะจะได้มารอแม่ หากแม่กลับมาจะต้องผ่านเส้นทางนี้ เพราะตอนออกไป... แม่ก็นั่งรถผ่านเส้นทางนี้เหมือนกัน"พี่ใหญ่ หรือว่าแม่จะเดินลัดทุ่งนาเหมือนตอนที่พาเราเข้าไปในเมือง" เมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่อาจมาอีกเส้นทางหนึ่งก็เริ่มที่จะลังเลไม่อยากเดินต่อ"เดินเร็ว ๆ ย่าจะซื้อลูกอมนมกระต่ายขาวให้" รุ่ยจิวเร่งหลานทั้งสอง ตอนนี้พยายามที่จะให้หลานลืมเรื่องแม่ไปก่อน"ย่าครับ แม่จะมาเส้นทางนี้ไหมครับ" จือหมิงถามย่าเพื่อความแน่ใจ"ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไปเลือกขนมได้เลย อยากได้อะไรก็เลือกเอาเลย" รุ่ยจิวตอบหลานแล้วดันตัวหลานให้เข้าไปในร้านค้า เพื่อเลือกซื้อขนมตามที่ต้องการเมื่อให้หลานเข้าไปแล้ว ตัวเองก็นั่งรออยู่บริเวณหน้าร้านค้า ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ ตอนนี้หลานทั้งสองดูเหมือนจะติดแม่มาก ๆ แค่หายไปไม่นานก็พากันออกมานั่งรอที่หน้า
ตอนที่ 9 รับทราบข้อกล่าวหาหรงผิงคิดว่าตัวเองน่าจะมาอยู่ที่สถานีตำรวจ เธอไม่ค่อยเข้าใจระบบระเบียบของยุคนี้มากนัก จึงทำได้เพียงเงียบและคอยมองสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัว เธอไม่รู้ว่าพ่อของเด็กแฝดจะทำแบบไหนบ้างอยากเห็นหน้าสักครั้ง คนแบบไหนที่ทำให้ร่างเดิมรักแบบหัวปักหัวปำขนาดนี้!!ดูใจร้ายเหมือนกันที่เขาทำแบบนี้ ไม่มาเจอหน้า ไม่มาเจรจา แต่ยื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่จัดการเอง นั่นเท่ากับว่าเขาวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว ตัวเธอนั้นพอเข้าใจที่เขาทำแบบนี้ เพราะรู้ดีว่าร่างเดิมเป็นแบบไหน รับรองว่าถ้าเจ้าของร่างเดิมยังอยู่ก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ ๆ อย่าว่าแต่พ่อของเด็กแฝดเลือกทำแบบนี้เลย หากเป็นเธอที่ต้องการจัดการปัญหากับคนแบบเจ้าของร่างเดิม ก็เลือกที่จะทำแบบนี้เช่นเดียวกัน"พออ่านหนังสือได้ใช่ไหม" เจ้าหน้าที่นั่งลง ก่อนจะถามหญิงสาวที่นั่งรออยู่เงียบ ๆ"พออ่านได้ค่ะ แต่อยากให้แจ้งมาด้วย เพราะอ่านไม่ค่อยคล่องสักเท่าไร" หรงผิงเลือกที่จะอ่านและฟังจากปากของเจ้าหน้าที่ด้วย"จะสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ แล้วกัน" เจ้าหน้าที่คิดว่าหากอ่านทุกตัวอักษร มันจะเป็นประโยคทางการพอสมควร ชาวบ้านทั่วไปจะไม่ค่อยเข้าใจ อย่าว่าแต่ช