ตอนที่ 4 กรรมที่เคยทำ
เมื่อได้พูดคุยและส่งแม่กลับเรียบร้อยแล้ว
หรงผิงก็ปิดบ้าน เตรียมตัวเข้าบ้านอาบน้ำนอน วันนี้เธอเจอมาหลายเรื่องแล้ว รับรู้มาหลายอย่าง เหมือนเป็นเธอที่กำลังมารับกรรมแทนร่างเดิมเลย แต่จะทำอย่างไรได้ ชีวิตคนเรามันไม่เคยมีอะไรง่ายอยู่แล้ว..."ทำไมนอนกันตรงนี้" เมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นว่าฝาแฝดนอนกับพื้นข้าง ๆ เตียงเตา
"แม่เคยให้นอนตรงนี้" ซือหงตอบเสียงเบา
"ขึ้นไปบนเตียง ทั้งสองคนเลย" หรงผิงสั่งเสร็จก็ไปจัดการจุดถ่านเพื่อที่จะได้เอามาไว้ใต้เตียงเตา
เมื่อกลับมาแล้วก็เห็นสองพี่น้องนอนอยู่บนเตียงเตาแล้ว เธอเลยไม่พูดอะไรนอกจากเติมไฟให้เรียบร้อย ก่อนจะออกไปเตรียมอาบน้ำ เธอใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน หลังจากสำรวจตัวเองแล้วก็รีบออกมา เธอแอบไปดูฝาแฝด ก่อนจะเอาผ้าที่ร่างเดิมหวงนักหวงหนามาห่มให้ทั้งสอง และออกมานั่งที่หน้าบ้าน
จากตอนแรกคิดว่าตัวเองจะรีบนอนพักผ่อน พอเอาเข้าจริง ๆ กลับมีหลายเรื่องให้คิดจนไม่อยากจะนอน เลยออกมาใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อทบทวนว่า หากเธอต้องมาอยู่ในร่างมารดาตัวร้ายจริง ๆ เธอจะทำอะไรต่อจากนี้
เรื่องทำมาหากินเอาตัวรอดนั้นไม่กลัวเลย แต่เรื่องที่เจ้าของร่างเดิมสร้างเรื่องไว้กลับชวนปวดหัวมากทีเดียว
หรงผิงหลับตาลงและตั้งจิตเพื่อที่จะตรวจสอบว่ามิติฟาร์มตามมาด้วยหรือไม่ หากตามมาด้วยจะทำให้เธอมีทางเลือกในการดำเนินชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม
"อาจมาช้า... เหมือนตอนวันสิ้นโลก กว่าที่ทุกคนจะมีพลังวิเศษยังต้องใช้เวลานานเลย" หรงผิงปลอบใจตัวเอง เมื่อพิสูจน์จนรู้แล้วว่าตอนนี้เธอไม่ได้มีมิติฟาร์มตามที่หวัง...
หรงผิงตื่นขึ้นในเช้ามืดวันต่อมา เธอเตรียมอาหารทุกอย่างให้พร้อมและตรวจดูด้วยว่ามีอาหารเหลือมากน้อยแค่ไหน และยังตรวจสอบเงินและคูปองที่ใช้ซื้อของที่จำเป็นอีกด้วย ร่างเดิมไม่ได้ทำงานอะไร มีหน้าที่ดูแลลูกอยู่บ้าน รับเงินเดือนจากสามีเดือนละ 20 หยวน
จากที่รับรู้ เงินจำนวนเท่านี้ไม่ได้มากมาย แต่ก็ยังดีกว่าคนอื่น ๆ เพราะหากให้เธอคิดแล้ว เขาต้องทำงานใช้หนี้ที่เบิกมาสร้างบ้านสร้างกำแพง ได้เดือนละ 20 หยวนนี่ถือว่าดีมาก ๆ แล้ว
วันนี้ลืมตาตื่นมา เธอยังอยู่ที่เดิม ทำให้มั่นใจมากพอสมควรว่าตัวเองมาอยู่แทนที่มารดาตัวร้าย ในเมื่อเลือกไม่ได้ก็ต้องเอาตัวรอด และใช้ชีวิตอย่างที่เคยอยากใช้ อย่างน้อยก็ไม่มีฝูงผีดิบ แต่มีฝูงคนที่รังเกียจเธอทั้งหมู่บ้าน
ให้พวกเขาแสดงออกว่าเกลียด ดีว่าบอกหวังดีแล้วแทงข้างหลัง อย่างน้อยก็รู้ว่าในหมู่บ้านไม่มีใครชอบเธอเลยสักคน
"แม่ทำอะไรเหรอครับ" จือหมิงเห็นแม่ตักน้ำแต่เช้าก็ต้องแปลกใจ ปกติเวลานี้แม่ยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ
"ไปล้างหน้าให้เรียบร้อย จะได้มากินโจ๊ก" หรงผิงรู้ว่าเด็กชายสงสัย แต่ทำอย่างไรได้ เธอกับร่างเดิมมีนิสัยและท่าทางการพูดจาไม่เหมือนกันเลย หากบอกไปว่าเธอไม่ใช่แม่จริง ๆ พวกเขาจะรับกันได้ไหม ทางที่ดีคือเงียบและเป็นเธออย่างที่เคยเป็น ทุกคนอาจสงสัย แต่คงไม่มีใครกล้าถาม
หรงผิงเตรียมอาหารให้สองแฝดเสร็จนานแล้ว เธอแค่ทำงานรอก่อนที่จะออกไปสำรวจหมู่บ้านให้เห็นกับตา เพื่อที่จะได้วางแผนว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไป
"อยู่บ้านกันได้ใช่ไหม" หรงผิงถามขึ้น เพราะตอนนี้เธอพร้อมออกสำรวจแล้ว
"แม่จะไปไหนเหรอ" ซือหงถามเสร็จก็ก้มหน้าหลบตา
"ทีหลังถามแล้วมองหน้า อย่าหลบตาเข้าใจไหม แม่ไม่ทำเหมือนแต่ก่อนแล้ว" หรงผิงบอกทั้งสอง
อยากขอโทษแต่ก็รู้สึกขัดแย้งกับตัวเอง เพราะว่าเธอไม่ใช่คนทำเรื่องพวกนั้นทั้งหมด เธอแค่คนที่มารับกรรมแทนร่างเดิมเท่านั้น และหวังว่ายัยมารดาตัวร้ายจะตายไปแล้วจริง ๆ แล้วไปอยู่ในยุคที่มันลำบาก รับกรรมที่เคยทำไว้ด้วยก็แล้วกัน!!
"แม่ไม่ตีจริง ๆ ใช่ไหม แล้วจะด่าไหม" ซือหงค่อย ๆ เงยหน้ามองแม่อย่างช้า ๆ
"ไม่ตี ไม่ด่า หากไม่ได้ทำอะไรผิด แม่จะออกไปซื้อของและดูอะไรสักหน่อย อยากไปด้วยกันไหม" เธอไม่ค่อยคุ้นกับสถานที่ หากมีคนไปด้วยน่าจะดีกว่า
"แม่อย่าไปเลย" จือหมิงไม่อยากให้แม่ออกไป
หากแม่ออกไปแล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิมจะทำอย่างไร เขาไม่อยากให้แม่คนนี้หายไป เมื่อเช้าก็ได้แต่แอบมอง กลัวว่าแม่คนนี้จะหายไป
"เราเหลือแค่ข้าว หากไม่ออกไปจะเอาอะไรทำอาหาร" หรงผิงเลิกคิ้วถามเจ้าตัวเล็กทั้งสอง
"แม่... เราไปขโมยไข่มาให้แม่ได้นะ" ซือหงพูดเสียงเบา พร้อมพยักหน้าสนับสนุนความคิดเห็นอีกด้วย
"เดี๋ยว ๆ เราจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว" หรงผิงถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ยัยแม่คนนี้สอนให้ลูกไปขโมยไข่จากบ้านย่า เพื่อที่ตัวเองจะได้มีกิน!!
"การทำแบบนั้นมันไม่ถูกต้อง ก่อนหน้านั้นที่แม่เคยพูดเคยสอนอย่าเอามาใส่ใจ!! อย่าจำ!! เพราะแม่สอนแต่สิ่งไม่ดีทั้งนั้น" เธอต้องบอกเรื่องนี้ให้เด็กรับรู้
ทั้งสองพยักหน้า ยอมรับว่ามันไม่ดี ย่าก็บอก แต่ทำอย่างไรได้ ก็แม่สั่งให้ทำ ไม่อย่างนั้นจะโดนตี และยังถูกทำโทษด้วยการอดอาหารอีกด้วย
"หากแม่ออกไป... แม่คนนี้จะหายไปไหมครับ" จือหมิงมองหน้าแม่อย่างรอคอยคำตอบ
"แม่คนนั้นตายไปแล้ว และจะไม่กลับมาอีก ฉันคือแม่คนใหม่ ต่อไปทุกอย่างจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เข้าใจไหม" หรงผิงตัดสินใจบอกไปตามความจริง แต่ไม่รู้ว่าสองคนจะเข้าใจแบบไหน แต่ถือว่าเธอได้บอกแล้ว
"หนูขอไปด้วย" ซือหงตั้งใจจะไปเฝ้าแม่คนนี้ ไม่อยากให้แม่คนนี้หายไป
"หากจะไปก็รีบกิน" หรงผิงยิ้มให้สาวน้อยที่เริ่มกล้าพูดและเชื่อฟัง กล้าที่จะมองตา ถึงแม้ตอนนี้จะยังกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ก็ถือว่าดีขึ้น
สองแฝดเดินตามหลังแม่และคอยแอบมองเรื่อย ๆ ตอนนี้กลัวหลายอย่าง กลัวว่าแม่ออกมาข้างนอกแล้วแม่คนนี้จะหายไปแล้วคนเดิมจะกลับมา หากคนเดิมกลับมาก็ต้องโดนทำโทษ เพราะเอาอาหารออกมากินจนหมด ทั้งนมทั้งไข่ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพวกเธอคงไม่ถูกตีอย่างเดียว พวกเธออาจหัวแตก อาจถูกไล่ออกจากบ้าน และอะไรอีกมากมายที่ต้องโดน
ทั้งสองดีใจที่แม่บอกว่าแม่คนเดิมตายไปแล้ว ทั้งที่ก็เห็นอยู่ว่าแม่ยังอยู่ ยังทำงานบ้าน ยังทำอาหารให้พวกเขากิน แต่กลับรู้สึกดีใจที่แม่คนนั้นตายและกลายเป็นแม่คนนี้ เพราะแม่คนนั้นใจร้ายมาก ๆ ไม่ใช่แค่ใจร้ายกับพวกเธอเพียงเท่านั้น แม่ใจร้ายกับทุกคน จนคนในหมู่บ้านกลัวแม่ ไม่ชอบแม่ และเพราะคนอื่นกลัวแม่ เธอเลยไม่มีเพื่อนเล่นในหมู่บ้านเลย ทุกคนหนีเธอกับพี่ชายตลอด จึงทำให้พวกเธอต้องเล่นกันเองแค่สองคนเท่านั้น
"มีไข่ไหม" หรงผิงถามคนที่ขายของในร้านค้าหมู่บ้าน
"ไม่มี" คนขายก็ตอบกลับทันที ไม่รู้คิดอย่างไรถึงเข้ามาซื้อไข่ที่นี่ ก็รู้ ๆ อยู่ว่าคนในหมู่บ้านไม่ขายให้ยังหน้าด้านมาซื้ออีก
"หนูเห็นวางอยู่ด้านหลัง ป้าไม่ขายเหรอคะ" ซือหงถามกลับอย่างสงสัย ก่อนหน้านั้นเธอเห็นอยู่ แต่พอแม่ถามซื้อกลับบอกไม่มี
"มีคนซื้อหมดแล้ว" คนขายก็บอกปัด ใครจะบอกความจริงว่าไม่ขายให้
"ฉันขอซื้อนมมอลต์หน่อย" หรงผิงไม่ใส่ใจ หมดก็คือหมด ซื้อสิ่งที่มีอยู่ก็ได้
"หมด" คนขายก็ยังพูดแบบไม่มองหน้า
"มีอะไรที่ไม่หมดบ้าง" หรงผิงเริ่มสงสัยว่าจริง ๆ แล้วไม่อยากขายหรืออะไรกันแน่
"ก็บอกไปเลยว่าไม่ขายให้คนแบบหล่อน คนร้ายกาจแบบหล่อนมีใครอยากซื้อขายและคบหาบ้าง นี่หล่อนยังหน้าด้านเข้ามาซื้อของที่หมู่บ้านอีกเหรอ ได้ข่าวว่าไม่สบายไปหลายวัน ฉันนึกว่าหล่อนตายไปแล้ว น่าจะตาย ๆ ไปซะ!! ชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อน เจ้าแฝดจะได้มีแม่ใหม่สักที" เสียงชาวบ้านพูดขึ้นอย่างเหลืออด ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว หากตบมา เธอก็พร้อมจะตบกลับ เพราะทุกคนมัวแต่กลัวนังแม่ใจร้ายคนนี้เลยทำให้หล่อนยิ่งได้ใจ คนแบบนี้ต้องตอบโต้ให้ถึงที่สุด
"แม่เปลี่ยนไปแล้ว... หลังจากที่แม่หลับไปสามวัน พอแม่ตื่นมา แม่ก็เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ นะ!! " ซือหงบอกให้ทุกคนรับรู้
"โอ๊ย... อาหง!! เชื่อได้เหรอ คนคนนี้ร้ายตั้งแต่พวกแกยังไม่เกิด ไม่อย่างนั้นจะจับพ่อแกได้เหรอ ทั้งที่พ่อแกมีคู่หมั้นอยู่แล้ว" เสียงดังขึ้นมาจากอีกทิศทางหนึ่ง
"เด็ก ๆ กลับเถอะ" หรงผิงเข้าใจสถานการณ์แล้วว่าทำไมร่างเดิมถึงไปซื้อของในเมืองมากกว่าซื้อของที่นี่ เพราะคงไม่มีใครเต็มใจขายให้จริง ๆ ตอนนี้ถือว่าเธอกำลังรับกรรมแทนยัยแม่ตัวร้ายแล้วกัน
"หึ!! คงได้ข่าวว่าสามีจะมาหย่าล่ะสิ หล่อนถึงได้ทำตัวน่าสงสาร" เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ตอบโต้ก็ยิ่งทำให้ได้ใจมากกว่าเดิม
"ที่ฉันเงียบ เพราะรู้ตัวว่าแต่ก่อนทำอะไรไว้บ้าง แต่ใช่ว่าฉันเงียบแล้วจะยอมให้ทุกคนพูดได้ตามใจนะ ความอดทนของฉันมันมีขีดจำกัดเหมือนกัน" หรงผิงหันไปมองทุกคนด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ว่ากำลังรู้สึกอย่างไร
"กลับกัน" หรงผิงหันไปมองหน้าสองแฝดก่อนเดินออกไป
ถึงจะรู้ว่าร่างเดิมทำไม่ดีอย่างไร เธอก็ถือว่านิ่งแล้ว ไม่ตอบโต้แล้ว แต่พอไม่ตอบโต้ คนพวกนั้นกลับกลายเป็นยิ่งพูด และพอคนหนึ่งพูดแล้ว ก็มีคนที่สอง และยังจะมีต่อเรื่อย ๆ
ถึงยอมรับชะตากรรมที่มารดาตัวร้ายก่อไว้ แต่ใช่จะยอมรับทั้งหมด... เธอที่มาอยู่ใหม่ก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเองเหมือนกัน...
ตอนที่ 5 ชดเชยให้หรงผิงพาฝาแฝดเดินดูรอบ ๆ หมู่บ้าน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่แม่น้ำที่ร่างเดิมตกลงไป หากเป็นโลกเดิม ปลาแทบไม่มีแล้ว เพราะมีสารพิษในแม่น้ำ แต่ที่เห็นในตอนนี้สายน้ำยังใส ถึงจะรับรู้จากความทรงจำว่าหากุ้งหอยปูปลาได้ยาก แต่คิดว่าอย่างไรมันก็ต้องมีสัตว์น้ำอาศัยอยู่อย่างแน่นอน"แม่ไม่เข้าไปในเมืองเหรอคะ" ซือหงที่ตอนนี้กล้าถามกล้าพูดคุยกับแม่มากขึ้นกว่าเดิมนิดหนึ่ง ก็มองเส้นทางเข้าเมืองที่แม่ชอบไปบ่อย ๆ"เข้า... แต่ขอทำอะไรไว้สักหน่อย" หรงผิงถกกางเกงขึ้นแล้วเอาเถาวัลย์มัดไว้ ก่อนจะเอาไม้ที่หาได้ค่อย ๆ ขุดหลุมดักปลา ในเมื่อตอนนี้เธอยังไม่ได้เตรียมอุปกรณ์จับปลา สิ่งเดียวที่ทำได้คือหลุมดักปลา!!"ผมช่วย แม่ต้องทำแบบไหน" จือหมิงไม่เคยเห็นแม่ทำแบบนี้มาก่อน แต่ในเมื่อแม่เปลี่ยนเป็นคนใจดีแล้ว เขาก็พร้อมที่จะช่วยเช่นเดียวกันก่อนหน้านี้เขาก็เห็นใจแม่เหมือนกันที่คนอื่นรุมว่าแม่ เขาทำได้เพียงแค่มองเท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าแม่ใจร้ายจะออกมาตอนไหน หากแม่ใจร้ายออกมา เขาต้องพาน้องสาวหนีกลับมาตั้งหลักก่อน แต่พอเห็นแม่ใจดียังอยู่ก็ได้แต่แอบดีใจอยู่เงียบ ๆ"ก่อนหน้านี้เคยได้ผล ไม่รู้ว่าตอนนี้จะได้ผลไหม"
ตอนที่ 6 แม่ใจร้ายตายไปแล้วเช้าวันใหม่ สองพี่น้องรีบตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาช่วยแม่ทำงาน ทั้งสามถือกระป๋องเดินไปที่ลำธารในบริเวณที่ทำหลุมดักปลา ทั้งสองจำได้ดีว่าวันแรกได้ปลากลับบ้านไปตั้งหนึ่งตัว!! แม่ใจดีทำน้ำแกงปลาให้กินอีกด้วย บอกเลยว่ามันอร่อยมาก!!นับตั้งแต่วันนั้น พวกเขาจะมาดูปลาแต่เช้ามืดทุกวัน ซือหงหักนิ้วนับจำนวนวันที่แม่ใจดีมาอยู่ด้วย จากการนับแบบผิด ๆ ถูก ๆ ทำให้เธอนับได้จำนวนห้าวันแล้ว แต่พี่ชายบอกว่าเจ็ดวัน!! ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าใครที่นับวันผิดหรือถูก!!"หากวันนี้ได้ปลา แม่จะทำน้ำแกงแล้วให้พวกลูกเอาไปให้ย่า" หรงผิงบอกลูกทั้งสอง ตอนนี้เธอเริ่มชินกับการดูแลฝาแฝดแล้วตลอดเวลา 10 วันที่เธอมาอยู่ที่นี่ เธอค่อย ๆ ปรับเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ เสื้อผ้า อาหารการกิน ตอนนี้ฝาแฝดกินข้าวครบ 3 มื้อ มีนมกินก่อนนอนทุกวัน มีเสื้อผ้าที่สะอาดใส่ บ้านเรือนถูกจัดให้น่าอยู่มากขึ้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากพวกเธอทั้งสามคน ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่เปลี่ยนแปลง เจ้าแฝดก็มีส่วนร่วมด้วยเช่นกันตั้งแต่ทำหลุมดักปลา ก็มีปลามาติดทุกวัน อย่างน้อยก็ยังได้วันละตัว บางวันได้ถึงห้าตัว ตอนนี้เธอทำปลาตากแห้ง ปลาบาง
ตอนที่ 7 คนบ้านเฉินเมื่อเห็นหลานเดินไปแล้ว คนเป็นย่าก็ได้แต่ถอนหายใจ จากที่เห็นคือหลานดูดีขึ้น หน้าตาสดชื่นแจ่มใส และหลานทั้งสองเชื่อว่าแม่กลายเป็นคนดีแล้ว หากคนเราเปลี่ยนแปลงง่ายขนาดนั้นคงเปลี่ยนไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้หรอกรุ่ยจิวแต่งงานกับสามีและมีลูกชายทั้งหมดสามคน สามีเป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตคอมมูน ลูกชายทั้งสามรับราชการเป็นทหารทั้งหมด ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวเธอดีกว่าบ้านอื่น ๆ สะใภ้ไม่ต้องทำงานอะไร นอกจากดูแลบ้านและดูแลลูกเพียงเท่านั้นด้วยความที่มีลูกชายหน้าตาดี และทุกคนทยอยสมัครเข้าไปเป็นทหาร ทำให้มีหญิงสาวอยากแต่งเข้าบ้านเฉินกันทั้งนั้น แต่เพราะลูกชายคนโตกับคนรองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เหลือแต่คนเล็กเท่านั้นที่ยังไม่มี จึงทำให้สาว ๆ หลายคนถอดใจไปบ้างแต่แล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับลูกชายคนรอง หรือก็คือพ่อของเจ้าแฝดที่ดื่มกินจนเมาและได้เสียกับสะใภ้รองจนมีเจ้าแฝด ตั้งแต่นั้นหลายอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะลูกคนรองต้องแต่งงานกับแม่เจ้าแฝด ลูกชายของเธอทำผิดต่อคู่หมั้นของตัวเองเรื่องขอถอนหมั้นก็ไม่ใช่เรื่องดีและไม่ควรทำเช่นกัน เพราะฝ่ายหญิงไม่ได้ทำอะไรผิดเ
ตอนที่ 8 ว่าด้วยเรื่องของการหย่าผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วที่หรงผิงเข้าไปที่บ้านเฉิน หลังจากที่กลับมา เธอก็ไม่ได้เข้าไปในหมู่บ้านอีกเลย แต่ให้ฝาแฝดเอาปลาเป็นเข้าไปให้บ้านย่าแทน ที่ทำแบบนั้นเพราะคิดว่าควรทำ เพราะหากหย่าแล้วจะได้จบกันด้วยดี"ปลาแห้งของเราเยอะมาก" จือหมิงมองปลาแห้งที่แม่ทำไว้เยอะมาก ๆ แม่บอกว่าเอาเก็บไว้กินได้นาน ๆ พอเห็นว่ามีอาหารอยู่มาก เลยทำให้ยิ้มอย่างสุขใจ"แม่ใจดีมาอยู่กี่วันแล้วหรือคะ หนูหักนิ้วได้ 15 วัน พี่ใหญ่บอก 17 วัน" ซือหงตัดสินใจถามแม่ น่าจะให้คำตอบกับเธอได้บ้าง"22 วัน" หรงผิงตอบออกไป เธอจำได้เป็นอย่างดี ตลอดเวลาที่มาอยู่ที่นี่ เธอได้สำรวจและรู้ว่าช่วงนี้ยังทำอะไรมากไม่ได้ เพราะยังอยู่ในฤดูหนาว และเธอรอให้เรื่องหย่าคลี่คลายก่อนไม่รู้ว่าพ่อของเด็ก ๆ จะมาไม้ไหน เธอได้ข่าวที่ชาวบ้านพูดต่อ ๆ กันเพียงเท่านั้น จบจากเรื่องหย่าแล้วค่อยคิดว่าตัวเองจะทำอะไรต่อ จากที่นับวันเวลาดูแล้วคงเหลืออีกไม่กี่วัน พ่อของเด็ก ๆ คงมาจัดการเรื่องหย่าแล้ว"ผิดทั้งคู่!!" ซือหงหันไปหัวเราะกับพี่ชาย ที่ต่างเถียงกันแต่กลับผิดทั้งคู่"แม่... หย่าคืออะไร" จือหมิงอยากรู้เรื่องนี้มาก เขาก
ตอนที่ 9 รับทราบข้อกล่าวหาหรงผิงคิดว่าตัวเองน่าจะมาอยู่ที่สถานีตำรวจ เธอไม่ค่อยเข้าใจระบบระเบียบของยุคนี้มากนัก จึงทำได้เพียงเงียบและคอยมองสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัว เธอไม่รู้ว่าพ่อของเด็กแฝดจะทำแบบไหนบ้างอยากเห็นหน้าสักครั้ง คนแบบไหนที่ทำให้ร่างเดิมรักแบบหัวปักหัวปำขนาดนี้!!ดูใจร้ายเหมือนกันที่เขาทำแบบนี้ ไม่มาเจอหน้า ไม่มาเจรจา แต่ยื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่จัดการเอง นั่นเท่ากับว่าเขาวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว ตัวเธอนั้นพอเข้าใจที่เขาทำแบบนี้ เพราะรู้ดีว่าร่างเดิมเป็นแบบไหน รับรองว่าถ้าเจ้าของร่างเดิมยังอยู่ก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ ๆ อย่าว่าแต่พ่อของเด็กแฝดเลือกทำแบบนี้เลย หากเป็นเธอที่ต้องการจัดการปัญหากับคนแบบเจ้าของร่างเดิม ก็เลือกที่จะทำแบบนี้เช่นเดียวกัน"พออ่านหนังสือได้ใช่ไหม" เจ้าหน้าที่นั่งลง ก่อนจะถามหญิงสาวที่นั่งรออยู่เงียบ ๆ"พออ่านได้ค่ะ แต่อยากให้แจ้งมาด้วย เพราะอ่านไม่ค่อยคล่องสักเท่าไร" หรงผิงเลือกที่จะอ่านและฟังจากปากของเจ้าหน้าที่ด้วย"จะสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ แล้วกัน" เจ้าหน้าที่คิดว่าหากอ่านทุกตัวอักษร มันจะเป็นประโยคทางการพอสมควร ชาวบ้านทั่วไปจะไม่ค่อยเข้าใจ อย่าว่าแต่ช
ตอนที่ 10 ชาวบ้านผู้หวังดีฝาแฝดเดินตามย่ามาที่ร้านค้าของหมู่บ้าน หากเป็นแต่ก่อนทั้งสองจะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก อยากจะมาดูว่าร้านค้ามีอะไรขายบ้าง แม้ไม่ได้ซื้ออะไรเลยก็ตามแต่หลังจากเหตุการณ์ที่ทุกคนต่อว่าแม่ และคนขายไม่ยอมขายของให้ด้วย ทำให้พวกเธอไม่ค่อยอยากมาสักเท่าไร แต่ที่มาวันนี้เพราะจะได้มารอแม่ หากแม่กลับมาจะต้องผ่านเส้นทางนี้ เพราะตอนออกไป... แม่ก็นั่งรถผ่านเส้นทางนี้เหมือนกัน"พี่ใหญ่ หรือว่าแม่จะเดินลัดทุ่งนาเหมือนตอนที่พาเราเข้าไปในเมือง" เมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่อาจมาอีกเส้นทางหนึ่งก็เริ่มที่จะลังเลไม่อยากเดินต่อ"เดินเร็ว ๆ ย่าจะซื้อลูกอมนมกระต่ายขาวให้" รุ่ยจิวเร่งหลานทั้งสอง ตอนนี้พยายามที่จะให้หลานลืมเรื่องแม่ไปก่อน"ย่าครับ แม่จะมาเส้นทางนี้ไหมครับ" จือหมิงถามย่าเพื่อความแน่ใจ"ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไปเลือกขนมได้เลย อยากได้อะไรก็เลือกเอาเลย" รุ่ยจิวตอบหลานแล้วดันตัวหลานให้เข้าไปในร้านค้า เพื่อเลือกซื้อขนมตามที่ต้องการเมื่อให้หลานเข้าไปแล้ว ตัวเองก็นั่งรออยู่บริเวณหน้าร้านค้า ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ ตอนนี้หลานทั้งสองดูเหมือนจะติดแม่มาก ๆ แค่หายไปไม่นานก็พากันออกมานั่งรอที่หน้า
ตอนที่ 11 ครอบครัวเซียววันต่อมา หรงผิงก็พาลูกมาที่บ้านพ่อกับแม่ซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งไม่ห่างกันมากนัก เธอทำตามที่ได้รับปากแม่ตั้งแต่เมื่อวาน และก่อนจะออกจากบ้าน เธอก็ให้ลูกไปบอกย่าว่าจะพากันไปนอนที่บ้านของยาย เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่กังวลว่าหลานหายไปไหนหลายวันในตอนแรกเธอคิดว่าบอกให้รับรู้แล้ว... ทุกคนจะได้วางใจ แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด พวกเขากลัวว่าเธอจะพาลูกหนี!! จนต้องเดือดร้อนพ่อสามีเอารถแทรกเตอร์ของฝ่ายผลิตมาส่งพวกเธอถึงบ้านและนัดวันมารับกลับอีกด้วยหรงผิงไหนเลยจะไม่รู้ว่าพวกเขากลัวอะไร แต่เพราะเธอบริสุทธิ์ใจเลยยอมตกลงง่าย ๆ ดีเสียอีก ไม่ต้องพาลูกเดินให้เหนื่อย และไม่ต้องเสียเวลาอีกด้วยเป็นใครก็ต้องระแวง เพราะคำว่าแม่ตัวร้ายนั้นไม่ใช่แค่คำเรียก การกระทำที่กล้าลงมือกับทุกคน ลงมือกับลูกต่างหากที่ทำให้คนเรียกแม่ของเจ้าแฝดว่าเป็นมารดาตัวร้าย!!หรงผิงเข้าใจดีเลยแหละ เธอไม่โกรธคนพวกนั้นเลย บ่งบอกว่าพวกเขาเป็นห่วงเจ้าแฝด แบบนี้ยิ่งดี หากเธอหย่ากับพ่อของเด็ก ๆ แล้วก็สบายใจได้เลยว่า พวกเขาจะรักและดูแลเจ้าแฝดเป็นอย่างดี"ไม่ได้ไปทำงานกันเหรอคะ" หรงผิงมองหน้าพ่อ แม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ และหล
ตอนที่ 12 ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันผ่านมาสามวันแล้วที่หรงผิงกลับมาจากบ้านของพ่อและแม่ ทุกคนในครอบครัวเข้าใจเธอเป็นอย่างดี และยังยอมรับฟังเหตุผลของเธออีกด้วย เธอรู้ว่าโลกนี้ ยุคนี้ ค่อนข้างใจร้ายกับผู้หญิงที่หย่าจากสามี แต่พอมีครอบครัวที่พร้อมจะเคียงข้าง มันเลยทำให้เธอสบายใจมากขึ้น ตอนนี้เธอไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะคิดเห็นอย่างไร เธอสนใจแค่เจ้าแฝดและครอบครัวของพ่อแม่เพียงเท่านั้น"ใกล้แล้ว... ใกล้ที่ฉันจะเป็นอิสระแล้ว... " หรงผิงพึมพำคนเดียวเบา ๆหลังจากที่พาเจ้าแฝดเข้านอนแล้ว สถานที่ที่เธอชอบมานอนเวลาต้องการใช้ความคิดมากที่สุดคือบริเวณหน้าบ้าน อาจเพราะเธอชอบบรรยากาศและอากาศที่เย็นสบาย เธอรู้สึกว่าสมองแล่นได้ดีและคิดอะไรออกง่ายกว่าเวลาที่เจออากาศร้อนหรงผิงนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเผลอหลับไปเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป... เพราะเธอนอนดิ้นจนหล่นจากโต๊ะ!! ความรู้สึกที่กำลังจะร่วงหล่นลงพื้นทำให้เธอลืมตาตื่นทันทีตุ๊บ!!"อ่า... อยู่แบบคนธรรมดาเพียงไม่กี่เดือน... หลงลืมสัญชาตญาณที่เคยมีไปจนหมดสิ้น ไม่ดี ไม่ดี แบบนี้ไม่ดีเลย" หรงผิงสะบัดหัวเพื่อทำให้ตื่นตัวได้เต็มที่ ก่อนจะค่อย ๆ พยุงต
ตอนพิเศษ 3วันตรุษจีนของพวกเราณ โรงพยาบาลประจำมณฑล"เราจะได้กลับกี่โมง... ปกติพ่อกับแม่ไม่เคยมารับเราช้า แต่ทำไมวันนี้ถึงช้าได้เล่า" เสียงบ่นดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งชะเง้อมองไปยังเส้นทาง เฝ้ามองว่าคนที่ตัวเองรอจะมารับเมื่อไร"หิว ง่วง หรือว่ายังไง" ซือหงมองเพื่อนที่บ่นเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ เพราะพูดบ่อยมากจนจำไม่ได้แล้ว"หิว วันนี้ที่บ้านต้องมีอาหารมากมายแน่ ๆ " ซือเล่อหันมาบอกเพื่อนอย่างจริงจังซือหงกับซือเล่อเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนระดับประถม และเรียนด้วยกันมาตลอดจนถึงตอนทำงานก็ยังทำที่เดียวกันอีกด้วย พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน แม้แต่อาชีพที่เลือกเรียนยังเหมือนกันเลยสองสาวเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายที่ต้องมาทำงานในโรงพยาบาลประจำมณฑล อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว แต่ใช่ว่าจะจบเลยทีเดียว ยังมีต่อเฉพาะทางอีก ซึ่งสองสาวยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต่อด้านไหนดีทั้งสองสนิทกันจนถึงขั้นไปกินไปนอนบ้านของอีกคนได้ โดยที่คนในครอบครัวรับรู้ จนพ่อแม่ของทั้งสองคิดว่ามีลูกสาวเพิ่มเข้ามาในครอบครัวอีกคนแล้ว"หิวหรืออยากเห็นหน้าพี่ใหญ่ วันนี้วันตรุษจีน... " ซือหงพูดพร้อมทั้งหรี่ตาจ้องจับผิ
ตอนพิเศษ 2:: เซียวหรงผิงสาวน้อยจากวันสิ้นโลก ::หรงผิงขดตัวซ่อนอยู่ในมุมอับ ทั้งที่รอบ ๆ พื้นที่เงียบสงัด แต่เจ้าตัวกลับรับรู้ถึงภัยที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามา รู้ดีว่าด้านนอกนั้นคือสิ่งใด...เซียวหรงผิง คือชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้ ผิงผิง คือชื่อที่พวกท่านชอบเรียกหา แต่นั่นเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องการให้ใครเรียก ผิงผิง อีกแล้ว เพราะมันทำให้เธอคิดถึงพวกท่านหรงผิงดีใจที่พวกท่านจากไปตั้งแต่ช่วงแรก อาจฟังดูใจร้าย แต่เชื่อเถอะว่าคนที่จากไปในช่วงเชื้อโรคแพร่ระบาด หรือในช่วงแรกนั้น... คนพวกนั้นโชคดีกว่าคนที่อยู่มาถึงทุกวันนี้โลกที่เธออยู่มีความเจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี ทุกอย่างสะดวกสบาย เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย รวมถึงมีรอยรั่วให้สิ่งแปลกปลอมแทรกซึม เธอไม่รู้ว่าสาเหตุหลักจริง ๆ แล้วเชื้อไวรัสนี้มาจากที่ใด แต่การแพร่ระบาดเริ่มในกลุ่มเล็ก ๆ คนที่ติดเชื้อจะถูกแยกและถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้เพื่อดูอาการในช่วงแรกทุกคนคิดว่าคนที่ติดเชื้อคือโชคร้าย เธอคือหนึ่งในนั้นที่คิดว่าพ่อกับแม่โชคร้ายที่ติดเชื้อตั้งแต่แรก ท่านทั้งสองถูกส่งเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยที่ตัวเธอถูกจับตรวจร่างกาย เพื่อหาเ
ตอนพิเศษ 1:: เซียวหรงผิงมารดาตัวร้าย ::เซียวหรงผิงค่อย ๆ ขยับตัว พยายามที่จะเปิดเปลือกตา... เพื่อลืมตาตื่น ความทรงจำบอกว่าเธอตกน้ำเย็นจัด จึงทำให้ป่วยเป็นไข้นอนซมตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเมื่อนึกย้อนกลับไปว่าเพราะเหตุใดจึงทำให้ตัวเองตกลงไปในน้ำ ก็ทำให้มีแต่อารมณ์กรุ่นโกรธ!! ไม่พอใจชาวบ้านที่พากันลือพูดข่าวมั่ว ๆ กล่าวหาว่าสามีของเธอกำลังจะกลับมาหย่า!! จะหย่าได้อย่างไร ในเมื่อไม่ยอมหย่าซะอย่าง ใครจะทำไม!!สามีของเธอไม่เคยกล้ากับเธอเลยสักครั้ง ถึงตัวไม่กลับมาแต่ส่งเงินให้ตลอด มีกินมีใช้ไม่เคยขาดมือ ก็ลองปล่อยให้ขาดมือดูซิ!! คนที่ต้องอดก็คือลูกของเขาทั้งสองคนอีกนั่นแหละ!! เธอจำได้ดีว่าโทรเลขไปขู่สามี หากครั้งนี้ยังไม่กลับมา อย่าได้เห็นหน้าลูกอีกเลย"ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้วะ!! ไอ้แฝดหายหัวไปไหนหมด ไม่แหกตาดูหรือว่าฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย พวกแกสองตัวอยากให้ฉันตายหรืออย่างไร อยากลองดีใช่ไหม แม่จะฟาดให้หลังลายเลย!! " แม้จะรู้สึกได้ว่าเสียงของตัวเองเปลี่ยนไป แต่เพราะรู้ว่าตัวเองไม่สบายอาจทำให้เสียงเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง"ยังไม่โผล่หัวออกมาอีก!! วันนี้พวกแกสองตัวอดข้าวไปเลยนะ อย่าให้เห็นว่ากินอิ่มนอ
ตอนที่ 46 บทส่งท้าย(มารดาที่ดี)หรงผิงจับลูกสาววัยสิบสองปีทำผมที่เด็กสาวกำลังนิยมในช่วงนี้ ที่ลูกสาวทำผมจัดเต็ม เพราะวันนี้ทางโรงเรียนจัดงานแข่งขันกีฬาสี และยังประกาศผลสอบให้กับนักเรียนอีกด้วย"ทำไมน้องเล็กต้องทำหลายอย่างด้วย" จือหมิงนั่งกินโจ๊กไปด้วยมองน้องสาวไปด้วย"คุณครูประจำชั้นบอกว่าจะมีคะแนนกิจกรรมมอบให้ เลยทำทุกอย่างที่ครูเสนอ" ซือหงตอบไปตามตรง ไม่อยากทำแต่อยากได้คะแนน เพราะผลการเรียนมีผลต่อการที่จะยื่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย รุ่นพี่พูดแบบนี้ทั้งนั้น"หากเป็นแต่ก่อน พี่คงคิดว่าน้องเล็กน่าจะถูกหลอก แต่ตอนนี้ไม่น่าจะถูกหลอกง่าย ๆ นอกจากไปหลอกคนอื่นเขามากกว่า" จือหมิงก็ยังคงเย้าแหย่น้องน้อยไปด้วย แต่ที่เขาบอกออกไปนั้นคือเรื่องจริง!!น้องสาวของเขาไม่ใช่เด็กที่ขี้กลัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว แม่เป็นแบบไหน น้องสาวของเขาเป็นแบบนั้นเลย และน่าจะร้ายมากกว่าแม่เสียอีก!! เพราะตอนนี้เขาจดจำแม่ปากร้าย แม่ใจร้ายไม่ได้แล้ว เขาจำได้แต่แม่ใจดีถึงแม่จะไม่ค่อยพูด แต่แม่สอนในหลายสิ่งหลายอย่างให้เขากับน้องสาว สอนให้รู้จักเข้มแข็ง สอนให้รู้จักแบ่งปันแก่ผู้อื่นเสมอ และสอนให้สู้คน ไม่ยอมให้คนมารังแก หรือเอา
ตอนที่ 45 เป็นลูกที่ดีหรงผิงยืนมองพ่อกับแม่ที่กำลังนั่งรอคิวให้เจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปเพื่อตรวจสุขภาพประจำปี ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมาอยู่ที่โลกใบนี้เกือบ 3 ปีแล้ว การงานของเธอมั่นคง มีโรงงานเป็นของตัวเอง โดยมีครอบครัวเฉินและครอบครัวเซียวดูแลเหมือนเดิมมาตั้งแต่แรกทุกคนช่วยงานกันเป็นอย่างดี เคยเป็นแบบไหนก็ยังเป็นแบบนั้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือทุกคนมีรายได้ดี มีเงินเก็บ และลูกหลานทั้งสองบ้านก็ได้เรียนหนังสือทุกคน"ทำไมต้องมาตรวจให้สิ้นเปลืองด้วย" เหลียนฟางมองลูกสาวที่เดินมานั่งใกล้ ๆ ก็อดที่จะบ่นไม่ได้"ไม่อยากอยู่เลี้ยงหลานเลี้ยงเหลนหรืออย่างไร" หรงผิงถามกลับ แกล้งขู่แม่ไปอย่างนั้นเอง"ฉันไม่ได้เป็นอะไร!! " เหลียนฟางรู้ดีว่าลูกสาวหมายถึงเรื่องอะไรความจริงแล้วปากบ่นไปแบบนั้นเอง มันคือความเคยชิน แต่ในใจกลับตื้นตันที่ลูกสาวใส่ใจ ห่วงพ่อแม่พี่ชาย ต้องให้ทุกคนมาตรวจสุขภาพประจำปี เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่มาไม่เคยรู้ว่ามีตรวจสุขภาพประจำปีประจำเดือนด้วย แต่พอลูกสาวคนนี้เริ่มเปลี่ยนไปก็เหมือนเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ให้ครอบครัวได้เรียนรู้อยู่เรื่อย ๆ คำพูดของย่าทวดเป็นจริงเสมอ... ในตอนแรกที่ลูกสาวเปลี่ยนไ
ตอนที่ 44 ได้เป็นภรรยาอย่างเต็มตัว Nc+++กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ผ่านมาอีกสามเดือน จนตอนนี้หรงผิงมาอยู่ที่โลกใบนี้เป็นปีแล้ว จากลูกอายุห้าขวบ ตอนนี้อายุหกขวบกว่า ๆ แล้วตอนนี้เด็กแฝดก็ไปเรียนแล้วด้วย เธอไม่รู้เลยว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไป เพราะว่ามัวแต่จัดการกับงานต่าง ๆ แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงทำให้มีเวลามองย้อนกลับไป จึงได้รู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก!!สองครอบครัวมีกินมีใช้ ฐานะดีขึ้น แต่ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ฟุ่มเฟือย แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การที่สองครอบครัวสนิทกันมากขึ้น แบ่งปันสิ่งของกันเสมอ และที่เห็นได้ชัดอีกเรื่องคือ... ครอบครัวบ้านเฉินได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันครบทั้งหมดพี่ใหญ่บ้านเฉินลาออกจากการเป็นทหารกลับมาดูแลการผลิตในโรงงานให้เธอ เพราะพี่ชายทั้งสองของเธอต้องเข้ามาทำงานในมิติเลยไม่ได้ไปดูแลโรงงาน ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำอย่างลงตัวตอนนี้หน้าที่หลักของเธอคือทำบัญชีเองทั้งหมด แม้แต่ค่าแรงที่จ่ายให้ทุกคน เธอก็คือคนตัดสินใจ แต่ส่วนมากจะขอความคิดเห็นจากสามี เท่าที่รับรู้เธอจ่ายค่าแรงสูงกว่าราคาการจ้างงานทั่วไปแต่พอปรึกษากันแล้ว คิดว่าคนที่ทำงานให้เป็นญาติพี่น
ตอนที่ 43 สร้างเนื้อสร้างตัวซือหยางยืนมองสิ่งของต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหน้าของตัวเอง เขาเข้ามาที่มิติฟาร์มของภรรยานับครั้งไม่ถ้วน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินสักเท่าไรพอเข้ามาทำงานด้วยตัวเอง จึงได้รู้ว่าช่วงที่ภรรยาทำงานคนเดียวนั้นต้องทำงานหนักมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวต้องขับรถเกี่ยวข้าว แล้วต้องออกแรงสาวมุ้งดักปลาที่มีปลาจำนวนมากอยู่ในนั้น และไม่ใช่ออกแรงสาวเพียงรอบเดียวก็แล้วเสร็จ อย่างน้อยต้องมีถึงสิบกว่ารอบ ถึงจะครบตามจำนวนที่ต้องการ"น้องเล็กไปไหน" เซียวหยวนเดินออกมาหาน้องเขยที่กำลังยืนมองพื้นที่อยู่หน้าลานเกษตร"หลับครับ... ผมไม่อยากปลุก" ซือหยางรู้ว่าไม่สามารถช่วยอะไรในเรื่องที่ผ่านมาได้มาก เลยอยากชดเชยให้ภรรยาได้นอนพักบ้างในช่วงเวลานี้"เดี๋ยวตื่นมาบ่นอีก" เซียวฉวนเดินมาสมทบ หลังจากทำงานในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว"งานเสร็จแล้ว ไม่น่าบ่นหรอกครับ" ซือหยางบอกไปแบบนั้นเอง... เขารู้ดีว่าภรรยาจะบ่นทุกครั้งที่ไม่ปลุกให้ตื่นมาช่วยทำงาน "น้องเล็กเหมือนคนอยู่ไม่สุข ต้องหยิบจับโน่นนี่ทำตลอด" เซียวฉวนส่ายหน้าไปมาเมื่อนึกถึงน้องสาว"กี่เดือนแล้วนะที่เราสามารถเข้
ตอนที่ 42 ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปวันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ นับตั้งแต่วันที่หรงผิงเปิดเผยเรื่องมิติฟาร์มก็ผ่านมานานนับเดือนแล้ว เรื่องมิติฟาร์มยังเป็นความลับ รู้กันเพียงพ่อแม่ พี่ชายทั้งสองคน และสามีของเธอเพียงเท่านั้น ส่วนเจ้าแฝดยังไม่รู้ เธอยังไม่เคยพาลูกเข้าไปเลยสักครั้ง เพราะทั้งสองยังเด็ก กลัวจะทำความลับนี้หลุดออกไป จึงคิดว่าปิดไว้ก่อน รอให้โตกว่านี้ก่อนค่อยเปิดเผยทีหลัง ยังมีเวลาอีกมากมาย "เรียนเป็นหมอได้ไหมคะ" ซือหงที่สะพายกระเป๋าไปสมัครเรียนในวันนี้ก็เฝ้าถามคำถามนี้กับพ่อและแม่ทุกครั้งที่ตัวเองนึกขึ้นได้"เรียนเป็นหมอได้ค่ะ" หรงผิงจัดผมให้ลูกสาวอีกครั้ง เพราะมันไม่ค่อยเรียบร้อยสักเท่าไร"แล้วลูกล่ะ อยากเป็นอะไร" ซือหยางถามลูกชายที่ยืนยิ้มมองแม่กับน้องสาวอยู่ใกล้ ๆ "เป็นทหารเหมือนเดิมครับ" เขาอยากเป็นแบบพ่อทำงานหาเงินเยอะ ๆ แม่กับน้องจะได้ไม่ต้องทำงาน และแน่นอนเขาเคยบอกให้ทุกคนรู้แล้วว่าเขาอยากเป็นทหาร!!ซือหยางจับมือลูกชายไว้แล้วยิ้มกับท่าทางของลูกชาย การเป็นทหารมีหลายรูปแบบ หากเรียนมานั้นหมายถึงต้องมียศมีตำแหน่งแน่นอน แต่เขาสามพี่น้องคือสมัครเข้าไปเป็นทหารการสมัครเข้าไปเป็นทหารจะ
ตอนที่ 41 เปิดโลกใบใหม่หลังจากที่ได้รับคำสอนจากครอบครัวก็ทำให้หรงผิงต้องมาเปิดใจคุยกับพ่อเจ้าแฝดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก เพราะได้คำสอนต่าง ๆ มามาก จึงทำให้เธอยอมที่จะเปิดใจ และคิดว่าต้องเริ่มปรับตัวให้เหมือนตัวเองมีครอบครัวจริง ๆ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่จะคิดและทำอะไรแค่คนเดียวเสมอ"ลูกเริ่มเรียนรู้การเป็นแม่ที่ดีแล้ว ลูกก็เริ่มเรียนรู้การเป็นภรรยาไปด้วย ค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีใครทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก ทุกคนต้องเรียนรู้ด้วยกันทั้งนั้น"หรงผิงนึกถึงคำสอนของพ่อที่ปกติจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด กับคนภายนอกคือแค่ยิ้มทักทายเท่านั้น แต่กับเธอ พ่อกลับบอกสอนและพูดด้วยประโยคยาว ๆ และคำสอนแต่ละอย่างของพ่อมันดีมากไม่น่าเชื่อว่าสังคมที่ผู้ชายคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ไม่สามารถใช้ได้กับพ่อ เพราะพ่อไม่เคยกดขี่ข่มเหงคนในบ้าน สิ่งไหนทำได้ให้ช่วยกันทำ เสร็จก็ได้พักแล้ว เธอโชคดีที่มาอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้ รู้สึกว่าตัวเองมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ"แม่กินก่อนค่ะ" ซือหงสะกิดแม่ที่มองออกไปนอกบ้าน ไม่ยอมกินข้าวสักที"เดี๋ยวพ่อก็กลับครับ" จือหมิงคิดว่าแม่คงรอพ่ออยู่แน่ ๆหรงผิงหันมายิ้มให้ลูกทั้งสองก่อนจะก้มหน้