ตอนที่ 6 แม่ใจร้ายตายไปแล้ว
เช้าวันใหม่ สองพี่น้องรีบตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาช่วยแม่ทำงาน
ทั้งสามถือกระป๋องเดินไปที่ลำธารในบริเวณที่ทำหลุมดักปลา ทั้งสองจำได้ดีว่าวันแรกได้ปลากลับบ้านไปตั้งหนึ่งตัว!! แม่ใจดีทำน้ำแกงปลาให้กินอีกด้วย บอกเลยว่ามันอร่อยมาก!!นับตั้งแต่วันนั้น พวกเขาจะมาดูปลาแต่เช้ามืดทุกวัน ซือหงหักนิ้วนับจำนวนวันที่แม่ใจดีมาอยู่ด้วย จากการนับแบบผิด ๆ ถูก ๆ ทำให้เธอนับได้จำนวนห้าวันแล้ว แต่พี่ชายบอกว่าเจ็ดวัน!! ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าใครที่นับวันผิดหรือถูก!!
"หากวันนี้ได้ปลา แม่จะทำน้ำแกงแล้วให้พวกลูกเอาไปให้ย่า" หรงผิงบอกลูกทั้งสอง ตอนนี้เธอเริ่มชินกับการดูแลฝาแฝดแล้ว
ตลอดเวลา 10 วันที่เธอมาอยู่ที่นี่ เธอค่อย ๆ ปรับเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ เสื้อผ้า อาหารการกิน ตอนนี้ฝาแฝดกินข้าวครบ 3 มื้อ มีนมกินก่อนนอนทุกวัน มีเสื้อผ้าที่สะอาดใส่ บ้านเรือนถูกจัดให้น่าอยู่มากขึ้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากพวกเธอทั้งสามคน ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่เปลี่ยนแปลง เจ้าแฝดก็มีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน
ตั้งแต่ทำหลุมดักปลา ก็มีปลามาติดทุกวัน อย่างน้อยก็ยังได้วันละตัว บางวันได้ถึงห้าตัว ตอนนี้เธอทำปลาตากแห้ง ปลาบางตัวก็ขังไว้ในกระป๋อง รอนำมาทำอาหาร ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เธอยังไม่เคยทำอาหารจานเนื้อให้เด็ก ๆ กินเลย เพราะตอนนี้เงินแทบไม่มีติดตัว จะไปซื้อก็ไม่ได้ จึงทำได้เพียงเมนูไข่กับปลาให้เด็ก ๆ กินไปก่อน
ความจริงเธอมองหาอาชีพไว้บ้างแล้ว แต่บางอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะเธอเป็นมารดาตัวร้ายที่ผู้คนรังเกียจ ไม่มีใครสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือในการจ้างงาน เพิ่งเข้าใจว่าการเอาตัวรอดให้มีชีวิตอยู่ในวันสิ้นโลกแตกต่างจากยุคนี้มากทีเดียว วันสิ้นโลกมีกินแค่อิ่ม มีที่หลับนอนที่ปลอดภัยในแต่ละวัน แต่ยุคนี้ไม่ใช่แค่เอาตัวรอด แต่ต้องดิ้นรนสร้างอาชีพเพื่ออนาคตอีกด้วย
"ได้เลยค่ะ หนูจะใส่ชุดใหม่ไปบ้านย่าด้วย" พูดจบซือหงก็หัวเราะคิกคัก แล้วคิดไปถึงตอนที่หิ้วหม้อแกงไปให้ย่า คนต้องทักชุดสวยของเธอแน่ ๆ
ตอนนี้สองพี่น้องไม่กลัวแม่แล้ว เพราะแม่ใจร้ายหายไปหลายวันแล้ว เหลือแต่แม่ใจดี และแม่ใจดียังสอนให้พวกเธอกล้าที่จะพูด ทั้งยังใจดีสอนหนังสือและนับเลขอีกด้วย ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่มีสมุดจด แต่แม่ก็ใช้ลานหน้าบ้านเป็นสมุดสอนพวกเธอทั้งสองคน
บอกเลยว่าแม่ใจดีมาก!! ใจดีที่สุด!!
"แม่อยากไปบ้านย่าด้วยกันไหมครับ" จือหมิงอยากให้แม่ไปด้วย อยากเอาแม่ไปอวดทุกคนว่า แม่ของเขานั้นใจดีมาก แม่ของเขาเปลี่ยนไปแล้ว
"อือ ลองดู" หรงผิงไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอหลีกเลี่ยงการเข้าไปในหมู่บ้านตั้งแต่วันที่ถูกรุมต่อว่าที่ร้านค้าแล้ว ถึงจะยอมรับว่าร่างเดิมทำผิด แต่เพราะเธอคือคนที่อยู่ในร่างตอนนี้ เลยคิดว่าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง
หรงผิงรู้ว่าที่ผ่านมาย่าของเด็ก ๆ ก็มาแอบดู เพราะปกติหลานจะเข้าไปหา แต่ตลอดสิบวันที่ผ่านมาเด็ก ๆ ไปได้ไปเพราะอยู่ช่วยงาน และพอมีเวลาทั้งสองจะเรียนหนังสือด้วย จึงทำให้เด็กทั้งสองไม่ได้เข้าไปที่บ้านของย่าเลย
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ทั้งสามคนก็ช่วยกันทำอาหาร เตรียมเอาไปบ้านย่า หรงผิงทำใจไว้บ้างแล้วว่าตัวเองอาจโดนอะไรกลับมา อาจเป็นคำพูดและสายตาจากคนพวกนั้น แต่เมื่อรับปากเด็ก ๆ แล้วจึงต้องตามมาด้วย
เธอคิดว่ามาเพื่อแสดงความจริงใจ อาจทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาบ้าง แต่หากมันไม่ดีขึ้นจะได้หลีกเลี่ยงการพบเจอ เพราะเธอไม่ใช่คนที่จะยอมให้คนอื่นมารังแกได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
"แม่เดินเร็ว ๆ " ซือหงออกแรงฉุดมือแม่ให้เดินเข้าบ้านย่า
"ย่า!! หนูเอากับข้าวมาให้ แม่ทำอาหารอร่อยมาก" ซือหงตะโกนเรียกย่าเหมือนทุกครั้ง แต่ที่แตกต่างคือเปลี่ยนจากมาขอข้าวกินเป็นเอากับข้าวมาให้แทน
"หายไปนาน ไม่มาหาย่าเลย กินข้าวมาหรือยัง" หลี่รุ่ยจิว ถามหลานสาวโดยที่ไม่มองหน้าลูกสะใภ้เลยสักนิดเดียว
ถึงจะไม่ชอบ แต่ก็ไม่อยากแสดงออกให้หลานทั้งสองได้รับรู้ ถึงอย่างไรก็เป็นแม่ของหลาน และหากพูดไม่ดี พอหลานกลับไปอาจถูกแม่ทำร้ายได้อีก ถึงแม้ที่ผ่านมาจะแอบไปดู และรู้ว่าทั้งสามคนอยู่กันอย่างสงบ ไม่มีการลงมือตบตี แต่ก็ยังไม่ไว้ใจลูกสะใภ้คนนี้อยู่ดี
"ฉันทำกับข้าวมาให้" หรงผิงตัดสินใจพูดออกไป เพราะรู้ดีว่าอีกคนทำเป็นมองไม่เห็นเธอ
"คิดอย่างไรถึงทำมาให้ ใส่อะไรมาให้กิน แม่อย่ารับเอาไว้นะ" เหอชุนหลิน สะใภ้ใหญ่รีบห้ามแม่สามีทันที เพราะกลัวว่าจะเอาอะไรไม่ดีเข้ามาในบ้าน
"ป้าใหญ่ น้ำแกงปลาอร่อยมาก พวกเราไปจับปลามาเอง ช่วยกันทำแล้วเอามาให้ ไม่ได้ใส่อะไรที่ไม่ดีเลย" ซือหงรีบบอก เพราะเธอก็กินแกงหม้อนี้เหมือนกัน
"แม่เปลี่ยนไปแล้วครับ" จือหมิงช่วยยืนยัน เพราะเขาเห็นแม่เงียบ ไม่ตอบโต้อะไรเลย
"พอรู้ตัวหล่อนก็มาทำดีกับบ้านแม่สามีหรืออย่างไร" ชุนหลินจ้องมองอีกคนที่ดูอย่างไรก็เปลี่ยนเป็นคนดีได้ยาก
"เด็ก ๆ เอาไปวางไว้แล้วกลับกันดีกว่า" หรงผิงหันบอกเด็ก ๆ วันนี้ได้มาพิสูจน์แล้วว่ามันไม่ง่ายที่จะทำให้คนอื่นยอมรับ ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า
"ไม่ต้องเอาไว้หรอก เอากลับไปไว้ให้เด็ก ๆ กินเถอะ ที่บ้านมีอาหารพอกินอยู่แล้ว อย่าปล่อยให้ลูกอดก็พอแล้ว" รุ่ยจิวหันมาบอกลูกสะใภ้
"ทิ้งไปเลยไม่ดีกว่าหรืออย่างไร อาจใส่ยาอะไรก็ได้ หากเจ้าแฝดเป็นอะไรขึ้นมาจะบอกพี่หยางว่าอย่างไร" ซูเยว่ สะใภ้เล็กรีบเดินมาห้ามแม่ เพราะเจ้าแฝดเคยกินอาหารที่แม่ใจร้ายใส่ย่าถ่ายแล้วท้องเสียหนักทั้งคู่!!
"อาเล็ก... แม่ใจร้ายตายไปแล้ว ตอนนี้มีแต่แม่ใจดี" ซือหงเขย่าแขนอาสะใภ้เพื่อให้ฟังที่เธอบอกบ้าง ปกติแล้วทุกคนก็ใจดี มักเรียกเธอกินข้าวอยู่แล้ว ใจดีกับแม่ของเธอเพิ่มอีกสักคนจะเป็นไรไป เธอชอบแม่คนนี้จริง ๆ
"หล่อนคงรู้และได้ยินข่าวมาแล้ว แต่ต่อให้มาทำดีกับพวกเราก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเจ้ารองตัดสินใจ" รุ่ยจิวหันมาบอกลูกสะใภ้ และคิดว่าสิ่งที่ลูกสะใภ้กำลังทำมันไม่มีประโยชน์อะไร มันสายเกินไปแล้ว เพราะลูกชายของเธอตัดสินใจที่จะหย่าขาดจริง ๆ
"เข้าใจแล้วค่ะ เด็ก ๆ จะอยู่บ้านย่าหรือกลับพร้อมกัน" หรงผิงตอบกลับพร้อมทั้งถามเด็ก ๆ ไปด้วย
"ให้เด็ก ๆ อยู่นี่ก่อน ช่วงบ่าย ๆ ฉันจะไปส่งเอง" รุ่ยจิวอยากพูดคุยสอบถามหลานทั้งสองให้รู้เรื่องมากกว่านี้
"ค่ะ" หรงผิงตอบกลับแล้วเดินกลับทันที ทำอย่างไรได้ อย่างไรพวกเขาก็เป็นญาติกัน ให้อยู่ด้วยกันก็ไม่เห็นเป็นไร
รุ่ยจิวมองลูกสะใภ้เดินออกไปจนสุดสายตา สะใภ้คนนี้ทั้งสวยและดูดี หากทำตัวดีสักหน่อยก็มีแต่คนรักและเอ็นดู แต่กลับทำตัวตรงกันข้าม โหดร้ายกับลูกมากเกินไปจนลูกชายของเธอทนไม่ไหว
ถึงขั้นค่อย ๆ ให้ชาวบ้านเก็บรวบรวมหลักฐาน และก็เป็นชาวบ้านอีกนั่นแหละที่ยอมไปเป็นพยานในการยื่นหย่าขาดในครั้งนี้อีกด้วย ที่รู้ข่าวนี้เพราะลูกชายโทรเลขมาแจ้งข่าวไว้ว่าต้นเดือนหน้าจะกลับมาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
"ย่า... พวกเราตั้งใจทำมากเลยนะครับ" จือหมิงมองหม้อแกงแล้วมองหน้าย่า
"ย่ารู้แล้ว ไหนขอย่าดูหน่อย วันนี้แต่งตัวสวยแต่งตัวหล่อทั้งคู่เลย" รุ่ยจิวจับหลานทั้งสองหมุนตัวแล้วยิ้มตาม
"ไปเล่นกับพี่ไป อยู่หลังบ้านโน่นแหละ" ชุนผิงเดินเข้ามาบอกหลาน เพราะเธอต้องการคุยกับแม่สามี
"ย่า ป้าใหญ่ อาเล็ก แม่เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ นะ!! แม่ใจร้ายตายไปแล้ว เหลือแต่แม่ใจดี" ซือหงอยากให้ทุกคนมองแม่ของเธอใหม่
"จริงครับ แม่เปลี่ยนไปแล้ว" จือหมิงก็อยากให้ทุกคนได้เห็นแม่ใหม่จริง ๆ
"รู้แล้ว ไปเล่นกับพี่ ๆ ที่อยู่หลังบ้านได้เลย วันนี้มีเวลาวิ่งเล่นนานเลยกว่าที่ย่าจะไปส่ง" ซูเยว่ดันหลานทั้งสองให้ไปเล่นกับพี่น้องคนอื่น ๆ ก่อนจะก้มมองหม้อน้ำแกงอย่างชั่งใจ
ซือหงมองเส้นทางกลับบ้านด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าแม่จะเสียใจแล้วแม่จะกลับเป็นคนใจร้ายเหมือนเดิม เธออยากกลับไปเฝ้าแม่ไว้เหมือนที่ผ่านมา ทำไมไม่มีใครเชื่อว่าแม่ใจร้ายตายไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่แม่ใจดีคนนี้คนเดียวเท่านั้น...
ตอนที่ 7 คนบ้านเฉินเมื่อเห็นหลานเดินไปแล้ว คนเป็นย่าก็ได้แต่ถอนหายใจ จากที่เห็นคือหลานดูดีขึ้น หน้าตาสดชื่นแจ่มใส และหลานทั้งสองเชื่อว่าแม่กลายเป็นคนดีแล้ว หากคนเราเปลี่ยนแปลงง่ายขนาดนั้นคงเปลี่ยนไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้หรอกรุ่ยจิวแต่งงานกับสามีและมีลูกชายทั้งหมดสามคน สามีเป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตคอมมูน ลูกชายทั้งสามรับราชการเป็นทหารทั้งหมด ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวเธอดีกว่าบ้านอื่น ๆ สะใภ้ไม่ต้องทำงานอะไร นอกจากดูแลบ้านและดูแลลูกเพียงเท่านั้นด้วยความที่มีลูกชายหน้าตาดี และทุกคนทยอยสมัครเข้าไปเป็นทหาร ทำให้มีหญิงสาวอยากแต่งเข้าบ้านเฉินกันทั้งนั้น แต่เพราะลูกชายคนโตกับคนรองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เหลือแต่คนเล็กเท่านั้นที่ยังไม่มี จึงทำให้สาว ๆ หลายคนถอดใจไปบ้างแต่แล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับลูกชายคนรอง หรือก็คือพ่อของเจ้าแฝดที่ดื่มกินจนเมาและได้เสียกับสะใภ้รองจนมีเจ้าแฝด ตั้งแต่นั้นหลายอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะลูกคนรองต้องแต่งงานกับแม่เจ้าแฝด ลูกชายของเธอทำผิดต่อคู่หมั้นของตัวเองเรื่องขอถอนหมั้นก็ไม่ใช่เรื่องดีและไม่ควรทำเช่นกัน เพราะฝ่ายหญิงไม่ได้ทำอะไรผิดเ
ตอนที่ 8 ว่าด้วยเรื่องของการหย่าผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วที่หรงผิงเข้าไปที่บ้านเฉิน หลังจากที่กลับมา เธอก็ไม่ได้เข้าไปในหมู่บ้านอีกเลย แต่ให้ฝาแฝดเอาปลาเป็นเข้าไปให้บ้านย่าแทน ที่ทำแบบนั้นเพราะคิดว่าควรทำ เพราะหากหย่าแล้วจะได้จบกันด้วยดี"ปลาแห้งของเราเยอะมาก" จือหมิงมองปลาแห้งที่แม่ทำไว้เยอะมาก ๆ แม่บอกว่าเอาเก็บไว้กินได้นาน ๆ พอเห็นว่ามีอาหารอยู่มาก เลยทำให้ยิ้มอย่างสุขใจ"แม่ใจดีมาอยู่กี่วันแล้วหรือคะ หนูหักนิ้วได้ 15 วัน พี่ใหญ่บอก 17 วัน" ซือหงตัดสินใจถามแม่ น่าจะให้คำตอบกับเธอได้บ้าง"22 วัน" หรงผิงตอบออกไป เธอจำได้เป็นอย่างดี ตลอดเวลาที่มาอยู่ที่นี่ เธอได้สำรวจและรู้ว่าช่วงนี้ยังทำอะไรมากไม่ได้ เพราะยังอยู่ในฤดูหนาว และเธอรอให้เรื่องหย่าคลี่คลายก่อนไม่รู้ว่าพ่อของเด็ก ๆ จะมาไม้ไหน เธอได้ข่าวที่ชาวบ้านพูดต่อ ๆ กันเพียงเท่านั้น จบจากเรื่องหย่าแล้วค่อยคิดว่าตัวเองจะทำอะไรต่อ จากที่นับวันเวลาดูแล้วคงเหลืออีกไม่กี่วัน พ่อของเด็ก ๆ คงมาจัดการเรื่องหย่าแล้ว"ผิดทั้งคู่!!" ซือหงหันไปหัวเราะกับพี่ชาย ที่ต่างเถียงกันแต่กลับผิดทั้งคู่"แม่... หย่าคืออะไร" จือหมิงอยากรู้เรื่องนี้มาก เขาก
ตอนที่ 9 รับทราบข้อกล่าวหาหรงผิงคิดว่าตัวเองน่าจะมาอยู่ที่สถานีตำรวจ เธอไม่ค่อยเข้าใจระบบระเบียบของยุคนี้มากนัก จึงทำได้เพียงเงียบและคอยมองสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัว เธอไม่รู้ว่าพ่อของเด็กแฝดจะทำแบบไหนบ้างอยากเห็นหน้าสักครั้ง คนแบบไหนที่ทำให้ร่างเดิมรักแบบหัวปักหัวปำขนาดนี้!!ดูใจร้ายเหมือนกันที่เขาทำแบบนี้ ไม่มาเจอหน้า ไม่มาเจรจา แต่ยื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่จัดการเอง นั่นเท่ากับว่าเขาวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว ตัวเธอนั้นพอเข้าใจที่เขาทำแบบนี้ เพราะรู้ดีว่าร่างเดิมเป็นแบบไหน รับรองว่าถ้าเจ้าของร่างเดิมยังอยู่ก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ ๆ อย่าว่าแต่พ่อของเด็กแฝดเลือกทำแบบนี้เลย หากเป็นเธอที่ต้องการจัดการปัญหากับคนแบบเจ้าของร่างเดิม ก็เลือกที่จะทำแบบนี้เช่นเดียวกัน"พออ่านหนังสือได้ใช่ไหม" เจ้าหน้าที่นั่งลง ก่อนจะถามหญิงสาวที่นั่งรออยู่เงียบ ๆ"พออ่านได้ค่ะ แต่อยากให้แจ้งมาด้วย เพราะอ่านไม่ค่อยคล่องสักเท่าไร" หรงผิงเลือกที่จะอ่านและฟังจากปากของเจ้าหน้าที่ด้วย"จะสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ แล้วกัน" เจ้าหน้าที่คิดว่าหากอ่านทุกตัวอักษร มันจะเป็นประโยคทางการพอสมควร ชาวบ้านทั่วไปจะไม่ค่อยเข้าใจ อย่าว่าแต่ช
ตอนที่ 10 ชาวบ้านผู้หวังดีฝาแฝดเดินตามย่ามาที่ร้านค้าของหมู่บ้าน หากเป็นแต่ก่อนทั้งสองจะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก อยากจะมาดูว่าร้านค้ามีอะไรขายบ้าง แม้ไม่ได้ซื้ออะไรเลยก็ตามแต่หลังจากเหตุการณ์ที่ทุกคนต่อว่าแม่ และคนขายไม่ยอมขายของให้ด้วย ทำให้พวกเธอไม่ค่อยอยากมาสักเท่าไร แต่ที่มาวันนี้เพราะจะได้มารอแม่ หากแม่กลับมาจะต้องผ่านเส้นทางนี้ เพราะตอนออกไป... แม่ก็นั่งรถผ่านเส้นทางนี้เหมือนกัน"พี่ใหญ่ หรือว่าแม่จะเดินลัดทุ่งนาเหมือนตอนที่พาเราเข้าไปในเมือง" เมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่อาจมาอีกเส้นทางหนึ่งก็เริ่มที่จะลังเลไม่อยากเดินต่อ"เดินเร็ว ๆ ย่าจะซื้อลูกอมนมกระต่ายขาวให้" รุ่ยจิวเร่งหลานทั้งสอง ตอนนี้พยายามที่จะให้หลานลืมเรื่องแม่ไปก่อน"ย่าครับ แม่จะมาเส้นทางนี้ไหมครับ" จือหมิงถามย่าเพื่อความแน่ใจ"ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไปเลือกขนมได้เลย อยากได้อะไรก็เลือกเอาเลย" รุ่ยจิวตอบหลานแล้วดันตัวหลานให้เข้าไปในร้านค้า เพื่อเลือกซื้อขนมตามที่ต้องการเมื่อให้หลานเข้าไปแล้ว ตัวเองก็นั่งรออยู่บริเวณหน้าร้านค้า ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ ตอนนี้หลานทั้งสองดูเหมือนจะติดแม่มาก ๆ แค่หายไปไม่นานก็พากันออกมานั่งรอที่หน้า
ตอนที่ 11 ครอบครัวเซียววันต่อมา หรงผิงก็พาลูกมาที่บ้านพ่อกับแม่ซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งไม่ห่างกันมากนัก เธอทำตามที่ได้รับปากแม่ตั้งแต่เมื่อวาน และก่อนจะออกจากบ้าน เธอก็ให้ลูกไปบอกย่าว่าจะพากันไปนอนที่บ้านของยาย เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่กังวลว่าหลานหายไปไหนหลายวันในตอนแรกเธอคิดว่าบอกให้รับรู้แล้ว... ทุกคนจะได้วางใจ แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด พวกเขากลัวว่าเธอจะพาลูกหนี!! จนต้องเดือดร้อนพ่อสามีเอารถแทรกเตอร์ของฝ่ายผลิตมาส่งพวกเธอถึงบ้านและนัดวันมารับกลับอีกด้วยหรงผิงไหนเลยจะไม่รู้ว่าพวกเขากลัวอะไร แต่เพราะเธอบริสุทธิ์ใจเลยยอมตกลงง่าย ๆ ดีเสียอีก ไม่ต้องพาลูกเดินให้เหนื่อย และไม่ต้องเสียเวลาอีกด้วยเป็นใครก็ต้องระแวง เพราะคำว่าแม่ตัวร้ายนั้นไม่ใช่แค่คำเรียก การกระทำที่กล้าลงมือกับทุกคน ลงมือกับลูกต่างหากที่ทำให้คนเรียกแม่ของเจ้าแฝดว่าเป็นมารดาตัวร้าย!!หรงผิงเข้าใจดีเลยแหละ เธอไม่โกรธคนพวกนั้นเลย บ่งบอกว่าพวกเขาเป็นห่วงเจ้าแฝด แบบนี้ยิ่งดี หากเธอหย่ากับพ่อของเด็ก ๆ แล้วก็สบายใจได้เลยว่า พวกเขาจะรักและดูแลเจ้าแฝดเป็นอย่างดี"ไม่ได้ไปทำงานกันเหรอคะ" หรงผิงมองหน้าพ่อ แม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ และหล
ตอนที่ 12 ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันผ่านมาสามวันแล้วที่หรงผิงกลับมาจากบ้านของพ่อและแม่ ทุกคนในครอบครัวเข้าใจเธอเป็นอย่างดี และยังยอมรับฟังเหตุผลของเธออีกด้วย เธอรู้ว่าโลกนี้ ยุคนี้ ค่อนข้างใจร้ายกับผู้หญิงที่หย่าจากสามี แต่พอมีครอบครัวที่พร้อมจะเคียงข้าง มันเลยทำให้เธอสบายใจมากขึ้น ตอนนี้เธอไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะคิดเห็นอย่างไร เธอสนใจแค่เจ้าแฝดและครอบครัวของพ่อแม่เพียงเท่านั้น"ใกล้แล้ว... ใกล้ที่ฉันจะเป็นอิสระแล้ว... " หรงผิงพึมพำคนเดียวเบา ๆหลังจากที่พาเจ้าแฝดเข้านอนแล้ว สถานที่ที่เธอชอบมานอนเวลาต้องการใช้ความคิดมากที่สุดคือบริเวณหน้าบ้าน อาจเพราะเธอชอบบรรยากาศและอากาศที่เย็นสบาย เธอรู้สึกว่าสมองแล่นได้ดีและคิดอะไรออกง่ายกว่าเวลาที่เจออากาศร้อนหรงผิงนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเผลอหลับไปเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป... เพราะเธอนอนดิ้นจนหล่นจากโต๊ะ!! ความรู้สึกที่กำลังจะร่วงหล่นลงพื้นทำให้เธอลืมตาตื่นทันทีตุ๊บ!!"อ่า... อยู่แบบคนธรรมดาเพียงไม่กี่เดือน... หลงลืมสัญชาตญาณที่เคยมีไปจนหมดสิ้น ไม่ดี ไม่ดี แบบนี้ไม่ดีเลย" หรงผิงสะบัดหัวเพื่อทำให้ตื่นตัวได้เต็มที่ ก่อนจะค่อย ๆ พยุงต
ตอนที่ 13 ความเชื่อใจหรงผิงและลูกทั้งสองตื่นแต่เช้า เพื่อทำกิจวัตรประจำวัน เด็ก ๆ จะมีหน้าที่ช่วยงานบ้านเท่าที่จะช่วยได้ และยังต้องหัดเขียนหนังสือที่ลานหน้าบ้านในตอนเช้าของทุกวันอีกด้วยเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าในมิติฟาร์มยังมีสมุดหนังสือและดินสอที่สามารถนำออกมาใช้งานได้ เลยปล่อยให้ลูกทั้งสองคนเขียนหนังสืออยู่ที่ลานหน้าบ้านก่อน ส่วนตัวเธออ้างว่าต้องการไปเข้าห้องน้ำ แต่ความจริงแล้วเธอเข้ามาในมิติฟาร์มหรงผิงเคยได้รับบทเรียนมาจากโลกเดิมแล้วว่า... ความลับบางอย่างก็ไม่ควรที่จะเปิดเผยให้ใครได้รับรู้ เธอยอมรับว่าตอนนี้ยังไม่เชื่อใจใครเลยสักคน ชาติที่แล้วตายเพราะญาติที่คิดว่าดีแสนดี ชาตินี้จะไม่มีทางทำเหมือนเดิมอีกเป็นอันขาด!!"คิดถึงกลิ่นนี้มากกก... " หรงผิงลากเสียงยาวทันทีที่เข้ามาในห้องหนังสือ ก่อนจะค่อย ๆ หาดินสอและหยิบสมุดเล่มเล็กตามที่ตัวเองตั้งใจมาเอาตั้งแต่แรก"ในนี้ทุกอย่างจะคงสภาพไม่เน่าไม่เสีย... ในครัวเรามีตู้ใส่อาหาร!! " เมื่อนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่ตัวเองจะตายมีเสบียงหลงเหลืออยู่ในครัว จึงรีบเข้าไปตรวจสอบ เพราะในมิติฟาร์มทุกอย่างจะคงสภาพไม่เน่าไม่เสีย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม"
ตอนที่ 14 สะใภ้รองเปลี่ยนไปชุนหลินรอแม่สามีที่บอกว่าจะไปหาสะใภ้รองอย่างเป็นกังวล เพราะแม่หายไปนานมากแล้วแต่ยังไม่กลับมา จึงทำให้เธออยู่รอที่บ้านไม่ไหว จนต้องเดินออกมาตาม หากมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันได้ทัน"ฉันกำลังจะออกไปตามแม่... " ชุนหลินเดินมาถึงครึ่งทางแล้วก็เจอแม่สามีพอดี เธอนั้นร้อนใจตั้งแต่ที่แม่บอกจะไปหาสะใภ้รอง และแม่ยังหายมานานอีกด้วย!!"พอดีคุยกับเจ้าแฝดเพลินเลยช้าไปหน่อย... กลับบ้านก่อนค่อยคุยกัน" รุ่ยจิวรีบบอกให้ลูกสะใภ้กลับบ้าน เพราะอยากจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองฟังเมื่อมาถึงบ้านก็เห็นลูกสะใภ้เล็กนั่งรออยู่แล้ว รุ่ยจิวเลยให้หลาน ๆ พากันออกไปเล่น ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ตัวเองไปเจอมาให้ทั้งสองสะใภ้ได้ฟัง"แม่... หรือพี่สะใภ้รองจะรู้ตัวว่าทำผิดจริง ๆ " ซูเยว่พูดขึ้นหลังจากที่ฟังแม่สามีเล่าเรื่องจนจบ"พักนี้ไม่มีข่าวอะไรเลยนะ ปกติแล้วชาวบ้านจะต้องเล่าว่าไปเจอที่ไหนและโดนอะไรมาบ้าง แต่ตอนนี้ชาวบ้านไม่เห็นจะพูดถึงเลย แม้แต่เจอตัวก็ยังไม่มีใครได้เจอเลย" ชุนหลินก็บอกถึงเรื่องที่ตัวเองมักได้ยินเป็นประจำ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึงสักเท่าไร จะบอกว่าคนอื่นเลิก
ตอนพิเศษ 3วันตรุษจีนของพวกเราณ โรงพยาบาลประจำมณฑล"เราจะได้กลับกี่โมง... ปกติพ่อกับแม่ไม่เคยมารับเราช้า แต่ทำไมวันนี้ถึงช้าได้เล่า" เสียงบ่นดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งชะเง้อมองไปยังเส้นทาง เฝ้ามองว่าคนที่ตัวเองรอจะมารับเมื่อไร"หิว ง่วง หรือว่ายังไง" ซือหงมองเพื่อนที่บ่นเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ เพราะพูดบ่อยมากจนจำไม่ได้แล้ว"หิว วันนี้ที่บ้านต้องมีอาหารมากมายแน่ ๆ " ซือเล่อหันมาบอกเพื่อนอย่างจริงจังซือหงกับซือเล่อเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนระดับประถม และเรียนด้วยกันมาตลอดจนถึงตอนทำงานก็ยังทำที่เดียวกันอีกด้วย พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน แม้แต่อาชีพที่เลือกเรียนยังเหมือนกันเลยสองสาวเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายที่ต้องมาทำงานในโรงพยาบาลประจำมณฑล อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว แต่ใช่ว่าจะจบเลยทีเดียว ยังมีต่อเฉพาะทางอีก ซึ่งสองสาวยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต่อด้านไหนดีทั้งสองสนิทกันจนถึงขั้นไปกินไปนอนบ้านของอีกคนได้ โดยที่คนในครอบครัวรับรู้ จนพ่อแม่ของทั้งสองคิดว่ามีลูกสาวเพิ่มเข้ามาในครอบครัวอีกคนแล้ว"หิวหรืออยากเห็นหน้าพี่ใหญ่ วันนี้วันตรุษจีน... " ซือหงพูดพร้อมทั้งหรี่ตาจ้องจับผิ
ตอนพิเศษ 2:: เซียวหรงผิงสาวน้อยจากวันสิ้นโลก ::หรงผิงขดตัวซ่อนอยู่ในมุมอับ ทั้งที่รอบ ๆ พื้นที่เงียบสงัด แต่เจ้าตัวกลับรับรู้ถึงภัยที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามา รู้ดีว่าด้านนอกนั้นคือสิ่งใด...เซียวหรงผิง คือชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้ ผิงผิง คือชื่อที่พวกท่านชอบเรียกหา แต่นั่นเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องการให้ใครเรียก ผิงผิง อีกแล้ว เพราะมันทำให้เธอคิดถึงพวกท่านหรงผิงดีใจที่พวกท่านจากไปตั้งแต่ช่วงแรก อาจฟังดูใจร้าย แต่เชื่อเถอะว่าคนที่จากไปในช่วงเชื้อโรคแพร่ระบาด หรือในช่วงแรกนั้น... คนพวกนั้นโชคดีกว่าคนที่อยู่มาถึงทุกวันนี้โลกที่เธออยู่มีความเจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี ทุกอย่างสะดวกสบาย เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย รวมถึงมีรอยรั่วให้สิ่งแปลกปลอมแทรกซึม เธอไม่รู้ว่าสาเหตุหลักจริง ๆ แล้วเชื้อไวรัสนี้มาจากที่ใด แต่การแพร่ระบาดเริ่มในกลุ่มเล็ก ๆ คนที่ติดเชื้อจะถูกแยกและถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้เพื่อดูอาการในช่วงแรกทุกคนคิดว่าคนที่ติดเชื้อคือโชคร้าย เธอคือหนึ่งในนั้นที่คิดว่าพ่อกับแม่โชคร้ายที่ติดเชื้อตั้งแต่แรก ท่านทั้งสองถูกส่งเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยที่ตัวเธอถูกจับตรวจร่างกาย เพื่อหาเ
ตอนพิเศษ 1:: เซียวหรงผิงมารดาตัวร้าย ::เซียวหรงผิงค่อย ๆ ขยับตัว พยายามที่จะเปิดเปลือกตา... เพื่อลืมตาตื่น ความทรงจำบอกว่าเธอตกน้ำเย็นจัด จึงทำให้ป่วยเป็นไข้นอนซมตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเมื่อนึกย้อนกลับไปว่าเพราะเหตุใดจึงทำให้ตัวเองตกลงไปในน้ำ ก็ทำให้มีแต่อารมณ์กรุ่นโกรธ!! ไม่พอใจชาวบ้านที่พากันลือพูดข่าวมั่ว ๆ กล่าวหาว่าสามีของเธอกำลังจะกลับมาหย่า!! จะหย่าได้อย่างไร ในเมื่อไม่ยอมหย่าซะอย่าง ใครจะทำไม!!สามีของเธอไม่เคยกล้ากับเธอเลยสักครั้ง ถึงตัวไม่กลับมาแต่ส่งเงินให้ตลอด มีกินมีใช้ไม่เคยขาดมือ ก็ลองปล่อยให้ขาดมือดูซิ!! คนที่ต้องอดก็คือลูกของเขาทั้งสองคนอีกนั่นแหละ!! เธอจำได้ดีว่าโทรเลขไปขู่สามี หากครั้งนี้ยังไม่กลับมา อย่าได้เห็นหน้าลูกอีกเลย"ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้วะ!! ไอ้แฝดหายหัวไปไหนหมด ไม่แหกตาดูหรือว่าฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย พวกแกสองตัวอยากให้ฉันตายหรืออย่างไร อยากลองดีใช่ไหม แม่จะฟาดให้หลังลายเลย!! " แม้จะรู้สึกได้ว่าเสียงของตัวเองเปลี่ยนไป แต่เพราะรู้ว่าตัวเองไม่สบายอาจทำให้เสียงเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง"ยังไม่โผล่หัวออกมาอีก!! วันนี้พวกแกสองตัวอดข้าวไปเลยนะ อย่าให้เห็นว่ากินอิ่มนอ
ตอนที่ 46 บทส่งท้าย(มารดาที่ดี)หรงผิงจับลูกสาววัยสิบสองปีทำผมที่เด็กสาวกำลังนิยมในช่วงนี้ ที่ลูกสาวทำผมจัดเต็ม เพราะวันนี้ทางโรงเรียนจัดงานแข่งขันกีฬาสี และยังประกาศผลสอบให้กับนักเรียนอีกด้วย"ทำไมน้องเล็กต้องทำหลายอย่างด้วย" จือหมิงนั่งกินโจ๊กไปด้วยมองน้องสาวไปด้วย"คุณครูประจำชั้นบอกว่าจะมีคะแนนกิจกรรมมอบให้ เลยทำทุกอย่างที่ครูเสนอ" ซือหงตอบไปตามตรง ไม่อยากทำแต่อยากได้คะแนน เพราะผลการเรียนมีผลต่อการที่จะยื่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย รุ่นพี่พูดแบบนี้ทั้งนั้น"หากเป็นแต่ก่อน พี่คงคิดว่าน้องเล็กน่าจะถูกหลอก แต่ตอนนี้ไม่น่าจะถูกหลอกง่าย ๆ นอกจากไปหลอกคนอื่นเขามากกว่า" จือหมิงก็ยังคงเย้าแหย่น้องน้อยไปด้วย แต่ที่เขาบอกออกไปนั้นคือเรื่องจริง!!น้องสาวของเขาไม่ใช่เด็กที่ขี้กลัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว แม่เป็นแบบไหน น้องสาวของเขาเป็นแบบนั้นเลย และน่าจะร้ายมากกว่าแม่เสียอีก!! เพราะตอนนี้เขาจดจำแม่ปากร้าย แม่ใจร้ายไม่ได้แล้ว เขาจำได้แต่แม่ใจดีถึงแม่จะไม่ค่อยพูด แต่แม่สอนในหลายสิ่งหลายอย่างให้เขากับน้องสาว สอนให้รู้จักเข้มแข็ง สอนให้รู้จักแบ่งปันแก่ผู้อื่นเสมอ และสอนให้สู้คน ไม่ยอมให้คนมารังแก หรือเอา
ตอนที่ 45 เป็นลูกที่ดีหรงผิงยืนมองพ่อกับแม่ที่กำลังนั่งรอคิวให้เจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปเพื่อตรวจสุขภาพประจำปี ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมาอยู่ที่โลกใบนี้เกือบ 3 ปีแล้ว การงานของเธอมั่นคง มีโรงงานเป็นของตัวเอง โดยมีครอบครัวเฉินและครอบครัวเซียวดูแลเหมือนเดิมมาตั้งแต่แรกทุกคนช่วยงานกันเป็นอย่างดี เคยเป็นแบบไหนก็ยังเป็นแบบนั้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือทุกคนมีรายได้ดี มีเงินเก็บ และลูกหลานทั้งสองบ้านก็ได้เรียนหนังสือทุกคน"ทำไมต้องมาตรวจให้สิ้นเปลืองด้วย" เหลียนฟางมองลูกสาวที่เดินมานั่งใกล้ ๆ ก็อดที่จะบ่นไม่ได้"ไม่อยากอยู่เลี้ยงหลานเลี้ยงเหลนหรืออย่างไร" หรงผิงถามกลับ แกล้งขู่แม่ไปอย่างนั้นเอง"ฉันไม่ได้เป็นอะไร!! " เหลียนฟางรู้ดีว่าลูกสาวหมายถึงเรื่องอะไรความจริงแล้วปากบ่นไปแบบนั้นเอง มันคือความเคยชิน แต่ในใจกลับตื้นตันที่ลูกสาวใส่ใจ ห่วงพ่อแม่พี่ชาย ต้องให้ทุกคนมาตรวจสุขภาพประจำปี เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่มาไม่เคยรู้ว่ามีตรวจสุขภาพประจำปีประจำเดือนด้วย แต่พอลูกสาวคนนี้เริ่มเปลี่ยนไปก็เหมือนเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ให้ครอบครัวได้เรียนรู้อยู่เรื่อย ๆ คำพูดของย่าทวดเป็นจริงเสมอ... ในตอนแรกที่ลูกสาวเปลี่ยนไ
ตอนที่ 44 ได้เป็นภรรยาอย่างเต็มตัว Nc+++กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ผ่านมาอีกสามเดือน จนตอนนี้หรงผิงมาอยู่ที่โลกใบนี้เป็นปีแล้ว จากลูกอายุห้าขวบ ตอนนี้อายุหกขวบกว่า ๆ แล้วตอนนี้เด็กแฝดก็ไปเรียนแล้วด้วย เธอไม่รู้เลยว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไป เพราะว่ามัวแต่จัดการกับงานต่าง ๆ แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงทำให้มีเวลามองย้อนกลับไป จึงได้รู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก!!สองครอบครัวมีกินมีใช้ ฐานะดีขึ้น แต่ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ฟุ่มเฟือย แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การที่สองครอบครัวสนิทกันมากขึ้น แบ่งปันสิ่งของกันเสมอ และที่เห็นได้ชัดอีกเรื่องคือ... ครอบครัวบ้านเฉินได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันครบทั้งหมดพี่ใหญ่บ้านเฉินลาออกจากการเป็นทหารกลับมาดูแลการผลิตในโรงงานให้เธอ เพราะพี่ชายทั้งสองของเธอต้องเข้ามาทำงานในมิติเลยไม่ได้ไปดูแลโรงงาน ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำอย่างลงตัวตอนนี้หน้าที่หลักของเธอคือทำบัญชีเองทั้งหมด แม้แต่ค่าแรงที่จ่ายให้ทุกคน เธอก็คือคนตัดสินใจ แต่ส่วนมากจะขอความคิดเห็นจากสามี เท่าที่รับรู้เธอจ่ายค่าแรงสูงกว่าราคาการจ้างงานทั่วไปแต่พอปรึกษากันแล้ว คิดว่าคนที่ทำงานให้เป็นญาติพี่น
ตอนที่ 43 สร้างเนื้อสร้างตัวซือหยางยืนมองสิ่งของต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหน้าของตัวเอง เขาเข้ามาที่มิติฟาร์มของภรรยานับครั้งไม่ถ้วน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินสักเท่าไรพอเข้ามาทำงานด้วยตัวเอง จึงได้รู้ว่าช่วงที่ภรรยาทำงานคนเดียวนั้นต้องทำงานหนักมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวต้องขับรถเกี่ยวข้าว แล้วต้องออกแรงสาวมุ้งดักปลาที่มีปลาจำนวนมากอยู่ในนั้น และไม่ใช่ออกแรงสาวเพียงรอบเดียวก็แล้วเสร็จ อย่างน้อยต้องมีถึงสิบกว่ารอบ ถึงจะครบตามจำนวนที่ต้องการ"น้องเล็กไปไหน" เซียวหยวนเดินออกมาหาน้องเขยที่กำลังยืนมองพื้นที่อยู่หน้าลานเกษตร"หลับครับ... ผมไม่อยากปลุก" ซือหยางรู้ว่าไม่สามารถช่วยอะไรในเรื่องที่ผ่านมาได้มาก เลยอยากชดเชยให้ภรรยาได้นอนพักบ้างในช่วงเวลานี้"เดี๋ยวตื่นมาบ่นอีก" เซียวฉวนเดินมาสมทบ หลังจากทำงานในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว"งานเสร็จแล้ว ไม่น่าบ่นหรอกครับ" ซือหยางบอกไปแบบนั้นเอง... เขารู้ดีว่าภรรยาจะบ่นทุกครั้งที่ไม่ปลุกให้ตื่นมาช่วยทำงาน "น้องเล็กเหมือนคนอยู่ไม่สุข ต้องหยิบจับโน่นนี่ทำตลอด" เซียวฉวนส่ายหน้าไปมาเมื่อนึกถึงน้องสาว"กี่เดือนแล้วนะที่เราสามารถเข้
ตอนที่ 42 ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปวันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ นับตั้งแต่วันที่หรงผิงเปิดเผยเรื่องมิติฟาร์มก็ผ่านมานานนับเดือนแล้ว เรื่องมิติฟาร์มยังเป็นความลับ รู้กันเพียงพ่อแม่ พี่ชายทั้งสองคน และสามีของเธอเพียงเท่านั้น ส่วนเจ้าแฝดยังไม่รู้ เธอยังไม่เคยพาลูกเข้าไปเลยสักครั้ง เพราะทั้งสองยังเด็ก กลัวจะทำความลับนี้หลุดออกไป จึงคิดว่าปิดไว้ก่อน รอให้โตกว่านี้ก่อนค่อยเปิดเผยทีหลัง ยังมีเวลาอีกมากมาย "เรียนเป็นหมอได้ไหมคะ" ซือหงที่สะพายกระเป๋าไปสมัครเรียนในวันนี้ก็เฝ้าถามคำถามนี้กับพ่อและแม่ทุกครั้งที่ตัวเองนึกขึ้นได้"เรียนเป็นหมอได้ค่ะ" หรงผิงจัดผมให้ลูกสาวอีกครั้ง เพราะมันไม่ค่อยเรียบร้อยสักเท่าไร"แล้วลูกล่ะ อยากเป็นอะไร" ซือหยางถามลูกชายที่ยืนยิ้มมองแม่กับน้องสาวอยู่ใกล้ ๆ "เป็นทหารเหมือนเดิมครับ" เขาอยากเป็นแบบพ่อทำงานหาเงินเยอะ ๆ แม่กับน้องจะได้ไม่ต้องทำงาน และแน่นอนเขาเคยบอกให้ทุกคนรู้แล้วว่าเขาอยากเป็นทหาร!!ซือหยางจับมือลูกชายไว้แล้วยิ้มกับท่าทางของลูกชาย การเป็นทหารมีหลายรูปแบบ หากเรียนมานั้นหมายถึงต้องมียศมีตำแหน่งแน่นอน แต่เขาสามพี่น้องคือสมัครเข้าไปเป็นทหารการสมัครเข้าไปเป็นทหารจะ
ตอนที่ 41 เปิดโลกใบใหม่หลังจากที่ได้รับคำสอนจากครอบครัวก็ทำให้หรงผิงต้องมาเปิดใจคุยกับพ่อเจ้าแฝดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก เพราะได้คำสอนต่าง ๆ มามาก จึงทำให้เธอยอมที่จะเปิดใจ และคิดว่าต้องเริ่มปรับตัวให้เหมือนตัวเองมีครอบครัวจริง ๆ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่จะคิดและทำอะไรแค่คนเดียวเสมอ"ลูกเริ่มเรียนรู้การเป็นแม่ที่ดีแล้ว ลูกก็เริ่มเรียนรู้การเป็นภรรยาไปด้วย ค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีใครทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก ทุกคนต้องเรียนรู้ด้วยกันทั้งนั้น"หรงผิงนึกถึงคำสอนของพ่อที่ปกติจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด กับคนภายนอกคือแค่ยิ้มทักทายเท่านั้น แต่กับเธอ พ่อกลับบอกสอนและพูดด้วยประโยคยาว ๆ และคำสอนแต่ละอย่างของพ่อมันดีมากไม่น่าเชื่อว่าสังคมที่ผู้ชายคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ไม่สามารถใช้ได้กับพ่อ เพราะพ่อไม่เคยกดขี่ข่มเหงคนในบ้าน สิ่งไหนทำได้ให้ช่วยกันทำ เสร็จก็ได้พักแล้ว เธอโชคดีที่มาอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้ รู้สึกว่าตัวเองมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ"แม่กินก่อนค่ะ" ซือหงสะกิดแม่ที่มองออกไปนอกบ้าน ไม่ยอมกินข้าวสักที"เดี๋ยวพ่อก็กลับครับ" จือหมิงคิดว่าแม่คงรอพ่ออยู่แน่ ๆหรงผิงหันมายิ้มให้ลูกทั้งสองก่อนจะก้มหน้