ตอนที่ 12 ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกัน
ผ่านมาสามวันแล้วที่หรงผิงกลับมาจากบ้านของพ่อและแม่
ทุกคนในครอบครัวเข้าใจเธอเป็นอย่างดี และยังยอมรับฟังเหตุผลของเธออีกด้วย เธอรู้ว่าโลกนี้ ยุคนี้ ค่อนข้างใจร้ายกับผู้หญิงที่หย่าจากสามี แต่พอมีครอบครัวที่พร้อมจะเคียงข้าง มันเลยทำให้เธอสบายใจมากขึ้น ตอนนี้เธอไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะคิดเห็นอย่างไร เธอสนใจแค่เจ้าแฝดและครอบครัวของพ่อแม่เพียงเท่านั้น"ใกล้แล้ว... ใกล้ที่ฉันจะเป็นอิสระแล้ว... " หรงผิงพึมพำคนเดียวเบา ๆ
หลังจากที่พาเจ้าแฝดเข้านอนแล้ว สถานที่ที่เธอชอบมานอนเวลาต้องการใช้ความคิดมากที่สุดคือบริเวณหน้าบ้าน อาจเพราะเธอชอบบรรยากาศและอากาศที่เย็นสบาย เธอรู้สึกว่าสมองแล่นได้ดีและคิดอะไรออกง่ายกว่าเวลาที่เจออากาศร้อน
หรงผิงนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเผลอหลับไปเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป... เพราะเธอนอนดิ้นจนหล่นจากโต๊ะ!! ความรู้สึกที่กำลังจะร่วงหล่นลงพื้นทำให้เธอลืมตาตื่นทันที
ตุ๊บ!!
"อ่า... อยู่แบบคนธรรมดาเพียงไม่กี่เดือน... หลงลืมสัญชาตญาณที่เคยมีไปจนหมดสิ้น ไม่ดี ไม่ดี แบบนี้ไม่ดีเลย" หรงผิงสะบัดหัวเพื่อทำให้ตื่นตัวได้เต็มที่ ก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้น พร้อมกับเริ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะเธอรู้สึกว่ามันมีบางอย่างเปลี่ยนไป!!
"โอ้ มาย ก็อด!! วอท เดอะ...!! " พอได้เห็นสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวก็ทำให้หรงผิงถึงกลับหลุดคำพูดที่ชอบพูดติดปากตอนที่ยังเคยอาศัยอยู่บนโลกเดิม
"ขอบคุณ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกัน!! " ไม่มีอะไรที่จะทำให้คนอย่างหรงผิงหลุดจากการเป็นคนนิ่ง ๆ เหมือนที่เป็นอยู่ประจำได้ นอกจากสิ่งที่เคยเป็นของเธอได้กลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง!! มิติฟาร์ม ตามเธอมาด้วย!! และตอนนี้เธอก็อยู่ในมิติฟาร์มของตัวเอง!!
"ขอให้ทุกอย่างเหมือนเดิม!! ต่อไปจะได้ไม่ต้องหาที่อยู่ให้ยุ่งยากอีกแล้ว ไม่ต้องกลัวที่จะอดอีกด้วย!! " หรงผิงตะโกนเสียงดัง กล้าที่จะทำตัวบ้า ๆ บอ ๆ ในนี้ เพราะรู้ดีว่าเธออยู่ในนี้เพียงคนเดียว
เมื่อแสดงความดีใจกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาสำรวจมิติฟาร์ม ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร ทำไมมิติฟาร์มถึงมาช้าเป็นเดือน ๆ แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร ก็ขอให้อยู่ด้วยกันต่อไปเรื่อย ๆ อย่าได้ทิ้งกันไปไหนอีกเลย มาช้าไม่เป็นไร... หรงผิงคนนี้ไม่เรื่องมากอยู่แล้ว ขอแค่ให้มาอยู่ด้วยกันเท่านั้นก็พอแล้ว
ในมิติฟาร์มมีบ้านหลังหนึ่งอยู่แล้ว บ้านหลังนี้มีเครื่องใช้ทุกอย่างที่ทันสมัย ทุกอย่างใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ทั้งหมด ภายในบ้านมีห้องนอนจำนวน 4 ห้อง มีห้องน้ำจำนวน 3ฟ้อง มีห้องอาบน้ำจำนวน 3 ห้อง มีห้องรับแขกจำนวน 1 ห้อง มีห้องทำงานจำนวน 1 ห้อง มีห้องโถงจำนวน 1 ห้อง และยังมีห้องหนังสืออีก 1 ห้อง ในแต่ละห้องจะถูกตกแต่งไว้พร้อมสำหรับใช้งานอีกด้วย
บ้านหลังนี้มาพร้อมกับมิติฟาร์มตั้งแต่แรก แต่อุปกรณ์เครื่องใช้บางอย่างเธอต้องเสาะหามาเอง ไม่ว่าจะเป็นแผงโซลาเซลล์ เครื่องซักผ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งหลาย เธอเก็บรวบรวมไว้ใช้งานตั้งแต่ตอนที่ยังอาศัยอยู่บนโลกใบเดิม
"ของในบ้านน่าจะยังอยู่ครบ" หรงผิงพึมพำกับตัวเองหลังจากที่สำรวจเพียงคร่าว ๆ เท่านั้น ก่อนจะก้มลงเปลี่ยนเป็นรองเท้าบูตสูง เพื่อความสะดวกเวลาที่ต้องออกสำรวจบริเวณนอกตัวบ้าน
"เสื้อผ้ายังอยู่ครบ แต่บางตัวอาจเอาออกไปใช้ด้านนอกไม่ได้" เธอเปลี่ยนรองเท้าไปด้วย พลางคุยกับตัวเองไปด้วย ตอนนี้ในหัวเริ่มที่จะวางแผนงานต่าง ๆ แล้ว
พื้นที่ในมิติไม่ได้กว้างมาก มีบ้านหนึ่งหลัง มีโกดังเก็บของจำนวนสองหลัง มีบ่อน้ำที่ใช้สำหรับดื่มกินจำนวนหนึ่งบ่อ มีทะเลสาบขนาดเล็ก และมีโรงจอดรถ ภายในมีรถชนิดต่าง ๆ ที่ใช้งานด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ และมีลานกว้างไว้สำหรับทำการเพาะปลูก หรือที่เธอชอบเรียกว่า ลานเกษตร และมีต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนห้าต้น ที่เอาไว้อาศัยร่มเงาเท่านั้น
หากต้องการพืชผักหรือผลไม้ชนิดไหน ก็แค่เอาเมล็ดพันธุ์มาปลูกบริเวณลานเกษตร ถึงจะมีพื้นที่ขนาดเล็ก แต่สิ่งที่ปลูกในลานเกษตรนั้นจะได้ผลผลิตในเวลาอันรวดเร็ว เพียง 24 ชั่วโมงก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว และที่สำคัญ ใช้เมล็ดพันธุ์พืชที่ต้องการปลูกเพียงหนึ่งเมล็ดพันธุ์ ก็สามารถทำให้พืชชนิดนั้นขึ้นเต็มพื้นที่บริเวณลานเกษตรแล้ว
แต่การเก็บเกี่ยวจะต้องทำด้วยตัวเอง หากเป็นผลไม้ เธอก็ต้องเดินเก็บจนหมด พอหมดต้นแล้วทุกอย่างจะสลายกลายเป็นดินไปเลย แต่หากเป็นข้าว เธอจะมีรถเกี่ยวข้าวขนาดเล็กซึ่งใช้งานด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ถึงแม้จะเป็นรถขนาดเล็ก แต่มีหลากหลายโปรแกรมให้เลือก เมื่อเกี่ยวข้าวเสร็จสามารถตั้งโปรแกรมสีข้าว แล้วบรรจุปริมาณตามที่เราต้องการได้ด้วย
หรงผิงจำได้ว่ากว่าจะได้รถคันนี้มา เธอต้องออกเดินทางตามหารถเกี่ยวข้าวในระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรเลยก็ว่าได้ แต่การออกจากกลุ่มในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เครื่องอำนวยความสะดวกและรถชนิดต่าง ๆ กลับไปด้วยเช่นกัน แม้แต่รถขุดพืชตระกูลถั่วหรือพืชที่โตใต้ดินก็ยังได้มาด้วยเหมือนกัน ที่สำคัญสิ่งที่เธอได้มานั้นล้วนใช้งานด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด
หวังว่ามันจะสามารถใช้งานได้เลย เธอไม่อยากซ่อมมันอีกแล้ว เพราะฝีมือการซ่อมของเธอมันไม่ได้เรื่องจริง ๆ ไม่อย่างนั้นต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตด้วยสองมือ ซึ่งมันต้องใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวนานมากเลยทีเดียว
"ไม่มีอะไรเหลือเลย" หรงผิงมาเปิดโกดังเก็บของที่เคยมีข้าวสารอาหารต่าง ๆ เก็บไว้จำนวนมาก ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย มีเพียงโกดังที่ว่างเปล่าเพียงเท่านั้น
ถึงจะสงสัยว่าทุกอย่างหายไปไหน แต่เพราะบางอย่างในนี้ไม่สามารถหาคำตอบได้ จึงไม่จำเป็นต้องหาคำตอบให้เสียเวลา ลงมือทำงานปลูกพืชที่ต้องการแบบนั้นดีที่สุด เพราะหากลงมือทำ รับรองเลยว่าได้ผลผลิตตามที่ต้องการแน่นอน พอคิดได้แบบนั้นแล้วก็รีบออกมาข้างนอก เพื่อหยิบเมล็ดพันธุ์พืชที่ตัวเองเก็บไว้ทันที
"ยังดีที่ทำจนติดเป็นนิสัย" หรงผิงหยิบถุงผ้าที่ใส่เมล็ดพันธุ์ออกมาถือไว้ ในนั้นมีเมล็ดพันธุ์พืชอยู่สามชนิด มีข้าวเปลือก ข้าวโพด ถั่วลิสง ที่เธอเก็บเวลาที่เจอตามสถานที่ต่าง ๆ
เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็รีบกลับเข้าไปในมิติฟาร์ม การเข้ามิติฟาร์มเพียงแค่หลับตาแล้วคิดถึงมิติฟาร์มก็สามารถเข้าไปได้แล้ว ส่วนเวลาออกไปก็คิดแค่ว่าต้องการออกเพียงเท่านั้น เข้าบริเวณไหนจะออกบริเวณนั้น ไม่สามารถกำหนดสถานที่จะออกไปได้ ไม่เหมือนตอนที่จะเข้าไปในมิติฟาร์มที่สามารถกำหนดว่าต้องการไปโผล่บริเวณไหนก็สามารถทำได้เลย
"ขอข้าวก่อนแล้วกัน" หรงผิงเอาเมล็ดข้าวเปลือกฝังลงบนพื้นที่ลานเกษตร แล้วปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินการไปเอง
ครั้งแรกที่เธอได้รับมิติฟาร์มนั้น เธอไม่รู้เลยว่ามันสามารถทำฟาร์มหรือทำการเกษตรได้ นึกว่าเป็นเพียงลานนั่งเล่นทั่วไป เพราะมันเหมือนลานหน้าบ้านมากกว่าลานเพาะปลูก แต่เพราะเธอทำเมล็ดถั่วร่วงลงไปแล้วเก็บขึ้นมาไม่หมด พอตื่นเช้ามาก็มีต้นถั่วขึ้นเต็มพื้นที่ จึงทำให้รู้ว่าลานตรงนี้สามารถปลูกพืชได้ผลผลิตในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่กว่าจะรู้และกระจ่างแจ้งก็ลองผิดลองถูกอยู่นานเหมือนกัน
ตอนนี้มีบางอย่างที่เธอไม่เคยลองเลย นั่นคือการปล่อยปลาลงในทะเลสาบ ในเมื่อมีปลาเป็นที่ถูกขังไว้ในถังอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจทดลองปล่อยปลาจำนวนสองตัวลงในทะเลสาบ ผลผลิตในฟาร์มจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ก็ต่อเมื่อครบตามเวลาที่กำหนดเท่านั้น โดยปกติแล้วเวลาที่ใช้คือจำนวนหนึ่งวันหรือ 24 ชั่วโมง ตอนนี้จึงทำได้แค่รอเวลาเท่านั้น
"ข้าวจ๋า... ปลาจ๋า... หวังว่าพรุ่งนี้เราจะได้เจอกัน" หรงผิงยกยิ้มขึ้นหลังจากที่ทดลองปล่อยปลาและปลูกข้าวเรียบร้อยแล้ว
เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวออกไปข้างนอก ถึงจะอยากนอนในมิติฟาร์ม แต่เธอไม่อยากปล่อยฝาแฝดไว้ข้างนอก เลยตัดสินใจออกไปนอนกับเด็ก ๆ น่าจะดีกว่า และอีกอย่าง เธออยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มาก ๆ เพราะไม่รู้ว่าวันไหนที่พวกเธอจะต้องแยกจากกัน เลยอยากมีเวลาร่วมกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้...
ตอนที่ 13 ความเชื่อใจหรงผิงและลูกทั้งสองตื่นแต่เช้า เพื่อทำกิจวัตรประจำวัน เด็ก ๆ จะมีหน้าที่ช่วยงานบ้านเท่าที่จะช่วยได้ และยังต้องหัดเขียนหนังสือที่ลานหน้าบ้านในตอนเช้าของทุกวันอีกด้วยเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าในมิติฟาร์มยังมีสมุดหนังสือและดินสอที่สามารถนำออกมาใช้งานได้ เลยปล่อยให้ลูกทั้งสองคนเขียนหนังสืออยู่ที่ลานหน้าบ้านก่อน ส่วนตัวเธออ้างว่าต้องการไปเข้าห้องน้ำ แต่ความจริงแล้วเธอเข้ามาในมิติฟาร์มหรงผิงเคยได้รับบทเรียนมาจากโลกเดิมแล้วว่า... ความลับบางอย่างก็ไม่ควรที่จะเปิดเผยให้ใครได้รับรู้ เธอยอมรับว่าตอนนี้ยังไม่เชื่อใจใครเลยสักคน ชาติที่แล้วตายเพราะญาติที่คิดว่าดีแสนดี ชาตินี้จะไม่มีทางทำเหมือนเดิมอีกเป็นอันขาด!!"คิดถึงกลิ่นนี้มากกก... " หรงผิงลากเสียงยาวทันทีที่เข้ามาในห้องหนังสือ ก่อนจะค่อย ๆ หาดินสอและหยิบสมุดเล่มเล็กตามที่ตัวเองตั้งใจมาเอาตั้งแต่แรก"ในนี้ทุกอย่างจะคงสภาพไม่เน่าไม่เสีย... ในครัวเรามีตู้ใส่อาหาร!! " เมื่อนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่ตัวเองจะตายมีเสบียงหลงเหลืออยู่ในครัว จึงรีบเข้าไปตรวจสอบ เพราะในมิติฟาร์มทุกอย่างจะคงสภาพไม่เน่าไม่เสีย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม"
ตอนที่ 14 สะใภ้รองเปลี่ยนไปชุนหลินรอแม่สามีที่บอกว่าจะไปหาสะใภ้รองอย่างเป็นกังวล เพราะแม่หายไปนานมากแล้วแต่ยังไม่กลับมา จึงทำให้เธออยู่รอที่บ้านไม่ไหว จนต้องเดินออกมาตาม หากมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันได้ทัน"ฉันกำลังจะออกไปตามแม่... " ชุนหลินเดินมาถึงครึ่งทางแล้วก็เจอแม่สามีพอดี เธอนั้นร้อนใจตั้งแต่ที่แม่บอกจะไปหาสะใภ้รอง และแม่ยังหายมานานอีกด้วย!!"พอดีคุยกับเจ้าแฝดเพลินเลยช้าไปหน่อย... กลับบ้านก่อนค่อยคุยกัน" รุ่ยจิวรีบบอกให้ลูกสะใภ้กลับบ้าน เพราะอยากจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองฟังเมื่อมาถึงบ้านก็เห็นลูกสะใภ้เล็กนั่งรออยู่แล้ว รุ่ยจิวเลยให้หลาน ๆ พากันออกไปเล่น ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ตัวเองไปเจอมาให้ทั้งสองสะใภ้ได้ฟัง"แม่... หรือพี่สะใภ้รองจะรู้ตัวว่าทำผิดจริง ๆ " ซูเยว่พูดขึ้นหลังจากที่ฟังแม่สามีเล่าเรื่องจนจบ"พักนี้ไม่มีข่าวอะไรเลยนะ ปกติแล้วชาวบ้านจะต้องเล่าว่าไปเจอที่ไหนและโดนอะไรมาบ้าง แต่ตอนนี้ชาวบ้านไม่เห็นจะพูดถึงเลย แม้แต่เจอตัวก็ยังไม่มีใครได้เจอเลย" ชุนหลินก็บอกถึงเรื่องที่ตัวเองมักได้ยินเป็นประจำ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึงสักเท่าไร จะบอกว่าคนอื่นเลิก
ตอนที่ 15 เตรียมความพร้อมกับมิติฟาร์มหลังจากที่ส่งลูกทั้งสองไปบ้านย่าเรียบร้อยแล้ว หรงผิงก็กลับบ้านมาจัดการทุกอย่างให้พร้อม เธอเตรียมชุดกับให้เงินลูกพกติดตัวไปด้วย ถึงจะไม่มากมายแต่ก็ยังมีให้ติดตัวไปบ้าง หรงผิงดีใจที่เด็กทั้งสองเชื่อฟัง ถึงแม้เจ้าตัวเล็กซือหงจะอยากให้แม่ไปด้วยก็ตาม แต่พอบอกเหตุผลก็ยอมฟัง และหอบผ้าตามพี่ชายไปนอนบ้านปู่บ้านย่าด้วยสีหน้าเหงาหงอยพออยู่ด้วยกันนานนับเดือนก็มีความรู้สึกห่วงใยกันและกันเป็นธรรมดา เธอค่อนข้างห่วงเด็กทั้งสอง แต่ก็มั่นใจว่าครอบครัวของพ่อเด็กจะสามารถดูแลได้เป็นอย่างดี"ไอ้คนแซ่เฉิน!! เมื่อไรจะกลับมาจัดการให้เรียบร้อย" หรงผิงนึกถึงพ่อของเด็กแฝดแล้วก็คิดว่าเขานั้นทำอะไรชักช้าเหลือเกิน ตอนนี้เธออยากหย่าขาดจากเขาแล้ว!!"บางครั้งฉันก็คิดว่านายใจร้ายเหมือนกันนะ" หรงผิงพึมพำเกี่ยวกับพ่อของเด็ก ๆ ถึงจะเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาก็ใจร้ายเหมือนกันหรงผิงสะบัดหัวเพื่อเรียกสติตัวเอง เธอไม่ชอบคุยกับคนอื่น แต่ชอบคุยกับตัวเอง เถียงกับตัวเองมากกว่า อาจเพราะติดนิสัยการเอาตัวรอดมาจากวันสิ้นโลก หากไม่จำเป็นจะไม่มีการพูดคุยกับคนอื่น เพราะเวลาเดินท
ตอนที่ 16 เงินก้อนแรกเมื่อมาถึงในเมือง หรงผิงก็รีบตรงไปที่ตลาดมืดตามที่ตั้งใจไว้ วันนี้มีงานเทศกาลจึงทำให้มีผู้คนเข้ามาในเมืองค่อนข้างเยอะ และเธอรู้ว่าแม่สามีจะพาฝาแฝดมาเดินเที่ยวงานในวันนี้เช่นเดียวกัน จึงหลีกเลี่ยงไปใช้อีกเส้นทางหนึ่ง เพราะไม่อยากให้ลูกหรือครอบครัวของสามีต้องมาเจอเธอในตอนนี้ตลาดมืดตามความทรงจำนั้น มันอยู่ในตรอกเล็ก ๆ และแน่นอนว่ามันไม่ใช่สถานที่มิดชิดขนาดนั้น ทุกอย่างเลยต้องรีบซื้อรีบขาย บางวันทั้งคนซื้อและคนขายยังต้องวิ่งหนีเจ้าหน้าที่กันอย่างอุตลุด เรื่องนี้เธอได้มาจากความทรงจำของร่างเดิม จริงเท็จแค่ไหนก็ไม่อาจตอบได้จนกว่าจะไปเห็นกับตาตัวเองเท่านั้นการอำพรางตัวเข้ามานั้นเป็นเรื่องง่ายสำหรับหรงผิง เพราะเธอเคยเอาตัวรอดแบบนี้อยู่บ่อย ๆ พอเข้ามาในเขตตลาดมืดก็เริ่มจากสำรวจก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อย ๆ สอบถามราคาสินค้า และคอยเฝ้ามองผู้คนไปด้วย หากต้องการขายของอย่างปลอดภัยจะต้องจับตามองลูกค้าให้ดี ๆ เพราะบางครั้งเจ้าหน้าที่ก็มาในรูปแบบของลูกค้าเช่นเดียวกัน"ฉันมีข้าวสาร พี่สาวสนใจไหม" เมื่อรู้ราคาสินค้าและยังได้จับตามองดูลูกค้ามาสักพักแล้ว จึงทำให้กล้าและมั่นใจที่จะเข้
ตอนที่ 17 ไม่เป็นอย่างที่คิดหรงผิงเลือกซื้อสิ่งของที่ต้องการทุกอย่างด้วยเวลาอันรวดเร็ว อาจเพราะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องซื้ออะไรบ้าง และอีกอย่างเธอต้องรีบเร่ง เพราะเธอต้องรีบไปรับลูกตามที่นัดไว้อีกด้วย"ซื้อสักหน่อยไม่น่าจะเสียเวลามาก" หรงผิงเห็นร้านขนมที่ขายอยู่ในห้างจึงตัดสินใจเดินเข้าไปซื้อเพื่อเอาไปฝากลูก ขนมที่แปลกใหม่จะทำให้สองแฝดยิ้มได้อย่างแน่นอนหรงผิงใช้เงินซื้อของให้ลูกทั้งสองคนเกือบร้อยหยวน เธอซื้อเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า กระเป๋า หมวก เสื้อกันหนาว และทุกอย่างเธอซื้ออย่างละสองชิ้น!! หากถามว่าซื้อเยอะไหม ก็บอกเลยว่าเยอะ!! แต่เทียบกับจำนวนเงินที่หามาได้และความจำเป็นในสิ่งที่ซื้อก็ถือว่าคุ้มค่าแน่นอนหลังจากที่เข้าไปซื้อขนมเรียบร้อยแล้ว หรงผิงก็ออกจากห้างเตรียมตัวกลับบ้านโดยเดินลัดทุ่งนาเหมือนตอนขามา สองเท้าก้าวเดิน ในหัวก็เริ่มวางแผน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวพ่อกับแม่ที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนเธอมาตลอดถึงแม้สถานะทางบ้านไม่ได้ขัดสนมากนัก แต่พี่ชายทั้งสองคนกับพ่อก็ยังทำงานหนักอยู่ดี เธอคิดว่าคงช่วยแค่ทางบ้านตัวเอง คงไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือครอบครัวของพ่อเด็ก ๆ เพราะถึงอย่างไรเ
ตอนที่ 18 ในที่สุดก็ได้เจอหรงผิงเดินเข้ามาในห้องคนป่วยพร้อมกับลูกทั้งสองคน สายตาสอดส่องไปที่เตียงที่มีคนป่วยนอนอยู่บนเตียงทั้งสามคน ยอมรับว่าไม่แน่ใจว่าคนไหนคือสามีของร่างเดิม เพราะจากที่เห็น พวกเขามีหน้าตาคล้าย ๆ กัน และจากความทรงจำของร่างเดิมก็ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับสามพี่น้องมากนัก อาจเพราะส่วนมากพวกเขาไม่ค่อยได้อยู่ที่หมู่บ้าน เลยไม่ค่อยรู้เรื่องราวของพวกเขาสักเท่าไร"จำที่แม่เคยบอกได้ไหม" หรงผิงรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังถูกจ้องมองจากทุกคน จึงก้มลงบอกลูกให้ทำในสิ่งที่เธอเคยสอน และเธอจะได้รู้ว่าใครเป็นใครหรงผิงมองสองแฝดที่เดินเข้าไปกล่าวสวัสดีทั้งสามคน จึงทำให้เธอได้รู้ว่าใครเป็นใคร ทำให้รู้ว่าคนไหนคือพ่อของเจ้าแฝด และแน่นอนว่าเธอแค่ยืนอยู่ห่าง ๆ ปล่อยให้คนอื่นพูดคุยกัน เธอทำเพียงยืนมองสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเงียบ ๆ หรงผิงมองดูพ่อของเจ้าแฝด คอยมองว่าเขามีปฏิกิริยาแบบไหนบ้าง เขาก็มองมาทางเธอบ่อย ๆ เช่นกัน หากเดาไม่ผิดก็คงเฝ้าดูไม่ต่างจากเธอแน่นอนตอนนี้เธอกำลังคิดถึงร่างเดิม คิดถึงความน่าจะเป็นว่าเหตุใดร่างเดิมถึงได้รักสามีคนนี้มากนัก หากรักเพราะหน้าตาก็ไม่น่าจะใช่ เพราะจากที่ดูแล้ว พ่อข
ตอนที่ 19 ตระกูลเฉินสายหลักซือหงคอยแอบมองพ่อกับแม่อยู่ตลอด นานแล้วที่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน จะบอกว่านานแล้วก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเท่าที่จำได้ เธอไม่เคยเห็นพ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเลยนาน ๆ ครั้งพ่อถึงจะกลับบ้าน แต่พ่อจะพักอยู่ในเมืองมากกว่า ไม่เคยมาบ้านและไม่เคยมาเจอกับแม่เลย เพราะหากมาเจอแล้วแม่จะใจร้ายมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเธอรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ดี เพราะแม่จะตีหลายครั้งและยังตีแรง ๆ แม่ทั้งหยิกทั้งดุด่า บางครั้งก็เอาไม้ตีหัวเธอกับพี่ชายซือหงไม่เคยพูดหรือบอกใครว่าพ่อมาหา เพราะหากแม่รู้ แม่จะใจร้ายมากขึ้นกว่าเดิม แต่ตอนนี้แม่เจอพ่อแล้ว เธอเลยกลัวว่าแม่ใจร้ายจะกลับมาไหม เลยไม่อยากไปไหน ไม่อยากไปกินข้าวทั้งที่ตัวเองก็รู้สึกหิวแล้วเหมือนกัน แต่ก็อยากเฝ้าแม่ไว้ด้วย เธอไม่อยากให้แม่ใจดีคนนี้หายไป"แม่อย่าไปไหนนะ แม่คนนี้ต้องอยู่กับหนูนะ" ซือหงเดินเข้ากอดขาแม่พร้อมทั้งเอานิ้วเล็ก ๆ ชี้ที่ขาแม่ เพื่อยืนยันว่าต้องการแม่คนนี้จริง ๆ "แม่ครับ... นี่คือครั้งแรกที่เราอยู่พร้อมกันเหมือนพ่อแม่คนในหมู่บ้าน ผมอยากให้แม่ใจดีอยู่นะครับ" จือหมิงก็คิดไม่ต่างจากน้องสาว เพราะพ่อกับย่าจะบอกไว้เสมอว่าห้ามบอกเร
ตอนที่ 20 ช่วยเหลือซึ่งกันและกันจือหมิงดึงมือน้องสาวให้เดินมาหาพ่อกับแม่ที่เตียง พร้อมทั้งก้มหน้าไม่กล้าสบตาใคร เพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองทำผิดที่พูดแทรกขึ้นมา แต่เขาเข้าใจน้องสาวดีว่าไม่ต้องการให้ใครเข้าใจเรื่องพ่อกับแม่ผิดแบบนี้"หากญาติต้องการที่จะพูดคุยธุระเชิญด้านนอกนะคะ ตอนนี้ควรปล่อยให้คนไข้พักผ่อน" เจ้าหน้าที่ย้ำอีกรอบไม่ใช่แค่พูดเท่านั้น เจ้าหน้าที่ยังเดินไปยืนกดดันอีกด้วย จากตอนแรกนึกว่าคนบ้านหลักกำลังจะเปิดศึกกับเธอ ดูท่าแล้วชื่อเสียงของเธอก็คงไปไกลพอสมควร แม้แต่เรื่องหย่า ครอบครัวสายหลักยังรู้เรื่องเลย"ออกไปคุยกันให้รู้เรื่อง ทีหลังสั่งสอนลูกหลานบ้างนะ เป็นเด็กเป็นเล็กพูดแบบนี้ได้อย่างไร แม่เป็นเช่นไรลูกก็เป็นเช่นนั้น!! " แม่เฒ่าเฉินหันไปบอกลูกชายกับลูกสะใภ้ ก่อนจะหันมามองเด็กทั้งสองคนที่กล้าพูดขึ้นทั้งที่ผู้ใหญ่ยืนอยู่กันเต็มห้อง!!หรงผิงหันไปมองคนบ้านหลักที่กำลังเดินออกไป แต่ก่อนเดินออกไปก็หันมาจ้องหน้าเธออย่างเอาเรื่อง ต้องบอกว่าคนบ้านหลักนั้นมองคนบ้านรองด้วยสายตาเอาเรื่องทุกคนนั่นแหละ"ยาจะมาพร้อมอาหารนะคะ" เมื่อเจ้าหน้าที่ยืนมองญาติออกไปแล้วก็หันมาบอกคนไข้กับญาติที่เหล
ตอนพิเศษ 3วันตรุษจีนของพวกเราณ โรงพยาบาลประจำมณฑล"เราจะได้กลับกี่โมง... ปกติพ่อกับแม่ไม่เคยมารับเราช้า แต่ทำไมวันนี้ถึงช้าได้เล่า" เสียงบ่นดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งชะเง้อมองไปยังเส้นทาง เฝ้ามองว่าคนที่ตัวเองรอจะมารับเมื่อไร"หิว ง่วง หรือว่ายังไง" ซือหงมองเพื่อนที่บ่นเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ เพราะพูดบ่อยมากจนจำไม่ได้แล้ว"หิว วันนี้ที่บ้านต้องมีอาหารมากมายแน่ ๆ " ซือเล่อหันมาบอกเพื่อนอย่างจริงจังซือหงกับซือเล่อเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนระดับประถม และเรียนด้วยกันมาตลอดจนถึงตอนทำงานก็ยังทำที่เดียวกันอีกด้วย พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน แม้แต่อาชีพที่เลือกเรียนยังเหมือนกันเลยสองสาวเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายที่ต้องมาทำงานในโรงพยาบาลประจำมณฑล อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว แต่ใช่ว่าจะจบเลยทีเดียว ยังมีต่อเฉพาะทางอีก ซึ่งสองสาวยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต่อด้านไหนดีทั้งสองสนิทกันจนถึงขั้นไปกินไปนอนบ้านของอีกคนได้ โดยที่คนในครอบครัวรับรู้ จนพ่อแม่ของทั้งสองคิดว่ามีลูกสาวเพิ่มเข้ามาในครอบครัวอีกคนแล้ว"หิวหรืออยากเห็นหน้าพี่ใหญ่ วันนี้วันตรุษจีน... " ซือหงพูดพร้อมทั้งหรี่ตาจ้องจับผิ
ตอนพิเศษ 2:: เซียวหรงผิงสาวน้อยจากวันสิ้นโลก ::หรงผิงขดตัวซ่อนอยู่ในมุมอับ ทั้งที่รอบ ๆ พื้นที่เงียบสงัด แต่เจ้าตัวกลับรับรู้ถึงภัยที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามา รู้ดีว่าด้านนอกนั้นคือสิ่งใด...เซียวหรงผิง คือชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้ ผิงผิง คือชื่อที่พวกท่านชอบเรียกหา แต่นั่นเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องการให้ใครเรียก ผิงผิง อีกแล้ว เพราะมันทำให้เธอคิดถึงพวกท่านหรงผิงดีใจที่พวกท่านจากไปตั้งแต่ช่วงแรก อาจฟังดูใจร้าย แต่เชื่อเถอะว่าคนที่จากไปในช่วงเชื้อโรคแพร่ระบาด หรือในช่วงแรกนั้น... คนพวกนั้นโชคดีกว่าคนที่อยู่มาถึงทุกวันนี้โลกที่เธออยู่มีความเจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี ทุกอย่างสะดวกสบาย เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย รวมถึงมีรอยรั่วให้สิ่งแปลกปลอมแทรกซึม เธอไม่รู้ว่าสาเหตุหลักจริง ๆ แล้วเชื้อไวรัสนี้มาจากที่ใด แต่การแพร่ระบาดเริ่มในกลุ่มเล็ก ๆ คนที่ติดเชื้อจะถูกแยกและถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้เพื่อดูอาการในช่วงแรกทุกคนคิดว่าคนที่ติดเชื้อคือโชคร้าย เธอคือหนึ่งในนั้นที่คิดว่าพ่อกับแม่โชคร้ายที่ติดเชื้อตั้งแต่แรก ท่านทั้งสองถูกส่งเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยที่ตัวเธอถูกจับตรวจร่างกาย เพื่อหาเ
ตอนพิเศษ 1:: เซียวหรงผิงมารดาตัวร้าย ::เซียวหรงผิงค่อย ๆ ขยับตัว พยายามที่จะเปิดเปลือกตา... เพื่อลืมตาตื่น ความทรงจำบอกว่าเธอตกน้ำเย็นจัด จึงทำให้ป่วยเป็นไข้นอนซมตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเมื่อนึกย้อนกลับไปว่าเพราะเหตุใดจึงทำให้ตัวเองตกลงไปในน้ำ ก็ทำให้มีแต่อารมณ์กรุ่นโกรธ!! ไม่พอใจชาวบ้านที่พากันลือพูดข่าวมั่ว ๆ กล่าวหาว่าสามีของเธอกำลังจะกลับมาหย่า!! จะหย่าได้อย่างไร ในเมื่อไม่ยอมหย่าซะอย่าง ใครจะทำไม!!สามีของเธอไม่เคยกล้ากับเธอเลยสักครั้ง ถึงตัวไม่กลับมาแต่ส่งเงินให้ตลอด มีกินมีใช้ไม่เคยขาดมือ ก็ลองปล่อยให้ขาดมือดูซิ!! คนที่ต้องอดก็คือลูกของเขาทั้งสองคนอีกนั่นแหละ!! เธอจำได้ดีว่าโทรเลขไปขู่สามี หากครั้งนี้ยังไม่กลับมา อย่าได้เห็นหน้าลูกอีกเลย"ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้วะ!! ไอ้แฝดหายหัวไปไหนหมด ไม่แหกตาดูหรือว่าฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย พวกแกสองตัวอยากให้ฉันตายหรืออย่างไร อยากลองดีใช่ไหม แม่จะฟาดให้หลังลายเลย!! " แม้จะรู้สึกได้ว่าเสียงของตัวเองเปลี่ยนไป แต่เพราะรู้ว่าตัวเองไม่สบายอาจทำให้เสียงเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง"ยังไม่โผล่หัวออกมาอีก!! วันนี้พวกแกสองตัวอดข้าวไปเลยนะ อย่าให้เห็นว่ากินอิ่มนอ
ตอนที่ 46 บทส่งท้าย(มารดาที่ดี)หรงผิงจับลูกสาววัยสิบสองปีทำผมที่เด็กสาวกำลังนิยมในช่วงนี้ ที่ลูกสาวทำผมจัดเต็ม เพราะวันนี้ทางโรงเรียนจัดงานแข่งขันกีฬาสี และยังประกาศผลสอบให้กับนักเรียนอีกด้วย"ทำไมน้องเล็กต้องทำหลายอย่างด้วย" จือหมิงนั่งกินโจ๊กไปด้วยมองน้องสาวไปด้วย"คุณครูประจำชั้นบอกว่าจะมีคะแนนกิจกรรมมอบให้ เลยทำทุกอย่างที่ครูเสนอ" ซือหงตอบไปตามตรง ไม่อยากทำแต่อยากได้คะแนน เพราะผลการเรียนมีผลต่อการที่จะยื่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย รุ่นพี่พูดแบบนี้ทั้งนั้น"หากเป็นแต่ก่อน พี่คงคิดว่าน้องเล็กน่าจะถูกหลอก แต่ตอนนี้ไม่น่าจะถูกหลอกง่าย ๆ นอกจากไปหลอกคนอื่นเขามากกว่า" จือหมิงก็ยังคงเย้าแหย่น้องน้อยไปด้วย แต่ที่เขาบอกออกไปนั้นคือเรื่องจริง!!น้องสาวของเขาไม่ใช่เด็กที่ขี้กลัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว แม่เป็นแบบไหน น้องสาวของเขาเป็นแบบนั้นเลย และน่าจะร้ายมากกว่าแม่เสียอีก!! เพราะตอนนี้เขาจดจำแม่ปากร้าย แม่ใจร้ายไม่ได้แล้ว เขาจำได้แต่แม่ใจดีถึงแม่จะไม่ค่อยพูด แต่แม่สอนในหลายสิ่งหลายอย่างให้เขากับน้องสาว สอนให้รู้จักเข้มแข็ง สอนให้รู้จักแบ่งปันแก่ผู้อื่นเสมอ และสอนให้สู้คน ไม่ยอมให้คนมารังแก หรือเอา
ตอนที่ 45 เป็นลูกที่ดีหรงผิงยืนมองพ่อกับแม่ที่กำลังนั่งรอคิวให้เจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปเพื่อตรวจสุขภาพประจำปี ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมาอยู่ที่โลกใบนี้เกือบ 3 ปีแล้ว การงานของเธอมั่นคง มีโรงงานเป็นของตัวเอง โดยมีครอบครัวเฉินและครอบครัวเซียวดูแลเหมือนเดิมมาตั้งแต่แรกทุกคนช่วยงานกันเป็นอย่างดี เคยเป็นแบบไหนก็ยังเป็นแบบนั้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือทุกคนมีรายได้ดี มีเงินเก็บ และลูกหลานทั้งสองบ้านก็ได้เรียนหนังสือทุกคน"ทำไมต้องมาตรวจให้สิ้นเปลืองด้วย" เหลียนฟางมองลูกสาวที่เดินมานั่งใกล้ ๆ ก็อดที่จะบ่นไม่ได้"ไม่อยากอยู่เลี้ยงหลานเลี้ยงเหลนหรืออย่างไร" หรงผิงถามกลับ แกล้งขู่แม่ไปอย่างนั้นเอง"ฉันไม่ได้เป็นอะไร!! " เหลียนฟางรู้ดีว่าลูกสาวหมายถึงเรื่องอะไรความจริงแล้วปากบ่นไปแบบนั้นเอง มันคือความเคยชิน แต่ในใจกลับตื้นตันที่ลูกสาวใส่ใจ ห่วงพ่อแม่พี่ชาย ต้องให้ทุกคนมาตรวจสุขภาพประจำปี เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่มาไม่เคยรู้ว่ามีตรวจสุขภาพประจำปีประจำเดือนด้วย แต่พอลูกสาวคนนี้เริ่มเปลี่ยนไปก็เหมือนเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ให้ครอบครัวได้เรียนรู้อยู่เรื่อย ๆ คำพูดของย่าทวดเป็นจริงเสมอ... ในตอนแรกที่ลูกสาวเปลี่ยนไ
ตอนที่ 44 ได้เป็นภรรยาอย่างเต็มตัว Nc+++กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ผ่านมาอีกสามเดือน จนตอนนี้หรงผิงมาอยู่ที่โลกใบนี้เป็นปีแล้ว จากลูกอายุห้าขวบ ตอนนี้อายุหกขวบกว่า ๆ แล้วตอนนี้เด็กแฝดก็ไปเรียนแล้วด้วย เธอไม่รู้เลยว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไป เพราะว่ามัวแต่จัดการกับงานต่าง ๆ แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงทำให้มีเวลามองย้อนกลับไป จึงได้รู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก!!สองครอบครัวมีกินมีใช้ ฐานะดีขึ้น แต่ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ฟุ่มเฟือย แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การที่สองครอบครัวสนิทกันมากขึ้น แบ่งปันสิ่งของกันเสมอ และที่เห็นได้ชัดอีกเรื่องคือ... ครอบครัวบ้านเฉินได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันครบทั้งหมดพี่ใหญ่บ้านเฉินลาออกจากการเป็นทหารกลับมาดูแลการผลิตในโรงงานให้เธอ เพราะพี่ชายทั้งสองของเธอต้องเข้ามาทำงานในมิติเลยไม่ได้ไปดูแลโรงงาน ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำอย่างลงตัวตอนนี้หน้าที่หลักของเธอคือทำบัญชีเองทั้งหมด แม้แต่ค่าแรงที่จ่ายให้ทุกคน เธอก็คือคนตัดสินใจ แต่ส่วนมากจะขอความคิดเห็นจากสามี เท่าที่รับรู้เธอจ่ายค่าแรงสูงกว่าราคาการจ้างงานทั่วไปแต่พอปรึกษากันแล้ว คิดว่าคนที่ทำงานให้เป็นญาติพี่น
ตอนที่ 43 สร้างเนื้อสร้างตัวซือหยางยืนมองสิ่งของต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหน้าของตัวเอง เขาเข้ามาที่มิติฟาร์มของภรรยานับครั้งไม่ถ้วน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินสักเท่าไรพอเข้ามาทำงานด้วยตัวเอง จึงได้รู้ว่าช่วงที่ภรรยาทำงานคนเดียวนั้นต้องทำงานหนักมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวต้องขับรถเกี่ยวข้าว แล้วต้องออกแรงสาวมุ้งดักปลาที่มีปลาจำนวนมากอยู่ในนั้น และไม่ใช่ออกแรงสาวเพียงรอบเดียวก็แล้วเสร็จ อย่างน้อยต้องมีถึงสิบกว่ารอบ ถึงจะครบตามจำนวนที่ต้องการ"น้องเล็กไปไหน" เซียวหยวนเดินออกมาหาน้องเขยที่กำลังยืนมองพื้นที่อยู่หน้าลานเกษตร"หลับครับ... ผมไม่อยากปลุก" ซือหยางรู้ว่าไม่สามารถช่วยอะไรในเรื่องที่ผ่านมาได้มาก เลยอยากชดเชยให้ภรรยาได้นอนพักบ้างในช่วงเวลานี้"เดี๋ยวตื่นมาบ่นอีก" เซียวฉวนเดินมาสมทบ หลังจากทำงานในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว"งานเสร็จแล้ว ไม่น่าบ่นหรอกครับ" ซือหยางบอกไปแบบนั้นเอง... เขารู้ดีว่าภรรยาจะบ่นทุกครั้งที่ไม่ปลุกให้ตื่นมาช่วยทำงาน "น้องเล็กเหมือนคนอยู่ไม่สุข ต้องหยิบจับโน่นนี่ทำตลอด" เซียวฉวนส่ายหน้าไปมาเมื่อนึกถึงน้องสาว"กี่เดือนแล้วนะที่เราสามารถเข้
ตอนที่ 42 ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปวันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ นับตั้งแต่วันที่หรงผิงเปิดเผยเรื่องมิติฟาร์มก็ผ่านมานานนับเดือนแล้ว เรื่องมิติฟาร์มยังเป็นความลับ รู้กันเพียงพ่อแม่ พี่ชายทั้งสองคน และสามีของเธอเพียงเท่านั้น ส่วนเจ้าแฝดยังไม่รู้ เธอยังไม่เคยพาลูกเข้าไปเลยสักครั้ง เพราะทั้งสองยังเด็ก กลัวจะทำความลับนี้หลุดออกไป จึงคิดว่าปิดไว้ก่อน รอให้โตกว่านี้ก่อนค่อยเปิดเผยทีหลัง ยังมีเวลาอีกมากมาย "เรียนเป็นหมอได้ไหมคะ" ซือหงที่สะพายกระเป๋าไปสมัครเรียนในวันนี้ก็เฝ้าถามคำถามนี้กับพ่อและแม่ทุกครั้งที่ตัวเองนึกขึ้นได้"เรียนเป็นหมอได้ค่ะ" หรงผิงจัดผมให้ลูกสาวอีกครั้ง เพราะมันไม่ค่อยเรียบร้อยสักเท่าไร"แล้วลูกล่ะ อยากเป็นอะไร" ซือหยางถามลูกชายที่ยืนยิ้มมองแม่กับน้องสาวอยู่ใกล้ ๆ "เป็นทหารเหมือนเดิมครับ" เขาอยากเป็นแบบพ่อทำงานหาเงินเยอะ ๆ แม่กับน้องจะได้ไม่ต้องทำงาน และแน่นอนเขาเคยบอกให้ทุกคนรู้แล้วว่าเขาอยากเป็นทหาร!!ซือหยางจับมือลูกชายไว้แล้วยิ้มกับท่าทางของลูกชาย การเป็นทหารมีหลายรูปแบบ หากเรียนมานั้นหมายถึงต้องมียศมีตำแหน่งแน่นอน แต่เขาสามพี่น้องคือสมัครเข้าไปเป็นทหารการสมัครเข้าไปเป็นทหารจะ
ตอนที่ 41 เปิดโลกใบใหม่หลังจากที่ได้รับคำสอนจากครอบครัวก็ทำให้หรงผิงต้องมาเปิดใจคุยกับพ่อเจ้าแฝดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก เพราะได้คำสอนต่าง ๆ มามาก จึงทำให้เธอยอมที่จะเปิดใจ และคิดว่าต้องเริ่มปรับตัวให้เหมือนตัวเองมีครอบครัวจริง ๆ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่จะคิดและทำอะไรแค่คนเดียวเสมอ"ลูกเริ่มเรียนรู้การเป็นแม่ที่ดีแล้ว ลูกก็เริ่มเรียนรู้การเป็นภรรยาไปด้วย ค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีใครทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก ทุกคนต้องเรียนรู้ด้วยกันทั้งนั้น"หรงผิงนึกถึงคำสอนของพ่อที่ปกติจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด กับคนภายนอกคือแค่ยิ้มทักทายเท่านั้น แต่กับเธอ พ่อกลับบอกสอนและพูดด้วยประโยคยาว ๆ และคำสอนแต่ละอย่างของพ่อมันดีมากไม่น่าเชื่อว่าสังคมที่ผู้ชายคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ไม่สามารถใช้ได้กับพ่อ เพราะพ่อไม่เคยกดขี่ข่มเหงคนในบ้าน สิ่งไหนทำได้ให้ช่วยกันทำ เสร็จก็ได้พักแล้ว เธอโชคดีที่มาอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้ รู้สึกว่าตัวเองมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ"แม่กินก่อนค่ะ" ซือหงสะกิดแม่ที่มองออกไปนอกบ้าน ไม่ยอมกินข้าวสักที"เดี๋ยวพ่อก็กลับครับ" จือหมิงคิดว่าแม่คงรอพ่ออยู่แน่ ๆหรงผิงหันมายิ้มให้ลูกทั้งสองก่อนจะก้มหน้