ตอนที่ 10 ชาวบ้านผู้หวังดี
ฝาแฝดเดินตามย่ามาที่ร้านค้าของหมู่บ้าน หากเป็นแต่ก่อนทั้งสองจะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก อยากจะมาดูว่าร้านค้ามีอะไรขายบ้าง แม้ไม่ได้ซื้ออะไรเลยก็ตาม
แต่หลังจากเหตุการณ์ที่ทุกคนต่อว่าแม่ และคนขายไม่ยอมขายของให้ด้วย ทำให้พวกเธอไม่ค่อยอยากมาสักเท่าไร แต่ที่มาวันนี้เพราะจะได้มารอแม่ หากแม่กลับมาจะต้องผ่านเส้นทางนี้ เพราะตอนออกไป... แม่ก็นั่งรถผ่านเส้นทางนี้เหมือนกัน
"พี่ใหญ่ หรือว่าแม่จะเดินลัดทุ่งนาเหมือนตอนที่พาเราเข้าไปในเมือง" เมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่อาจมาอีกเส้นทางหนึ่งก็เริ่มที่จะลังเลไม่อยากเดินต่อ
"เดินเร็ว ๆ ย่าจะซื้อลูกอมนมกระต่ายขาวให้" รุ่ยจิวเร่งหลานทั้งสอง ตอนนี้พยายามที่จะให้หลานลืมเรื่องแม่ไปก่อน
"ย่าครับ แม่จะมาเส้นทางนี้ไหมครับ" จือหมิงถามย่าเพื่อความแน่ใจ
"ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไปเลือกขนมได้เลย อยากได้อะไรก็เลือกเอาเลย" รุ่ยจิวตอบหลานแล้วดันตัวหลานให้เข้าไปในร้านค้า เพื่อเลือกซื้อขนมตามที่ต้องการ
เมื่อให้หลานเข้าไปแล้ว ตัวเองก็นั่งรออยู่บริเวณหน้าร้านค้า ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ ตอนนี้หลานทั้งสองดูเหมือนจะติดแม่มาก ๆ แค่หายไปไม่นานก็พากันออกมานั่งรอที่หน้าบ้านแล้ว
เธอเข้าใจดีที่ลูกรักแม่ เป็นห่วงแม่ มันคือเรื่องที่ถูกที่ควร แต่หลานทั้งสองรักแม่ทั้งที่แม่ร้ายขนาดนี้ มันทำให้เธอลำบากใจมากพอสมควร หากจะให้ห้ามหลาน เธอก็รู้ว่าห้ามไม่ได้
ไม่รู้ลูกสะใภ้คนนี้มีอะไรดี ขนาดเป็นแม่ที่ใจร้าย ลูกยังรักยังเป็นห่วงมากขนาดนี้ อยากให้คนเป็นแม่รักลูกบ้าง ห่วงลูกบ้าง มันคงจะดีกว่านี้ เรื่องราววุ่นวายต่าง ๆ อาจไม่เกิดขึ้น ลูกชายของเธอคงไม่ยื่นเรื่องหย่า ถึงแม้ลูกชายจะไม่ได้รักภรรยา แต่ก็ห่วงความรู้สึกของลูกและรักลูกมาก ๆ เขาสามารถยอมได้ในหลาย ๆ เรื่อง หากเป็นก่อนหน้านี้เธอจะไม่กังวลเลย แต่ตอนนี้เหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไป
"ทำไมมีสีหน้ากังวลแบบนั้น... หรือว่าลูกสะใภ้ไม่ยอมหย่าง่าย ๆ " เสียงของชาวบ้านถามขึ้นด้วยความสงสัย
"ฉันเป็นห่วงหลาน" รุ่ยจิวบอกปัด ความจริงไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้สักเท่าไร แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อลูกชายทั้งสามบอกว่าต้องการพยานที่เป็นคนอื่น ไม่ใช่ญาติ
จึงทำให้ต้องหาคนในหมู่บ้านไปเป็นพยาน และต้องบอกถึงสาเหตุที่ขอให้พวกเขาช่วยในเรื่องนี้ด้วย จากตอนแรกที่จะปิดเงียบ กลับกลายเป็นรู้เรื่องกันทั้งหมู่บ้าน
"แล้วแบบนี้หาแม่สื่อไว้บ้างหรือยังล่ะ หล่อนจะปล่อยให้หลานไม่มีคนดูแลแบบนี้หรือ" ทุกคนเห็นกันหมดว่าสะใภ้รองบ้านเฉินถูกเจ้าหน้าที่พาตัวไปแล้ว
"ยังไม่รู้เลยว่าเรื่องนี้จะเป็นแบบไหน อีกอย่างฉันให้ลูกชายตัดสินใจเอง" รุ่ยจิวหมายความตามที่พูดจริง ๆ เพราะลูกชายผิดหวังกับเรื่องนี้ เธอเลยอยากให้ลูกชายได้เลือกเอง
"หมู่บ้านเราก็มีคนที่ถึงวัยออกเรือนอยู่หลายคน ดูแล้วน่าจะหาไม่ยาก" เพื่อนบ้านก็ช่วยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย เพราะการแต่งสะใภ้ส่วนมากก็ต้องให้พ่อแม่จัดการทั้งนั้น มีอย่างที่ไหนให้ลูกชายเลือกเอง แล้วจะถูกใจได้อย่างไร!!
"ย่า ได้แล้วค่ะ" ซือหงถือขนมออกมาให้ย่าดู
"เอาออกมาได้อย่างไร ย่ายังไม่ได้จ่ายเงินเลย" รุ่ยจิวเลิกสนใจคนอื่น ก่อนจะหันมามองหลานที่ตอนนี้กำลังน่ารักน่าชัง เริ่มมองเห็นแก้มกลม ๆ การแต่งกายก็ดูดีขึ้นจนผิดหูผิดตาไปเลยทีเดียว
"แฝดดูดีขึ้นมากเลย น่ารักน่าชังเชียว... คงดีใจที่พ่อจะหย่ากับแม่แน่ ๆ " ชาวบ้านต่างพูดคุยถึงเรื่องนี้ และต่างพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
"แม่สอนอาบน้ำ และแม่ซักผ้าให้ด้วยค่ะ" ซือหงจำที่แม่บอกได้ว่าให้อาบน้ำตามที่แม่สอน หากทำแบบนั้นเป็นประจำจะทำให้เราดูดีขึ้น และต้องใส่เสื้อผ้าที่ซักสะอาดแล้วด้วย
"ตายแล้ว!! แม่สอนแบบนั้นเป็นด้วยเหรอ ฉันว่าอาจทำตัวน่าสงสารเพื่อเรียกร้องความสนใจแน่ ๆ " ประโยคแรกพูดกับฝาแฝด แต่ประโยคหลังหันไปคุยกับคนอื่น ๆ เพราะคิดว่าแม่ใจร้ายแบบนั้นจะสอนลูกเป็นด้วยหรือ... คนแบบนั้นมีแต่จะดุด่าว่าร้าย และทุบตีลูกเต้ามากกว่า
"พวกหล่อนหยุดพูดได้แล้ว หลานฉันไม่รู้เรื่อง อย่าเอาเรื่องแบบนี้มาพูดให้หลานฉันได้ยิน" ถึงจะคิดแบบเดียวกันกับชาวบ้าน แต่รุ่ยจิวไม่อยากเข้าไปร่วมพูดคุยเรื่องนี้กับคนอื่น อย่างไรเสียตอนนี้แม่เจ้าแฝดก็ยังเป็นลูกสะใภ้ของเธออยู่
"ย่ากลับบ้านเถอะครับ แม่อาจมาแล้ว"
จือหมิงเดินออกมาหลังจากที่จ่ายเงินค่าขนมให้น้องสาวจนเรียบร้อยแล้ว"ย่ายังไม่ได้จ่ายเงินเลย" รุ่ยจิวเตรียมลุกขึ้นไปจ่ายเงิน เพราะเห็นหลานสาวหิ้วขนมออกมาด้วย
"ผมจ่ายแล้วครับ แม่ให้เงินไว้" จือหมิงบอกออกไป ก่อนจะยื่นมือไปจับมือน้องสาวเตรียมกลับบ้าน
"อาหง... อาหมิง... ตอนนี้แม่ถึงขนาดให้เงินใช้แล้วเหรอ คงรู้ตัวจริง ๆ แล้วสินะ และไม่ต้องรอหรอก น่าจะถูกจับแล้วล่ะ" ชาวบ้านต่างพากันพูดคุยเรื่องนี้ และส่ายหน้าเมื่อพูดถึงแม่ของเด็กทั้งสอง สำนึกตอนนี้มันจะไปทันได้อย่างไร!!
"ฉันบอกว่าให้พวกหล่อนหยุดพูด!! " รุ่ยจิวหันไปมองชาวบ้านอย่างเอาเรื่อง เธอคิดผิดจริง ๆ ที่พาหลานมาในวันนี้ ไม่คิดว่าชาวบ้านจะอยากยุ่งเรื่องของครอบครัวเธอขนาดนี้
รุ่ยจิวถอนหายใจออกมาอย่างเหลืออด ครอบครัวของเธอไม่ค่อยยุ่งเรื่องของคนอื่นมากมายนัก และเรื่องภายในครอบครัวก็ไม่ชอบให้คนอื่นรับรู้หรือเข้ามายุ่งเช่นเดียวกัน ที่ชาวบ้านรู้เรื่องนี้ เพราะสะใภ้รองทำตัวเองทั้งนั้น ทำให้ชาวบ้านเห็นว่าเธอนั้นร้ายกาจขนาดไหน เพราะชาวบ้านคนหนึ่งเห็นก็ปากต่อปาก กลายเป็นรู้ดีกว่าครอบครัวของเธอเสียอีก!!
"หยุดก็ได้!! ไอ้ฉันก็หวังดี ไม่อยากให้หล่อนหลงเชื่อเท่านั้นเอง แล้วจะให้ติดต่อแม่สื่อไว้เลยไหม" ถึงจะไม่พอใจที่ถูกอีกคนขัดคอ แต่ก็ยอมเลิกพูดเรื่องแม่ตัวร้ายและมาคุยเรื่องแม่สื่อแทน เพื่อจะได้เตรียมหาแม่ใหม่ให้เจ้าแฝด แบบนั้นดีกว่า
"เจ้าแฝด... อยากได้คนไหนเป็นแม่คนใหม่ คนในหมู่บ้านของเราก็มีหลายคนที่อยากแต่งเข้าบ้านเฉิน" หมู่บ้านนี้ก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น ช่วยเหลือกันในทุกเรื่อง ไม่ว่าบ้านไหนมีอะไร ก็ต่างเสนอความคิดเห็นด้วยกันทั้งนั้น
"ว่างกันมากหรืออย่างไร หากว่าว่าง ทำไมไม่ไปดูแลลูกเต้าตัวเอง อย่ามาทำเป็นหวังดีกับคนอื่นมากนักเลย ห้ามไม่ให้ลูกชายไปเที่ยว ห้ามไม่ให้ลูกสาวไปเป็นชู้คนอื่นบ้างนะ" หรงผิงเดินลัดเลาะมาได้ยินในสิ่งที่ชาวบ้านผู้หวังดีทั้งหลายกำลังแสดงความหวังดีอย่างออกหน้าออกตา คำพูดที่พูดออกมาแต่ละคำ มันทำให้เธอทนฟังไม่ไหวจนต้องเดินออกมาหยุดคนพวกนี้ เรื่องคนอื่นรู้ดีจริง ๆ แต่เรื่องของครอบครัวตัวเองกลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น!!
"แม่!! หนูว่าแล้วแม่ต้องมาทางนี้" ซือหงยิ้มกว้าง ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ทุกคนพูดกันมากนัก
"แม่รู้ว่าลูกรออยู่... มีใครอยากยุ่งเรื่องของฉันอีกไหม ไหน ๆ วันนี้ก็ไปพบเจ้าหน้าที่มาแล้ว จะไปพบอีกสักรอบก็คงไม่เป็นไร มีใครอยากไปกับฉันบ้างไหม" หรงผิงตอบคำถามลูกสาว ก่อนจะหันไปพูดกับชาวบ้านคนอื่น ๆ
เมื่อทุกคนเห็นแล้วว่าสะใภ้รองบ้านเฉินกลับมาแล้ว และมีท่าทางเหมือนแต่ก่อน เลยต่างรีบพากันแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน เพราะเคยเห็นตอนที่แม่เจ้าแฝดเสียสติไล่ตบตีคนอื่นมาแล้ว ไม่อยากจะเจอเหตุการณ์แบบนั้นกับตัวเอง
เห็นคนอื่น ๆ บอกว่าแม่เจ้าแฝดไม่ตอบโต้แล้ว พูดอะไรไปก็เงียบ!! แต่ทำไมวันนี้ถึงมีท่าทางเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน!! วันอื่นค่อยพาแม่สื่อไปบ้านเฉิน วันนี้บ้านใครบ้านมัน หนีก่อนก็แล้วกัน!!
"หากเป็นไปได้ ช่วงนี้แม่อย่าพาเด็ก ๆ ออกมาที่แบบนี้เลยค่ะ" หรงผิงปล่อยให้ลูกเดินนำหน้าแล้วหันมาคุยกับย่าของเด็ก ๆ
"ฉันไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ แล้วเจ้าหน้าที่ว่าอย่างไรบ้าง" รุ่ยจิวทั้งตอบและถามกลับไป ที่เธอพาหลานออกมาเพราะไม่อยากให้หลานนั่งชะเง้อรอที่หน้าบ้าน และไม่คิดว่าจะเจอคนเยอะแบบนี้ เพราะปกติตอนกลางวันทุกคนก็มีงานทำกันทั้งนั้น
"ฉันรู้ว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากสิ่งไหนที่ฉันเคยทำไม่ดีกับแม่ ฉันขอโทษ อภัยให้ฉันได้ไหม" เมื่อมีโอกาส เธอก็กล่าวในสิ่งที่ควรทำ อย่างไรช่วงแรก ๆ ก็คงเป็นย่าที่ดูแลหลาน ๆ อยู่ดี
"ฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอก เจ้ารองคือคนตัดสินใจทั้งหมด" รุ่ยจิวไม่คิดว่าลูกสะใภ้จะพูดคำนี้ออกมา และจากที่เห็น เหมือนท่าทางของสะใภ้รองจะแตกต่างจากแต่ก่อน หรือจะเป็นแบบที่เจ้าแฝดบอกว่า แม่คนที่ใจร้ายได้ตายไปแล้ว เหลือแต่แม่ที่เป็นคนดี แต่มันก็ไม่น่าเชื่อ คนเราจะเปลี่ยนกันได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นเชียวหรือ...
"รู้ค่ะ... ฉันจึงอยากขอโทษตอนที่ยังมีโอกาส แล้วแม่รู้ไหมว่าเขาจะมาหย่าเมื่อไร" หรงผิงยิ้มให้ย่าของเด็ก ๆ
"ฉันไม่รู้ว่าจะมาหย่าเมื่อไร ฉันรู้แค่ว่าหลังเสร็จภารกิจจะกลับบ้านมาพร้อมกันทั้งหมด" รุ่ยจิวตอบไปตามความจริง ส่วนเรื่องหย่า เธอแค่รับฟังจากที่ลูกชายบอกให้รับรู้เพียงเท่านั้น
"แม่ไปดูปลาเลยไหม" จือหมิงหยุดเดินแล้วหันมาถาม จะได้รู้ว่าต้องเดินไปทางไหน
"ได้สิ..." หรงผิงยิ้มให้เจ้าตัวน้อยที่สนุกกับการไปดูหลุมดักปลา ทั้งที่บางครั้งก็ไม่ได้ปลา แต่ก็ยังอยากไปอยู่ดี
"หล่อนยอมหย่าแล้วเหรอ" รุ่ยจิวไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พูดคุยดี ๆ กับสะใภ้รองแบบนี้ และเรื่องที่พูดคุยคือเรื่องหย่าอีกด้วย!!
"น่าจะเป็นแบบนั้น หากว่ายอมให้ฉันมาเจอเด็ก ๆ บ้าง" หรงผิงไม่คิดจะปิดบัง ถึงแม้จะฟังแล้วไม่น่าเชื่อสักเท่าไรก็ตาม
รุ่ยจิวมองลูกสะใภ้ที่ส่งยิ้มมาให้ด้วยความแปลกใจ ทำไมถึงยอมหย่าง่าย ๆ และเหมือนลูกสะใภ้เต็มใจที่จะหย่าอีกด้วย หรือว่าลูกชายใช้วิธีบีบบังคับให้ยินยอม แต่ถึงอย่างไรสะใภ้รองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมอะไรง่าย ๆ แบบนี้!!
หากคุยและเข้าใจอะไรได้ง่าย ๆ ลูกชายคงไม่หาพยานหลักฐานให้ยุ่งยากแน่นอน ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ... ได้แต่มองตามสามแม่ลูกที่วิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุกสนาน...
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่... หรือว่าสะใภ้รองได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ!!
ตอนที่ 11 ครอบครัวเซียววันต่อมา หรงผิงก็พาลูกมาที่บ้านพ่อกับแม่ซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งไม่ห่างกันมากนัก เธอทำตามที่ได้รับปากแม่ตั้งแต่เมื่อวาน และก่อนจะออกจากบ้าน เธอก็ให้ลูกไปบอกย่าว่าจะพากันไปนอนที่บ้านของยาย เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่กังวลว่าหลานหายไปไหนหลายวันในตอนแรกเธอคิดว่าบอกให้รับรู้แล้ว... ทุกคนจะได้วางใจ แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด พวกเขากลัวว่าเธอจะพาลูกหนี!! จนต้องเดือดร้อนพ่อสามีเอารถแทรกเตอร์ของฝ่ายผลิตมาส่งพวกเธอถึงบ้านและนัดวันมารับกลับอีกด้วยหรงผิงไหนเลยจะไม่รู้ว่าพวกเขากลัวอะไร แต่เพราะเธอบริสุทธิ์ใจเลยยอมตกลงง่าย ๆ ดีเสียอีก ไม่ต้องพาลูกเดินให้เหนื่อย และไม่ต้องเสียเวลาอีกด้วยเป็นใครก็ต้องระแวง เพราะคำว่าแม่ตัวร้ายนั้นไม่ใช่แค่คำเรียก การกระทำที่กล้าลงมือกับทุกคน ลงมือกับลูกต่างหากที่ทำให้คนเรียกแม่ของเจ้าแฝดว่าเป็นมารดาตัวร้าย!!หรงผิงเข้าใจดีเลยแหละ เธอไม่โกรธคนพวกนั้นเลย บ่งบอกว่าพวกเขาเป็นห่วงเจ้าแฝด แบบนี้ยิ่งดี หากเธอหย่ากับพ่อของเด็ก ๆ แล้วก็สบายใจได้เลยว่า พวกเขาจะรักและดูแลเจ้าแฝดเป็นอย่างดี"ไม่ได้ไปทำงานกันเหรอคะ" หรงผิงมองหน้าพ่อ แม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ และหล
ตอนที่ 12 ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันผ่านมาสามวันแล้วที่หรงผิงกลับมาจากบ้านของพ่อและแม่ ทุกคนในครอบครัวเข้าใจเธอเป็นอย่างดี และยังยอมรับฟังเหตุผลของเธออีกด้วย เธอรู้ว่าโลกนี้ ยุคนี้ ค่อนข้างใจร้ายกับผู้หญิงที่หย่าจากสามี แต่พอมีครอบครัวที่พร้อมจะเคียงข้าง มันเลยทำให้เธอสบายใจมากขึ้น ตอนนี้เธอไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะคิดเห็นอย่างไร เธอสนใจแค่เจ้าแฝดและครอบครัวของพ่อแม่เพียงเท่านั้น"ใกล้แล้ว... ใกล้ที่ฉันจะเป็นอิสระแล้ว... " หรงผิงพึมพำคนเดียวเบา ๆหลังจากที่พาเจ้าแฝดเข้านอนแล้ว สถานที่ที่เธอชอบมานอนเวลาต้องการใช้ความคิดมากที่สุดคือบริเวณหน้าบ้าน อาจเพราะเธอชอบบรรยากาศและอากาศที่เย็นสบาย เธอรู้สึกว่าสมองแล่นได้ดีและคิดอะไรออกง่ายกว่าเวลาที่เจออากาศร้อนหรงผิงนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเผลอหลับไปเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป... เพราะเธอนอนดิ้นจนหล่นจากโต๊ะ!! ความรู้สึกที่กำลังจะร่วงหล่นลงพื้นทำให้เธอลืมตาตื่นทันทีตุ๊บ!!"อ่า... อยู่แบบคนธรรมดาเพียงไม่กี่เดือน... หลงลืมสัญชาตญาณที่เคยมีไปจนหมดสิ้น ไม่ดี ไม่ดี แบบนี้ไม่ดีเลย" หรงผิงสะบัดหัวเพื่อทำให้ตื่นตัวได้เต็มที่ ก่อนจะค่อย ๆ พยุงต
ตอนที่ 13 ความเชื่อใจหรงผิงและลูกทั้งสองตื่นแต่เช้า เพื่อทำกิจวัตรประจำวัน เด็ก ๆ จะมีหน้าที่ช่วยงานบ้านเท่าที่จะช่วยได้ และยังต้องหัดเขียนหนังสือที่ลานหน้าบ้านในตอนเช้าของทุกวันอีกด้วยเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าในมิติฟาร์มยังมีสมุดหนังสือและดินสอที่สามารถนำออกมาใช้งานได้ เลยปล่อยให้ลูกทั้งสองคนเขียนหนังสืออยู่ที่ลานหน้าบ้านก่อน ส่วนตัวเธออ้างว่าต้องการไปเข้าห้องน้ำ แต่ความจริงแล้วเธอเข้ามาในมิติฟาร์มหรงผิงเคยได้รับบทเรียนมาจากโลกเดิมแล้วว่า... ความลับบางอย่างก็ไม่ควรที่จะเปิดเผยให้ใครได้รับรู้ เธอยอมรับว่าตอนนี้ยังไม่เชื่อใจใครเลยสักคน ชาติที่แล้วตายเพราะญาติที่คิดว่าดีแสนดี ชาตินี้จะไม่มีทางทำเหมือนเดิมอีกเป็นอันขาด!!"คิดถึงกลิ่นนี้มากกก... " หรงผิงลากเสียงยาวทันทีที่เข้ามาในห้องหนังสือ ก่อนจะค่อย ๆ หาดินสอและหยิบสมุดเล่มเล็กตามที่ตัวเองตั้งใจมาเอาตั้งแต่แรก"ในนี้ทุกอย่างจะคงสภาพไม่เน่าไม่เสีย... ในครัวเรามีตู้ใส่อาหาร!! " เมื่อนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่ตัวเองจะตายมีเสบียงหลงเหลืออยู่ในครัว จึงรีบเข้าไปตรวจสอบ เพราะในมิติฟาร์มทุกอย่างจะคงสภาพไม่เน่าไม่เสีย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม"
ตอนที่ 14 สะใภ้รองเปลี่ยนไปชุนหลินรอแม่สามีที่บอกว่าจะไปหาสะใภ้รองอย่างเป็นกังวล เพราะแม่หายไปนานมากแล้วแต่ยังไม่กลับมา จึงทำให้เธออยู่รอที่บ้านไม่ไหว จนต้องเดินออกมาตาม หากมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันได้ทัน"ฉันกำลังจะออกไปตามแม่... " ชุนหลินเดินมาถึงครึ่งทางแล้วก็เจอแม่สามีพอดี เธอนั้นร้อนใจตั้งแต่ที่แม่บอกจะไปหาสะใภ้รอง และแม่ยังหายมานานอีกด้วย!!"พอดีคุยกับเจ้าแฝดเพลินเลยช้าไปหน่อย... กลับบ้านก่อนค่อยคุยกัน" รุ่ยจิวรีบบอกให้ลูกสะใภ้กลับบ้าน เพราะอยากจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองฟังเมื่อมาถึงบ้านก็เห็นลูกสะใภ้เล็กนั่งรออยู่แล้ว รุ่ยจิวเลยให้หลาน ๆ พากันออกไปเล่น ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ตัวเองไปเจอมาให้ทั้งสองสะใภ้ได้ฟัง"แม่... หรือพี่สะใภ้รองจะรู้ตัวว่าทำผิดจริง ๆ " ซูเยว่พูดขึ้นหลังจากที่ฟังแม่สามีเล่าเรื่องจนจบ"พักนี้ไม่มีข่าวอะไรเลยนะ ปกติแล้วชาวบ้านจะต้องเล่าว่าไปเจอที่ไหนและโดนอะไรมาบ้าง แต่ตอนนี้ชาวบ้านไม่เห็นจะพูดถึงเลย แม้แต่เจอตัวก็ยังไม่มีใครได้เจอเลย" ชุนหลินก็บอกถึงเรื่องที่ตัวเองมักได้ยินเป็นประจำ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึงสักเท่าไร จะบอกว่าคนอื่นเลิก
ตอนที่ 15 เตรียมความพร้อมกับมิติฟาร์มหลังจากที่ส่งลูกทั้งสองไปบ้านย่าเรียบร้อยแล้ว หรงผิงก็กลับบ้านมาจัดการทุกอย่างให้พร้อม เธอเตรียมชุดกับให้เงินลูกพกติดตัวไปด้วย ถึงจะไม่มากมายแต่ก็ยังมีให้ติดตัวไปบ้าง หรงผิงดีใจที่เด็กทั้งสองเชื่อฟัง ถึงแม้เจ้าตัวเล็กซือหงจะอยากให้แม่ไปด้วยก็ตาม แต่พอบอกเหตุผลก็ยอมฟัง และหอบผ้าตามพี่ชายไปนอนบ้านปู่บ้านย่าด้วยสีหน้าเหงาหงอยพออยู่ด้วยกันนานนับเดือนก็มีความรู้สึกห่วงใยกันและกันเป็นธรรมดา เธอค่อนข้างห่วงเด็กทั้งสอง แต่ก็มั่นใจว่าครอบครัวของพ่อเด็กจะสามารถดูแลได้เป็นอย่างดี"ไอ้คนแซ่เฉิน!! เมื่อไรจะกลับมาจัดการให้เรียบร้อย" หรงผิงนึกถึงพ่อของเด็กแฝดแล้วก็คิดว่าเขานั้นทำอะไรชักช้าเหลือเกิน ตอนนี้เธออยากหย่าขาดจากเขาแล้ว!!"บางครั้งฉันก็คิดว่านายใจร้ายเหมือนกันนะ" หรงผิงพึมพำเกี่ยวกับพ่อของเด็ก ๆ ถึงจะเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาก็ใจร้ายเหมือนกันหรงผิงสะบัดหัวเพื่อเรียกสติตัวเอง เธอไม่ชอบคุยกับคนอื่น แต่ชอบคุยกับตัวเอง เถียงกับตัวเองมากกว่า อาจเพราะติดนิสัยการเอาตัวรอดมาจากวันสิ้นโลก หากไม่จำเป็นจะไม่มีการพูดคุยกับคนอื่น เพราะเวลาเดินท
ตอนที่ 16 เงินก้อนแรกเมื่อมาถึงในเมือง หรงผิงก็รีบตรงไปที่ตลาดมืดตามที่ตั้งใจไว้ วันนี้มีงานเทศกาลจึงทำให้มีผู้คนเข้ามาในเมืองค่อนข้างเยอะ และเธอรู้ว่าแม่สามีจะพาฝาแฝดมาเดินเที่ยวงานในวันนี้เช่นเดียวกัน จึงหลีกเลี่ยงไปใช้อีกเส้นทางหนึ่ง เพราะไม่อยากให้ลูกหรือครอบครัวของสามีต้องมาเจอเธอในตอนนี้ตลาดมืดตามความทรงจำนั้น มันอยู่ในตรอกเล็ก ๆ และแน่นอนว่ามันไม่ใช่สถานที่มิดชิดขนาดนั้น ทุกอย่างเลยต้องรีบซื้อรีบขาย บางวันทั้งคนซื้อและคนขายยังต้องวิ่งหนีเจ้าหน้าที่กันอย่างอุตลุด เรื่องนี้เธอได้มาจากความทรงจำของร่างเดิม จริงเท็จแค่ไหนก็ไม่อาจตอบได้จนกว่าจะไปเห็นกับตาตัวเองเท่านั้นการอำพรางตัวเข้ามานั้นเป็นเรื่องง่ายสำหรับหรงผิง เพราะเธอเคยเอาตัวรอดแบบนี้อยู่บ่อย ๆ พอเข้ามาในเขตตลาดมืดก็เริ่มจากสำรวจก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อย ๆ สอบถามราคาสินค้า และคอยเฝ้ามองผู้คนไปด้วย หากต้องการขายของอย่างปลอดภัยจะต้องจับตามองลูกค้าให้ดี ๆ เพราะบางครั้งเจ้าหน้าที่ก็มาในรูปแบบของลูกค้าเช่นเดียวกัน"ฉันมีข้าวสาร พี่สาวสนใจไหม" เมื่อรู้ราคาสินค้าและยังได้จับตามองดูลูกค้ามาสักพักแล้ว จึงทำให้กล้าและมั่นใจที่จะเข้
ตอนที่ 17 ไม่เป็นอย่างที่คิดหรงผิงเลือกซื้อสิ่งของที่ต้องการทุกอย่างด้วยเวลาอันรวดเร็ว อาจเพราะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องซื้ออะไรบ้าง และอีกอย่างเธอต้องรีบเร่ง เพราะเธอต้องรีบไปรับลูกตามที่นัดไว้อีกด้วย"ซื้อสักหน่อยไม่น่าจะเสียเวลามาก" หรงผิงเห็นร้านขนมที่ขายอยู่ในห้างจึงตัดสินใจเดินเข้าไปซื้อเพื่อเอาไปฝากลูก ขนมที่แปลกใหม่จะทำให้สองแฝดยิ้มได้อย่างแน่นอนหรงผิงใช้เงินซื้อของให้ลูกทั้งสองคนเกือบร้อยหยวน เธอซื้อเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า กระเป๋า หมวก เสื้อกันหนาว และทุกอย่างเธอซื้ออย่างละสองชิ้น!! หากถามว่าซื้อเยอะไหม ก็บอกเลยว่าเยอะ!! แต่เทียบกับจำนวนเงินที่หามาได้และความจำเป็นในสิ่งที่ซื้อก็ถือว่าคุ้มค่าแน่นอนหลังจากที่เข้าไปซื้อขนมเรียบร้อยแล้ว หรงผิงก็ออกจากห้างเตรียมตัวกลับบ้านโดยเดินลัดทุ่งนาเหมือนตอนขามา สองเท้าก้าวเดิน ในหัวก็เริ่มวางแผน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวพ่อกับแม่ที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนเธอมาตลอดถึงแม้สถานะทางบ้านไม่ได้ขัดสนมากนัก แต่พี่ชายทั้งสองคนกับพ่อก็ยังทำงานหนักอยู่ดี เธอคิดว่าคงช่วยแค่ทางบ้านตัวเอง คงไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือครอบครัวของพ่อเด็ก ๆ เพราะถึงอย่างไรเ
ตอนที่ 18 ในที่สุดก็ได้เจอหรงผิงเดินเข้ามาในห้องคนป่วยพร้อมกับลูกทั้งสองคน สายตาสอดส่องไปที่เตียงที่มีคนป่วยนอนอยู่บนเตียงทั้งสามคน ยอมรับว่าไม่แน่ใจว่าคนไหนคือสามีของร่างเดิม เพราะจากที่เห็น พวกเขามีหน้าตาคล้าย ๆ กัน และจากความทรงจำของร่างเดิมก็ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับสามพี่น้องมากนัก อาจเพราะส่วนมากพวกเขาไม่ค่อยได้อยู่ที่หมู่บ้าน เลยไม่ค่อยรู้เรื่องราวของพวกเขาสักเท่าไร"จำที่แม่เคยบอกได้ไหม" หรงผิงรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังถูกจ้องมองจากทุกคน จึงก้มลงบอกลูกให้ทำในสิ่งที่เธอเคยสอน และเธอจะได้รู้ว่าใครเป็นใครหรงผิงมองสองแฝดที่เดินเข้าไปกล่าวสวัสดีทั้งสามคน จึงทำให้เธอได้รู้ว่าใครเป็นใคร ทำให้รู้ว่าคนไหนคือพ่อของเจ้าแฝด และแน่นอนว่าเธอแค่ยืนอยู่ห่าง ๆ ปล่อยให้คนอื่นพูดคุยกัน เธอทำเพียงยืนมองสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเงียบ ๆ หรงผิงมองดูพ่อของเจ้าแฝด คอยมองว่าเขามีปฏิกิริยาแบบไหนบ้าง เขาก็มองมาทางเธอบ่อย ๆ เช่นกัน หากเดาไม่ผิดก็คงเฝ้าดูไม่ต่างจากเธอแน่นอนตอนนี้เธอกำลังคิดถึงร่างเดิม คิดถึงความน่าจะเป็นว่าเหตุใดร่างเดิมถึงได้รักสามีคนนี้มากนัก หากรักเพราะหน้าตาก็ไม่น่าจะใช่ เพราะจากที่ดูแล้ว พ่อข
ตอนพิเศษ 3วันตรุษจีนของพวกเราณ โรงพยาบาลประจำมณฑล"เราจะได้กลับกี่โมง... ปกติพ่อกับแม่ไม่เคยมารับเราช้า แต่ทำไมวันนี้ถึงช้าได้เล่า" เสียงบ่นดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งชะเง้อมองไปยังเส้นทาง เฝ้ามองว่าคนที่ตัวเองรอจะมารับเมื่อไร"หิว ง่วง หรือว่ายังไง" ซือหงมองเพื่อนที่บ่นเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ เพราะพูดบ่อยมากจนจำไม่ได้แล้ว"หิว วันนี้ที่บ้านต้องมีอาหารมากมายแน่ ๆ " ซือเล่อหันมาบอกเพื่อนอย่างจริงจังซือหงกับซือเล่อเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนระดับประถม และเรียนด้วยกันมาตลอดจนถึงตอนทำงานก็ยังทำที่เดียวกันอีกด้วย พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน แม้แต่อาชีพที่เลือกเรียนยังเหมือนกันเลยสองสาวเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายที่ต้องมาทำงานในโรงพยาบาลประจำมณฑล อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว แต่ใช่ว่าจะจบเลยทีเดียว ยังมีต่อเฉพาะทางอีก ซึ่งสองสาวยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต่อด้านไหนดีทั้งสองสนิทกันจนถึงขั้นไปกินไปนอนบ้านของอีกคนได้ โดยที่คนในครอบครัวรับรู้ จนพ่อแม่ของทั้งสองคิดว่ามีลูกสาวเพิ่มเข้ามาในครอบครัวอีกคนแล้ว"หิวหรืออยากเห็นหน้าพี่ใหญ่ วันนี้วันตรุษจีน... " ซือหงพูดพร้อมทั้งหรี่ตาจ้องจับผิ
ตอนพิเศษ 2:: เซียวหรงผิงสาวน้อยจากวันสิ้นโลก ::หรงผิงขดตัวซ่อนอยู่ในมุมอับ ทั้งที่รอบ ๆ พื้นที่เงียบสงัด แต่เจ้าตัวกลับรับรู้ถึงภัยที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามา รู้ดีว่าด้านนอกนั้นคือสิ่งใด...เซียวหรงผิง คือชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้ ผิงผิง คือชื่อที่พวกท่านชอบเรียกหา แต่นั่นเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องการให้ใครเรียก ผิงผิง อีกแล้ว เพราะมันทำให้เธอคิดถึงพวกท่านหรงผิงดีใจที่พวกท่านจากไปตั้งแต่ช่วงแรก อาจฟังดูใจร้าย แต่เชื่อเถอะว่าคนที่จากไปในช่วงเชื้อโรคแพร่ระบาด หรือในช่วงแรกนั้น... คนพวกนั้นโชคดีกว่าคนที่อยู่มาถึงทุกวันนี้โลกที่เธออยู่มีความเจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี ทุกอย่างสะดวกสบาย เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย รวมถึงมีรอยรั่วให้สิ่งแปลกปลอมแทรกซึม เธอไม่รู้ว่าสาเหตุหลักจริง ๆ แล้วเชื้อไวรัสนี้มาจากที่ใด แต่การแพร่ระบาดเริ่มในกลุ่มเล็ก ๆ คนที่ติดเชื้อจะถูกแยกและถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้เพื่อดูอาการในช่วงแรกทุกคนคิดว่าคนที่ติดเชื้อคือโชคร้าย เธอคือหนึ่งในนั้นที่คิดว่าพ่อกับแม่โชคร้ายที่ติดเชื้อตั้งแต่แรก ท่านทั้งสองถูกส่งเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยที่ตัวเธอถูกจับตรวจร่างกาย เพื่อหาเ
ตอนพิเศษ 1:: เซียวหรงผิงมารดาตัวร้าย ::เซียวหรงผิงค่อย ๆ ขยับตัว พยายามที่จะเปิดเปลือกตา... เพื่อลืมตาตื่น ความทรงจำบอกว่าเธอตกน้ำเย็นจัด จึงทำให้ป่วยเป็นไข้นอนซมตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเมื่อนึกย้อนกลับไปว่าเพราะเหตุใดจึงทำให้ตัวเองตกลงไปในน้ำ ก็ทำให้มีแต่อารมณ์กรุ่นโกรธ!! ไม่พอใจชาวบ้านที่พากันลือพูดข่าวมั่ว ๆ กล่าวหาว่าสามีของเธอกำลังจะกลับมาหย่า!! จะหย่าได้อย่างไร ในเมื่อไม่ยอมหย่าซะอย่าง ใครจะทำไม!!สามีของเธอไม่เคยกล้ากับเธอเลยสักครั้ง ถึงตัวไม่กลับมาแต่ส่งเงินให้ตลอด มีกินมีใช้ไม่เคยขาดมือ ก็ลองปล่อยให้ขาดมือดูซิ!! คนที่ต้องอดก็คือลูกของเขาทั้งสองคนอีกนั่นแหละ!! เธอจำได้ดีว่าโทรเลขไปขู่สามี หากครั้งนี้ยังไม่กลับมา อย่าได้เห็นหน้าลูกอีกเลย"ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้วะ!! ไอ้แฝดหายหัวไปไหนหมด ไม่แหกตาดูหรือว่าฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย พวกแกสองตัวอยากให้ฉันตายหรืออย่างไร อยากลองดีใช่ไหม แม่จะฟาดให้หลังลายเลย!! " แม้จะรู้สึกได้ว่าเสียงของตัวเองเปลี่ยนไป แต่เพราะรู้ว่าตัวเองไม่สบายอาจทำให้เสียงเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง"ยังไม่โผล่หัวออกมาอีก!! วันนี้พวกแกสองตัวอดข้าวไปเลยนะ อย่าให้เห็นว่ากินอิ่มนอ
ตอนที่ 46 บทส่งท้าย(มารดาที่ดี)หรงผิงจับลูกสาววัยสิบสองปีทำผมที่เด็กสาวกำลังนิยมในช่วงนี้ ที่ลูกสาวทำผมจัดเต็ม เพราะวันนี้ทางโรงเรียนจัดงานแข่งขันกีฬาสี และยังประกาศผลสอบให้กับนักเรียนอีกด้วย"ทำไมน้องเล็กต้องทำหลายอย่างด้วย" จือหมิงนั่งกินโจ๊กไปด้วยมองน้องสาวไปด้วย"คุณครูประจำชั้นบอกว่าจะมีคะแนนกิจกรรมมอบให้ เลยทำทุกอย่างที่ครูเสนอ" ซือหงตอบไปตามตรง ไม่อยากทำแต่อยากได้คะแนน เพราะผลการเรียนมีผลต่อการที่จะยื่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย รุ่นพี่พูดแบบนี้ทั้งนั้น"หากเป็นแต่ก่อน พี่คงคิดว่าน้องเล็กน่าจะถูกหลอก แต่ตอนนี้ไม่น่าจะถูกหลอกง่าย ๆ นอกจากไปหลอกคนอื่นเขามากกว่า" จือหมิงก็ยังคงเย้าแหย่น้องน้อยไปด้วย แต่ที่เขาบอกออกไปนั้นคือเรื่องจริง!!น้องสาวของเขาไม่ใช่เด็กที่ขี้กลัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว แม่เป็นแบบไหน น้องสาวของเขาเป็นแบบนั้นเลย และน่าจะร้ายมากกว่าแม่เสียอีก!! เพราะตอนนี้เขาจดจำแม่ปากร้าย แม่ใจร้ายไม่ได้แล้ว เขาจำได้แต่แม่ใจดีถึงแม่จะไม่ค่อยพูด แต่แม่สอนในหลายสิ่งหลายอย่างให้เขากับน้องสาว สอนให้รู้จักเข้มแข็ง สอนให้รู้จักแบ่งปันแก่ผู้อื่นเสมอ และสอนให้สู้คน ไม่ยอมให้คนมารังแก หรือเอา
ตอนที่ 45 เป็นลูกที่ดีหรงผิงยืนมองพ่อกับแม่ที่กำลังนั่งรอคิวให้เจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปเพื่อตรวจสุขภาพประจำปี ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมาอยู่ที่โลกใบนี้เกือบ 3 ปีแล้ว การงานของเธอมั่นคง มีโรงงานเป็นของตัวเอง โดยมีครอบครัวเฉินและครอบครัวเซียวดูแลเหมือนเดิมมาตั้งแต่แรกทุกคนช่วยงานกันเป็นอย่างดี เคยเป็นแบบไหนก็ยังเป็นแบบนั้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือทุกคนมีรายได้ดี มีเงินเก็บ และลูกหลานทั้งสองบ้านก็ได้เรียนหนังสือทุกคน"ทำไมต้องมาตรวจให้สิ้นเปลืองด้วย" เหลียนฟางมองลูกสาวที่เดินมานั่งใกล้ ๆ ก็อดที่จะบ่นไม่ได้"ไม่อยากอยู่เลี้ยงหลานเลี้ยงเหลนหรืออย่างไร" หรงผิงถามกลับ แกล้งขู่แม่ไปอย่างนั้นเอง"ฉันไม่ได้เป็นอะไร!! " เหลียนฟางรู้ดีว่าลูกสาวหมายถึงเรื่องอะไรความจริงแล้วปากบ่นไปแบบนั้นเอง มันคือความเคยชิน แต่ในใจกลับตื้นตันที่ลูกสาวใส่ใจ ห่วงพ่อแม่พี่ชาย ต้องให้ทุกคนมาตรวจสุขภาพประจำปี เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่มาไม่เคยรู้ว่ามีตรวจสุขภาพประจำปีประจำเดือนด้วย แต่พอลูกสาวคนนี้เริ่มเปลี่ยนไปก็เหมือนเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ให้ครอบครัวได้เรียนรู้อยู่เรื่อย ๆ คำพูดของย่าทวดเป็นจริงเสมอ... ในตอนแรกที่ลูกสาวเปลี่ยนไ
ตอนที่ 44 ได้เป็นภรรยาอย่างเต็มตัว Nc+++กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ผ่านมาอีกสามเดือน จนตอนนี้หรงผิงมาอยู่ที่โลกใบนี้เป็นปีแล้ว จากลูกอายุห้าขวบ ตอนนี้อายุหกขวบกว่า ๆ แล้วตอนนี้เด็กแฝดก็ไปเรียนแล้วด้วย เธอไม่รู้เลยว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไป เพราะว่ามัวแต่จัดการกับงานต่าง ๆ แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงทำให้มีเวลามองย้อนกลับไป จึงได้รู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก!!สองครอบครัวมีกินมีใช้ ฐานะดีขึ้น แต่ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ฟุ่มเฟือย แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การที่สองครอบครัวสนิทกันมากขึ้น แบ่งปันสิ่งของกันเสมอ และที่เห็นได้ชัดอีกเรื่องคือ... ครอบครัวบ้านเฉินได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันครบทั้งหมดพี่ใหญ่บ้านเฉินลาออกจากการเป็นทหารกลับมาดูแลการผลิตในโรงงานให้เธอ เพราะพี่ชายทั้งสองของเธอต้องเข้ามาทำงานในมิติเลยไม่ได้ไปดูแลโรงงาน ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำอย่างลงตัวตอนนี้หน้าที่หลักของเธอคือทำบัญชีเองทั้งหมด แม้แต่ค่าแรงที่จ่ายให้ทุกคน เธอก็คือคนตัดสินใจ แต่ส่วนมากจะขอความคิดเห็นจากสามี เท่าที่รับรู้เธอจ่ายค่าแรงสูงกว่าราคาการจ้างงานทั่วไปแต่พอปรึกษากันแล้ว คิดว่าคนที่ทำงานให้เป็นญาติพี่น
ตอนที่ 43 สร้างเนื้อสร้างตัวซือหยางยืนมองสิ่งของต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหน้าของตัวเอง เขาเข้ามาที่มิติฟาร์มของภรรยานับครั้งไม่ถ้วน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินสักเท่าไรพอเข้ามาทำงานด้วยตัวเอง จึงได้รู้ว่าช่วงที่ภรรยาทำงานคนเดียวนั้นต้องทำงานหนักมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวต้องขับรถเกี่ยวข้าว แล้วต้องออกแรงสาวมุ้งดักปลาที่มีปลาจำนวนมากอยู่ในนั้น และไม่ใช่ออกแรงสาวเพียงรอบเดียวก็แล้วเสร็จ อย่างน้อยต้องมีถึงสิบกว่ารอบ ถึงจะครบตามจำนวนที่ต้องการ"น้องเล็กไปไหน" เซียวหยวนเดินออกมาหาน้องเขยที่กำลังยืนมองพื้นที่อยู่หน้าลานเกษตร"หลับครับ... ผมไม่อยากปลุก" ซือหยางรู้ว่าไม่สามารถช่วยอะไรในเรื่องที่ผ่านมาได้มาก เลยอยากชดเชยให้ภรรยาได้นอนพักบ้างในช่วงเวลานี้"เดี๋ยวตื่นมาบ่นอีก" เซียวฉวนเดินมาสมทบ หลังจากทำงานในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว"งานเสร็จแล้ว ไม่น่าบ่นหรอกครับ" ซือหยางบอกไปแบบนั้นเอง... เขารู้ดีว่าภรรยาจะบ่นทุกครั้งที่ไม่ปลุกให้ตื่นมาช่วยทำงาน "น้องเล็กเหมือนคนอยู่ไม่สุข ต้องหยิบจับโน่นนี่ทำตลอด" เซียวฉวนส่ายหน้าไปมาเมื่อนึกถึงน้องสาว"กี่เดือนแล้วนะที่เราสามารถเข้
ตอนที่ 42 ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปวันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ นับตั้งแต่วันที่หรงผิงเปิดเผยเรื่องมิติฟาร์มก็ผ่านมานานนับเดือนแล้ว เรื่องมิติฟาร์มยังเป็นความลับ รู้กันเพียงพ่อแม่ พี่ชายทั้งสองคน และสามีของเธอเพียงเท่านั้น ส่วนเจ้าแฝดยังไม่รู้ เธอยังไม่เคยพาลูกเข้าไปเลยสักครั้ง เพราะทั้งสองยังเด็ก กลัวจะทำความลับนี้หลุดออกไป จึงคิดว่าปิดไว้ก่อน รอให้โตกว่านี้ก่อนค่อยเปิดเผยทีหลัง ยังมีเวลาอีกมากมาย "เรียนเป็นหมอได้ไหมคะ" ซือหงที่สะพายกระเป๋าไปสมัครเรียนในวันนี้ก็เฝ้าถามคำถามนี้กับพ่อและแม่ทุกครั้งที่ตัวเองนึกขึ้นได้"เรียนเป็นหมอได้ค่ะ" หรงผิงจัดผมให้ลูกสาวอีกครั้ง เพราะมันไม่ค่อยเรียบร้อยสักเท่าไร"แล้วลูกล่ะ อยากเป็นอะไร" ซือหยางถามลูกชายที่ยืนยิ้มมองแม่กับน้องสาวอยู่ใกล้ ๆ "เป็นทหารเหมือนเดิมครับ" เขาอยากเป็นแบบพ่อทำงานหาเงินเยอะ ๆ แม่กับน้องจะได้ไม่ต้องทำงาน และแน่นอนเขาเคยบอกให้ทุกคนรู้แล้วว่าเขาอยากเป็นทหาร!!ซือหยางจับมือลูกชายไว้แล้วยิ้มกับท่าทางของลูกชาย การเป็นทหารมีหลายรูปแบบ หากเรียนมานั้นหมายถึงต้องมียศมีตำแหน่งแน่นอน แต่เขาสามพี่น้องคือสมัครเข้าไปเป็นทหารการสมัครเข้าไปเป็นทหารจะ
ตอนที่ 41 เปิดโลกใบใหม่หลังจากที่ได้รับคำสอนจากครอบครัวก็ทำให้หรงผิงต้องมาเปิดใจคุยกับพ่อเจ้าแฝดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก เพราะได้คำสอนต่าง ๆ มามาก จึงทำให้เธอยอมที่จะเปิดใจ และคิดว่าต้องเริ่มปรับตัวให้เหมือนตัวเองมีครอบครัวจริง ๆ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่จะคิดและทำอะไรแค่คนเดียวเสมอ"ลูกเริ่มเรียนรู้การเป็นแม่ที่ดีแล้ว ลูกก็เริ่มเรียนรู้การเป็นภรรยาไปด้วย ค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีใครทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก ทุกคนต้องเรียนรู้ด้วยกันทั้งนั้น"หรงผิงนึกถึงคำสอนของพ่อที่ปกติจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด กับคนภายนอกคือแค่ยิ้มทักทายเท่านั้น แต่กับเธอ พ่อกลับบอกสอนและพูดด้วยประโยคยาว ๆ และคำสอนแต่ละอย่างของพ่อมันดีมากไม่น่าเชื่อว่าสังคมที่ผู้ชายคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ไม่สามารถใช้ได้กับพ่อ เพราะพ่อไม่เคยกดขี่ข่มเหงคนในบ้าน สิ่งไหนทำได้ให้ช่วยกันทำ เสร็จก็ได้พักแล้ว เธอโชคดีที่มาอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้ รู้สึกว่าตัวเองมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ"แม่กินก่อนค่ะ" ซือหงสะกิดแม่ที่มองออกไปนอกบ้าน ไม่ยอมกินข้าวสักที"เดี๋ยวพ่อก็กลับครับ" จือหมิงคิดว่าแม่คงรอพ่ออยู่แน่ ๆหรงผิงหันมายิ้มให้ลูกทั้งสองก่อนจะก้มหน้