ตอนที่ 1 ตัวฉันอีกคน
เซียวหรงผิง
ตื่นขึ้นมาด้วยอาการเหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังหมุนอย่างรุนแรง จนทำให้เธอรู้สึกเวียนศีรษะอยากจะอาเจียนออกมา และยังมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเพิ่มเข้ามาอีกด้วยหรงผิง
อาเจียนอย่างหนัก ทั้งที่ไม่มีอะไรออกมาเลย และยังมองเห็นภาพการใช้ชีวิตของใครบางคนที่เธอไม่รู้จัก... ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าตัวเธอนั้นตายไปแล้ว แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนที่ตายแล้วจะยังมีความรู้สึก เจ็บปวดและทรมานเหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก เพราะเธอรู้ดีว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว...หรงผิงดิ้นรนเอาตัวรอดในโลกที่มีแต่ความแห้งแล้ง โลกที่มนุษย์ต่างต้องการอาหาร โลกที่มีฝูงผีดิบอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง เธอสามารถอยู่รอดมาได้หลายปี
จนมนุษย์เริ่มมีวิวัฒนาการ ร่างกายของคนที่เหลือรอดเริ่มมีการปรับเปลี่ยน หรือที่ทุกคนเข้าใจว่ามันคือพรสวรรค์หรือพลังวิเศษในการเอาตัวรอด ทุกคนจะมีพลังแตกต่างกัน แล้วแต่ว่าร่างกายจะปรับเปลี่ยนเป็นแบบไหน
ซึ่งเธอก็ได้รับพลังวิเศษนี้ด้วยเช่นกัน และด้วยพลังที่ได้รับนี้ จึงทำให้เธอตกเป็นเป้าหมายของคนอีกหลายกลุ่ม เพราะเธอได้รับมิติที่สามารถเข้าไปอยู่อาศัยและหลบซ่อนในนั้นได้ และในมิติยังมีที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ แค่มีเมล็ดพันธุ์เพียงเม็ดเดียวก็สามารถปลูกพืชชนิดนั้นได้จำนวนมาก
ผลผลิตในมิติฟาร์มจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอมีอาหารสำหรับกลุ่มของตัวเอง ซึ่งกลุ่มที่เธออาศัยอยู่มีแต่ญาติ ๆ เพียงเท่านั้น เมื่อมีมิติฟาร์ม กลุ่มของเธอก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนออกไปหาอาหารเหมือนแต่ก่อน แค่ตามหาเมล็ดพันธุ์พืชที่ตัวเองต้องการเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
ในมิติฟาร์มไม่ได้มีแค่พื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ ยังมีแหล่งน้ำสะอาดที่สามารถนำมาดื่มกินได้ด้วย เธอมีพร้อมทุกอย่าง สามารถอยู่รอดได้โดยที่ไม่ต้องดิ้นรน แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะสิ่งที่เธอมีทำให้เธอตายเร็วขึ้น คนหลายกลุ่มต้องการตัวเธอ และคนที่เธอเชื่อใจกลับเป็นคนกระจายข่าวว่าเธอได้รับมิติฟาร์มที่สามารถผลิตอาหารได้มากมาย
จากความลับที่รู้เพียงญาติหรือก็คือกลุ่มของตัวเอง กลับกลายเป็นรู้จนทั่ว สำหรับเธอแล้วฝูงผีดิบไม่น่ากลัวเท่ากับมนุษย์ที่อิจฉาอยากได้อยากดี จากที่วิ่งหนีผีดิบเพื่อเอาตัวรอด กลับกลายเป็นวิ่งหนีมนุษย์ที่ต้องการตัวเธอไว้ใช้ประโยชน์
และแน่นอนว่าเธอตายด้วยน้ำมือมนุษย์...
เพียงแค่ว่า... หากไม่ได้ครอบครอง... ก็จงกำจัดทิ้งไปเสีย...
แทนที่จะเก็บเธอไว้ เพราะเธอคือแหล่งผลิตอาหารชั้นดี แต่พวกเขากลับคิดว่ากำจัดทิ้งไปดีกว่าให้ตกไปอยู่กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แล้วกลุ่มที่ได้ตัวเธอไปครองจะสามารถต่อรองและกดขี่กลุ่มอื่นได้ ถึงไม่มีเธอ พวกเขาก็เอาตัวรอดมาได้ตั้งนาน และบางกลุ่มสามารถปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ได้ ถึงจะได้ผลผลิตไม่มากก็ตาม ด้วยเหตุนี้เธอเลยถูกกำจัดทิ้ง...
หลังจากอาเจียนจนหมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว หรงผิงก็คิดทบทวนความทรงจำเดิมของตัวเอง ก่อนจะกะพริบตาเพื่อปรับให้รับกับแสงจ้าที่สาดส่องเข้ามา
ตอนนี้เธอเริ่มรับรู้ถึงความทรงจำอีกสายหนึ่ง ซึ่งมันไม่ใช่ความทรงจำของเธอเลย มันคือความทรงจำของแม่ใจร้ายคนหนึ่ง ซึ่งไม่เข้าใจว่าตัวเองรับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของแม่ตัวร้ายคนนี้ได้อย่างไร
เพล้ง!! เสียงชามหล่นกระแทกพื้น จนทำให้หรงผิงหันไปมองอย่างสงสัย
"หนะ หนู... ไม่ได้เอาของแม่ไปนะ อันนี้ย่าให้มา" เสียงเล็กรีบบอกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
"ของย่าจริง ๆ ครับ"
หรงผิงขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย เธอจำเด็กสองคนนี้ได้จากความทรงจำของแม่ตัวร้าย ทั้งสองเป็นฝาแฝดชายหญิง
เด็กผู้ชายชื่อ เฉินจือหมิง เด็กผู้หญิงชื่อ เฉินซือหง
ทั้งสองมีอายุ 5 ปีเดี๋ยวนะ!! หากจำไม่ผิด เธอกับแม่ตัวร้ายมีชื่อเหมือนกัน!! แล้วก่อนหน้านั้นเจ้าตัวเล็กก็เรียกเธอว่าแม่!!
"แม่เป็นอะไรไหม" ซือหงกระซิบถามพี่ชายและแอบมองแม่ที่ยังคงนั่งเงียบ ไม่ดุด่าที่เธอทำชามหล่นเสียงดัง
"แม่เพิ่งฟื้นจากไข้" จือหมิงช่วยน้องสาวเก็บแป้งจี่จากพื้นแล้วรีบดันน้องสาวให้ออกไปให้ห่างจากแม่
"เดี๋ยวก่อน!! " หรงผิงเรียกเจ้าตัวเล็กให้หยุดก่อน เพราะเธอต้องการตรวจสอบอะไรบางอย่าง
"แม่อย่าตีน้องเล็กเลย หากจะตีให้ตีผมแทน" จือหมิงเอาตัวเองบังร่างเล็กของน้องสาว ถึงจะกลัว แต่เขาไม่อยากให้น้องสาวโดนตีอีกแล้ว
"ไม่ได้ตี แค่อยากถามว่าแม่หลับไปนานแค่ไหน" หรงผิงหลับตาลงช้า ๆ เธอเห็นภาพความทรงจำที่แม่ตัวร้ายคนนี้ตบตีลูกอย่างโหดร้าย ที่สำคัญเด็กทั้งสองเป็นลูกแท้ ๆ ยังจะกล้าทำอีก!!
"3 วัน" จือหมิงเป็นคนตอบ และยังไม่กล้ากระดุกกระดิกไปไหนทั้งนั้น
"กินข้าวหรือยัง" หรงผิงมองเด็กแฝดที่ผอมแห้ง ยิ่งทำให้หดหู่ใจมากกว่าเดิมเสียอีก
"ย่าให้แป้งจี่มาแล้วค่ะ" ซือหงค่อย ๆ โผล่หน้ามาตอบแล้วแอบมองแม่อย่างกลัว ๆ
"อืม ไปกินเถอะ" ตอนนี้เธออยากตั้งสติและทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่กำลังใจในตอนนี้
ผ่านวันสิ้นโลก ผ่านฝูงผีดิบ ผ่านการได้รับพลังวิเศษ ผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมาแล้ว คิดว่าการตายคือจุดจบ แต่เท่าที่รับรู้และสัมผัสได้ มันไม่ใช่จุดจบ!!
หรือมันคือจุดเริ่มต้นใหม่ แต่ไม่คิดว่าการมาเริ่มต้นใหม่ของเธอจะมาอยู่กับยัยแม่ใจร้ายคนนี้ได้
"ยัยแม่ตัวร้ายแบบเธอสมควรตายแล้วล่ะ เพราะหากอยู่ต่อ ไม่รู้ว่าเธอจะสร้างบาดแผลทางใจให้เด็กสองคนนั้นอีกมากเท่าไร เธอคิดว่าตัวเองลำบาก แต่เธอรู้ไหมว่าที่ที่ฉันจากมา ลำบากกว่าที่เธอเป็นอยู่หลายเท่า" หรงผิงหลับตาลงนึกถึงสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดให้เจ้าของร่างเดิมได้รับรู้
เธอไม่สงสารว่าเด็กทั้งสองจะขาดแม่ เพราะจากที่ได้รับรู้จากความทรงจำ...
"มีแม่แบบนี้ อย่ามีเลยจะดีกว่า!! "
"หากเธอคือตัวฉันอีกคน... และหากฉันมาเป็นตัวเธอแล้ว ถึงฉันไม่เคยเป็นแม่คน ไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน แต่ฉันมั่นใจว่าตัวเองไม่ลงมือทุบตีเด็กน้อยตาดำ ๆ อย่างแน่นอน และจะไม่ยอมให้เด็กทั้งสองอดอยาก ทั้งที่ตัวเองมีกินอย่างสบาย อย่าได้กลับมาทำร้ายเด็กที่บริสุทธิ์อีกต่อไปเลย" หรงผิงหวังว่าทุกคำพูดของเธอจะส่งไปถึงอีกคน
ไม่ใช่ว่าเธออยากจะอยู่ในร่างนี้ จนไม่อยากให้ยัยแม่ตัวร้ายกลับมา หากเลือกได้ขอไปเกิดใหม่ หรือหากให้ไปอยู่ในร่างของคนอื่นจริง ๆ ขออยู่ในร่างคนที่ไม่โหดร้ายแบบนี้ยังจะดีกว่า
ยัยแม่ตัวร้ายคนนี้ลงมือทุบตีลูกเพียงเพื่อต้องการเรียกร้องความสนใจจากสามี เพื่อให้สามีกลับมาหา ทำร้ายลูกเพียงเพื่อต้องการให้สามีรัก ปล่อยให้ลูกอดมื้อกินมื้อทั้งที่ตัวเองมีกินครบสามมื้อ และยังมีอีกหลายอย่างที่บ่งบอกถึงความใจร้ายของคนคนนี้
หรงผิงมั่นใจว่าตัวเองมาอยู่ในร่างของมารดาตัวร้าย เพราะความรู้สึกทั้งหมดชัดเจนมาก หากให้เธอมาอยู่แล้ว อย่าเอานังตัวร้ายกลับมาก็แล้วกัน แต่หากจะให้เธอจากไป ก็ขอให้คนที่ดีที่เหมาะจะเป็นแม่ของเด็กมาอยู่แทน
อย่าให้แม่ตัวจริงกลับมาเลย เพราะจากเด็กดี ๆ อาจกลายเป็นอย่างอื่นที่เราไม่อาจคาดคิดได้ หากคนเราถูกกระทำอย่างโหดร้ายตั้งแต่เด็ก จากเด็กจิตใจดี ๆ ก็อาจบิดเบี้ยวได้ เธอไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลย
หากส่งเธอมาแล้วก็อย่าให้แม่จริง ๆ กลับมา ส่งไปอยู่ในโลกที่เธอจากมาก็ได้ จะได้รู้ถึงรสชาติแห่งความลำบาก... ว่าความลำบากที่แท้จริงเป็นเช่นไร...
ตอนที่ 2 มารดาเปลี่ยนไปหรงผิงใช้เวลาในการตั้งสตินานหลายชั่วโมง ก่อนจะลุกขึ้นสำรวจบ้านซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีสองห้องนอน หนึ่งห้องส้วม หนึ่งห้องอาบน้ำ หนึ่งห้องครัว และหนึ่งห้องโถง จากที่รับรู้ ถือว่าบ้านหลังนี้ดีกว่าบ้านหลังอื่น ๆ ในหมู่บ้านเสียอีกคนส่วนใหญ่ค่อนข้างยากจนจึงสร้างบ้านด้วยดิน มีการทำงานตามหน่วยคอมมูน ทำงานรับจ้าง และทำงานโรงงาน หรงผิงไม่แน่ใจว่ายุคนี้มันเป็นยุคไหน เพราะโลกที่เธอจากมาไม่ได้มียุคสมัยแบบนี้ หรือหากจะมีก็น่าจะย้อนยุคและผ่านมานานแล้วจนเธอไม่รู้ยังดีที่เธอมีความทรงจำของร่างเดิม ยังพอที่จะปรับตัวได้บ้าง ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ลำบากมากกว่านี้แน่ ๆ หรงผิงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บ้านที่ดูดีกว่าบ้านคนอื่น แต่กลับรกจนไม่รู้จะรกอย่างไรแล้ว"เสื้อผ้าของตัวเองยังดูดี แต่ลูกกลับใส่เสื้อผ้าขาด ๆ " หรงผิงบ่นพึมพำเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิมหรงผิงตัดสินใจจัดการสิ่งของทุกอย่างที่อยู่ในห้อง จัดทุกอย่าง และแยกเสื้อผ้าทั้งหมดออกมา เพราะจากที่ดูแล้วมันต้องซักใหม่ทั้งหมด หรงผิงเก็บของ ทำความสะอาดบ้านไปด้วย พลางนึกถึงร่างเดิมว่าร้ายขนาดไหน ขนาดไม่สบายหลับไปสามวันยังไม่มีใครมาดูดำดูดี
ตอนที่ 3 เพราะเธอคือมารดาตัวร้ายหรงผิงใช้เวลาช่วงบ่ายหมดไปกับการทำงานบ้าน บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ห่างไกลจากบ้านหลังอื่น เพราะไม่สามารถอยู่รวมกับครอบครัวสามีได้เลยต้องออกมาอยู่เองต่างหาก และเพราะเจ้าของร่างเดิมไม่ถูกกับใครในหมู่บ้าน เลยต้องมาซื้อที่ดินอาศัยอยู่ห่างไกลจากคนอื่น ๆหรงผิงตักน้ำไว้ใช้จนครบหมดทุกที่ เธอเก็บเสื้อผ้าซักตากเต็มหลังบ้าน ทำความสะอาดบ้านทุกซอกทุกมุม และได้สำรวจด้วยว่าขาดเหลืออะไรบ้าง บางอย่างไม่จำเป็นแต่กลับมี บางอย่างที่ควรมีกลับไม่มี เธอต้องจัดการของที่ไม่จำเป็นออกให้หมด และต้องเริ่มปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตใหม่ทั้งของตัวเองและของฝาแฝดด้วยเหมือนกันหากให้บอกว่าร่างเดิมเอาเงินไปใช้สิ้นเปลืองทั้งหมดก็ไม่ใช่ เพราะยังเอามาสร้างบ้านจนดูดีกว่าคนอื่น และยังสร้างกำแพงสูงอีกด้วย บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นเหมือนบ้านเศรษฐีที่อยู่ในเมือง เงินที่เอามาสร้างก็มาจากเงินสามีที่เป็นทหาร ซึ่งเบิกเงินล่วงหน้ามาสร้างบ้านตามที่ร่างเดิมต้องการความจริงเป็นแบบไหนเธอก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะจากที่รู้มาส่วนมากมาจากความทรงจำเดิม และบางอย่างที่เธอคิดและมองแบบคนนอก เลยมองเห็นภาพที่แตกต่างจากเจ้าของร่างเ
ตอนที่ 4 กรรมที่เคยทำเมื่อได้พูดคุยและส่งแม่กลับเรียบร้อยแล้ว หรงผิงก็ปิดบ้าน เตรียมตัวเข้าบ้านอาบน้ำนอน วันนี้เธอเจอมาหลายเรื่องแล้ว รับรู้มาหลายอย่าง เหมือนเป็นเธอที่กำลังมารับกรรมแทนร่างเดิมเลย แต่จะทำอย่างไรได้ ชีวิตคนเรามันไม่เคยมีอะไรง่ายอยู่แล้ว..."ทำไมนอนกันตรงนี้" เมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นว่าฝาแฝดนอนกับพื้นข้าง ๆ เตียงเตา"แม่เคยให้นอนตรงนี้" ซือหงตอบเสียงเบา"ขึ้นไปบนเตียง ทั้งสองคนเลย" หรงผิงสั่งเสร็จก็ไปจัดการจุดถ่านเพื่อที่จะได้เอามาไว้ใต้เตียงเตาเมื่อกลับมาแล้วก็เห็นสองพี่น้องนอนอยู่บนเตียงเตาแล้ว เธอเลยไม่พูดอะไรนอกจากเติมไฟให้เรียบร้อย ก่อนจะออกไปเตรียมอาบน้ำ เธอใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน หลังจากสำรวจตัวเองแล้วก็รีบออกมา เธอแอบไปดูฝาแฝด ก่อนจะเอาผ้าที่ร่างเดิมหวงนักหวงหนามาห่มให้ทั้งสอง และออกมานั่งที่หน้าบ้านจากตอนแรกคิดว่าตัวเองจะรีบนอนพักผ่อน พอเอาเข้าจริง ๆ กลับมีหลายเรื่องให้คิดจนไม่อยากจะนอน เลยออกมาใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อทบทวนว่า หากเธอต้องมาอยู่ในร่างมารดาตัวร้ายจริง ๆ เธอจะทำอะไรต่อจากนี้เรื่องทำมาหากินเอาตัวรอดนั้นไม่กลัวเลย แต่เรื่องที่เจ้าของร่างเดิมสร้างเรื
ตอนที่ 5 ชดเชยให้หรงผิงพาฝาแฝดเดินดูรอบ ๆ หมู่บ้าน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่แม่น้ำที่ร่างเดิมตกลงไป หากเป็นโลกเดิม ปลาแทบไม่มีแล้ว เพราะมีสารพิษในแม่น้ำ แต่ที่เห็นในตอนนี้สายน้ำยังใส ถึงจะรับรู้จากความทรงจำว่าหากุ้งหอยปูปลาได้ยาก แต่คิดว่าอย่างไรมันก็ต้องมีสัตว์น้ำอาศัยอยู่อย่างแน่นอน"แม่ไม่เข้าไปในเมืองเหรอคะ" ซือหงที่ตอนนี้กล้าถามกล้าพูดคุยกับแม่มากขึ้นกว่าเดิมนิดหนึ่ง ก็มองเส้นทางเข้าเมืองที่แม่ชอบไปบ่อย ๆ"เข้า... แต่ขอทำอะไรไว้สักหน่อย" หรงผิงถกกางเกงขึ้นแล้วเอาเถาวัลย์มัดไว้ ก่อนจะเอาไม้ที่หาได้ค่อย ๆ ขุดหลุมดักปลา ในเมื่อตอนนี้เธอยังไม่ได้เตรียมอุปกรณ์จับปลา สิ่งเดียวที่ทำได้คือหลุมดักปลา!!"ผมช่วย แม่ต้องทำแบบไหน" จือหมิงไม่เคยเห็นแม่ทำแบบนี้มาก่อน แต่ในเมื่อแม่เปลี่ยนเป็นคนใจดีแล้ว เขาก็พร้อมที่จะช่วยเช่นเดียวกันก่อนหน้านี้เขาก็เห็นใจแม่เหมือนกันที่คนอื่นรุมว่าแม่ เขาทำได้เพียงแค่มองเท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าแม่ใจร้ายจะออกมาตอนไหน หากแม่ใจร้ายออกมา เขาต้องพาน้องสาวหนีกลับมาตั้งหลักก่อน แต่พอเห็นแม่ใจดียังอยู่ก็ได้แต่แอบดีใจอยู่เงียบ ๆ"ก่อนหน้านี้เคยได้ผล ไม่รู้ว่าตอนนี้จะได้ผลไหม"
ตอนที่ 6 แม่ใจร้ายตายไปแล้วเช้าวันใหม่ สองพี่น้องรีบตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาช่วยแม่ทำงาน ทั้งสามถือกระป๋องเดินไปที่ลำธารในบริเวณที่ทำหลุมดักปลา ทั้งสองจำได้ดีว่าวันแรกได้ปลากลับบ้านไปตั้งหนึ่งตัว!! แม่ใจดีทำน้ำแกงปลาให้กินอีกด้วย บอกเลยว่ามันอร่อยมาก!!นับตั้งแต่วันนั้น พวกเขาจะมาดูปลาแต่เช้ามืดทุกวัน ซือหงหักนิ้วนับจำนวนวันที่แม่ใจดีมาอยู่ด้วย จากการนับแบบผิด ๆ ถูก ๆ ทำให้เธอนับได้จำนวนห้าวันแล้ว แต่พี่ชายบอกว่าเจ็ดวัน!! ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าใครที่นับวันผิดหรือถูก!!"หากวันนี้ได้ปลา แม่จะทำน้ำแกงแล้วให้พวกลูกเอาไปให้ย่า" หรงผิงบอกลูกทั้งสอง ตอนนี้เธอเริ่มชินกับการดูแลฝาแฝดแล้วตลอดเวลา 10 วันที่เธอมาอยู่ที่นี่ เธอค่อย ๆ ปรับเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ เสื้อผ้า อาหารการกิน ตอนนี้ฝาแฝดกินข้าวครบ 3 มื้อ มีนมกินก่อนนอนทุกวัน มีเสื้อผ้าที่สะอาดใส่ บ้านเรือนถูกจัดให้น่าอยู่มากขึ้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากพวกเธอทั้งสามคน ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่เปลี่ยนแปลง เจ้าแฝดก็มีส่วนร่วมด้วยเช่นกันตั้งแต่ทำหลุมดักปลา ก็มีปลามาติดทุกวัน อย่างน้อยก็ยังได้วันละตัว บางวันได้ถึงห้าตัว ตอนนี้เธอทำปลาตากแห้ง ปลาบาง
ตอนที่ 7 คนบ้านเฉินเมื่อเห็นหลานเดินไปแล้ว คนเป็นย่าก็ได้แต่ถอนหายใจ จากที่เห็นคือหลานดูดีขึ้น หน้าตาสดชื่นแจ่มใส และหลานทั้งสองเชื่อว่าแม่กลายเป็นคนดีแล้ว หากคนเราเปลี่ยนแปลงง่ายขนาดนั้นคงเปลี่ยนไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้หรอกรุ่ยจิวแต่งงานกับสามีและมีลูกชายทั้งหมดสามคน สามีเป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตคอมมูน ลูกชายทั้งสามรับราชการเป็นทหารทั้งหมด ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวเธอดีกว่าบ้านอื่น ๆ สะใภ้ไม่ต้องทำงานอะไร นอกจากดูแลบ้านและดูแลลูกเพียงเท่านั้นด้วยความที่มีลูกชายหน้าตาดี และทุกคนทยอยสมัครเข้าไปเป็นทหาร ทำให้มีหญิงสาวอยากแต่งเข้าบ้านเฉินกันทั้งนั้น แต่เพราะลูกชายคนโตกับคนรองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เหลือแต่คนเล็กเท่านั้นที่ยังไม่มี จึงทำให้สาว ๆ หลายคนถอดใจไปบ้างแต่แล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับลูกชายคนรอง หรือก็คือพ่อของเจ้าแฝดที่ดื่มกินจนเมาและได้เสียกับสะใภ้รองจนมีเจ้าแฝด ตั้งแต่นั้นหลายอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะลูกคนรองต้องแต่งงานกับแม่เจ้าแฝด ลูกชายของเธอทำผิดต่อคู่หมั้นของตัวเองเรื่องขอถอนหมั้นก็ไม่ใช่เรื่องดีและไม่ควรทำเช่นกัน เพราะฝ่ายหญิงไม่ได้ทำอะไรผิดเ
ตอนที่ 8 ว่าด้วยเรื่องของการหย่าผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วที่หรงผิงเข้าไปที่บ้านเฉิน หลังจากที่กลับมา เธอก็ไม่ได้เข้าไปในหมู่บ้านอีกเลย แต่ให้ฝาแฝดเอาปลาเป็นเข้าไปให้บ้านย่าแทน ที่ทำแบบนั้นเพราะคิดว่าควรทำ เพราะหากหย่าแล้วจะได้จบกันด้วยดี"ปลาแห้งของเราเยอะมาก" จือหมิงมองปลาแห้งที่แม่ทำไว้เยอะมาก ๆ แม่บอกว่าเอาเก็บไว้กินได้นาน ๆ พอเห็นว่ามีอาหารอยู่มาก เลยทำให้ยิ้มอย่างสุขใจ"แม่ใจดีมาอยู่กี่วันแล้วหรือคะ หนูหักนิ้วได้ 15 วัน พี่ใหญ่บอก 17 วัน" ซือหงตัดสินใจถามแม่ น่าจะให้คำตอบกับเธอได้บ้าง"22 วัน" หรงผิงตอบออกไป เธอจำได้เป็นอย่างดี ตลอดเวลาที่มาอยู่ที่นี่ เธอได้สำรวจและรู้ว่าช่วงนี้ยังทำอะไรมากไม่ได้ เพราะยังอยู่ในฤดูหนาว และเธอรอให้เรื่องหย่าคลี่คลายก่อนไม่รู้ว่าพ่อของเด็ก ๆ จะมาไม้ไหน เธอได้ข่าวที่ชาวบ้านพูดต่อ ๆ กันเพียงเท่านั้น จบจากเรื่องหย่าแล้วค่อยคิดว่าตัวเองจะทำอะไรต่อ จากที่นับวันเวลาดูแล้วคงเหลืออีกไม่กี่วัน พ่อของเด็ก ๆ คงมาจัดการเรื่องหย่าแล้ว"ผิดทั้งคู่!!" ซือหงหันไปหัวเราะกับพี่ชาย ที่ต่างเถียงกันแต่กลับผิดทั้งคู่"แม่... หย่าคืออะไร" จือหมิงอยากรู้เรื่องนี้มาก เขาก
ตอนที่ 9 รับทราบข้อกล่าวหาหรงผิงคิดว่าตัวเองน่าจะมาอยู่ที่สถานีตำรวจ เธอไม่ค่อยเข้าใจระบบระเบียบของยุคนี้มากนัก จึงทำได้เพียงเงียบและคอยมองสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัว เธอไม่รู้ว่าพ่อของเด็กแฝดจะทำแบบไหนบ้างอยากเห็นหน้าสักครั้ง คนแบบไหนที่ทำให้ร่างเดิมรักแบบหัวปักหัวปำขนาดนี้!!ดูใจร้ายเหมือนกันที่เขาทำแบบนี้ ไม่มาเจอหน้า ไม่มาเจรจา แต่ยื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่จัดการเอง นั่นเท่ากับว่าเขาวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว ตัวเธอนั้นพอเข้าใจที่เขาทำแบบนี้ เพราะรู้ดีว่าร่างเดิมเป็นแบบไหน รับรองว่าถ้าเจ้าของร่างเดิมยังอยู่ก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ ๆ อย่าว่าแต่พ่อของเด็กแฝดเลือกทำแบบนี้เลย หากเป็นเธอที่ต้องการจัดการปัญหากับคนแบบเจ้าของร่างเดิม ก็เลือกที่จะทำแบบนี้เช่นเดียวกัน"พออ่านหนังสือได้ใช่ไหม" เจ้าหน้าที่นั่งลง ก่อนจะถามหญิงสาวที่นั่งรออยู่เงียบ ๆ"พออ่านได้ค่ะ แต่อยากให้แจ้งมาด้วย เพราะอ่านไม่ค่อยคล่องสักเท่าไร" หรงผิงเลือกที่จะอ่านและฟังจากปากของเจ้าหน้าที่ด้วย"จะสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ แล้วกัน" เจ้าหน้าที่คิดว่าหากอ่านทุกตัวอักษร มันจะเป็นประโยคทางการพอสมควร ชาวบ้านทั่วไปจะไม่ค่อยเข้าใจ อย่าว่าแต่ช
ตอนที่ 17 ไม่เป็นอย่างที่คิดหรงผิงเลือกซื้อสิ่งของที่ต้องการทุกอย่างด้วยเวลาอันรวดเร็ว อาจเพราะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องซื้ออะไรบ้าง และอีกอย่างเธอต้องรีบเร่ง เพราะเธอต้องรีบไปรับลูกตามที่นัดไว้อีกด้วย"ซื้อสักหน่อยไม่น่าจะเสียเวลามาก" หรงผิงเห็นร้านขนมที่ขายอยู่ในห้างจึงตัดสินใจเดินเข้าไปซื้อเพื่อเอาไปฝากลูก ขนมที่แปลกใหม่จะทำให้สองแฝดยิ้มได้อย่างแน่นอนหรงผิงใช้เงินซื้อของให้ลูกทั้งสองคนเกือบร้อยหยวน เธอซื้อเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า กระเป๋า หมวก เสื้อกันหนาว และทุกอย่างเธอซื้ออย่างละสองชิ้น!! หากถามว่าซื้อเยอะไหม ก็บอกเลยว่าเยอะ!! แต่เทียบกับจำนวนเงินที่หามาได้และความจำเป็นในสิ่งที่ซื้อก็ถือว่าคุ้มค่าแน่นอนหลังจากที่เข้าไปซื้อขนมเรียบร้อยแล้ว หรงผิงก็ออกจากห้างเตรียมตัวกลับบ้านโดยเดินลัดทุ่งนาเหมือนตอนขามา สองเท้าก้าวเดิน ในหัวก็เริ่มวางแผน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวพ่อกับแม่ที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนเธอมาตลอดถึงแม้สถานะทางบ้านไม่ได้ขัดสนมากนัก แต่พี่ชายทั้งสองคนกับพ่อก็ยังทำงานหนักอยู่ดี เธอคิดว่าคงช่วยแค่ทางบ้านตัวเอง คงไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือครอบครัวของพ่อเด็ก ๆ เพราะถึงอย่างไรเ
ตอนที่ 16 เงินก้อนแรกเมื่อมาถึงในเมือง หรงผิงก็รีบตรงไปที่ตลาดมืดตามที่ตั้งใจไว้ วันนี้มีงานเทศกาลจึงทำให้มีผู้คนเข้ามาในเมืองค่อนข้างเยอะ และเธอรู้ว่าแม่สามีจะพาฝาแฝดมาเดินเที่ยวงานในวันนี้เช่นเดียวกัน จึงหลีกเลี่ยงไปใช้อีกเส้นทางหนึ่ง เพราะไม่อยากให้ลูกหรือครอบครัวของสามีต้องมาเจอเธอในตอนนี้ตลาดมืดตามความทรงจำนั้น มันอยู่ในตรอกเล็ก ๆ และแน่นอนว่ามันไม่ใช่สถานที่มิดชิดขนาดนั้น ทุกอย่างเลยต้องรีบซื้อรีบขาย บางวันทั้งคนซื้อและคนขายยังต้องวิ่งหนีเจ้าหน้าที่กันอย่างอุตลุด เรื่องนี้เธอได้มาจากความทรงจำของร่างเดิม จริงเท็จแค่ไหนก็ไม่อาจตอบได้จนกว่าจะไปเห็นกับตาตัวเองเท่านั้นการอำพรางตัวเข้ามานั้นเป็นเรื่องง่ายสำหรับหรงผิง เพราะเธอเคยเอาตัวรอดแบบนี้อยู่บ่อย ๆ พอเข้ามาในเขตตลาดมืดก็เริ่มจากสำรวจก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อย ๆ สอบถามราคาสินค้า และคอยเฝ้ามองผู้คนไปด้วย หากต้องการขายของอย่างปลอดภัยจะต้องจับตามองลูกค้าให้ดี ๆ เพราะบางครั้งเจ้าหน้าที่ก็มาในรูปแบบของลูกค้าเช่นเดียวกัน"ฉันมีข้าวสาร พี่สาวสนใจไหม" เมื่อรู้ราคาสินค้าและยังได้จับตามองดูลูกค้ามาสักพักแล้ว จึงทำให้กล้าและมั่นใจที่จะเข้
ตอนที่ 15 เตรียมความพร้อมกับมิติฟาร์มหลังจากที่ส่งลูกทั้งสองไปบ้านย่าเรียบร้อยแล้ว หรงผิงก็กลับบ้านมาจัดการทุกอย่างให้พร้อม เธอเตรียมชุดกับให้เงินลูกพกติดตัวไปด้วย ถึงจะไม่มากมายแต่ก็ยังมีให้ติดตัวไปบ้าง หรงผิงดีใจที่เด็กทั้งสองเชื่อฟัง ถึงแม้เจ้าตัวเล็กซือหงจะอยากให้แม่ไปด้วยก็ตาม แต่พอบอกเหตุผลก็ยอมฟัง และหอบผ้าตามพี่ชายไปนอนบ้านปู่บ้านย่าด้วยสีหน้าเหงาหงอยพออยู่ด้วยกันนานนับเดือนก็มีความรู้สึกห่วงใยกันและกันเป็นธรรมดา เธอค่อนข้างห่วงเด็กทั้งสอง แต่ก็มั่นใจว่าครอบครัวของพ่อเด็กจะสามารถดูแลได้เป็นอย่างดี"ไอ้คนแซ่เฉิน!! เมื่อไรจะกลับมาจัดการให้เรียบร้อย" หรงผิงนึกถึงพ่อของเด็กแฝดแล้วก็คิดว่าเขานั้นทำอะไรชักช้าเหลือเกิน ตอนนี้เธออยากหย่าขาดจากเขาแล้ว!!"บางครั้งฉันก็คิดว่านายใจร้ายเหมือนกันนะ" หรงผิงพึมพำเกี่ยวกับพ่อของเด็ก ๆ ถึงจะเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาก็ใจร้ายเหมือนกันหรงผิงสะบัดหัวเพื่อเรียกสติตัวเอง เธอไม่ชอบคุยกับคนอื่น แต่ชอบคุยกับตัวเอง เถียงกับตัวเองมากกว่า อาจเพราะติดนิสัยการเอาตัวรอดมาจากวันสิ้นโลก หากไม่จำเป็นจะไม่มีการพูดคุยกับคนอื่น เพราะเวลาเดินท
ตอนที่ 14 สะใภ้รองเปลี่ยนไปชุนหลินรอแม่สามีที่บอกว่าจะไปหาสะใภ้รองอย่างเป็นกังวล เพราะแม่หายไปนานมากแล้วแต่ยังไม่กลับมา จึงทำให้เธออยู่รอที่บ้านไม่ไหว จนต้องเดินออกมาตาม หากมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันได้ทัน"ฉันกำลังจะออกไปตามแม่... " ชุนหลินเดินมาถึงครึ่งทางแล้วก็เจอแม่สามีพอดี เธอนั้นร้อนใจตั้งแต่ที่แม่บอกจะไปหาสะใภ้รอง และแม่ยังหายมานานอีกด้วย!!"พอดีคุยกับเจ้าแฝดเพลินเลยช้าไปหน่อย... กลับบ้านก่อนค่อยคุยกัน" รุ่ยจิวรีบบอกให้ลูกสะใภ้กลับบ้าน เพราะอยากจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองฟังเมื่อมาถึงบ้านก็เห็นลูกสะใภ้เล็กนั่งรออยู่แล้ว รุ่ยจิวเลยให้หลาน ๆ พากันออกไปเล่น ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ตัวเองไปเจอมาให้ทั้งสองสะใภ้ได้ฟัง"แม่... หรือพี่สะใภ้รองจะรู้ตัวว่าทำผิดจริง ๆ " ซูเยว่พูดขึ้นหลังจากที่ฟังแม่สามีเล่าเรื่องจนจบ"พักนี้ไม่มีข่าวอะไรเลยนะ ปกติแล้วชาวบ้านจะต้องเล่าว่าไปเจอที่ไหนและโดนอะไรมาบ้าง แต่ตอนนี้ชาวบ้านไม่เห็นจะพูดถึงเลย แม้แต่เจอตัวก็ยังไม่มีใครได้เจอเลย" ชุนหลินก็บอกถึงเรื่องที่ตัวเองมักได้ยินเป็นประจำ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึงสักเท่าไร จะบอกว่าคนอื่นเลิก
ตอนที่ 13 ความเชื่อใจหรงผิงและลูกทั้งสองตื่นแต่เช้า เพื่อทำกิจวัตรประจำวัน เด็ก ๆ จะมีหน้าที่ช่วยงานบ้านเท่าที่จะช่วยได้ และยังต้องหัดเขียนหนังสือที่ลานหน้าบ้านในตอนเช้าของทุกวันอีกด้วยเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าในมิติฟาร์มยังมีสมุดหนังสือและดินสอที่สามารถนำออกมาใช้งานได้ เลยปล่อยให้ลูกทั้งสองคนเขียนหนังสืออยู่ที่ลานหน้าบ้านก่อน ส่วนตัวเธออ้างว่าต้องการไปเข้าห้องน้ำ แต่ความจริงแล้วเธอเข้ามาในมิติฟาร์มหรงผิงเคยได้รับบทเรียนมาจากโลกเดิมแล้วว่า... ความลับบางอย่างก็ไม่ควรที่จะเปิดเผยให้ใครได้รับรู้ เธอยอมรับว่าตอนนี้ยังไม่เชื่อใจใครเลยสักคน ชาติที่แล้วตายเพราะญาติที่คิดว่าดีแสนดี ชาตินี้จะไม่มีทางทำเหมือนเดิมอีกเป็นอันขาด!!"คิดถึงกลิ่นนี้มากกก... " หรงผิงลากเสียงยาวทันทีที่เข้ามาในห้องหนังสือ ก่อนจะค่อย ๆ หาดินสอและหยิบสมุดเล่มเล็กตามที่ตัวเองตั้งใจมาเอาตั้งแต่แรก"ในนี้ทุกอย่างจะคงสภาพไม่เน่าไม่เสีย... ในครัวเรามีตู้ใส่อาหาร!! " เมื่อนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่ตัวเองจะตายมีเสบียงหลงเหลืออยู่ในครัว จึงรีบเข้าไปตรวจสอบ เพราะในมิติฟาร์มทุกอย่างจะคงสภาพไม่เน่าไม่เสีย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม"
ตอนที่ 12 ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันผ่านมาสามวันแล้วที่หรงผิงกลับมาจากบ้านของพ่อและแม่ ทุกคนในครอบครัวเข้าใจเธอเป็นอย่างดี และยังยอมรับฟังเหตุผลของเธออีกด้วย เธอรู้ว่าโลกนี้ ยุคนี้ ค่อนข้างใจร้ายกับผู้หญิงที่หย่าจากสามี แต่พอมีครอบครัวที่พร้อมจะเคียงข้าง มันเลยทำให้เธอสบายใจมากขึ้น ตอนนี้เธอไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะคิดเห็นอย่างไร เธอสนใจแค่เจ้าแฝดและครอบครัวของพ่อแม่เพียงเท่านั้น"ใกล้แล้ว... ใกล้ที่ฉันจะเป็นอิสระแล้ว... " หรงผิงพึมพำคนเดียวเบา ๆหลังจากที่พาเจ้าแฝดเข้านอนแล้ว สถานที่ที่เธอชอบมานอนเวลาต้องการใช้ความคิดมากที่สุดคือบริเวณหน้าบ้าน อาจเพราะเธอชอบบรรยากาศและอากาศที่เย็นสบาย เธอรู้สึกว่าสมองแล่นได้ดีและคิดอะไรออกง่ายกว่าเวลาที่เจออากาศร้อนหรงผิงนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเผลอหลับไปเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป... เพราะเธอนอนดิ้นจนหล่นจากโต๊ะ!! ความรู้สึกที่กำลังจะร่วงหล่นลงพื้นทำให้เธอลืมตาตื่นทันทีตุ๊บ!!"อ่า... อยู่แบบคนธรรมดาเพียงไม่กี่เดือน... หลงลืมสัญชาตญาณที่เคยมีไปจนหมดสิ้น ไม่ดี ไม่ดี แบบนี้ไม่ดีเลย" หรงผิงสะบัดหัวเพื่อทำให้ตื่นตัวได้เต็มที่ ก่อนจะค่อย ๆ พยุงต
ตอนที่ 11 ครอบครัวเซียววันต่อมา หรงผิงก็พาลูกมาที่บ้านพ่อกับแม่ซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งไม่ห่างกันมากนัก เธอทำตามที่ได้รับปากแม่ตั้งแต่เมื่อวาน และก่อนจะออกจากบ้าน เธอก็ให้ลูกไปบอกย่าว่าจะพากันไปนอนที่บ้านของยาย เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่กังวลว่าหลานหายไปไหนหลายวันในตอนแรกเธอคิดว่าบอกให้รับรู้แล้ว... ทุกคนจะได้วางใจ แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด พวกเขากลัวว่าเธอจะพาลูกหนี!! จนต้องเดือดร้อนพ่อสามีเอารถแทรกเตอร์ของฝ่ายผลิตมาส่งพวกเธอถึงบ้านและนัดวันมารับกลับอีกด้วยหรงผิงไหนเลยจะไม่รู้ว่าพวกเขากลัวอะไร แต่เพราะเธอบริสุทธิ์ใจเลยยอมตกลงง่าย ๆ ดีเสียอีก ไม่ต้องพาลูกเดินให้เหนื่อย และไม่ต้องเสียเวลาอีกด้วยเป็นใครก็ต้องระแวง เพราะคำว่าแม่ตัวร้ายนั้นไม่ใช่แค่คำเรียก การกระทำที่กล้าลงมือกับทุกคน ลงมือกับลูกต่างหากที่ทำให้คนเรียกแม่ของเจ้าแฝดว่าเป็นมารดาตัวร้าย!!หรงผิงเข้าใจดีเลยแหละ เธอไม่โกรธคนพวกนั้นเลย บ่งบอกว่าพวกเขาเป็นห่วงเจ้าแฝด แบบนี้ยิ่งดี หากเธอหย่ากับพ่อของเด็ก ๆ แล้วก็สบายใจได้เลยว่า พวกเขาจะรักและดูแลเจ้าแฝดเป็นอย่างดี"ไม่ได้ไปทำงานกันเหรอคะ" หรงผิงมองหน้าพ่อ แม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ และหล
ตอนที่ 10 ชาวบ้านผู้หวังดีฝาแฝดเดินตามย่ามาที่ร้านค้าของหมู่บ้าน หากเป็นแต่ก่อนทั้งสองจะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก อยากจะมาดูว่าร้านค้ามีอะไรขายบ้าง แม้ไม่ได้ซื้ออะไรเลยก็ตามแต่หลังจากเหตุการณ์ที่ทุกคนต่อว่าแม่ และคนขายไม่ยอมขายของให้ด้วย ทำให้พวกเธอไม่ค่อยอยากมาสักเท่าไร แต่ที่มาวันนี้เพราะจะได้มารอแม่ หากแม่กลับมาจะต้องผ่านเส้นทางนี้ เพราะตอนออกไป... แม่ก็นั่งรถผ่านเส้นทางนี้เหมือนกัน"พี่ใหญ่ หรือว่าแม่จะเดินลัดทุ่งนาเหมือนตอนที่พาเราเข้าไปในเมือง" เมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่อาจมาอีกเส้นทางหนึ่งก็เริ่มที่จะลังเลไม่อยากเดินต่อ"เดินเร็ว ๆ ย่าจะซื้อลูกอมนมกระต่ายขาวให้" รุ่ยจิวเร่งหลานทั้งสอง ตอนนี้พยายามที่จะให้หลานลืมเรื่องแม่ไปก่อน"ย่าครับ แม่จะมาเส้นทางนี้ไหมครับ" จือหมิงถามย่าเพื่อความแน่ใจ"ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไปเลือกขนมได้เลย อยากได้อะไรก็เลือกเอาเลย" รุ่ยจิวตอบหลานแล้วดันตัวหลานให้เข้าไปในร้านค้า เพื่อเลือกซื้อขนมตามที่ต้องการเมื่อให้หลานเข้าไปแล้ว ตัวเองก็นั่งรออยู่บริเวณหน้าร้านค้า ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ ตอนนี้หลานทั้งสองดูเหมือนจะติดแม่มาก ๆ แค่หายไปไม่นานก็พากันออกมานั่งรอที่หน้า
ตอนที่ 9 รับทราบข้อกล่าวหาหรงผิงคิดว่าตัวเองน่าจะมาอยู่ที่สถานีตำรวจ เธอไม่ค่อยเข้าใจระบบระเบียบของยุคนี้มากนัก จึงทำได้เพียงเงียบและคอยมองสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัว เธอไม่รู้ว่าพ่อของเด็กแฝดจะทำแบบไหนบ้างอยากเห็นหน้าสักครั้ง คนแบบไหนที่ทำให้ร่างเดิมรักแบบหัวปักหัวปำขนาดนี้!!ดูใจร้ายเหมือนกันที่เขาทำแบบนี้ ไม่มาเจอหน้า ไม่มาเจรจา แต่ยื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่จัดการเอง นั่นเท่ากับว่าเขาวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว ตัวเธอนั้นพอเข้าใจที่เขาทำแบบนี้ เพราะรู้ดีว่าร่างเดิมเป็นแบบไหน รับรองว่าถ้าเจ้าของร่างเดิมยังอยู่ก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ ๆ อย่าว่าแต่พ่อของเด็กแฝดเลือกทำแบบนี้เลย หากเป็นเธอที่ต้องการจัดการปัญหากับคนแบบเจ้าของร่างเดิม ก็เลือกที่จะทำแบบนี้เช่นเดียวกัน"พออ่านหนังสือได้ใช่ไหม" เจ้าหน้าที่นั่งลง ก่อนจะถามหญิงสาวที่นั่งรออยู่เงียบ ๆ"พออ่านได้ค่ะ แต่อยากให้แจ้งมาด้วย เพราะอ่านไม่ค่อยคล่องสักเท่าไร" หรงผิงเลือกที่จะอ่านและฟังจากปากของเจ้าหน้าที่ด้วย"จะสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ แล้วกัน" เจ้าหน้าที่คิดว่าหากอ่านทุกตัวอักษร มันจะเป็นประโยคทางการพอสมควร ชาวบ้านทั่วไปจะไม่ค่อยเข้าใจ อย่าว่าแต่ช