"พี่มาร์..." น้ำเสียงหวานร้องอย่างหมดหวัง ถูกพี่ชายดึงเรียวแขนห้ามไว้ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ ทั้งเพื่อนทั้งสามีบอบช้ำน่าถึงจุดสิ้นสุดสักที ทว่าต่างคนต่างไม่ยอมกันเลย
ร่างอรชรสะอื้นจนตัวโยน มองดูสองคนเบื้องหน้าใช้ความรุนแรง ไม่คิดว่าพี่ชายจะมีด้านมืดในจิตใจ เห็นอาการทรมานคือเรื่องชินชา
"คุณ!!!" คนตัวเล็กยิ่งร้องตกใจ เมื่อซิลค์พลาดท่าโดนหมัดกระแทกใส่โครงหน้า ทั้งเตโชกับลูกน้องนับสิบเตรียมเข้าช่วย แต่เจ้านายดันยกมือห้ามเพราะคิดว่าเป็นศึกลูกผู้ชาย
"มึงต้องตาย!" อองตวนแทบจะทรุดอยู่ตรงสังเวียนนั้น ยังส่งเสียงไม่มียอมแพ้ให้อีกฝ่าย ในเมื่อเขาไม่ได้หญิงสาวเคียงคู่คนอื่นก็ไม่ควรสุขสมหวัง
"หึ..." ร่างกำยำกระตุกเม็ดกระดุมตรงแผงอกกว้าง ให้เปิดคล่องตัวโชยไอร้อนจากภายใน เขาไม่ได้รู้สึกว่าอองตวนสมควรเป็นผู้ต่อสู้สักนิดเดียว แต่ถึงอย่างไรนั้นถ้าเรื่องนี้ไม่จบโมอาต้องลำบากแน่
"พี่มาร์....โมขอร้องนะ" น้องสาวเร่งกระตุกข้อมือผู้เป็นพี่ซ้ำๆ มันปวดใจเหลือเกินที่ตัวเองทำได้แค่ยืนดู ในระหว่างนั้นชายสองคนเตรียมตั้งท่าต่อสู้ใหม่
ตุ๊บ!!! ผลั๊วะ!!!!
"คุณ!!อองตวน!!!" ร่างอรชรรวบรวมแรงครั้งสุดท้าย สะบัดพันธการพี่ชายทิ้ง วิ่งปรี่เข้าหาคนตัวสูงโอบสองแขนรัดไว้หวังห้ามปราม น้ำตาหยดใสหยดใส่แผงอกกว้าง ซึ่งคนถูกกอดรีบลูบผมสลวยปลอบ แค่เพียงเสี้ยววินาทีอองตวนเข้ากระชากโมอาหยิบอาวุธปืนจ่อศรีษะ
"โม!!!/โมอา!!/คุณโม!!" ทุกคนต่างตกใจจากภาพเหตุการณ์ ใครคิดจะคิดว่าเพื่อนเคยสนิทกันถึงทำกับหญิงสาวได้ ขนาดตัวเธอเองยังหยุดนิ่งคาดเดาไม่ได้เลย
"อองตวนปล่อยโมอาเดี๋ยวนี้!" มาร์แชลล์รีบเดินมาถืออาวุธเล็งสั่งราวอาฆาต ที่เขาไม่แยกทั้งคู่ออกตอนแรกเพราะคิดถึงแผนอื่นขึ้นมา
หลังทราบข่าวทางบุพการีบอก ครอบครัวอองตวนเตรียมยึดอำนาจหากจัดงานสมรสให้เขากับโมอา นั่นเป็นเหตุให้มาเฟียหนุ่มต้องสู้จนอองตวนแพ้ภัยตัวเองก่อน
"ที่ทำอยู่นี่แน่ใจเหรอว่าต้องการเราจริงๆ" โมอาเอ่ยถาม เขาชิ่งเอาเธอเป็นตัวประกันไม่สนใจความรู้สึกกันเลย แล้วแบบนี้เหรอที่เรียกว่ารักจริง บอดี้การ์ดทั้งหมดต่างหันปืนเล็งทางอองตวน เตรียมได้ยินสัญญาณพร้อมลั่นไก
ดวงตากลมไม่มีแม้ผลิตน้ำตาจากความกลัว กำปั้นน้อยกำแน่นเพราะไว้ใจเขามากเกินไป คนที่เธอควรจะห่วงคือสามีมากกว่าซะอีก
"รักสิโมอา เรารักโมจะตายไป" ฝ่ามือร้ายจับคางมนบีบแน่นจนสองแก้มบุ๋มลง ยืนประชิดด้านหลังเชยโครงหน้าหยาบเกยศรีษะเล็ก แม้ว่ามืออีกข้างยังถืิออาวุธอยู่ตำแหน่งเดิม
"รักตัวเองนะสิอองตวนกลัวแพ้คุณซิลค์เหรอ นายไม่มีอะไรสู้เขาได้เลยสักอย่าง นอกจากเอาอำนาจของพ่อตัวเองมาอ้าง" โมอายังพูดต่อผ่านถ้อยคำกระตุ้นบึ้งลึกในใจคนด้านหลัง เธอรู้นิสัยจริงๆของเขาว่าไม่มีทางยอมแพ้แม้ไม่ใช่ชัยชนะขาวสะอาด
"ปล่อย เมีย กู!" ซิลค์ประกาศลั่น รับกระบอกปืนชนิดพิเศษจากเตโช เล็งหันปลายเชือดเฉือนทางด้านบนศรีษะภรรยาสาว ท่ามกลางสายตาพี่ชายเธอมองอยู่
"เหอะ!ไม่มีทางโว้ย นี่ก็เมียกูในอนาคตเหมือนกัน!" เขาจับคางมนเอี้ยวหันมา พยามจะดึงมาประกบปากจูบแต่ทว่าโมอาพ่นน้ำลายใส่ยิ่งกว่ารังเกียจ จนอีกฝ่ายง้างมือเตรียมฟาดใส่แก้มเนียน
ปั้ง!
ไม่ใช่จากปลายกระบอกของมาเฟียหนุ่ม เสียงปืนลั่นไกลโดยมาร์แชลล์ต่างหาก เมื่อซิลค์ส่งสัญญาณโดยเหลือบนัยน์ตาคมใส่ พี่ชายทำหน้าที่ปกป้องทันที
"เอือกกก" อองตวนล้มตัวนอนทันที ยังพอมีลมหายใจรวยริน ยามกระสุนเข้าระดับศรีษะเฉียดไม่ลึกมาก ยังไงซะเขาก็ไม่คิดปลิดชีพให้น้องสาวรู้สึกผิดตาม
"คุณ..หนูกลัว..อือ" คนตัวสูงรีบพุ่งไปดึงร่างบอบบางมากอดแนบอกกว้าง รับรู้เสียงสะอื้นแทรกดังออกมา วินาทีเฉียดตายเมื่อกี้พาลใจแกร่งไหวเอน เขาน่าจะตัดสินใจลั่นไกตั้งแต่ช่วยโมอาแล้ว
ท่อนแขนแข็งแรงเพิ่มไออุ่นให้คนในอ้อมกอด ล็อคศีรษะเล็กไม่ให้หันมองอดีตเพื่อนชาย ปล่อยพวกเหล่าบอดี้การ์ดคุมสถานการณ์แทน
"ไม่เป็นไรนะ" น้ำเสียงเข้มอ่อนลงบอกใกล้กกหู ยามที่พี่ชายของเธอเดินมาเขาผละอ้อมแขนทิ้ง
"คืนนี้เราคงต้องคุยกันอีกยาวนะโมอา" มาร์แชลล์ไม่มีแม้แต่ปลอบน้องสาวช่วงเวลานี้ บอกตำหนิผ่านใบหน้าให้คนมองรู้สึกผิด ถึงต้นเหตุจะเกิดจากการที่เธอไม่อยากหมั้นหมายกับอองตวน แต่ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ยั้งคิด
ปั้ง!!ปั้ง!!
"อึก!" เป็นเสียงกระสุนสองนัดประสานพร้อมกัน ยามทุกคนนึกว่าอองตวนยอมสงบศึกแล้ว เขาลั่นไกยิงใส่มาร์แชลล์ ซึ่งซิลค์มีไหวพริบเด่นเอาตัวเองรับโดนหัวไหล่เต็มๆ แล้วอาวุธปืนในมือหนารอบนี้ยิงใส่กลางหน้าผากปลิดชีพจริง
"ไม่นะ!!!!" ดวงตากลมเบิกกว้างยิ่งกว่าเสียขวัญ ก้อนใจดวงล่วงหล่นเกือบหยุดเต้น
"นาย!!!" ร่างกำยำชะงักหยุดยืนนิ่ง ขบสันกรามใหญ่แน่นเก็บความรู้สึกเจ็บ เผยรอยยิ้มมุมปากหยักอ่อนให้หญิงสาวไม่ตกใจกลัว ทั้งๆที่เลือดไหลอาบท่อนแขนจนเสื้อขาวเปลี่ยนสีแดงสด ส่วนมาร์แชลล์ทำตัวไม่ถูกไม่คิดว่าสามีน้องสาวจะนึกถึงคนอื่นมากกว่าตน
"ไม่ต้อง พาเธอกลับแคมป์ก่อน" พอเตโชจะช่วยปฐมพยาบาลขั้นแรก เขารีบยกมือห้ามเพราะห่วงภรรยาสาวมากกว่า ไหนจะรอยช้ำแถมโดนฉุดกระชากคงเจ็บปวดกว่าอีกหลายเท่า
"แต่คุณเจ็บกว่าหนูอีกนะ" เธอไม่มีทางทิ้งเขาลงตอนนี้แน่ เข้าช่วยประคองลำตัวกำยำแม้แรงมีน้อยนิด ชำเรืองตากลมมองพี่ชาย เหมือนเขาแสร้งไม่เห็นชี้นิ้วสั่งลูกน้องจัดการร่างอองตวน
"ห่วงฉันเหรอ" เขาเอ่ยถามผ่านน้ำเสียงเรียบ เหมือนกับเป็นวินาทีสุดท้ายใกล้เข้ามาเยือน บอกเป็นนัยนะให้เขาต้องพูดบางอย่างก่อนไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว
...............................................
แหละแล้วพระเอกเราก็สิ้นใจ ทำน้องไว้ดีนัก 555
@ แคมป์พยาบาล ระหว่างรอนายแพทย์หนุ่มจัดการแผลโดนยิงด้วยตัวเอง โดยให้เตโชเข้าช่วยด้านในได้เท่านั้น ร่างอรชรนั่งรอกับพี่ชายอยู่เบื้องหน้าห้อง จิกกุมเสื้อโค้ทแน่นหลังผ่านเรื่องร้ายๆ"ยัยโม...เป็นยังไงบ้างแก" เบลล์รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดเพื่อนสาว พอทราบข่าวว่าโมอากลับมาอย่างปลอดภัยแม้ว่าเดโม่ไม่ยอมบอกอะไรให้เธอรู้เลย"ไม่เป็นอะไรแล้ว..นี่คือพี่ชายเราเอง" ถึงเวลาที่เธอต้องยอมบอกความจริงแก่เพื่อนรัก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเก็บความลับได้ เผื่อมีเหตุคราวจำเป็นเบลล์จะได้ระวังตัวไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้มาร์แชลล์นั่งนิ่งตีหน้าตาย เบื่อนหันหนีมองทางป่าทึบ เขาไม่ได้อยากรู้จักใครอีกแล้ว แค่ติดตามน้องสาวมาเพื่อรับกลับบ้านเท่านั้น"สวัสดีค่ะ แต่แกต้องเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมดนะ" คนบอกพนมมือไหว้เคารพถึงอีกฝ่ายไม่สนใจจะรับก็ตาม ก่อนดึงแขนเพื่อนสาวเพราะอยากรู้ความจริง นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อก็ได้ จู่จู่มีองค์หญิงแฝงตัวจนสนิทกัน"พูดไม่เพราะ!" มาร์แชลล์ปรามน้ำเสียงเข้ม แม้จะยังโกรธน้องสาวแต่ก็ต้องนึกถึงเกียรติของเธออันดับแรก"เอ่อ....""เดี๋ยวโมมานะคะ" เธอรีบดึงข้อมือเพื่อนสาวหนีจากพี่ชายใจร้าย หลังเขาเล่า
@ ช่วงเย็น ภายในสถานที่พักส่วนตัวของมาเฟียหนุ่ม นั่งตรงข้ามกับหญิงสาวก้มหน้าอย่างรับผิด เมื่อโดนพี่ชายตำหนิผ่านแววตาจริงจังจนโมอาไม่กล้าสู้มอง บรรยากาศตึงเครียดแม้แต่องครักษ์ด้านนอกยังรู้สึกกดดัน ต่างคนต่างมองกันเลิกลักแม้ว่าไม่เคยเจอรู้จักมาก่อน"เราขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ในเมื่อทุกคนรู้เรื่องจริงทั้งหมดแล้ว เราคงต้องพาโมอากลับบ้าน...สถานที่ของเธอจริงๆ" มาร์แชลล์พูดน้ำเสียงเข้ม จ้องมองคู่สนทนาอย่างไม่ลดหรี่ เขาต้องการพาเธอกลับสู่ครอบครัวจริง ที่นั่นเหมาะสมกับโมอาสุดแล้ว"ตะแต่...." คนตัวเล็กแทบไม่มีถ้อยคำโต้แย้ง เธอรู้ดีว่าพี่ชายเก็บอารมณ์โมโหไว้ก้นบึ้งลึกขนาดไหน คงไม่ต้องอธิบายถึงบุพการี ถ้ากลับไปรับโทษโดนบทสูงสุด สั่งกักขังหรือตัดอิสระอยู่สักพักนึงเขียว"....." ซิลค์เอาแต่มองใบหน้าสวย อายุจวนเจียนใกล้สามสิบวางท่าทางสุขุม แม้อีกฝ่ายเอ่ยคำไม่ต้องการได้ยิน ฝ่ามือหนากำพนักเก้าอี้เกร็งจนเส้นเลือดปูด นัยน์ตาดำนิ่งกริบไม่บ่งบอกความหมาย"คุณคงไม่ว่าอะไรหรอกนะ ในเมื่อแผนนี้น้องสาวเราเป็นคนคิดเอง" ทุกถ้อยคำที่เขาพยามพูดออกมา มันสื่อความหมายอีกอย่างว่า โมอาต้นคิดแผนการณ์เรื่องบ้านั่นคนเ
เช้าวันใหม่_"แกโอเคไหมยัยโม" ผู้เป็นเพื่อนสาวต้องรีบถามเพราะความเป็นห่วง ใบหน้าใสคนข้างกายดูหมองเศร้า เหมือนคนอดนอนมาตลอดคืน หลังพวกเธอพึ่งจัดของพร้อมออกไปสอนหนังสือ ทว่าโอมาดูไม่มีกะจิตกะใจเหมือนทุกวัน"ช่างเถอะน่า วันนี้เราว่าจะสอนหลายวิชาไม่ใช่เหรอ" น้ำเสียงหวานตอบให้คนฟังคลายกังวล เมื่อวานนี้ต้องรีบส่งนักเรียน จึงเอาชั่วโมงว่างของวันสอนชดเชยต่อ คงทิ้งความคิดถึงใครบางคนไว้ชั่วคราว เพราะเธอรออยู่ที่เดิมทั้งคืนไร้รี่แวว นั่นเป็นคำตอบแทนการอยากรู้ในใจดี"ก็ใช่น่ะสิ แกรับบทภาษาต่างประเทศด้วยอย่าลืมเชียว" คนบอกทำสีหน้ากึ่งขยาด เธอไม่มั่นใจเสียเวลากลัวออกเสียงผิดๆ ครั้งนึงเคยโดนอาจารย์ประจำภาควิชาตำหนิ เกรงว่าอาจสืบทอดความรู้ผิดต้นตอ"ไม่ลืมหรอก แกหน่ะหัดมั่นใจตัวเองบ้าง""ขอเวลาอีกนิดนะ ของจริงกับตอนเรียนมันต่างกันนี่หน่า" เบลล์บอกน้ำเสียงอ่อน"จะต่างยังไงมันก็เหมือนกันทุกอย่างนั่นแหละ" เธอกับคิดถึงบางเรื่องขึ้นมาเสียดื้อๆ เผลอจิกผมเช็ดตัวในมือใกล้ฉีกขาด"อาชีพครูต้องอย่าเอาเรื่องอะไรมาปะปนนะแกอย่าลืมดิ" เบลล์บอกเตือน หากครูผู้สอนไม่สามารถส่งอารมณ์ให้นักเรียนได้ แล้วคนฟังจะไปรู้สึกสนุก
ฉึ่บ!!!สิ้นเสียงของกรรไกรผ่าตัดแยกเนื้อเยื่อจากกัน ด้วยฝีมือซิลค์นายแพทย์หนุ่มดีกรีผู้อำนวยการโรงพยาบาล ใบหน้าคมคายเงยขึ้นทันที เอียงส่งสัญญาณให้หมอผู้ช่วยรับผิดชอบอาการคนไข้ต่อ"ขอบคุณอาจารย์นะคะ" ตามด้วยเสียงของพยาบาลประจำห้องผ่าตัด เอ่ยกล่าวต่อนายแพทย์หนุ่มผู้รับผิดชอบเป็นหัวหน้าทีมครั้งนี้ ซิลค์พยักหน้าตอบรับเล็กน้อย ยืนลำตัวตรงนิ่งความสูงเกินร้อยแปดห้า ทำให้ผู้ช่วยต้องเขย่งปลายเท้าปลดปมผูกชุดผ่าตัดด้านหลัง เพื่อกันเชื้อโรคแปดเปื้อนไปยังพื้นที่นอกเขตควบคุมผับSK"เฮียไม่คิดจะมีเมียบ้างเหรอ" ภาคินลองใจถามซิลค์ รุ่นพี่หนุ่มแสนเย็นชา ใบหน้าเรียบนิ่งไม่ได้เข้ากับบรรยากาศสักนิดเดียว ขณะร่วมโต๊ะดื่มสังสรรค์ ตรงโซนวีไอพีเฉพาะพวกเขาแม้ว่าเสียงดนตรีจะดังครึกครื้นขนาดไหน มีสิ่งยัวยุมากมาย ก็ไม่เคยเห็นเอนไหวสักนิดเดียว"ไม่" ซิลค์ตอบน้ำเสียงเข้ม ถลกแขนเสื้อเชิ้ตขาวขึ้นข้อศอก นั่งเอนหลังพิงพนักโซฟา จับแก้วเหล้าสีอำพันยกดื่ม หลังจบเคสผ่าตัดรักษาสมองเสร็จสิ้น เขาไม่ได้รู้สึกฉาบฉวยมีช่วงเวลาสนุกดั่งมนุษย์คนอื่น ในขณะที่คนรอบตัวล้วนกอบโกยความสุขมากมาย มีครอบครัวสมบูรณ์กันหมดแล้ว"แหม่..ถ
ณ ประเทศนาเธอร์ลาสติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!"แย่แล้วค่ะองค์หญิงตื่นได้แล้ว องค์ชายกำลังมาเพคะ" ผู้ได้รับมอบหมายเป็นพี่เลี้ยงมาร่วมยี่สิบปี กำลังร้อนรนเอื้อมมือสะกิดเจ้าหญิงตัวเล็กบนเตียงหรูประกอบด้วยทองคำ ลิลลี่ส่งเสียงกระวนกระวาย จวนเจียนเหมือนกองเพลิงใกล้ขยับทุกที หลังพยามปลุกร่วมชั่วโมงกว่า แต่ไม่มีท่าทีจะลุกตื่นขึ้นมาเลย"อะไรกันแต่เช้าพี่ลิลลี่ โมอาขอตื่นตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ!" ใบหน้าสวยงอค้ำไม่พอใจ รุดออกจากผ้าห่มผืนหนา สบัดตัวนั่งบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์"นี่มันเกือบบ่ายสองแล้วนะเพคะ องค์ชายกำลังมาตามแล้ว""ห๊ะ!!!!..แล้วทำไมไม่ปลุกกันเล่า!" ดวงตากลมขนงอนเงา รีบเหลือบดูนาฬิกาเรือนใหญ่ข้างพนังห้อง ทันใดนั้นร่างอรชรรีบกระโดดลงจากเตียง เริ่มมีท่าทีกระวนกระวายไม่ต่างจากพี่เลี้ยงเลย"ลิลลี่ปลุกมาเกือบชั่วโมงแล้วนะเพคะ" เธอรีบส่งเครื่องแต่งกายทั้งหมดให้องค์หญิงราวรู้ใจ เพราะไม่ว่าจะทำอะไร ลิลลี่รับหน้าที่ช่วยดูแลตลอดมา... ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงันภายในห้องโถงใหญ่ ของเมืองเล็กๆซึ่งน้อยคนรู้จักทางแถบตะวันตก ทั้งองค์หญิงและองค์ชายนั่งก้มหน้าตึงเครียด เมื่อโดนถ้อยคำบังคับจากบิดา ให้ไปงานการกุศ
@ โรงแรมหรูชื่อดัง"พี่มาร์จะให้น้องเข้าไปจริงๆหน่ะหรอ" ข้อศอกเล็กรีบสะกิดผู้เป็นพี่ชาย ยามทั้งคู่หยุดอยู่หน้าโซนทางเข้างาน ร่างบอบบางสวมชุดราตรียาว เปิดไหล่โชว์ผิวขาวโดดเด่น ท่ามกลางงานระรื่นผู้คนมากล้น ต่างจับจ้องชนชั้นสูงของยศเจ้าหญิง ที่มาพร้อมกับเจ้าชายเรียงลำดับขั้น เตรียมจะขึ้นครองบัลลังก์อีกไม่นาน"ถอยหลังไปตอนนี้ มีหวังท่านพ่อสั่งขังเจ้าแน่โมอา" ใบหน้าหล่อสมฉายาเจ้าชายของเมือง เอียงมองน้องสาวก่อนจับฝ่ามือบางกระชับเข้าที่ ตรงท่อนแขนแกร่ง ออกแรงก้าวเดินนำโดยที่คนด้านข้างจำใจยอมตามทันใดนั้นเกิดเสียงแสงแฟลชกล้องถ่ายรูปกดรัวชัตเตอร์ เป็นจุดจับจ้องจนเจ้าของงานรีบวิ่งเข้าต้อนรับ"ในที่สุดองค์หญิงก็มาด้วย" อองตวนเอ่ยบอก เขาคือลูกของนักการเมืองชื่อดัง แฝงไปด้วยบารมีจากสิ่งผิดกฎหมาย รีบก้มคำนับลงเล็กน้อย เพื่อเป็นการเคารพในเกียรติของทั้งสอง แม้จะรู้จักเล่นสนุกกันตั้งแต่วัยเยาว์"เล่นบังคับกันยันท่านแม่ เกินไปแล้วนะอองตวน!" น้ำเสียงใสรีบโต้กลับเบาๆ ครั้นต้องรักษากิริยาเพราะไม่ว่ายังไงผู้คนก็จับจ้องสถานะพวกเธออยู่ดี"ฝากดูแลเธอด้วย...พี่มีคุยกับพวกองคมนตรีแป๊บเดียว" มาร์แชลล์พยักหน้าใ
@ สวนดอกไม้ในวัง"พี่เดย์เรื่องที่ให้ไปหาข้อมูลไปถึงไหนแล้ว" เสียงขององค์หญิงกระซิบกระซาบ ยามบรรดาพี่เลี้ยงคนสนิทแยกตัวไปจัดเตรียมมื้ออาหารว่าง เธอเลยลอบคุยเรื่องความลับ นั่งบนชิงช้าแกว่งขาเรียวท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ผีเสื้อบินคล่องตัวเหนือดอกกุหลาบหลากสี"เรียบร้อยครับ เป็นผู้มีอิทธิพลค่อนข้างใหญ่โตทางแทบประเทศไทย นี่คือประวัติของเขาครับ" เดโม่แอบยื่นเอกสารลับระบุประวัติของชายนิรนาม มีใบหน้าคมคายแต่นัยน์ตาดำกริบชวนวังเวง"เราจะเริ่มแผนได้เมื่อไหร่" โมอากลับพูดจริงจัง ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกโลเล ยามคิดแผนสำคัญทำชีวิตผลิกผันได้เพียงแค่นาทีเดียว พอเห็นพี่ชายเดินมาระยะไกลรีบขย้ำเอกสารใบนั้นโยนใส่ชายหนุ่มด้านข้าง มือเรียวบางแสร้งรับแก้วน้ำผลไม้สีส้มอมแดงจากองครักษ์ ยกจิบเล็กน้อยให้คล่องคอ"คืนนี้ครับ แต่ว่าองค์หญิง..." เดโม่ลากเสียงยาวไม่ยอมพูดจนจบ ปานวิตกในหัวสมอง"ไม่มีเวลาแล้วรีบไปจัดการนะ" เธอเอ่ยออกคำสั่งแผ่วเบา เมื่อมีบุคคลใหมาใกล้เข้ามาทุกที จนเดโม่พยักเคารพรีบออกจากจุดนั้นสวนคนละทางกัน"ตามหาน้องอยู่หรอพี่มาร์" น้ำเสียงใสพูดก่อน เมื่อเห็นความหมายผ่านนัยน์ตาคมผู้เป็นพี่ ร่างสูงแต่งต
@ ห้องพักระดับพรีเมี่ยม ภายในห้องพักระดับหรูหรา แสงไฟนีออนจ้าสว่าง มีชายร่างกำยำนอนเปือยกายส่วนบนในผ้านวมผืนสีขาวหนา หลับตาสนิทด้วยใบหน้าแสนหล่อเหลา บนเตียงกว้างขนาดใหญ่ ระหว่างนั้นดวงตาของหญิงสาวเพ่งมอง ครุ่นคิดถึงการกระทำผิดชอบชั่วดี แต่ถึงอย่างไรนั้น...คงเป็นเหตุผลเดียวที่สามารถต่อกร เอาตัวรอดจากเรื่องยุ่งเหยิงได้"คุณ!!!ตื่นได้แล้ว" โมอาตะเบ่งเสียงดัง หลังจัดการเสื้อผ้าของตัวเอง ชนิดขาดรุ่ยหากใครมองคงตกใจ แถมยังป้ายลิปสติกสีบนปากบางลงตามแผงอกกว้าง เธอพยามปลุกคนข้างกายหวังให้ตื่นก่อนใครจะเข้ามา"หื้ม...เฮ้ย!!!" ทันทีที่ประสาทสัมผัสว่องไวทำงาน ซิลค์รีบลุกชันตัวนั่งพิงหัวเตียง สำรวจทั้งสถานที่และหญิงสาวข้างกาย นัยน์ตาคมตื่นตนกครั้งแรก ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งสนิท จับจ้องใบหน้าสวยกำลังสับส่ายอย่างมีพิรุจ"เมื่อคืนเรา...." น้ำเสียงใสกลั้นใจพูด สองมือประสานตรงหน้าตักราวประหม่า เหตุใดต้องไหวสั่นกับเวลาอีกฝ่ายจ้องหน้า ยิ่งกว่าผู้ปกครองจ้องจับผิด"ไม่มีทาง" น้ำเสียงเข้มตอบกลับอย่างราบเรีียบ จับผ้านวมสะบัดเตรียมลุกตัวหนี ส่วนล่างยังสวมกางเกงสแลคดำแต่หัวเข็มขัดปลดออก เขาพอจำเธอได้เลือ
เช้าวันใหม่_"แกโอเคไหมยัยโม" ผู้เป็นเพื่อนสาวต้องรีบถามเพราะความเป็นห่วง ใบหน้าใสคนข้างกายดูหมองเศร้า เหมือนคนอดนอนมาตลอดคืน หลังพวกเธอพึ่งจัดของพร้อมออกไปสอนหนังสือ ทว่าโอมาดูไม่มีกะจิตกะใจเหมือนทุกวัน"ช่างเถอะน่า วันนี้เราว่าจะสอนหลายวิชาไม่ใช่เหรอ" น้ำเสียงหวานตอบให้คนฟังคลายกังวล เมื่อวานนี้ต้องรีบส่งนักเรียน จึงเอาชั่วโมงว่างของวันสอนชดเชยต่อ คงทิ้งความคิดถึงใครบางคนไว้ชั่วคราว เพราะเธอรออยู่ที่เดิมทั้งคืนไร้รี่แวว นั่นเป็นคำตอบแทนการอยากรู้ในใจดี"ก็ใช่น่ะสิ แกรับบทภาษาต่างประเทศด้วยอย่าลืมเชียว" คนบอกทำสีหน้ากึ่งขยาด เธอไม่มั่นใจเสียเวลากลัวออกเสียงผิดๆ ครั้งนึงเคยโดนอาจารย์ประจำภาควิชาตำหนิ เกรงว่าอาจสืบทอดความรู้ผิดต้นตอ"ไม่ลืมหรอก แกหน่ะหัดมั่นใจตัวเองบ้าง""ขอเวลาอีกนิดนะ ของจริงกับตอนเรียนมันต่างกันนี่หน่า" เบลล์บอกน้ำเสียงอ่อน"จะต่างยังไงมันก็เหมือนกันทุกอย่างนั่นแหละ" เธอกับคิดถึงบางเรื่องขึ้นมาเสียดื้อๆ เผลอจิกผมเช็ดตัวในมือใกล้ฉีกขาด"อาชีพครูต้องอย่าเอาเรื่องอะไรมาปะปนนะแกอย่าลืมดิ" เบลล์บอกเตือน หากครูผู้สอนไม่สามารถส่งอารมณ์ให้นักเรียนได้ แล้วคนฟังจะไปรู้สึกสนุก
@ ช่วงเย็น ภายในสถานที่พักส่วนตัวของมาเฟียหนุ่ม นั่งตรงข้ามกับหญิงสาวก้มหน้าอย่างรับผิด เมื่อโดนพี่ชายตำหนิผ่านแววตาจริงจังจนโมอาไม่กล้าสู้มอง บรรยากาศตึงเครียดแม้แต่องครักษ์ด้านนอกยังรู้สึกกดดัน ต่างคนต่างมองกันเลิกลักแม้ว่าไม่เคยเจอรู้จักมาก่อน"เราขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ในเมื่อทุกคนรู้เรื่องจริงทั้งหมดแล้ว เราคงต้องพาโมอากลับบ้าน...สถานที่ของเธอจริงๆ" มาร์แชลล์พูดน้ำเสียงเข้ม จ้องมองคู่สนทนาอย่างไม่ลดหรี่ เขาต้องการพาเธอกลับสู่ครอบครัวจริง ที่นั่นเหมาะสมกับโมอาสุดแล้ว"ตะแต่...." คนตัวเล็กแทบไม่มีถ้อยคำโต้แย้ง เธอรู้ดีว่าพี่ชายเก็บอารมณ์โมโหไว้ก้นบึ้งลึกขนาดไหน คงไม่ต้องอธิบายถึงบุพการี ถ้ากลับไปรับโทษโดนบทสูงสุด สั่งกักขังหรือตัดอิสระอยู่สักพักนึงเขียว"....." ซิลค์เอาแต่มองใบหน้าสวย อายุจวนเจียนใกล้สามสิบวางท่าทางสุขุม แม้อีกฝ่ายเอ่ยคำไม่ต้องการได้ยิน ฝ่ามือหนากำพนักเก้าอี้เกร็งจนเส้นเลือดปูด นัยน์ตาดำนิ่งกริบไม่บ่งบอกความหมาย"คุณคงไม่ว่าอะไรหรอกนะ ในเมื่อแผนนี้น้องสาวเราเป็นคนคิดเอง" ทุกถ้อยคำที่เขาพยามพูดออกมา มันสื่อความหมายอีกอย่างว่า โมอาต้นคิดแผนการณ์เรื่องบ้านั่นคนเ
@ แคมป์พยาบาล ระหว่างรอนายแพทย์หนุ่มจัดการแผลโดนยิงด้วยตัวเอง โดยให้เตโชเข้าช่วยด้านในได้เท่านั้น ร่างอรชรนั่งรอกับพี่ชายอยู่เบื้องหน้าห้อง จิกกุมเสื้อโค้ทแน่นหลังผ่านเรื่องร้ายๆ"ยัยโม...เป็นยังไงบ้างแก" เบลล์รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดเพื่อนสาว พอทราบข่าวว่าโมอากลับมาอย่างปลอดภัยแม้ว่าเดโม่ไม่ยอมบอกอะไรให้เธอรู้เลย"ไม่เป็นอะไรแล้ว..นี่คือพี่ชายเราเอง" ถึงเวลาที่เธอต้องยอมบอกความจริงแก่เพื่อนรัก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเก็บความลับได้ เผื่อมีเหตุคราวจำเป็นเบลล์จะได้ระวังตัวไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้มาร์แชลล์นั่งนิ่งตีหน้าตาย เบื่อนหันหนีมองทางป่าทึบ เขาไม่ได้อยากรู้จักใครอีกแล้ว แค่ติดตามน้องสาวมาเพื่อรับกลับบ้านเท่านั้น"สวัสดีค่ะ แต่แกต้องเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมดนะ" คนบอกพนมมือไหว้เคารพถึงอีกฝ่ายไม่สนใจจะรับก็ตาม ก่อนดึงแขนเพื่อนสาวเพราะอยากรู้ความจริง นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อก็ได้ จู่จู่มีองค์หญิงแฝงตัวจนสนิทกัน"พูดไม่เพราะ!" มาร์แชลล์ปรามน้ำเสียงเข้ม แม้จะยังโกรธน้องสาวแต่ก็ต้องนึกถึงเกียรติของเธออันดับแรก"เอ่อ....""เดี๋ยวโมมานะคะ" เธอรีบดึงข้อมือเพื่อนสาวหนีจากพี่ชายใจร้าย หลังเขาเล่า
"พี่มาร์..." น้ำเสียงหวานร้องอย่างหมดหวัง ถูกพี่ชายดึงเรียวแขนห้ามไว้ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ ทั้งเพื่อนทั้งสามีบอบช้ำน่าถึงจุดสิ้นสุดสักที ทว่าต่างคนต่างไม่ยอมกันเลย ร่างอรชรสะอื้นจนตัวโยน มองดูสองคนเบื้องหน้าใช้ความรุนแรง ไม่คิดว่าพี่ชายจะมีด้านมืดในจิตใจ เห็นอาการทรมานคือเรื่องชินชา"คุณ!!!" คนตัวเล็กยิ่งร้องตกใจ เมื่อซิลค์พลาดท่าโดนหมัดกระแทกใส่โครงหน้า ทั้งเตโชกับลูกน้องนับสิบเตรียมเข้าช่วย แต่เจ้านายดันยกมือห้ามเพราะคิดว่าเป็นศึกลูกผู้ชาย"มึงต้องตาย!" อองตวนแทบจะทรุดอยู่ตรงสังเวียนนั้น ยังส่งเสียงไม่มียอมแพ้ให้อีกฝ่าย ในเมื่อเขาไม่ได้หญิงสาวเคียงคู่คนอื่นก็ไม่ควรสุขสมหวัง"หึ..." ร่างกำยำกระตุกเม็ดกระดุมตรงแผงอกกว้าง ให้เปิดคล่องตัวโชยไอร้อนจากภายใน เขาไม่ได้รู้สึกว่าอองตวนสมควรเป็นผู้ต่อสู้สักนิดเดียว แต่ถึงอย่างไรนั้นถ้าเรื่องนี้ไม่จบโมอาต้องลำบากแน่"พี่มาร์....โมขอร้องนะ" น้องสาวเร่งกระตุกข้อมือผู้เป็นพี่ซ้ำๆ มันปวดใจเหลือเกินที่ตัวเองทำได้แค่ยืนดู ในระหว่างนั้นชายสองคนเตรียมตั้งท่าต่อสู้ใหม่ตุ๊บ!!! ผลั๊วะ!!!!"คุณ!!อองตวน!!!" ร่างอรชรรวบรวมแรงครั้งสุดท้าย สะบัดพันธการพี่ชายทิ
อีกด้านนึง"ผมว่าต้องเป็นสัญญาลักษณ์ที่คุณโมทิ้งไว้แน่เลยครับ" เดโม่ออกความคิดเห็น เขาหยิบดินสอทุกแท่งที่ล่วงอยู่กลางป่า ไม่น่าใช่ความบังเอิญในสถานการณ์ตอนนี้ เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายช่วยกันตามหาโมอาในป่าทึบ แม้เตโชคุ้นชินสถานที่นี้ดีเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าจะสามารถหาได้ง่ายดาย เพราะเส้นทางคดเคี้ยวเต็มไปด้วยกิ่งไม้มีต้นหญ้าขึ้นสูง อาจเป็นที่หลบพลางของสัตว์ร้าย"แต่มันสิ้นสุดตรงนี้นะเว้ย แล้วคุณโมจะหายไปได้ไง?" เตโชพูดขึ้น ถ้าค้นหาตามสัญลักษณ์ที่ทิ้งไว้เมื่อหยิบชิ้นสุดท้ายได้ ก็ควรเจอเธอได้แล้ว ท้องยามค้ำคืนมืดมิดจนไม่เห็นดาว พวกเขาต้องหรี่ไฟฉายเกรงศัตรูสังเกตุเจอ"ตามมา" ซิลค์เอ่ยบอก เมื่อเขาคิดอะไรได้ สองขายาวดุจนายแบบเร่งก้าวไปตรงข้างริมลำธาร ซึ่งช่วงนี้เป็นปลายทางสายน้ำคาดว่าอีกไม่กี่ก้าวก็เจอถนนหลัก แต่พวกคนนิรนามอาจหลบซ่อนในแถบนี้ก่อน กันสายสืบของเขาจับได้"......" แล้วทุกอย่างก็เป็นดั่งที่มาเฟียหนุ่มคาดคิด แสงไฟสลัวตรงเชิงเขาดูมีพิรุธ ทันใดนั้นยันต์ตาคมกริบเล็งเห็นร่างบอบบาง ถูกมัดใส่ต้นไม้ใหญ่สภาพสะบักสะบอม สองฝ่ามือหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูด อารมณ์เดือดดาลทำงานหนักริอาจทรมานภรรยาสาว"เอ
_ เวลาค่ำ"เมื่อไหร่เราจะถึงบ้านข้าวนึ่งคะ" โมอาเอ่ยถาม จากความรู้สึกเป็นห่วงเด็กชาย เริ่มเปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นทันที แถมโยนแท่งดินสอในมือจนหมดแล้วยังไม่ถึงที่หมายเลย ท้องฟ้าในป่ามืดครึ้มไว ไฟฉายสักกระบอกก็ไม่มี"โมคิดว่าพี่จะพามาหาเด็กนั่นจริงเหรอ" จู่จู่น้ำเสียงสุภาพเปลี่ยนจากเมื่อกี้ ร่างสูงเอี้ยวตัวมองคนด้านหลังยามถึงจุดนัดพบกับเจ้านายเขาเอง อิฐล้วงเอาไฟฉายส่องกดแสงกระพริบส่งสัญญาณให้คนซุ่มอยู่รีบออกมาต้อนรับ"จะทำอะไร??" ร่างอรชรหันซ้ายขวาดวงใจน้อยแทบช่วงหล่น มีชายนิรนามจำนวนมากเดินวนรอบตัวเธอ แต่สัญญาลักษณ์บางอย่างทำให้นึกถึงคนเคยสนิทขึ้นมา"จริงๆถ้าวันนั้นโมไม่ปฏิเสธพี่ พี่คงไม่พาเรามาส่งให้คนอื่นหรอก""มาส่ง??ส่งอะไร??" แม้เกิดความกลัวแต่นิสัยกล้าหาญกลับส่งเสียงตะเบ่งกลับ ทำกำปั้นเล็กชูขึ้นขู่ทั้งสองข้าง ร่างอรชรยังค่อยๆหมุนคอยระวังรอบตัว เกรงว่าคนร้ายจะใช้ช่วงทีเผลอประชิดกาย"เราไงโมอา ลืมเพื่อนรักคนนี้ไปแล้วหรือยัง?" อองตวนปรากฏตัวขึ้น ดึงสายตากลมหันมอง ใบหน้าหล่อเหลือร้ายจนหญิงสาวเกิดความรู้สึกต่อต้านอย่างไม่เคยเป็น ชายนิรนามคนอื่นยอมหยุดฝีเท้า ถอยหลังเล็กน้อยให้เจ้านายยืนเ
"พี่ลืมบอกโมไปว่า น้องนักเรียนที่ชื่อว่าข้าวนึ่งอะ ช่วงนี้เค้าป่วยนะ" หมอหนุ่มทำท่าทีล่ะล่ำละลักบอก เกรงคนฟังอาจไม่เชื่อหรือเกิดความรู้สึกสงสารจนเกินเหตุ ทั้งที่เลือกบอกยามเหลือกันสองคนตรงด้านหน้าห้อง ปล่อยให้เบลล์ไปตามเก็บสมุดเรียนไว้ที่โต๊ะข้างในก่อน"พี่อิฐรู้ได้ไงคะ แค่เขาพึ่งขาดเรียนวันเดียวเองนะ" ตอนแรกเธอไม่ได้สงสัยหรอก หากรุ่นพี่หนุ่มไม่บอก ช่างบังเอิญตรงกับเด็กชายไม่มาเรียนวันนี้พอดี ใจดวงน้อยเต้นตุ่มๆ พึ่งเริ่มสอนครั้งแรกดันเกิดเรื่องแล้ว ร่างอรชรมือไม้สั่นระริก แทบตัวอ่อนแรงครุ่นคิดถึงใบหน้าเด็กชายขึ้นมา"พี่พึ่งตรวจเขากับพ่อเมื่อเช้านี้อะ คงจะป่วยเยอะ" อิฐบอกผ่านใบหน้าจริงจัง พลางเหลือบมองหญิงสาวในห้องเรียน ช่วงเวลาบ่ายคล้อยผู้คนแถวนี้สงบเงียบ ต่างแยกย้ายกลับเข้าบ้าน"แล้วบ้านข้าวนึ่งอยู่ไกลไหมคะ โมควรจะแวะไปดูเขาสักหน่อย" แถวนี้คงไม่ต้องนึกถึงรถ หากเด็กชายเดินมาเรียนได้ เธอเป็นครูก็ต้องไปหาได้เช่นกัน เกิดความรู้สึกวิตกนึกถึงใบหน้านักเรียน ชายแสนเก่ง"จากประวัติที่พี่ซักเมื่อเช้า เห็นบอกว่าอยู่แถวเชิงเขา เราไปตอนนี้ก็ทันนะ" เขารีบแนะนำยังไงก็คงกลับมาทันก่อนช่วงค่ำ ต่อให้
"คุณหนวดมันจิ้ม!!" คนตัวเล็กร้องบอก พร้อมฝ่ามือว่องไวตีเข้าต้นแขนใหญ่ทันที ผิวหน้าแสนบอบบางถูกปลายหนวดจิ้มไม่ต่างจากโดนเข็มแทง กระตุ้นความรู้สึกเจ็บจี๊ดตอบสนอง"กล้าตีฉันเลยเหรอ?" หัวคิ้วหนาเลิกขึ้นสูง อะไรดลจิตดลใจให้เหยื่อตัวน้อยไม่กลัวราชสีห์ จากอารมณ์ดีๆใบหน้าหล่อเหลาอึมครึมเหมือนเดิม เหลือบคนทำเขาเจ็บมีสีหน้าสลดลง หากเป็นเมื่อก่อนคงจัดการเหลือไว้แค่ชื่อแล้ว"คุณอย่าเงียบสิ"".........""หนูขอโทษ..." แล้วที่น่าตกใจกว่าคืออารมณ์ของโมอา เพียงนาทีเดียใสับเปลี่ยนได้หลายบทบาท ดวงตากลมกระพริบวิงวอน ใช้แก้มเนียนถูหลังมือหนาอ้อน"......." หัวใจแกร่งเต้นสะเทือน ยามสบตากลมคู่นั้นมีความหมายสื่อมา ชายหนุ่มมาดแมนย่อมอ่านเข้าใจ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่โมอารู้ กลิ่นน้ำหอมบนกายสาวหอมละมุน เปลี่ยนบรรยากาศสบายใจแทนนาทีกดดันก่อนหน้านี้"โกรธกันหรอคะ แต่หนูโกรธอยู่นะอย่าลืมสิ" นิ้วชี้ยาวสวยยกจิ้มแก้มสากสองสามที ก่อนเปลี่ยนมาปิดปากเรียวหาววอด ทุกการกระทำอยู่ในสายตาคมทั้งหมด"แล้ว""ก็ถือว่าเป็นโมฆะวินวินทั้งคู่ไงคะ""อืม..นอนพักเถอะ" น้ำเสียงเข้มบอก เขาใช้ความอบอุ่นของฝ่ามือหนาลูบผมสลวยกล่อม เพราะฤท
"ฉันรีบ" น้ำเสียงเข้มราบเรียบรอบ คนตัวสูงสวมทบบาทแพทย์ชั่วคราว ถือเข็มฉีดยาเตรียมจิ้มใส่สะโพกมน ใช้นัยน์ตาคมบังคับให้หญิงสาวถลกกางเกงลง เผยบั้นท้ายขาวโพลนน่าขย้ำ"คุณเบามือนิดนึงนะ พอดีเมื่อกี้ล้มแรงไปหน่อย" หญิงสาวหลับตาปี๋ กักเก็บอาการกลัวจนลืมตัวดึงแขนเสื้อเชิ้ตแพทย์หนุ่มจิกไว้แน่น ท่าทางเหมือนกำลังต่อสู้ความเจ็บ แต่กลัวอีกฝ่ายหัวเราะเยาะแสร้งอดทน"....." ฝ่ามือหนาล็อคท้ายทอยเล็กซุกใส่แผงอกกว้าง รับรู้แรงหายใจของคนตัวเล็กได้ดี ช่างน่าขำที่เธอแสร้งชินชาทว่าแสดงอาการออกชัดเจน"อึก!" โมอากัดฟันแน่น ยามปลายแหลมเข็มจิ้มใส่เนื้อบาง เจ็บแปลบแทบมีน้ำตาเอ่อ ซุกใส่แผงกว้างซ้ำกว่าเดิมสูดดมกลิ่นกายชายหอมสดชื่น ลืมกระทั่งความเจ็บหลังฉีดยาเมื่อกี้"กลับไหวไหมล่ะ" ซิลค์ถามกลับ พร้อมเอื้อมหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ปิดรอยเลือดซิบ ยิ่งทำร่างอรชรเกร็งเจ็บเท่าตัว โอบกอดแผ่นหลังกว้างราวเหลือสิ่งเดียวยึดเหนี่ยว"คุณ!!หนูเจ็บนะ" โมอายอมปล่อยอ้อมแขนออก เหมือนเสี้ยวนาทีนึงเห็นรอยยิ้มบนปากหยัก พอจะเงยหน้าขึ้นมองระยะใกล้ ร่างกำยำกลับหมุนหันหลังหนี"ทีหลังก็อย่าซน""แล้วคืนนี้คุณจะรอหนูอีกไหม" ร่างอรชรรีบดึงกางเกงข