Share

ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
Author: จี้เวยเวย

บทที่ 1

Author: จี้เวยเวย
ราชวงศ์ฉู่โยว เมืองหลวง

เกี้ยวเจ้าสาวสองหลังหยุดเรียงกันหน้าประตูจวนหลินโหว ตามมาด้วยเสียงประทัดฆ้องกลอง ครึกครื้นมากเป็นพิเศษ

แขกเหรื่อมาร่วมงานเห็นภาพนี้แล้วก็ตกตะลึง “เหตุใดมีเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังกันเล่า?”

“แม่นางห้าสกุลซ่ง—ซ่งรั่วเจิน รอหลินโหวมานานสองปี ดูแลงานทั้งจวนโหวแทนเขา บัดนี้หลินโหวคว้าชัยชนะกลับมา ตบแต่งแม่นางซ่งก็คือเรื่องดีของเมืองหลวง แต่เกี้ยวเจ้าสาวเข้าประตูพร้อมกัน มิใช่ว่ายังแต่งกับคนอื่นด้วยหรือ?”

“คุณหนู ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”

ซ่งรั่วเจินรู้สึกเพียงเสียงดังเอะอะอยู่ข้างหูพักหนึ่ง ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ลืมตาทั้งสองข้างก็มองเห็นชุดแต่งงานสีแดงเข้ม?

เกิดเหตุอันใดขึ้น?

ชุดแต่งงานซิ่วเหอและเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงเข้ม นี่มิใช่ขบวนแต่งงานหรอกหรือ?

“ท่านโหวทำเกินไปแล้ว ก่อนนี้เขาออกรบอยู่ภายนอก หากมิได้ท่านดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ไฉนเลยเขาจะสามารถออกรบอย่างสบายใจได้? บัดนี้กลับมาอย่างยากลำบาก เขาถึงขั้นตบแต่งฉินซวงซวงเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกันในวันแต่งงาน ไม่บอกกล่าวแม้คำเดียว เห็นได้ชัดว่ากำลังรังแกคุณหนู!”

เฉินเซียงยิ่งพูดยิ่งโมโห บัดนี้เกี้ยวเจ้าสาวทั้งสองหลังหยุดอยู่หน้าประตูจวนโหว มีสายตาจับจ้องมากเพียงนี้ พวกเขาเข้าไปก็ไม่ใช่ ถอยหลังก็ไม่ใช่

ท่านโหว? ฉินซวงซวง? ภรรยาหลวงลำดับเดียวกัน?

ซ่งรั่วเจินได้ยินชื่อคุ้นเคยเหล่านั้นรวมถึงฉากเบื้องหน้าแล้ว ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่านางที่เป็นเลิศทั้งแพทย์และพิษ เจ้าสำนักวิชาเต๋าทะลุมิติเข้ามาในนิยายแล้ว!

ทะลุมิติเข้ามาในนิยายกลับชาติมาเกิดสุดฟินที่ได้อ่านเมื่อหลายวันก่อนชื่อว่า ‘เกิดใหม่ครานี้กลายเป็นภรรยาสุดโปรดของท่านโหว’ บังเอิญเหมือนกับอดีตภรรยาที่ด่วนจากไปของพระเอกเหมือนนางทุกกระเบียดนิ้ว!

เพราะชื่อนี้ นางจึงตั้งใจอ่านมากเป็นพิเศษหลายรอบ คิดเพียงอดีตภรรยาด่วนจากไปคนนี้ช่างอาภัพนัก ลงทุนลงแรงมานานหลายปีเพื่อเย็บชุดเจ้าสาวให้คนอื่นได้ประโยชน์ไปเสียอย่างนั้น

พระเอกหลินจือเยว่มีคนรักในดวงใจที่มิอาจครองคู่ดุจแสงขาวของจันทรานามว่าฉินซวงซวง แต่ชาติก่อนฉินซวงซวงตามืดบอด ปล่อยคนที่รักนางด้วยใจจริงอย่างท่านโหว ไปไล่ตามองค์ชายสามผู้สูงศักดิ์อย่างฉู่จวินถิง จนกระทั่งต่อมาตระกูลตกอับ หลินจือเยว่กลับไม่ทอดทิ้งไม่หนีจาก ทั้งสองจึงได้อยู่ด้วยกัน

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉินซวงซวงตัดสินใจเลิกเดินทางอ้อม ตบแต่งกับหลินจือเยว่ตั้งแต่เริ่มต้น ชาตินี้อยู่ร่วมกับเขาดีๆ

เดิมทีเนื้อหานี้ก็ไม่มีอันใดไม่เหมาะสม แต่อดีตภรรยาที่ด่วนจากไปทะลุมิติมา นั่นก็แตกต่างออกไปแล้ว

หลังหลินจือเยว่ถูกฉินซวงซวงปฏิเสธ เสียใจสิ้นหวังขอขันอาสาไปออกรบที่ชายแดน ทิ้งซ่งรั่วเจินที่หมั้นหมายไว้แล้วอยู่ที่บ้านช่วยดูแลมารดาเฒ่า

ซ่งรั่วเจินหนักเอาเบาสู้ตามหาหมอมีชื่อเสียงมารักษาฮูหยินผู้เฒ่าตลอดสองปี เห็นว่าจวนโหวตกอับ ก็ใช้ทรัพย์สินส่วนตนชดเชยเข้าไป เฝ้ารอหลินจือเยว่กลับมา

เดิมทีคิดว่าสมดั่งปรารถนาแล้ว ทว่ารอจนถึงวันแต่งงานอันน่าอับอาย นางก็บังเอิญทะลุมิติมาในตอนนี้พอดี!

“ชายหลายใจ ใจหนึ่งก็ต้องการอยู่ร่วมกับหญิงในดวงใจ อีกใจหนึ่งก็มิอาจหักใจในเงินทองของข้า?”

ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้ารังเกียจ นางยังไม่ทันทำอันใด ก็ได้ยินเสียงสาวใช้อีกคน

“คุณหนูต้องคิดให้ตกนะเจ้าคะ ชายใดจะรักษาตัวใช้ชีวิตกับฮูหยินเพียงคนเดียวกันเล่า? เกี้ยวล้วนหยุดหน้าประตูจวนโหวแล้ว หากเอาแต่ใจตอนนี้ โวยวายเอิกเกริกขึ้นมาก็จัดการไม่ง่ายแล้ว!”

“เพ่ยหลาน ไยเจ้าพูดเช่นนี้? แม้ภายภาคหน้าท่านโหวต้องการแต่งอนุ นั่นก็คืออนุ ไฉนเลยจะแต่งเข้ามาเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกันได้ หากเล่าลือออกไปแล้วคุณหนูของพวกเราจะกลายเป็นอะไร?” เฉินเซียงพูดอย่างกรุ่นโกรธ

สายตาทอประกายของหลินจือเยว่มองคนรักของตนฉินซวงซวงในชุดแดงเข้มลงจากเกี้ยวเจ้าสาวโดยมีแม่สื่อช่วยประคอง เดินนวยนาดเข้ามาทางเขา ใบหน้าหล่อเหลาเผยความหวังและความสุขออกมาอย่างหาได้ยาก

เดิมทีคิดว่าชาตินี้ไม่อาจอยู่ร่วมกับฉินซวงซวงได้อีกแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลังกลับมาจะมีเรื่องตกตะลึงระคนดีใจเช่นนี้!

ในที่สุดเขาก็ได้ตบแต่งกับคนรักของตน!

“ซวงซวง”

สายตาเร่าร้อนของหลินจือเยว่ใกล้หลอมละลายฉินซวงซวงแล้ว

“ท่านโหว” สุ้มเสียงฉินซวงซวงนุ่มนวล ทั้งยังมีความสนิมสนม แม้ถูกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวบังไว้แต่ก็สามารถสัมผัสถึงความสุขได้

ขณะหลินจือเยว่เตรียมอุ้มฉินซวงซวงเข้าจวนโหว เสียงเอ่ยเตือนของผู้ติดตามก็ดังขึ้น “ท่านโหว แม่นางซ่งยังไม่ลงจากเกี้ยวขอรับ”

เมื่อได้ยิน หลินจือเยว่ถึงดึงสติกลับมาได้ สายตาทอดมองเกี้ยวอีกฝั่งหนึ่ง ขมวดคิ้วแน่น

“คุณหนูของเจ้าเป็นอันใด? หรือว่ายังต้องการให้ข้าไปเชิญนางลงจากเกี้ยว?”

“ท่านโหว คุณหนูของข้าและท่านหมั้นหมายกันไว้ก่อนแต่แรก ก่อนนี้ท่านไม่เคยพูดว่าจะตบแต่งภรรยาหลวงลำดับเดียวกัน วันนี้เกี้ยวสองหลังผ่านเข้าประตูพร้อมกัน ท่านจะให้คุณหนูของข้าไปอยู่ที่ใด?”

เฉินเซียงถามไล่เรียง คุณหนูของตนอ่อนโยนมีเมตตา จัดการดูแลเรือนได้เป็นอย่างดี รอการกลับมาของท่านโหวนานถึงสองปี ผ่านช่วงเวลาเบ่งบานมาจนถึงตอนนี้!

บัดนี้ท่านโหวกลับมาแล้วถึงขั้นทำร้ายคุณหนูเพียงนี้ จะให้นางทนอย่างไรไหว?

สีหน้าหลินจือเยว่บึ้งตึง “รั่วเจิน เจ้าอบรมบ่าวรับใช้เช่นนี้หรือ? ไม่รู้กฎระเบียบแม้แต่น้อย!”

“ใครไม่รู้กฎระเบียบกันแน่?” ซ่งรั่วเจินเปิดผ้าเดินลงไป “หลินจือเยว่ ท่านรังแกข้าก่อน ต่อมาก็หมิ่นแคลนข้าอีก บัดนี้ยังมีหน้ามาอบรมสาวใช้ของข้า ท่านกล้าดีอย่างไร?”

“รั่วเจิน วันนี้แขกเหรื่อมากมายเพียงนี้ เจ้าอย่าเลอะเลือนเป็นอันขาด!” หลินจือเยว่กล่าวเตือนเสียงแหบเบา “ซวงซวงคือภรรยาหลวงลำดับเดียวกัน หลังแต่งเข้ามาแล้วขอเพียงเจ้ายินดีอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง ข้าไม่มีวันทำไม่ดีต่อเจ้า”

“ไม่จำเป็นแล้ว”

ซ่งรั่วเจินยกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวขึ้น ช้อนตามองชายที่เจ้าของร่างเดิมมอบทุกอย่างให้ สายตาสะท้อนไอเย็น

“งานแต่งวันนี้ ก็ให้จบลงเช่นนี้เถอะ!”

เสียงเยียบเย็นใสกังวานของฝ่ายหญิงดังขึ้น คล้ายน้ำพุเย็นสายหนึ่งท่ามกลางบรรยากาศอึกทึกครึกครื้น ทำให้ทุกคนเงียบลง

“เจ้าพูดอะไร?” หลินจือเยว่จับข้อมือซ่งรั่วเจิน สายตาเย็นชาปานน้ำค้างแข็ง “ในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าต้องเอาแต่ใจให้ได้ ต้องโวยวายให้ทุกคนหลีกทางให้ จึงจะทำให้เจ้าดีใจกระนั้นหรือ?”

ซังรั่วเจินมีจิตปฏิพัทธ์ต่อเขา เขารู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้ว

หากถอนหมั้น ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินต้องเสียหาย ยังไม่ต้องพูดว่าเขาทำให้ซ่งรั่วเจินเสียเวลาไปสองปี นางผ่านช่วงวัยอันดีในการแต่งงานไปตั้งแต่แรกแล้ว

คนทั้งเมืองหลวงล้วนรู้ว่าภายในใจนางมีเพียงเขา หากถอนหมั้น ยังมีใครต้องการแต่งกับนางอีกเล่า?

นี่ก็คือสาเหตุที่เขาไม่บอกกล่าวและรับภรรยาหลวงลำดับเดียวกันโดยตรง เขาไม่อยากทำให้ซวงซวงเสียใจ มิหนำซ้ำยังมั่นใจว่าซ่งรั่วเจินทำได้เพียงยอมกล้ำกลืนฝืนตกลง

ทว่า สถานการณ์คล้ายอยู่เหนือความคาดหมายของเขาอยู่บ้าง?

“หลินจือเยว่ ท่านมีศักดิ์ศรีสักหน่อยได้หรือไม่?”

ซ่งรั่วเจินสะบัดมือฝ่ายชายออก ใบหน้างดงามโดดเด่นเปี่ยมความรังเกียจ

“สองปีก่อนหลังพวกเราหมั้นหมายแล้ว ยังไม่ทันแต่งงานท่านก็ไปออกรบ ก่อนจากไปยังพูดว่าไม่อยากทำให้ข้าเสียใจ ดังนั้นต้องการตบแต่งข้าอย่างผ่าเผยหลังทำความดีความชอบคว้าชัยชนะกลับมาได้ มิหนำซ้ำยังมอบจวนโหวอันยุ่งเหยิงวุ่นวายและฮูหยินผู้เฒ่าให้ข้าดูแล”

“ข้าเห็นแก่สัญญาหมั้นหมายจึงดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ตามหาหมอที่มีชื่อเสียง ใช้ยาล้ำค่าหายากไม่รู้กี่มากน้อยรักษาชีวิตฮูหยินผู้เฒ่าไว้ ยังไม่ต้องพูดว่าก่อนท่านออกจากจวนโหวก็นำเงินทั้งหมดติดตัวไปด้วย”

“แม้แต่ตอนที่อยู่ชายแดนสองปีนี้ ยังเขียนจดหมายมาขอเงินจากข้าเป็นครั้งคราว ข้าใช้ทรัพย์สมบัติตนเองชดเชยให้ท่าน คิดว่าท่านกลับมาแล้วจะต้องปฏิบัติต่อข้าอย่างดีเป็นแน่”

“ผลปรากฏว่า...ตบแต่งภรรยาหลวงลำดับเดียวกันในวันแต่งงาน ใช้เงินข้าสู่ขอหญิงอื่นเข้าบ้าน นี่คือการที่ท่านปฏิบัติต่อข้าอย่างดีกระนั้นหรือ?”

“หลินจือเยว่ ท่านยังมีศักดิ์ศรีอยู่หรือไม่?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
BoOm
จะตามอ่านจนถึงตอนจบ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 2

    ซ่งรัวเจินถามไล่เรียงกระแทกลงไป กระแทกเสียจนสีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หวุดหวิดจะเป็นลมหมดสติไปแล้วเหตุใดนางกล้าพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้!“เรื่องนี้ก็ไม่ซื่อสัตย์จริงใจจริงนั่นล่ะ ได้ยินมาว่าหลินโหวและฉินซวงซวงมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันมาตั้งแต่แรกแล้ว สองปีก่อนฉินซวงซวงไม่ยอมแต่งกับเขา นี่เขาถึงตกลงหมั้นหมายกับสกุลซ่ง ใครเคยคิดเล่าว่าทำความดีความชอบกลับมา ฉินซวงซวงกลับยอมแต่งกับเขาแล้ว ดังนั้นจึงคิดทำเช่นนี้ จุ๊ ๆ ...”“แม่นางสกุลซ่งไม่กลายเป็นตัวโง่งมไปแล้วหรือ?”ความทุ่มเทตลอดสองปีสูญเปล่าไปแล้ว เย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่นสวม ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัสแต่ยังต้องกลั้นก้อนสะอื้น นี่ใครยังสามารถทนได้กันเล่า?“พี่หญิง อย่าโมโหไปเลย”ฉินซวงซวงก้าวเท้าฉับไวขึ้นมา มิอาจข่มความแปลกใจภายในใจเอาไว้ได้เห็นได้ชัดว่าซ่งรั่วเจินเป็นพลับอ่อนให้คนบดขยี้ แต่งเข้าบ้านพร้อมกันก็เป็นนางและจือเยว่ร่วมกันวางแผน แม้นางไม่ยอมแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนรับปาก ไม่โวยวายใหญ่โตอันใดใครคาดคิดนางถึงขั้นเปิดผ้าคลุมหน้าลงจากเกี้ยวเจ้าสาว โวยวายอยู่ที่หน้าประตูเช่นนี้?“ล้วนเป็นความผิดของซวงซวง ท่าน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 3

    “แม่นางฉิน ได้โปรดถอดออก เพียงมองดูก็จะทราบได้” เฉินเซียงเอ่ยเพียงฉินซวงซวงถอดออก เฉินเซียงก็หยิบกำไลหยกไปให้ทุกคนดูหนึ่งรอบ “ทุกท่านล้วนเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ด้านบนแกะสลักชื่อเล่นของคุณหนูข้าเจินเอ๋อร์เอาไว้!”“ยังไม่ต้องพูดว่าท่านโหวและคุณหนูข้ายังไม่แต่งงานกัน ต่อให้แต่งงานแล้วจริง คนมีหน้ามีตาที่ใดยักยอกสินเดิมของฮูหยินตนเองด้วยหรือ?”นับแต่โบราณจนถึงตอนนี้ สินเดิมล้วนเป็นสิ่งของติดตัวฝ่ายหญิง แม้แต่บ้านสามีก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง เว้นเสียแต่ตนเองยินยอม ทว่าหลินจือเยว่หยิบไปโดยตรงไม่บอกกล่าวเช่นนี้ เรียกว่าขโมยก็ไม่เกินจริงครั้นซ่งจืออวี้พี่ชายสามของซ่งรั่วเจินเร่งเดินทางมาถึงก็ได้ยินว่าหลินจือเยว่ยกกำไลหยกที่ท่านแม่มอบให้เจินเอ๋อร์เป็นสินเดิมให้กับฉินซวงซวง กำปั้นเจือความเกรี้ยวกราดกระแทกเข้าไปโดยตรงหนึ่งหมัด!“ไอ้สารเลว!”หลินจือเยว่ถูกกำปั้นกระแทกหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงหน้าหันไปอีกฝั่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากซ่งจืออวี้ไม่คิดยั้งมือเลยแม้แต่น้อย วันนี้เป็นวันมงคลยิ่งใหญ่ของน้องหญิง พวกเขาทั้งครอบครัวส่งนางออกจากจวนอย่างดีใจมีความสุข ใครคาดคิดมาถึงจวนหลินโหวจะถูกหมิ่นแคล

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 4

    “เรื่องนี้โทษท่านแม่ไม่ได้ พูดได้เพียงว่าหลินจือเยว่แสดงละครได้อย่างยอดเยี่ยม หน้าหนาไร้ยางอาย!”ซ่งรั่วเจินยิ่งพูดยิ่งรังเกียจ โชคดีช่วงเวลาที่นางทะลุมิติเข้ามาในหนังสือยังมิได้แต่งเข้าจวนสกุลหลิน หากแต่งเข้าไปแล้ว นั่นต่างหากถึงจบสิ้น!หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้เพียบพร้อมของตนพูดถ้อยคำหล่านี้ออกมา ยิ่งมั่นใจว่านางกำลังเสียใจ น้ำตาคลอหน่วย “ลูกสาวชะตาอาภัพของข้า...”แต่น้ำตาที่หางตายังไม่ทันตกก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก ของทั้งใหญ่ทั้งเล็กถูกยกเข้ามา หยาดน้ำตาหยุดชะงักในทันใด“เจินเอ๋อร์ นี่ นี่คืออะไรกัน?”“อย่างไรเสียก็ไม่แต่งแล้ว สิ่งของย่อมต้องนำกลับมา ฉินซวงซวงคนนั้นพูดทุกคำว่ารักชอบท่านโหว ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่านางจะยอมหักใจชดเชยจวนโหวโล่งโจ้งนั่นหรือไม่!”ซ่งรั่วเจินเคยอ่านต้นฉบับหนังสือมาก่อน ย่อมรู้ว่าฉินซวงซวงก็คือคนมีอุปนิสัยชมชอบความร่ำรวยคนหนึ่ง หาไม่แล้วเพียงนางเอ่ยปาก หลินจือเยว่ก็ต้องถอนหมั้นนางเป็นแน่!แต่นางกลับไม่ทำ ก็เพื่อเงินของจวนสกุลซ่งบัดนี้เงินตกอยู่ในมือนางแล้ว ฉินซวงซวงทางหนึ่งคิดจะหลับนอนกับบุรุษของเจ้าของร่างเดิม ทางหนึ่งใช้จ่ายเงินของเจ้า

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 5

    ซ่งรั่วเจินพูดอย่างจริงจัง อาการป่วยนี้สำหรับนางกลับรักษาไม่ยาก แต่ต้องใส่ใจมากก็เท่านั้นเดิมทีซ่งอี้อันคิดว่าน้องหญิงปลอบโยนตนเอง มิได้เก็บมาใส่ใจ ทว่าเห็นนางพูดอย่างตั้งใจมากเป็นพิเศษ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเชื่อขึ้นมาหลายส่วน“น้องหญิงคนดี พี่รองเชื่อเจ้า”ซ่งจืออวี้เห็นซ่งอี้อันคล้ายถูกเกลี้ยกล่อมสำเร็จแล้ว เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “พี่รอง ท่านเชื่อจริงหรือ? น้องหญิงห้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์มาก่อนนะ”“น้องหญิงห้าดีใจก็พอ ตอนนี้ข้าก็กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว หมอทั้งเมืองหลวงล้วนมาดูแล้ว ยังมีอันใดให้กลัวอีกเล่า?”ซ่งอี้อันยกมุมปากยิ้มขมปร่า นับตั้งแต่วันที่ตาบอดอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขาก็สูญสลายกลายเป็นหมอกผ่านตา ถอนหมั้นก็คือเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว น้องหญิงไม่ยอมให้เขายอมแพ้ ก็เพราะหวังดีต่อเขาส่วนเป็นเรื่องจริงหรือไม่...สำคัญด้วยหรือ?ซ่งรั่วเจินมิได้ใส่ใจบทสนทนาของทั้งสองคน สายตานางเบือนไปทางด้านหลัง นับตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าจวนสกุลซ่ง นางก็สังเกตุเห็นว่าเรือนด้านหลังถูกพลังชั่วร้ายปกคลุมอยู่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นวันแสงแดดจ้า ทว่าด้านหลังกลับอึมครึม ต้องมีบางสิ่งกำลังสร้างปัญหาอย่างแน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 6

    “เจ้าหมายถึงสร้อยข้อมือเส้นนี้หรือ?”ซ่งอี้อันถอดสร้อยข้อมือออกแล้วส่งมาให้ ก่อนหน้านี้ตัวสร้อยถูกแขนเสื้อปกคลุมเอาไว้ ซ่งรั่วเจินจึงมองไม่เห็น ครั้นเมื่อเห็นสร้อยข้อมือที่สะท้อนใต้แสงแดด ก็พบว่าของสิ่งนี้มีกระแสไอของความอัปมงคลที่หมุนวนขึ้นมา“เจ้าไม่พูดข้าก็เกือบลืมไปเสียสนิท สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินโหวส่งมาให้ ตอนนี้งานวิวาห์ยกเลิกไปแล้ว สร้อยข้อมือเส้นนี้ก็ไม่ควรเก็บไว้”ผู้เป็นพี่คิดเพียงว่าน้องสาวของเขาแค่ตั้งใจเตือนตนเอง เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้สองตระกูลไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว เก็บไว้ก็ไม่เหมาะสมจริง ๆ“ท่านบอกว่าสร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินจือเยว่ส่งมาหรือ?”ของสิ่งนี้อาบชโลมด้วยโลหิตมนุษย์ ไออัปมงคลหลอมรวม เป็นของสกปรกขุ่นมัว หลินจือเยว่จงใจหาของแบบนี้มามอบให้ ช่างมีน้ำใจนัก!ซ่งอี้อันพยักหน้า “ครั้งก่อนที่หลินโหวมาเยี่ยมเจ้าที่จวน เขาก็ให้ข้ามา บอกว่ารู้ว่าข้าชื่นชอบ ใช้เงินไปไม่น้อยเพื่อซื้อมาให้โดยเฉพาะ”“หากพี่ชายรองชอบสร้อยข้อมือก็เอาเส้นที่เป็นของข้าไปก่อน ส่วน ‘ของล้ำค่า’ ชิ้นนี้ส่งคืนให้หลินจือเยว่เถิด”ซ่งรั่วเจินหยิบสร้อยข้อมืออีกเส้นส่งไปให้ หล

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 7

    จวนตระกูลซ่งหลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นซ่งรั่วเจินอยู่ตรงหน้าก็รีบเอ่ยถามว่า “เจินเอ๋อร์ จวนตระกูลจ้าวขอถอนหมั้นแล้วจริงหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า มองดูใบหน้าซีดเผือดของผู้เป็นมารดาด้วยแววตาที่ไม่อาจหักหาญใจ “ท่านแม่ ในเมื่อจวนตระกูลจ้าวเลือกที่จะเลิกหมั้นในช่วงเวลานี้ ก็เห็นได้ชัดว่านางมิใช่คู่ที่ดีของพี่ชาย เราไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องการหมั้นนี้”“เดิมทีจ้าวซูหว่านก็ไม่เหมาะสมกับพี่ชายรองอยู่แล้ว ข้าคิดว่าการถอนหมั้นเป็นเรื่องดี มิฉะนั้น การแต่งงานกับหญิงสาวเช่นนี้ เกรงว่าในอนาคตคงไร้ซึ้งความสุขสงบ”“แม่รู้ดีว่าจ้าวซูหว่านไม่เหมาะกับพี่ชายของเจ้า แม่เองก็ไม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายนี้ตั้งแต่แรก เพียงแต่พี่ชายของเจ้าไม่มีหญิงสาวที่หมายปองเสียที ในเมื่อทั้งสองคนรักกัน แม่ก็ไม่อยากจะขัดขวาง”“ตอนนี้พี่ชายของเจ้าตาบอด หมอจากทั่วเมืองมาตรวจดูแล้วล้วนบอกว่ารักษาไม่ได้ แม่ไม่อยากให้พี่ของเจ้าต้องเจ็บปวดซ้ำ ๆ …”“พ่อของเจ้าจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ถ้าเขารู้ว่าในเวลาที่ตนไม่อยู่ ข้าไม่สามารถดูแลพวกเจ้าให้ดีได้…”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางน้ำตาก็คลอเบ้า หมู่นี้ในจวนมีแต่

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 8

    สองปีก่อนเขาไม่อาจแต่งงานกับนางในดวงใจได้จึงรู้สึกหมดหวัง ตอนรู้ว่าผู้เป็นแม่ได้จัดการหมั้นหมายให้แล้ว เขาก็ตอบรับทั้ง ๆ ที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลยสักนิด คิดเพียงว่าคุณหนูตระกูลใหญ่ส่วนมากจะหัวโบราณและขี้ขลาด ไม่เหมือนกับซวงซวงผู้น่ารักและมีเสน่ห์ดึงดูดใจทว่าในขณะนี้เมื่อเขาเห็นซ่งรั่วเจิน ถึงได้รู้ว่านางนั้นงดงามน่ามองเพียงใดซ่งรั่วเจินเห็นหลินจือเยว่จ้องนางตาไม่กะพริบ ใจของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ มีเพียงความคิดเดียวในหัวคืออยากจะควักลูกตาของคนผู้นี้ออกมาเสียมองอะไร! อัปมงคลเสียจริง!“แม่นางซ่ง เรื่องวันนี้เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรก ข้าขอโทษ” หลินจือเยว่กล่าวซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “หลินโหว ตอนขบวนเจ้าสาวของข้ากำลังจะเข้าเรือน ก็พึ่งได้รู้ว่ามีสตรีอีกนางจะแต่งเข้าพร้อมกับข้า วันนี้ท่านยังพูดต่อหน้าแขกมากมายอีกว่าในใจท่านมีเพียงแม่นางฉินเท่านั้น”“ในเมื่อพวกท่านรักกัน ข้าก็ยินดีทำให้สมหวัง ไยต้องมาที่นี่อีก?”เมื่อเห็นหญิงสาวพูดจาไม่น่าฟัง หลินจือเยว่ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ เขายอมมาขอโทษด้วยตัวเองก็ถือว่าให้เกียรติตระกูลซ่งมากแล้ว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 9

    “นางย่อมเป็นคนใจดีและใจกว้าง นางเป็นคุณหนูตระกูลฉิน ฐานะไม่ต่ำกว่าเจ้า แต่เพราะข้ายอมรับเจ้า เจ้ากลับมีจิตใจคับแคบ เทียบกับนางไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และไม่มีวาสนาพอรับน้ำใจของนางได้!”หลินจือเยว่คว้าสร้อยข้อมือไปและสวมไว้ที่ข้อมือตนเองซ่งรั่วเจินยกคิ้วขึ้น คดีไขได้แล้ว เป็นฉินซวงซวงจริง ๆ ด้วย!“ฮูหยินซ่ง เรื่องนี้ต้องคิดให้รอบคอบ!”หลินรั่วหลานร้อนใจมาก สองปีนี้นางนำเงินของตระกูลซ่งไปใช้ชีวิตอย่างสบาย ออกไปที่ใดก็มีแต่คนอิจฉา นางใช้ชีวิตกินดีอยู่สบายจนเคยชินแล้ว ไหนเลยจะยอมกลับไปใช้ชีวิตลำบากแบบเดิมได้?หากซ่งรั่วเจินไม่แต่งงานเข้ามา จวนหลินโหวก็จะว่างเปล่า อย่าว่าแต่ชีวิตที่กินดีอยู่สบายเลย เงินที่มีก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง แม้แต่เงินที่จะจ่ายให้คนรับใช้ก็ไม่มี“ความสัมพันธ์ของสองตระกูลดีเพียงนี้ จะขาดสะบั้นเพราะเรื่องเล็กน้อยนี้ได้อย่างไร? เยว่เอ๋อร์ยังหนุ่ม เพียงแค่หลงผิดไป รอให้เวลาผันผ่านย่อมรู้ว่ารั่วเจินต่างหากที่เป็นคู่ครองที่ดี”หลิ่วหรูเยียนปัดมือของหลินรั่วหลานออก “ไม่จำเป็น ลูกสาวของข้าไม่จำเป็นต้องอดทนรอให้ใครกลับใจ การหมั้นหมายล้มเลิกแต่เพียงเท่านี้ เราทั้งสองต่างก็เป็นค

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 974

    แต่หลังจากที่กู้ฮวนเอ๋อร์ได้ยินว่าญาติผู้พี่ไม่เคยได้สิ้นเปลืองความคิดเพื่อเรื่องนี้เลยตั้งแต่ต้นจนจบ แต่กลับเป็นฉู่อ๋องเสียอีกที่สะสางทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งยังยอมรับต่อหน้าฮองเฮาว่าเขาเป็นฝ่ายพยายามเอาชนะใจนาง ญาติผู้พี่ยังไม่แน่ว่าจะรับปาก นางจึงตระหนักว่าที่แท้สตรีก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีเหมือนญาติผู้พี่ได้เหมือนกันไม่ต้องก้มศีรษะให้ครอบครัวสามี ทั้งยังไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังทุกย่างก้าว นางมีความกล้าถอนหมั้นในวันแต่งงาน ทั้งยังไม่เกรงกลัวถ้อยคำซุบซิบนินทาต่อให้ใครจะคิดว่านางไม่คู่ควรกับฉู่อ๋อง ทว่าในสายตาฉู่อ๋อง สิ่งที่กลัวกลับเป็นการทำให้นางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจฉู่มู่เหยาก็เข้าใจความคิดของกู้ฮวนเอ๋อร์เช่นกัน ถึงนางจะเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ แต่ก็ไม่กล้ามีความคิดเช่นพี่สะใภ้แต่เมื่อได้เห็นพี่สะใภ้และเสด็จพี่เช่นนี้ นางก็อวยพรให้พวกเขาจากใจจริงแม้ว่าชั่วชีวิตนี้ตนเองไม่แน่ว่าจะสามารถใช้ชีวิตแบบพี่สะใภ้ได้ แต่เพียงได้เห็นว่าพวกเขาทำได้ นางก็รู้สึกเป็นเกียรติแล้วสี่พี่น้องสกุลซ่งเห็นว่าฉู่จวินถิงให้ความสำคัญกับน้องสาวของพวกตนเช่นนี้ก็อดมองตากันไม่ได้ ใบหน้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 973

    ซ่งรั่วเจินมองโคมใจเดียวตรงหน้าก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงพูดกันว่านี่คือโคมลอยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปี“แม่นางซ่ง ท่านสามารถเขียนคำอธิษฐานแล้วแขวนไว้กับโคมใจเดียวเพื่อขอพรจากสวรรค์” แม่นางที่อยู่ข้างๆ กล่าวอย่างยิ้มแย้มมองดูกระดาษสีแดงตรงหน้า แต่ไหนแต่ไรมาซ่งรั่วเจินไม่เคยอธิษฐาน แต่เห็นทุกคนกำลังเขียนคำอธิษฐานในใจตัวเองอย่างจริงจัง นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ มองไปทางชายหนุ่มข้างกายแล้วหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนอย่างช้าๆ...ขอให้บุคคลอันเป็นที่รักแคล้วคลาดปลอดภัยฉู่จวินถิงสบตากับซ่งรั่วเจิน ทันใดนั้นก็เข้าใจแล้วว่าการยลโฉมงามใต้แสงโคมหมายความว่าอย่างไร เทียบกับเวลากลางวัน สีสันยามค่ำคืนนั้นละมุนละไมกว่ามองจากมุมมองของเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าแม่นางตรงหน้างดงามจนชวนให้จิตใจสั่นไหวเขาได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ได้มาอยู่ด้วยกันกับนาง ก็สามารถเติมเต็มความเสียดายทั้งมวลของชีวิตอันเดียวดายในชาติก่อนของเขาได้แล้วเขาหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนลงไปอย่างแช่มช้าเช่นกัน...ขอให้คนที่ข้ารักสมปรารถนาทุกประการได้อยู่ร่วมกันกับนางคือความปรารถนาชั่วชีวิตนี้ของเขา ขณะที่ตอนนี้ ความปรารถนาของเขาเป็นจริงแล้วจึงไม่ปรา

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 972

    ฉู่มู่เหยาว่าแล้วก็ส่ายศีรษะไปมา “ก่อนหน้านี้ยังพร่ำพูดว่าชอบเสด็จพี่ ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป้าหมายรวดเร็วปานนี้ ก็คงเพราะอยากเป็นพระชายานั่นแหละ”เสียแรงที่ก่อนหน้านี้นางอุตส่าห์ดีใจมากตอนเห็นหลิงเชี่ยนเอ๋อร์กลับมา คิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นสหายที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี ยามนี้กลับมาแล้วจึงดีใจมาก ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลังทำให้นางเข้าใจว่าเรื่องราวหาได้เรียบง่ายดังที่นางคิดหลังจากได้รู้ความคิดที่แท้จริงของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ นางก็ตีตัวออกห่างมาโดยไม่รู้ตัว มาบัดนี้ได้เห็นภาพที่อีกฝ่ายเทียวไล้เทียวขื่อเสด็จพี่รองก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง“ก่อนนี้เช่ออ๋องอยากใกล้ชิดกับนางไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เห็นนางตกลงแล้ว สองคนนี้ก็น่าจะตกล่องปล่องชิ้นกันได้ไม่ใช่หรือไร?” ซ่งรั่วเจินประหลาดใจ นางไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนฉู่มู่เหยาส่ายหน้าน้อยๆ “พี่สะใภ้ ท่านไม่รู้หรอกว่าเสด็จพี่รองเป็นคนที่ฉลาดเป็นกรดแค่ไหน เขาก็เหมือนกับแม่ของเขานั่นแหละ ช่ำชองการประเมินสถานการณ์เป็นที่สุดแล้ว”“ก่อนนี้ตระกูลหลิงเพิ่งกลับมา มีอิทธิพลมาก เขาย่อมจะมีความคิดเช่นนั้น แต่ช่วงนี้ข้าได้ยินมาว่าสถานการณ์ตระกูลหลิงเกิดความเปลี่ยนแป

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 971

    “สวรรค์ ห่วงทั้งสามลงเป้าพร้อมกัน จะร้ายกาจเกินไปแล้วกระมัง!”“ก่อนนี้ข้าก็เคยลองมาเหมือนกัน เล็งอยู่นานก็ยังไม่แตะโดนขอบเสียด้วยซ้ำ ฉู่อ๋องแค่เหลือบมองแวบเดียวก็โยนห่วงลงเป้าได้อย่างแม่นยำไร้ข้อผิดพลาด สามห่วงลงเป้าทุกอัน ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเองก็คงไม่กล้าเชื่อด้วยซ้ำ!”เสียงฮือฮาดังขึ้นเป็นระลอกมาจากรอบบริเวณ รู้สึกเพียงว่าช่างเก่งกาจโดยแท้ เดิมนึกว่าโยนห่วงยากขนาดนี้เป็นเพราะตั้งใจให้คนโยนไม่ลงเป้าเสียอีกจนกระทั่งชั่วขณะนี้ ทุกคนจึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ไม่ใช่ไม่ให้พวกเขาโยนลงเป้า แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่มีความสามารถเช่นนั้นเองต่างหาก!ฉู่เทียนเช่อเห็นฝีมือของฉู่จวินถิงแล้วก็แทบจะคงรอยยิ้มบนใบหน้าไว้ไม่อยู่ ในใจยิ่งเต็มไปด้วยความตกตะลึงเจ้าหมอนี่ทำได้อย่างไรกัน?เดิมทีอยากให้ฉู่จวินถิงขายหน้าในวันนี้ ไม่คิดเลยว่าจะทำให้อีกฝ่ายได้หน้าไปเสียอย่างนั้น...“เสด็จพี่ของข้าเก่งกาจด้านนี้มาแต่ไหนแต่ไร ตอนอยู่ในสมรภูมิก็ยังไร้พ่าย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้อาจยากมากสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเสด็จพี่ของข้าแล้วกลับไม่นับเป็นอย่างไร”ฉู่อวิ๋นกุยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ท่าทางนั้นยังกระหยิ่มยิ้มย่องกว่

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 970

    ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 969

    ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 968

    บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 967

    ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 966

    ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status