All Chapters of ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง: Chapter 61 - Chapter 70

100 Chapters

บทที่ 61

คนที่ยังมีความดีงามอยู่บ้าง ก็ควรได้รับการปฏิบัติด้วยความจริงใจสักครึ่งหนึ่ง.....จวนเซ่อเจิ้งอ๋อง!“ช่วงนี้สตรีผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง?” หลังจากจัดการงานราชการเสร็จ มู่หรงฉิงเทียน เซ่อเจิ้งอ๋องก็เอ่ยถามฮุ่ยอวิ่นที่กำลังจะออกไปฮุ่ยอวิ่นหันกลับมายิ้ม “ค่อนข้างสงบเสงี่ยมดี ฟังจากที่พวกเขารายงาน ไทเฮาท่านนั้นของเราดูเหมือนจะชอบนักดนตรีคนหนึ่งมาก ถึงขนาดเรียกให้เขาเข้าไปปรนนิบัติในตำหนักทุกคืนเลยทีเดียว”มู่หรงฉิงเทียนขมวดคิ้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความรังเกียจเล็กน้อย “เพิ่งจะส่งเข้าไปได้ไม่นานเท่าไรเอง?”“วังหลวงอันเงียบเหงา ในวัยสาวเช่นนี้ จะทนความเปล่าเปลี่ยวได้อย่างไร? ท่านก็ต้องเห็นใจนางบ้าง แบบนี้ก็ดีแล้วมิใช่หรือ? พวกเราไม่ต้องเปลืองแรง นางก็มีความสุขสำราญตามวิถีของนาง เพียงแต่ว่าต้องกำชับคนพวกนั้น อย่าให้มีลูกนอกสมรสเกิดมาก็พอ”“คนอื่น ๆ ในวังไม่มีใครนินทาอะไรเลยหรือ?” มู่หรงฉิงเทียนเอ่ยถาม“นินทาก็ส่วนนินทา แต่ก็ไม่มีใครมีหลักฐานจริง ๆ ตำหนักหรูหลานมีการป้องกันอย่างแน่นหนา หากมีคนเข้ามาสืบ ก็ต้องผ่านด่านคนของเราไปให้ได้ก่อน อาซานก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาล่วงเกินไ
Read more

บทที่ 62

มู่หรงเจี้ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แต่จะใช้เหตุผลใดในการปิดตำหนักเล่า? จะปิดตำหนักโดยไร้เหตุผลมิได้ เหล่าขุนนางจะคิดอย่างไร?”มู่หรงเจี้ยนเพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน ยังไม่มีบารมีอย่างฮ่องเต้ ขุนนางที่มีอำนาจในราชสำนักล้วนเป็นคนที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนไว้วางใจ ไม่ได้ภักดีต่อเขามากนัก ดังนั้น ตอนนี้ไม่ว่าจะมากหรือน้อย เขาก็ต้องเกรงใจความคิดเห็นของเหล่าขุนนางไทฮองไทเฮาทอดพระเนตรมองเขาครู่หนึ่ง ตรัสอย่างช้า ๆ “ก่อนหน้านี้ นางไม่ได้แสดงละครฉากใหญ่ที่ตำหนักเสด็จแม่ของเจ้า จะฆ่าตัวตายตามฮ่องเต้พระองค์ก่อนไปหรอกหรือ? ก็ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ บอกว่านางเศร้าโศกเสียใจกับการสวรรคตของฮ่องเต้พระองค์ก่อน จนทำให้ไร้ที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ จึงปลงผมบวชชีในวัง เพื่อแสดงความอาลัยต่อฮ่องเต้พระองค์ก่อน ส่วนเจ้าในฐานะโอรส ก็ออกคำสั่งห้ามมิให้ผู้ใดไปรบกวนการบำเพ็ญภาวนาของนาง เช่นนี้ก็เรียบร้อยแล้วมิใช่หรือ?”มู่หรงเจี้ยนตรัสอย่างเขินอาย “แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่านางเพิ่งเข้าวังได้แค่วันเดียว เสด็จพ่อก็สวรรคตแล้ว เช่นนี้จะบอกว่าเศร้าโศกต่อการสวรรคตของเสด็จพ่อจนต้องหนีเข้าทางธรรมได้อย่างไร?”พระวรกายของไทฮองไทเฮาต
Read more

บทที่ 63

“ไปเถิด ข้าเองก็เหนื่อยแล้ว!” ไทฮองไทเฮาทรงไล่เขาไปมู่หรงเจี้ยนกำลังพูดอย่างออกรส อยากจะเล่าเรื่องนโยบายที่เขาถูกเซ่อเจิ้งอ๋องปฏิเสธให้ไทฮองไทเฮาฟัง แต่เมื่อเห็นไทฮองไทเฮาไล่เขาไป ในใจก็รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง จึงลุกขึ้นทูลลาตอนที่เขายังเป็นรัชทายาท เขาสุภาพอ่อนน้อมต่อไทฮองไทเฮา เชื่อฟังคำสั่งทุกอย่าง แต่หลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว เขาก็เริ่มเหลิงขึ้นมาก ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาอีกต่อไปหลังจากเขาออกไปแล้ว ไทฮองไทเฮาก็ส่ายพระพักตร์พลางตรัสกับหมัวมัวข้างกาย “หย่าจู้ เจ้าเห็นหรือไม่? เขาไม่พอใจข้าแล้ว!”หย่าจู้ยิ้ม “เหล่าจู่จ้งอย่าได้เสียพระทัยไปเลยเพคะ อีกไม่นานฮ่องเต้ก็จะสำนึกผิดเอง”“เขาจะสำนึกหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เดิมทีข้าหวังว่าเขาจะมีความอดทน รับมือกับมู่หรงฉิงเทียนอย่างใจเย็น แล้วค่อยช่วงชิงอำนาจของเขาคืนมา แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เขาก็มีแต่จะถูกเล่นงานเท่านั้น ด้วยทัศนคติและความสามารถของเขาในเวลานี้ จะไปเป็นคู่ต่อสู้ของมู่หรงฉิงเทียนได้อย่างไร?”หย่าจู้ประคองนางลุกขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แม้แต่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนยังรับมือไม่ได้ จะหวังให้ฮ่องเต้จัดการได้อย่างไร? ได้แต่หวังว่าสองสามปี
Read more

บทที่ 64

จิ้นหรูเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “แต่ว่าทะ...คุณหนูใหญ่ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหนนี่เพคะ?”“ไปเถอะ ข้ามีวิธีของข้า” จ่านเหยียนเร่งเร้าจิ้นหรูเป็นนางกำนัลขั้นหนึ่งในวัง แน่นอนว่าสามารถเข้าออกตำหนักหรูหลานได้อย่างอิสระนางพาหมอหลวงมาถึงอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็เปิดม่าน เข้าไปในตำหนักด้านใน แล้วก็ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยกับหมอหลวงว่า “ท่านหมอหลวงโปรดรอสักครู่ ข้าจะเชิญไทเฮาออกมาเดี๋ยวนี้”“ได้!” หมอหลวงรับคำผ่านไปครู่หนึ่ง จี๋เสียงและหรูอี้ก็ประคองจ่านเหยียนออกมา จ่านเหยียนนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางอ่อนแรง ดวงตาเรียวงามดุจหงส์เหลือบมองหมอหลวงครู่หนึ่ง หมอหลวงหลายคนรีบก้าวเข้ามาถวายบังคม “กระหม่อมถวายบังคมหมู่โฮ่วฮองไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม!” จ่านเหยียนยกพระหัตถ์ขึ้นเล็กน้อย เป็นสัญญาณให้เขาลุกขึ้นจิ้นหรูเอ่ยกับหมอหลวง “ท่านรีบมาดูอาการของไทเฮาว่าทรงประชวรด้วยโรคอันใดกันแน่?”หมอหลวงเดินเข้าไปอย่างนอบน้อม หยิบเส้นสีแดงออกมาจากกล่องยา ยื่นให้กับจิ้นหรูกูกู “รบกวนกูกูผูกที่ข้อมือของไทเฮาด้วย”เขาคุกเข่าลงตรงหน้าจ่านเหยียน ทูลถามด้วยความเคารพ “ไทเฮาทรงรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”จ่านเหยี
Read more

บทที่ 65

“ไทเฮาเพคะ...” กัวอวี้เสียนคิดว่านางไม่เชื่อ จึงพยายามจะอธิบาย แต่จ่านเหยียนกลับเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าชื่อกัวอวี้เสียน ข้าคิดว่าตอนนี้เจ้าควรจะใช้ชื่อกัวอวี้ไปก่อนเถิด แล้วค่อยดูว่าต่อไปเจ้าจะคู่ควรกับคำว่าเสียนหรือไม่”กัวอวี้เสียนมองหลงจ่านเหยียนด้วยความตกตะลึง ทันใดนั้นก็เข้าใจความหมายในคำพูดของนาง นางกำลังให้โอกาสตน ในใจพลันเกิดความรู้สึกยินดีหลังจากที่กัวอวี้เสียนออกไปต้มยาแล้ว ตำหนักบรรทมอันใหญ่โตก็เหลือจ่านเหยียนเพียงผู้เดียว ปกติแล้ว นางไม่ต้องการให้ใครมาคอยปรนนิบัติข้างกาย หากไม่ได้รับอนุญาตจากนาง แม้แต่จิ้นหรูก็ห้ามเข้ามาในตำหนักบรรทมสายลมหนาวเย็นวูบหนึ่งไม่รู้พัดมาจากที่ใด ปลิวเข้ามากระทบม่านหนาหลายชั้นภายในตำหนักบรรทมท่ามกลางแสงสลัว ๆ จ่านเหยียนเห็นกลุ่มควันสีเขียวลอยขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซึ่งอยู่ห่างออกไปเบื้องหน้าสามจั้งควันสีเขียวค่อย ๆ กลายเป็นรูปร่างคน และกลายเป็นหญิงสาวหน้าตางดงามนางเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “ท่านเซียน ข้ากลับมาแล้ว!”“อืม ได้ยินอะไรมาบ้าง?” จ่านเหยียนถามพลางยกเปลือกตาขึ้นอย่างเฉื่อยชา“นางเฒ่าผู้นั้นคิดจะช่วงชิงแผ่นดินของตระกูลมู่หรงจริง ๆ ความทะเย
Read more

บทที่ 66

กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับติดปีกชั่วพริบตาเดียว เวลาหนึ่งปีก็ล่วงเลยผ่านไปอย่างไร้ร่องรอยในปีนี้ ภายในวังเกิดเรื่องราวขึ้นไม่น้อย จ่านเหยียนล้วนได้ยินมาจากปากของจิ้นหรูตัวอย่างเช่น เมื่อปลายปีที่แล้ว ฮ่องเต้ทรงคัดเลือกนางสนม นางสนมในวังก็เพิ่มขึ้นจากหลักหน่วยเป็นหลักสิบ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อยและในบรรดานางสนม ผู้ที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดคือบุตรสาวของเฉินไท่ฟู่ ปัจจุบันได้รับการแต่งตั้งเป็นหยวนเฟย ได้ยินมาว่าหยวนเฟยนั้นงามล่มเมือง ทำให้ฮ่องเต้ลุ่มหลง แม้แต่วันขึ้นหนึ่งค่ำและสิบห้าค่ำ ที่ควรจะเสด็จไปยังตำหนักบรรทมของฮองเฮาก็ลืมเสียแล้ว กลับเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับหยวนเฟยส่วนฮองเฮาองค์ปัจจุบัน เป็นหลานสาวของถงไทเฮา มีนามว่าถงเหยียน ตอนที่ฮ่องเต้ยังทรงเป็นรัชทายาท ก็ได้อภิเษกสมรสกับพระองค์แล้ว ปัจจุบันมีพระธิดาด้วยกันหนึ่งพระองค์ตระกูลถงมีอำนาจล้นฟ้า ฮองเฮาจึงมีนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ทรงโปรดปรานหยวนเฟย แม้แต่นางก็ยังถูกละเลย ก็ย่อมไม่ยอม จึงได้โวยวายอาละวาดหลายครั้ง จนบีบให้ถงไทเฮาต้องออกพระราชเสาวนีย์ลดขั้นหยวนเฟยเป็นหยวนผิน และยังกำชับให้
Read more

บทที่ 67

“เช่นนั้นความหมายของชีวิตท่านคืออะไร? ท่านก็อายุมากแล้ว หรือว่าท่านยังคิดจะหาคนแต่งงานด้วยอีกหรือ?” อาเสอมักจะใช้คำพูดที่กล่าวด้วยความโมโหเหล่านี้มาทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจจ่านเหยียนรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดนี้อย่างยิ่ง อายุสามร้อยกว่าปีในแดนสวรรค์แล้ว ถือว่าเป็นแค่เด็กทารกกระมัง? เทพเซียนองค์ใดบ้างที่อายุไม่ถึงพันปีหมื่นปี?อีกอย่าง นางคือจิตวิญญาณของมหาเทพผานกู่ที่แปลงกายมา ใบหน้าจึงหยุดอยู่ที่ช่วงเวลาที่งดงามที่สุด ตราบใดที่จิตใจของนางยังเยาว์วัย หากบอกว่านางอายุสิบหก ใครจะกล้าสงสัย?แน่นอนว่า คำพูดนี้ก็แค่คำพูดสวยหรูที่เอาไว้ปิดปากอาเสอเท่านั้น ตัวนางเองรู้ดีว่า สามร้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่นางกุมอำนาจกฎแห่งสามภพ นางเหนื่อยจนน้ำตาแทบไหล จิตใจจะไม่แก่ได้อย่างไร?ส่วนเรื่องที่อาเสอพูดถึงการหาคนแต่งงานนั้น นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ อยู่คนเดียวสบายกว่าตั้งเยอะ? เหตุใดจึงต้องหาใครสักคนมาผูกมัดตัวเองด้วย?เทศกาลเช็งเม้งฝนตกโปรยปราย ฝนตกติดต่อกันหลายวัน จ่านเหยียนก็ไม่ออกจากวังแล้ว พักอยู่ที่ตำหนักหรูหลาน วัน ๆ คอยฟังจิ้นหรูเล่าเรื่องราวการแก่งแย่งชิงดีในวังหลังส่วนอาเสอกลับบอกว่านางจงใจไม่อ
Read more

บทที่ 68

หยวนผินเงยหน้าขึ้นมองจ่านเหยียนด้วยแววตาตื่นตระหนก บนใบหน้าขาวซีดฉายแววสงสัยเล็กน้อยจิ้นหรูกำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก หยวนผินตกใจจนตัวสั่นเทา คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับเสียงดังตุบ “ท่านผู้สูงศักดิ์ ท่านโปรดช่วยข้าด้วย!”จ่านเหยียนมองนางด้วยความตกตะลึง ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเท่าไรนัก“เสียงฝีเท้าดังขึ้นเรื่อย ๆ และใกล้เข้ามาทุกที จ่านเหยียนส่งสายตาให้จิ้นหรู จิ้นหรูรีบเข้าไปดึงหยวนผินให้ลุกขึ้น “พระสนม รีบตามบ่าวเข้ามาเถิดเพคะ”กัวอวี้กางร่มแล้วรีบเดินออกไป ข้างหลังมีจี๋เสียงและหรูอี้เดินตาม“เอ๊ะ? องครักษ์หยาง?” กัวอวี้เพิ่งก้าวออกจากประตูตำหนักหรูหลานก็เห็นองครักษ์หยางนำองครักษ์และข้าราชบริพารมา จึงมองเขาด้วยความประหลาดใจ“เป็นกัวกูกู ขอถามกูกู ไม่ทราบว่าเห็นพระสนมหยวนผินหรือไม่?” องครักษ์หยางเอ่ยถามกัวอวี้ส่ายหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม “องครักษ์หยางล้อเล่นแล้ว ตำหนักหรูหลานห้ามคนนอกเข้ามาโดยตลอด อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่ผีเสื้อก็บินเข้ามาไม่ได้”“แต่มีคนเห็นพระสนมหยวนผินวิ่งมาทางนี้ ที่นี่นอกจากตำหนักหรูหลาน ก็ไม่มีที่อื่น” องครักษ์หยางกล่าวด้วยสีหน้าไม่เชื่
Read more

บทที่ 69

หยวนผินตกใจ “ที่นี่คือตำหนักหรูหลาน?”“หน้าประตูตำหนักมิได้แขวนป้ายใหญ่โตไว้หรอกหรือ?” จิ้นหรูเอ่ยถามหยวนผินเอ่ยอย่างละอายใจเล็กน้อย “หม่อมฉันมัวแต่วิ่งหนี ไม่ทันได้สังเกต เห็นประตูตำหนักที่นี่เปิดอยู่ จึงวิ่งเข้ามา ล่วงเกินหมู่โฮ่วฮองไทเฮาแล้ว โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”พูดจบ นางก็คุกเข่าลงถวายบังคมจ่านเหยียนอย่างนอบน้อม “หม่อมฉันหยวนฟางถวายพระพรหมู่โฮ่วฮองไทเฮาเพคะ!”หยวนฟาง?จ่านเหยียนยิ้ม “บิดาของเจ้า คือเฉินไท่ฟู่ใช่หรือไม่?”“เพคะ หม่อมฉันมีนามว่าเฉินหยวนฟาง” หยวนผินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่จ่านเหยียนรู้เรื่องของนาง“หยวนฟางเป็นชื่อที่ดี!” จ่านเหยียนยิ้ม พลางส่งสัญญาณให้จิ้นหรูประคองนางลุกขึ้นจี๋เสียงยกน้ำชาเข้ามา จากนั้นค้อมตัวถอยออกไปจ่านเหยียนกล่าวกับหยวนผิน “ดื่มชาก่อนสิ จะได้หายตกใจ”หลังจากที่หยวนผินกล่าวขอบคุณแล้ว ก็ใช้มือที่ยังคงสั่นเทา ยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มหลายอึกติดต่อกันแล้วจึงวางลงจ่านเหยียนเห็นสีหน้าของนางดูสงบลงบ้างแล้ว จึงเอ่ยถาม “แล้วองครักษ์เหล่านั้น ไล่ตามเจ้ามาทำไม?”หยวนผินยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “เหลียงกุ้ยเหรินแท้งแล้ว ฮองเฮาตรัสว่าเป็นเพราะหม
Read more

บทที่ 70

จ่านเหยียนยิ้ม “จิ้นหรู เจ้าอยู่ในวังหลังมานานหลายปี เหตุการณ์เหล่านี้ยังทำให้เจ้าโกรธได้อีกหรือ? เจ้ายังสู้หยวนผินมิได้ นางเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย ยังสามารถทำใจให้สงบได้ขนาดนี้”จิ้นหรูถอนหายใจ “จะทำใจให้สงบได้อย่างไรเพคะ? เห็นเหตุการณ์พวกนี้ ก็เหมือนกับกลืนแมลงวันตัวหนึ่งเข้าไปในปาก จะกลืนลงไปก็ไม่ได้ คายออกมาก็รู้สึกขยะแขยง”“หากเจ้าใส่ใจมากเช่นนี้ เช่นนั้นเราก็ตามไปที่ตำหนักเฟยเฟิ่งกัน” จ่านเหยียนเสนอ“หากพวกเราสามารถต่อกรกับฮองเฮาได้ การไปก็ย่อมเป็นเรื่องดี แต่ในตอนนี้พวกเราจะไปต่อกรกับฮองเฮาได้อย่างไร? ถ้าไปแล้ว เกรงว่าแม้แต่ชีวิตที่สงบสุขในตอนนี้ก็จะหายไป การช่วยเหลือผู้อื่น ต้องดูว่าตนเองมีความสามารถหรือไม่ เรื่องนี้บ่าวรับใช้ทราบดีเพคะ คุณหนูใหญ่อย่าได้ลองเชิงบ่าวเลย” จิ้นหรูตอบ“ข้าไม่ได้ลองเชิงเจ้า” จ่านเหยียนกล่าวพลางเลิกคิ้ว“เช่นนั้นคุณหนูใหญ่คิดจะไปจริง ๆ หรือ? อย่าลืมนะเพคะว่าฮองเฮาองค์ปัจจุบันนั้นสกุลถง” จิ้นหรูมองจ่านเหยียนด้วยความประหลาดใจ นางหลบเลี่ยงผู้คนมาหนึ่งปี แม้กระทั่งข่าวลือข้างนอกที่ว่านางมีความสัมพันธ์กับนักดนตรีก็ไม่คิดจะอธิบาย ตอนนี้กลับจะออกไปเ
Read more
PREV
1
...
5678910
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status