หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จ่านเหยียนรู้สึกรังเกียจที่ตัวเองหน้าแดงระเรื่อเกินไป ไม่เหมือนคนป่วยอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงให้กัวอวี้แต่งหน้าให้นาง พยายามอย่างสุดความสามารถที่ทำให้ดูซีดขาวลงหน่อยหลังจากบำรุงร่างกายมาหนึ่งปี นางก็สูงขึ้นห้าเซนติเมตร รูปร่างไม่ได้อวบอ้วนขึ้น แต่ก็ได้ดูบอบบางเฉกเช่นเมื่อก่อน แม้แต่ส่วนที่ควรเจริญเติบโตก็เติบโตขึ้นมาในทางที่ดีขึ้นนางกางแขนสองข้าง ประหนึ่งราชันวิหคที่กำลังจะโบยบินสู่ท้องนภา ทำให้คนรู้สึกได้ว่ามีความน่าเกรงขามอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อพานางกำนัลทั้งสี่คนเดินออกจากตำหนักหรูหลาน อาซานก็ตามออกมา “ไทเฮา โปรดทรงอนุญาตให้กระหม่อมติดตามไปด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” จ่านเหยียนมององครักษ์ที่จงรักภักดีซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ตรงหน้านี้ แน่นอนว่าคนที่เขาจงรักภักดีด้วยคือเซ่อเจิ้งอ๋อง“ได้!” จ่านเหยียนตอบรับหลังจากเดินไปสองก้าว จ่านเหยียนพลันเอ่ยว่า “หนทางยาวไกล เกี้ยวของข้าเล่า?”จิ้นหรูแย้มยิ้ม “จะไปสั่งให้คนจัดเตรียมเดี๋ยวนี้เพคะ พระองค์มิได้รับสั่ง หม่อมฉันเลยนึกว่าพระองค์มิทรงต้องการเสียอีก”ความจริงแล้วในหนึ่งปีมานี้ หากเรื่องที่จ่านเหยียนไม่ได้
องครักษ์หยางเอ่ยถามว่า “เช่นนั้นกระหม่อมจะนำคนไปค้นอีกครั้งดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ฮองเฮาโบกพระหัตถ์แล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ไม่ต้องแล้ว คิดว่านางผู้นั้นก็คงไม่กล้าเก็บนังแพศยาหยวนฟางไว้หรอก”นางส่งสัญญาณให้องครักษ์หยางออกไป จากนั้นนางกำนัลที่อยู่ข้างกายก็เข้ามาเอ่ยว่า “ฮองเฮา เรื่องนี้จำเป็นต้องกราบทูลฝ่าบาทหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“ฝ่าบาทเสด็จไปยังวัดฮู่กั๋ว อีกสองวันถึงจะเสด็จกลับมา แต่ข้าสั่งให้คนไปแจ้งฝ่าบาทแล้ว รอฝ่าบาทกลับมา นังแพศยานี่ก็คงถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว” ฮองเฮาเอนตัวนอนบนพิงตั่งนอน เอ่ยพลางขมวดคิ้วฝ่าบาทเสด็จออกนอกวัง นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด หากฝ่าบาททรงประทับอยู่กลับดำเนินการได้ยากทันใดนั้นก็มีนางกำนัลเข้ามารายงานว่า “ฮองเฮา กัวกงกงพาหยวนผินมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮาหัวเราะหยัน “ข้าคาดเดาไว้แล้วว่านางผู้นั้นไม่กล้ารับตัวหยวนผินไว้หรอก เซียวเซียว ไปเชิญพระสนมจากตำหนักต่าง ๆ มาให้หมดเถิด และก็หามเหลียงกุ้ยเหรินเข้ามาด้วย” “เช่นนั้นต้องแจ้งให้ทางฝั่งไทเฮาทรงทราบหรือไม่เพคะ?” เซียวเซียว นางกำนัลผู้ดูแลตำหนักเฟยเฟิ่งเอ่ยถาม“เสด็จแม่สุขภาพไม่ค่อยดี อย่าเอาเรื่องนี้ไปสร้
ฮองเฮาตบที่วางแขน นัยน์ตาเย็นเยียบดุจน้ำค้างแข็ง “หลักฐานแน่นอน เจ้าจะปฏิเสธได้อย่างไร?”หยวนผินเองก็อดระเบิดความไม่ยินยอมออกมาไม่ได้ภายใต้ความตกตะลึง “หลักฐานที่ฮองเฮาตรัสถึงคือหลักฐานอะไรเพคะ?”ฮองเฮาหัวเราะหยัน “ใครก็ได้ พาคนจากตำหนักหานชุ่ยมา!”หยวนผินอึ้งไป หันหน้าไปมองก็เห็นองครักษ์หลายนายลากนางกำนัลข้างกายนางเข้ามา พวกเขาตัวสั่นระริกพลางหมอบอยู่บนพื้น ปากก็พูดว่า “ฮองเฮาทรงพระปรีชา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคำสั่งของหยวนผินเพคะ พวกหม่อมฉันแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น” หยวนผินได้ยินคำพูดนี้ก็แทบจะกระอักเลือดออกมา นางเบิกตาโตด้วยความโกรธเกรี้ยว ข่มกลั้นความคาวหวานในลำคอไว้ “พวกเจ้าพูดจาเหลวไหล ข้าเคยสั่งพวกเจ้าตั้งแต่เมื่อไร?”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น “เสี่ยวซานจื่อ เจ้าจงเล่าเรื่องทุกอย่างออกมา ให้จิตใจอันชั่วร้ายของนางไร้ที่ซ่อน” เสี่ยวซานจื่อเงยหน้าขึ้นกล่าว "พ่ะย่ะค่ะ เรียนฮองเฮา นับตั้งแต่หยวนผินรู้ว่าเหลียงกุ้ยเหรินตั้งครรภ์ก็ซึมเซามาโดยตลอด แม้ว่าใบหน้าจะดูดีใจแทนเหลียงกุ้ยเหริน แต่กลับคอยถามพวกกระหม่อมในตำหนักว่ามีวิธีการใดบ้างที่จะทำให้ทารกในครรภ์ของเหลียงกุ้ยเหรินหายไปอย่างเงียบงัน
ดวงหน้าที่ประแป้งของฮองเฮาดูเย็นชาดุจน้ำค้างแข็ง “เจ้าไม่เคยทำ? ความหมายคือบอกว่าข้าใส่ความเจ้าหรือ? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เจ้ากำเริบเสิบสานเลย เจ้ามาดู ถุงผ้านี้เป็นของที่เจ้าส่งให้เหลียงกุ้ยเหรินใช่หรือไม่?”นางกล่าวจบก็หยิบถุงเครื่องหอมขึ้นมาแล้วโยนลงพื้นอย่างแรงหยวนผินก้มหน้ามอง ถุงหอมสีแดงลายไผ่และกล้วยไม้นั้นเป็นฝีมือของนางจริง ๆ ตอนที่ปักถุงหอมนี้ เสี่ยวซานจื่อยังเคยบอกว่านางฝีมือดีมาก ไม่มีงานเย็บปักถักร้อยของผู้ใดในวังสามารถทำได้ดีเช่นนี้เลย“เป็นของที่หม่อมฉันมอบให้เหลียงกุ้ยเหรินจริง ๆ เพคะ แต่ว่าในถุงหอมนี้เป็นเครื่องหอมที่ช่วยให้จิตใจสงบทั้งหมด ไม่มีชะมดเช็ดเลยเพคะ” หยวนผินเก็บถุงหอมขึ้นมาแล้วเอาเข้ามาใกล้จมูกดมกลิ่นอย่างละเอียด ก่อนจะทำสีหน้าอึ้งไปแล้วมองฮองเฮาอย่างตกตะลึงพรึงเพริด “ฮึ เจ้าพูดเองสิว่ามีชะมดเช็ดหรือไม่?” ฮองเฮาแค่นเสียงเย็นชา กลอกตามองนางหยวนผินหน้าซีดเผือด ส่ายหัวพึมพำว่า “เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่เคยใส่ชะมดเช็ด”“ยังไม่ยอมรับอีก?” สีหน้าของฮองเฮาเปลี่ยนไป “ดูเหมือนถ้าไม่ทรมานเจ้า เจ้าคงไม่ยอมรับความผิดสินะ!”นางเงยหน้าขึ้นแล้วร้องเรียกว่า
นางยืนอยู่ทางด้านข้างเช่นเดิม จ้องมองด้วยสายตาเย็นชาจ่านเหยียนกระซิบข้างหูจิ้นหรูสองประโยค จากนั้นจิ้นหรูก็พยักหน้าแล้วเดินเข้ามาเอ่ยถามว่า “พยานบุคคลและพยานหลักฐานที่ฮองเฮาตรัสเมื่อครู่นี้ล้วนอยู่ที่นี่หรือเพคะ?”หากเป็นจ่านเหยียนเอ่ยถาม เกรงว่าคงไม่มีใครพูด ทว่าแต่เดิมจิ้นหรูรับใช้ข้างกายฮ่องเต้พระองค์ก่อน และเป็นนางกำนัลชั้นหนึ่ง เมื่อนางเอ่ยถาม นางกำนัลที่อยู่ต่ำกว่าย่อมต้องตอบคำถาม ดังนั้น พวกคำพูดที่เสี่ยวซานจื่อเอ่ยเมื่อครู่นี้ เวลานี้จึงทวนซ้ำอีกครั้งด้วยเสียงสะอื้นไห้ต่อหน้าจ่านเหยียนฮองเฮารักษาสีหน้าเย็นชามาโดยตลอด เมื่อมีนางกำนัลยกเก้าอี้มา นางก็ไม่นั่ง ราวกับโกรธเคืองจ่านเหยียนจ่านเหยียนฟังคำพูดของเสี่ยวซานจื่อแล้วพูดกับจิ้นหรูว่า “นำถุงหอมมาให้ข้า”จิ้นหรูเดินขึ้นหน้าไปหยิบถุงหอมในมือหยวนผิน หยวนผินมองจ่านเหยียนด้วยสายตาไหววูบ นางรู้ว่าไทเฮารีบรุดมาโดยไม่ลังเลที่จะล่วงเกินฮองเฮาก็เพื่อที่จะช่วยเหลือนางเพียงแต่ว่า...จิ้นหรูยื่นถุงหอมให้จ่านเหยียน ภายใต้สายตาจับจ้องของผู้คน จ่านเหยียนเอาถุงหอมจ่อไว้ที่ใต้ปลายจมูกแล้วสูดดม จากนั้นก็พยักหน้า “อืม มีชะมดเช็ดอยู่จ
จ่านเหยียนเพียงแต่นั่งอย่างสบายอารมณ์ ไม่สนใจฮองเฮาที่โกรธจนหน้าเขียวเลยหมอหลวงถูกเชิญมาอย่างรวดเร็ว เขาถวายบังคมฮองเฮาก่อน เมื่อเห็นจ่านเหยียน สีหน้าก็ตกตะลึงไปเล็กน้อยแต่ยังคงเข้ามาถวายบังคม “กระหม่อมถวายบังคมหมู่โฮ่วฮองไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ”“ตอนที่เหลียงกุ้ยเหรินแท้ง เจ้าเป็นคนรักษาหรือ?” จ่านเหยียนเอ่ยถาม“กราบทูลไทเฮา เป็นกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงตอบรับ “เช่นนั้นทำความสะอาดเลือดคั่งในร่างกายนางหมดแล้วหรือไม่? ได้จ่ายยาขับเลือดให้นางกินบ้างหรือไม่?”“กระหม่อมจ่ายยาบำรุงเลือดลม ครรภ์หลุดออกมาสะอาดมาก ไม่จำเป็นต้องจ่ายยาขับเลือดอีกพ่ะย่ะค่ะ” “หม่อมฉันจ่ายยาเสริมเลือดและพลังงานให้แล้วเพคะ ครรภ์หลุดออกมาจนหมด ไม่จำเป็นต้องจ่ายยาขับเลือดเพิ่มเติม” หมอหลวงตอบจ่านเหยียนโยนถุงหอมลงตรงหน้าเขา “หลุดออกมาจนหมด? เหลียงกุ้ยเหรินดมชะมดเช็ดในถุงหอมนี้ก็ทำให้แท้ง เจ้าบอกข้ามาสิว่าชะมดเช็ดปริมาณเล็กน้อยพวกนี้เพียงพอที่จะทำให้ครรภ์ของเหลียงกุ้ยเหรินหลุดออกมาจนหมดจดถึงเพียงนี้ได้เชียวหรือ?”หมอหลวงหยิบถุงหอมขึ้นมา หลังจากเปิดออกก็เทชะมดเช็ดทั้งหมดลงมาบนฝ่ามือ หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดแล้วเ
ฮองเฮาคิดไม่ถึงเลยว่าจิ้นหรูจะกล้าตบนางจึงตกตะลึงไปทันที เมื่อนางได้สติกลับมา นางก็โกรธจนลืมฐานะตัวเอง พุ่งเข้าไป กระชากคอเสื้อของจิ้นหรู หมายจะตบหน้าฉาดใหญ่แววตาของจ่านเหยียนไหววูบ ดวงหน้าเย็นชาลงสายลมพัดขึ้นมาในตำหนัก ลมหอบนี้พุ่งมาตรงหน้าฮองเฮาดังฟิ้ว ฮองเฮาถูกลมพัดจนหรี่ตาลง ผลักจิ้นหรูออกแล้วไปปิดตาทันทีจิ้นหรูกลับมาอยู่ข้างกายจ่านเหยียนด้วยใบหน้าซีดเผือด ยื่นมือไปลูบหน้าอก ยังคงรับสถานการณ์ตรงหน้านี้ไม่ได้นิดหน่อย หัวใจเต้นเร็วมาก หลังจากสูดลมหายใจลึกแล้วก็เอ่ยกับจ่านเหยียนว่า “คุณหนูใหญ่ เมื่อครู่นี้บ่าวไม่ได้ตั้งใจนะเพคะ” จ่านเหยียนแย้มยิ้ม “ตบได้ดี!” ย่อมไม่ได้ตั้งใจอยู่แล้ว ต่อให้มอบความกล้าให้จิ้นหรูอีกหมื่นเท่า นางก็ไม่กล้าตบฮองเฮาหรอก การกระทำของจิ้นหรูเมื่อครู่นี้เป็นฝีมือนางที่ลอบควบคุมจิตใจของจิ้นหรู จิ้นหรูมองนางอย่างตกตะลึง กัวอวี้ดึงจิ้นหรูไว้แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไร คุณหนูใหญ่ย่อมมีบันยะบันยัง” สีหน้าของฮองเฮาดูย่ำแย่มาก แก้มมีรอยนิ้วมือเด่นชัดมาก ดวงหน้าดูอับอายและเดือดดาล นางจ้องมองจิ้นหรูอย่างบึ้งตึง “ดีมาก บ่าวรับใช้อย่างเจ้ากล้าลงมือตบข้า เจ้
จ่านเหยียนยกริมฝีปากยิ้มอย่างเย็นชา เดินไปอยู่ข้างกายหยวนผินที่คุกเข่าอยู่บนพื้นไม่กล้าลุกขึ้นมา ก่อนจะดึงนางให้ลุกขึ้น จากนั้นก็มองบรรดาสนมรอบ ๆ แล้วพูดว่า “แม้ว่าข้าไม่ได้เดินเล่นในวังหลัง แต่พวกเจ้าแต่ละคนทำอะไร ข้าล้วนรู้ดี อย่าคิดว่าทำเรื่องสกปรกลับหลังแล้วจะไม่มีผู้ใดรู้นะ หากเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อย ข้าไม่สนใจพวกเจ้าอย่างแน่นอน แต่โหดร้ายจนถึงขั้นทำให้คนแท้งลูก ถึงขนาดที่ใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น ข้าไม่อาจไม่ยุ่งเกี่ยวได้”ภายใต้สายตาเคร่งขรึมของนาง บรรดาสนมก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัว ในใจลอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าไทเฮาที่ไม่เคยออกมาผู้นี้จะมีมาดเช่นนี้ด้วย?จ่านเหยียนหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อว่า “พวกเจ้าคิดว่าหมอหลวงหรี่ตายอย่างไม่เป็นธรรมมากใช่หรือไม่? ข้าจะบอกพวกเจ้าว่า เขาไม่ได้ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเลยสักนิดเดียว เขาตายไปอย่างสบายเช่นนี้ได้ก็เป็นวาสนาของเขาแล้ว เขาทำเรื่องอะไรเอาไว้ ข้ารู้ดีทั้งหมด” นางเบนสายตากลับไปที่ใบหน้าของฮองเฮา “ฮองเฮา เจ้าว่าใช่หรือไม่?”ฮองเฮาโดนสายตาของนางจับต้องจนรู้สึกขนลุกชัน นางยืดหลังตรงแล้วเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “หม่อมฉันไม่ทราบว่าไทเฮ
ทั้งสองจะยอมหรือ? จึงบอกจะเข้าไปพูดกับจิ้นหรูกูกู หรูหัวกลับหน้าขรึม “พวกเจ้าเห็นตำหนักชิงหนิงคือสถานที่ใด? พวกเจ้าอยากเข้าก็เข้าได้ตามใจชอบหรือ?”อาถงข่มอารมณ์โกรธ กล่าวขอร้อง “กูกูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย พวกเราก็ทำงานตามคำสั่ง หากเชิญจิ้นหรูกูกูกลับไปไม่ได้ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาต้องพาลมาถึงเราแน่ กูกูคงไม่อยากเห็นพวกเราถูกลงโทษกระมัง?”“พวกเจ้าถูกลงโทษหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าแค่ฟังคำสั่งของเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาเท่า...”อาถงกับอาเถี่ยรีบฉวยโอกาสตอนที่หรูหัวพูดบุกเข้าไปเพียงแต่ทั้งสองเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกองครักษ์สองสามคนขวางเอาไว้“บุกรุกตำหนักของไทเฮา พวกเจ้ามีกี่ชีวิต? เอาตัวไป!” หรูหัวเอ่ยเสียงกร้าวกระบี่หลายเล่มพาดอยู่ตรงลำคอของอาถงกับอาเถี่ย ทั้งสองไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่หันไปมองหรูหัวและเอ่ย “กูกู พวกเรามิได้จงใจบุกรุก กูกูโปรดเมตตา อนุญาตให้เราไปพบจิ้นหรูกูกูหน่อยเถอะ”หรูหัวหัวเราะเสียงเย็น ส่งสายตากับองครักษ์ “เอาตัวไป ขังอยู่ในห้องมืดก่อน”ห้องมืดใช้กักขังคนในตำหนักที่กระทำความผิดโดยเฉพาะ บ้างเข้าห้องมืดไม่กี่วันก็ออกมา แต่ทั่วไปแล้วมักมอบให้หัวหน้าขันทีในวั
ทั้งสองคิดไปก็มิใช่วิธี จึงให้จี๋เสียงกับหรูอี้ไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์หมู่โฮ่วฮองไทเฮา ตามจิ้นหรูกลับมาปรนนิบัติที่ตำหนักครั้นจี๋เสียง หรูอี้ไปถึงตำหนักชิงหนิงกลับเข้าไปไม่ได้ ได้แต่ให้ขันทีในตำหนักไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์ของหมู่โฮ่วฮองไทเฮาผ่านไปพักหนึ่ง หรูหัวก็ยิ้มตาหยีเดินออกมา “เซิ่งหมู่ฮองไทเฮากำลังเดินหมากกับจิ้นหรูกูกู นี่กำลังสนุกเลย จะอย่างไรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาก็ไม่ยอมให้กูกูไป พวกเจ้าสองคนกลับไปทูลรายงานหมู่โฮ่วฮองไทเฮาว่าจะส่งคนกลับไปดึกหน่อยแล้วกัน”“อ๊าาา”เสียงร้องดังมาจากข้างในอีก จี๋เสียง หรูอี้สบตากันทีหนึ่ง สีหน้าเริ่มกังวลเล็กน้อยหรูหัวเอ่ยเรียบ “มีนางกำนัลคนหนึ่งไม่ทันระวังทำน้ำชาหกใส่หลังมือของจิ้นหรูกูกู นี่อย่างไร กำลังถูกโบยอยู่เลย”“แต่... เหตุใดเสียงนี้ฟังดูแล้วจึงเหมือนเสียงของจิ้นหรูกูกูล่ะ?” จี๋เสียงเอ่ยอย่างขลาด ๆ“เหลวไหลอันใด?” หรูหัวเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน “เจ้าจะบอกว่าเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาทรมาทรกรรมจิ้นหรูกูกูหรือ? ยังมิได้กล่าวถึงจิ้นหรูกูกูเป็นคนข้างพระวรกายของหมู่โฮ่วฮองไทเฮา แค่อดีตนางคือนางกำนัลคนสนิทของอดีตฮ่องเต้ ทั้งยังมีไมตรีกับเซิ่งหมู่ฮองไทเฮามาต
จิ้นหรูหัวใจรัดแน่น สุดท้ายดวงตาก็ฉายความแตกตื่นออกมา “พระองค์คิดจะทำอันใดกันแน่เพคะ?”“ถามได้ดี!” ถงไทเฮาลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินก้าวหนึ่ง เหยียบหลังมือของจิ้นหรู ออกแรงขยี้ มองดูความทรมานบนใบหน้าของจิ้นหรู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เจ็บหรือ?”จิ้นหรูกัดฟัน “ไทเฮาจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้เพคะ”อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็คือหลุดพ้น แต่... นางรู้ ถงไทเฮาแค้นนางที่สุด จะไม่ให้นางตายง่าย ๆ เด็ดขาด“ข้าได้ยินว่าคุกทักษิณมีทัณฑ์ทรมานมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเทียบกับข้าที่นี่แล้ว จะเหนือกว่าหรือไม่? มิสู้จิ้นหรูกูกูช่วยข้าเปรียบเทียบสักหน่อย” ถงไทเฮาโน้มตัวลงเชยคางของจิ้นหรู มุมปากแย้มยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมเดิมรูปลักษณ์ก็มิได้งามวิไล ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ยิ่งทำให้ดุร้ายอัปลักษณ์มากกว่าเดิมจิ้นหรูขวัญผวา ไม่กล้ามองดวงตากระหายเลือดของนาง จึงก้มหน้ากัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บที่ส่งมาถึงแต่... นี่ยังห่างไกลกับจุดสิ้นสุดหรูหัวยกตะปูมากะละมังหนึ่ง พวกมันมิใช่ตะปูเหล็ก แต่เป็นตะปูไม้ท้อทุกเล่มทำจากไม้ท้อ ส่วนปลายแหลมคมเงาวับ“ถ้าเจ้าร้องสักแอะ ข้าจะเพิ่มตะปูอีกเล่ม” ถงไทเฮาเอ่ย
ด้วยประการละฉะนี้ ทุกคนจึงนึกว่าฮ่องเต้โปรดปรานแต่ฮองเฮา ทอดทิ้งวังหลังแม้นางสนมจะตำหนิไม่พอใจ แต่เพราะฮองเฮาคือคนสกุลถง จึงไม่มีใครกล้าพูดฮองเฮารูปโฉมไม่โดดเด่น กลับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงนี้ เห็นได้ว่าฮ่องเต้รักนางจริง ๆชั่วขณะ ฮองเฮาบารมีไร้ที่สิ้นสุด รั้งตำแหน่งฮองเฮา ทั้งยังมีความโปรดปรานของฮ่องเต้มั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้สกุลถงเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันเขาใช้การกระทำบอกนาง ในใจของเขามีแต่นางเท่านั้นสามสิบกว่าปีแล้ว นางเข้าวังในวัยสิบสอง บัดนี้สี่สิบสาม อดีตฮ่องเต้คือแผ่นฟ้าของนาง คือสามีของนาง คือนายของนางเขาจากไปก่อนนาง แม้นางจะเสียใจ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเสียใจมาก เพราะนางรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่ตรงนั้น สุดท้ายนางจะได้ไปพบกับเขานางรู้ ยามนี้ได้เวลาแล้ว“พูด!” หรูหัวดุดันขึ้นมา ตบหน้านางฉาดหนึ่งจิ้นหรูหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง แก้มบวมขึ้นรอยประทับนิ้วมือทันทีจิ้นหรูคุกเข่าตัวตรง “บ่าวไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”“เจ้ามอบความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ผู้ใด?” ถงไทเฮาไม่แสดงออกว่าโกรธมาก ในทางกลับกัน นางพรูลมยาว ข้อกังขาที่เก็บอยู่ในใจนางยี่สิบกว่าปี กระจ่างแจ้งในที่สุด“บ่าวไม่ทร
หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ
“ข้าได้ยินมา ทุกคืนนางจะเรียกนักดนตรีไปบรรเลงเพลง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่?”“ทูลไทเฮา เรื่องนี้เกินไปหน่อยเพคะ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาทรงเรียกพวกเขามาในยามวิกาลน้อยนัก!”รอยยิ้มของถงไทเฮาบานสะพรั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ “ข้าก็รู้ว่าวังหลังมีปากหอยปากปูมาก จริงสิ ปกติเวลาอดีตฮ่องเต้ทรงสะสางราชกิจ ทรงโปรดทำอันใดหรือ?”หัวข้าสนทนาวกกลับมาเรื่องอดีตฮ่องเต้ จิ้นหรูลอบโล่งอก เวลาตอบคำถามจึงเป็นมิตรมากขึ้นบางส่วน “อดีตฮ่องเต้มีเวลาวางน้อยนัก แต่พระองค์โปรดอู้งานยามยุ่ง ทรงโปรดการเดินหมาก เสวยพระสุธารสชาเพคะ”“เดินหมาก? เดินกับผู้ใด?” ถงไทเฮาถาม“กับบ่าวเพคะ” จิ้นหรูยิ้มบาง “เพียงแต่ฝีมือการเดินหมากของบ่าวไม่ดี แพ้อยู่เรื่อยเลยเพคะ”“อดีตฮ่องเต้ทรงยินดีเดินหมากกับเจ้า แสดงว่าฝีมือการเดินหมากของเจ้าต้องดี” ถงไทเฮายิ้มเอ่ย “เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวนักเลย วันหลังข้าจะเดินหมากกับเจ้าบ้าง เจ้าก็คลายเหงาให้ข้าหน่อย”“ขอเพียงไทเฮาโปรด บ่าวก็เดินหมากเป็นเพื่อนไทเฮาได้ทุกเมื่อเพคะ” จิ้นหรูกล่าวจากใจ“เจ้าช่างเป็นคนเข้าใจผู้อื่นแท้ ๆ มิน่าอดีตฮ่องเต้จึง ‘โปรดปราน’ เจ้าเช่นนี้” ถงไทเฮายิ้มเอ่ยคำพูดนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ใ
ตำหนักชิงหนิงจิ้นหรูคุกเข่าลงคำนับ “ถวายพระพรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮา”“ลุกขึ้นเถอะ จิ้นหรู” ถงไทเฮาแย้มยิ้มจิ้นหรูลุกขึ้นยืนก้มหน้าแล้วไปยืนอยู่ด้านข้าง“ไม่ต้องเกร็งไป วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามา เพราะอยู่ ๆ ก็นึกถึงอดีตฮ่องเต้ อดีตฮ่องเต้เคยรับสั่งว่าทักษะการชงชาของเจ้าเป็นหนึ่งในใต้หล้า เจ้าจะชงให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่?” ถงไทเฮากล่าวขอด้วยใบหน้าราบเรียบ“เพคะ!” จิ้นหรูขานรับ“หรูหัว ไปเตรียมเครื่องชงชา” ถงไทเฮาสั่งหรูหัวขานรับแล้วจึงออกไปถงไทเฮาปรายตามองจิ้นหรู วันนี้นางสวมชุดสีครามปักลายใบไม้ไผ่สีแดงเข้ม มิได้ผัดแป้ง แม้อายุล่วงเลยสี่สิบ กลับยังสง่าเรียบง่ายจิ้นหรูไม่เคยคลอดลูก จึงดูอ่อนเยาว์กว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมิได้เลอโฉม กลับมีท่วงทำนองอย่างหนึ่งหรูหัวยกเครื่องชงชามา นางมองการต้มน้ำ ล้างชา ล้างถ้วย รินน้ำชาอย่างสง่างามของจิ้นหรูยังไม่พูดถึงฝีไม้ลายมือที่สง่างาม แต่ขณะนางชงชาจะมีสมาธิมาก ยามที่คนคนหนึ่งจดจ่ออยู่กับเรื่องหนึ่ง จะมีเสน่ห์ชวนหลงใหลเป็นพิเศษในฐานะที่ถงไทเฮาคือสตรีก็รู้สึกถึงมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหลนี้เหมือนกัน“อดีตฮ่องเต้โปรดเสวยพระสุธารสชาอะไรหรือ?” นา
ถงไทเฮาถอนตายตากลับช้า ๆ ก็จริง นับจากหรูหัวเข้าวังก็อยู่ข้างตัวนางมาตลอด รวมแล้วอดีตฮ่องเต้เคยมองนางเพียงไม่กี่ครั้ง แม้แต่ชื่อของนางก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำที่สำคัญที่สุดคือ แม้หน้าตาของหรูหัวจะพอใช้ได้ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘สวย’ เด็ดขาด“ในฐานะที่เป็นบุตรสาวสกุลถง ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็ใช้ชีวิตเหมือนพญาหงส์ แล้วยังจะสูงศักดิ์ยิ่งกว่าองค์หญิงเสียด้วยซ้ำ หลังจากเข้าวังก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา เกียรติยศไร้ขีดจำกัด แต่... นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้คนอื่นดู สิ่งที่ข้าต้องการ ก็แค่สายตาอาวรณ์หนึ่งของอดีตฮ่องเต้ เมื่อไม่ได้มา ข้าก็ไม่อยากให้ผู้ใดได้มันไปทั้งนั้น ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย ข้าก็ต้องรู้ว่านางคือใคร”ถงไทเฮาพูดเนิบช้ามาก แต่... มีความโหดเหี้ยมทุกถ้อยคำหรูหัวพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพึ่บ “เสี่ยวหรู? คนที่ปรนนิบัติอดีตฮ่องเต้ในตำหนักในสมัยก่อน มีคนหนึ่งที่ชื่อจิ้นหรูเพคะ”“จิ้นหรู? ไม่ใช่นาง” ถงไทเฮาส่ายหน้า “นางโตมากับอดีตฮ่องเต้ ถูกส่งไปปรนนิบัติข้างพระวรกายอดีตฮ่องเต้นานแล้ว หากนางคือคนที่อดีตฮ่องเต้โปรดปราน ไยไม่แต่งตั้งนางเป็นสนมเล่า?”หรูหัวคิ
ฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ ซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่า...” ความกลัวเริ่มปกคลุมใบหน้าของนาง และไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“ถ้าเจ้ายังอยากรักษาชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้ ก็ไปหาฮ่องเต้” ถงไทเฮากล่าวอย่างแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าเทียบกับสมัยก่อน ถงไทเฮาเติบโตและรู้ความมากแล้ว เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจนาง เหตุใดมักให้นางทำเรื่องที่ลำบากใจ บัดนี้นางรู้แล้ว มีเพียงให้ตัวเองลำบาก สกุลถงจึงจะมั่นคงในใจของคนสกุลถง ชื่อเสียงและความมั่นคงของวงศ์ตระกูลสำคัญที่สุดเสมอ นางรู้ว่าตอนนี้ถงเหยียนยังไม่ตระหนักในจุดนี้ แต่นางจะเข้าใจในไม่ช้าก็เร็ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลานี้นับเป็นอันใด? ภายภาคหน้ายามสกุลถงกับสกุลมู่หรงแบ่งใต้ฟ้า นางจะรู้ว่าความอยุติธรรมทั้งหลายที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่าดวงหน้าไฉไลของฮองเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ที่เจืออยู่ในดวงตาคือน้ำตาแห่งความน้อยใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปช่วยด้วยเจ้าคะ? ท่านสั่งคำเดียวก็ได้แล้วนี่ กลับต้องให้ข้าวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้”ถงไทเฮานวดศีรษะ รู้สึกว่าความอึดอัดสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง นางอยากระเบิดอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเอ