บททั้งหมดของ ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี: บทที่ 861 - บทที่ 870

997

บทที่ 861

“แต่ในจิตใต้สำนึกของท่านต้องมีข้าอยู่แน่ๆ พอท่านเห็นข้าถูกคนรังแกในวันนี้ ท่านก็เลยเข้ามาช่วยเหลือข้า”เฉี่ยวหลิง “......”ถ้านางไม่มีความทรงจำเรื่องการถูกทรมานจนตายในกรมราชทัณฑ์ นางอาจจะเผลอหลงเชื่อคำพูดของเด็กสาวคนนี้ไปแล้วนางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นแค่เรื่องบังเอิญ ข้าไม่ใช่แม่ของเจ้าจริงๆ!”เด็กสาวได้ยินนางปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็รู้สึกเสียใจมาก ร้องไห้เสียงดังออกมาทันที “ท่านแม่ ข้ารู้ว่าข้าทำตัวไม่ดี ข้ายังไม่ดีพอ”“แต่ข้าคิดถึงท่านแม่มาก ข้ารักท่านแม่มากจริงๆ!”“ได้โปรดอย่าทิ้งข้าเลยนะ!”เฉี่ยวหลิง “!!!!!!”นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกอะไรกันเนี่ย?เด็กสาวร้องไห้เสียใจอย่างหนัก เสียงของนางดังทะลุจนไปถึงห้องข้างๆห้องข้างๆ เดิมทีแค่รู้สึกสงสัย พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็เชื่อว่าแม่ของเด็กสาวกลับมาหานางแล้วจริงๆคนที่จิตใจไม่ซื่อคิดถึงสิ่งที่พวกเขาทำกับเด็กสาวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็พากันหวาดกลัวจนตัวสั่น ปิดประตูบ้านให้หนาแน่นขึ้นอีกหลายส่วนแต่คนเหล่านี้ไม่รู้เลยว่าถ้าวิญญาณร้ายหมายจะเอาชีวิตจริงๆ วิญญาณร้ายก็สามารถลอยทะลุผ่านกำแพงเข้าไปได้การปิดประตูอย่างแน่นหนาเป
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 862

เฉี่ยวหลิงไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้วจริงๆนางหันไปมองเด็กสาวตัวน้อยที่นอนหลับอย่างน่ารักน่าเอ็นดูอยู่ตรงนั้น ด้วยความรู้สึกสงสารเด็กสาวตัวน้อยดูน่ารักมาก แต่เพราะได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าจึงยังมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ ดูแล้วน่าสงสารยิ่งนักเฟิ่งชูอิ่งมองนางแล้วพูดว่า "ข้าจะไปเรียกท่านพ่อก่อน จะได้รักษาแผลให้นางสักหน่อย"เหมยตงยวนเข้ามาตรวจดูอาการของเด็กสาวตัวน้อยอย่างรวดเร็วเด็กสาวตัวน้อยไม่มีปัญหาอะไรมาก เพียงแต่ขาดสารอาหารเป็นเวลานาน ประกอบกับวันนี้เจอเรื่องกระทบจิตใจมากเกินไปและเสียเลือดไปมาก จึงหมดสติไปเหมยตงยวนทำแผลให้นางแล้วปล่อยให้นางนอนหลับพักผ่อน หลังจากนั้นก็บำรุงร่างกายให้ดีหลังจากเฟิ่งชูอิ่งฟังจบก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนหน้านี้นางไม่เคยเห็นเด็กสาวตัวน้อยมาก่อน เพียงแต่ฟังคำบรรยายของเสนาบดีฝ่ายซ้าย คิดว่าถึงแม้พ่อแม่นางจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่เพื่อนบ้านข้างเคียงก็ยังดูแลนางอยู่บ้างแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางคิดผิดมหันต์เด็กสาวตัวน้อยขาดสารอาหารเป็นเวลานาน แสดงว่าความเป็นอยู่ของนางยังเป็นปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขประกอบกับสิ่งที่เฉี่ยวหลิงเห็นในวันนี้ แสดงว่านางถูกเพื่อนบ้า
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 863

เฟิ่งชูอิ่ง “......”ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าเสนาบดีฝ่ายซ้ายเลือกใช้วิธีผิด ถ้าตอนนั้นเขาหาวิธีพาเด็กสาวตัวน้อยกลับไปที่จวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายโดยตรง ปัญหานี้อาจจะไม่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกนางลูบหัวเด็กสาวตัวน้อยแล้วพูดว่า "เจ้าวิเคราะห์ได้ถูกต้อง"ในเวลานั้นเอง ปู๋เยี่ยโหวก็เดินเข้ามาในห้องทานอาหาร "ชูชู ได้ยินมาว่าจุดอ่อนของเสนาบดีฝ่ายซ้ายถูกเฉี่ยวหลิงพาเข้าจวนแล้วหรือ?"หลังจากพูดจบเขาก็สังเกตเห็นเด็กสาวตัวน้อย "หา เด็กคนนี้เองหรือ? ดูแล้วเป็นเด็กที่ทั้งน่ารักและเรียบร้อยนี่นา!"เขาหมายความว่าเด็กสาวตัวน้อยดูไม่น่ารำคาญชวนไม่สบอารมณ์เหมือนเสนาบดีฝ่ายซ้ายเด็กสาวตัวน้อยเบิกตากว้างเมื่อเห็นเขา นางดึงชายแขนเสื้อของเฟิ่งชูอิ่งแล้วพูดว่า "ท่านยังบอกอีกว่าท่านไม่ใช่เทพธิดา!""ท่านเป็นเทพธิดา ส่วนเขาเป็นเทพเซียน!"ในสายตาของนาง ไม่ว่าจะเป็นเฟิ่งชูอิ่งหรือปู๋เยี่ยโหว ต่างก็งดงามเกินความเป็นจริงเหมือนกับภาพวาดเฟิ่งชูอิ่งคลี่รอยยิ้มอย่างจนใจ ขณะที่ปู๋เยี่ยโหวหัวเราะอย่างชอบใจ "เด็กน้อย เจ้ามีสายตาที่ยอดเยี่ยม! เอาล่ะ อันนี้ข้าให้เจ้า"หลังจากพูดจบเขาก็ยื่นกล่องใบหนึ่งให้เด็กสาวตัวน้อย ข้างใน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 864

เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “ไม่ใช่ ข้าเป็นสหายของเขา”เด็กสาวมองเฟิ่งชูอิ่งกับปู๋เยี่ยโหวสลับไปมาหลายรอบ เหมือนจะสื่อว่าอ๋อ ที่แท้พวกท่านก็เป็นแบบนี้กันนี่เอง!เฟิ่งชูอิ่ง “…...”ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ!ปู๋เยี่ยโหวเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “เด็กน้อย เจ้าอยากกินอะไรก็บอกมาได้เลยนะ ข้าจะให้ห้องครัวทำให้”เด็กสาวตอบ “ข้าอยากกินขาไก่”ในความคิดของนาง นี่คืออาหารที่ราคาแพงที่สุดแล้วปู๋เยี่ยโหวรีบสั่งห้องครัวให้ทำอาหารทันทีดังนั้น ตอนเที่ยงเด็กสาวก็ได้กินขาไก่ที่นางแทบจะไม่เคยมีโอกาสได้กินถึงแม้นางจะไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงให้นางอยู่ที่นี่ แต่นางก็รู้สึกได้ว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายกับนางเด็กสาวหนีไปไหนไม่ได้ จึงได้แต่อยู่ที่จวนของปู๋เยี่ยโหวไปก่อนตอนที่เฉี่ยวหลิงพาเด็กสาวมา นางไม่ได้เอาเสื้อผ้าติดตัวมาด้วย แม้จะเอาเสื้อผ้าของเด็กสาวมาด้วย เสื้อผ้าของอีกฝ่ายก็ขาดรุ่งริ่งทั้งหมดเพราะเด็กสาวเข้าใจผิดคิดว่าเขากับเฟิ่งชูอิ่งมีความสัมพันธ์กันในเชิงคนรัก ปู๋เยี่ยโหวจึงรู้สึกว่าเด็กสาวช่างมีสายตาที่เฉียบแหลม เขาจึงค่อนข้างชื่นชอบเด็กสาวคนนี้ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ช่างตัดเย็บในจวนทำเสื้อผ้าให้เด
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 865

ถึงแม้ว่าตอนนี้เด็กสาวจะเชื่อใจแค่เฉี่ยวหลิง แต่การที่ยอมเชื่อเฉี่ยวหลิงแล้วย้ายเข้าไปอยู่ในจวนปู๋เยี่ยโหวก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากเขาได้ยินเฟิ่งชูอิ่งเล่าเรื่องที่เพื่อนบ้านทำกับเด็กสาว ดวงตาของเขาก็สาดประกายเย็นชาด้วยฐานะของเขา การจัดการกับพวกที่รังแกเด็กสาวนั้นง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือเสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นคนที่รักษาคำพูด หลังจากที่เด็กสาวย้ายเข้าไปอยู่ในจวนปู๋เยี่ยโหว เขาก็เขียนราชโองการฉบับใหม่ขึ้นมาและประทับตราลงไปเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตะลึงเมื่อเห็นตราประทับบนราชโองการฉบับนั้นนี่แหละที่เรียกว่าของปลอมที่เหมือนของจริงยิ่งไปกว่านั้นเขายังใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง เรียกได้ว่าไม่มีที่ติเลยแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของตราลัญจกรก็ยังสมบูรณ์แบบที่สำคัญคือ ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีไหน ถึงทำให้ราชโองการดูเก่าได้เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ฝีมือของเสนาบดีฝ่ายซ้ายนี่สุดยอดจริงๆ!""ต่อไปไม่ต้องเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้ายแล้ว ไปตั้งแผงขายของบนสะพานข้ามแม่น้ำ รับรองรวยเละแน่นอน!"เสนาบดีฝ่ายซ้ายลูบเคราแล้วพูดว่า "ก็แค่ฝีมือเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น""ด้วยชื่อเสียงของข้า ไม่ต้องไปตั้งแผ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 866

แม้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะวางแผนและหาทางปกป้องจิ่งโม่เยี่ยไว้มากมาย หาทางเตรียมขุนนางที่เป็นกำลังสนับสนุนไว้ให้หลายคน รวมถึงเขียนพระราชโองการทิ้งไว้ให้ด้วยแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จิ่งโม่เยี่ยต้องการเลยสักนิด สิ่งที่เขาต้องการคือความรักบริสุทธิ์จากคนเป็นพ่อเขาไม่สนใจว่าจะมีอำนาจมากแค่ไหน ไม่สนใจว่าจะได้ขึ้นครองบัลลังก์หรือไม่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเลือกเส้นทางที่เขาไม่อยากเดินมากที่สุดให้กับเขาก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่มีต่อพระสนมสวี่ แต่หลังจากเขาตกหลุมรักเฟิ่งชูอิ่ง เขาจึงเริ่มเข้าใจความหมายของคำว่ารัก และรู้ซึ้งถึงความขมขื่นของการรักอีกฝ่ายข้างเดียวเพียงแต่คนที่เขาชอบคือเฟิ่งชูอิ่ง เฟิ่งชูอิ่งที่เฉลียวฉลาดและสดใสราวแสงตะวัน ฉะนั้นสิ่งที่เขาเห็นคือความสว่างไสวส่วนคนที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนรักคือพระสนมสวี่ พระสนมสวี่ผู้โหดเหี้ยมอำมหิต ฉะนั้นสิ่งที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมองเห็นจึงเป็นความมืดมนฮ่องเต้พระองค์ก่อนจมดิ่งสู่ความมืดมิด และเลือกวิธีการอันแยบยลมากที่สุดในการจบชีวิตตนเองจิ่งโม่เยี่ยนึกถึงท่าทีของไทเฮาและคำพูดที่ดูเหมือนจะเก็บซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้หลาย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 867

จิ่งโม่เยี่ยหยุดเท้าเล็กน้อย พูดเบาๆ ว่า “เจ้าไม่ต้องปลอบใจข้าหรอก คำปลอบใจสำหรับข้ามันดูเกินความจำเป็นไปสักหน่อย”“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะไม่เดินตามรอยเท้าของเสด็จพ่อ เพราะข้ารู้ว่าเจ้ากับพระสนมสวี่นั้นแตกต่างกัน”“พระองค์ไม่เคยได้รับหัวใจของพระสนมสวี่เลย ถึงมีชีวิตอยู่ต่อไปก็เหมือนตายทั้งเป็น”“ส่วนข้า เคยได้รับหัวใจของเจ้ามาก่อน เป็นข้าเองที่ทำให้ความเชื่อใจของเจ้าหล่นหายไป ข้ามีชีวิตอยู่ก็เพื่อชดใช้หนี้ก้อนนี้”เขาก้าวยาวๆ และเดินจากไป ครั้งนี้เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้ขวางเขาอีกเพราะนางรู้ว่าหากตนเองไม่อาจทำใจอยู่ร่วมกับเขาได้ การรั้งตัวเขาไว้ในตอนนี้ก็ถือเป็นการทำร้ายเขาอีกทางหนึ่ง ไม่รั้งตัวเขาไว้จะเป็นการดีกว่าบรรยากาศที่แผ่ออกมาจากตัวเขาเมื่อครู่นั้นทำให้นางรู้สึกตกใจ คำพูดของเขาก็ทำให้นางประหลาดใจ นางไม่คิดจริงๆ ว่าเขาจะคิดเช่นนี้ในมุมมองหนึ่ง จิ่งโม่เยี่ยเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในบรรดาคนที่นางเคยพบเจอ แม้ว่าเขาจะมีตำแหน่งสูงส่ง หรือยศถาบรรดาศักดิ์มากเพียงใดก็ตามเฟิ่งชูอิ่งหยิบราชโองการขึ้นมากางดู นางรู้สึกว่าไม่ว่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะเลือกเช่นนี้ด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม มันก็เป็น
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 868

ครั้งที่แล้วที่เจ้าอาวาสมาหานางที่เรือนรับรอง นางให้ยันต์เขาไปเยอะมากยันต์ของนางขายดิบขายดี ทั้งยังราคาสูงขึ้นกว่าเดิมอีก ทำให้ส่วนแบ่งครั้งนี้เยอะกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดหลังจากได้รับคำชม เจ้าอาวาสก็คุยโวด้วยสีหน้าพึงพอใจว่า “ตอนนี้ข้าก็รู้สึกว่าอนาคตของข้าสดใสมากเลยล่ะ”“ไม่พูดถึงเรื่องอื่น อย่างน้อยอารามในตอนนี้ก็เทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้เลย”“ข้าคิดว่าอีกไม่นาน พุทธศาสนาจะเหยียบย่ำลัทธิเต๋าได้แน่”ทันใดนั้นเอง เหมยตงยวนก็เดินเข้ามา “จริงหรือ?”พอเจ้าอาวาสเห็นเหมยตงยวน ก็นึกถึงเรื่องที่เกือบโดนเหมยตงยวนซ้อมที่เรือนรับรองเขารีบพูดว่า “ไม่ ไม่ พุทธศาสนาจะถูกเหยียบย่ำโดยลัทธิเต๋าตลอดไป!”เขารู้สึกว่าตัวเองหลงระเริงเกินไปจริงๆ ถึงได้กล้าพูดแบบนี้ออกมาไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เรื่องที่เขาเรียกเฟิ่งชูอิ่งว่าอาจารย์ แต่เฟิ่งชูอิ่งดันเป็นลูกสาวของเจ้าสำนักลี้ลับเฟิ่งชูอิ่งก็เก่งมากพอแล้ว ฝีมือของเหมยตงยวนยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อเห็นเหมยตงยวนยังมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาก็นึกขึ้นได้และพูดว่า “อาจารย์ของข้าเป็นคนของสำนักลี้ลับ พุทธศาสนาจะด้อยกว่าสำนักลี้ลับตลอดไป”เหมยตงยวนฟังเข
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 869

เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางขี้ขลาดของเขา ก็ไม่รู้สึกว่าคำพูดของเขาน่าเชื่อถือเท่าไหร่แต่ก็ยังสามารถลากเขาไปสร้างภาพได้ ในเวลาจำเป็นก็สามารถลากมาเป็นเครื่องมือได้ส่วนเจ้าอาวาสคิดว่า ครั้งที่แล้วเฟิ่งชูอิ่งสามารถบุกทะลวงอารามเทียนอี้ได้ ครั้งนี้ก็น่าจะทำได้เช่นกันแต่ครั้งนี้อารามเทียนอี้ต้องเตรียมพร้อมอย่างแน่นอน หากมีอันตรายจริงๆ เขาก็แค่เผ่นหนีไปเหมือนเดิมก็พอหากนางมีอันตราย มีคนตั้งมากมายรอช่วยเหลือนางอยู่แต่ถ้าเขาตกอยู่ในอันตราย คงไม่มีใครสนใจเขาหรอกพอคิดเช่นนี้ เจ้าอาวาสก็ไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยศิษย์และอาจารย์ต่างก็มีแผนการในใจ ต่างคนต่างคิดแผนการของตัวเองแต่นี่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการที่ศิษย์และอาจารย์ จะร่วมมือกันวางแผนต่อกรกับอารามเทียนอี้เหมยตงยวนเห็นทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน พักหนึ่งก็ยิ้มร้าย พักหนึ่งก็ส่ายหน้า พักหนึ่งก็พยักหน้า มุมปากของเขาก็กระตุกเบาๆหูของเขาดีอย่างมาก จึงได้ยินบทสนทนาของพวกเขาอย่างชัดเจนความจริงแล้วก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงกลายเป็นศิษย์และอาจารย์กันได้ตอนนี้ดูเหมือนว่า พวกเขามีความคิดที่เข้ากันได้ดีเหมยตงยวนไม่ค่อยชอบเจ้า
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 870

เฟิ่งชูอิ่งได้รับแรงบันดาลใจจากคำพูดของเขา ดวงตาเป็นประกาย “ถ้าอย่างนั้น ต่อไปนี้ใครที่ไม่ชอบขี้หน้าก็ให้เฉี่ยวหลิงไปก่อเรื่อง”“แล้วเจ้าก็พาคนไปจับผี ทำพิธีกรรม สะเดาะเคราะห์ นอกจากจะได้ระบายโทสะแล้วยังได้เงินอีกด้วย ช่างสมบูรณ์แบบอะไรเช่นนี้!”เจ้าอาวาส “……”มันทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ?เขาคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็รู้สึกว่าแบบนี้ก็น่าจะทำได้ดังนั้นเขาจึงเสริมอีกนิดว่า “ถ้าให้เงินเยอะมากพอ และระบายโทสะจนพอใจแล้ว พวกเราก็ก่อเรื่องครั้งเดียวพอ”“แต่พวกที่งก ขี้เหนียว แถมยังมีจิตคิดไม่ซื่อ ต้องจัดไปสักแปดครั้งสิบครั้งถึงจะพอ”“เอาให้พวกเขาหมดเนื้อหมดตัว แล้วสะเดาะเคราะห์ให้เพียงเล็กน้อย”ที่เขาบอกว่าเป็นเคราะห์เล็กๆ น้อยๆ เพราะเขารู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งไม่สามารถฆ่าคนได้ตอนนี้เขามองเฉี่ยวหลิง ไม่ใช่เด็กน้อยแสบซนที่รับมือยากอีกต่อไป แต่เป็นเทพธิดาที่เปล่งประกายดุจทองคำเฟิ่งชูอิ่งเห็นด้วย “ไม่ต้องให้เฉี่ยวหลิงทำเรื่องนี้ตลอดก็ได้ พ่อข้าเหมือนจะรวบรวมวิญญาณร้ายทั่วเมืองหลวงไว้หมดแล้ว”“เดี๋ยวจัดตารางเวลาให้วิญญาณร้ายพวกนั้น ให้พวกเขาทำงานให้เต็มที่”“ใครทำได้ดี ก็จัดหาเครื่องเซ่นไหว้ให้”ท
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
8586878889
...
100
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status