แชร์

บทที่ 865

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-05 18:00:00
ถึงแม้ว่าตอนนี้เด็กสาวจะเชื่อใจแค่เฉี่ยวหลิง แต่การที่ยอมเชื่อเฉี่ยวหลิงแล้วย้ายเข้าไปอยู่ในจวนปู๋เยี่ยโหวก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมาก

เขาได้ยินเฟิ่งชูอิ่งเล่าเรื่องที่เพื่อนบ้านทำกับเด็กสาว ดวงตาของเขาก็สาดประกายเย็นชา

ด้วยฐานะของเขา การจัดการกับพวกที่รังแกเด็กสาวนั้นง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

เสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นคนที่รักษาคำพูด หลังจากที่เด็กสาวย้ายเข้าไปอยู่ในจวนปู๋เยี่ยโหว เขาก็เขียนราชโองการฉบับใหม่ขึ้นมาและประทับตราลงไป

เฟิ่งชูอิ่งถึงกับตะลึงเมื่อเห็นตราประทับบนราชโองการฉบับนั้น

นี่แหละที่เรียกว่าของปลอมที่เหมือนของจริง

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง เรียกได้ว่าไม่มีที่ติเลย

แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของตราลัญจกรก็ยังสมบูรณ์แบบ

ที่สำคัญคือ ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีไหน ถึงทำให้ราชโองการดูเก่าได้

เฟิ่งชูอิ่ง “......”

นางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ฝีมือของเสนาบดีฝ่ายซ้ายนี่สุดยอดจริงๆ!"

"ต่อไปไม่ต้องเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้ายแล้ว ไปตั้งแผงขายของบนสะพานข้ามแม่น้ำ รับรองรวยเละแน่นอน!"

เสนาบดีฝ่ายซ้ายลูบเคราแล้วพูดว่า "ก็แค่ฝีมือเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น"

"ด้วยชื่อเสียงของข้า ไม่ต้องไปตั้งแผ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 866

    แม้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะวางแผนและหาทางปกป้องจิ่งโม่เยี่ยไว้มากมาย หาทางเตรียมขุนนางที่เป็นกำลังสนับสนุนไว้ให้หลายคน รวมถึงเขียนพระราชโองการทิ้งไว้ให้ด้วยแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จิ่งโม่เยี่ยต้องการเลยสักนิด สิ่งที่เขาต้องการคือความรักบริสุทธิ์จากคนเป็นพ่อเขาไม่สนใจว่าจะมีอำนาจมากแค่ไหน ไม่สนใจว่าจะได้ขึ้นครองบัลลังก์หรือไม่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเลือกเส้นทางที่เขาไม่อยากเดินมากที่สุดให้กับเขาก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่มีต่อพระสนมสวี่ แต่หลังจากเขาตกหลุมรักเฟิ่งชูอิ่ง เขาจึงเริ่มเข้าใจความหมายของคำว่ารัก และรู้ซึ้งถึงความขมขื่นของการรักอีกฝ่ายข้างเดียวเพียงแต่คนที่เขาชอบคือเฟิ่งชูอิ่ง เฟิ่งชูอิ่งที่เฉลียวฉลาดและสดใสราวแสงตะวัน ฉะนั้นสิ่งที่เขาเห็นคือความสว่างไสวส่วนคนที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนรักคือพระสนมสวี่ พระสนมสวี่ผู้โหดเหี้ยมอำมหิต ฉะนั้นสิ่งที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมองเห็นจึงเป็นความมืดมนฮ่องเต้พระองค์ก่อนจมดิ่งสู่ความมืดมิด และเลือกวิธีการอันแยบยลมากที่สุดในการจบชีวิตตนเองจิ่งโม่เยี่ยนึกถึงท่าทีของไทเฮาและคำพูดที่ดูเหมือนจะเก็บซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้หลาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-05
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 867

    จิ่งโม่เยี่ยหยุดเท้าเล็กน้อย พูดเบาๆ ว่า “เจ้าไม่ต้องปลอบใจข้าหรอก คำปลอบใจสำหรับข้ามันดูเกินความจำเป็นไปสักหน่อย”“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะไม่เดินตามรอยเท้าของเสด็จพ่อ เพราะข้ารู้ว่าเจ้ากับพระสนมสวี่นั้นแตกต่างกัน”“พระองค์ไม่เคยได้รับหัวใจของพระสนมสวี่เลย ถึงมีชีวิตอยู่ต่อไปก็เหมือนตายทั้งเป็น”“ส่วนข้า เคยได้รับหัวใจของเจ้ามาก่อน เป็นข้าเองที่ทำให้ความเชื่อใจของเจ้าหล่นหายไป ข้ามีชีวิตอยู่ก็เพื่อชดใช้หนี้ก้อนนี้”เขาก้าวยาวๆ และเดินจากไป ครั้งนี้เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้ขวางเขาอีกเพราะนางรู้ว่าหากตนเองไม่อาจทำใจอยู่ร่วมกับเขาได้ การรั้งตัวเขาไว้ในตอนนี้ก็ถือเป็นการทำร้ายเขาอีกทางหนึ่ง ไม่รั้งตัวเขาไว้จะเป็นการดีกว่าบรรยากาศที่แผ่ออกมาจากตัวเขาเมื่อครู่นั้นทำให้นางรู้สึกตกใจ คำพูดของเขาก็ทำให้นางประหลาดใจ นางไม่คิดจริงๆ ว่าเขาจะคิดเช่นนี้ในมุมมองหนึ่ง จิ่งโม่เยี่ยเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในบรรดาคนที่นางเคยพบเจอ แม้ว่าเขาจะมีตำแหน่งสูงส่ง หรือยศถาบรรดาศักดิ์มากเพียงใดก็ตามเฟิ่งชูอิ่งหยิบราชโองการขึ้นมากางดู นางรู้สึกว่าไม่ว่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะเลือกเช่นนี้ด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม มันก็เป็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 868

    ครั้งที่แล้วที่เจ้าอาวาสมาหานางที่เรือนรับรอง นางให้ยันต์เขาไปเยอะมากยันต์ของนางขายดิบขายดี ทั้งยังราคาสูงขึ้นกว่าเดิมอีก ทำให้ส่วนแบ่งครั้งนี้เยอะกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดหลังจากได้รับคำชม เจ้าอาวาสก็คุยโวด้วยสีหน้าพึงพอใจว่า “ตอนนี้ข้าก็รู้สึกว่าอนาคตของข้าสดใสมากเลยล่ะ”“ไม่พูดถึงเรื่องอื่น อย่างน้อยอารามในตอนนี้ก็เทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้เลย”“ข้าคิดว่าอีกไม่นาน พุทธศาสนาจะเหยียบย่ำลัทธิเต๋าได้แน่”ทันใดนั้นเอง เหมยตงยวนก็เดินเข้ามา “จริงหรือ?”พอเจ้าอาวาสเห็นเหมยตงยวน ก็นึกถึงเรื่องที่เกือบโดนเหมยตงยวนซ้อมที่เรือนรับรองเขารีบพูดว่า “ไม่ ไม่ พุทธศาสนาจะถูกเหยียบย่ำโดยลัทธิเต๋าตลอดไป!”เขารู้สึกว่าตัวเองหลงระเริงเกินไปจริงๆ ถึงได้กล้าพูดแบบนี้ออกมาไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เรื่องที่เขาเรียกเฟิ่งชูอิ่งว่าอาจารย์ แต่เฟิ่งชูอิ่งดันเป็นลูกสาวของเจ้าสำนักลี้ลับเฟิ่งชูอิ่งก็เก่งมากพอแล้ว ฝีมือของเหมยตงยวนยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อเห็นเหมยตงยวนยังมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาก็นึกขึ้นได้และพูดว่า “อาจารย์ของข้าเป็นคนของสำนักลี้ลับ พุทธศาสนาจะด้อยกว่าสำนักลี้ลับตลอดไป”เหมยตงยวนฟังเข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 869

    เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางขี้ขลาดของเขา ก็ไม่รู้สึกว่าคำพูดของเขาน่าเชื่อถือเท่าไหร่แต่ก็ยังสามารถลากเขาไปสร้างภาพได้ ในเวลาจำเป็นก็สามารถลากมาเป็นเครื่องมือได้ส่วนเจ้าอาวาสคิดว่า ครั้งที่แล้วเฟิ่งชูอิ่งสามารถบุกทะลวงอารามเทียนอี้ได้ ครั้งนี้ก็น่าจะทำได้เช่นกันแต่ครั้งนี้อารามเทียนอี้ต้องเตรียมพร้อมอย่างแน่นอน หากมีอันตรายจริงๆ เขาก็แค่เผ่นหนีไปเหมือนเดิมก็พอหากนางมีอันตราย มีคนตั้งมากมายรอช่วยเหลือนางอยู่แต่ถ้าเขาตกอยู่ในอันตราย คงไม่มีใครสนใจเขาหรอกพอคิดเช่นนี้ เจ้าอาวาสก็ไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยศิษย์และอาจารย์ต่างก็มีแผนการในใจ ต่างคนต่างคิดแผนการของตัวเองแต่นี่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการที่ศิษย์และอาจารย์ จะร่วมมือกันวางแผนต่อกรกับอารามเทียนอี้เหมยตงยวนเห็นทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน พักหนึ่งก็ยิ้มร้าย พักหนึ่งก็ส่ายหน้า พักหนึ่งก็พยักหน้า มุมปากของเขาก็กระตุกเบาๆหูของเขาดีอย่างมาก จึงได้ยินบทสนทนาของพวกเขาอย่างชัดเจนความจริงแล้วก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงกลายเป็นศิษย์และอาจารย์กันได้ตอนนี้ดูเหมือนว่า พวกเขามีความคิดที่เข้ากันได้ดีเหมยตงยวนไม่ค่อยชอบเจ้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 870

    เฟิ่งชูอิ่งได้รับแรงบันดาลใจจากคำพูดของเขา ดวงตาเป็นประกาย “ถ้าอย่างนั้น ต่อไปนี้ใครที่ไม่ชอบขี้หน้าก็ให้เฉี่ยวหลิงไปก่อเรื่อง”“แล้วเจ้าก็พาคนไปจับผี ทำพิธีกรรม สะเดาะเคราะห์ นอกจากจะได้ระบายโทสะแล้วยังได้เงินอีกด้วย ช่างสมบูรณ์แบบอะไรเช่นนี้!”เจ้าอาวาส “……”มันทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ?เขาคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็รู้สึกว่าแบบนี้ก็น่าจะทำได้ดังนั้นเขาจึงเสริมอีกนิดว่า “ถ้าให้เงินเยอะมากพอ และระบายโทสะจนพอใจแล้ว พวกเราก็ก่อเรื่องครั้งเดียวพอ”“แต่พวกที่งก ขี้เหนียว แถมยังมีจิตคิดไม่ซื่อ ต้องจัดไปสักแปดครั้งสิบครั้งถึงจะพอ”“เอาให้พวกเขาหมดเนื้อหมดตัว แล้วสะเดาะเคราะห์ให้เพียงเล็กน้อย”ที่เขาบอกว่าเป็นเคราะห์เล็กๆ น้อยๆ เพราะเขารู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งไม่สามารถฆ่าคนได้ตอนนี้เขามองเฉี่ยวหลิง ไม่ใช่เด็กน้อยแสบซนที่รับมือยากอีกต่อไป แต่เป็นเทพธิดาที่เปล่งประกายดุจทองคำเฟิ่งชูอิ่งเห็นด้วย “ไม่ต้องให้เฉี่ยวหลิงทำเรื่องนี้ตลอดก็ได้ พ่อข้าเหมือนจะรวบรวมวิญญาณร้ายทั่วเมืองหลวงไว้หมดแล้ว”“เดี๋ยวจัดตารางเวลาให้วิญญาณร้ายพวกนั้น ให้พวกเขาทำงานให้เต็มที่”“ใครทำได้ดี ก็จัดหาเครื่องเซ่นไหว้ให้”ท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 871

    เขารู้สึกเหมือนจิตใจถูกทำลายอย่างรุนแรงถึงแม้หน้าตาของเขาจะเทียบไม่ได้กับจิ่งโม่เยี่ยและปู๋เยี่ยโหว แต่สมัยหนุ่มๆ เขาก็เคยถูกชมว่าเป็นหนุ่มรูปงามถึงแม้ตอนนี้เขาจะมีอายุมากขึ้น มีริ้วรอยบนใบหน้ามากขึ้น แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังดูดีอยู่การที่ภรรยาผู้ล่วงลับของเขามาบอกว่าเขาหน้าตาขี้เหร่ ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างจังเพราะตอนที่ภรรยาของเขายังมีชีวิตอยู่ นางมักจะชมเขาว่าหน้าตาดีอยู่หลายครั้งแม้ว่าเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะรู้มาก่อนแล้วว่า คนที่เกิดใหม่นั้นไม่อาจถือว่าเป็นคนเดียวกันกับชาติที่แล้วได้แต่ในใจของเขา เขาก็ยังเผลอคิดว่านางคือภรรยาผู้ล่วงลับของเขาแต่คำพูดของเด็กสาวคนนี้ทำให้เขาตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า นางไม่ใช่ภรรยาของเขาแล้วจริงๆสิ่งที่กั้นกลางระหว่างคนทั้งสอง ไม่ใช่แค่ความเป็นและความตายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความทรงจำในอดีตชาติและความเข้าใจในปัจจุบันด้วยเฟิ่งชูอิ่งเห็นเสนาบดีฝ่ายซ้ายนั่งทำหน้าเหมือนคนสิ้นหวัง นางจึงถามว่า "ท่านเป็นอะไรไปอีกแล้ว?"ตั้งแต่เสนาบดีฝ่ายซ้ายรู้ว่าพวกเขารับเด็กสาวคนนี้กลับมา เขาก็ชอบมาที่จวนปู๋เยี่ยโหวอยู่บ่อยๆ และพยายามแสดงตัวต่อหน้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 872

    เสนาบดีฝ่ายซ้าย “......”เรื่องการเสียดแทงด้วยวาจา คนพวกนี้ช่างโหดเหี้ยมอำมหิตกันเหลือเกินเฟิ่งชูอิ่งคบหากับเสนาบดีฝ่ายซ้ายมานาน ก็พบว่าเขาต่างจากข่าวลืออยู่พอสมควรนางไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรยามอยู่ในท้องพระโรงหรือที่ทำงาน แต่เวลาอยู่กันแบบส่วนตัว เขานี่ช่าง...พูดยากจริงๆนางจึงพูดว่า "ท่านอ๋องพูดถูก!"ริมฝีปากของจิ่งโม่เยี่ยยกขึ้นเล็กน้อย นางเอ่ยชมเขาด้วยล่ะ!ช่วงนี้เขารู้สึกได้ว่านางไม่ได้ต่อต้านเขาเหมือนเมื่อก่อน เขายังมีโอกาสอยู่สินะปู๋เยี่ยโหวถามเฟิ่งชูอิ่ง "ข้าพูดไม่ดีหรือ?"เฟิ่งชูอิ่งตอบ "ก็ดีอยู่ แต่เจ้าพูดมากเกินไป จับต้นชนปลายไม่ถูก ทำให้คำพูดของเจ้าดูไม่มีน้ำหนัก"ปู๋เยี่ยโหวจึงกลั่นกรองใจความสำคัญในคำพูดของเขา แล้วพูดกับเสนาบดีฝ่ายซ้ายว่า "หิ่งห้อยคิดจะแข่งแสงกับดวงอาทิตย์!"เสนาบดีฝ่ายซ้าย “......”เขาไม่อยากสนใจพวกเขาแล้ว คนพวกนี้น่ารำคาญขัดหูขัดตาไปหมดเลยปู๋เยี่ยโหวถามเฟิ่งชูอิ่ง "ตอนนี้ข้าพูดดีกว่าจิ่งโม่เยี่ยแล้วใช่ไหม?"เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกได้ถึงความอยากเอาชนะแบบแปลกๆ ของเขานางจึงตอบแบบขอไปที "ใช่"ปู๋เยี่ยโหวเหมือนนกยูงรำแพนหางอย่างฉับพลัน หันไปโอ้อว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 873

    ดังนั้นเขาจึงกำหนดขอบเขตของความเป็นไปได้เอาไว้ล่วงหน้าแต่หลังจากที่ฮ่องเต้เจาหยวนประทับอยู่ที่นี่มาหลายปี การทำอะไรบางอย่างลับๆ ไว้ในวังถือเป็นเรื่องปกติปู๋เยี่ยโหวถามเขาว่า “เจ้ากำลังยอมรับว่าข้าฉลาดกว่าเจ้าหรือ?”จิ่งโม่เยี่ยคร้านจะสนใจเขาการจะยืนยันว่าในตำหนักบรรทมของฮ่องเต้เจาหยวนมีทางลับหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องยากบ่ายวันนั้น จิ่งโม่เยี่ยนำคนไปตรวจสอบที่ตำหนักบรรทมของฮ่องเต้เจาหยวนด้วยตัวเอง และก็พบทางลับจริงๆในตอนนี้ ฮ่องเต้เจาหยวนอยู่ในสภาพลมหายใจรวยริน เขาจ้องมองไปที่จิ่งโม่เยี่ยแล้วพูดว่า “เจ้าเพิ่งจะมาค้นพบเอาตอนนี้ เจ้าช่างโง่เขลาจริงๆ!”จิ่งโม่เยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “หากเป็นเรื่องไก่ขันหมาขโมย แบบนี้ ข้ายอมรับว่าสู้เจ้าไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ”“เจ้าทำเรื่องชั่วช้าสามานย์มามาก พอเป็นเรื่องบิดเบี้ยวไร้มโนธรรมก็เลยทำได้ถนัดมือ”เมื่อฮ่องเต้เจาหยวนได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกเจ็บแปลบในอกอาการป่วยของเขาก็รุนแรงมากแล้ว ตามปกติเขาไม่น่าจะทนไหวแต่ตอนนี้ฮ่องเต้เจาหยวนยังคงสามารถนั่งคุยกับจิ่งโม่เยี่ยได้ แม้แต่หมอหลวงก็คิดว่านี่เป็นปาฏิหาริย์เขามองไปที่จิ่งโม่เยี่ยแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

DMCA.com Protection Status