เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางกระตือรือร้นของเขาก็คิดขึ้นมาว่า ไหนๆ เขาก็ถ่อมาถึงที่นี่แล้ว อีกทั้งยังดูจะชอบเรื่องสนุกครึกครื้นด้วย ถ้างั้นก็ต้องใช้งานให้เต็มที่หน่อยนางยิ้มและกล่าวว่า “ข้ามีงานอย่างหนึ่งที่เหมาะสมกับพวกเจ้ามากเลย หากทำสำเร็จ รับรองว่าคึกคักแน่”ปู๋เยี่ยโหวรีบรวบพัดเก็บแล้วเอ่ยถามด้วยตาเป็นประกาย “ต้องทำอะไรหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งบอกเขาสองสามประโยค ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายวาววับทันที “ข้าจะไปเรียกคนมา เจ้าจัดการได้เลย”เขากล่าวจบก็ผิวปาก ชายชุดดำคนหนึ่งพลันกระโจนมาอยู่ข้างกายเขาเฟิ่งชูอิ่งเห็นแบบนั้นก็เลิกคิ้วเล็กน้อย นางว่าแล้วเชียว ตัวร้ายอย่างปู๋เยี่ยโหวจะไม่มีองครักษ์เงาอยู่ข้างกายได้อย่างไรนางจึงยิ้มให้ชายชุดดำคนนั้น “ลำบากเจ้าแล้ว”ชายชุดดำคนนั้นหันมองปู๋เยี่ยโหว ในตาฉายความลังเล ปู๋เยี่ยโหวจึงยิ้มเอ่ยว่า “วันนี้เจ้าต้องเชื่อฟังนาง”ชายชุดดำฟังที่พวกเขาพูดจบ ชายชุดดำก็ใช้วิชาตัวเบาจากไปด้วยท่าทางหม่นหมองพอเขาไป ก็มีคนกลุ่มใหญ่ออกมาจากอารามเทียนอี้เฟิ่งชูอิ่งหันไปหาเจ้าอาวาส “ตอนนี้ได้เวลาแสดงฝีมือของเจ้าแล้ว”เจ้าอาวาสเดิมทีคิดว่าวันนี้คงไม่มีโอกาสชนะแล้ว เขาจึงคิดจะช่าง
Read more