All Chapters of ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี: Chapter 341 - Chapter 350

997 Chapters

บทที่ 341

เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางกระตือรือร้นของเขาก็คิดขึ้นมาว่า ไหนๆ เขาก็ถ่อมาถึงที่นี่แล้ว อีกทั้งยังดูจะชอบเรื่องสนุกครึกครื้นด้วย ถ้างั้นก็ต้องใช้งานให้เต็มที่หน่อยนางยิ้มและกล่าวว่า “ข้ามีงานอย่างหนึ่งที่เหมาะสมกับพวกเจ้ามากเลย หากทำสำเร็จ รับรองว่าคึกคักแน่”ปู๋เยี่ยโหวรีบรวบพัดเก็บแล้วเอ่ยถามด้วยตาเป็นประกาย “ต้องทำอะไรหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งบอกเขาสองสามประโยค ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายวาววับทันที “ข้าจะไปเรียกคนมา เจ้าจัดการได้เลย”เขากล่าวจบก็ผิวปาก ชายชุดดำคนหนึ่งพลันกระโจนมาอยู่ข้างกายเขาเฟิ่งชูอิ่งเห็นแบบนั้นก็เลิกคิ้วเล็กน้อย นางว่าแล้วเชียว ตัวร้ายอย่างปู๋เยี่ยโหวจะไม่มีองครักษ์เงาอยู่ข้างกายได้อย่างไรนางจึงยิ้มให้ชายชุดดำคนนั้น “ลำบากเจ้าแล้ว”ชายชุดดำคนนั้นหันมองปู๋เยี่ยโหว ในตาฉายความลังเล ปู๋เยี่ยโหวจึงยิ้มเอ่ยว่า “วันนี้เจ้าต้องเชื่อฟังนาง”ชายชุดดำฟังที่พวกเขาพูดจบ ชายชุดดำก็ใช้วิชาตัวเบาจากไปด้วยท่าทางหม่นหมองพอเขาไป ก็มีคนกลุ่มใหญ่ออกมาจากอารามเทียนอี้เฟิ่งชูอิ่งหันไปหาเจ้าอาวาส “ตอนนี้ได้เวลาแสดงฝีมือของเจ้าแล้ว”เจ้าอาวาสเดิมทีคิดว่าวันนี้คงไม่มีโอกาสชนะแล้ว เขาจึงคิดจะช่าง
Read more

บทที่ 342

เมื่อครู่เจ้าอาวาสยังวางท่าเป็นภิกษุผู้สูงส่ง บรรยากาศน่าเลื่อมใส พอเห็นว่าอีกฝ่ายจะลงมือทำร้ายกัน เขาก็ขี้ขลาดขึ้นมาทันตา ไม่พูดพร่ำทำเพลงและวิ่งไปหลบหลังเฟิ่งชูอิ่งพอเขาหลบแบบนี้ นักพรตชราหนวดเคราขาวจึงฟาดแส้ลงมาโดนเฟิ่งชูอิ่งแทน โดยไม่สนใจเลยว่านางจะเป็นแค่สตรีนางหนึ่ง แล้วก็ไม่สนด้วยว่านางจะเกี่ยวข้องหรือไม่อีกทั้งยังลงมือโหดเหี้ยมถึงขั้นกะฆ่าให้ตาย!ฟาดใส่นางตรงๆ แบบนี้ ถึงไม่ตายก็คงพิการเฟิ่งชูอิ่งหรี่ตาลงเล็กน้อย เหอะ ที่แท้นักพรตของอารามเทียนอี้ก็ไม่มีดีเลยสักตัว!นางเตรียมพร้อมอยู่แล้วจึงหมุนตัวหลบอย่างว่องไว ชักมีดสั้นออกมาแล้วแทงใส่อกของนักพรตชราหนวดเคราขาว ก่อนจะหยิบยันต์ออกมาฟาดใส่ร่างเขาสุดแรงนางรูปร่างบอบบางอ่อนแอ น่ารักน่าถนอมอย่างยิ่ง นักพรตชราหนวดเคราขาวจึงไม่คิดจะระวังนางแม้แต่น้อยเพราะว่านักพรตชราหนวดเคราขาวประมาทคู่ต่อสู้ นางถึงลงมือได้โดยไม่ต้องเปลืองแรงสักนิดอีกทั้งการเคลื่อนไหวของนางว่องไวมาก คนรอบข้างยังไม่ทันเห็นชัดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น นักพรตชราหนวดเคราขาวก็กลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้วจากนั้นนางก็กระชากมีดสั้นออกมาจากอกของนักพรตชราหนวดเคราขาว ยกสองขึ้นมาบัง
Read more

บทที่ 343

ปู๋เยี่ยโหว “......”เจ้าอาวาส “......”นางเล่นวางเพลิงหน้าบ้านคนอื่นเขา แล้วยังบอกว่ามาขอคำชี้แนะอีกนี่มันขอคำชี้แนะแบบไหนกัน เห็นชัดเลยว่าเป็นการมาพังบ้าน!เจ้าอาวาสแข้งขาอ่อน ยกมือขึ้นอุดปากนาง “ท่านบรรพบุรุษ เจ้าจะทำลายอารามเทียนอี้จนราบคาบเลยหรือ พวกเรารีบหนีกันเถอะ!”เฟิ่งชูอิ่งไม่พูดอะไร เพียงมองเจ้าอาวาสแน่นิ่งสายตาของนางไม่ได้คมกริบดุดัน แค่กลับทำให้เจ้าอาวาสเย็นหลังวาบเขาเอ่ยเสียงสั่น “อารามเทียนอี้มีคนอยู่ร่วมพัน ข้างล่างนั้นยังมีชาวนาอยู่อีกหลายพันคน“หากพวกเขาบุกเข้ามาพร้อมกันทั้งหมดล่ะก็ แค่พวกเขาถ่มน้ำลายกันคนละทีสองทีก็ทำพวกเราจมน้ำตายได้แล้ว!”เฟิ่งชูอิ่งปลอบใจเขา “ไม่ต้องกลัว หากเขาคิดจะฆ่าใครสักคนก็น่าจะเป็นเจ้า ไม่ใช่ข้าหรอก เพราะวันนี้คนที่มาหาเรื่องอารามเทียนอี้ก็คือเจ้า“ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ถึงขั้นมีคนตายแล้ว เจ้ากับพระลูกวัดหนีไม่พ้นปัญหานี้หรอก“ทรัพย์สินต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อให้ได้มา ทำแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จสิ!”เจ้าอาวาส “......”เจ้าอาวาส “!!!!!!”เขารู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาทันที!เขาสร้างบาปกรรมอะไรไว้ถึงต้องมาพบเจอกับนาง!ปู๋เยี่ยโหวยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ เขายื
Read more

บทที่ 344

ประกอบกับมีเจ้าอาวาสยืนข้างๆ นาง เขาจึงคิดว่าคนที่นักพรตเฒ่าชี้คือเจ้าอาวาสเขาถามเจ้าอาวาส “มิน่าล่ะท่านนักบวชถึงกล้ามาขอประลองฝีมือกับอารามเทียนอี้ ที่แท้ก็เพราะในมือมีสมบัติล้ำค่าอย่างหลิงเสวี่ยอยู่”เจ้าอาวาสได้เคยได้ยินชื่อของหลิงเสวี่ยมาก่อน มันคืออาวุธที่ร้ายกาจอย่างยิ่งมีดเล่มนั้นพลังทำลายไม่สูงมาก แต่หากคนที่ใช้มีดเล่มนั้นใช้วิชาควบคู่ไปด้วย วิชาของเขาจะมีพลานุภาพมากกว่าเดิมเกือบเท่าตัวได้ยินมาว่ามีดเล่มนั้นเป็นของเจ้าสำนักลี้ลับที่จากโลกนี้ไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนตอนนั้นคนที่นักพรตเฒ่าชี้แล้วบอกว่าหลิงเสวี่ยคือเฟิ่งชูอิ่ง แปดส่วนมีดเล่มนั้นต้องอยู่ในมือเฟิ่งชูอิ่งเขาสับสนไปหมด ทว่าสีหน้ากลับเศร้าหมองอย่างมากเขาเอ่ยเสียงเรียบว่า “อาตมาไม่รู้จักหลิงเสวี่ยอะไรนั่นหรอก แล้วก็ไม่มีตัวช่วยอะไรด้วย วันนี้เพียงมาขอถกความรู้ด้วยเท่านั้น!”หวูเหวยจื่อได้ยินแบบนั้นก็แสยะยิ้ม ชี้ไปที่ศพซึ่งไหม้เกรียม “แล้วศพของนักพรตอารามเทียนอี้ของเขาจะอธิบายว่าอย่างไร?”เจ้าอาวาสท่องอมิตาพุทธ เอ่ยเสียงอ่อนโยน “เรื่องนี้ เหตุใดท่านหัวหน้าอารามเทียนอี้ไม่ลองถามตัวเองดูล่ะ“เพลิงกรรมจะลุกไหม้
Read more

บทที่ 345

“ท่านหัวหน้าอารามมีฐานะเป็นผู้นำของอารามแห่งนี้ หากไม่รู้การกระทำของพวกเขา แสดงว่าท่านหัวหน้าอารามไร้ความสามารถ“หากรู้แต่ไม่คิดจะควบคุมหยุดยั้ง เช่นนั้นก็เป็นการผิดต่อหลักศีลธรรม บาปกรรมหนักหนา!”กล่าวจบเขาก็ยกพระธรรมคำสอนออกมาเอ่ย บอกว่าการกระทำของหวูเหวยจื่อผิดตรงไหน ต่อไปจะต้องได้รับผลกรรมอย่างไรในฐานะเจ้าอาวาสประจำอาราม ยามปกติเขามักจะสั่งสอนพระลูกวัดเป็นประจำ แล้วยังต้องล้างสมองคนที่มาซื้อธูปเทียนเครื่องรางและยันต์คุ้มครองอีกการจะทำทั้งหมดนั้น ต้องมีฝีปากที่ยอดเยี่ยมอย่างมากซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เจ้าอาวาสเชี่ยวชาญมากที่สุด เขาจึงสั่งสอนหวูเหวยจื่อเสียยกใหญ่หวูเหวยจื่อกับนักพรตที่เหลือรู้สึกเหมือนมีเสียงวิ้งๆ ดังในหัว พวกเขาอยากจะทุบเจ้าอาวาสให้ตายๆ ไปเสีย ไอ้พระบ้านี้จะพูดมากไปถึงไหน!ทว่าพวกเขารู้ว่าในมือของเจ้าอาวาสมีหลิงเสวี่ยอยู่ แล้วศพของนักพรตที่ถูกเผาก็ยังกองอยู่ตรงนั้นหากพวกเขาเป็นฝ่ายลงมือ จุดจบของพวกเขาก็คงเหมือนกับศพพวกนี้แต่หากต้องทนฟังต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาก็รู้สึกเหมือนสมองจวนจะถูกคำสอนของเจ้าอาวาสเป่าจนระเบิด!พวกนักพรตทั้งหลายทำหน้าอมทุกข์ พวกเขาคิด
Read more

บทที่ 346

ตอนแรกพวกนักพรตไม่ได้สนใจเฟิ่งชูอิ่งสักเท่าไหร่ แต่พอได้ยินสิ่งที่นางพูดพวกเขาก็หันไปมองนางพร้อมกันนางคนเดียวกล้าท้าประลองกับพวกเขาทั้งหมดเลยหรือ?อวดดีเกินไปแล้ว!นักพรตคนนั้นคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป เอ่ยถามว่า “เจ้าแน่ใจนะ?”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “ฟ้าใกล้มืดแล้ว หากต้องประลองกันสามครั้งเพื่อตัดสินผลแพ้ชนะมันจะเปลืองเวลาเกินไป มิสู้ตัดสินให้จบในครั้งเดียวไปเลย“หากชนะเจ้าแค่คนเดียว ก็คงจะวัดฝีมือของข้าไม่ได้ แล้วพวกเจ้าทุกคนก็คงไม่ยอมรับผลแต่โดยดี ดังนั้นพวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันหมดนั่นแหละ!”นางรูปร่างหน้าตาดูว่านอนสอนง่าย เหมือนเด็กสาวอ่อนหวานไร้พิษภัย แต่กลับพูดจาอวดดีอย่างมากนักพรตคนนั้นแสยะยิ้ม “เจ้าอย่าร้องไห้ทีหลังละกัน!”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “วางใจเถอะ ข้าจะทำให้พวกเจ้าร้องแทน”นักพรตพวกนั้น “......”พวกเขาไม่เห็นเฟิ่งชูอิ่งอยู่ในสายตาจริงๆ เพราะว่านางดูเป็นเด็กสาวหัวอ่อน และยังอายุน้อยเกินไปด้วยแม้เมื่อครู่นี้นางจะเป็นคนใช้เพลิงกรรมเผาพวกนักพรตเหล่านั้นจนตาย แต่พวกเขามองว่านั่นจะต้องเป็นฝีมือของเจ้าอาวาส มิใช่ฝีมือนางหรอกเขาเอ่ยเสียงเย็นชา “ไม่ต้องให้พวกศิษย์พี่พวกนั้
Read more

บทที่ 347

แต่ตอนนี้เขาแสดงบทบาทเป็นภิกษุผู้สูงส่งที่มีความคิดลึกล้ำยากหยั่ง การตอบสนองแบบนี้ก็นับว่าเหมาะสมกับบทบาทดีหวูเหวยจื่อมองเฟิ่งชูอิ่งด้วยความตกตะลึงอย่างมาก นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อยันต์อสนีบาตเป็นยันต์ที่น่ากลัวที่สุด แล้วก็เป็นยันต์ที่ปรมาจารย์ด้านยันต์วาดสำเร็จยากที่สุดเพราะว่ายันต์ประเภทนี้ต้องใช้ความสามารถที่สูงมาก คนทั่วไปมีเก็บไว้สักหนึ่งถึงสองแผ่นก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่าแล้ว สามารถใช้ในยามคับขันได้แต่เฟิ่งชูอิ่งกลับหยิบออกมาเป็นกอบเป็นกำเหมือนสินค้าขายส่งตามท้องตลาด ศิษย์สิบกว่าคนโดนยันต์อสนีบาตจากนางคนละหนึ่งแผ่นศิษย์ทั้งหมดที่เขาพาออกมาด้วย เดินออกมาด้วยเท้า แต่กลับถูกแบกกลับเข้าไปทุกรายเขามองเฟิ่งชูอิ่งแล้วถามว่า “เจ้าเอายันต์อสนีบาตมาจากไหนมากมาย?”เฟิ่งชูอิ่งตอบ “ก็ต้องวาดขึ้นมาน่ะสิ”นางกล่าวจบก็หันมองเจ้าอาวาสแวบหนึ่ง “ท่านอาจารย์เป็นคนสอนข้าเอง”เจ้าอาวาสตัวสั่นเล็กน้อย แต่ไม่กล้าโต้แย้งคำพูดของนางทั้งสองคนสบตากัน จากนั้นก็แลกเปลี่ยนสายตากัน สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาคำพูดของนางดังก้องในหูของหวูเหวยจื่อ เขาพลันเข้าใจไปว่านัดบวชทุกคนในอารามส
Read more

บทที่ 348

ปู๋เยี่ยโหวบังเอิญมาพบนางที่กำลังเตรียมตัวจะไปหาเรื่องอารามเทียนอี้พอดี เขาก็เลยติดตามมาชมเรื่องสนุกพร้อมกับรอคอยโอกาสลงมือสมแล้วที่ถูกจิ่งสือเยี่ยนตราหน้าว่าเป็นบุคคลอันตรายในนิยาย เขาเป็นคนที่สร้างอันตรายได้ทุกหนแห่งจริงๆ!สิ้นเสียงของเขา นักเลงและอันธพาลเหล่านั้นก็ลงมือทุบตีทำร้ายคนทันทีพวกเขาส่วนมากไม่มีวรยุทธ์ แต่กลับมีประสบการณ์ต่อสู้อย่างโชกโชน อีกทั้งตอนทะเลาะวิวาทไม่สนใจกฎกติกา ไม่ว่าจะชั่วช้าไร้คุณธรรมแค่ไหนก็ทำหมดจิ้มลูกตา เตะอัดเป้า เขวี้ยงหินใส่ ขอแค่กระทืบนักพรตของอารามเทียนอี้จนเจ็บตัวได้ พวกเขาพร้อมจะใช้หมดทุกวิธีเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”ปู๋เยี่ยโหวขยับเข้ามาใกล้นาง “อารามเทียนอี้มีค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาอยู่ เจ้าทำลายค่ายกลแห่งนั้นทิ้งสิ พวกเราจะกวาดล้างอารามเทียนอี้ให้ราบคาบด้วยกัน”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเหล่ตามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตามความจริงว่า “ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาสร้างจาการรวบรวมพลังของนักพรตทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน“ท่านโหวคิดว่าข้าเพียงคนเดียวสามารถทำลายได้หรือ?”ปู๋เยี่ยโหวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ก็ลองดูหน่อยสิ ทำลายได้ย่อมดีที่สุด ทำลายไม่ได้ก็ยังได้กลั่นแก
Read more

บทที่ 349

หวูเหวยจื่อโกรธจนแผดเสียงคำรามลั่น “ปู๋เยี่ยโหว ไอ้คนเสียสติเอ๊ย!”ปู๋เยี่ยโหวหัวเราะร่วน “เจ้าเพิ่งรู้วันนี้หรือ?”ในตอนนั้นเอง ภายในอารามก็มีเสียงระเบิดดังก้องออกมาเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน ก็มีไฟลุกท่วมขึ้นมาในถนนสายหลักของอารามมีเสียงคนตะโกนว่า “รูปปั้นของท่านบรรพจารย์ถูกระเบิดแล้ว รีบไปช่วยกันดับไฟเร็ว!”หวูเหวยจื่อได้ยินแบบนั้นก็เดือลดาลจนเส้นเลือดฝอยปรากฏในดวงตาปปั้นของท่านบรรพจารย์อยู่ในตำหนักที่ใช้สักการะของอารามเทียนอี้ เป็นที่ยึดเหนี่ยวของนักพรตทุกคนในอารามรูปปั้นของเขาถูกทำลายแบบนี้ ก็เหมือนกับการทำลายอารามเทียนอี้ทิ้งนั่นแหละภายในอารามมีเสียงคนแหกปากตะโกนออกมาว่า “อารามเทียนอี้ทำเรื่องชั่วช้าเลวทราม ปปั้นของท่านบรรพจารย์จึงระเบิดตัวเอง!”เสียงดังกล่าวแฝงด้วยกำลังภายในอย่างชัดเจน เพราะมันได้ยินไปจนถึงด้านนอกอารามเทียนอี้เฟิ่งชูอิ่งได้ยินเสียงตะโกนดังกล่าวก็หลุดขำออกมา เพราะว่านี่เป็นสิ่งที่นางขอให้องครักษ์เงาของปู๋เยี่ยโหวเป็นคนทำเองตอนแรกนางคิดว่ากำลังพลฝ่ายพวกเขาน้อยไปหน่อย แล้วพวกนักพรตอารามเทียนอี้ก็โหดเหี้ยมมาก นางกลัวจะอาละวาดได้ไม่หนักพอหากไม่รุนแรงมา
Read more

บทที่ 350

เพราะว่าคลังเก็บสมบัติแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยเพชรนิลจินดาและเงินทองของพวกนั้นวางกองรวมกันและส่องแสงระยับระยับจนนางตาแทบบอดเฟิ่งชูอิ่งคิดว่าตอนนี้นางไม่ควรจะลังเลเลยแม้แต่น้อย มิฉะนั้นจะเป็นการไม่ให้เกียรติสมบัติเหล่านี้ได้นางเปิดกำไลมิติออกแล้วกวาดสมบัติทั้งหลายเข้าไปเก็บข้างในอย่างบ้าคลั่งนางหันกำไลไปทางกล่องที่สูงครึ่งตัวคน เพียงพริบตาเดียว สมบัติภายในกล่องก็ถูกนางดึงเข้าไปเก็บในมิตินางหันกำไลไปทางกำแพงสีทองอร่าม ทองคำก็ถูกสูบเข้าไปเก็บในกำลังทั้งหมด....ใช้เวลาเพียงจิบชาถ้วยเดียว นางก็กวาดสมบัติล้ำค่าทั้งหมดในคลังสมบัติของอารามจนหมดเกลี้ยง!เฟิ่งชูอิ่งคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน แต่ใครบ้างที่ไม่ชอบเงิน!หลังจากนางปล้นสมบัติจนหมดคลังก็เตรียมจะหนีออกจากที่นี่ แต่กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆนางลองขยับปลายนิ้วคำนวณดู แล้วลองมองการจัดวางภายในห้องอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าภายในห้องมีช่องลับซ่อนอยู่ด้วยนางใช้มือเคาะกำแพงเบาๆ หลังยืนยันตำแหน่งได้แล้วก็ลองใช้มือคลำไปรอบๆ จนกระทั่งพบกลไกที่ซ่อนอยู่เมื่อนางขยับกลไกดังกล่าว ประตูบานหนึ่งก็เผยออกอย่างช้าๆ ก่อนนางจะเปิดประตูเข้าไป
Read more
PREV
1
...
3334353637
...
100
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status