บททั้งหมดของ เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง: บทที่ 161 - บทที่ 170

610

บทที่ 161

หานลี่ฉินพูดตามจริง“ไม่ว่าเขาจะรักษาได้หรือไม่ รีบเรียกคนคนนี้มาเดี๋ยวนี้เลย” เลขาหลี่กลับไม่สนใจอะไรมาก ยังไงเสียก็แทบจะหมดหวังแล้ว ลองรักษาดูก็ไม่มีอะไรเสียหาย เขาไม่อาจพลาดโอกาสใดแม้เพียงเศษเสี้ยวหานลี่ฉินกล่าวอย่างลำบากใจว่า “คุณหลินบอกว่าเขาไม่ว่าครับ” “ช่างวางท่าเหลือเกิน! ขอเพียงเขาสามารถรักษาไอ้โรคประหลาดนี่ได้ ตระกูลฉินไม่มีทางผิดต่อเขาแน่ จะให้เขาได้ทั้งชื่อเสียงและผลประโยชน์อย่างแน่นอน” เลขาหลี่ทำงานอยู่ข้างกายฉินอี๋หลิงจึงเคยชินกับการวางตัวสูงส่ง คอยบงการผู้อื่นอย่างหยิ่งผยอง เมื่อได้ยินว่าหลินหยางถึงกับไม่ยอมมา จึงชักสีหน้าพูดออกมาหานลี่ฉินรู้สึกลำบากใจต่อทั้งสองฝ่าย แต่เขาก็ไม่กล้าไปรบกวนหลินหยางอีก“อย่างไรกัน? ผอ.หาน คนคนนี้คุณสั่งการไม่ได้อย่างนั้นหรือ?” เลขาหลี่ถาม“เลขาหลี่ ขอไม่ปิดบังคุณ คุณหลินไม่ใช่หมอของโรงพยาบาลเรา ทักษะการแพทย์ของเขายอดเยี่ยมอย่างน่าอัศจรรย์ ผอ.ตัวเล็กๆ แบบผมเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหลินแล้วก็ไม่มีน้ำหนักแม้แต่น้อย ผมเชิญมาไม่ได้จริงๆ ครับ” “คุณไปบอกคนคนนั้นว่าตระกูลฉินแห่งเมืองเฟิ่งหยางสั่งให้เขามารักษาโรคให้คนที่โรงพยาบาล ไม่อนุญาตใ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 162

เมื่อมู่หรงยิ่นเห็นเลขาหลี่มีทัศนคติเช่นนี้ ก็ส่ายศีรษะและเผยสีหน้าเย็นชาออกมา“หากท่าทีของคุณเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องโทรศัพท์ครั้งนี้แล้ว คุณหลินไม่มีทางยื่นมือมาช่วยเหลือแน่” “ตระกูลฉินแห่งเฟิ่งหยางให้เขารักษา เขากล้าไม่ทำตามหรือ? ต่อให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหมอเทวดา แต่เมื่ออยู่เบื้องหน้าตระกูลฉิน เขาก็ต้องก้มหัวลู่หางทำตามคำสั่ง!" เลขาหลี่เลิกคิ้วเรียวของเขา ไม่แก้ไขท่าทีเชิดหน้าสั่งการอย่างเย่อหยิ่งโดยไม่เห็นใครอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย“มู่หรงยิ่น ผมขอสั่งให้คุณโทรศัพท์เดี๋ยวนี้ คุณอย่าได้ลืมฐานะของตัวเอง ถ้าคุณหนูฉินเป็นอะไรไปในเมืองลั่วขึ้นมา คุณก็ยากจะหนีความรับผิดชอบได้เหมือนกัน คุณเป็นเพียงคนรับผิดชอบสาขาเล็กๆ ของตระกูลมู่หรงเท่านั้น ต่อให้เป็นตระกูลมู่หรงแห่งหนานตู เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลฉินของพวกเรา ก็เป็นเหมือนมดปลวกเท่านั้น” เลขาหลี่แสดงท่าทีของสุนัขที่แอบอ้างบารมีเจ้านายออกมาอย่างเต็มที่ อ้าปากปิดปากก็เป็นตระกูลฉินแห่งเฟิ่งหยางดวงตาอันงดงามของมู่หรงยิ่นเกิดประกายเยียบเย็นวาบผ่าน“คนที่ลืมฐานะของตัวเองคงจะเป็นคุณมากกว่า คุณเป็นแค่เลขาคนหนึ่งเท่านั้น วางท่าอะไรกัน?
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 163

ฉินอี๋หลิงกล่าวกับมู่หรงยิ่น“คุณหนูครับ คุณไม่รู้ว่าเจ้าคนแซ่หลินนี่วางท่ามากเหลือเกิน เพราะเรื่องนี้ผมถึงได้เกิดการโต้เถียงกับคุณมู่หรตำรับขึ้นมา สามารถทำการรักษาให้คนตระกูลฉินได้ สำหรับคนนับไม่ถ้วนถือว่าเป็นโอกาสยิ่งใหญ่เทียมฟ้า แต่เขากลับยังกล้าวางท่าอีก” หลีเหยียนยังคงไม่เปลี่ยนท่าทีสูงส่งเหนือผู้คนนั่น“หุบปาก!” ฉินอี๋หลิงตำหนิ“ถ้าหมอเทวดาหลินท่านนี้สามารถรักษาโรคนี้ได้จริง ก็เท่ากับว่าเขาเป็นหมอเทวดาตัวแท้จริง นายรู้หรือเปล่าว่าหมอเทวดามีฐานะแบบไหน ต่อให้เป็นตระกูลฉินของพวกเรา ก็ยังต้องเคารพให้เกียรติ ยกย่องเป็นแขกกิตติมศักดิ์ ไม่มีใครเต็มใจล่วงเกินหมอเทวดาที่แท้จริงหรอกนะ นายรีบของขมาคุณหนูมู่หรงเดี๋ยวนี้เลย” ไม่เสียทีที่ฉินอี๋หลิงเป็นทายาทสายตรงของตระกูลฉิน การอบรมเลี้ยงดูที่ได้รับไม่เหมือนกัน สายตาที่ใช้มองสิ่งต่างๆ ก็ย่อมแตกต่างเช่นกัน เธอเข้าใจดีว่าหมอเทวดาผู้หนึ่งมีฐานะเช่นใดหลี่เหยียนถึงกับกล้าเสียมารยาทแบบนี้ หากล่วงเกินหมอเทวดาขึ้นมาจนไม่ยินดีจะรักษาให้ แบบนั้นเธอก็จะต้องตายอย่างแน่นอนฉินอี๋หลิงทรมานมากพอแล้ว ไม่อยากทนรับความเจ็บปวดเช่นนี้อีกต่อไปแล้วหลี
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 164

มู่หรงยิ่นมิได้สนใจคำพูดที่แสดงถึงความดูแคลนอย่างชัดเจนของถังเต้าหมินกลับเป็นหลี่เหยียนผู้เป็นเลขาที่กล่าวว่า “คุณหนูมู่หรง พวกเราทำตามความต้องการของคุณแล้ว คำขอโทษก็พูดไปแล้ว หวังว่าหมอเทวดาแซ่หลินคนนี้จะมีความสามารถรักษาโรคนี้ได้จริง ไม่อย่างนั้น เหอะ…” แม้หลี่เหยียนจะไม่ได้กล่าวจนจบ ทว่าท่าทีข่มขู่ที่อยู่ในคำพูดนั้นก็เด่นชัดเป็นอย่างมาก เขายังคงรู้สึกแค้นเคืองต่อเรื่องที่ถูกบังคับให้ขอโทษเมื่อครู่“ฉันกลับอยากรู้จริงๆ ว่า คุณหวังให้เขารักษาโรคนี้ได้หรือไม่อยากให้เขารักษาได้กันแน่?” มู่หรงยิ่นถาม“ไร้สาระ! แน่นอนว่ารักษาได้ย่อมดีที่สุด” หลี่เหยียนพูดโดยไม่ต้องคิด“ถ้าอย่างนั้นคุณก็หุบปากไปซะ คำพูดไร้สาระของคุณนั้นมากที่สุดเลย ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครว่าคุณเป็นใบ้หรอก” มู่หรงยิ่นตอกจนหลี่เหยียนพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง แต่เนื่องจากเวลานี้มีเรื่องต้องร้องผู้อื่น หลี่เหยียนจึงได้แต่กล้ำกลืนความโมโหไว้มู่หรงยิ่นเดินออกจากห้องผู้ป่วย โทรศัพท์ไปหาหลินหยาง เล่าอาการของฉินอี๋หลิงอย่างละเอียด“เป็นผื่นพิษโลหิตอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ"หลินหยางกล่าว“คุณหลินคะ โรคนี้คุณรักษาได้ไหมคะ?” มู
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 165

มู่หรงยิ่นเก็บโทรศัพท์มือถือลงไป วนเวียนไปมาอยู่นอกห้องผู้ป่วยครู่หนึ่ง จึงเดินกลับเข้าไปหลี่เหยียนรีบถามอย่างอดทนรอไม่ไหว “หมอเทวดาหลินคนนั้นจะมาเมื่อไหร่กัน?” หยี่เหยียนรู้สึกว่าบนร่างของตนคันเล็กน้อย ที่มือเริ่มมีจุดแดงเล็กๆ ผุดขึ้นมา นี่เป็นสัญญาณการกำเริบของผื่นพิษโลหิต ตัวเขาในตอนนี้หวาดกลัวจะตายอยู่แล้ว“รบกวนพวกคุณช่วยออกไปก่อน ฉันต้องการคุยกับคุณหนูฉินสักสองสามประโยค” มู่หรงยิ่นกล่าว“คุณก็บอกพวกเรามาให้ชัดเลยดีกว่าว่าที่แท้เขาจะมาไหม แล้วรักษาได้หรือเปล่า? คุณจะไล่พวกเราออกไปทำไม?” หลี่เหยียนคว้ามือของมู่หรงยิ่นไว้แล้วเค้นถาม“หลี่เหยียน! ระวังพฤติกรรมของนายด้วย!” แม้ฉินอี๋หลิงจะนอนป่วยอยู่บนเตียง ทว่าความน่ายำเกรงของเธอยังคงอยู่ เพียงประโยคเดียวก็ทำให้หลี่เหยียนปล่อยมือออกและไม่กล้าพูดมากอีก“พวกนายออกไปให้หมด” คนทั้งหลายต่างตามกันออกไปจากห้องผู้ป่วย เหลือเพียงฉินอี๋หลิงกับมู่หรงยิ่นเท่านั้น“คุณหนูมู่หรง มีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ ฉันอยากรู้เพียงว่า หมอเทวดาหลินคนนี้สามารถรักษาโรคของฉันให้หายได้หรือเปล่าเท่านั้น?"ฉินอี๋หลิงถาม“รักษาได้ค่ะ” “คุณแน่ใจไหมคะ?”
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 166

ส่วนทางโรงพยาบาล มู่หรงยิ่นกำลังช่วยฉินอี๋หลิงวิเคราะห์เบาะแส จะต้องตรวจหาสาเหตุของการติดโรคให้เจอโดยเร็วที่สุดณ หมู่บ้านตี้เหา หลินหยางกำลังนั่งขัดสมาธิ ในสมองกำลังวิเคราะห์เบาะแสไม่หยุดก่อนเทพโอสถผู้เป็นอาจารย์จะสิ้นลมได้เคยกำชับไว้ว่า ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นบรรลุเทพ ไม่อาจเปิดเผยฐานะว่าตนเป็นผู้สืบทอดของเทพโอสถอย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะชักนำเภทภัยถึงชีวิตมาและตัวหลินหยางในเวลานี้ ยังห่างไกลจากระดับบรรลุเทพอีกมาก ดุจดั่งวิมานในสรวงสวรรค์ ห่างออกไปแสนไกลเกินเอื้อมถึงระดับบรรลุเทพ นั่นเป็นระดับในตำนานที่เล่าขานกันกระทั่งมีคนจำนวนมากที่ไม่เชื่อถึงการคงอยู่ของระดับบรรลุเทพ คิดว่าระดับท่องสวรรค์ก็เป็นขีดจำกัดขั้นสูงสุดของมนุษย์แล้วระดับแรกคือ ‘ระดับมานะสร้าง’ หลังบรรลุระดับมานะสร้างได้ก็จะเข้าสู่ระดับที่สอง ‘ระดับเบิกฟ้า’ ซึ่งเป็นการสั่งสมลมปราณแท้จนกลั่นตัวเป็นจุดตันเถียนระดับขั้นที่สามของการฝึกยุทธ์คือ ‘ระดับเขตลับแห่งอิสรภาพ’ เป็นระดับที่สามารถปลดปล่อยปราณแท้ออกมา ควมคุมเป็นรังสีดาบกระบี่และรัศมีคุ้มครองกายที่แข็งแกร่งประดุจเหล็กกล้า สำหรับผู้ที่อยู่ในระดับนี้ กิ่งไม้ใบหญ้าล้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 167

เจิ้งหนานซวี่กล่าวอย่างตื่นเต้น“คืนนี้ฉันมีธุระ ไม่ไปเล่นเป็นเพื่อนนายแล้ว เปลี่ยนเป็นวันอื่นแล้วกัน” หลินหยางตัดสินใจว่าคืนนี้จะไปที่บ้านของฉินโม่หนง เพื่อลองเชิงเรื่องอุบัติเหตุรถยนต์ของพ่อแม่เขา ดูว่าจะสามารถถามเบาะแสอะไรจากปากของฉินโม่หนงได้หรือไม่ในส่วนลึกของจิตใจ เขาหวังอย่างยิ่งว่าฉินโม่หนงจะไม่เกี่ยวข้องกับการตายของพ่อแม่เขา“อย่างนั้นก็ได้ ถูกแล้ว หวังเซิ่งหลานไม่ได้มาหาเรื่องพี่ใช่ไหม? เรื่องนั้นฉันช่วยอะไรไม่ได้เลย รู้สึกผิดจริงๆ” “หล่อนมาแล้วและก็ไปแล้วล่ะ นายวางใจเถอะ เรื่องพวกนี้ฉันรับมือคนเดียวก็พอ นายแค่ทำกิจการของนายให้ดีๆ” หลินหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม“สวรรค์ประทานโอกาสล้ำค่ามาให้แล้ว ฉันต้องไม่ผิดต่อมันแน่” เจิ้งหนานซวี่ในตอนนี้ ยามพูดจาจะมีกระแสความฮึกเหิมสายหนึ่งหมู่บ้านตี้เหา วิลล่าสกุลหลิ่วเหลียงควนออกจากโรงพยาบาลแล้ว เพียงแต่บาดแผลบนในหน้ายังไม่หายดีทั้งหมด ทว่าเขาไม่อาจทนรอที่จะไปแก้แค้นหลินหยางเหลียงควนขับรถไปที่บ้านสกุลหลิ่วก่อนเมื่อเห็นเหลียงควนมาเยือน อวี๋ผิงก็รู้สึกยินดีอย่างมาก ปฏิบัติต่อเขาอย่างมีมารยาท คอยสอบถามสารทุกข์สุกดิบและประจบปร
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 168

“เสี่ยวเหลียง เธอจะแก้แค้นก็ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้หลินหยางมีวิชาฝีมือยู่กับตัว เกรงว่าเธอจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา หากเกิดโดนมันทำร้ายจนเป็นอะไรขึ้นมาอีก แบบนั้นก็จะไม่คุ้มกัน” อวี๋ผิงเป็นห่วงมาก กลัวว่าลูกเขยที่แสนล้ำค่าคนนี้ของเธอจะได้รับบาดเจ็บตรงที่ใดขึ้นมา“เธอเป็นเหมือนเครื่องเคลือบล้ำค่า ส่วนไอ้หลินหยางนั่นเป็นแค่พวกบ้านนอกคอกนา ไม่ว่าจะกระทบกันอย่างไรก็เป็นเธอที่บอบช้ำ” “ผมไม่ได้โง่ถึงขนาดจะไปเปรียบฝีมือกันคนฝึกยุทธ์หรอกครับ ผมมีทั้งเงินและอำนาจ จะจัดการกับเขาไม่จำเป็นต้องให้ผมลงมือเอง” “พ่อของผมออกหน้าเชิญยอดฝีมือขั้นแปดมาท่านหนึ่งมาด้วยตัวเอง รอจนเขามาถึง ผมจะต้องให้หลินหยางคุกเข่าโขกหัวต่อหน้าผม เหยียบเขาไว้ใต้ฝ่าเท้าแล้วสั่งสอนเขาอย่างหนักแน่ครับ” สีหน้าของเหลียงควนเต็มไปด้วยความลำพอง แสดงความรู้สึกเหนือกว่าออกมาอย่างเต็มขั้น“อย่างนั้นก็ดี ครั้งก่อนเป็นเพราะน้าประมาทเกินไป ทำให้ยอดฝีมือระดับห้าที่สนิทสนมกับพวกเราได้รับบาดเจ็บสาหัส จนเกิดความเสียหายอย่างมาก” "ครั้งนี้มียอดฝีมือระดับแปดออกโรงด้วยตัวเอง น้าจะรอดูว่าเจ้าเดรัจฉานน้อยนั่นจะเอาความสามารถอะไรมาต้านอีก"อว
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 169

เติ้งจินขุยไม่ได้ลงจากรถในทันที แต่พยักหน้าเบาๆ แล้วกล่าวว่า “คนที่เธอต้องการจัดการอาศัยอยู่ที่นี่?” “ใช่แล้วครับ” “อยากได้แบบตายหรือเป็น?” เติ้งจินขุยถาม“เอาแบบเกือบตายก็พอครับ ส่วนที่เหลือมอบให้ผมจัดการ จะได้ไม่เปื้อนมือคุณ” เหลียงควนกล่าวเติ้งจินขุยพอใจต่อท่าทีของเหลียงควนเป็นอย่างมาก กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “เธอรู้ความดี” อวี๋ผิงและหลิ่วฟู่อวี่ยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่พูดสิ่งใดแม้แต่คำเดียว เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับแปด คนทั้งสองก็มีความกลัวอยู๋ในใจเช่นกัน“ผมรู้ว่า แค่ไอ้กระจอกที่ไม่มีความสำคัญคนหนึ่ง การรบกวนให้คุณลงมือด้วยตัวเองแบบนี้ถือว่าไม่สมศักดิ์ศรีของคุณเลย แต่อีกฝ่ายมันโอหังเกินไปจริงๆ ครับ…” เติ้งจินขุยยกมือขึ้นเบาๆ ว่า “เอาเถอะ เรื่องไร้สาระพูดให้น้อยลงหน่อย หลังจากเรื่องนี้เมื่อกลับไปแล้วบอกพ่อของเธอด้วยว่า การลงมือครั้งนี้ของฉันถือว่าได้คืนน้ำใจที่ติดค้างเขาแล้ว และก็ให้เกียรติเขาอย่างเต็มที่แล้วเช่นกัน ในอนาคตเรื่องเล็กๆ แบบนี้อย่าได้มารบกวนฉัน” “ครับครับครับ” เหลียงควนรีบพยักหน้าติดกัน“ไปเคาะประตู!” เติ้งจินขุยส่งสัญญาณมือให้เหลียงควนเมื่อมีย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 170

ถ้าพูดถึงเรื่องการปะทะฝีปาก ประชันวาจาเชือดเฉือน คนซื่อตรงอยู่ในหน้าที่มาตลอดแบบเสิ่นลี่หมิงจะเป็นคู่ต่อกรของหลิ่วฟู่อวี่ได้อย่างไร ทันใดนั้นก็ถูกถากถางดูแคลนจนไร้คำพูด ไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไรดี“พวกคุณพูดจบหรือยัง?” ในเวลานั้นเอง หลินหยางก็เดินออกมาจากในบ้าน สีหน้าเย็นชาสำหรับอวี๋ผิงและหลิ่วฟู่อวี่สองแม่ลูกแล้ว หลินหยางมิได้มีความรู้สึกดีด้วยแม้แต่น้อย เพียงเห็นแก่หน้าของหลิ่วเฉิงจื้อ จึงคร้านที่จะเอาความกับพวกเธอ เหลือหน้าไว้ให้พวกเธอบ้างเท่านั้นแต่การที่สองแม่ลูกเหยียดหยามเสิ่นลี่หมิงเช่นนี้ ทำให้หลินหยางโมโหขึ้นมา“นี่เป็นบ้านของฉัน ไม่ใช่ที่ที่พวกคุณสองแม่ลูกจะมาทำตามอำเภอใจ พวกคุณยิ่งไม่มีสิทธิ์มาพูดจาดูหมิ่นคนในบ้านของฉัน ไม่ว่าใครทั้งนั้น” หลินหยางกล่าวเสียงเย็น“บ้านของนาย? นายเสแสร้งอะไรกัน! เมื่อก่อนที่นี่อาจเป็นบ้านของนายจริง แต่ตอนนี้เกี่ยวอะไรกับนายแม้แต่สตางค์แดงเดียวหรือไง คิดว่ากลายเป็นไอ้หนุ่มบำเรอที่ถูกคนเลี้ยงไว้แล้ว แกก็จะกลายเป็นเจ้าของตัวจริงของที่นี่หรือยังไง?” หลิ่วฟู่อวี่พูดเยาะเย้ยถากถาง“ไร้ยางอายสิ้นดี” อวี๋ผิงกล่าว“หึ…” หลินหยางแค่นเสียงเย็
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
1516171819
...
61
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status