เติ้งจินขุยไม่ได้ลงจากรถในทันที แต่พยักหน้าเบาๆ แล้วกล่าวว่า “คนที่เธอต้องการจัดการอาศัยอยู่ที่นี่?” “ใช่แล้วครับ” “อยากได้แบบตายหรือเป็น?” เติ้งจินขุยถาม“เอาแบบเกือบตายก็พอครับ ส่วนที่เหลือมอบให้ผมจัดการ จะได้ไม่เปื้อนมือคุณ” เหลียงควนกล่าวเติ้งจินขุยพอใจต่อท่าทีของเหลียงควนเป็นอย่างมาก กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “เธอรู้ความดี” อวี๋ผิงและหลิ่วฟู่อวี่ยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่พูดสิ่งใดแม้แต่คำเดียว เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับแปด คนทั้งสองก็มีความกลัวอยู๋ในใจเช่นกัน“ผมรู้ว่า แค่ไอ้กระจอกที่ไม่มีความสำคัญคนหนึ่ง การรบกวนให้คุณลงมือด้วยตัวเองแบบนี้ถือว่าไม่สมศักดิ์ศรีของคุณเลย แต่อีกฝ่ายมันโอหังเกินไปจริงๆ ครับ…” เติ้งจินขุยยกมือขึ้นเบาๆ ว่า “เอาเถอะ เรื่องไร้สาระพูดให้น้อยลงหน่อย หลังจากเรื่องนี้เมื่อกลับไปแล้วบอกพ่อของเธอด้วยว่า การลงมือครั้งนี้ของฉันถือว่าได้คืนน้ำใจที่ติดค้างเขาแล้ว และก็ให้เกียรติเขาอย่างเต็มที่แล้วเช่นกัน ในอนาคตเรื่องเล็กๆ แบบนี้อย่าได้มารบกวนฉัน” “ครับครับครับ” เหลียงควนรีบพยักหน้าติดกัน“ไปเคาะประตู!” เติ้งจินขุยส่งสัญญาณมือให้เหลียงควนเมื่อมีย
ถ้าพูดถึงเรื่องการปะทะฝีปาก ประชันวาจาเชือดเฉือน คนซื่อตรงอยู่ในหน้าที่มาตลอดแบบเสิ่นลี่หมิงจะเป็นคู่ต่อกรของหลิ่วฟู่อวี่ได้อย่างไร ทันใดนั้นก็ถูกถากถางดูแคลนจนไร้คำพูด ไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไรดี“พวกคุณพูดจบหรือยัง?” ในเวลานั้นเอง หลินหยางก็เดินออกมาจากในบ้าน สีหน้าเย็นชาสำหรับอวี๋ผิงและหลิ่วฟู่อวี่สองแม่ลูกแล้ว หลินหยางมิได้มีความรู้สึกดีด้วยแม้แต่น้อย เพียงเห็นแก่หน้าของหลิ่วเฉิงจื้อ จึงคร้านที่จะเอาความกับพวกเธอ เหลือหน้าไว้ให้พวกเธอบ้างเท่านั้นแต่การที่สองแม่ลูกเหยียดหยามเสิ่นลี่หมิงเช่นนี้ ทำให้หลินหยางโมโหขึ้นมา“นี่เป็นบ้านของฉัน ไม่ใช่ที่ที่พวกคุณสองแม่ลูกจะมาทำตามอำเภอใจ พวกคุณยิ่งไม่มีสิทธิ์มาพูดจาดูหมิ่นคนในบ้านของฉัน ไม่ว่าใครทั้งนั้น” หลินหยางกล่าวเสียงเย็น“บ้านของนาย? นายเสแสร้งอะไรกัน! เมื่อก่อนที่นี่อาจเป็นบ้านของนายจริง แต่ตอนนี้เกี่ยวอะไรกับนายแม้แต่สตางค์แดงเดียวหรือไง คิดว่ากลายเป็นไอ้หนุ่มบำเรอที่ถูกคนเลี้ยงไว้แล้ว แกก็จะกลายเป็นเจ้าของตัวจริงของที่นี่หรือยังไง?” หลิ่วฟู่อวี่พูดเยาะเย้ยถากถาง“ไร้ยางอายสิ้นดี” อวี๋ผิงกล่าว“หึ…” หลินหยางแค่นเสียงเย็
ตอนนั้นเติ้งจินขุยก็คิดว่าหลินหยางเป็นบุคคลใหญ่โตที่ไม่ควรไปหาเรื่องด้วยอย่างแน่นอน ตอนหลังเขาจึงไปสืบข่าวกับฉีอีซินเติ้งจินขุยเป็นคนส่วนน้อยที่รู้ตัวตนของหลินหยางตอนที่เขากระโดดเข้ามาแล้วเห็นว่าคนที่เผชิญหน้าด้วยคือหลินหยาง สีหน้าของเติ้งจินขุยสดใสมาก แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี หรือไม่ก็หันหน้าแล้วกลิ้งตัวหนีออกไป“คุณเติ้ง เจอหน้ากันอีกแล้ว”หลินหยางกล่าวเสียงเรียบเติ้งจินขุยกลืนน้ำลายดังเอื๊อกกล่าว “ใช่...ใช่ครับ”“การประลองเมื่อครั้งก่อน เหมือนว่ายังไม่รู้ว่าใครแพ้หรือชนะเลยนี่นา? ในเมื่อมีวาสนากันขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็สู้กันให้รู้แพ้รู้ชนะ ตัดสินว่าจะรอดหรือจะตายไปเลยเถอะกันไปเลยเถอะ”ในระหว่างที่หลินหยางพูด นัยน์ตาก็เปล่งประกายแสงเย็นยะเยือก เติ้งจินขุยตกใจจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว ความหนาวเย็นกลุ่มหนึ่งวิ่งพุ่งขึ้นมาจากปลายเท้าจนถึงกลางกระหม่อมตัดสินแพ้ชนะ ตัดสินว่าจะรอดหรือตาย ความหมายในคำพูดนั้นก็คือจะให้เขาตายอยู่ที่นี่ เติ้งจินขุยจะไม่รู้สึกกลัวได้อย่างไร“คุณหลินกล่าวเกินไปแล้ว ผมยอมแพ้ เดิมทีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณเลยด้วยซ้ำ ยังจำเป็นที่จะต้องตัดสินแพ้ชนะอะไรอีกล
เติ้งจินขุยในเวลานี้ไม่อยากจะสนใจเหลียงควน ยิ่งคร้านจะโต้แย้งกับเหลียงควน เขาคิดแค่ว่าอยากได้รับการยกโทษจากหลินหยางเท่านั้น จากนั้นรีบออกไปจากที่นี่ ไม่อย่างนั้นหากไม่ระวังเพียงนิดเดียว ก็คงจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่“คุณหลิน คุณเองก็ได้ยินแล้ว ผมไม่รู้จริง ๆว่าคนที่ต้องจัดการจะเป็นคุณ ขอโอกาสคุณสักครั้ง ไว้ชีวิตผมสักครั้งเถอะ”แรงอาฆาตในดวงตาของหลินหยางค่อย ๆ จางหายไป กล่าว “นายทำให้กระเบื้องของบ้านฉันพัง ต้องชดใช้”“ผมยินดีชดใช้! ขอเพียงแค่คุณหลินได้โปรดเข้าใจ คุณว่ามาเลยว่าต้องชดใช้เท่าไหร่ ผมก็จะชดใช้เท่านั้น เติ้งจินขุยพูดอย่างตรงไปตรงมา“นายคิดว่าฉันขาดเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้หรือไง?” หลินหยางกล่าว“ถ้าอย่างนั้น...คุณคิดว่าผมควรจะชดใช้ยังไง?”เติ้งจินขุยถามอย่างหวาดกลัวหลินหยางครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ชดใช้ฉันด้วยหญ้าน้ำลายมังกรหนึ่งร้อยปีก็แล้วกัน”เติ้งจินขุยค่อนข้างสนิทกับฉีอีซิน แน่นอนว่ารู้ว่าหญ้าน้ำลายมังกรเป็นสมุนไพรล้ำค่า หาได้ยากมากเติ้งจินขุยสีหน้าลำบากใจ การมาที่นี่ของตนเอง ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย ตอนนี้ยังต้องมาชดใช้ด้วยหญ้าน้ำลายมังกรหนึ่งต้นอีก เขาไม่รู้ว่าจะต้อง
ถึงแม้ว่าเลขาเหอไม่รู้ว่าทำไมวันนี้เติ้งจินขุยถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้ แต่เขามั่นใจว่าตนเองไม่ได้รับมาผิดคนแน่“เขาคือเติ้งจินขุยจริง ฉันเคยเห็นตัวจริงเขามาก่อน”อวี๋ผิงในเวลานี้ก็เอ่ยปากพูดเช่นกัน“เป็นไปไม่ได้! เติ้งจินขุยตัวจริง เป็นยอดฝีมือระดับแปด เป็นไปได้ยังไงที่กลัวหัวหดต่อหน้าของหลินหยาง ผมไม่เชื่อ! ผมไม่เชื่อ!!”อันที่จริงในใจของเหลียงควนในเวลานี้ชัดเจนมาก เพียงแต่เขาไม่สามารถยอมรับได้ ไม่ยินดีที่จะยอมรับคนที่เข้าใจหัวอกของเขา ยังมีหลิ่วฟู่อวี่ สายตาของเธอที่มองไปทางหลินหยาง เต็มไปด้วยความซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย“หลินหยาง นาย...นายเป็นใครกันแน่?”ในที่สุดหลิ่วฟู่อวี่ก็ถามประโยคนี้ออกมาอย่างอดไม่ได้“ฉันเป็นใคร เธอไม่จำเป็นต้องรู้ แล้วก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ด้วย”หลินหยางสีหน้าเย็นชา ไม่ไว้หน้าหลิ่วฟู่อวี่กับอวี๋ผิงอีกต่อไปประโยคนี้ของหลินหยาง ราวกับคมมีด แทงเข้าไปที่หัวใจของหลิ่วฟู่อวี่อย่างรุนแรง ทำให้เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่รุนแรง สีหน้าซีดขาวไร้เรี่ยวแรง“หลินหยาง ฉันไม่กลัวแกหรอกโว้ย! ฉันจะบอกแกให้นะ พ่อของฉันเป็นผู้อำนวยการของสมาคมการ
เหลียงควนเจ็บจนเหงื่อเต็มหน้าผาก ใบหน้าซีดขาว แต่หลินหยางได้บีบที่ไหล่อีกข้างของเขาแล้วเหลียงควนเกือบตกใจจนฉี่เกือบราด ถ้าหากไหล่ทั้งสองข้างถูกบีบแตกละเอียดหมด ถ้าอย่างนั้นเขาก็ต้องกลายเป็นคนพิการโดยสมบูรณ์แบบจริง ๆแล้ว“หลินหยาง ฉันขอร้องนายช่วยเมตตา ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอรับรองว่า ต่อไปฉันจะไม่กล้ามาหาเรื่องนายอีกแล้ว”“เมื่อกี้นายอวดดีบอกว่าจะเหยียบฉันให้จมดิน จะกระทืบฉันให้เกือบตายไม่ใช่เหรอไง? ตอนนี้ฉันก็แค่จะทำให้แขนข้างหนึ่งของแกพิการเท่านั้นเอง แค่นี้แกก็รับไม่ไหวแล้วเหรอไง?”หลินหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“แกอยากจะจัดการฉันยังไง ฉันก็แค่เอาคืนแกกลับทุกอย่าง นี่ถึงจะเรียกว่ายุติธรรม”“ฉันผิดไปแล้ว! ขอโทษ ฉันผิดแล้ว! เมื่อกี้เป็นฉันที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง พูดจาอวดดีเอง”“หลินหยาง ฉันโขกหัวให้นาย นายก็ถือว่าฉันเป็นแค่หมาตัวหนึ่งปล่อยฉันไปเถอะ”เหลียงควนไม่สนใจความเจ็บปวดที่แขนข้างซ้ายกระดูกหัก รีบโขกหัวให้หลินหยาง โขกจนหัวแตกเหลือไหลก็ไม่กล้าหยุดโขกเหลียงควนกลัวตายนี่นา เขาเข้าใจเหตุผลที่ว่าตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็ย่อมต้องมีความหวัง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องมีชีวิตรอดออกไปจา
หลินหยางพูดจบ ก็เดินมุ่งหน้าเข้ามาหาอวี๋ผิงกับหลิ่วฟู่อวี่“อย่า!”หลิ่วฟู่อวี่ตกใจจนร้องเสียงหลง เธอกลัวแขนหักยิ่งกว่าอวี๋ผิงเสียอีก“หลินหยาง เสิ่นลี่หมินก็เป็นแค่อดีตคนขับรถคนหนึ่งของตระกูลเธอเท่านั้น แต่พวกเราสองตระกูลมีความสัมพันธ์แบบไหน? ฉันเห็นเธอเติบโตมาตั้งแต่เด็ก เคยอุ้มเธอ เคยทำอาหารให้เธอ เคยป้อนนมเธอ!”“วันนี้เป็นความผิดของพวกเรา แต่เธอจะลงมือกับพวกเราอย่างโหดร้าย เพียงเพื่อคนรับใช้คนหนึ่งจริง ๆหรือ?”อวี๋ผิงทำได้แค่เพียงหงายไพ่ความสัมพันธ์“ถึงแม้ว่าอาเสิ่นจะเป็นคนใช้ ฐานะตัวตนสู้พวกน้าไม่ได้ แต่เขากลับมีสิ่งที่พวกน้าไม่เคยมี แค่ข้อนี้ พวกน้าก็ไม่ควรจะเอาตัวเองมาเทียบกับเขาแล้ว”“เขามีอะไร? แค่คนใช้คนหนึ่ง เขาจะมีอะไรได้?” อวี๋ผิงกล่าวอย่างไม่พอใจ“คุณธรรม!”“เขาคุณธรรม พวกน้าไม่มี! พวกน้าก็แค่คนเนรคุณ ลืมบุญคุณ เห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเอง พวกน้าสุญเสียแม้กระทั่งคุณธรรมพื้นฐานที่สุดของการเป็นมนุษย์ไป ยังมีหน้ามาเยาะเย้ยคนอื่น น่าขำจริง ๆ!”“หมาตัวหนึ่ง ให้กระดูกมันไม่กี่ชิ้น ให้ข้าวมันกินสักครั้ง มันก็ยังรู้จักกระดิกหางเพื่อขอบคุณ แต่พวกน้า เย็นชาไร้ยางอายถึงขนาด
ในใจของอวี๋ผิงคำนวณเรื่องพวกนี้ แน่นอนว่าหลินหยางมองแวบเดียวก็รู้แล้ว“ในเมื่อน้าสำนึกผิด ถ้าอย่างนั้นก็ทำเหมือนกับเหลียงควน รับราคาของการทำผิดเถอะ”สำหรับอวี๋ผิง หลินหยางกลับไม่ได้ทำให้แขนของเธอหักทันที แต่สะกดจุดบนตัวของเธอสองสามจุด ด้วยวิธีกดจุดที่เฉพาะ ปิดกั้นตำแหน่งลมปราณทั้งสามจุดของอวี๋ผิงจุดลมปราณสามจุดนี้ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่จะทำให้อวี๋ผิงอาการกำเริบทุกวันวันละครั้ง ทุกครั้งที่อาการกำเริบ จุดลมปราณสามจุดเจ็บราวกับถูกเข็มเงินทิ่ม ความเจ็บปวดแบบนี้ไม่สามารถผ่อนคลายได้ด้วยการใช้ยา“เอาละ พวกเธอสองคนรีบหายไปจากตรงหน้าของฉันเดี๋ยวนี้ ต่อไปห้ามไม่ให้เข้ามาเหยียบในบ้านของฉันแม้แต่ก้าวเดียว”หลินหยางพูดจบ หันหลังกลับแล้วเข็นวีลแชร์ของเสิ่นลี่หมินกลับไปเมื่ออวี๋ผิงเห็นหลินหยางแค่สะกดจุดไม่กี่จุดบนตัวของเธอ เธอก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ แต่ก็มีสิ่งที่คาดคิดไม่ถึงอยู่เล็กน้อย“แค่...แค่นี้ก็ไม่มีอะไรแล้วเหรอ?”อวี๋ผิงกล่าวอย่างประหลาดใจ“ไม่มีอะไรก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ พวกเรารีบไปกันเถอะ!”หลิ่วฟู่อวี่ลากอวี๋ผิง ไม่กล้าหยุดชะงักแม้แต่ครู่เดียว ออกจากสวนดอกไม้ก็รีบขับรถกลับบ้านท
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู
ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้
ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต