บททั้งหมดของ ทาสสาวพราวพิลาส: บทที่ 281 - บทที่ 290

625

บทที่ 281

ในรถม้าเยี่ยเป่ยเฉิงกำลังนั่งอยู่บนเบาะนั่งอันนุ่มนวล เสื้อคลุมทับซ้อนกันอย่างพิถีพิถัน ห้อยสลวยอยู่บนเบาะนั่งอย่างเป็นธรรมชาติ มือทั้งสองข้างของเขาวางลงบนเข่าอย่างสบายๆ และหลับตาเพื่อพักผ่อนม่านรถม้าถูกปิดลง ทำให้ปิดกั้นภาพที่อยู่ภายใน กลิ่นไม้จันทน์เย็นจางๆลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ หลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งตกใจ เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เขาทรมานนางครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อคืนนี้ ร่างกายจึงอดที่จะสั่นเทาไม่ได้ อาการปวดท้องน้อยก็เพิ่มมากขึ้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายรถม้าแล่นไปบนถนนอย่างราบรื่น และค่อยๆมุ่งหน้าไปยังพระราชวังเห็นได้ชัดว่าพลังของเยี่ยเป่ยเฉิงดีขึ้นกว่าสองวันที่แล้วมาก หลินซวงเอ๋อร์คิดว่า ยานั้นมีประสิทธิภาพดีจริงๆ ดูเหมือนว่าจะต้องให้เขากินมันต่อไป...ระหว่างทาง หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าพูด หรือแม้แต่จะหายใจ เยี่ยเป่ยเฉิงก็ไม่ได้ลืมตามองนางเช่นเดียวกันม่านรถปลิวไสว แสงจากภายนอกลอดเล็ดผ่านหน้าต่างแล้วสาดส่องเข้ามาในรถม้า หลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นหัวใจของนางก็เต้นไม่เป็นจังหวะจากมุมที่นางอยู่ สามารถเห็นโครงหน้าด้านข้างของเยี่ยเป่ยเฉิงได้พอดี
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 282

ดูเหมือนว่าเขาจะโอ๋นางจนเสียนิสัย“ หลินซวงเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าข้าเป็นสัตว์ร้ายหรือ?”" ก็ใช่... " หลินซวงเอ๋อร์เกือบจะโพล่งออกมา แต่เมื่อเห็นสายตาที่ดุร้ายของเยี่ยเป่ยเฉิง นางก็กลืนน้ำลายลงไปตามสัญชาตญาณ และกล่าวเสริมทันที: " ไม่ใช่สักหน่อย... " แต่การเคลื่อนไหวของมือกลับไม่เป็นเช่นนั้น นางแกะนิ้วของเยี่ยเป่ยเฉิงออกทีละนิ้ว และพยายามเอามือขนาดใหญ่ของเขาออกจากร่างของตนเองแต่แม้นางจะพยายามมากแค่ไหนก็ไม่สามารถขยับนิ้วของเขาได้เลยหลังจากนั้นไม่นาน นางก็เลิกดิ้นรน และปล่อยให้เขาโอบกอดนางเอาไว้ตลอดทางโชคดีที่เยี่ยเป่ยเฉิงซื่อสัตย์ ตลอดทางเขาแค่กอดนางเอาไว้เท่านั้น และไม่ได้ทำอะไรนางอีกขณะที่รถม้าแล่นไปอย่างช้าๆ จู่ๆเขาก็ถามนางขึ้นมาอย่างลอยๆหนึ่งประโยค“ร่างกายรู้สึกดีขึ้นหรือยัง?” เขาถามด้วยน้ำเสียปกหติ แต่หยั่งลึกเข้าไปในใจ มีเสน่ห์น่าดึงดูด ฟังไปแล้วไพเราะเพราะพริ้งเป็นอย่างมาก“อืม?” หลินซวงเอ๋อร์หันไปมองเขา ดูไปแล้วน่ารักเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้พูดอะไร ยื่นมือออกไปแตะหน้าผากของนาง ริมฝีปากอันเรียวบางของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย: "ดูเหมือนว่าจะหายดีแล้ว"ที่แท้เขาก็ถามถึงอาการป
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 283

เยี่ยเป่ยเฉิงไปที่ตำหนักหลวนจินเพียงลำพังเพื่อรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ ขันทีเว่ยได้เตรียมรถเกี้ยวคันหนึ่งให้หลินซวงเอ๋อร์เป็นพิเศษรถเกี้ยวพาหลินซวงเอ๋อร์เดินผ่านสวนจักรพรรดิ ผ่านตำหนักวิจิตรงดงามมากมาย และตรงไปที่ตำหนักคุนหนิงตำหนักคุนหนิง เป็นที่ประทับของไทเฮาในพระตำหนัก มุมชายคาพระตำหนักยกสูงขึ้น ดูเหมือนจะกำลังจะหลุดลอยออกไป ตรงทางเดินประดับไปด้วยอัญมณีภาพวาดอันวิจิตร ดูหรูหรางดงามเป็นอย่างยิ่งบังเอิญว่า องค์หญิงฮุ่ยอี๋เพิ่งกลับมาจากถวายพระพรพระสนมเอกเซียวตอนที่รถเกี้ยวเข้าไปในตำหนักคุนหนิง ก็บังเอิญเห็นนางเข้าพอดีรถเกี้ยวถูกคลุมด้วยผ้าทุกด้าน เหลือเพียงหน้าต่างเล็กๆบานหนึ่งเท่านั้น มืออันเรียวงาม เปิดผ้าม่านขึ้นครึ่งหนึ่ง ทำให้เผยใบหน้าด้านข้างครึ่งหนึ่งออกมา แต่กลับงดงามเป็นที่สุดฮุ่ยยี่หยุดเดิน มองจากระยะไกล แต่ก็ทำได้แค่มองคร่าวๆเท่านั้นนางจึงถามจ้าวชิงชิงที่ตามมาอยู่ข้างหลังว่า "นั่นใคร?"จ้าวชิงชิงจะจำหลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้ได้อย่างไร แม้ว่านางจะกลายเป็นขี้เถ้า นางก็สามารถจำได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น" องค์หญิงไม่รู้หรือเพคะ นั่นก็สาวใช้ที่ไร้ยางอาย จากจวนหย่งอัน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 284

จ้าวชิงชิงคิดไม่ถึงว่าไม่เพียงแต่จะกระตุ้นให้ฮุ่ยอี๋โกรธเคืองหลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้ นางยังพูดดูถูกตนเอง นางจึงรีบอธิบายทันทีว่า: "องค์หญิง ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนี้ ข้าแค่รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับท่านเฉยๆ "ฮุยยี่เยาะเย้ยแล้วกล่าวว่า: " ข้าเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ต้องการเจ้ามาทวงความยุติธรรมให้ข้าตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้าดูแลตนเองให้ดีก่อนเถิด ระวังจะเป็นปลาหมอตายเพราะปาก !"ฮุยยี่รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง จ้าวชิงชิงก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ก็ปิดปากเงียบอย่างชาญฉลาด จากนั้นก็หาข้ออ้างแล้วรีบจากไปหลังจากที่จ้าวชิงชิงจากไปแล้ว สาวใช้ข้างกายก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า: "องค์หญิง ท่านไม่เกลียดสาวใช้คนนั้นจริงๆหรือ? เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ท่านหญิงพูดก็เป็นความจริง ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ท่านจ้วงหยวนก็คงจะไม่ปฏิเสธงานสมรสกับท่าน "ฮุ่ยอี๋กล่าวว่า: " หรือว่าเจ้ามองไม่ออกว่า จ้าวชิงชิงต้องการใช้มือของข้า เพื่อระบายความโกรธให้นาง? เจ้าไม่รู้จักนิสัยใจคอของของท่านลุง แล้วข้าจะไม่รู้เลยหรือ?ในเมื่อเขากล้าเฆี่ยนตีจ้าวชิงชิง กล้าทำร้ายจ้าวเจาหยางจนพิการ ถ้าข้ากล้าทำร้ายหลินซวงเอ๋อร์แม้แต่เพียงปลายเล็บ ต
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 285

เยี่ยเป่ยเฉิงเดินตามขันทีที่นำทางไปตำหนักหลวนจินขณะนั้น องค์จักรพรรดิอยู่ในตำหนักแล้ว และกำลังเปิดอ่านหนังสือที่อยู่ในมือเยี่ยเป่ยเฉิงเข้าไปในตำหนัก ขันทีก็ถอยออกไป ในตำหนักเหลือแค่เยี่ยเป่ยเฉิงและองค์จักรพรรดิสองคนเท่านั้นองคฺจักรพรรดินั่งอยู่ข้างโต๊ะ สายตายังคงจับจ้องไปที่หนังสือที่อยู่ในมือ และกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า: "ครั้งนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามาพบตามลำพัง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด?"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "กระหม่อมเดาว่า เพราะเรื่องที่ท่านอ๋องหนิงร้องเรียนกระหม่อม"องค์จักรพรรดิจึงค่อยๆวางหนังสือที่อยู่ในมือลง เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วกล่าวว่า: " จ้าวเจาหยาง เป็นบุตรชายเอกของท่านอ๋องหนิง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ท่านอ๋องหนิงจะมีบุตรชาย แต่เจ้ากลับทำให้จ้าวเจาหยางไม่สามารถมีทายาทได้ ก็เท่ากับว่าทำให้จวนหนิงหวังไม่มีทายาทสืบสกุล เจ้าลงมือรุนแรงเกินไป "“ด้วยเหตุนี้ เหล่าขุนนางทั้งหลายจึงร่วมมือกันประท้วง และยื่นหนังสือกล่าวโทษเจ้า ต่างก็บอกว่าเจ้าไม่เห็นใครอยู่ในสายตา โหดเหี้ยมทารุณ ไร้ความเมตตาปราณี! ทำให้ข้า ลำบากใจยิ่งนัก…”เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่ง และกล่าวอย่าง
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 286

จักรพรรดิ:"....."ในที่สุด จักรพรรดิก็ลุกขึ้นจากที่ประทับ แล้วมาที่ข้างแท่นนั่งเพื่อเชิญเยี่ยเป่ยเฉิงนั่ง จากนั้นก็ให้นางกำนัลเตรียมชาชั้นเยี่ยมให้เขาจักรพรรดิพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: " สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วนก่อน มันเป็นความผิดของข้าเอง ท่านอย่าไปใส่ใจเลย ท่านยังคงเป็นเสาหลักของต้าซ่ง ข้าจะไม่ยอมให้ท่านวางมือจากการงานเด็ดขาด "เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "แต่กระหม่อมไม่เข้าใจมนุษยสัมพันธ์ และเป็นคนที่ตรงไปตรงมาตลอด สิ่งที่ขุนนางทั้งหลายพูดนั้นถูกต้อง กระหม่อมโหดเหี้ยมจนเป็นนิสัย ไร้ความเมตตาปราณี เป็นปีศาจที่สังหารผู้คนโดยที่ไม่กะพริบตา"จักรพรรดิกล่าวปลอบใจว่า: " พวกเขาทั้งหมดเป็นล้วนเป็นขุนนางที่ร่ำเรียนได้อย่างถ่องแท้แต่ประยุกต์ใช้ไม่เป็น ทำได้แค่อ่านตำรานักปราชญ์เท่านั้น ท่านยังคงเป็นเทพแห่งสงครามของต้าซ่ง คนที่สังหารล้วนเป็นคนที่สมควรตาย! หากพวกเขายังคงใส่ร้ายเจ้าต่อไป มาดูกันว่าข้าจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร! "เยี่ยเป่ยเฉิงจิบชา แล้วกล่าวว่า "แต่กระหม่อมยังอยากที่จะวางมือจากการงาน"จักรพรรดิรู้สึกกระวนกระวานใจเล็กน้อย: “ท่านกังวลอะไรหรือ?”เย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 287

หลังจากนั้นไม่นาน ไทเฮาก็ยิ้มแล้วให้นางกำนัลช่วยพยุงหลินซวงเอ๋อร์ขึ้นมา แล้วให้นางนั่งลงหลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองไทเฮาที่นั่งอยู่บนที่ประทับหงส์ทอง เมื่อเห็นสีหน้าที่ใจดีมีเมตตา และท่าทางที่เป็นมิตรของนาง ความไม่สบายที่อยู่ในใจก็ค่อยๆหายไปไทเฮาคงรู้ว่านางรู้สึกวิตกกังวลใจเล็กน้อย อย่างไรเสียนางก็มีสถานะที่ต่ำต้อย ในชีวิตนี้คงจะไม่มีโอกาสได้เข้าวัง ไม่ต้องพูดถึงการเรียกนางเข้าเฝ้าตามลำพัง นี่เป็นสิ่งที่ผู้อื่นปรารถนาแต่ก็ทำไม่ได้ไทเฮาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในจวนก่อนสักสองสามประโยค จุดประสงค์ก็คือเพื่อทำให้หลินซวงเอ๋อร์วางกำแพงที่อยู่ในใจลงไทเฮาถามหนึ่งคำถาม หลินซวงเอ๋อร์ก็ตอบหนึ่งประโยค และไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ค่อย ลดกำแพงในใจลง ไทเฮาก็เปลี่ยนเรื่อง และกล่าวว่า "ข้าได้ยินว่าเยี่ยเป่ยเฉิงอยากจะสมรสกับเจ้า?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ท่านอ๋องกล่าวเช่นนั้นเพคะ"ไทเฮากล่าวว่า: " แต่สถานะของเจ้าแตกต่างกันมากเกินไป หากเจ้ายืนกรานที่จะสมรสกับเขา แม้ว่าเจ้าจะเข้าไปในจวนหย่งอันแล้ว คนที่มีสถานะด้อยกว่าก็ใช่ว่ายอมรับพระชายาอย่างเจ้า "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ซวงเอ๋อร
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 288

หลินซวงเอ๋อร์ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด: "แต่หม่อมฉันชอบท่านอ๋องคนเดียวเท่านั้น คนอื่น หม่อมฉันไม่ชอบสักคนเลย"ไทเฮายังคงมีสีหน้าท่าทางที่ใจดีมีเมตตา แต่น้ำเสียงไม่ได้ใจดีเหมือนเมื่อสักครู่นี้: " ข้ายังหาคนมาวาดภาพเหมือนให้โดยเฉพาะเลยนะ ล้วนแล้วแต่เป็นชายหนุ่มที่งดงามมีความสามารถ แม่นางซวงเอ๋อร์ลองเลือกดูดีๆสิ บางทีอาจจะเจอคนที่ชื่นชอบก็ได้? "หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหัว: "หม่อมฉันบอกแล้วว่า หม่อมฉันชอบท่านอ๋องคนเดียวเท่านั้น คนเหล่านี้ที่ไทเฮาเลือกมา หม่อมฉันไม่ชอบเลยสักคน"“บังอาจ!” ขันทีเว่ยที่ยืนอยู่ด้านข้าง ตะโกนออกมาอย่างตกใจ คิดในใจว่า สาวใช้คนนี้ไร้ระเบียบกฎเกณฑ์มากเกินไปแล้ว ถึงได้กล้าพูดจาไม่มีหูรูดต่อหน้าไทเฮา!ถ้าเป็นคนอื่น คงจะโดนลากไปประหารแล้ว! เพราะว่ามีเยี่ยเป่ยเฉิงคอยปกป้อง ไทเฮาจึงไม่กล้าทำอะไรนางด้วยกลัวว่านางจะพูดอะไรที่ไม่เคารพอีกครั้ง ขันทีเว่ยจึงรีบตะโกนห้ามปราม และหวังว่าไทเฮาจะปล่อยตัวนางให้เร็วที่สุดเพื่อที่เขาจะได้ส่งตัวสาวน้อยคนนี้กลับไปให้เยี่ยเป่ยเฉิงอย่างปลอดภัยเขาไม่อยากถูกเยี่ยเป่ยเฉิงสับทั้งเป็น เพราะตนเองยังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายปีหลินซวงเอ๋อร์รู้สึก
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 289

ตำหนักหลวนจินจักรพรรดิทรงสนทนากับเยี่ยเป่ยเฉิงเป็นเวลานาน สุดท้ายก็เว้าวอนเยี่ยเป่ยเฉิงให้เล่นหมากรุกกับเขาสักสองสามเกมดูเหมือนจะเล่นหมากรุก แต่อันที่จริงแล้วกำลังพูดคุยเรื่องสำคัญบางอย่างกับเขาอยู่จักรพรรดิกล่าวว่า: " ก่อนหน้านี้ จักรพรรดิเป่ยหรงส่งสาส์นมาแจ้งข้าว่า ราชินีแห่งเป่ยหรงเสด็จออกจากพระราชวังโดยไม่บอกเขา เขาค้นหาทุกที่แล้วแต่ก็ไร้ซึ่งวี่แวว จึงขอให้ข้าช่วยสอดส่องดูแลอีกแรง หากต้าซ่งมีเบาะแสของราชินีแห่งเป่ยหรง รีบส่งสาส์นแจ้งให้เขาทราบทันที "ใบหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงไร้ซึ่งความรู้สึก และวางหมากลงเป็นครั้งคราวเท่านั้นจักรพรรดิไม่สนใจว่าเขาจะได้ยินหรือไม่ กล่าวต่อไปว่า: " เป่ยหรงเป็นหนึ่งในบรรดาแว่นแคว้นมหาอำนาจ ปีที่แล้วเพิ่งจะขุดพบเหมืองทองคำ มีทรัพยากรทางการเงินที่แข็งแกร่ง โชคดีที่เป่ยหรงและต้าซ่งสร้างพันธสัญญากันมาช้านาน และเป็นพันธมิตรกันมาหลายร้อยปีแล้ว ไม่ง่ายเลยที่จักรพรรดิเป่ยหรงจะขอความช่วยเหลือจากข้า หากราชินีเป่ยหรงมายังดินแดนของพวกเราจริงๆ หวังว่าท่านจะช่วยสอดส่องดูแลมากขึ้น จะปล่อยให้ราชินียอดดวงใจของจักรพรรดิเป่ยหรงเป็นอะไรในต้าซ่งไม่ได้เด็ดขาด "เยี่ย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 290

นางมองไปที่หลินซวงเอ๋อร์อีกครั้ง หมอกควันในนัยน์ตาได้จางหายไปเล็กน้อย ทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบนิ่งเหมือนเดิมจากนั้นก็เอ่ยปากพูดอย่างเป็นมิตรเหมือนก่อนหน้านี้: "ดูเหมือนว่า เยี่ยเป่ยเฉิงจะใส่ใจเจ้ามากจริงๆ เพิ่งจะมาหาข้าได้ไม่นาน เขาก็อดรนทนไม่ไหวถึงขั้นต้องมาตามหาเจ้าเลย หรือว่า เขากลัวว่าข้าจะกินเจ้า? "เมื่อได้ยินว่าเยี่ยเป่ยเฉิงกำลังรีบมาทางนี้ นัยน์ตาที่มืดมนของหลินซวงเอ๋อร์ก็เป็นประกายขึ้นมาทันทีไทเฮาโบกไม้โบกมือ ยกมือนวดคลึงระหว่างคิ้ว แล้วกล่าวว่า: " ช่างเถิด เจ้าออกไปได้แล้ว แต่ข้ายังหวังว่าเจ้าจะเปลี่ยนใจ แล้วช่วยโน้มน้าวใจเยี่ยเป่ยเฉิงแทนข้า ชิงชิงจริงใจกับเขา อย่าปล่อยให้ชิงชิงต้องผิดหวังเสียใจเลย "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " แต่ท่านอ๋องไม่ชอบนาง หม่อมฉันโน้มน้าวใจไปก็ไม่มีประโยชน์ "ไทเฮาขมวดคิ้วลึก“แม่เจ้าประคุณรุนช่อง ท่านหยุดพูดเร็ว อย่าทำให้ไทเฮาต้องเกรี้ยวโกรธไปมากกว่านี้…” ขันทีเว่ยรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วพานางออกไปเมื่อออกมาจากตำนักของไทเฮา ก็เดินทางปลอดภัยมาโดยตลอดทาง ความอึดอัดที่อยู่ในใจของขันทีเว่ยก็ค่อยๆหายไปในที่สุดก็สามารถนำตัวสาวน้อยคนนี้คืนให้กับม
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
2728293031
...
63
DMCA.com Protection Status