จักรพรรดิ:"....."ในที่สุด จักรพรรดิก็ลุกขึ้นจากที่ประทับ แล้วมาที่ข้างแท่นนั่งเพื่อเชิญเยี่ยเป่ยเฉิงนั่ง จากนั้นก็ให้นางกำนัลเตรียมชาชั้นเยี่ยมให้เขาจักรพรรดิพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: " สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วนก่อน มันเป็นความผิดของข้าเอง ท่านอย่าไปใส่ใจเลย ท่านยังคงเป็นเสาหลักของต้าซ่ง ข้าจะไม่ยอมให้ท่านวางมือจากการงานเด็ดขาด "เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "แต่กระหม่อมไม่เข้าใจมนุษยสัมพันธ์ และเป็นคนที่ตรงไปตรงมาตลอด สิ่งที่ขุนนางทั้งหลายพูดนั้นถูกต้อง กระหม่อมโหดเหี้ยมจนเป็นนิสัย ไร้ความเมตตาปราณี เป็นปีศาจที่สังหารผู้คนโดยที่ไม่กะพริบตา"จักรพรรดิกล่าวปลอบใจว่า: " พวกเขาทั้งหมดเป็นล้วนเป็นขุนนางที่ร่ำเรียนได้อย่างถ่องแท้แต่ประยุกต์ใช้ไม่เป็น ทำได้แค่อ่านตำรานักปราชญ์เท่านั้น ท่านยังคงเป็นเทพแห่งสงครามของต้าซ่ง คนที่สังหารล้วนเป็นคนที่สมควรตาย! หากพวกเขายังคงใส่ร้ายเจ้าต่อไป มาดูกันว่าข้าจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร! "เยี่ยเป่ยเฉิงจิบชา แล้วกล่าวว่า "แต่กระหม่อมยังอยากที่จะวางมือจากการงาน"จักรพรรดิรู้สึกกระวนกระวานใจเล็กน้อย: “ท่านกังวลอะไรหรือ?”เย
หลังจากนั้นไม่นาน ไทเฮาก็ยิ้มแล้วให้นางกำนัลช่วยพยุงหลินซวงเอ๋อร์ขึ้นมา แล้วให้นางนั่งลงหลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองไทเฮาที่นั่งอยู่บนที่ประทับหงส์ทอง เมื่อเห็นสีหน้าที่ใจดีมีเมตตา และท่าทางที่เป็นมิตรของนาง ความไม่สบายที่อยู่ในใจก็ค่อยๆหายไปไทเฮาคงรู้ว่านางรู้สึกวิตกกังวลใจเล็กน้อย อย่างไรเสียนางก็มีสถานะที่ต่ำต้อย ในชีวิตนี้คงจะไม่มีโอกาสได้เข้าวัง ไม่ต้องพูดถึงการเรียกนางเข้าเฝ้าตามลำพัง นี่เป็นสิ่งที่ผู้อื่นปรารถนาแต่ก็ทำไม่ได้ไทเฮาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในจวนก่อนสักสองสามประโยค จุดประสงค์ก็คือเพื่อทำให้หลินซวงเอ๋อร์วางกำแพงที่อยู่ในใจลงไทเฮาถามหนึ่งคำถาม หลินซวงเอ๋อร์ก็ตอบหนึ่งประโยค และไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ค่อย ลดกำแพงในใจลง ไทเฮาก็เปลี่ยนเรื่อง และกล่าวว่า "ข้าได้ยินว่าเยี่ยเป่ยเฉิงอยากจะสมรสกับเจ้า?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ท่านอ๋องกล่าวเช่นนั้นเพคะ"ไทเฮากล่าวว่า: " แต่สถานะของเจ้าแตกต่างกันมากเกินไป หากเจ้ายืนกรานที่จะสมรสกับเขา แม้ว่าเจ้าจะเข้าไปในจวนหย่งอันแล้ว คนที่มีสถานะด้อยกว่าก็ใช่ว่ายอมรับพระชายาอย่างเจ้า "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ซวงเอ๋อร
หลินซวงเอ๋อร์ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด: "แต่หม่อมฉันชอบท่านอ๋องคนเดียวเท่านั้น คนอื่น หม่อมฉันไม่ชอบสักคนเลย"ไทเฮายังคงมีสีหน้าท่าทางที่ใจดีมีเมตตา แต่น้ำเสียงไม่ได้ใจดีเหมือนเมื่อสักครู่นี้: " ข้ายังหาคนมาวาดภาพเหมือนให้โดยเฉพาะเลยนะ ล้วนแล้วแต่เป็นชายหนุ่มที่งดงามมีความสามารถ แม่นางซวงเอ๋อร์ลองเลือกดูดีๆสิ บางทีอาจจะเจอคนที่ชื่นชอบก็ได้? "หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหัว: "หม่อมฉันบอกแล้วว่า หม่อมฉันชอบท่านอ๋องคนเดียวเท่านั้น คนเหล่านี้ที่ไทเฮาเลือกมา หม่อมฉันไม่ชอบเลยสักคน"“บังอาจ!” ขันทีเว่ยที่ยืนอยู่ด้านข้าง ตะโกนออกมาอย่างตกใจ คิดในใจว่า สาวใช้คนนี้ไร้ระเบียบกฎเกณฑ์มากเกินไปแล้ว ถึงได้กล้าพูดจาไม่มีหูรูดต่อหน้าไทเฮา!ถ้าเป็นคนอื่น คงจะโดนลากไปประหารแล้ว! เพราะว่ามีเยี่ยเป่ยเฉิงคอยปกป้อง ไทเฮาจึงไม่กล้าทำอะไรนางด้วยกลัวว่านางจะพูดอะไรที่ไม่เคารพอีกครั้ง ขันทีเว่ยจึงรีบตะโกนห้ามปราม และหวังว่าไทเฮาจะปล่อยตัวนางให้เร็วที่สุดเพื่อที่เขาจะได้ส่งตัวสาวน้อยคนนี้กลับไปให้เยี่ยเป่ยเฉิงอย่างปลอดภัยเขาไม่อยากถูกเยี่ยเป่ยเฉิงสับทั้งเป็น เพราะตนเองยังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายปีหลินซวงเอ๋อร์รู้สึก
ตำหนักหลวนจินจักรพรรดิทรงสนทนากับเยี่ยเป่ยเฉิงเป็นเวลานาน สุดท้ายก็เว้าวอนเยี่ยเป่ยเฉิงให้เล่นหมากรุกกับเขาสักสองสามเกมดูเหมือนจะเล่นหมากรุก แต่อันที่จริงแล้วกำลังพูดคุยเรื่องสำคัญบางอย่างกับเขาอยู่จักรพรรดิกล่าวว่า: " ก่อนหน้านี้ จักรพรรดิเป่ยหรงส่งสาส์นมาแจ้งข้าว่า ราชินีแห่งเป่ยหรงเสด็จออกจากพระราชวังโดยไม่บอกเขา เขาค้นหาทุกที่แล้วแต่ก็ไร้ซึ่งวี่แวว จึงขอให้ข้าช่วยสอดส่องดูแลอีกแรง หากต้าซ่งมีเบาะแสของราชินีแห่งเป่ยหรง รีบส่งสาส์นแจ้งให้เขาทราบทันที "ใบหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงไร้ซึ่งความรู้สึก และวางหมากลงเป็นครั้งคราวเท่านั้นจักรพรรดิไม่สนใจว่าเขาจะได้ยินหรือไม่ กล่าวต่อไปว่า: " เป่ยหรงเป็นหนึ่งในบรรดาแว่นแคว้นมหาอำนาจ ปีที่แล้วเพิ่งจะขุดพบเหมืองทองคำ มีทรัพยากรทางการเงินที่แข็งแกร่ง โชคดีที่เป่ยหรงและต้าซ่งสร้างพันธสัญญากันมาช้านาน และเป็นพันธมิตรกันมาหลายร้อยปีแล้ว ไม่ง่ายเลยที่จักรพรรดิเป่ยหรงจะขอความช่วยเหลือจากข้า หากราชินีเป่ยหรงมายังดินแดนของพวกเราจริงๆ หวังว่าท่านจะช่วยสอดส่องดูแลมากขึ้น จะปล่อยให้ราชินียอดดวงใจของจักรพรรดิเป่ยหรงเป็นอะไรในต้าซ่งไม่ได้เด็ดขาด "เยี่ย
นางมองไปที่หลินซวงเอ๋อร์อีกครั้ง หมอกควันในนัยน์ตาได้จางหายไปเล็กน้อย ทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบนิ่งเหมือนเดิมจากนั้นก็เอ่ยปากพูดอย่างเป็นมิตรเหมือนก่อนหน้านี้: "ดูเหมือนว่า เยี่ยเป่ยเฉิงจะใส่ใจเจ้ามากจริงๆ เพิ่งจะมาหาข้าได้ไม่นาน เขาก็อดรนทนไม่ไหวถึงขั้นต้องมาตามหาเจ้าเลย หรือว่า เขากลัวว่าข้าจะกินเจ้า? "เมื่อได้ยินว่าเยี่ยเป่ยเฉิงกำลังรีบมาทางนี้ นัยน์ตาที่มืดมนของหลินซวงเอ๋อร์ก็เป็นประกายขึ้นมาทันทีไทเฮาโบกไม้โบกมือ ยกมือนวดคลึงระหว่างคิ้ว แล้วกล่าวว่า: " ช่างเถิด เจ้าออกไปได้แล้ว แต่ข้ายังหวังว่าเจ้าจะเปลี่ยนใจ แล้วช่วยโน้มน้าวใจเยี่ยเป่ยเฉิงแทนข้า ชิงชิงจริงใจกับเขา อย่าปล่อยให้ชิงชิงต้องผิดหวังเสียใจเลย "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " แต่ท่านอ๋องไม่ชอบนาง หม่อมฉันโน้มน้าวใจไปก็ไม่มีประโยชน์ "ไทเฮาขมวดคิ้วลึก“แม่เจ้าประคุณรุนช่อง ท่านหยุดพูดเร็ว อย่าทำให้ไทเฮาต้องเกรี้ยวโกรธไปมากกว่านี้…” ขันทีเว่ยรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วพานางออกไปเมื่อออกมาจากตำนักของไทเฮา ก็เดินทางปลอดภัยมาโดยตลอดทาง ความอึดอัดที่อยู่ในใจของขันทีเว่ยก็ค่อยๆหายไปในที่สุดก็สามารถนำตัวสาวน้อยคนนี้คืนให้กับม
องค์ชายสิบเจ็ดมีนิสัยที่ซุกซน สร้างความเดือดร้อนในพระราชวังไม่น้อย แต่อย่างไรเสียก็เป็นโอรสที่มีพระชนมายุน้อยที่สุดขององค์จักรพรรดิ และพระสนมซูเฟยก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิเป็นอย่างมาก ดังนั้น องค์ชายสิบเจ็ดที่พระชนมายุยังน้อยจึงกำเริบเสิบสานอยู่ในวังมากขึ้นเรื่อยๆปกติแล้วการดุด่าทุบตีนางกำนัลขันทีถือว่าเป็นเรื่องเล็ก ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เขายังกลั่นแกล้งนางสนมที่อยู่ในพระราชวังอีกด้วย เมื่อทุกคนในวังพบเจอองค์ชายท่านนี้ต่างก็พากันเดินหลบเลี่ยงเห็นได้ชัดว่าขันทีเว่ยพยายามประจบม้า เมื่อสักครู่นี้ที่เห็นองค์ชายสิบเจ็ด เขาควรจะรีบอยู่ห่างจากเขาเอาไว้ แทนที่จะรออยู่ตรงนี่ให้เขากลั่นแกล้งเย้าแหย่หลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไร นางพยายามยืนอยู่ด้านข้าง และพยายามทำให้ตนเองมีตัวตนน้อยที่สุดแต่องค์ชายสิบเจ็ดเห็นนางตั้งแต่แวบแรก“เจ้า! เป็นนางสนมของตำหนักไหน? เหตุใดข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนเลย” องค์ชายสิบเจ็ดเงยหน้าขึ้น พูดพร้อมชี้ไปที่หลินซวงเอ๋อร์ขันทีเว่ยรู้สึกหวาดกลัวจนอกสั่นขวัญแขวนทันที เขารีบไปขวางอยู่ตรงหน้าหลินซวงเอ๋อร์ แล้วกล่าวว่า " องค์ชายน้อย จะยุ่งกับคนนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะ
“สร้อยข้อมือของข้า...”เมื่อองค์ชายสิบเจ็ดแย่งสร้อยข้อมือได้แล้ว ก็ชูมันเอาไว้ในมือแล้วเขย่าไปมา จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าที่ภาคภูมิใจว่า: " ใครใช้ให้เจ้าไม่เอาให้ข้า สุดท้ายก็ถูกข้าแย่งมาจนได้! "“ข้าก็คิดว่ามันเป็นของหายากอะไร ก็แค่แค่สร้อยกระดิ่งเน่าๆเส้นหนึ่งก็เท่านั้น!”หลังจากเขย่าไปสองสามครั้ง จู่ๆเขาก็รู้สึกเบื่อหน่าย จึงยกมือขึ้นแล้วโยนสร้อยข้อมือลงไปในทะเลสาบหลินซวงเอ๋อร์มองสร้อยข้อมือเส้นนั้นที่ถูกโยนเป็นเส้นโค้งต่อหน้าต่อ นางรีบกระโจนเข้าไปรับมันเอาไว้ตามสัญชาตญาณ แต่ก็ช้าไปก้าวหนึ่ง สุดท้ายก็ได้ยินเสียงดัง "จ๋อม" สร้อยข้อมือกระทบผิวทะเลสาบจนทำให้น้ำกระเซ็นเป็นฝอย สุดท้ายก็จมลงไปในทะเลสาบหลินซวงเอ๋อร์สูดจมูกอันปวดแสบ น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุดนางยังไม่ทันจะได้หันหลังกลับ ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงแรงผลักที่มาจากทางด้านหลัง ร่างครึ่งหนึ่งของนางอยู่นอกสะพาน นางไม่ได้มีการป้องกันใดๆ จึงตกลงไปในทะเลสาบทันทีตอนที่นางตกลงไปในน้ำ นางได้ยินเสียงขององค์ชายสิบเจ็ดดังมาจากข้างหลังว่า: "กล้าปฏิเสธข้า ข้าจะทำให้เจ้าจมน้ำให้ตายไปเลย!"ขันทีเว่ยอกสั่นขวัญแขวนเป็นอย่างมากเขากระโจนออก
ดวงตาของหลินซวงเอ๋อร์จับจ้องไปที่ผิวน้ำ คิดไม่ถึงคำพูดแค่ประโยคเดียวของนาง จะทำให้ไป๋อวี้ถังกระโดดลงไปสู่ก้นทะเลสาบเพื่อนางอีกครั้งคลื่นขนาดเล็กกระเพื่อมบนพื้นผิวของทะเลสาบ เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่ไป๋อวี้ถังยังไม่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำเลยนัยน์ตาของหลินซวงเอ๋อร์เปลี่ยนไปเป็นสีแดง นางตะโกนไปทางทะเลสาบว่า: "พี่ไป๋ ท่านไม่ต้องงมเสร้อยข้อมือให้ข้าแล้ว ท่านรีบขึ้นมาเถิดี้... "ผิวน้ำยังคงสงบนิ่ง หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกกระวนกระวายใจมากยิ่งขึ้นในทะเลสาบมีพืชน้ำเติบโตมากมาย เมื่อสักครู่ตอนที่ตกลงไปในน้ำ มือและเท้าของนางเกี่ยวพันกับพืชน้ำ จึงไม่สามารถขยับตัวใต้น้ำได้เลยเมื่อมองดูพื้นผิวทะเลสาบอันเงียบสงบ หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกหวาดกลัวหรือว่าเท้าทั้งสองข้างของเขาจะถูกพืชน้ำเกี่ยวเอาไว้ จึงไม่สามารถสลัดได้?เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลินซวงเอ๋อร์ก็ไม่สนใจอะไร ร่างของนางไร้ซึ่งเรี่ยวแรง จึงทำได้แค่ขยับร่างกายคลานไปทางทะเลสาบทีละเล็กทีละน้อย“พี่ไป๋ พี่ไป๋รีบขึื้นมาเร็วเข้า…”น้ำตาไหลอาบแก้มของนาง ถ้าไป๋อวี้ถังจะเสียชีวิตเพราะนาง นางคงจะไม่สบายใจไปตลอดชีวิตขณะที่นางกำลังจะเข้าใกล้ริมน้ำ ทันใดนั้นก็มีน้
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ