บททั้งหมดของ ทาสสาวพราวพิลาส: บทที่ 301 - บทที่ 310

625

บทที่ 301

แสงแดดสาดส่องผ่านผ้าม่าน ทำให้ทั้งห้องมีแสงสลัวๆแสงเพียงน้อยนิดตกกระทบไปบนหน้าด้านข้างของเขา ทำให้หน้าครึ่งหนึ่งของเขาสว่าง ครึ่งหนึ่งอยู่ในความมืด และมีโครงหน้าชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลินซวงเอ๋อร์มองเขาอย่างเงียบๆ เขาอยู่ใกล้นางมาก ใกล้มากจนนางสามารถมองเห็นภาพสะท้อนของตนเอง ในนัยน์ตาของเขาเขาหน้าตาดีมากจริงๆ โครงหน้าของเขาเหมือนรูปปั้นประติมากรรม ตั้งแต่คิ้วไปจนถึงสันจมูก ไปจนถึงริมฝีปากที่เรียวบาง คมเข้มชัดเจน และหล่อเหลาสง่าเป็นอย่างมากเพียงแต่ บนตัวของเขามีบุคลิกที่เข้มงวดเย็นชาอยู่ตลอดเวลา ทำให้หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวั่นไหวและหวาดกลัวเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน“ ซวงเอ๋อร์ เรียกข้าว่าสวามีหน่อย ได้ไหม?”มือที่อยู่บนหลังของนาง ออกแรงเล็กน้อย เพื่อดึงทั้งสองคนเข้ามาใกล้กันมากยิ่งขึ้นหลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น แล้วสบสายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของเขาเข้าพอดีลมหายใจของเขากระทบใบหน้าของนาง ทำให้หัวใจของนางเต้นตุ้มๆต่อมๆนางรู้สึกสับสนวุ่นวายใจชั่วขณะ จากนั้นก็เรียกด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า: " สวามี "ในนัยน์ตาของนางเป็นประกายเล็กน้อย น้ำเสียงของนางนุ่มนวลเป็นอย่างมากสุดท้าน นางก็เห็นส
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 302

ตอนนั้นที่นางมอบร่างกายนี้ให้เขา นางไม่ได้สมัครใจเลยสองสามครั้งถัดมา นางรู้อย่างมีสติว่ามันไม่ถูกต้อง แต่นางไม่อาจต่อต้านพฤติกรรมที่ยั่วยุของเขาได้ ทนต่อการล้อเล่นของเขาได้ ร่างกายจึงตกไปอยู่ภายใต้การรุกรานของเขาตามสัญชาตญาณ สุดท้ายตนเองก็ยอมพลีกายถวายใจให้เขาทุกอย่างร่างของเยี่ยเป่ยเฉิงแข็งทื่อ เขาทำให้นางร้องไห้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อย“ ซวงเอ๋อร์คนดี ในเมื่อข้าบอกว่าจะสมรสกับเจ้า ก็คือจะรับผิดชอบต่อเจ้า” ลูกกระเดือกของเขากลิ้งไปมา จากนั้นก็โน้มตัวลงไปจูบหน้าผากของนางหลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นแล้วมองดูเขา: "ถ้าอย่างนั้นวันนี้ท่านอ๋องไม่ล่วงเกินข้าได้ไหม? อีกเจ็ดวันหลังจากสมรสแล้ว... ค่อยร่วมหลับนอนกัน"เมื่อเห็นท่าทางที่น่าสงสารของนาง ในที่สุดเยี่ยเป่ยเฉิงก็ทำไม่ลง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ความปรารถนาในดวงตาก็ค่อยๆจางหายไปเยี่ยเป่ยเฉิงเอาคางไถไหล่ของนางเบาๆ “เจ็ดวันหลังจากนี้ เจ้าจะต้องชดเชยข้าแบบทบดอกเลย ตกลงไหม?” คำพูดของเขานุ่มนวลราวกับสายน้ำไหล ลมหายใจอันอ่อนโยนโอบล้อมหลินซวงเอ๋อร์เอาไว้ ทำให้นางไร้เรี่ยวแรงต้านทานราวกับว่าจมน้ำเพื่อเอาตัวรอดในวันนี้ หลินซวงเอ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 303

ก่อนสมรส เยี่ยเป่ยเฉิงสัญญาว่าจะไม่แตะต้องนางอีก เขาจึงรู้ตัวว่าตนเองจะต้องย้ายไปที่ห้องหนังสือในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมานี้ เขารักษาสัญญา และนอนอยู่ห้องหนังสือตลอด แต่ทุกครั้งที่อยู่ในค่ำคืนอันเงียบสงบ มันยากมากที่เขาจะนอนหลับโชคดีที่ เจ็ดวันอันยาวนาน กำลังจะสิ้นสุดลงในที่สุดสองวันก่อนงานสมรส ชุดแต่งงานที่ช่างเย็บปักเตรียมไว้ถูกส่งไปยังเรือนฝั่งตะวันออก เพื่อให้หลินซวงเอ๋อร์ลองสวมดู ถ้ามีตรงไหนที่ไม่พอดีก็จะเอามันกลับไปแก้ไขนอกจากชุดแต่งงานแล้วยังมีชุดเครื่องประดับศีรษะอีกด้วย วางเรียงรายในห้อง ตงเหมยกล่าวชื่นชมไม่ขาดปากของทุกชิ้นมีมูลค่ามหาศาล แถมยังทำอย่างประณีต มันไม่ต่างอะไรจากเครื่องประดับที่องค์ราชินีสวมใส่ในพระราชวังเลยตงเหมยอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา: " การปฏิบัติต่อพระชายากับอนุภรรยาแตกต่างกันมาก ข้าได้ยินมาว่าตอนนั้นที่นายท่านจวนโหวแต่งอนุภรรยา ให้แค่เครื่องประดับเพียงไม่กี่ชิ้นก็เท่านั้น แถมยังต้องสวมชุดแต่งงานสีชมพู งานสมรสนั่น เทียบไม่ได้กับงานแต่งงานในครั้งนี้เลย ท่านอ๋องใส่ใจเจ้าจริงๆ สิ่งของเหล่านี้ แค่ชิ้นเดียวก็มีมูลค่ามหาศาลแล้ว "หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวาดหวั่นอ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 304

ตงเหมยก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวว่า "ชุดใหญ่ไปหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็รีบถอดออกเร็ว ข้าจะได้รีบเอาไปส่งให้ช่างเย็บปัก จะได้ไม่ทำให้งานสมรสล่าช้า"ท่านป้าจ้าวถอดชุดแต่งงานที่อยู่บนตัวของหลินซวงเอ๋อร์ออกหลินซวงเอ๋อร์เอาชุดแต่งงานมาไว้ในอ้อมแขนตน แล้วกล่าวว่า " ข้าไปเองดีกว่า จวนโหวอยู่ใกล้กับตงเซียงมาก ถ้าข้าไปเองจะทำให้ช่างเย็บปักสะดวกในการแก้ไขขนาดมากกว่า จะได้ไม่ต้องวิ่งกลับไปกลับมา ลำบากเปล่าๆ "ขณะที่พูด ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า พับชุดแต่งงานอย่างเรียบร้อยแล้วถือเอาไว้ในอ้อมแขนท่านป้าจ้าวบอกว่า “ส่งชุดแต่งงานก็ให้รีบกลับมา งานสมรสใกล้เข้ามาแล้ว ยังมีหลายอย่างที่ต้องตระเตรียม อย่าไปเอ้อระเหยอยู่ข้างนอก”หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้า ถือชุดแต่งงานแล้วเดินออกจากประตูจวนท่านป้าจ้าวและตงเหมยอยู่ในห้องเพื่อตัดดอกไม้กระดาษ พรุ่งนี้จะได้เอาดอกไม้กระดาษที่ตัดเสร็จแล้วติดตามประตูและหน้าต่างในห้องหนังสือนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกำลังศึกษาวิธีทำให้ภรรยาพึงพอใจในคืนวันวิวาห์อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนรบทัพจับศึกที่หยาบกระด้าง ทุกครั้งที่ไม่สามารถควบคุมความปรารถนาของตนเองได้ ก็จะสูญเสียการควบคุมตนเองหลังจากที่ได้แลก
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 305

นับตั้งแต่จ้าวเจาหยางถูกเยี่ยเป่ยเฉิงยิงจนพิการ เขาก็เที่ยวสํามะเลเทเมาที่หอจุ้ยชุนทุกวัน และเมาหัวราน้ำทุกคืนน่าเสียดาย ตอนนี้เขากลายเป็นแค่คนพิการคนหนึ่ง แม้ว่าจะมีสาวงามอยู่ในอ้อมแขน เขาก็ทำได้แค่ดูแต่สัมผัสไม่ได้หญิงสาวที่อยู่ในหอจุ้ยชุนภายนอกปรนบิติเอาอกเอาใจเขา แต่ในใจกลับรังเกียจเขาเป็นอย่างยิ่งเพราะเขามีนิสัยที่กำเริบเสิบสาน ฝักใฝ่อิสตรี ตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่ไม่มีนกเขาคนหนึ่ง!คนที่ไม่มีนกเขา แต่กลับยังมีความปรารถนา ทำให้เขามีบุคลิกที่วิปริต มีความผิดปกติด้านจิตใจ ดูไปแล้วมาที่นี่เพื่อหาความรื่นรมณ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วมาเพื่อระบายตัณหาอันป่าเถื่อนของตนเองในรูปแบบต่างๆหญิงสาวที่อยู่ในหอจุ้ยชุนต่างก็อกสั่นขวัญแขวนเมื่อได้พบเจอเขา ทุกข์ทรมานจนยากที่จะพรรณนา เนื่องจากเขามีสถานะที่สูงส่ง ต่อให้เขาทรมานพวกนางจนตาย บรรดาหญิงสาวเหล่านี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาขมวดคิ้ว จ้าวเจาหยางก็หยิกเอวของหญิงสาวอย่างแรง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงก็แหบแห้งแหลมคมว่า: " เหตุใดถึงหน้านิ่วคิ้วขมวด? ยิ้มให้ข้าเดี๋ยวนี้! "หญิงสาวคนนั้นรู้สึกเจ็บปวด สะดุ้งตก
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 306

ท่าทีที่ยโสโอหังเมื่อสักครู่นี้หายไปในทันที เหลือแต่เพียงความขี้ขลาดและความกลัวเยี่ยเป่ยเฉิง"ข้า... ข้าไปทำอะไรให้เจ้าขุ่นเคืองใจหรือ?" จ้าวเจาหยางไม่กล้ามองเขาตรงๆ และพูดด้วยเสียงที่สั่นเทาสายตาของเยี่ยเป่ยเฉิงจับจ้องมองไปที่จ้าวเจาหยางที่เป็นเหมือนสุนัขที่ถูกทอดทิ้งด้วยนัยน์ตาที่ดุร้าย และออกแรงที่เท้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง“ข้าจะถามเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น!”“ หลินซวงเอ๋อร์อยู่ที่ไหน?” เสียงของเขาสงบนิ่ง แต่เผยความดุร้ายที่อธิบายไม่ได้ออกมา ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านแรงกดบนหลังดูเหมือนจะบดขยี้อวัยวะภายในของเขา เขาหายใจลำบาก และกล่าวด้วยความยากลำบากว่า: "หลินซวงเอ๋อร์อะไรกัน... ข้าไม่รู้เรื่อง... "เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้ว ยกเขาขึ้นมา และกระแทกเขาเข้ากับผนังอย่างแรงผนังเป็นรอยบุบ จ้าวเจาหยางล้มลงไปกับพื้น จนทำให้มีเลือดไหลออกมาจากปากอีกหนึ่งอึก และรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังจะแตกสลาย" จ้าวเจาหยาง! ดูเหมือนว่าข้าจะใจดีกับเจ้ามากเกินไป!" เยี่ยเป่ยเฉิงเดินเข้ามาหาเขาทีละก้าว เสียงฝีเท้าที่อยู่บนพื้นกระดานไม้ก็กระทบใจของจ้าวเจาหยาง ราวกับว่าเป็นมนตราเร่งรัดเอาชีวิตเขา"
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 251

เยี่ยเป่ยเฉิงขี่ม้ากลับไปที่ค่าย ระดมทหารฝีมือดีสองพันนาย ปิดประตูเมือง และทำการค้นหาทั่วทั้งเมืองฉางอาน แม้ว่าจะต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องหานางเจอให้ได้!แต่หลินซวงเอ๋อร์ดูเหมือนจะหายไปจากโลกนี้ ไม่ต้องพูดตามตรอกซอกซอยของเมืองฉางอานเลย แม้ว่าจะค้นหาทั่วรัศมีร้อยกิโลเมตร ก็ยังไม่พบร่องรอยของหลินซวงเอ๋อร์ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่หลินซวงเอ๋อร์หายตัวไป ไม่มีผู้ต้องสงสัยคนใดออกจากเมืองไปเลย นางเป็นคนตัวเป็นๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกพาตัวออกจากประตูเมืองไปอย่างเงียบๆได้ดังนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงจึงสรุปว่า นางยังคงต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมืองฉางอาน แต่นางถูกคนที่อยู่เบื้องหลังซ่อนเอาไว้อยู่!นอกจากจะสงสัยจ้าวเจาหยางแล้ว คนแรกที่เยี่ยเป่ยเฉิงสงสัยก็คือฉีหมิงนอกจากเขาแล้ว ไม่มีใครที่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขัดขวางงานสมรสของเขากับ หลินซวงเอ๋อร์!อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบพบว่า ฉีหมิงก็เหมือนเช่นเคย นั่งเฝ้าอยู่ที่นอกประตูจวนหย่งอันทุกวัน และไม่รู้ว่าหลินซวงเอ๋อร์หายตัวไปสองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่พบหลินซวงเอ๋อร์จวนหย่งอันประดับตกแต่งไปด้วยโคมไฟและสิ่งของสีสันสดใส คึกคักรื่นเริงเป็นอย่างมา
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 308

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไป๋อวี้ถังได้ส่งหน่วยองครักษ์ลับไปหาเบาะแสของหลินซวงเอ๋อร์แต่แม้ว่าจะส่งหน่วยองครักษ์ลับออกไปหมดแล้ว ก็ไม่พบร่องรอยของหลินซวงเอ๋อร์เลยในตอนกลางคืน ไป๋อวี้ถังไปหารือเรื่องมาตรการรับมือกับเยี่ยเป่ยเฉิงที่จวนหย่งอันด้วยตนเองทันทีที่ย่างกรายเข้าไปในลานจวน ก็ได้ยินเสียงเสวียนอู่ รายงานอยู่ในห้อง“ ท่านอ๋อง พบศพหญิงไร้ศีรษะคนหนึ่งที่ริมทะเลสาบ...”ไป๋อวี้ถังหยุดเดินชั่วคราว หัวใจของเขาหยุดเต้นไปครู่หนึ่งหลังจากนั้น เสียงของเสวียนอู่ก็ดังก้องอยู่ในหูต่อไป“ดูเสื้อผ้าบนตัวที่นางสวมใส่… ข้าน้อยสงสัยว่าคนนี้คือ…แม่นางหลิน”ไป๋อวี้ถังรู้สึกราวกับว่า หัวใจของตนเองถูกคนควักไปทั้งเป็นในหน้าอกเหลือเพียงความว่างเปล่าภายในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวด้วยเสียงทีาเกรี้ยวโกรธว่า: "ยืนยันตัวตนแล้วหรือยัง? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นนาง?"เสวียนอู่ก้มศีรษะลง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาลงโดยที่ไม่รู้ตัวว่า: "ข้าน้องแค่คาดเดา..."เยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆลืมตาขึ้น ระงับความรู้สึกที่กระวนกระวายใจเอาไว้ในใจ สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าวว่า: "ก่อนยืนยันตัวตน อย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้า!"ไป๋อวี้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 309

ราษฎรที่มุงดูอยู่รอบๆต่างก็อกสั่นขวัญแขวนสภาพการตายของศพหญิงสาวคนนี้น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แถมยังส่งกลิ่นเหม็นออกมาเป็นระยะ คนอื่นต่างก็พากันหลบเลี่ยง แต่คุณชายคนนี้กลับเดินไปข้างหน้าเพื่อพลิกศพของหญิงสาวโดยที่ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยพอพลิกร่างแล้ว ไม่รู้ว่าเขาทุกข์ระทมมากเกินไปหรือเปล่า คุณชายท่านนี้ถึงประเดี๋ยวขมวดคิ้วประเดี๋ยวหัวเราะอย่างมีความสุข คนที่ไม่รู้ว่าคงจะคิดว่าเขาได้รับผลกระทบทางจิตใจอะไร จิตใจถึงได้ชอกช้ำอย่างหนัก!ในช่วงเวลาหนึ่ง ผู้คนต่างก็พากันเห็นอกเห็นใจเยี่ยเป่ยเฉิงเป็นอย่างมากฝใครจะไปรู้ว่า ในเวลานี้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกโล่งใจอย่างสิ้นเชิงเขาลุกขึ้นยืน มองไป๋อวี้ถังที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วกล่าวว่า "ไม่ใช่ นาง "อันที่จริง เส้นประสาททั้งหมดในร่างกายของไป๋อวี้ถัง ตึงเครียดตลอดเวลา เขาตื่นตระหนกอยู่ในใจสุดขีด แม้ว่ารูปลักษณ์เขาจะดูสงบนิ่ง แต่ใจของเขาสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำยืนยันของเยี่ยเป่ยเฉิง ร่างกายที่ตึงเครียดของไป๋อวี้ถังก็ค่อยๆผ่อนคลายลง และสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ เสียงที่สั่นเล็กน้อยของเขาถึงกลับมาเป็นปกติ และกล่า
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 310

เมื่อหลินซวงเอ๋อร์ตื่นขึ้นมา สิ่งที่อยู่ในสายตายังคงเห็นม่านเตียงผ้ากอซสีควันที่คุ้นเคย ภายในห้องมืดสลัว มีเพียงหน้าต่างบานเดียวเท่านั้นที่มีแสงสว่างนางรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าตนเองอยู่กัดขังอยู่ในห้องนี้มานานแค่ไหนแล้ว นางแค่รู้สึกอย่างคลุมเครือว่าเวลาผ่านไปนานมากแล้ว ฟ้ามืดแล้วสว่าง สว่างแล้วมืด ทำให้นางแยกชั่วยามไม่ออก“ตื่นแล้วหรือ?” มีเสียงที่ดังฟังชัดดังขึ้นที่ข้างหู ทั้งคุ้นเคยทั้งทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวหลินซวงเอ๋อร์หันหน้าไป ก็เห็นฉีหมิงที่สวมชุดคลุมสีพระจันทร์นั่งอยู่หัวเตียง แล้วมองนางด้วยนัยน์ตาที่ลุกเป็นไฟเขายังคงมีรูปลักษณ์ที่คุ้นเคย แก้มตอบบางเล็กน้อย ผิวขาวขาวผุดผ่อง นัยน์ตากลมโต ใบหน้าอันหล่อเหลามีกลิ่นไอความเป็นวิชาการอยู่เมื่อเห็นฉีหมิง หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหดหู่อย่างอธิบายไม่ได้วันนั้น นางจะไปร้านเย็บปักเพื่อแก้ไขขนาดชุดแต่งงาน คิดไม่ถึงว่าพอออกจากประตูก็พบกับฉีหมิงเขานั่งรถเกี้ยว บอกว่าจะไปส่งนาง นางก็คิดว่าจะไปส่งนางจริงๆ แต่พอขึ้นไปเป็นรถเกี้ยว นางก็หน้ามืด และหมดสติไปอย่างสิ้นเชิงต่อมา นางก็ถูกขังอยู่ที่นี่ ไม่เห็นแสงสว่างตลอดทั้งวันเลยฉีหมิงมาเยี่ยมนา
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
2930313233
...
63
DMCA.com Protection Status