แชร์

บทที่ 251

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-09-01 18:00:01
เยี่ยเป่ยเฉิงขี่ม้ากลับไปที่ค่าย ระดมทหารฝีมือดีสองพันนาย ปิดประตูเมือง และทำการค้นหาทั่วทั้งเมืองฉางอาน แม้ว่าจะต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องหานางเจอให้ได้!

แต่หลินซวงเอ๋อร์ดูเหมือนจะหายไปจากโลกนี้ ไม่ต้องพูดตามตรอกซอกซอยของเมืองฉางอานเลย แม้ว่าจะค้นหาทั่วรัศมีร้อยกิโลเมตร ก็ยังไม่พบร่องรอยของหลินซวงเอ๋อร์

ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่หลินซวงเอ๋อร์หายตัวไป ไม่มีผู้ต้องสงสัยคนใดออกจากเมืองไปเลย นางเป็นคนตัวเป็นๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกพาตัวออกจากประตูเมืองไปอย่างเงียบๆได้

ดังนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงจึงสรุปว่า นางยังคงต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมืองฉางอาน แต่นางถูกคนที่อยู่เบื้องหลังซ่อนเอาไว้อยู่!

นอกจากจะสงสัยจ้าวเจาหยางแล้ว คนแรกที่เยี่ยเป่ยเฉิงสงสัยก็คือฉีหมิง

นอกจากเขาแล้ว ไม่มีใครที่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขัดขวางงานสมรสของเขากับ หลินซวงเอ๋อร์!

อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบพบว่า ฉีหมิงก็เหมือนเช่นเคย นั่งเฝ้าอยู่ที่นอกประตูจวนหย่งอันทุกวัน และไม่รู้ว่าหลินซวงเอ๋อร์หายตัวไป

สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่พบหลินซวงเอ๋อร์

จวนหย่งอันประดับตกแต่งไปด้วยโคมไฟและสิ่งของสีสันสดใส คึกคักรื่นเริงเป็นอย่างมา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Wattana
ลงเลขตอน 251 ซ้ำป่าวคะ?! อ๋องเริ่มไม่ฉลาดล่ะ ซวงซวงก็เซอะจริงถูกจับ4-5ครั้งแล้วไม่ระวังเล้ยยยย
goodnovel comment avatar
Umpai Cha-um
ท่านอ๋องไม่เก่งเลย น้องหายไปเป็นเดือนแล้ว จะเป็นยังไงบ้าง ไปหาดูที่ตำหนักไทเฮาสิ อาจถูกจับตัวไปไว้ที่นั่น
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 308

    ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไป๋อวี้ถังได้ส่งหน่วยองครักษ์ลับไปหาเบาะแสของหลินซวงเอ๋อร์แต่แม้ว่าจะส่งหน่วยองครักษ์ลับออกไปหมดแล้ว ก็ไม่พบร่องรอยของหลินซวงเอ๋อร์เลยในตอนกลางคืน ไป๋อวี้ถังไปหารือเรื่องมาตรการรับมือกับเยี่ยเป่ยเฉิงที่จวนหย่งอันด้วยตนเองทันทีที่ย่างกรายเข้าไปในลานจวน ก็ได้ยินเสียงเสวียนอู่ รายงานอยู่ในห้อง“ ท่านอ๋อง พบศพหญิงไร้ศีรษะคนหนึ่งที่ริมทะเลสาบ...”ไป๋อวี้ถังหยุดเดินชั่วคราว หัวใจของเขาหยุดเต้นไปครู่หนึ่งหลังจากนั้น เสียงของเสวียนอู่ก็ดังก้องอยู่ในหูต่อไป“ดูเสื้อผ้าบนตัวที่นางสวมใส่… ข้าน้อยสงสัยว่าคนนี้คือ…แม่นางหลิน”ไป๋อวี้ถังรู้สึกราวกับว่า หัวใจของตนเองถูกคนควักไปทั้งเป็นในหน้าอกเหลือเพียงความว่างเปล่าภายในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวด้วยเสียงทีาเกรี้ยวโกรธว่า: "ยืนยันตัวตนแล้วหรือยัง? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นนาง?"เสวียนอู่ก้มศีรษะลง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาลงโดยที่ไม่รู้ตัวว่า: "ข้าน้องแค่คาดเดา..."เยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆลืมตาขึ้น ระงับความรู้สึกที่กระวนกระวายใจเอาไว้ในใจ สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าวว่า: "ก่อนยืนยันตัวตน อย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้า!"ไป๋อวี้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-02
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 309

    ราษฎรที่มุงดูอยู่รอบๆต่างก็อกสั่นขวัญแขวนสภาพการตายของศพหญิงสาวคนนี้น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แถมยังส่งกลิ่นเหม็นออกมาเป็นระยะ คนอื่นต่างก็พากันหลบเลี่ยง แต่คุณชายคนนี้กลับเดินไปข้างหน้าเพื่อพลิกศพของหญิงสาวโดยที่ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยพอพลิกร่างแล้ว ไม่รู้ว่าเขาทุกข์ระทมมากเกินไปหรือเปล่า คุณชายท่านนี้ถึงประเดี๋ยวขมวดคิ้วประเดี๋ยวหัวเราะอย่างมีความสุข คนที่ไม่รู้ว่าคงจะคิดว่าเขาได้รับผลกระทบทางจิตใจอะไร จิตใจถึงได้ชอกช้ำอย่างหนัก!ในช่วงเวลาหนึ่ง ผู้คนต่างก็พากันเห็นอกเห็นใจเยี่ยเป่ยเฉิงเป็นอย่างมากฝใครจะไปรู้ว่า ในเวลานี้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกโล่งใจอย่างสิ้นเชิงเขาลุกขึ้นยืน มองไป๋อวี้ถังที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วกล่าวว่า "ไม่ใช่ นาง "อันที่จริง เส้นประสาททั้งหมดในร่างกายของไป๋อวี้ถัง ตึงเครียดตลอดเวลา เขาตื่นตระหนกอยู่ในใจสุดขีด แม้ว่ารูปลักษณ์เขาจะดูสงบนิ่ง แต่ใจของเขาสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำยืนยันของเยี่ยเป่ยเฉิง ร่างกายที่ตึงเครียดของไป๋อวี้ถังก็ค่อยๆผ่อนคลายลง และสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ เสียงที่สั่นเล็กน้อยของเขาถึงกลับมาเป็นปกติ และกล่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-03
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 310

    เมื่อหลินซวงเอ๋อร์ตื่นขึ้นมา สิ่งที่อยู่ในสายตายังคงเห็นม่านเตียงผ้ากอซสีควันที่คุ้นเคย ภายในห้องมืดสลัว มีเพียงหน้าต่างบานเดียวเท่านั้นที่มีแสงสว่างนางรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าตนเองอยู่กัดขังอยู่ในห้องนี้มานานแค่ไหนแล้ว นางแค่รู้สึกอย่างคลุมเครือว่าเวลาผ่านไปนานมากแล้ว ฟ้ามืดแล้วสว่าง สว่างแล้วมืด ทำให้นางแยกชั่วยามไม่ออก“ตื่นแล้วหรือ?” มีเสียงที่ดังฟังชัดดังขึ้นที่ข้างหู ทั้งคุ้นเคยทั้งทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวหลินซวงเอ๋อร์หันหน้าไป ก็เห็นฉีหมิงที่สวมชุดคลุมสีพระจันทร์นั่งอยู่หัวเตียง แล้วมองนางด้วยนัยน์ตาที่ลุกเป็นไฟเขายังคงมีรูปลักษณ์ที่คุ้นเคย แก้มตอบบางเล็กน้อย ผิวขาวขาวผุดผ่อง นัยน์ตากลมโต ใบหน้าอันหล่อเหลามีกลิ่นไอความเป็นวิชาการอยู่เมื่อเห็นฉีหมิง หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหดหู่อย่างอธิบายไม่ได้วันนั้น นางจะไปร้านเย็บปักเพื่อแก้ไขขนาดชุดแต่งงาน คิดไม่ถึงว่าพอออกจากประตูก็พบกับฉีหมิงเขานั่งรถเกี้ยว บอกว่าจะไปส่งนาง นางก็คิดว่าจะไปส่งนางจริงๆ แต่พอขึ้นไปเป็นรถเกี้ยว นางก็หน้ามืด และหมดสติไปอย่างสิ้นเชิงต่อมา นางก็ถูกขังอยู่ที่นี่ ไม่เห็นแสงสว่างตลอดทั้งวันเลยฉีหมิงมาเยี่ยมนา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-03
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 311

    ฉีหมิงลดสายตาลง เพื่อหลบหลีกสายตาของนาง นัยน์ตาจับจ้องไปที่ลำคออันเรียวขาวของนาง ตรงนั้น ยังคงมีรอยกัดที่สดใหม่อยู่สองสามรอย“ซวงเอ๋อร์ ไม่เชื่อฟังก็จะต้องถูกลงโทษ แบบนี้ เจ้าถึงจะสามารถลืมเขาได้อย่างแท้จริง!”จากนั้น ความเจ็บปวดแสนสาหัสก็ถาโถมเข้ามา ฉีหมิงมุดศีรษะไปที่ลำคอของนาง อ้าปาก แล้วกัดนางหลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้วอย่างแรง น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมา ความหวาดกลัวที่มีต่อฉีหมิงดำเนินไปถึงจุดสูงสุดร่างกายของนางสั่นเทามากยิ่งขึ้น มือทั้งสองข้างของหลินซวงเอ๋อร์ขยุ้มผ้าห่มเอาไว้ เพื่อไม่ให้ตนเองกรีดร้องออกมาน้ำตาไหลอาบแก้มและไหลลงมาที่ลำคอ พอฉีหมิงได้ชิมรสชาติของน้ำตานาง ก็ขมวดคิ้ว และค่อยๆปล่อยนางเมื่อลดตาลง ก็เห็นว่าคนที่อยู่ใต้ร่างของเขาน้ำตานองหน้าไปตั้งนานแล้ว“พี่ฉี เจ็บ...”หลินซวงเอ๋อร์สะอื้นไห้ นางหวาดกลัวมากจริงๆ เมื่อใดก็ตามที่เขาโกรธ เขาก็จะกัดคอของนาง อย่างแรง จำได้ว่าในตอนแรกที่นางดึงดันจะกลับไปหาเยี่ยเป่ยเฉิง จะว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเชื่อฟัง ฉีหมิงโกรธมาก ทันใดนั้นก็มุดศีรษะไปกัดที่คอของนางอย่างแรง...จากนั้นก็ควบคุมไม่ได้อีกฉีหมิงเอื้อมมือออกไป ใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-03
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 312

    ฉีหมิงเงยหน้าขึ้นแล้วมองออกไปที่นอกหน้าต่าง แสงอันเย็นเยียบกระทบลงบนหน้าของเขา ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาอยู่แล้วดูเย็นชามากยิ่งขึ้น“ ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่? ข้าคิดถึงช่วงวัยเด็กตอนที่อยู่เมืองชิงเหอมาก แม้ว่าตอนนั้นฉันจะยากจน แม้แต่ข้าวก็ไม่มีจะกิน แต่เจ้าจะไม่ต่อต้านพี่เหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้”นัยน์ตาของเขามีเผยความโดดเดี่ยวเดียวดายออกมา แม้แต่เสียงก็เศร้าโศกอย่างอธิบายไม่ได้“ในเวลานั้น เจ้าไร้เดียงสามาก ราวกับหยกไร้ที่ติในโลกใบนี้ เจ้าจะยิ้มให้พี่ และเรียกพี่ว่าพี่ฉีอย่างอ่อนหวาน เมื่อเจอเรื่องที่หวาดกลัว เจ้าก็จะกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของพี่เพื่อให้พี่ปลอบโยน…”“พี่อยากจะประคบประหงมเจ้าเอาไว้ในอุ้งมือ ไม่อยากให้เจ้าได้รับอันตรายใดๆ อยากจะเอาที่สวยงามที่สุดบนโลกใบนี้ เอามาไว้ที่ตรงหน้าเจ้า…”ฉีหมิงมองดูนาง กระตุกริมฝีปาก กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า: "เห็นได้ชัดว่า ตอนนั้นเจ้าชื่นชอบพี่มาก เหตุใดหลังจากที่มาเมืองหลวงแล้ว ทุกอย่างถึงได้เปลี่ยนไป..."ขณะที่พูด เขาก็เริ่มยิ้มแย้มอีกครั้ง แต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มีความยินดีอย่างแท้จริง " เจ้ารู้ไหม? ตั้งแต่ตอนที่พี่เห็นเจ้าครั้งแรก พี่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-03
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 313

    ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้ฉีหมิงจะปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ แต่นางก็เกลียดฉีหมิงไม่ลง ตอนนี้เขาแค่ป่วย และไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่หลินซวงเอ๋อร์กล่าวเบาๆว่า: " พี่ฉี พี่ดีมาก พี่เป็นคนที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ แต่ข้าไม่สามารถแต่งงานกับพี่ได้จริงๆ ข้าเป็นคนของท่านอ๋องแล้ว เป็นท่านอ๋องที่สอนข้า ว่าความรักระหว่างชายหญิงคืออะไร ส่วนพี่ เป็นญาติที่ข้ารักที่สุดบนโลกใบนี้ "“ บุณคุณที่พี่มีต่อครอบครัวของพวกเรา ซวงเอ๋อร์จดจำเอาไว้ในใจเสมอ แม้ว่าพี่อยากจะได้ชีวิตของซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ก็มอบให้พี่ได้ มีเพียงอย่างเดียว ข้าแต่งงานกับพี่ไม่ได้…”หลินซวงเอ๋อร์มองไปที่ฉีหมิง เขาค่อยๆลดศีรษะลง ใบหน้าของเขาซ่อนอยู่ในความมืด เห็นได้ชัดว่าดื้อรันดูดื้อหดหู่: " ซวงเอ๋อร์ พี่ไม่เคยอยากได้ชีวิตเจ้า ข้าอยากได้เจ้าคนนี้! "“ทั้งๆที่ข้าพบเจ้าก่อนเหตุใดเจ้าถึงยังชื่นชอบเยี่ยเป่ยเฉิง?เขาดีตรงไหนหรือ?เขาเป็นคนที่โหดเหี้ยวเย็นชาคนหนึ่ง ไม่เข้าใจเจ้าเลย!” เขาตกอยู่ในภวังค์แห่งความโศกเศร้า และสิ้นหวังสุดขีดเมื่อหลินซวงเอ๋อร์เห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมากนางไม่อยากทำร้ายเขา แต่ดูเหมือนตนเองจะทำร้ายเขาอย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-04
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 314

    ร่างสูงใหญ่บดบังแสงเอาไว้ ทำให้สีหน้าท่าทางของเยี่ยเป่ยเฉิงปกคลุมไปด้วยความมืดมิดฉีหมิงหันกลับมา แล้วเอาหลินซวงเอ๋อร์ไปไว้ข้างหลังอย่างชิดใกล้ มองไปที่ เยี่ยเป่ยเฉิงอย่างต่อต้านในขณะนี้ เขาไม่กลัวสำถานะที่น่าเกรงขามของเขาเลย แค่คิดว่าเขาเป็นคนเลวที่แย่งคนรักของคนอื่น!ทันทีเห็นเยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ก็ตกตะลึงก่อน จากนั้นนัยน์ตาที่มืดมนก็ค่อยๆกลับมาเป็นประกายอีกครั้งหลินซวงเอ๋อร์เริ่มดิ้นรน นางต้องการกลับไปที่ข้างกายของเยี่ยเป่ยเฉิงตามสัญชาตญาณฉีหมิงสัมผัสได้ถึงความปรารถนาของนาง ฝ่ามือขนาดใหญ่ของเขาจึงกระชับแน่นขึ้น แล้วกักขังนางไว้ข้างหลังเขาอย่างเผด็จการ เพื่อป้องกันไม่ให้นางเข้าใกล้เยี่ยเป่ยเฉิงแม้แต่น้อย!เขาออกแรงมากยิ่งขึ้น จนหลินซวงเอ๋อร์ได้ยินเสียงกระดูกข้อมือของตนเอง ความเจ็บปวดแสนสาหัสถาโถมเข้ามา ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแต่อดทนต่อความเจ็บปวด และไม่กล้าพูดอะไรสักคำ ทำได้แค่มองเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างกระตือรือร้น ราวกับว่าถ้าฉีหมิงปล่อยมือนาง นางก็จะกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของเยี่ยเป่ยเฉิงโดยที่ไม่คำนึงถึงสิ่งใด!เยี่ยเป่ยเฉิงก็มองไปที่หลินซวงเอ๋อร์ ทันใดนั้นสายตาขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-04
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 315

    เมื่อต้องเผชิญกับพลังอันท่วมท้น ฉีหมิงไม่มีช่องว่างที่จะสู้กลับเลยแม้แต่น้อย!เยี่ยเป่ยเฉิงบดขยี้เขาให้ตายง่ายเหมือนบดขยี้มดตัวหนึ่งให้ตาย!สีหน้าของฉีหมิงซีดเผือดไปชั่วขณะหนึ่ง แต่เขายังคงไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ก่อนตายสามารถทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงเกรี้ยวโกรธสุดขีดได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี!เขาเยาะเย้ย และพูดอย่างลำบากว่า: " เยี่ยเป่ยเฉิง! นอกจากแย่งชิงของของคนอื่นแล้ว! เจ้ายังทำอะไรได้อีก... ""เจ้ามีสถาะสูงส่ง และมีสถานะที่โดดเด่น แต่กลับมีพฤติกรรมเยี่ยงโจร! ข้าดูถูกเจ้าจากก้นบึ้งของหัวใจจริงๆ... "“แล้วจะทำไม?” เยี่ยเป่ยเฉิงหนี่ตาลงเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “เจ้ากักขังหน่วงเหนี่ยวซวงเอ๋อร์ ทำร้ายนางเช่นนี้! ข้าจะอภัยให้เจ้าได้อย่างไร!”มีเจตนาฆ่าซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าที่สงบนิ่ง เยี่ยเป่ยเฉิงกระชับนิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆคิดไม่ถึงว่า หลินซวงเอ๋อร์จะรีบวิ่งเข้ามาในขณะนี้นางยืนขวางอยู่ที่ด้านหน้าของฉีหมิง ด้วยสายตาที่หวาดกลัวและทำอะไรไม่ถูก ราวกับว่านางคือต้นตอของหายนะทั้งหมด!มือเล็กๆพยายามแกะมือของเขาออกสุดฤทธิ์ หลินซวงเอ๋อร์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอนว่า: " ท่านอ๋อง ท่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-04

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

DMCA.com Protection Status