แชร์

บทที่ 301

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
แสงแดดสาดส่องผ่านผ้าม่าน ทำให้ทั้งห้องมีแสงสลัวๆ

แสงเพียงน้อยนิดตกกระทบไปบนหน้าด้านข้างของเขา ทำให้หน้าครึ่งหนึ่งของเขาสว่าง ครึ่งหนึ่งอยู่ในความมืด และมีโครงหน้าชัดเจนมากยิ่งขึ้น

หลินซวงเอ๋อร์มองเขาอย่างเงียบๆ เขาอยู่ใกล้นางมาก ใกล้มากจนนางสามารถมองเห็นภาพสะท้อนของตนเอง ในนัยน์ตาของเขา

เขาหน้าตาดีมากจริงๆ โครงหน้าของเขาเหมือนรูปปั้นประติมากรรม ตั้งแต่คิ้วไปจนถึงสันจมูก ไปจนถึงริมฝีปากที่เรียวบาง คมเข้มชัดเจน และหล่อเหลาสง่าเป็นอย่างมาก

เพียงแต่ บนตัวของเขามีบุคลิกที่เข้มงวดเย็นชาอยู่ตลอดเวลา ทำให้หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวั่นไหวและหวาดกลัวเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน

“ ซวงเอ๋อร์ เรียกข้าว่าสวามีหน่อย ได้ไหม?”

มือที่อยู่บนหลังของนาง ออกแรงเล็กน้อย เพื่อดึงทั้งสองคนเข้ามาใกล้กันมากยิ่งขึ้น

หลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น แล้วสบสายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของเขาเข้าพอดี

ลมหายใจของเขากระทบใบหน้าของนาง ทำให้หัวใจของนางเต้นตุ้มๆต่อมๆ

นางรู้สึกสับสนวุ่นวายใจชั่วขณะ จากนั้นก็เรียกด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า: " สวามี "

ในนัยน์ตาของนางเป็นประกายเล็กน้อย น้ำเสียงของนางนุ่มนวลเป็นอย่างมาก

สุดท้าน นางก็เห็นส
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 302

    ตอนนั้นที่นางมอบร่างกายนี้ให้เขา นางไม่ได้สมัครใจเลยสองสามครั้งถัดมา นางรู้อย่างมีสติว่ามันไม่ถูกต้อง แต่นางไม่อาจต่อต้านพฤติกรรมที่ยั่วยุของเขาได้ ทนต่อการล้อเล่นของเขาได้ ร่างกายจึงตกไปอยู่ภายใต้การรุกรานของเขาตามสัญชาตญาณ สุดท้ายตนเองก็ยอมพลีกายถวายใจให้เขาทุกอย่างร่างของเยี่ยเป่ยเฉิงแข็งทื่อ เขาทำให้นางร้องไห้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อย“ ซวงเอ๋อร์คนดี ในเมื่อข้าบอกว่าจะสมรสกับเจ้า ก็คือจะรับผิดชอบต่อเจ้า” ลูกกระเดือกของเขากลิ้งไปมา จากนั้นก็โน้มตัวลงไปจูบหน้าผากของนางหลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นแล้วมองดูเขา: "ถ้าอย่างนั้นวันนี้ท่านอ๋องไม่ล่วงเกินข้าได้ไหม? อีกเจ็ดวันหลังจากสมรสแล้ว... ค่อยร่วมหลับนอนกัน"เมื่อเห็นท่าทางที่น่าสงสารของนาง ในที่สุดเยี่ยเป่ยเฉิงก็ทำไม่ลง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ความปรารถนาในดวงตาก็ค่อยๆจางหายไปเยี่ยเป่ยเฉิงเอาคางไถไหล่ของนางเบาๆ “เจ็ดวันหลังจากนี้ เจ้าจะต้องชดเชยข้าแบบทบดอกเลย ตกลงไหม?” คำพูดของเขานุ่มนวลราวกับสายน้ำไหล ลมหายใจอันอ่อนโยนโอบล้อมหลินซวงเอ๋อร์เอาไว้ ทำให้นางไร้เรี่ยวแรงต้านทานราวกับว่าจมน้ำเพื่อเอาตัวรอดในวันนี้ หลินซวงเอ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 303

    ก่อนสมรส เยี่ยเป่ยเฉิงสัญญาว่าจะไม่แตะต้องนางอีก เขาจึงรู้ตัวว่าตนเองจะต้องย้ายไปที่ห้องหนังสือในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมานี้ เขารักษาสัญญา และนอนอยู่ห้องหนังสือตลอด แต่ทุกครั้งที่อยู่ในค่ำคืนอันเงียบสงบ มันยากมากที่เขาจะนอนหลับโชคดีที่ เจ็ดวันอันยาวนาน กำลังจะสิ้นสุดลงในที่สุดสองวันก่อนงานสมรส ชุดแต่งงานที่ช่างเย็บปักเตรียมไว้ถูกส่งไปยังเรือนฝั่งตะวันออก เพื่อให้หลินซวงเอ๋อร์ลองสวมดู ถ้ามีตรงไหนที่ไม่พอดีก็จะเอามันกลับไปแก้ไขนอกจากชุดแต่งงานแล้วยังมีชุดเครื่องประดับศีรษะอีกด้วย วางเรียงรายในห้อง ตงเหมยกล่าวชื่นชมไม่ขาดปากของทุกชิ้นมีมูลค่ามหาศาล แถมยังทำอย่างประณีต มันไม่ต่างอะไรจากเครื่องประดับที่องค์ราชินีสวมใส่ในพระราชวังเลยตงเหมยอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา: " การปฏิบัติต่อพระชายากับอนุภรรยาแตกต่างกันมาก ข้าได้ยินมาว่าตอนนั้นที่นายท่านจวนโหวแต่งอนุภรรยา ให้แค่เครื่องประดับเพียงไม่กี่ชิ้นก็เท่านั้น แถมยังต้องสวมชุดแต่งงานสีชมพู งานสมรสนั่น เทียบไม่ได้กับงานแต่งงานในครั้งนี้เลย ท่านอ๋องใส่ใจเจ้าจริงๆ สิ่งของเหล่านี้ แค่ชิ้นเดียวก็มีมูลค่ามหาศาลแล้ว "หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวาดหวั่นอ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 304

    ตงเหมยก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวว่า "ชุดใหญ่ไปหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็รีบถอดออกเร็ว ข้าจะได้รีบเอาไปส่งให้ช่างเย็บปัก จะได้ไม่ทำให้งานสมรสล่าช้า"ท่านป้าจ้าวถอดชุดแต่งงานที่อยู่บนตัวของหลินซวงเอ๋อร์ออกหลินซวงเอ๋อร์เอาชุดแต่งงานมาไว้ในอ้อมแขนตน แล้วกล่าวว่า " ข้าไปเองดีกว่า จวนโหวอยู่ใกล้กับตงเซียงมาก ถ้าข้าไปเองจะทำให้ช่างเย็บปักสะดวกในการแก้ไขขนาดมากกว่า จะได้ไม่ต้องวิ่งกลับไปกลับมา ลำบากเปล่าๆ "ขณะที่พูด ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า พับชุดแต่งงานอย่างเรียบร้อยแล้วถือเอาไว้ในอ้อมแขนท่านป้าจ้าวบอกว่า “ส่งชุดแต่งงานก็ให้รีบกลับมา งานสมรสใกล้เข้ามาแล้ว ยังมีหลายอย่างที่ต้องตระเตรียม อย่าไปเอ้อระเหยอยู่ข้างนอก”หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้า ถือชุดแต่งงานแล้วเดินออกจากประตูจวนท่านป้าจ้าวและตงเหมยอยู่ในห้องเพื่อตัดดอกไม้กระดาษ พรุ่งนี้จะได้เอาดอกไม้กระดาษที่ตัดเสร็จแล้วติดตามประตูและหน้าต่างในห้องหนังสือนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกำลังศึกษาวิธีทำให้ภรรยาพึงพอใจในคืนวันวิวาห์อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนรบทัพจับศึกที่หยาบกระด้าง ทุกครั้งที่ไม่สามารถควบคุมความปรารถนาของตนเองได้ ก็จะสูญเสียการควบคุมตนเองหลังจากที่ได้แลก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 305

    นับตั้งแต่จ้าวเจาหยางถูกเยี่ยเป่ยเฉิงยิงจนพิการ เขาก็เที่ยวสํามะเลเทเมาที่หอจุ้ยชุนทุกวัน และเมาหัวราน้ำทุกคืนน่าเสียดาย ตอนนี้เขากลายเป็นแค่คนพิการคนหนึ่ง แม้ว่าจะมีสาวงามอยู่ในอ้อมแขน เขาก็ทำได้แค่ดูแต่สัมผัสไม่ได้หญิงสาวที่อยู่ในหอจุ้ยชุนภายนอกปรนบิติเอาอกเอาใจเขา แต่ในใจกลับรังเกียจเขาเป็นอย่างยิ่งเพราะเขามีนิสัยที่กำเริบเสิบสาน ฝักใฝ่อิสตรี ตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่ไม่มีนกเขาคนหนึ่ง!คนที่ไม่มีนกเขา แต่กลับยังมีความปรารถนา ทำให้เขามีบุคลิกที่วิปริต มีความผิดปกติด้านจิตใจ ดูไปแล้วมาที่นี่เพื่อหาความรื่นรมณ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วมาเพื่อระบายตัณหาอันป่าเถื่อนของตนเองในรูปแบบต่างๆหญิงสาวที่อยู่ในหอจุ้ยชุนต่างก็อกสั่นขวัญแขวนเมื่อได้พบเจอเขา ทุกข์ทรมานจนยากที่จะพรรณนา เนื่องจากเขามีสถานะที่สูงส่ง ต่อให้เขาทรมานพวกนางจนตาย บรรดาหญิงสาวเหล่านี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาขมวดคิ้ว จ้าวเจาหยางก็หยิกเอวของหญิงสาวอย่างแรง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงก็แหบแห้งแหลมคมว่า: " เหตุใดถึงหน้านิ่วคิ้วขมวด? ยิ้มให้ข้าเดี๋ยวนี้! "หญิงสาวคนนั้นรู้สึกเจ็บปวด สะดุ้งตก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 306

    ท่าทีที่ยโสโอหังเมื่อสักครู่นี้หายไปในทันที เหลือแต่เพียงความขี้ขลาดและความกลัวเยี่ยเป่ยเฉิง"ข้า... ข้าไปทำอะไรให้เจ้าขุ่นเคืองใจหรือ?" จ้าวเจาหยางไม่กล้ามองเขาตรงๆ และพูดด้วยเสียงที่สั่นเทาสายตาของเยี่ยเป่ยเฉิงจับจ้องมองไปที่จ้าวเจาหยางที่เป็นเหมือนสุนัขที่ถูกทอดทิ้งด้วยนัยน์ตาที่ดุร้าย และออกแรงที่เท้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง“ข้าจะถามเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น!”“ หลินซวงเอ๋อร์อยู่ที่ไหน?” เสียงของเขาสงบนิ่ง แต่เผยความดุร้ายที่อธิบายไม่ได้ออกมา ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านแรงกดบนหลังดูเหมือนจะบดขยี้อวัยวะภายในของเขา เขาหายใจลำบาก และกล่าวด้วยความยากลำบากว่า: "หลินซวงเอ๋อร์อะไรกัน... ข้าไม่รู้เรื่อง... "เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้ว ยกเขาขึ้นมา และกระแทกเขาเข้ากับผนังอย่างแรงผนังเป็นรอยบุบ จ้าวเจาหยางล้มลงไปกับพื้น จนทำให้มีเลือดไหลออกมาจากปากอีกหนึ่งอึก และรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังจะแตกสลาย" จ้าวเจาหยาง! ดูเหมือนว่าข้าจะใจดีกับเจ้ามากเกินไป!" เยี่ยเป่ยเฉิงเดินเข้ามาหาเขาทีละก้าว เสียงฝีเท้าที่อยู่บนพื้นกระดานไม้ก็กระทบใจของจ้าวเจาหยาง ราวกับว่าเป็นมนตราเร่งรัดเอาชีวิตเขา"

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 251

    เยี่ยเป่ยเฉิงขี่ม้ากลับไปที่ค่าย ระดมทหารฝีมือดีสองพันนาย ปิดประตูเมือง และทำการค้นหาทั่วทั้งเมืองฉางอาน แม้ว่าจะต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องหานางเจอให้ได้!แต่หลินซวงเอ๋อร์ดูเหมือนจะหายไปจากโลกนี้ ไม่ต้องพูดตามตรอกซอกซอยของเมืองฉางอานเลย แม้ว่าจะค้นหาทั่วรัศมีร้อยกิโลเมตร ก็ยังไม่พบร่องรอยของหลินซวงเอ๋อร์ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่หลินซวงเอ๋อร์หายตัวไป ไม่มีผู้ต้องสงสัยคนใดออกจากเมืองไปเลย นางเป็นคนตัวเป็นๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกพาตัวออกจากประตูเมืองไปอย่างเงียบๆได้ดังนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงจึงสรุปว่า นางยังคงต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมืองฉางอาน แต่นางถูกคนที่อยู่เบื้องหลังซ่อนเอาไว้อยู่!นอกจากจะสงสัยจ้าวเจาหยางแล้ว คนแรกที่เยี่ยเป่ยเฉิงสงสัยก็คือฉีหมิงนอกจากเขาแล้ว ไม่มีใครที่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขัดขวางงานสมรสของเขากับ หลินซวงเอ๋อร์!อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบพบว่า ฉีหมิงก็เหมือนเช่นเคย นั่งเฝ้าอยู่ที่นอกประตูจวนหย่งอันทุกวัน และไม่รู้ว่าหลินซวงเอ๋อร์หายตัวไปสองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่พบหลินซวงเอ๋อร์จวนหย่งอันประดับตกแต่งไปด้วยโคมไฟและสิ่งของสีสันสดใส คึกคักรื่นเริงเป็นอย่างมา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 308

    ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไป๋อวี้ถังได้ส่งหน่วยองครักษ์ลับไปหาเบาะแสของหลินซวงเอ๋อร์แต่แม้ว่าจะส่งหน่วยองครักษ์ลับออกไปหมดแล้ว ก็ไม่พบร่องรอยของหลินซวงเอ๋อร์เลยในตอนกลางคืน ไป๋อวี้ถังไปหารือเรื่องมาตรการรับมือกับเยี่ยเป่ยเฉิงที่จวนหย่งอันด้วยตนเองทันทีที่ย่างกรายเข้าไปในลานจวน ก็ได้ยินเสียงเสวียนอู่ รายงานอยู่ในห้อง“ ท่านอ๋อง พบศพหญิงไร้ศีรษะคนหนึ่งที่ริมทะเลสาบ...”ไป๋อวี้ถังหยุดเดินชั่วคราว หัวใจของเขาหยุดเต้นไปครู่หนึ่งหลังจากนั้น เสียงของเสวียนอู่ก็ดังก้องอยู่ในหูต่อไป“ดูเสื้อผ้าบนตัวที่นางสวมใส่… ข้าน้อยสงสัยว่าคนนี้คือ…แม่นางหลิน”ไป๋อวี้ถังรู้สึกราวกับว่า หัวใจของตนเองถูกคนควักไปทั้งเป็นในหน้าอกเหลือเพียงความว่างเปล่าภายในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวด้วยเสียงทีาเกรี้ยวโกรธว่า: "ยืนยันตัวตนแล้วหรือยัง? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นนาง?"เสวียนอู่ก้มศีรษะลง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาลงโดยที่ไม่รู้ตัวว่า: "ข้าน้องแค่คาดเดา..."เยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆลืมตาขึ้น ระงับความรู้สึกที่กระวนกระวายใจเอาไว้ในใจ สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าวว่า: "ก่อนยืนยันตัวตน อย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้า!"ไป๋อวี้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 309

    ราษฎรที่มุงดูอยู่รอบๆต่างก็อกสั่นขวัญแขวนสภาพการตายของศพหญิงสาวคนนี้น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แถมยังส่งกลิ่นเหม็นออกมาเป็นระยะ คนอื่นต่างก็พากันหลบเลี่ยง แต่คุณชายคนนี้กลับเดินไปข้างหน้าเพื่อพลิกศพของหญิงสาวโดยที่ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยพอพลิกร่างแล้ว ไม่รู้ว่าเขาทุกข์ระทมมากเกินไปหรือเปล่า คุณชายท่านนี้ถึงประเดี๋ยวขมวดคิ้วประเดี๋ยวหัวเราะอย่างมีความสุข คนที่ไม่รู้ว่าคงจะคิดว่าเขาได้รับผลกระทบทางจิตใจอะไร จิตใจถึงได้ชอกช้ำอย่างหนัก!ในช่วงเวลาหนึ่ง ผู้คนต่างก็พากันเห็นอกเห็นใจเยี่ยเป่ยเฉิงเป็นอย่างมากฝใครจะไปรู้ว่า ในเวลานี้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกโล่งใจอย่างสิ้นเชิงเขาลุกขึ้นยืน มองไป๋อวี้ถังที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วกล่าวว่า "ไม่ใช่ นาง "อันที่จริง เส้นประสาททั้งหมดในร่างกายของไป๋อวี้ถัง ตึงเครียดตลอดเวลา เขาตื่นตระหนกอยู่ในใจสุดขีด แม้ว่ารูปลักษณ์เขาจะดูสงบนิ่ง แต่ใจของเขาสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำยืนยันของเยี่ยเป่ยเฉิง ร่างกายที่ตึงเครียดของไป๋อวี้ถังก็ค่อยๆผ่อนคลายลง และสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ เสียงที่สั่นเล็กน้อยของเขาถึงกลับมาเป็นปกติ และกล่า

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status