Share

บทที่ 303

Penulis: พิณเคล้าสายฝน
ก่อนสมรส เยี่ยเป่ยเฉิงสัญญาว่าจะไม่แตะต้องนางอีก เขาจึงรู้ตัวว่าตนเองจะต้องย้ายไปที่ห้องหนังสือ

ในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมานี้ เขารักษาสัญญา และนอนอยู่ห้องหนังสือตลอด แต่ทุกครั้งที่อยู่ในค่ำคืนอันเงียบสงบ มันยากมากที่เขาจะนอนหลับ

โชคดีที่ เจ็ดวันอันยาวนาน กำลังจะสิ้นสุดลงในที่สุด

สองวันก่อนงานสมรส ชุดแต่งงานที่ช่างเย็บปักเตรียมไว้ถูกส่งไปยังเรือนฝั่งตะวันออก เพื่อให้หลินซวงเอ๋อร์ลองสวมดู ถ้ามีตรงไหนที่ไม่พอดีก็จะเอามันกลับไปแก้ไข

นอกจากชุดแต่งงานแล้วยังมีชุดเครื่องประดับศีรษะอีกด้วย วางเรียงรายในห้อง ตงเหมยกล่าวชื่นชมไม่ขาดปาก

ของทุกชิ้นมีมูลค่ามหาศาล แถมยังทำอย่างประณีต มันไม่ต่างอะไรจากเครื่องประดับที่องค์ราชินีสวมใส่ในพระราชวังเลย

ตงเหมยอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา: " การปฏิบัติต่อพระชายากับอนุภรรยาแตกต่างกันมาก ข้าได้ยินมาว่าตอนนั้นที่นายท่านจวนโหวแต่งอนุภรรยา ให้แค่เครื่องประดับเพียงไม่กี่ชิ้นก็เท่านั้น แถมยังต้องสวมชุดแต่งงานสีชมพู งานสมรสนั่น เทียบไม่ได้กับงานแต่งงานในครั้งนี้เลย ท่านอ๋องใส่ใจเจ้าจริงๆ สิ่งของเหล่านี้ แค่ชิ้นเดียวก็มีมูลค่ามหาศาลแล้ว "

หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวาดหวั่นอ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Wattana
วันที่2808ขอบคุณที่ลงใหัอ่านหลายๆตอน เพลินดีจัง
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 304

    ตงเหมยก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวว่า "ชุดใหญ่ไปหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็รีบถอดออกเร็ว ข้าจะได้รีบเอาไปส่งให้ช่างเย็บปัก จะได้ไม่ทำให้งานสมรสล่าช้า"ท่านป้าจ้าวถอดชุดแต่งงานที่อยู่บนตัวของหลินซวงเอ๋อร์ออกหลินซวงเอ๋อร์เอาชุดแต่งงานมาไว้ในอ้อมแขนตน แล้วกล่าวว่า " ข้าไปเองดีกว่า จวนโหวอยู่ใกล้กับตงเซียงมาก ถ้าข้าไปเองจะทำให้ช่างเย็บปักสะดวกในการแก้ไขขนาดมากกว่า จะได้ไม่ต้องวิ่งกลับไปกลับมา ลำบากเปล่าๆ "ขณะที่พูด ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า พับชุดแต่งงานอย่างเรียบร้อยแล้วถือเอาไว้ในอ้อมแขนท่านป้าจ้าวบอกว่า “ส่งชุดแต่งงานก็ให้รีบกลับมา งานสมรสใกล้เข้ามาแล้ว ยังมีหลายอย่างที่ต้องตระเตรียม อย่าไปเอ้อระเหยอยู่ข้างนอก”หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้า ถือชุดแต่งงานแล้วเดินออกจากประตูจวนท่านป้าจ้าวและตงเหมยอยู่ในห้องเพื่อตัดดอกไม้กระดาษ พรุ่งนี้จะได้เอาดอกไม้กระดาษที่ตัดเสร็จแล้วติดตามประตูและหน้าต่างในห้องหนังสือนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกำลังศึกษาวิธีทำให้ภรรยาพึงพอใจในคืนวันวิวาห์อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนรบทัพจับศึกที่หยาบกระด้าง ทุกครั้งที่ไม่สามารถควบคุมความปรารถนาของตนเองได้ ก็จะสูญเสียการควบคุมตนเองหลังจากที่ได้แลก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 305

    นับตั้งแต่จ้าวเจาหยางถูกเยี่ยเป่ยเฉิงยิงจนพิการ เขาก็เที่ยวสํามะเลเทเมาที่หอจุ้ยชุนทุกวัน และเมาหัวราน้ำทุกคืนน่าเสียดาย ตอนนี้เขากลายเป็นแค่คนพิการคนหนึ่ง แม้ว่าจะมีสาวงามอยู่ในอ้อมแขน เขาก็ทำได้แค่ดูแต่สัมผัสไม่ได้หญิงสาวที่อยู่ในหอจุ้ยชุนภายนอกปรนบิติเอาอกเอาใจเขา แต่ในใจกลับรังเกียจเขาเป็นอย่างยิ่งเพราะเขามีนิสัยที่กำเริบเสิบสาน ฝักใฝ่อิสตรี ตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่ไม่มีนกเขาคนหนึ่ง!คนที่ไม่มีนกเขา แต่กลับยังมีความปรารถนา ทำให้เขามีบุคลิกที่วิปริต มีความผิดปกติด้านจิตใจ ดูไปแล้วมาที่นี่เพื่อหาความรื่นรมณ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วมาเพื่อระบายตัณหาอันป่าเถื่อนของตนเองในรูปแบบต่างๆหญิงสาวที่อยู่ในหอจุ้ยชุนต่างก็อกสั่นขวัญแขวนเมื่อได้พบเจอเขา ทุกข์ทรมานจนยากที่จะพรรณนา เนื่องจากเขามีสถานะที่สูงส่ง ต่อให้เขาทรมานพวกนางจนตาย บรรดาหญิงสาวเหล่านี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาขมวดคิ้ว จ้าวเจาหยางก็หยิกเอวของหญิงสาวอย่างแรง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงก็แหบแห้งแหลมคมว่า: " เหตุใดถึงหน้านิ่วคิ้วขมวด? ยิ้มให้ข้าเดี๋ยวนี้! "หญิงสาวคนนั้นรู้สึกเจ็บปวด สะดุ้งตก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 306

    ท่าทีที่ยโสโอหังเมื่อสักครู่นี้หายไปในทันที เหลือแต่เพียงความขี้ขลาดและความกลัวเยี่ยเป่ยเฉิง"ข้า... ข้าไปทำอะไรให้เจ้าขุ่นเคืองใจหรือ?" จ้าวเจาหยางไม่กล้ามองเขาตรงๆ และพูดด้วยเสียงที่สั่นเทาสายตาของเยี่ยเป่ยเฉิงจับจ้องมองไปที่จ้าวเจาหยางที่เป็นเหมือนสุนัขที่ถูกทอดทิ้งด้วยนัยน์ตาที่ดุร้าย และออกแรงที่เท้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง“ข้าจะถามเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น!”“ หลินซวงเอ๋อร์อยู่ที่ไหน?” เสียงของเขาสงบนิ่ง แต่เผยความดุร้ายที่อธิบายไม่ได้ออกมา ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านแรงกดบนหลังดูเหมือนจะบดขยี้อวัยวะภายในของเขา เขาหายใจลำบาก และกล่าวด้วยความยากลำบากว่า: "หลินซวงเอ๋อร์อะไรกัน... ข้าไม่รู้เรื่อง... "เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้ว ยกเขาขึ้นมา และกระแทกเขาเข้ากับผนังอย่างแรงผนังเป็นรอยบุบ จ้าวเจาหยางล้มลงไปกับพื้น จนทำให้มีเลือดไหลออกมาจากปากอีกหนึ่งอึก และรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังจะแตกสลาย" จ้าวเจาหยาง! ดูเหมือนว่าข้าจะใจดีกับเจ้ามากเกินไป!" เยี่ยเป่ยเฉิงเดินเข้ามาหาเขาทีละก้าว เสียงฝีเท้าที่อยู่บนพื้นกระดานไม้ก็กระทบใจของจ้าวเจาหยาง ราวกับว่าเป็นมนตราเร่งรัดเอาชีวิตเขา"

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 251

    เยี่ยเป่ยเฉิงขี่ม้ากลับไปที่ค่าย ระดมทหารฝีมือดีสองพันนาย ปิดประตูเมือง และทำการค้นหาทั่วทั้งเมืองฉางอาน แม้ว่าจะต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องหานางเจอให้ได้!แต่หลินซวงเอ๋อร์ดูเหมือนจะหายไปจากโลกนี้ ไม่ต้องพูดตามตรอกซอกซอยของเมืองฉางอานเลย แม้ว่าจะค้นหาทั่วรัศมีร้อยกิโลเมตร ก็ยังไม่พบร่องรอยของหลินซวงเอ๋อร์ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่หลินซวงเอ๋อร์หายตัวไป ไม่มีผู้ต้องสงสัยคนใดออกจากเมืองไปเลย นางเป็นคนตัวเป็นๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกพาตัวออกจากประตูเมืองไปอย่างเงียบๆได้ดังนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงจึงสรุปว่า นางยังคงต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมืองฉางอาน แต่นางถูกคนที่อยู่เบื้องหลังซ่อนเอาไว้อยู่!นอกจากจะสงสัยจ้าวเจาหยางแล้ว คนแรกที่เยี่ยเป่ยเฉิงสงสัยก็คือฉีหมิงนอกจากเขาแล้ว ไม่มีใครที่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขัดขวางงานสมรสของเขากับ หลินซวงเอ๋อร์!อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบพบว่า ฉีหมิงก็เหมือนเช่นเคย นั่งเฝ้าอยู่ที่นอกประตูจวนหย่งอันทุกวัน และไม่รู้ว่าหลินซวงเอ๋อร์หายตัวไปสองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่พบหลินซวงเอ๋อร์จวนหย่งอันประดับตกแต่งไปด้วยโคมไฟและสิ่งของสีสันสดใส คึกคักรื่นเริงเป็นอย่างมา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 308

    ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไป๋อวี้ถังได้ส่งหน่วยองครักษ์ลับไปหาเบาะแสของหลินซวงเอ๋อร์แต่แม้ว่าจะส่งหน่วยองครักษ์ลับออกไปหมดแล้ว ก็ไม่พบร่องรอยของหลินซวงเอ๋อร์เลยในตอนกลางคืน ไป๋อวี้ถังไปหารือเรื่องมาตรการรับมือกับเยี่ยเป่ยเฉิงที่จวนหย่งอันด้วยตนเองทันทีที่ย่างกรายเข้าไปในลานจวน ก็ได้ยินเสียงเสวียนอู่ รายงานอยู่ในห้อง“ ท่านอ๋อง พบศพหญิงไร้ศีรษะคนหนึ่งที่ริมทะเลสาบ...”ไป๋อวี้ถังหยุดเดินชั่วคราว หัวใจของเขาหยุดเต้นไปครู่หนึ่งหลังจากนั้น เสียงของเสวียนอู่ก็ดังก้องอยู่ในหูต่อไป“ดูเสื้อผ้าบนตัวที่นางสวมใส่… ข้าน้อยสงสัยว่าคนนี้คือ…แม่นางหลิน”ไป๋อวี้ถังรู้สึกราวกับว่า หัวใจของตนเองถูกคนควักไปทั้งเป็นในหน้าอกเหลือเพียงความว่างเปล่าภายในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวด้วยเสียงทีาเกรี้ยวโกรธว่า: "ยืนยันตัวตนแล้วหรือยัง? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นนาง?"เสวียนอู่ก้มศีรษะลง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาลงโดยที่ไม่รู้ตัวว่า: "ข้าน้องแค่คาดเดา..."เยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆลืมตาขึ้น ระงับความรู้สึกที่กระวนกระวายใจเอาไว้ในใจ สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าวว่า: "ก่อนยืนยันตัวตน อย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้า!"ไป๋อวี้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 309

    ราษฎรที่มุงดูอยู่รอบๆต่างก็อกสั่นขวัญแขวนสภาพการตายของศพหญิงสาวคนนี้น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แถมยังส่งกลิ่นเหม็นออกมาเป็นระยะ คนอื่นต่างก็พากันหลบเลี่ยง แต่คุณชายคนนี้กลับเดินไปข้างหน้าเพื่อพลิกศพของหญิงสาวโดยที่ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยพอพลิกร่างแล้ว ไม่รู้ว่าเขาทุกข์ระทมมากเกินไปหรือเปล่า คุณชายท่านนี้ถึงประเดี๋ยวขมวดคิ้วประเดี๋ยวหัวเราะอย่างมีความสุข คนที่ไม่รู้ว่าคงจะคิดว่าเขาได้รับผลกระทบทางจิตใจอะไร จิตใจถึงได้ชอกช้ำอย่างหนัก!ในช่วงเวลาหนึ่ง ผู้คนต่างก็พากันเห็นอกเห็นใจเยี่ยเป่ยเฉิงเป็นอย่างมากฝใครจะไปรู้ว่า ในเวลานี้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกโล่งใจอย่างสิ้นเชิงเขาลุกขึ้นยืน มองไป๋อวี้ถังที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วกล่าวว่า "ไม่ใช่ นาง "อันที่จริง เส้นประสาททั้งหมดในร่างกายของไป๋อวี้ถัง ตึงเครียดตลอดเวลา เขาตื่นตระหนกอยู่ในใจสุดขีด แม้ว่ารูปลักษณ์เขาจะดูสงบนิ่ง แต่ใจของเขาสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำยืนยันของเยี่ยเป่ยเฉิง ร่างกายที่ตึงเครียดของไป๋อวี้ถังก็ค่อยๆผ่อนคลายลง และสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ เสียงที่สั่นเล็กน้อยของเขาถึงกลับมาเป็นปกติ และกล่า

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 310

    เมื่อหลินซวงเอ๋อร์ตื่นขึ้นมา สิ่งที่อยู่ในสายตายังคงเห็นม่านเตียงผ้ากอซสีควันที่คุ้นเคย ภายในห้องมืดสลัว มีเพียงหน้าต่างบานเดียวเท่านั้นที่มีแสงสว่างนางรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าตนเองอยู่กัดขังอยู่ในห้องนี้มานานแค่ไหนแล้ว นางแค่รู้สึกอย่างคลุมเครือว่าเวลาผ่านไปนานมากแล้ว ฟ้ามืดแล้วสว่าง สว่างแล้วมืด ทำให้นางแยกชั่วยามไม่ออก“ตื่นแล้วหรือ?” มีเสียงที่ดังฟังชัดดังขึ้นที่ข้างหู ทั้งคุ้นเคยทั้งทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวหลินซวงเอ๋อร์หันหน้าไป ก็เห็นฉีหมิงที่สวมชุดคลุมสีพระจันทร์นั่งอยู่หัวเตียง แล้วมองนางด้วยนัยน์ตาที่ลุกเป็นไฟเขายังคงมีรูปลักษณ์ที่คุ้นเคย แก้มตอบบางเล็กน้อย ผิวขาวขาวผุดผ่อง นัยน์ตากลมโต ใบหน้าอันหล่อเหลามีกลิ่นไอความเป็นวิชาการอยู่เมื่อเห็นฉีหมิง หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหดหู่อย่างอธิบายไม่ได้วันนั้น นางจะไปร้านเย็บปักเพื่อแก้ไขขนาดชุดแต่งงาน คิดไม่ถึงว่าพอออกจากประตูก็พบกับฉีหมิงเขานั่งรถเกี้ยว บอกว่าจะไปส่งนาง นางก็คิดว่าจะไปส่งนางจริงๆ แต่พอขึ้นไปเป็นรถเกี้ยว นางก็หน้ามืด และหมดสติไปอย่างสิ้นเชิงต่อมา นางก็ถูกขังอยู่ที่นี่ ไม่เห็นแสงสว่างตลอดทั้งวันเลยฉีหมิงมาเยี่ยมนา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 311

    ฉีหมิงลดสายตาลง เพื่อหลบหลีกสายตาของนาง นัยน์ตาจับจ้องไปที่ลำคออันเรียวขาวของนาง ตรงนั้น ยังคงมีรอยกัดที่สดใหม่อยู่สองสามรอย“ซวงเอ๋อร์ ไม่เชื่อฟังก็จะต้องถูกลงโทษ แบบนี้ เจ้าถึงจะสามารถลืมเขาได้อย่างแท้จริง!”จากนั้น ความเจ็บปวดแสนสาหัสก็ถาโถมเข้ามา ฉีหมิงมุดศีรษะไปที่ลำคอของนาง อ้าปาก แล้วกัดนางหลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้วอย่างแรง น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมา ความหวาดกลัวที่มีต่อฉีหมิงดำเนินไปถึงจุดสูงสุดร่างกายของนางสั่นเทามากยิ่งขึ้น มือทั้งสองข้างของหลินซวงเอ๋อร์ขยุ้มผ้าห่มเอาไว้ เพื่อไม่ให้ตนเองกรีดร้องออกมาน้ำตาไหลอาบแก้มและไหลลงมาที่ลำคอ พอฉีหมิงได้ชิมรสชาติของน้ำตานาง ก็ขมวดคิ้ว และค่อยๆปล่อยนางเมื่อลดตาลง ก็เห็นว่าคนที่อยู่ใต้ร่างของเขาน้ำตานองหน้าไปตั้งนานแล้ว“พี่ฉี เจ็บ...”หลินซวงเอ๋อร์สะอื้นไห้ นางหวาดกลัวมากจริงๆ เมื่อใดก็ตามที่เขาโกรธ เขาก็จะกัดคอของนาง อย่างแรง จำได้ว่าในตอนแรกที่นางดึงดันจะกลับไปหาเยี่ยเป่ยเฉิง จะว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเชื่อฟัง ฉีหมิงโกรธมาก ทันใดนั้นก็มุดศีรษะไปกัดที่คอของนางอย่างแรง...จากนั้นก็ควบคุมไม่ได้อีกฉีหมิงเอื้อมมือออกไป ใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตา

Bab terbaru

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status