บททั้งหมดของ ทาสสาวพราวพิลาส: บทที่ 261 - บทที่ 270

625

บทที่ 261

กองไฟที่อยู่ในถ้ำเหลือเพียงแค่ถ่านไฟ และมีควันลอยขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นรุ่งสางไป๋อวี้ถังนอนไม่หลับทั้งคืน จนกระทั่งชั่วยามสุดท้ายถึงได้นอนหลับแบบตื้นๆทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกๆดังมาจากด้านนอกถ้ำ ไป๋อวี้ถังกระตุกคิ้วเล็กน้อย ค่อยๆลืมตาขึ้นมา พร้อมกับแววตาที่เยือกเย็น“ ใต้เท้า ข้าน้อยมาช่วยเหลือล่าช้าเกินไป ใต้เท้าได้โปรดลงโทษด้วย!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ข้างหูของไป๋อวี้ถัง เจตนาฆ่าในดวงตาของเขาจึงค่อยๆลดลงองครักษ์ลับจำนวนนับไม่ถ้วนยืนอยู่นอกถ้ำ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากไป๋อวี้ถัง พวกเขาทั้งหมดทำได้แค่ยืนอยู่ข้างนอกที่รออยู่ข้างนอก คือองครักษ์ลับที่เขาฝึกฝนมาเป็นอย่างดีไป๋อวี้ถังหันไปด้านข้าง พยายามปลุกหลินซวงเอ๋อร์ให้ตื่นในเวลานั้น หลินซวงเอ๋อร์ยังคงหลับสนิทอยู่ มีเมฆสีแดงสองก้อนอยู่บนแก้มของนาง ดูไปแล้วน่ารักมากไป๋อวี้ถังเรียกนางเบาๆอยู่ครู่หนึ่ง แต่นางก็ไม่ตอบสนอง แต่ลมหายใจของนางกลับค่อยๆหนักขึ้นจากนั้นเขาถึงพบว่ามีบางอย่างผิดปกติไป จึงเอื้อมมือออกไปแตะที่หน้าผากของนาง ก็ตกใจที่พบว่าหน้าผากของนางร้อนมาก ร่างกายของนางก็ร้อนเช่นกันนางมีไข้สูงตั้งแต่เมื่อไหร่?สมควรตาย!
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 262

หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนสอนตงเหมยเขียนด้วยตนเอง แม้ว่าจะเขียนสะเปะสะปะ และมีการเขียนผิดจำนวนมาก แต่เยี่ยเป่ยเฉิงก็ยังสามารถจดจำมันได้นางเขียนเต็มหน้าหน้ากระดาษ เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เกี่ยวกับหลินซวงเอ๋อร์ให้เขาฟังรวมทั้งหลินซวงเอ๋อร์หายตัวไปได้อย่างไร และถูกไป๋อวี้ถังช่วยชีวิตกลับมาอย่างไร ตงเหมยเล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดในตอนท้ายของจดหมาย ตงเหมยกล่าวว่า หลินซวงเอ๋อร์ป่วยหนักกว่าเดิม และมีไข้สูงตลอดเวลา ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้นางพักอยู่ที่จวนไป๋ ไป๋อวี้ถังดูแลนางเป็นอย่างดี แล้วบอกเขาว่าไม่ต้องกังวลมากจนเกินไป...เยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองจดหมายเป็นเวลานาน นัยน์ตาสีดำเหมือนสระน้ำเย็นที่ไร้ก้นบึ้ง เขาอดไม่ได้ที่จะกำมือขนาดใหญ่ของเขาเอาไว้แน่น จนเส้นเลือดดำทะลักออกมา และค่อยๆขยำจดหมายที่อยู่บนฝ่ามือทีละน้อยเขาจากไปแค่เพียงครึ่งเดือน ก็มีคนกล้าท้าทายอำนาจของตนแล้ว! ไม่เห็นคำพูดของเขาอยู่ในสายตาจริงๆ!นัยน์ตาอันโฉบเฉี่ยวของเยี่ยเป่ยเฉิงมืดมิดราวกับหมึก ใบหน้าของเขาก็ควบแน่นเป็นน้ำแข็งทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา ทหารท
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 263

หนานหยางเสียงแตร และกลองสงครามดังขึ้น ธงปลิวไสวปลิวไปตามสายลมในช่วงกลางดึก จู่ๆเยี่ยเป่ยเฉิงก็ออกคำสั่งโจมตีอย่างเต็มกำลัง ล้อมรอบภูเขาทั้งหมดเอาไว้ และเข้าปราบปรามทุกทิศทุกทาง!โจรที่ติดอยู่ในภูเขาก็เหนื่อยล้าหมดแรง ประกอบกับเยี่ยเป่ยเฉิงได้ตัดอาหารและน้ำพวกเขาก่อนหน้านี้ พวกเขาจึงไม่สามารถตอบโต้การโจมตีอย่างกะทันหันของทหารได้ในไม่ช้า พวกโจรที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาถูกบังคับให้ไปที่เชิงเขาทีละคน พวกเขาต่อต้านอย่างสุดกำลัง ราวกับผีเสื้อกลางคืนที่บินเข้าไปในเปลวไฟ และต่อสู้อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันเป็นครั้งสุดท้ายหนานหยางตั้งอยู่จุดเชื่อมต่อของสามดินแดน ทำให้มีเรือจากทั่วทุกแห่งหนมาทำการค้าที่นี่ ทรัพยากรของยุคนี้อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ทำให้จำนวนโจรในยุคนี้มีมากเช่นเดียวกัน!พวกเขายึดครองพื้นที่บนภูเขา และทำความชั่วมาหลายปี จึงกลายเป็นความกลัดกลุ้มของราชสำนักมาตั้งนานแล้วราชสำนักได้ส่งกองทหารมาปิดล้อมปราบปรามอยู่หลายครั้ง แต่พวกเขาเป็นเหมือนวัชพืชที่เกิดขึ้นมาไม่จบไม่สิ้น ตราบใดที่ยังมีปลาเล็ดลอดออกจากอวนไปได้ ก็จะมีโจรกลุ่มใหญ่ในปีหน้า! ด้วยเหตุนี้ ราชสำนักจึงปั่นป่วน จึงต้องให
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 264

เสิ่นป๋อเหลียงมาฝังเข็มให้หลินซวงเอ๋อร์เพื่อขจัดความเย็นในร่างกายตามปกติ ในที่สุดไข้ของนางก็ลดลงแล้ว แต่นางยังคงอ่อนแอมาก และมีสีหน้าที่ซีดเซียวสุดขีด กินอะไรก็ไม่อร่อยเพื่อทำให้หลินซวงเอ๋อร์สามารถกินอะไรได้บ้าง ตงเหมยจึงไปต้มโจ๊กที่ห้องครัวให้หลินซวงเอ๋อร์หนึ่งชามแต่หลินซวงเอ๋อร์ไม่อยากกิน หลังจากกินไปได้คำหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะอาเจียนออกมาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาตั้งแต่นางป่วย ทุกวันนอกจากดื่มน้ำนิดหน่อยแล้ว ก็ไม่ได้กินอาหารหลักอื่นๆเลย ตอนนี้นางจึงท้องว่าง ทำให้ไม่สามารถกินสิ่งเหล่านี้ได้เสิ่นป๋อเหลียงให้ตงเหมยป้อนน้ำให้นางก่อน รอให้พลังงานในร่างกายฟื้นตัวแล้ว ค่อยป้อนอาหารหลักที่ย่อยง่ายให้นางตงเหมยจำคำแนะนำทั้งหมดของเสิ่นป๋อเหลียงเอาไว้ในใจหลินซวงเอ๋อร์นอนอยู่บนเตียง ริมฝีปากซีดเผือด นางมองตงเหมยที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยนัยน์ตาที่เปิดครึ่งหนึ่ง เสียงของนางอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง: " ตงเหมย ท่านอ๋องจะกลับมาเมื่อไหร่? เขาตอบจดหมายของข้าแล้วหรือยัง? "ในเวลานั้น ไป๋อวี้ถังกำลังผลักประตูเข้าไป ทันทีที่เข้าไป ก็ได้ยินสิ่งที่หลินซวงเอ๋อร์พูด และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจตอนที่น
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 265

หลินซวงเอ๋อร์วิ่งเร็วเกินไป จึงสะดุดล้มลงกับพื้น ทำให้เข่าบวม และฝ่ามือถลอกนางไม่ได้ร้องไห้ ปัดฝุ่นแล้วลุกขึ้นมาจากพื้น ฝืนยิ้มใส่ไป๋อวี้ถังที่กำลังจะรีบเข้าไปช่วยนาง แล้วพูดว่า "พี่ไป๋ ข้าไม่เจ็บ"เดิมทีไป๋อวี้ถังอยากจะเข้าไปพยุงนาง แต่เมื่อเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงรีบวิ่งเข้าหาพวกเขาอย่างเร่งรีบ ก็ระงับความอยากที่จะก้าวไปข้างหน้าของตนเอาไว้ แล้วยืนอยู่ที่เดิม หลังจากนั้นก็มองหลินซวงเอ๋อร์ลุกขึ้นมาจากพื้น แล้ววิ่งไปหาเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างโซซัดโซเซและดูเหมือนว่า เขาจะเป็นเพียงคนนอกภายใต้แสงแดด เยี่ยเป่ยเฉิงสวมชุดสีดำและมีผมดำขลับ ใบหน้าของเขาเงียบขรึม ไม่งดงามเย็นชาเหมือนเช่นเคย แถมเนื้อตัวยังเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเนื่องจากเดินทางไกล เนื่องจากเขาเพิ่งจะทำสงครามเสร็จ จึงทำให้มีจิตสังหารอันเย็นยะเยือกทั่วทั้งร่างกายตอนที่เข้าไปในจวนเมื่อสักครู่นี้ ความรู้สึกกดดันที่อยู่บนร่างกายของเขาทำให้สภาพแวดล้อมรอบตัวตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีคนรับใช้ในจวนกล้าเข้ามาพูดคุยกับเขาเลย พวกเขาเอาแต่ก้มหน้า และอยู่ห่างจากเขาเท่านั้นแต่หลินซวงเอ๋อร์ไม่กลัวเขา ในขณะนี้ความกล้าหาญของนางสูงเสียดฟ้า เมื่อเห็นเยี่ยเป่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 266

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็มีเสียงฝีเท้าที่มั่นคงเดินเข้ามาหานางทันใดนั้นดวงตาอันมืดมนของหลินซวงเอ๋อร์ก็สว่างขึ้นอีกครั้ง นางเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นร่างของเยี่ยเป่ยเฉิงกำลังเดินเข้ามาหานางไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมสีขาวนวลมาจากที่ไหน ทำให้จิตสังหารอันเยือกเย็นบนร่างกายเบาบางลงเล็กน้อย บนร่างกายยังเผยบุคลิกที่สูงส่งเย็นชาออกมาด้วย เคร้าโครงหน้าเหมือนประติมากรรม ตั้งแต่คิ้วตาไปจนถึงสันจมูก มาจนถึงริมฝีปากเอาเรียวบาง ลายเส้นคมลึกชัดเจน โดดเด่นเป็นสง่ามากหลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ร่างกายแข็งทื่ออยู่กับที่ ไม่ขยับเขยื้อน แล้วมองดู เยี่ยเป่ยเฉิงเดินไปหานางทีละก้าวลมแห่งสารทฤดูพัดชายเสื้อที่สะอาดสะอ้านของเขา ในรูม่านตาที่ลึกล้ำเหมือนหมึกของเขา มีกระแสน้ำซัดซาด แล้วม้วนซัดตัวนางจากนั้นก็มีคนมาอยู่ที่ตรงหน้า โดยที่ไม่รู้ตัวเยี่ยเป่ยเฉิงมองหลินซวงเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า และมองเห็นแสงแห่งความคาดหวังในนัยน์ตาที่บริสุทธิ์สุกใสของนาง“ตอนนี้สามารถกอดได้แล้ว” เขาเอ่ยปากพูด ในน้ำเสียงที่ทุ้มลึกแฝงไปด้วยความแหบแห้งอย่างอธิบายไม่ถูกเขารีบกลับจากหนานหยางแบบไม่ได้แวะพักเลย พอเข้าประต
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 267

จู่ๆเยี่ยเป่ยเฉิงก็กลับเมืองหลวง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในจวนโหวประหลาดใจเป็นอย่างมากตามแผนการแล้ว เยี่ยเป่ยเฉิงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าวันถึงจะสามารถกลับเมืองหลวงได้ ตอนที่พ่อบ้านเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงอยู่นอกประตูจวน เขาก็อดตกใจไม่ได้ จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่เรือนด้านหน้าเพื่อรายงานกงชิงเยวี่ยตามการปฏิบัติที่ผ่านมา เยี่ยเป่ยเฉิงจะต้องกลับวังไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิก่อน จากนั้นค่อยกลับมาที่จวนโหว พอเขากลับมาที่เมืองหลวง คนที่อยู่จวนโหวจะมารอรับอยู่ที่หน้าประตูจวนมีเพียงครั้งนี้ ที่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับมาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลย จึงทำให้คนที่อยู่ในจวนประหลาดใจเป็นอย่างมาก“ ท่านอ๋องกลับจวนแล้ว ท่านอ๋องกลับจวนแล้ว”ผ่านไปได้ครู่หนึ่ง คนรับใช้ในจวนก็พากันเร่งรีบจนทำอะไรไม่ถูกม้าของเยี่ยเป่ยเฉิงหยุดอยู่ที่หน้าประตูจวนอย่างสบายๆ ขาอันเรียวยาวของเขาก้าวลงมาจากหลังม้า หลินซวงเอ๋อร์ยังไม่ทันได้ตอบสนอง เขาก็เอื้อมมือออกไปโอบเอวแล้วอุ้มนางเอาไว้พอได้อุ้มเขาก็ไม่ปล่อยอีกเลย จากนั้นก็อุ้มนางก้าวเท้าเข้าไปในประตูจวนเขาคิดที่จะอุ้มนางเข้าไปในจวนอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้“ ท่านอ๋อง ท่านรีบปล่อยข้าลงเร็ว ข้าเด
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 268

เสียงของเยี่ยเป่ยเฉิงเบามาก เสียงต่ำทุ้มรุ้มเร้าดังก้องอยู่ข้างหูของนาง: " ข้าเหนื่อยมากจริงๆ ดังนั้น ตอนนี้ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ "ในขณะที่พูด เขาก็อุ้มหลินซวงเอ๋อร์เอาไว้แล้วเตะเปิดประตูเรือนอวิ๋นซวน หลังจากเข้าไปในเรือนแล้ว เขาก็ใช้เท้าเกี่ยวอีกครั้ง แล้วปิดประตูอย่างแรงเหลินซวงเอ๋อร์สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาก็วางนางลงบนเตียงแล้วเยี่ยเป่ยเฉิงโน้มตัวลงไป กระซิบข้างหูของนาง: " ซวงเอ๋อร์ เจ้าบอกว่าพอข้ากลับมาแล้ว จะปลอบใจข้าให้เต็มที่ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว เจ้าก็ควรจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ใช่หรือไม่? "จากนั้น ม่านเตียงก็ปิดลง เขากดนางไว้ที่บนเตียง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความปรารถนาตอนนี้หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัวจริงๆ ร่างผอมอันผอมเพรียวอดไม่ได้ที่จะหดตัวอยู่ตรงมุมสายตาของเยี่ยเป่ยเฉิงแทบอยากจะกลืนกินนางทั้งตัวนางเคยบอกว่าจะปลอบใจเขาให้เต็มที่จริงๆ แต่สิ่งที่นางหมายถึงไม่เหมือนกับสิ่งที่เยี่ยเป่ยเฉิงเข้าใจ" ท่านอ๋อง...ข้าหมายถึงว่ จะปรนนิบัติรับใช้ท่านอ๋องเป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่การปรนนิบัติรับใช้แบบนี้... "ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหลังจากที่เยี่ยเป่ยเฉิงจากไปแล้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 269

หลินซวงเอ๋อร์ไอสองสามครั้ง ลมหายใจของนางเริ่มไม่เสถียรเล็กน้อยไข้ของนางเพิ่งลดลง เดิมที่ร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้ว จึงไม่สามารถต้านทานการทรมานของเยี่ยเป่ยเฉิงได้เมื่อมองดูสีหน้าที่ซีดเซียวของนาง เยี่ยเป่ยเฉิงจึงทำได้แค่ระงับความปรารถนาที่อยู่ในใจของตนเองเอาไว้เขาพลิกตัวแล้วดึงตัวออกจากบนตัวของหลินซวงเอ๋อร์ แล้วนอนตะแคงข้างนางหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้น และความรู้สึกกดดันนั้นก็หายไปทันทีนางหันศีรษะไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง ก็เห็นว่าเขาหลับตาลงเล็กน้อย ทำท่าทางราวกับว่าเหนื่อยสุดขีด“ ท่านอ๋อง ท่านพักผ่อนก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะออกไปก่อน” ขณะที่หลินซวงเอ๋อร์กำลังจะลุกขึ้น ก็เห็นชายที่อยู่ข้างๆตะแคงข้าง แล้วใช้แขนโอบเอวของนางไว้ทันที จากนั้นก็เอานางมาไว้ในอ้อมแขนเขาค่อยๆลืมตา มองดูนางอย่างลึกซึ้ง และพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า: "ถ้าเจ้ายังขยับอีกครั้ง ข้าอาจจะทนไม่ไหว"ความปรารถนาพุ่งพล่านในดวงตาของเขา และความต้องการที่จะครอบครองนางรุนแรงมากยิ่งขึ้นหลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าขยับตัว แนบตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างเชื่อฟังเยี่ยเป่ยเฉิงหลับตา ในสมองของเขาเต็มไปด้วยรูปร่างหน้าตาของหลินซ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 270

ในตอนดึกจวนหย่งอันในตรอกซอยลานหลังจวน มีร่างร่างหนึ่งมองไปบริเวณรอบๆอย่างลับๆล่อๆ เมื่อไม่เห็นใคร ก็คิดที่จะหลบหนีออกจากจวนผ่านประตูทางด้านหลังคิดไม่ถึงว่า ทันทีที่ผลักประตูไม้หนักๆออก ก็มีดาบอันคบกริบด้ามหนึ่งพาดอยู่บนคอของนางเสวียนอู่เดินออกจากด้านข้างประตู ในมือดืโดยถือดาบยาวไว้ในมือ ดาบยาวอันวาววับภายใต้แสงจันทร์ น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก“ ท่านป้าหลี่ ดึกมากแล้ว ท่านจะไปไหนหรือ?”สีหน้าของท่านป้าหลี่ซีดเผือดลงทันที และไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอีก ขาทั้งสองข้างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทา"ไม่...ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้าเลย ขาไม่ได้ขายสาวใช้คนนั้น..."เสวียนอู่พูดอย่างเย็นชาว่า: "ข้ายังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย ท่านก็สารภาพของมาเองแล้วหรือ?"สีหน้าของท่านป้าหลี่ซีดลง น้ำเสียงก็เริ่มสั่น: "เจ้า... เจ้าคิดที่จะทำอะไร? ฉันอยากจะพบนายหญิง... "เสวียนอู่เอาแขนของท่านป้าหลี่ไขว้เอาไว้ด้านหลัง แล้วพานางไปที่ห้องโถงด้านหน้า: "บังเอิญว่า ท่านอ๋องก็อยู่ด้วย ไปพบพร้อมกันเลยดีกว่า!"เมื่อท่านป้าหลี่ได้ยินดังนี้ ก็ตกใจมากจนแทบจะเป็นลมทันที“ไม่ ข้าไม่อยากพบท่านอ๋อง ข้าลาออกกับนายหญิงแล้ว ข้าจะเ
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
2526272829
...
63
DMCA.com Protection Status