All Chapters of ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง: Chapter 11 - Chapter 20

938 Chapters

บทที่ 11

เมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้นี้ ผู้สูงอายุใหญ่ก็ขมวดคิ้วรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้สูงอายุสามแข็งทื่อ "เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร จวนของข้าจะขาดแคลนยาของเสี่ยวจิ่วได้เช่นไร ทว่าข้ายังคงขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน"จั๋วซือหราน "ขอบพระทัยท่านอ๋องแทนข้าด้วย"“ขอรับ เมื่อข้าส่งมอบของเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับไปรายงานเดี๋ยวนี้ ข้าขอลา และข้าขอคุณหนูจิ่วหายดีเร็ว ๆ ขอรับ”หลังจากผู้ติดตามของตระกูลเฟิงจากไปผู้สูงอายุใหญ่กล่าวอย่างเคร่งขรึม "ผู้ใดเข้ากะของคลัง นำตัวมา"จั๋วซือหรานยิ้มอย่างสงบ นางกล่าวว่า "ผู้อาวุโสใหญ่เจ้าคะ ผู้ที่ดูแลคลังของจวนแค่มองว่าใครมีฐานะสูงกว่ากัน และจะฟังคำสั่งของคนผู้นั้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากใครบางคน ก็จะมิกล้าทำเช่นนี้หรอก"ผู้อาวุโสใหญ่"ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคับแค้นอยู่ในใจ เจ้าได้สสั่งสอนเสี่ยวลิ่วแล้ว เจ้าก็ยกโทษให้นางไปเสีย อย่าทำให้คนภายในตระกูลเสียความรู้สึกต่อกันเลย "จั๋วซือหรานพูดต่อ "หนูเทียบกับพี่ลิ่วมิได้หรอก นางยุยงให้คนนอกทำหนอนพิษกู่ใส่ข้า การกระทำเช่นนี้ ข้ายังไม่เรียกร้องความยุติธรรมเลย"“ทั้งหมดนี้ไม่มีที่เป็นยหลักฐานอันใด เหตุใดจึงต้องทำร้ายความส้มพัน
Read more

บทที่ 12

ที่จริงแล้วเฟิงเหยียนไม่มา จั๋วซือหรานกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมากนางมีเวลาว่างพอดี นางจะได้วิเคราห์ชะตากรรมเดิมของเจ้าของร่างเดิมที่อยู่ในหัวในชะตาเดิมของเจ้าของร่าง เวลานี้นางได้แต่งงานกับฉินตวนหยางแล้ว ซึ่งตามมารยาท นางไม่ได้มาร่วมงานดอกไม้ในวังแน่นอน รู้เพียงในงานดอกไม้ครั้งนี้ จั๋วหรูซินทดลองยาให้ไทเฮาด้วยตัวเอง เพราะไทเฮานอนติดเตียงเป็นเวลานาน และนางได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นเสียงเอกฉันท์แต่ ณ ตอนนี้ หลังจากงานเลี้ยงเริ่มต้นได้ไม่นาน จั๋วหรูซินก็ลุกขึ้น“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันทราบมาว่า ไทเฮาทรงประชวรนอนติดเตียงมานานแล้ว ซึ่งทำให้ท่านกังวลเป็นอย่างมาก...”แต่โครงเรื่องต่อไปไม่ได้เป็นไปตามโครงเรื่องเดิมเนื่องจากจั๋วหรูอหรานเปลี่ยนบทสนทนา "น้องสาวจิ่วของหม่อมฉันมีพรสวรรค์อย่างมาก มากเสียจนสามารถรักษาตัวจากแส้หนามของครอบครัวได้ภายในหนึ่งหรือสองวันหลังจากได้รับเฆี่ยนตีเก้าครั้ง ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังทางจิตวิญญาณ หากนางได้เป็นผู้ทดลองยายาของไทเฮา อาการเจ็บป่วยของไทเฮาจะหายขาดในไม่ช้า”ก่อนเข้าร่วมงานดอกไม้ในวัง บิดาและผู้อาวุโสสามให้นางเสนอจั๋วซือหรานให้เป็นผู้ทดลองยาให้แก่
Read more

บทที่ 13

ตำหนักหย่งโซ่วเมื่อครึ่งเดือนก่อน ไทเฮาจู่ ๆ ก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหันและตกอยู่ในอาการขั้นร้ายแรงเมื่อฮองเฮาพาคนมาที่ตำหนักหย่งโซ่ว แม่นมยวี่ที่อยู่เคียงข้างไทเฮาก็ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อนางรู้ว่า จั๋วซือหรานมาที่นี่เพื่อวินิจฉัยและรักษาไทเฮา ดวงตาของแม่นมยวี่เป็นประกาย แต่ก็หรี่ลงอย่างรวดเร็วฮองเฮาจะใจดีขนาดนี้ได้อย่างไรนางยังเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูจั๋วจิ่วมาก่อน คนเล่ากันว่า คุณหนูจั๋วจิ่วมีความอัจฉริยะ แต่น่าเสียดายที่คุณหนูจั๋วจิ่วเป็นคนของตระกูลจั๋ว มีใครหรือที่มิทราบว่า แท้จริงแล้วตระกูลเหยียนเป็นหมอเทวดาตั้งแต่บรรพบุรุษหรือ ตระกูลจั๋วไม่เคยมีใครรับตำแหน่งเป็นคุณหมออย่างจริงจังเลยเหยียนชาง ผู้เป็นหัวหน้าของห้องหมอหลวงยืนอยู่ข้าง ๆ "จั๋วจิ่ว เจ้าพูดเบาเลยนะ เจ้ามีวิชาหมอด้วยหรือ"เขาเชื่อจั๋วจิ่วไม่มีปัญญารักษาไทเฮาได้ และเนื่องจากเรื่องอื้อฉาวเมื่อไม่นานมานี้ เหยียนชางดูถูกจั๋วซือหรานอย่างมากจั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ข้าพอรู้มานิดหน่อย ขอแสดงฝีมืออันน่าอับอายเสียหน่อย"นางยกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นมือออก มือของนางขาวราวหยก นิ้วของนางอยู่ห่างจากผิวหนังข้อมือของ
Read more

บทที่ 14

เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่ไทเฮาพูด ทุกคนก็อดไม่ได้ที่ต้องมองไปที่ท่านอ๋องเฟิงเฟิงเหยียนมองจั๋วซือหรานอย่างไม่กระตือรือร้นจั๋วซือหรานรู้สึกดวงตาที่เย็นชาและลึกล้ำของชายคนนี้ดูเหมือนสื่อสานได้ ราวกับว่า เขากำลังเยาะเย้ยนางอย่างเงียบ ๆ เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยนางตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง และนางกลับคำพูดของนางทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันก่อน นางยังบอกเขาว่า จะไม่กวนเขาและจะไม่ให้เขารับผิดชอบจั๋วหรูซินกำลังอยากโล่งอก อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องคู่กับฉินตวนหยางแต่นางยังไม่ทันโลง่อก และจั๋วซือหรานจะไม่ยอมให้นางสมหวังแน่นอน "ขอบพระทัยที่ไทเฮาเมตตา แต่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการไม่ใช่พระราชโองการการสมรสกับท่านอ๋องเฟิงเพคะ"ทันใดนั้นจั๋วหรูซินตกตะลึงจนดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น และนางก็จ้องมองไปที่จั๋วซือหรานไทเฮาตรัสว่า “หรือ”จั๋วซือหรานยังคงสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของชายคนนั้น สายตานั้นราวกับเป็นประกาย เหมือนมีไฟลุกอยู่แผ่นหลังของนาง แต่เมื่อคิดถึงภัยคุกคามครั้งก่อนของผู้อาวุโสใหญ่ นางทำได้เพียงกัดกระสุนและพูดซ้ำสิ่งที่นางพูดในวันงานเลี้ยงแต่งงาน "หม่อมฉันมีความรักที่หยั่งรากลึกต่อท่านอ๋องเฟิงโดยไม
Read more

บทที่ 15

“ไร้... ไร้สาระ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้” จั๋วหรูซินพูดตะกุกตะกัก นางแอบเกลียดจั๋วซือหรานที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนเฉียบคมขนาดนี้ในความเป็นจริง ตั้งแต่วินาทีที่คุณท่านจั๋วลิ่วเห็นนางดึงกระกระบี่เสวียนเหยียนออกมา จั๋วซือหรานเห็นทัศนคติที่เขามีต่อนาง จั๋วซือหรานก็รู้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ ช่วงสองวันที่นางฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นางหาเวลาสอบถามข้อมูลบางอย่างด้วยพลังทางจิตวิญญาณของตระกูลเฟิง ผู้ที่มีพรสวรรค์มากเท่าใด จะมีฤทธิ์ร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้น ฤทธิ์ร้ายแรงนั้นไม่เพียงเป็นภาระต่อผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นภาระตนเองด้วยดังนั้นลูกหลานของตระกูลเฟิงจึงมีอายุได้ไม่นาน และยิ่งมีความสามารถมากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งมีอายุน้อยลงเท่านั้นหากทุก ๆ ลูกหลานเป็นเช่นนี้ตลอด ตระกูลเฟิงจะถูกกำหนดให้พังพินาศหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลเฟิงพยายามหาวิธีเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ตระกูลเหยียนเก่งด้านการแพทย์และการใช้ยา ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงกลายเป็นเป็นหมอประจำของตระกูลเฟิงห้องกระบี่ประจำตระกูลออกแบบกระบี่ให้เป็นอาวุธประจำตระกูล และยังใช้เป็นตราประทับและเครื่องที่รองรับพลังด้วยดังนั้นบุตรหลานของตระกูลเ
Read more

บทที่ 16

“แล้วล่ะขอรับ” เขาพูดเบา ๆจั๋วซือหรานตอบ "ดังนั้นพวกเราควรเลือกสิ่งที่เราต้องการ มาร่วมมือกัน"เฟิงเหยียนเลิกคิ้ว "ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือเช่นไร เจ้ามีอะไรที่ข้าต้องการหรือ"ดวงตาของจั๋วซือหรานสว่างเป็นประกาย นางมองเขาอย่างแน่วแน่ "อะไรที่เหยียนฉีไม่สามารถรักษาเจ้าได้ บางทีข้าอาจจะรักษาได้"เมื่อเฟิงเหยียนได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาหรี่ตาลง เดิมทีมือของเขางวางบนกระบี่ประจำตระกูลที่เอวอย่างไม่ได้ตั้งใจที่ ทีนี้นิ้วหัวแม่มือดันด้ามมีดเล็กน้อย ใบมีดอันแหลมคมที่ประกายความหวาดกลัวนั้นปรากฏส่วนอันสั้นจากฝักหระบี่มันยาวเท่ากับนิ้วหัวแม่มือของมนุษย์เท่านั้นเองความอาฆาตจั๋วซือหรานรู้สึกถึงแรงผลักดันที่พุ่งออกมาจากเขาอย่างชัดเจนเขาคู่ควรกับการเป็นอัจฉริยะที่ตระกูลเฟิงไม่เคยพบและไม่เคยเห็นมานานนับศตวรรษแข็งแกร่ง เสียจริงคนขับรถม้าเกือบจะฉี่รด เขาตัวสั่น และถอยไปด้านหลังสองสามก้าว“นี่คือสิ่งที่จั๋วลิ่วบอกเจ้าในเมื่อสักครู่หรือ” เฟิงเหยียนพูดอย่างเย็นชาจั๋วซือหรานพูด "นางไม่ต้องบอกข้า ขาก็เดาออกได้"จากปฏิกิริยาของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานรู้นางเดาถูก นางลดสายตาลงและมองขาอันยาว
Read more

บทที่ 17

บ้าระห่ำจั๋วซือหรานชอบคนบ้าระห่ำเช่นนี้ นางรู้สึกเจอคนประเภทเดียวและเกิดความรู้สึกการเอ็นดูเฟิงเหยียนเดินจากไปแล้ว และนางคิดชื่อจากคำพูดของเขา “จั๋วเสี่ยวจิ่ว(จิ่วหมายถึง เลข เก้า ในภาษาไทย)หรือ ดีแล้วข้าไม่ได้เปิดเป็นบุตรคนที่สองของตระกูล...ไม่อย่างนั้น ก็จะดูเหมือนคนรับใช้ที่ร้านแล้ว”“จิ่ว...คุณหญิงจิ่วขอรับ” คนขับรถม้าเดินเข้ามาอย่างสั่นเทา “กลับ..กลับตอนนี้หรือขอรับ”"เจ้าค่ะ กลับเถอะ" จั๋วซือหรานเห็นคนขับรถม้าไสั่นเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่ต้องสงสายและถาม"เจ้าหนาวหรือ"คนขับหดคอลงจนเกือบจะร้องไห้ "เมื่อครู่นั้น ท่านอ๋องเฟิงทำเช่นนั้น...ข้า..ข้าน้อยกลัวแทบจะตาย"จั๋วซือหรานนึกถึงเจตนาฆ่าของเฟิงเหยียนที่เขาประกายในเมื่อครู่ คนทั่วไปรับพลังนั้นไม่ไหวเสียจริงนางยกมือขึ้นแล้วโบกมือให้คนขับรถม้า คนขับรถม้ารู้สึกมีสายลมพัดมาบนใบหน้าของเขา และความรู้สึกการกดขี่ที่น่ากลัวก่อนหน้านี้ก็หายไป*ในห้องส่วนตัวจั๋วซือหรานหรี่ตาลงและจ้องมองไปที่แหวนสีแดงเข้มที่เรียบง่ายบนนิ้วชี้ของมือขวาของนาง มันคือแหวนเสวียนเหยียนจริง ๆแต่นางไม่เข้าใจ“ทำไมถึงตามข้ามา” จั๋วซือหรานพึมพำจิตวิญญาณเ
Read more

บทที่ 18

บรรยากาศอันแสนอบอุ่นแตกสลายทันทีสีหน้าของจั๋วซือหรานแข็งค้าง ใช่แล้ว เจ้าของร่างเดิมและจั๋วหวายต่างก็เป็นลูกของผู้บัญชาการทหาร และพวกเขาไม่สนใจเรื่องเรียนเลยจริง ๆ หากให้พวกเขาเขียนหนังสือเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม( 1 ชั่วยาม=2 ชั่วโมง) พวกเขายอมฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสามชั่วยามมากกว่า"ไม่เอาก็ต้องเอา" ความอ่อนโยนบนใบหน้าของจั๋วซือหรานในก่อนหน้านี้หายไป “เจ้าคิดว่าข้าชิงโอกาสเข้าเรียนในวังได้ ง่ายมากเลยหรือ คนอื่นอยากไปเรียนแต่ไปไม่ได้ แต่เจ้าต้องไป ไม่เช่นนั้น ฮึม ๆ ”จั๋วซือหรานกำหมัดของนาง ข้อต่อนิ้วของนางมีเสียง กร๊อบ ตั้งขึ้นจั๋วหวายเป็นผู้ที่หากไม่ใช้ความรุนแรงกับเขา เขาจะไม่ร่วมมือ เวลานี้ เขาถูกพี่สาวสั่งสนอย่างเชื่อง เขาจึงทำได้เพียงขมวดคิ้วตอบตกลงไป“ข้าจะไปบอกท่านแม่เรื่องนี้ หากพวกเราสองคนได้ไปเรียนที่วังได้ ท่านแม่ต้องดีใจแน่นอน”อวิ๋นเหนียงดีใจมากจริง ๆ แม้ว่าตระกูลทางบ้านนางจะไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่ก็เป็นตระกูลที่สืบทอดความรู้และวัฒนธรรมประเภณีอันดีงามจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลานทว่านางแต่งงานกับผู้รู้ศิลปะการต่อสู้ และนางให้กำเนิดลูกชายและลูกสาวที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ โดยเ
Read more

บทที่ 19

องค์ชายเจ็ดของปัจจุบัน ซือคงเซี่ยน เป็นถึงท่านชินอ๋องที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดท่านแม่เป็นนางสนมผู้สูงศักดิ์ เขามีฐานะสูงส่งตั้งแต่เกิด เขาคงไม่เคยคิดหรอกว่รา สักวันหนึ่ง เขาจะถูกห้ามไว้หน้าประตูเรือนซือคงเซี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้น เคาะประตูของสวนจี๋หย่าย่วนเบา ๆหลังจากนั้นไม่นาน มีคนเปิดประตูออก และมีหัวของผู้คนยื่นออกจากด้านใน คนนั้นถามด้วยความสงสัย “ท่านเป็นใคร ท่านต้องมาพบใครเจ้าคะ”“ไม่ทราบว่าคุณหนูจั๋วจิ่วอยู่หรือเปล่า” ซือคงเซี่ยนถามอย่างอ่อนโยนฝูซูเป็นคนโง่เขลา นางก็ลืมถามถึงตัวตนของอีกฝ่าย เมื่อได้ยินว่าตามหาคุณหนูง นางรีบโบกมือแล้วพูดว่า “คุณหนูป่วย ไม่พบใครเจ้าค่ะ”ซือคงเซี่ยนยังไม่ทันพูดอะไรอีก ประตูลานก็ถูกปิดลงซือคงเซี่ยนตกตะลึง ยืนอยู่ที่นั่นและขำในสวนจี๋หย่าย่วน ฝูซังเดินออกจากห้องครัวแล้วถามฝูซูว่า "นั่นใคร"“ไม่รู้สิ คนนั้นหาคุณหนู”ฝูซังขมวดคิ้ว "อย่างน้อย เจ้าควรถามหน่อยว่า เขาเป็นใคร"นางรีบไปเปิดประตูลาน และเห็นคุณชายที่สง่างามบังคงยืนอยู่ข้างนอก "ท่านเป็นใครเจ้าคะ มาหาคุณหนูมีธุระอันใดหรือเจ้าคะ"“ข้าแซ่ซือคง ซือคงเซี่ยน
Read more

บทที่ 20

ทันทีที่พระราชกฤษฎีกานี้ออกมา สิทธิ์ทั้งสองที่สัญญาไว้กับจั๋วซือหรานนั้นเป็นสิทธิ์ของพวกเขาอย่างแน่นอน แม้ว่านางตั้งใจจะมอบสิทธิ์นั้นกับคนอื่นก้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้าคนอื่นต้องการแย่งสิทธิ์นั้น อย่างหวังเลยดังนั้นเมื่อจั๋วซือหรานมาที่ห้องโถงด้านหน้าเพื่อรับพระราชโองการ สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสก็ซีดขาวเมื่อจั๋วซือหรานเห็นพวกเขาไม่สบายใจ จั๋วซือหรานก็รู้สึกมีสบายใจขึ้น ในที่สุดความโกรธที่นางได้รับในห้องโถงนี้ในตอนเช้าก็บรรเทาลบุคคลที่มาประกาศกฤษฎีกาคือองค์ชายเจ็ด ซือคงเซี่ยน ซึ่งนางได้พบเขาในตอนเช้าหลังจากที่เขาประกาศกฤษฎีกาแล้ว เขาก็ยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "คุณจั๋วจิ่ว รับพระราชโองการขอรับ"“หน่อมฉันขอขอบพระคุณในกรุณาธิดา” จั๋วซือหรานกล่าวซือคงเซี่ยนให้นางไม่ต้องทำพิธีเคารพ “เอาล่ะ เจ้าสัญญาว่าจะรักษาไทเฮา ตอนนี้เจ้าได้รับพระราชโองการแล้ว ยังรู้สึกไม่สบายเหมือนตอนเช้าหรือเปล่า”เขาพูดสิ่งนี้ต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโส ซึ่งทำให้กลายเป็นว่า สร้างปัญหาแก่จั๋วซือหรานโดยตรงปรากฎว่า นางแกล้งทำเป็นไม่สบาย และจงใจไม่เข้าไปรักษาไทเฮาที่วังจั๋วซือหรานไม่สนใจคนอื่นจะคิดอย่างไรกับนาง และ
Read more
PREV
123456
...
94
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status