บททั้งหมดของ เจ็ดพี่สาวจอมทะลึ่งของผมทั้งสวยทั้งฮอต: บทที่ 761 - บทที่ 770

1063

บทที่ 761

“ฉันจำหนึ่งในนั้นได้ โจวเล่ยจากนิกายปีศาจ ส่วนอีกคนไม่เคยเห็นมาก่อน” โปเปียวพูดตามจรง ตอนนี้มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปกปิดเอาไว้ แม้ว่าเขาจะทำเช่นนั้น แต่อีกฝ่ายก็จะรู้ทันทีเมื่อพวกเขามาถึง“โจวเล่ย เป็นเธอนั่นเอง” ฉินหยวนไถพูดด้วยรอยยิ้มลึกลับโปเปียวก็มีรอยยิ้มคล้ายๆ กัน ทำให้ฉู่เฉินนึกสงสัย คนคนนี้มีชื่อเสียงขนาดนั้นเลยเหรอ? จากสีหน้าของฉินหยวนไถกับโปเปียวดูเหมือนว่าเธอจะไม่ธรรมดา“พี่ฉู่ คุณอาจไม่รู้ แต่โจวเล่ยค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในสี่จังหวัด” ปู่เบียวอธิบายเมื่อเห็นท่าทางสงสัยของฉู่เฉิน“โอ้ เธอมีชื่อเสียงแบบไหนล่ะ? เธอได้รับการยกย่องถึงความแข็งแกร่งอันยอดเยี่ยมของเธอ?” ฉู่เฉินถาม“นั่นไม่ใช่ จะพูดยังไงดีล่ะ? โจวเล่ยเปรียบเสมือนโสเภณีระดับสูงในซ่องธรรมดา ความงามของเธอทำให้นกตกลงมาจากท้องฟ้า เมื่อมองเธอ”“แต่เธอคนนี้ชอบเสพสมกับผู้ชาย และว่ากันว่าวรยุทธนั้นได้มาจากการดูดพลังภายในของผู้ชาย ถ้าเธอไม่ยุ่งกับผู้ชายสักพัก ความแข็งแกร่งของเธอก็จะลดลง แต่ก็หลายคนในสี่จังหวัดยินดีเป็นช่วยเพิ่มวรยุทธให้เธอ เพราะต้องการเล่นสนุกยามค่ำคืนกับเธอ” โปเปียวอธิบาย“ตามที่เคยได้ยินฉัน พี่โป
Read More

บทที่ 762

ฉินหยวนไถที่อยู่ข้างใน ถึงกับพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง หากไม่รู้เรื่องพฤติกรรมอันฉาวโฉ่ของโจวเล่ย คนอื่นๆ คงจะคิดว่าเขามีความสัมพันธ์พิเศษกับโจวเล่ยมีเพียงฉู่เฉินที่อยู่ข้างในเท่านั้น ที่ไม่ถูกตอแยโดยโจวเล่ย หลังจากนั้นโจวเล่ย ปู่เปียว และเฉินเหนิงลัว เข้ามาในห้องโถงและเหลือบมองที่ฉู่เฉิน ก่อนที่จะเบนสายตาไปทางอื่นแน่นอนว่าเมื่อทั้งสามเข้ามา ห้องโถงก็สว่างจ้าทันที ประตูสลัวแต่เดิมซึ่งมีจุดแสงสีเหลืองเพียงสองดวง สว่างขึ้นทีละจุดจนสว่างครบทั้งห้าดวงทันใดนั้น ประตูก็เปิดออก เผยให้เห็นเพียงความมืดมิดที่อยู่เบื้องหน้า โดยไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ด้านหลังประตูได้ดูดคนห้าคนไปที่ทางเข้า แต่แรงดูดนั้นไม่ได้มีแรงมากนัก หากทั้งห้าคนไม่ต้องการเข้าไป พวกเขาสามารถต้านทานได้แต่เห็นได้ชัดว่านี่คือโบราณวัตถุ อย่างน้อยตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นโบราณสถาน และพวกเขาทั้งห้าคนก็ไม่ขัดขืน ปล่อยให้แรงดูดนี้ ดึงพวกเขาเข้าไปขณะที่ทั้งห้าคนถูกดูดเข้าไปในประตู ภาพรอบๆ ก็เปลี่ยนไป ราวกับว่าพวกเขาเข้าสู่อีกโลกหนึ่งทั้งห้าคนตกลงบนหินทรงกลมสีเขียวขนาดใหญ่ ที่มีลวดลายคล้ายกระสุนปืน มีห้าตอน แต่ละตอนคดเคี้ยวไปสู่สิ่ง
Read More

บทที่ 763

ขณะที่ฉู่เฉินรู้สึกหนักใจและสับสนจากการขัดขืน เขาก็ได้ยินเสียงที่ไม่ชัดเจนดังขึ้นมา มีคนตำหนิเขาด้วยความโกรธ: "เจ้าได้เจอกับเทพเจ้าองค์นี้แล้ว ทำไมเจ้ายังไม่คุกเข่าลงอีก หากเจ้ายอมคุกเข่าลง เจ้ามีเงินทอง สตรีงาม หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ แม้ว่าเจ้าจะอยากให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นในพริบตาก็สามารถทำได้”ฉู่เฉินทำตามหัวใจ และพูดออกไปอย่างไม่ลังเล: "ตลอดชีวิตนี้ ฉันคุกเข่าให้กับแค่ฟ้าและดิน และผู้อาวุโสของฉันเท่านั้น ฉันจะไม่คุกเข่าให้ใครนอกเหนือจากนี้"“เจ้ารู้ไหมว่า เจ้าต้องเสียอะไรไป? เจ้าแน่ใจกับการตัดสินใจของตัวเองแล้วรึ?” เสียงนั้นล่อลวงเขาอีกครั้งแต่ฉู่เฉินไม่ลังเล ต่อต้านอย่างดื้อรั้นและปฏิเสธที่จะคุกเข่าลงยึดมั่นอยู่หน้ารูปปั้นจนหมดสติไป……เส้นทางของโปเปียวก็เหมือนกัน ที่ปลายทางก็มีคล้ายกับสิ่งที่ฉู่เฉินได้เห็น วิหารและรูปปั้นแบบเดียวกัน ความแตกต่างก็คือ เมื่อรัศมีของรูปปั้นแผ่ออกมาเป็นครั้งแรก โปเปียวก็แทบจะต้านทานไม่ไหว แต่เมื่อเผชิญกับสิ่งล่อใจ ก็ตัดสินใจเลือกสิ่งนั้นแทนเขาเลือกที่จะคุกเข่าต่อหน้ารูปปั้น ทันใดนั้น โปเปียวก็รู้สึกว่าความแข็งแกร่งได้พุ่งสูงขึ้นอย่า
Read More

บทที่ 764

เพราะโจวเล่ยที่จงใจปล่อยให้มีชีวิตอยู่ก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ เดินไปหาคนคนนั้น และเมื่อเธอเข้าไปใกล้ร่างกายของคนนั้นเหมือนกับถูกค้อนทุบลงมาอากาศ จากนั้นกระดูกก็แตกเป็นเสี่ยงๆ เลือดไหลออกจากปากของเขา และผิวหนังก็ค่อยๆ หายไป เห็นได้ชัดว่าโจวเล่ยเกลียดคนๆ นี้เข้ากระดูกดำ ซึ่งไม่ต้องการให้เขาตายอย่างรวดเร็ว แต่ต้องการทรมานคนคนนี้ทีละนิดจนตายโจวเล่ยสนุกไปกับความยินดีที่ได้ล้างแค้น กับเรื่องที่ฝังใจมาโดยตลอดของเธอในทำนองเดียวกัน เฉินเหนิงลัวก็ไม่ต้านทานสิ่งล่อใจได้เช่นกัน เขายอมจำนนต่อความปรารถนาในส่วนลึกของจิตใจ เพลิดเพลินกับข้อเสนอที่จูงใจและพลังของนักสู และทำให้สูญเสียตัวตนไปในระหว่างนั้นไปดูเหมือนว่าในฐานะนักสู้อิสระ การมีชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายด้วยความงุนงงไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ฉู่เฉินจึงค่อยๆ ตื่นขึ้นมา วิหารที่อยู่ตรงหน้าได้หายไป ราวกับว่ารูปปั้นและวิหารที่เห็นเป็นเพียงภาพลวงตา เหลือเพียงลูกบาศก์สีเทาที่ลอยอยู่ในอากาศเท่านั้น ลูกบาศก์นั้นมีสีเข้มและดูธรรมดาแต่ฉู่เฉินรู้อยู่ในใจว่า สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ภาพลวงตาอย่างแน่นอน และสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ฉู่เฉิ
Read More

บทที่ 765

คำพูดนี้ ทำให้ฉู่เฉินจึงเข้าใจทันที ปรากฎว่าความต่อสู้ก่อนหน้านี้ของเขาได้ผ่านการทดสอบแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนชายชราหนวดเคราสีเทาหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ "แต่ข้ายังคงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย พวกเราคนแก่ทั้งหลายได้เข้าสู่ดินแดนเร้นลับนี้ โดยหวังว่าจะพบโอกาสในการก้าวผ่านจิตก่อนที่อายุขัยจะสิ้นสุดลง แต่กลับไม่พบอะไรเลยและเสียชีวิตลงทั้งหมดที่นี่"“ในที่สุดดินแดนเร้นลับนี้ก็เหลือไว้ให้ลูกหลานอย่างพวกเจ้ามาสำรวจ เอาล่ะ เลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะ แล้วมาเข้าเรื่องสำคัญกันดีกว่า”“ข้าคิดว่าคนที่นำเจ้ามาที่นี่ อาจไม่ได้บอกความจริงกับเจ้าหรือบางทีพวกเขาเองก็อาจจะไม่รู้ ดินแดนเร้นลับนี้เดิมทีไม่ได้อยู่ที่นี่ ในยุคสมัยของพวกเรา มีวันหนึ่งได้มีเหรียญตรามากมายร่วงลงมาจากท้องฟ้า "“เหรียญตราเหล่านั้นเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าสู่ดินแดนนี้ พวกเรารู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการบำเพ็ญเพียรมากกว่าต้าเซี่ย ดังนั้นจึงใช้กลอุบายบางอย่างเพื่อบุกเข้ามา แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเข้ามาแล้ว จะไม่สามารถออกไปได้ ท้ายที่สุดพวกเราทุกคนก็ตายที่นี่ บางคนเสียชีวิตจากความชรา บางคนก็ถูกฆ่าตาย และไม่มีใครรอดสัก
Read More

บทที่ 766

ในทางตรงกันข้าม โจวเล่ยนั่งอยู่คนเดียวบนเนินเขาอย่างเงียบๆ รู้สึกถึงความอ้างว้างและเงียบงัน เมื่อมองไปรอบๆ มันต่างเต็มไปด้วยการนองเลือด ทำให้ภาพเบื้องหน้านี้น่าเศร้ายิ่งขึ้นฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองโจวเล่ยเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ปกปิดตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ และยอมอดทนคำสาปแช่งที่หยาบคายเพียงเพื่อปกปิดความจริงไว้ในใจ จริงๆ แล้วเธอเป็นคนมีจิตใจเข้มแข็งขณะที่ฉู่เฉินยังคงสังเกตภาพลวงตาของโจวเล่ยต่อไป ทุ่งหญ้าสีเขียวก็ค่อยๆ หดตัวลง ไม่นานนัก ทุ่งหญ้าก็หายไปทั้งหมด ถูกแทนที่ด้วยกำแพงปราสาท โถงปราสาท และในที่สุด ตัวปราสาทก็หายไป มีคนห้าคนปรากฏตัวขึ้นที่ท่ามกลางทรายสีเหลืองอันไร้ขอบเขตทั้งห้าคนค่อยๆ ตื่นขึ้น โดยที่ฉู่เฉินเป็นคนแรกที่ตื่น เมื่อเห็นตัวเองและคนอื่นๆ เปลือยกายอยู่ในทรายสีเหลืองอันกว้างใหญ่ และไม่มีร่องรอยทุ่งหญ้าเขียวขจีและปราสาท ฉู่เฉินก็ตระหนักได้เช่นเดียวกับที่ชายชราเคราหงอกพูดไว้ และตอนนี้ชายชราได้หายตัวไปเรียบร้อยแล้วในขณะที่อีกสี่คนยังไม่ตื่นเต็มที่ ฉู่เฉินรีบนำสิ่งที่เรียกว่าผลึกประกายศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในเมืองลับแลมังกรโจวเล่ยเป็นคนแรกที่ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นกา
Read More

บทที่ 767

นึกถึงเรื่องนี้ หลายคนก็เหงื่อแตกพลั่ก“ใครเป็นคนตื่นคนแรก?” ฉินหยวนไถไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้จึงถามอีกครั้ง“ดูเหมือนว่าจะเป็นเขา” โจวเล่ยไม่ได้ปิดบังและชี้ไปที่ฉู่เฉินนี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถปกปิดได้ แม้ว่าเธอจะไม่พูด เพราะเดี๋ยวก็จะมีคนเดาออกมาได้“ฉู่เฉิน แกอีกแล้ว บอกมาตามตรงซะ แกได้อะไรเข้ามาจากข้างในปราสาทโบราณนี้บ้าง?” ฉินหยวนไถข้อสงสัยอย่างชัดเจน“ฉินหยวนไถ อย่ามาล้ำเส้น ฉันแค่เป็นคนแรกที่ตื่นขึ้นมา”“ฉันจะเอาอะไรได้ ถ้าเจออะไรจริง ๆ ถึงฉันจะตื่นมาคนแรก แล้วฉันก็ได้ทำอะไรพวกนายเลยหรือยัง?”“หรือฉันจะออกไปก่อนก็ย่อมได้ นายมีสมองไว้กั้นหูอย่างนั้นเหรอ?” ฉู่เฉินโต้กลับด้วยความรู้สึกพูดไม่ออกในใจ ชายคนนี้ฉลาดเป็นกรดจริงๆ แถมยังสงสัยตัวเขาเร็วมาก“นั่นเป็นเพราะความฉลาดของแก ถ้าแกออกไปก่อน พวกเราคงจะตามไล่แกแน่ เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยให้ตัวเอง ดังนั้นนายจึงอยู่ที่นี่ เอามันออกมาซะ เอาออกมาให้ฉันดู” ฉินหยวนไถยืนกราน ไม่ว่าจะจากการสังหรณ์ใจหรือเดา แต่เขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างอีกสามคนที่ไม่ได้สนใจกับเรื่องนี้มากนัก แต่กลับค่อยๆ เชื่อคำพูดของฉินหยวนไถและล้อมรอบฉู่เฉินเอาไว้ตรงกล
Read More

บทที่ 768

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็หยุดพูดไร้สาระแล้วมาลุยด้วยกันดีๆดีกว่า ท้ายที่สุดแล้วการพล่ามไปก็ไม่มีประโยชน์ มันขึ้นอยู่กับพลังในกำปั้น” ฉู่เฉินเริ่มพูด“ถ้าอย่างนั้นอย่าโทษพวกเราที่รุมแก” ฉินหยวนไถเป็นคนแรกที่ลงมือ ภาพลวงตาหายไป และความแข็งแกร่งของทุกคนก็กลับคืนมา วรยุทธของฉินหยวนไถอยู่ในขั้นเก้าของอระดับมหากาฬก็ระเบิดออกมา และเขาก็พุ่งตัวไปที่ฉู่เฉิน ทันทีโปเปียว เฉินเหนิงลัว และโวเล่ยก็ไม่รอช้าเช่นกัน พวกเขาก็เคลื่อนไหวและสร้างวงล้อมสี่มุมร่วมกับฉินหยวนไถ ในขณะเดียวกันก็โจมตีฉู่เฉินด้วยนักสู้ระดับมหากาฬนั้นธรรมดาตั้งแต่เมื่อไหร่? นอกเหนือจากโปเปียวที่อ่อนแอกว่าเล็กน้อย เฉินเหนิงลัวและโจวเล่ย ต่างก็อยู่ในขั้นแปดของระดับมหากาฬ และไม่จำเป็นต้องพูดฉินหยวนไถที่อยู่ในขั้นเก้าในทางกลับกัน ฉู่เฉินซึ่งถูกล้อมไว้ตรงกลางก็ไม่ได้ตื่นตระหนกเลย แม้ว่าจะโดนการโจมตีจากทั้งสี่คนพร้อมกัน ฉู่เฉินก็ไม่ได้เอาอาวุธออกมาเพียงแค่อาศัยการเคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียวก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ หากต้องเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว และยังไงฝึกฝนกับเหยาหลิงเฉินมาก่อน ฉู่เฉินอาจจะทำอะไรไม่ถูกแต่ต่อมา จวินหวู่หมิงก็
Read More

บทที่ 769

เมื่อเห็นเช่นนี้ โปเปียวก็ตะโกน: "เป่ยเอ๋อ ช่วยพวกเราด้วย ไม่งั้นพวกเราจะไม่รอดแน่!"หากฉินหยวนไถจากตระกูลฉินตาย ดังนั้นนักสู้มหากาฬชั้นแปดที่เหลืออีกสองคนและโปเปียวต่อสู้กับฉู่เฉิน ซึ่งจะทำให้พวกเขาจะจบลงด้วยความตายเท่านั้นดังนั้นโจวเล่ยจึงรีบลงมือ แสงสีแดงกระพริบไหว ปลดปล่อยคลื่นแห่งความสับสนออกมาจนกระทั่งเฉินเหนิงลัวก็เข้าร่วมด้วย ทั้งสี่คนจึงสามารถป้องกันการโจมตีได้“ในเมื่อพวกนายทุกคนป้องกันการโจมตีของฉันได้ งั้นครั้งนี้ฉันจะไว้ชีวิตพวกนาย แล้วคราวหน้าฉันจะไม่แสดงความเมตตาอีก”หลังจากพูดเช่นนี้ ฉู่เฉินก็หันหลังกลับและหายตัวไปในทันที และจากไปโดยไม่หันกลับมามอง“ฉันไม่ได้คิดเลยว่าความแข็งแกร่งของฉู่เฉินจะน่ากลัวขนาดนี้” หลังจากที่ฉู่เฉินจากไป เห็นได้ชัดว่าโปเปียวกลัวและกังวลว่าการเดิมพันครั้งนี้จะคุ้มค่าหรือไม่ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ เขาจะไม่แปรพักตร์แน่การเผชิญหน้ากับฉู่เฉิน อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป แม้ว่าเขาจะรู้ว่าฉู่เฉินแข็งแกร่งกว่ามาก แต่เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะมีพลังล้นหลามขนาดนี้ และความแข็งแกร่งที่รวมกันของพวกเขาทั้งสี่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย
Read More

บทที่ 770

ตามคาด มันได้ผลเหมือนเวทมนตร์เมื่อได้ยินว่าฉู่เฉินเป็นนักล่าจากชนเผ่าที่พลัดหลงจากกลุ่มของเขา ชายคนนั้นก็ไม่ได้ถามคำถามมากเกินไป ไม่ว่าจะด้วยความเห็นอกเห็นใจหรือสงสาร เขาเพียงแต่ถามชื่อฉู่เฉินก่อนจะจัดที่นอนให้เขา และให้เขาพักผ่อนโดยเร็วเมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ชายคนนั้นก็เชิญฉู่เฉินมาทานอาหารเย็นด้วยกันอย่างอบอุ่น ซึ่งมีต้นขาของสัตว์ประหลาดไม่ทราบชนิดได้ถูกย่างบนไฟฉู่เฉินไม่สามารถต้านทานความกระตือรือร้นของชายคนนั้นได้ จึงเดินตามเขาไปที่กองไฟข้างกองไฟ มีชายเจ็ดหรือแปดคนรออยู่แล้ว เมื่อพวกเขาเห็นฉู่เฉินเข้ามาใกล้ พวกเขาก็รีบจัดแจงหาที่วางให้เขานั่งเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ฉู่เฉินจึงหยิบเหล้าสองขวดออกจากประเป๋าหลุดดำออกมาเพื่อแบ่งปันฉู่เฉินไม่เคยตระหนี่กับผู้ที่แสดงความมีน้ำใจต่อเขาเมื่อได้ฟังผู้ชายพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าสนใจจากทั่วทุกมุมโลก ฉู่เฉินก็มีความสุขมากเช่นกัน และในไม่ช้าก็เข้าร่วมวงสนทนาด้วยและสนุกสนานอย่างกลมกลืนสักพักทุกคนก็เริ่มคุ้นเคยกันยามที่เจอกับฉู่เฉินเป็นคนแรกกกล่าวว่า "ข้าอิจฉาเจ้าจริงๆ น้องฉู่เฉิน เจ้าอายุน้อยมากและมีฝีมือมาก ช่วยเผ่าของเจ้าล
Read More
ก่อนหน้า
1
...
7576777879
...
107
DMCA.com Protection Status